The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  37.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) 022.05-หวาดหวั่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

022.05-หวาดหวั่น

 

        หลังออกเดินทางด้วยการวาร์ป ในที่สุดฮาร์มก็เหยียบแผ่นดินเอดาดิเลียร์ โดยปรากฏตัวที่หมู่บ้านเซาท์ฟอลลิ่งในบริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพงป่ากับพวกอีก3คนได้แก่ ทหารปลายแถว1นาย ผู้สร้างนิมิต1คนและเซกิ 

        ก้าวแรกคณะของฮาร์ม ทุกคนเดินตรงมายังบ้านหลังใกล้สุด หวังสอบถามเรื่องอัลติเมเซีย แต่แล้วพวกเขาต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อทุกสิ่งคงดูเรียบร้อยหากแต่ไร้ผู้อาศัยอยู่

        คณะของฮาร์มได้กระจายการสำรวจจนทั่ว พบว่าทุกหลังไร้ผู้อาศัยทั้งหมดซึ่งยังคงไว้แต่ฝูงสัตว์ พวกเขาจึงกลับมารวมตัวครุ่นคิดเพื่อตีความ

 

"ที่นี่อาจมีอาถรรพ์"ฮาร์มเอ่ยอย่างคะเน ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กพร้อมหวั่นใจเริ่มนึกถึงตำนานที่เคยร่ำลือ 

        เว้นแต่ฮาร์มซึ่งสงบนิ่งพลางมองหาหนทางไปยังปราสาทที่ยอดเด่น อันแลเห็นได้แต่ไกล ฮาร์มปรึกษากับทุกคน ได้ความเห็นว่าควรไปตามทางริมผา

        เมื่อหมดธุระกับหมู่บ้านเซาท์ฟอลลิ่งแล้วทุกคนจึงเดินออกไปยังทางไปหุบเขาทรอส 

        ท้องฟ้าเริ่มมืดคล้ำเมื่อเข้าสู่เขตพิศวง ฮาร์มมองกลับหลังหนึ่งครั้งเพื่อสำรวจสีหน้าทุกคน พบว่ายังปกติดี เดินเข้าใกล้ไปเรื่อยบรรยายเริ่มหนาวเหน็บ 

          จนกระทั่งใกล้ถึงตีนเขา บริเวณข้างหน้าไม่ไกลเท่าไรมีการสั่นไหวของหน้าดินอยู่หนึ่งหย่อม

 

          ขณะทั้ง4เกือบเข้าไปใกล้ บางอย่างพรวดโผล่ขึ้นจากใต้ดิน

 

"เฮ่ย!! ปีศาจ!!"ทหารปลายแถวอุทานลั่นผงะถอย ปีศาจคล้ายมนุษย์ตัวดำเมือกเหนียวโผล่หัวพรวดพร้อมกำลังตะเกียกกายขึ้น

        ทว่าฮาร์มกลับเดินเข้าใส่ด้วยใจสงบ ครั้นถึงตัวมันเท้าขวาจึงหวดเข้าใส่เต็มแรง จนส่วนฟันกรามล่างของมันหลุดกระเด็นเลือดสาด แล้วทรุดนิ่งไร้พิษสงพลันสลายกลายเป็นควันสีทึบล่องไปในอากาศ ทหารปลายแถวดูหวั่นเกรงแต่แล้วก็ได้สติกลับคืน เมื่อ..

        ฮาร์มก้าวต่อไปยังทางขึ้นเขาพลางควักมือให้ทุกคนตามมา การเดินทางนั้นช่างไร้อุปสรรคเสียจริงราวกับมีคนคอยเปิดทางให้ ก้าวไปยังไม่ทันเหนื่อยเหมือนระยะทางมันย่นได้ จนถึงประตูบานยักษ์หน้าปราสาทมโหฬารหลังฝ่าม่านหมอกมา 

        ฮาร์มกวาดตามองโดยรอบ พร้อมเดินนำหน้าทุกคนก่อนใช้ฝ่ามือหวังจะผลักเข้าไป ทว่ายังไม่ทันที่มือของฮาร์มแตะประตูมันกลับเปิดเองพร้อมกันทั้งสองบานอย่างน่าฉงน

        ประตูเปิดออกพร้อมกันสองบานใหญ่ ข้างในช่างดูมืดมิด มีเพียงแค่แสงฟ้าแล่บเท่านั้นที่พอประทังเห็นภายในแว่บๆ ทุกคนเร่งยืนเรียงกันหวังก้าวไปพร้อมกัน ไม่ช้าผู้สร้างนิมิตจึงวาดมือสร้างแสงคบไฟลอยเด่นบนฝ่ามือแล้วยื่นออกพร้อมเดินนำ

