The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  36.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) 020-ฝึกวิทยายุทธ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

020-ฝึกวิทยายุทธ

  

 

        ในรอบศตวรรษนี้คืนแห่งความมืดได้อุบัติขึ้นมาแล้วจำนวน3คืน โดยใน2คืนแรกเกิดขึ้นต่อเนื่องกันทำให้มีผู้สูญหายไป47,534ราย ซึ่งนับหลังจากการสำรวจประชากรทั้งทั่วโลกครั้งล่าสุดหลังคืนวิปลาสผ่านไปในอีก7วันถัดมา รายงานถูกส่งมาจากทุกอาณาจักร ทุกเมือง ทุกชนเผ่าเข้ามายังองค์ต่างๆ และอีก1คืนที่เกิดขึ้นมานั้นถือเป็นข้อมูลใหม่ในสถิติหลายพันปีที่ผ่านมาหรือนับตั้งแต่การสร้างโลกปัจฉิมกาล โดยมันกลับกาลอุบัติขึ้นในตอนเช้าตรู่ที่เมืองป้อมปราการเซลสิอุส ซึ่งเป็นเรื่องแปลกและยังไม่มีคำอธิบายใดๆจะตอบเหตุผลนี้ได้เป็นเหตุให้เมืองป้อมสูญเสียกำลังรบไปถึง16,745นายและพลเรือนอีก28,916ราย แต่เหตุการณ์นี้ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้างเพราะมันได้ทิ้งเบาะแสไว้อย่างน้อยนิด แม้มันจะน้อยนิดแต่มันก็ดีกว่าไม่ทิ้งอะไรไว้เลย

 

        ปัญหาใหญ่อันอัปยศของโลกดำเนินไปบนความหดหู่ของเหล่ามนุษยชาติ หากพวกเขาสามารถหยุดยั้งมันให้จบได้ เหล่าลูกหลานในอนาคตคงหนีพ้นชะตากรรมนี้ได้แน่

 

        ..แต่ความหวังไหนใดจะทอแสงให้พวกเขา หากเพียงแต่พวกเขาจะเข้าไปหาแสงนั้นเอง..

 

             

 

"ฮาร์ม เธอไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วนะ ควรจะพักผ่อนบ้าง"ชายแก่ผมขาวหนวดขาววัย70กว่า กล่าวต่อเด็กชายวัย14ปีด้วยความเป็นห่วงจากด้านหลังก่อนเดินไปยืนเคียง

 

"นั่นสิ ผมน่าจะนอนบ้างนะ"เด็กชายผมสีเงินนัยน์ตาสีครามหันตอบรับคำนั้นแล้วเหล่ตามองขึ้นไป ทั้งสองในตอนนี้สนทนากันบนดาดฟ้าตึกสูงหลังหนึ่ง ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองหลวงครูฟาริลเต เป็นที่ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์นอกกำแพงเมืองได้รอบด้าน

 

"คุณเซกิครับ ทัศนวิสัยตรงนี้มันดูแย่ไปนะ ผมว่าเราควรย้ายไปหุบเขาทรอส คุณว่าไง!?"เสียงชาเย็นเอ่ยดัง ขณะนั่งชันเข่าปรายตามองไปทั่วทัศนียภาพเมืองหลวงในยามเช้าตรู่ แม้จะกล่าวด้วยหน้านิ่งแต่ชายชรากลับสะดุ้งเฮือกขึ้น

 

"ตะตะ แต่ว่าจะดีหรือฮาร์ม!!!?"ชายชรารับอย่างประหวั่น ดูได้จากอาการที่เขาแสดงออกเพราะรู้ดีว่าที่แห่งนั่นเป็นที่ต้องห้ามอันถูกลืมลืน

 

"นั่นสิ จะดีหรอ?"เด็กหนุ่มตอบรับอย่างใจเย็น หลังสบตาเซกิที่สวมชุดสูทสีดำสนิท ก่อนกล่าวต่อ..

 

"ยังไงซะ เราก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วหนิ จะปล่อยให้เหตุการณ์เป็นไปแบบนี้ต่อไปรึไง? "ฮาร์มกล่าวอย่างมั่นใจหลังลุกขึ้นยืน

 

"ตามใจนะฮาร์ม.."เซกิพูดอย่างเอือมระอาด้วยเสียงเรียบ ก่อนสะบัดหน้าเบาๆ แต่จิตใจเขานั้นเป็นห่วงฮาร์มไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งชีวิตที่ผ่านมาเขาติดตามฮาร์มมาตลอดด้วยความเอ็นดูและรักเด็กหนุ่มคล้ายดั่งลูกชายในไส้

 

        หลังเสียงชายชราลั่นขึ้น เด็กหนุ่มพลันหันสบตาชายแก่ท่ามกลางสายลมพัดสะบัดโบกเส้นผมให้ไสว ก่อนเดินผ่านไปอย่างเย็นชา ชายชรารับรู้ได้ว่านั่นคือความทะเยอทะยานของเด็กหนุ่ม เขาจำใจก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกคล้อยตามและไม่มีคำกล่าวใดจะเอ่ยยั้ง

 

        "ฮาร์ม"นั้นเป็นนามแฝง เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในยอดนักสืบอัจฉริยะแห่งยุค ซึ่งได้รับการยอมรับจากการที่เขาไขปมปริศนาลึกลับต่างๆมามากมาย จนนักสืบมืออาชีพทั้งหลาย ทั้งผู้คว่ำหวอดในวงการยังต้องทึ่งในความสามารถของฮาร์ม

    

        ฮาร์มมักปกปิดตัวเองจากสังคมภายนอก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ชื่อจริงและเคยเห็นใบหน้าของฮาร์ม ทุกครั้งจำต้องสื่อสารกับบุคคลภายนอก เขามักใช้สารจากก้อนเมฆก้อนแปรอักษร สารจากกระดาษกับหมึกล่องหน เครื่องมือเวทจากศาสตร์แห่งมนตราสายสร้างนิมิต และอื่นๆ ต่างๆอีกมากมายตามแต่วิธีการที่เหมาะสม เพื่อเลี่ยงการเผยตัวตน  หากไม่จำเป็นหรือจวนตัวจริงๆเขาจะไม่แสดงตัว การได้สนทนากับฮาร์มแบบตัวต่อตัวนั้นคงไม่ต่างจากความฝันสักเท่าไร

 

        หลายคืน ตั้งแต่คืนแห่งความมืดอุบัติขึ้น เขาเฝ้าสังเกตุการณ์มาอย่างต่อเนื่องด้วยใจจดใจแทบไม่หลับไม่นอน ซึ่งสิ่งนี้เองมันคือความท้าทายใหม่ ที่เขาจะไขปริศนาคืนแห่งความมืดให้ได้เพื่อมวลมนุษยชาติตาดำๆ

       

 

               -------------

 

       ก่อนฟ้าสางเนเน๊ะตื่นก่อนใครเพื่อนด้วยความเคยชิน สาวน้อยเดินไปยังที่เดิมและนั่งลงชันเข่าเพื่อรอรับชมแสงอรุณอันอบอุ่น เธอครุ่นคิดกับเรื่องพลังอันซ่อนอยู่อย่างมหาศาลในตัวเองที่ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้โดยตรง พลังแฝงอย่างนั้นหรอ!? เนเน๊ะคิดไปดังนั้นต้องส่ายหัวสะบัดหน้าเบาๆ ก่อนคิดต่ออีกครั้ง มันต้องมีวิธีดึงพลังนั้นออกมาได้แน่ แล้วๆๆวิธีไหนล่ะ.. อ่า ใช่สิ คุณเพียล่าต้องช่วยได้แน่นอน เมื่อคิดได้ดังว่าสาวตาหวานพลันลุกขึ้นวิ่งไปปลุกเพียล่าในทันใด

 

"คุณเพียล่าๆคะ"เธอปลุกสาวนักรบในท่านอนหงายด้วยการเขย่าร่าง

 

"ไงเนเน๊ะ ปลุกแต่เช้าเลยมีอะไร..?"เพียล่าปรือตากล่าว

 

"ช่วยสอนทักษะเรื่องการต่อสู้ให้หนูหน่อยได้ไหมคะ!?"เนเน๊ะพูดขอร้องขณะเพียล่ายังสะลึมสะลือ

 