        เมื่อทุกคนเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว เชิงเทียนคบไฟตามผนังโคมระย้าเบื้องบนพลันพรึ่บขึ้นสว่างจ้า เผยให้เห็นความงามในห้องโถงทั้งหมดที่อลังการสุดบรรยายไม่แพ้ปราสาทของเหล่าราชวงศ์มหาอำนาจโลก ทุกคนตื่นเต้นกับความอลังการพลอยพากันสำรวจทุกซอกมุม ของทุกสิ่งทุกชิ้นไร้ฝุ่นเกาะราวกับมีคนคอยทำความสะอาดมันทุกวี่วัน

 

        เบื้องหน้าตรงข้ามประตูยักษ์มีบันไดปูด้วยพรมแดงขิบทอง สูงขึ้นไปไม่กี่ขั้นเป็นทางแยกออกสองโค้งลึกเข้าไปเบื้องหลังผนัง ซึ่งเป็นฉากกลางจุดแยกบันไดประดับด้วยการแขวนธงตราสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง ซึ่งคณะของฮาร์มไม่เคยคุ้น

         ฮาร์มรู้สึกสงสัย เริ่มปรายตาไปยังทางด้านซ้ายของบันไดขั้นสุดท้ายที่ลับเข้าไปเป็นมุมมืดลึก จดๆจ้องๆอยู่นานเขาต้องตะลึง จนที่เหลือต้องเหลียวตาม

        สตรีนางหนึ่งในชุดราตรีดำยาวลากพื้นค่อยๆเผยโฉมอย่างสง่า หลังก้าวออกเรื่อยมาจนถึงบริเวณทางแยกของบันไดจึงหยุดนิ่ง แล้วหลุบตามองคณะของฮาร์มอย่างเชื่องช้าใจเย็น 

         ฮาร์มและพวกเข้าเกาะกลุ่มกันอย่างประหวั่น นึกถึงตำนานที่เคยร่ำลือ สตรีทรงสง่าตรงหน้ายังหยุดนิ่งจ้องมองพวกเขา พวกเขาเองก็มองตอบแต่ไม่มีใครกล้ากล่าวอะไร จนสตรีร่างงามยกยิ้มก่อนขยับปาก..

 

"พวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้ารึ?"คำพูดอ่อนหวานดังขึ้นอย่างเป็นมิตร แม้จะมีคำถามเอ่ยมาแต่ทุกคนกลับเงียบฉี่

 

"นี่ๆ ข้าถามไม่ได้ยินรึ?"สตรีร่างสง่าย้ำอีกรอบก่อนก้าวเท้าลงบันได ทีล่ะก้าว ทีล่ะก้าว 

         นางเข้าใกล้เรื่อยๆ ทุกคนเริ่มถอยหนีหลบเข้าหลังฮาร์ม กระทั่งนางยืนไม่ห่างเกิน1วา

 

"ไง พ่อหนุ่ม ข้าถามว่ามีธุระอะไรกับข้า?"สตรีร่างสง่าส่งสีหน้าสงสัย ก้มมองเด็กหนุ่มในระยะประชิดพร้อมทำตาปริบๆ

        จังหวะนั้นฮาร์มสัมผัสได้ถึงกลิ่มหอมหายากและเห็นใบหน้านางจนครบดวงที่นวลงามกว่าจันทร์โฉมหลายเท่าก่อนถอยผงะไป

 

"กลัวข้ารึ?"สตรีทรงสง่าทำตาโตพลางขยับเข้าใกล้อีกนิด

 

        ฮาร์มทำใจดีสู้เสือยกมือขึ้นห้ามไม่ให้นางเข้าใกล้อย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนกล่าวไป..