"ตอนนี้เนี่ยนะ.. ฉันขอนอนก่อนได้ไหม ง่วงอ่ะ"สาวนักรบว่าแล้วจึงตะแคงร่างหันหนีเนเน๊ะซะงั้น

 

"ไม่ได้ค่ะๆ น่าาานะคุณเพียล่าสุดสวย"แม้เพียล่าจะหันร่างหนี แต่สาวน้อยยังเขย่าแขนเธอ ทำหน้าทำตาเป็นเด็กขี้อ้อนเหมือนแมวเหมียว

 

"ไม่ล่ะๆ ให้โอ'เกนท์สอนไปก่อนล่ะกัน"เพียล่าเอ่ยออก พลางสะบัดแขนปัดไล่ความจุกจิกที่สาวน้อยรบกวนเวลาสุขี

 

".....เฮ่อ........."หลังถูกปฏิเสธเนเน๊ะนั่งหน้านิ่วถอนลมหายใจเบาๆ

 

"ก็ได้ๆ หนูฝึกเองก็ได้ค่าาา"เนเน๊ะพูดแกมประชด ก่อนวิ่งไปที่โล่งด้วยความแง่งอนตามประษาเด็ก

 

"ย่ะ ย่ะ ย่ะ ย่ะ..."สาวน้อยร้องเสียงนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเสียงกำกับจังหวะพร้อมๆกับหมัดซ้ายหมัดขวาถูกปล่อยไปในอากาศ เมื่อพอใจเธอจึงเปลี่ยนท่า

 

"ย่ะ ย่ะ ย่ะ ย่ะ..."

เท้าซ้ายเท้าขวาเตะออกไปตามจังหวะเสียง เตะไปได้ไม่นานเธอก็เปลี่ยนท่าอีก โดยนำท่าพิลึกกึกกือแสนพิศดารออกมาแสดง

 

        รุ่งอรุณมาเยือน คาลาเนสรู้สึกตัวแล้วแสร้งทำเป็นละเมอกระเถิบขยับไปใกล้ตำแหน่งที่เนเน๊ะนอน พลันเปิดเปลือกตาขึ้นหวังเห็นใบหน้านวลปรางของเนเน๊ะเป็นคนแรก แต่แล้ว.. เด็กหนุ่มต้องตกตะลึงเมื่อรู้ว่าเนเน๊ะสามารถกลายร่างเป็นโอ'เกนท์ได้และกำลังนอนน้ำลายยืด

 

"เหยออออ.. !!!!"เสียงคาลาเนสลั่นดัง โอ'เกนท์หลุดจากฝันหวาน ทั้งสองสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นใบหน้าของกันและกันใกล้เกือบแทบจะจูบกันอยู่รอมร่อ ไม่ช้าทั้งสองเร่งลุกพรวด ผละออกจากกันอย่างไวและคิดว่านี่คงเป็นฝันร้ายแน่เลยเชียว แต่โชคยังดีไม่ทันได้จุ๊บกัน เสียงของสาวน้อยดังขึ้นจากทุ่งโล่งพอมองเห็นได้ถนัดจึงเหลียวตาตามกันไป

 

"หยาาา อ่ะจ้ออออ ชุๆๆๆๆๆ"เสียงสาวน้อยร้องดังไปตามท่าทางพิศดารที่แสดงออกมา จนโอ'เกนท์ต้องขยี้ตาแล้วร้องดังว่า..

 

"อ่าวเฮ่ย!! เนเน๊ะผีเข้ารึไงนั่น!?"

"ฉันตาฝาดไปรึป่าวนิ?"โอ'เกนท์กระพริบตาปี๋หลายครั้ง แล้วรีบปลุกชาร์ลที่นอนข้างกัน

 

"หงอออออ ย่ะย่ะย่ะย่ะย่ะ อ่าจ๊าาาา ชุๆๆๆๆๆๆๆ"เสียงกับท่าทางพิลึกจากสาวน้อยหนึ่งเดียวของกลุ่ม ยังคงแสดงต่อไปอย่างเมามันส์โดยไม่รู้ว่ามีใครจ้องมองอยู่

 

"เนเน๊ะของขึ้นรึไง!?"หลังหนุ่มมาดผู้ดีตื่นขึ้น เขาต้องตกตะลึงกล่าวอุทานในประโยคคำถามออกไป

 