 

"คุณชื่ออะไรครับ"

 

"อ่อ ข้าชื่ออัลติเมเซีย เป็นเจ้าของปราสาทหลังนี้.. ว่าแต่พวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้ารึ"นวลหน้าดั่งฝันเอ่ยยิ้ม

 

"ผมชื่อ ฮาร์ม จะมาขอยืมที่นี่หน่อยอ่ะครับ"ฮาร์มเสียงสั่น เพราะกลัวหรือหวั่นไหวต่อความงามของอัลติเมเซียก็มิอาจทราบได้

 

"งั้นพวกเจ้าก็เป็นแขกของข้าน่ะสิ"นางยิ้มเอ่ยแล้วเดินหันหลังไปยังบันได

 

        คณะของฮาร์มตะลึงกันอีกครั้ง เมื่อได้เห็นแผ่นหลังของนาง ที่ขาวดุจปุยฝ้ายเนียนละเอียดกว่าผิวทารก และส่วนเว้าโค้งของเอวอันส่งให้สะโพกและก้นดูน่าหลงใหลชวนพิศวาส 

         สายตาเซกิประเมินแล้วว่า ตั้งแต่เกิดจนจวบจะลงโลงยังไม่เคยเห็นใครมีสัดส่วนดั่งสวรรค์สั่งมาเช่นนี้เลย ฮาร์มเองก็แทบสะกดอารมณ์ไม่อยู่ ส่วนผู้ที่เหลือนั้นไม่ต้องถาม ทหารปลายแถวกับผู้สร้างนิมิตถึงกับใจแป้วกันเลยทีเดียว 

         เมื่อสติอยู่ตัว พร้อมกับอัลติเมเซียหันหน้ามาเมื่อเดินถึงบันไดขั้นที่ห้า แสงสว่างส่องชัดนางอยู่ในชุดราตรีเผยร่องอกผ่าลึก สายตาชื่นชมปนล้วงละลาบของเซกิ ทหารปลายแถวและผู้สร้างนิมิตต่างต้องตาค้าง เพราะหน้าอกหน้าใจของอัลติเมเซียนั้นมันช่างถนัดมือหากได้สัมผัส เว้นแต่ฮาร์มยังคงสติไว้มั่นไม่หลงใหลไปกับความงาม

         อัลติเมเซียปรายตาไปยังทุกคนที่มองมาตลอด นางรับรู้ได้ว่าพวกเขามีกิเลสและกำลังคิดอะไรที่ต่ำทราม ครู่เดียวอัลติเมเซียแสร้งทำเป็นของตกและก้มลงไปเก็บ พลันนั้นที่ก้มลงหน้าอกสองเต้าใหญ่แทบทะลักออก สายตาหื่นกามจ้องกันเขม็งราวกับว่ามันคือภาพสุดท้ายในชีวิต 

         อัลติเมเซียเก็บของแล้วเงยขึ้น โปรยยิ้มพร้อมหรี่ตาข้างหนึ่งส่งมายังทุกคนพลางใช้นิ้วชี้เกี่ยวริมฝีปากล่างอันแดงแสดก่อนย่อเข่าลงนิดนึง โดยหันหลังเบียดก้นเข้ากับเสาราวบันไดเผยขาขาวเกือบถึงจุดซ่อนเร้น 

        นางหรี่ตามองมาเรื่อย ทั้งยังใช้นิ้วชี้เกี่ยไปตามซอกคอ ร่องอกและขา ราวจะจุดไฟในทรวงให้ชายหนุ่ม ซึ่งมันก็ได้ผล เซกิ ทหารปลายแถวและผู้สร้างนิมิตเกิดความกำหนัดใคร่รัก หวังอยากสมสู่กับอัลติเมเซีย

         ทว่าเมื่อทหารปลายแถวเดินนำไปอย่างใจลอยได้ไม่กี่ก้าว เขากลับล้มลงแน่นิ่งไป ครั้งฮาร์มจะห้ามมันก็สายไป เมื่ออีกสองคนยังไม่ทันก้าวกลับล้มลงไปนอนนิ่งซะเฉยๆ

        ฮาร์มขมวดคิ้วตระหนักถึงภัยคุกคามหลังมองร่างที่ล้มไป ไม่ช้าเด็กหนุ่มรีบย่อกายนั่งเขย่าร่างพวกเขาแต่ไม่มีใครตอบสนองเลยสักคน พอตรวจชีพจรพบว่าทุกคนหมดลมหายใจไปแล้ว

         ฮาร์มเผยสีหน้าแค้นคุ หันขวับไปทางอัลติเมเซียที่ยิ้มมุมปากส่งมา แต่เด็กหนุ่มต้องสะกดอารมณ์ไว้ เมื่อนางขยับกายหมายมายังตน ความสุขุมของเด็กหนุ่มกำชับว่าต้องรอบครอบและต้องหยั่งเชิงด้านจิตวิทยากับฝ่ายตรงข้าม เขาแหงนมองนางเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