"ไม่ๆๆ ฉันว่าเนเน๊ะผีเข้านะ"โอ'เกนท์แย้งไปตามความคิดตนก่อนนั่งอ้าปากค้าง

 

"ตลกจัง ฮ่าๆๆๆๆ"หลังเสียงโหวกเหวก วิคเตอร์พลันกระตุกตัวตื่นขึ้นกล่าวออกไปอย่างขำจนฮาลั่นทุ่ง

 

"เพิ่งรู้จักกันไม่เท่าไรไปเยอะซะแระ"หลังคาลาเนสนั่งอึ้งอยู่นาน จึงกล่าวสำทับไปอีกคนพร้อมส่ายหน้าอย่างระอา

 

"อ่ะจ๋ออออออ ย่ะย่ะย่ะย่ะย่ะ ชุๆๆๆๆ"

ชั่วโมงนี้คงไม่มีอะไรหยุดยั้งเนเน๊ะได้อีกแล้ว เพราะเธอดูเมามันส์กับท่าทางพิศดารเหนือปาฏิหารย์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

 

"ปวดใจจรี๊งงงงง!!"เพียล่าเปร่งเสียงลั่น หลังเปิดเปลือกตาลุกกายขึ้นฉับ แล้วพบกับภาพชวนหัวของสาวน้อยนัยน์ตาฟ้าใส

 

"เนเน๊ะ!!! พอได้แล้ววว!!!"เพียล่าตะโกนดัง แต่สาวจอมยุทธกลับไม่ได้ยินยังคงแสดงท่าไม้ตายของเธออะไรสักอย่าง ที่ดูเหมือนกำลังจะปล่อยพลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า

 

"นั่นๆๆ ยังไม่หยุดอีก ฮ่าๆๆๆๆๆ"วิคเตอร์ชี้นิ้วพลางขำท้องแข็งกลิ้งไปกับพื้นหญ้า

 

"ฮึ่ยยยยยยย...!!!"เพียล่ากัดฟันกรอดควันออกหูโมโหหนักมาก เมื่อคว้าธนูได้จึงเล็งไปที่เนเน๊ะแล้วยิงออกไป ลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศตรงเข้าหาเนเน๊ะขณะยังทำท่าปล่อยพลังคลื่นเต่าไม่เสร็จ แต่ในกระบวนยุทธของสาวตาฟ้าใสนั้นสามารถทำให้เธอหลบลูกศรได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียล่าเบิกตาค้างไม่คาดคิดว่าตนจะพลาดเป้าหลังเล็งกะยิงให้เฉี่ยวชายผ้าคลุม เพื่อความแน่ใจสาวนักรบง้างคันศรอีกครั้ง แต่ต้องหยุดไปหลังมือของวิคเตอร์ปัดมันลงก่อนกล่าวว่า..

 

"ใช้กระสุนเทียมดีกว่าไหม"

ได้ยินดังนั้นเพียล่าพลันคล้อยตามเห็นด้วย สาวนักรบยิงด้วยลูกศรไร้คม โดยกระหน่ำไปอย่างไม่ปราณีพุ่งเข้าหาสาวน้อย ขณะยังทำท่าคล้ายดั่งการฟิวชั่นของโงกุนกับเบชิต้า

 

"ฮึ่บ ฮึ่บ ฮึ่บ ฮึ่บ.."

ยังไม่ทันจะฟิวชั่นกับอากาศได้สำเร็จ เนเน๊ะต้องเสียกระบวนยุทธไป ก่อนปล่อยเสียงกำกับจังหวะในการหลบลูกศรไร้คมที่พุ่งมานับไม่ถ้วน เธอทั้งกระโดดอ้าขา หงายตัวแอ่นไปข้างหลัง ทั้งสะบัดแขนสะบัดขาทั้งกระโดดหมุนตัวและหลากหลายสารพัดวิธี แต่ไม่มีดอกไหนเลยต้องกายสาวน้อยได้ ซึ่งนี่เอง สามารถสร้างความอยากประลองยุทธให้แก่เพียล่าได้เป็นอย่างมาก หลังเนเน๊ะหลบลูกธนูได้ทั้งหมด สาวน้อยจึงจบลงด้วยท่าคล้ายอุลตร้าแมนปล่อยลำแสงหันมาทางสาวนักรบ ที่แยกเขี้ยวถมึงตาใส่ราวกับเป็นการท้าทาย