          ขณะกำลังยังอาลัยนั่งเฝ้าศพเซกิ ยังไม่ทันที่ฮาร์มจะลุกขึ้นอัลติเมเซียรีบเข้าประชิด และยังไม่ทันที่ฮาร์มจะเอ่ย ริมฝีปากของสตรีผู้เลอโฉมก็ประกบกับริมฝีปากของฮาร์มอย่างจงใจ 

         เด็กหนุ่มคิดว่าคงบังเอิญ แต่หารู้ไม่ว่าอัลติเมเซียนั้นจงใจจุมพิต ฮาร์มนิ่งชะงักราวถูกสะกดหลังนางยังเอียงคอประกบปากยื่นลิ้นออกรับรสปาก ไม่ช้าสองมือนางก็รวบเอวและไหล่ของเด็กหนุ่มเข้าหาจนอกชิดกัน สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลบนอกนั้น ทั้งยังมีกลิ่มหอมคอยยั่วใจ ฮาร์มเริ่มคล้อยตามอารมณ์

        เขาเริ่มรุกด้วยการเล่นลิ้นเล่นปากกับอัลติเมเซีย พร้อมทั้งสองมืออันซุกซน ข้างหนึ่งรวบไล้ลงก้นอย่างเบามือ อีกข้างรวบไหล่แน่นก่อนเลื่อนใบหน้ามายังคอ เพื่อซอกไซร้อย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ายรับเริ่มครางออกอย่างพอใจเป็นเสียงเบาๆ 

        อารมณ์ได้ดั่งหวัง เด็กหนุ่มลูบชุดท่อนบนของนางออก ใช้มือควานคลำเต้าอกทั้งสองซึ่งมีเสื้อชิ้นน้อยลองไว้อีกชั้นและสุดท้ายต้องถูกถอดออก นวดแนบจนพอใจ มือข้างหนึ่งก็ล้วงลงกลางหว่างขาแล้วคลึงเบาๆ พร้อมเลื่อนใบหน้าลงพลางใช้ริมฝีปากลูบหัวนมจนเปียกซก 

         อัลติเมเซียครางลั่นร่างสั่น หลังมือของฮาร์มยังไม่ผละจากหว่างขา นางรู้สึกซ่านซ่าเสียวไปทั้งร่าง เด็กหนุ่มนวดนานรู้สึกถึงน้ำที่หลั่งออกเป็นสายหลังเอวนางเริ่มส่ายร่อน พลันนั้นเขาผลักนางให้ล้มลงแล้วคร่อมตัว ทั้งยังฉีกชายชุดราตรีขึ้นจนเห็นร่องหว่างขาอันขาวนวล ไม่ช้าเด็กหนุ่มจึงเปลื้องผ้าทั้งหมด ใช้ขาตัวเองแทรกหว่างขาของนางแล้วยกขึ้น หวังกระทำการต่อไป แต่... แต่!!!

          

          เพล้ง!!!!!!!!

 

เสียงบางอย่างลั่นขึ้นสนั่นคล้ายเสียงกระจกแตก ภาพการแสดงบทรักสลายไป หลังฮาร์มเดินล้วงกระเป๋ามาจากด้านนอกประตู และอัลติเมเซียเช่นกันที่เผยกายออกหลังแสงวาบหายไปบนจุดแยกของบันได

        ครู่เดียว ทั้งสองยืนห่างกันเพียงห้าก้าวและกระตุกยิ้มให้กัน เหมือนรับรู้ว่าอีกฝ่ายมีความต้องการอะไร ซึ่งมันคือจิตวิทยาขั้นสูงนั่นเอง

 

"นี่น่ะหรือ จอมปีศาจ เล่นหนักใช่เล่นแฮะ ผมน่ะ ยังเด็กอยู่นะ"ฮาร์มว่าใจเย็น หลังใช้มือเกาหัวก่อนเดินไปทางซ้ายชวดชมภาพเขียน พร้อมคิดสงสัยในใจว่า'แค่ความงามก็ฆ่าคนได้งั้นหรือ?'

 

"มนุษย์ไม่เหมือนกันทุกคนสินะ"อัลติเมเซียว่าแล้วโปรยยิ้มตามไปทางเด็กหนุ่ม

 

"คงงั้น"เด็กหนุ่มตอบแล้วหันหน้ามาจริงจัง"คุณน่ะ มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร!?"

 

"หึๆๆ ข้าน่ะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร มันไม่สำคัญหรอก แล้วเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด"นางตอบหน้านิ่งแต่อมยิ้ม

 

"ตอบโจทย์คืนแห่งความมืด"ฮาร์มตอบเสียงแน่น"ผมจึงมาที่นี่ยังไงล่ะ!!"

 

"มาที่นี่..? แล้วช่วยอะไรได้?"นางว่าพร้อมทำหน้าแปลกใจ

 

"คุณเป็นอมตะ อยู่มาแล้วหลายพันปี แน่นอนว่าคงต้องรู้อะไรบ้าง"ฮาร์มสบตาอัลติเมเซีย ไม่ช้านางจึงส่ายหน้าขำเบาๆกับความคิดพิลึกของเด็กหนุ่ม

 

         อัลติเมเซียเริ่มเล่าความเป็นมาของตน โดยพูดความจริงแค่ร้อยละหกสิบ ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องแต่ง ฮาร์มรับฟังทุกถ้อยคำอย่างใช้พินิจเพื่อจ้องจับผิดนาง แต่แล้วพิรุธก็ส่อขึ้น เมื่อนางบอกว่าดารุสไม่เคยมาที่นี่

 

"แน่ใจนะว่า..ดารุสไม่เคยมาที่นี่"เด็กหนุ่มแย้ง อัลติเมเซียแย้มบางชอบใจในความสามารถของฮาร์ม เพราะนางประเมินแล้วว่าเด็กนี่เป็นอันตรายทั้งความคิดและกายภาพ

    

        จากนั้นนางจึงสารภาพไป ทว่าคำสารภาพนั้นยังคงความโกหกอยู่ดี ซึ่งจริงๆแล้ว นางต้องการทดสอบอะไรบางอย่าง แต่ฮาร์มหาได้สนใจ เขานิ่งจ้องปากอัลติเมเซียบอกเล่าพร้อมรอถ้อยคำมีประโยชน์เพื่อตีความ แต่อัลติเมเซียมักพูดนอกเรื่องเปลี่ยนประเด็นไปเรื่อย 

         อย่างน้อย ฮาร์มมั่นใจขึ้นมาบ้าง เมื่อรู้ว่าดารุสเคยมาที่นี่ ปมต่อไปจะต้องคลายให้ได้คือดารุสมาทำอะไรที่นี่ เด็กหนุ่มคิดได้พลันแย้งตัดบทอัลติเมเซียที่พูดถึงของตกแต่งในห้องนี้

 

"ดารุสมาทำอะไรที่นี่!"

 

"ก็ไปถามดารุสเองสิ"นางตอบกวนหวังยั่วโทสะ เช่นนั้นเด็กหนุ่มกลับทำใจเย็นและก้มหน้าลง โดยมีความคิดว่าต้องหาเรื่องแทงใจดำนางให้ได้

 

"คุณมันก็แค่พวกนอกรีต แม้ร่างกายจะเหมือนมนุษย์ แต่จิตใจไม่ต่างอะไรกับปีศาจ น่าสงสารนะที่ต้องอยู่อย่างเดียวดาย"ฮาร์มพูดหน้าเศร้าท่าทีเยาะเย้ยหวังกดดันเต็มที่ แต่อัลติเมเซียกลับเผยอยิ้มหัวเราะหึๆ

 

         กระนั้น ฮาร์มก็ฉุกคิดได้เร็ว ว่าเมื่อตอนอัลติเมเซียยั่วอารมณ์พวกชายมากตัณหามีความหมายอย่างไร ความคิดของแล่นเร็วเด็กหนุ่มแสยะยิ้มกลับ ด่วนตีความได้ว่านางเป็นคนเช่นนี้เอง ..

 

"ที่แท้ ก็แค่ต้องการชายรักจริงนั่นเอง"

 

อัลติเมเซียได้ยินถึงกลับหุบยิ้มอย่างไวโดยไม่มีคำใดจะกล้าเอ่ย เพราะมันแทงใจดำเสียจริง นางสะอึกเบาๆเอาแต่ยืนนิ่ง บ่งบอกได้ถึงอารมณ์โกรธเป็นที่สุด

        ครู่เดียวมือขวาด่วนชูขึ้นด้านบน ก่อนมีดาบเล่มโตทะลุลงจากม่านแสงวงกลม พุ่งตรงเข้าหาชายวัยรุ่น 

         ฮาร์มยืนนิ่ง เหมือนไม่รู้สึกถึงความตาย เพียงแค่เสี้ยววิ เขาถอยกลับ หลบได้พร้อมหมุนตัวเตะดาบเล่มนั้นกลับไปยังนาง