 

"เนเน๊ะ!!!! ต่อจากนี้คือการฝึกของจริงล่ะนะ!!"เพียล่าร้องลั่น หลังหยิบท่อนไม้ขนาดพอมือมาได้ ด่วนวิ่งเข้าหาเนเน๊ะหวังจะหวดให้เกรียนแตก เสียงที่ว่าเร็วแล้ว แต่การเคลื่อนไหวของเพียล่านั้นเร็วกว่า เสียงถึงมือก็ถึง จวนใกล้กระแทกร่างเนเน๊ะเธอกระโดดหมุนตัวเหวี่ยงมือออกอาวุธคล้ายดั่งสว่าน ทว่าเพียล่าพลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดายที่เนเน๊ะคุกเข่าแล้วแอ่นตัวไปข้างหลัง ฉิวเฉียด! ช่างฉิวเฉียวจริงๆ!!

 

"โว้วๆ เพียล่าเอาจริงแฮะ แต่เนเน๊ะก็ไม่ธรรมดา"วิคเตอร์ยืนตื่นตา ปรบมือให้ในความสามารถของทั้งสอง

 

"นายเชียร์เนเน๊ะ ฉันเชียร์เพียล่า ถ้านายแพ้ต้องจูบชาร์ล ตามนี้นะ!!"วิคเตอร์นึกสนุก ยื่นคำท้าไปทางโอ'เกนท์ที่ยืนทำท่าหลบเอาใจช่วยเนเน๊ะ

 

"หืมมม!?"ชาร์ลเกาหัวยิก เมื่อรับรู้ว่าตัวเองกำลังกลายเป็นของพนันหลังมองหน้าวิคเตอร์ที่ไม่มองตอบ

 

"ได้ๆๆ ถ้าฉันชนะนายก็ต้องจูบชาร์ลนะ"โอ'เกนท์รับอย่างไว โดยไม่หันมองหนุ่มนักรบ เพียงแต่มองเพียล่ากับเนเน๊ะที่เริ่มแสดงบทต่อไป

 

"ตกลง"วิคเตอร์รับไวไม่แพ้กัน ขณะยังมองสิ่งเดียวกันกับโอ'เกนท์

 

"หืมมม!?"ชาร์ลร้องอีกครั้ง พลางเหล่ซ้ายเหล่ขวามองสองคนนั้นซึ่งไม่ได้สนใจเลยว่าตนจะตกลงด้วยไหม

 

        การฝึกโหดแบบกะทันหัน เกิดขึ้นบนที่ราบมูไจซึ่งเป็นที่ที่เหมาะมากเลยทีเดียวสำหรับการฝึกหัดเด็กสาวตัวน้อยๆคนหนึ่ง

 

"ฮ่าๆๆ ผู้ฝึกสอนได้แก่ เพียล่า ลามิเรสยิม กับผู้รับการฝึกได้แก่เนเน๊ะ ศิษย์ยายแขขาว มาดูกันเลยว่าใครจะยอมถอยไปก่อนกัน ฮ่าๆๆ"โฆษกจำเป็นโดยวิคเตอร์ใช้มือป้องปากร้องออกไป

 

"ฮ่าๆๆๆๆ"ชาร์ล โอ'เกนท์และคาลาเนสหัวเราะพร้อมกันกับคำของโฆษกจำเป็น

 

"ฮู่เล่ๆๆ เนเน๊ะสู้ๆ เนเน๊ะสู้ๆ"กองเชียร์คาลาเนสร้องออก พลางโบกสะบัดมือพร้อมกับคอยทำท่าทางหลบการโจมตีของเพียล่าที่ห้ำหั่นเนเน๊ะ เสียงเชียร์เริ่มกระหึ่มลั่นทุ่งทั้งๆที่มีเพียงแค่4คนเท่านั้น แต่เสียงเชียร์นั้นมีผลเป็นอย่างมากกลับความฮึกเฮิมของการฝึก

 

        หลังเพียล่าตั้งหลักได้เธอเดินเข้าหาเนเน๊ะอย่างช้าๆเพื่อหยั่งเชิง สาวน้อยกลับตั้งท่าพิลึกรอรับการโจมตี แน่นอนว่าเพียล่าจะไม่ประมาทหากแพ้เด็กขึ้นมาคงอายแย่ เพียล่าขยับมาใกล้เรื่อยๆจนถึงระยะโจมตี ไม่ช้าท่อนไม้ขนาดเท่าแขนจึงหวดลงไป

 

"ฮึ่บ!"