        อัลติเมเซียสยายมือขึ้นเพื่อสลายดาบนั้น ต่อมานางจึงไขว้มือทั้งสองไปมา ไม่ช้าดาบแปดเล่มได้เผยออกล้อมรอบตัวนางหลังม่านแสงสลายลับ

        อัลติเมเซียปรายแขนขวาไปข้างหน้า ปลายดาบแปดเล่มจึงพุ่งไปอย่างเร็ว เป้าหมายคือเด็กหนุ่ม ฮาร์มทำตาปรือมองและนับนิ้วอย่างใจเย็น ทว่าคราวนี้ปลายดาบทุกเล่มพุ่งเสียบทะลุร่างของฮาร์มไปอย่างจัง

         แปดเล่มก็แปดส่วนตามร่างกาย เลือดเด็กหนุ่มไหลอาบร่างแดงฉาน สร้างความพอใจให้กับนางเป็นยิ่งนัก จนเสียงหัวเราะสะใจดังลั่นขึ้น

         ขณะอัลติเมเซียยังหัวเราะไม่หยุด กระสุนแสงสีฟ้าอมขาวพุ่งมาเป็นสายจากด้านหน้าเบื้องบน ปฏิกิริยาไวเป็นเลิศนางหลบได้อย่างพริ้วไหว แต่ยังช้าไปเมื่อกระสุนลูกหนึ่งปักที่ชายชุดราตรี

         อัลติเมเซียปรายตามอง ดึงมันออกแล้วเขวี้ยงทิ้งอย่างเจ็บใจ นัยน์ตาแดงคล้ำกวาดไปทั่วพยายามหาที่มาของกระสุนและเจ้าของมัน แต่ยังไม่ทันกวาดนัยน์ตาได้ทั่ว ร่างของฮาร์มปรากฏทางด้านซ้ายพร้อมลูกเตะขนาดหนักเข้าข้างแขนอย่างปราณี

        นางไม่ทันตั้งตัวต้องกระเด็นไปยังกลางห้อง ขณะล้มฟุบแต่สายตายังกวาดจับทาง ฉับพลันอัลติเมเซียเร่งลุกยืน ระหว่างนั้นร่างของฮาร์มได้หายไป สร้างความฉงนใจให้อัลติเมเซียยิ่งนัก

         นางเจ็บใจเพราะสบประมาทแต่ยังคงท่าสมสง่าบารมี อัลติเมเซียสยายมืออีกครั้ง เกิดเป็นวงแสงสีมืดขนาดใหญ่เหนือหัวหวังโจมตีกลับพร้อมป้องกันตน ทว่ายังช้าไป เมื่อฮาร์มปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมหมัดอันง้างมาแต่ไกล อัลติเมเซียพลาดท่าถูกเหนี่ยวเข้าอย่างจัง ต้องกระเด็นไกลอีกครั้ง

         แต่แสงนั้นยังคงอยู่ นางดึงนิ้วมือชักไปมาราวกับชักใยหุ่นเชิด บัดดลฮาร์มถูกสวนกลับด้วยเงามืดร่างยักษ์ที่สามารถต้องกายเขาได้ โดยการอัดกระหน่ำหมัดดั่งห่าฝน หลายเปรี้ยงผ่านไป เด็กหนุ่มกระเด็นไกลอยู่ตรงข้ามกับนาง

        สำหรับนาทีนี้หากใครลุกก่อนคงได้เปรียบ

         ไม่ถึงนาทีทั้งสองลุกยืนได้พร้อมกัน แต่ทั้งห้องกลับสั่นไหวรุนแรง ต่างฝ่ายต่างคิดว่าคงเป็นพลังของอีกฝ่าย ซึ่งแท้จริงแล้วมันไม่ใช่!! เมื่อใครคนหนึ่งปรากฏตัว นั่งห้อยหัวอยู่บนเพดาน

         ขณะทั้งสองยังไม่ทันสังเกต การเริ่มห้ำหั่นอย่างดุเดือดจึงดำเนินต่อไปท่ามกลางสายตาลึกลับบนเพดาน ซึ่งเป็นที่ภิรมณ์ใจของบุคคลที่สามยิ่งนัก 

         จังหวะปะทะวงใน ขณะกอดรัดฟัดเหวี่ยง ฮาร์มกระซิบกับอัลติเมเซียว่ามีใครบางคนอยู่บนเพดาน นางปรายตามองรับรู้ว่ามันคือความจริงและระลึกได้ว่าคนนั้นเป็นใคร อัลติเมเซียจึงหันมากระซิบบอกเรื่องราวของใครคนนั้น ซึ่งฮาร์มก็เห็นด้วย ทั้งสองแสร้งตีเนียนสู้กันไปเรื่อยๆ

         ยังไม่ทันมีใครบาดเจ็บ ฮาร์มและอัลติเมเซียได้ประสานพลังกัน เข้าโจมตีร่างบนเพดาน แต่ช้าไป ใครคนนั้นหายวับไปได้ฉิวเฉียวเหมือนคาดเดาไว้แต่เนิ่นๆแล้ว

 

"แหมๆๆ ข้าก็แค่มาดูพวกเจ้าประลองยุทธกัน ไม่เห็นจะต้องทำร้ายกันเลยนี่นา คิ๊กๆๆ"เสียงนี้ว่าขณะนอนลอยตัวลงเบื้องล่าง ก่อนวาดไม้เท้าหนึ่งครั้งเมื่อจวบใช้เท้าแตะพื้น

 

         แสงสว่างวาบใหญ่ทรงกลมแต่มีแฉกยื่นออกเก้าด้านฉายออกพุ่งไปยังด้านบน เกิดเป็นสายฟ้าสีม่วงคล้ำฟาดฟันอย่างหนักหน่วง ฮาร์มหลบได้เร็ว แต่อัลติเมเซียพลาดพลั้งหลังทุ่มพลังไปอย่างผิดพลาด จึงโดนเข้าเต็มๆ 

         ครั้งเท้าเจ้าของมนตราสายฟ้าถึงพื้นจึงแหงนมองผลงานของตน เป็นไปตามคาดอัลติเมเซียได้รับบาดและหมดท่าลอยละลิ่วลงมา ขณะร่างของนางอยู่กลางอากาศ บุคคลที่สามรีบวาดไม้เท้าอีกครั้งโดยใช้มนตราแห่งไฟเข้าเผาผลาญ 

           เพลิงโลกันต์ขนาดยักษ์ตีแผ่เป็นวงบนพื้นแล้วส่งเปลวเพลิงร้อนระอุพุ่งขึ้นไป หมายจะเผาร่างอัลติเมเซียให้เป็นผง ทว่าความเร็วปานแสงของฮาร์มเข้าโฉบร่างระหงได้ทันท้วงที

         บุคคลที่สามถึงกับเสียดายเป็นการใหญ่ พร้อมใช้สายตาสังเกตการเคลื่อนไหวนั้น อัลติเมเซียรอดตายหวุดหวิดเพราะอ้อมแขนของฮาร์ม ครั้นลอยลงสู่พื้น เด็กหนุ่มเลือกวางร่างระหงลงตรงจุดแยกบันได 

         เมื่อยืนกายขึ้น แล้วสบตากับผู้นั้นซึ่งส่งสีหน้างุนงงมาให้ ฮาร์มอาศัยใจนิ่งเร่งเดินเข้าหา จนคนนั้นต้องถอยหนีเมื่อเห็นว่าฮาร์มจะเอาเรื่อง

 

"เฮ่ๆๆ เดี๋ยวก่อนๆๆ"เสียงกังวลร้องมา พร้อมยื่นมือห้ามปรามพัลวัน เด็กหนุ่มชะงักกึกเหลือบตาดูท่าที

 

"ข้าก็แค่แวะผ่านมาน่ะ ประเดี๋ยวคงไป"เสียงพูดทะเล้นว่ามา

ฮาร์มรับฟัง พร้อมเพ่งรูปลักษณ์สตรีตรงหน้าอันมีนัยน์ตาสีมรกตแวววาว ใส่ชุดขาวระย้ากับไม้เท้าทรงแปลกตา

 

"คุณชื่ออะไรครับ"เด็กหนุ่มเปลี่ยนท่าทีเป็นอยากรู้จัก

 

        แต่สตรีตรงหน้าหาได้สนใจ หล่อนกลับชะโงกหน้าไปทางอัลติเมเซียที่นอนหมดท่าแทน เด็กหนุ่มเหลียวตาตาม พร้อมสงสัยหนักและคิดในใจ'รู้จักกันด้วยรึไงนะ'

 

"แล้วเจอกันนะอัลติเมเซีย"แล้วว่าร่างนั้นรีบกระแทกไม้เท้าลงพื้น เกิดเป็นแสงสีขาวแล้วหายวับไป