เนเน๊ะหลบได้กะทันหัน ไม้แรกผ่านไป ไม้ต่อๆไปก็มาเป็นชุดแต่ยังคงความเร็วระดับปกติ

 

"ฮึ่บๆๆๆๆๆๆ"

เสียงให้จังหวะในการหลบหลีกท่อนไม้ของสาวน้อยดังขึ้นต่อเนื่องไปพร้อมกับการหวดของสาวนักรบ เพียล่าเห็นว่าเนเน๊ะมีทักษะ เธอจึงหยุดชั่วครู่แล้วเดินวนสาวน้อยไปรอบๆ พร้อมใช้สายตาประเมินขีดความสามารถของผู้รับการฝึก คิดได้ไม่นานเพียล่าพลันหวดเป็นชุดด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

 

"ฮึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ"

แต่ท่อนไม้ยังไม่สามารถจัดการเนเน๊ะที่ไวกว่าลิงได้ ผ่านไปอีกหนึ่งชุด เพียล่าหยุดการเคลื่อนไหวอีกครั้งและครุ่นคิดพยายามจับทางเนเน๊ะให้ได้

         ผ่านไปสองชุดแล้ว สาวน้อยนั้นหลบด้วยสัญชาตญาณซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันมีอยู่ในตัว ในตอนนี้คงไม่มีเวลาให้เนเน๊ะแปลกใจแล้วล่ะ เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า..

        เพียล่าสะบัดข้อมือแกว่งท่อนไม้เข้าหาเนเน๊ะเร็วเกินกว่าเงาจะตามทันในการโจมตีอันว่องไวเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ แต่..

 

"ฮึ่บๆๆๆๆๆ..."

สายน้อยทั้งกระโดดทั้งเบี่ยงกายดั่งกระดาษลู่ลม หลบได้อย่างพริ้วไหวจนกองเชียร์นั่งกันไม่ติดและไม่อยากเชื่อว่าสาวน้อยร่างนั้นจะรับมือได้นานถึงเพียงนี้ เพราะเพียล่ามีดีกรีความสามารถในการรบเทียบเท่าระดับ7อัครองครักษ์ของจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิลามิเรส ซึ่งชาร์ลกับวิคเตอร์ย่อมรู้ดี

         แต่ขณะนี้ เพียล่าไร้น้ำยาหรือเนเน๊ะเก่งเกินมนุษย์กันแน่ ทั้ง2ดูมุ่งมั่นมาก กระบวนท่าที่3ของเพียล่ากินเวลายาวนานกว่า2ชุดที่ผ่านมา โดยสาวนักรบหวังว่าเนเน๊ะจะเหนื่อยหอบและพลาดท่าไปเอง แต่..

 

"ฮึ่บๆๆๆๆๆๆ.."

เนเน๊ะหลบหลีกโดยไม่พลาดแม้แต่ปลายเล็บหนำซ้ำยังทำให้เพียล่าเสียหลักได้อีกด้วย แม้จะดูดีที่หลบได้แต่สติปัญญาของเนเน๊ะด้อยกว่าเพียล่าที่เจนจัดเรื่องการต่อสู้ เพียล่าออกอาวุธช้าลงแต่ยังซ่อนความไว ก้าวต่อก้าว ย่ำหลบเรื่อยไปของเนเน๊ะ ในที่สุดสาวน้อยก็พลั้งหลงเข้าทางกลสาวนักรบ

 

"ฮึ่บๆๆๆๆๆ.."

ความพริ้วไหวของเนเน๊ะดุจสายลมยังคงพัดไหวไป แต่หารู้ไม่เธอกำลังถูกต้อนจนมุมและไม่ช้าต้องหยุดการเคลื่อนไหวด้วยคำว่า...

 

"เหวออออออ!!!"สาวน้อยร้องอุทาน เมื่อท่อนไม้ถูกลดแรงเหวี