 

          ฮาร์มหันกลับมองตามเกิดสนใจใคร่รู้ แต่ต้องละไปเพราะอัลติเมเซียส่งเสียงอันน้อยนิดร้องให้ช่วยเหลือ เด็กหนุ่มหน้าตาตื่นเร่งรุดไปยังร่างระหง รีบเข้าโอบประคองแล้วปฐมพยาบาล

           ฮาร์มอาสารับบทพระเอก ใช้แขนตนอุ้มอัลติเมเซียเดินไปตามคำบอกทางของนาง ก้าวไปตามทางเรื่อยๆ จู่ๆกลับมีอสูรค้างคาวบินมาพลางร้องเสียงหลง

 

"นายท่าน นายท่านเจ้าคะ"

ซึ่งสีหน้าแววตาบอกได้ถึงความห่วงใย ฮาร์มรับรู้ได้ว่าเป็นมิตร อสูรค้างคาวบินมาถึงจึงหยุดก่อนชะลอบินช้าลง เพื่อสำรวจร่างและอาการบาดเจ็บของนาย

          กระทั่งถึงที่หมาย ซึ่งเป็นห้องนอนของนาง เมดค้างคาวออกเสียงตะเพิดไล่ฮาร์มให้ออกไปหลังส่งอัลติเมเซียขึ้นเตียง แต่ถูกค้านด้วยเสียงละมุนพร้อมมือขยับยกขึ้น

 

"ไม่ ข้าต้องการเขา"เสียงแหบเอ่ย เมดค้างคาวพยักหน้ารับทราบ ฮาร์มเกร็งกายเดินเข้าประชิดข้างเตียงก่อนคว้าเก้าอี้มานั่ง ช่วงนี้สัญญาณมือได้โบกขึ้นอีกครั้ง เมดค้างคาวรู้งานโดยเร็วรีบบินถอยออกจากห้องไป 

         ร่างระหงดูบอบช้ำไปทั้งกายไร้แรงขยับ ที่ขยับได้คงมีแต่ปากเท่านั้น สายตานางทำทีเหมือนขวักให้เด็กหนุ่มโน้มตัวลง หวังกระซิบอะไรบางอย่าง

         ฮาร์มเหลือบมองไปยังเมดค้างคาวก่อนหันกลับแล้วโน้มตัวลง จากนั้นนางจึงกระซิบเอ่ย เด็กหนุ่มรับฟังอย่างตั้งใจจนจบและเงยร่างขึ้นสบตามองอัลติเมเซีย โดยไม่มีคำถาม 

          ครั้งเสร็จธุระก่อนจากลา เด็กหนุ่มได้มอบเศษกระดาษใบหนึ่งให้กับนางที่พยายามเอื้อมมือรับ นางอ่านทันทีแล้วสบมองนัยน์ตาฮาร์มซึ่งพยักใบหน้าให้เป็นเลศนัย

         หลังไม่มีอะไรให้วิตกพร้อมคำบอกลา เด็กหนุ่มจึงก้าวเท้าออกไป ซึ่งมีเมดค้างคาวดักอยู่หน้าประตู ทั้งสองสบตากันชั่วครู่ก่อนต่างคนต่างไป

 

          เมื่อลงมายังชั้นล่าง เซกิ ทหารปลายแถวและผู้สร้างนิมิตกลับฟื้นขึ้นอย่างงุนงง เหมือนจะจำอะไรไม่ได้ พร้อมเซ้าซี้ถามฮาร์มว่าเหตุการณ์เป็นเช่นไรบ้าง เด็กหนุ่มขี้เกียจมากความจึงกุเรื่องตอบปัดๆไป แต่ยังไม่วายที่พวกเขาจะถามฮาร์มว่าเสร็จธุระแล้วหรือยัง? เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบเชื่องช้า ทุกคนพลอยยิ้มออก แล้วรีบเร่งพากันย่างออกจากปราสาเพื่อกลับไปยังหมู่บ้านเซาท์ฟอลลิ่ง

          ขณะออกจากปราสาทมาได้พักหนึ่ง ข้อกังขาต่างๆนาๆผุดขึ้นมากมายในหัวของฮาร์ม สมองของเขาลังเลไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี 

'ทุกอย่างแล้ว จะเชื่อมโยงกันได้ไหมนะ?' 'ปริศนาคืนแห่งความมืด'เด็กหนุ่มเอ่ยเศร้าในใจ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา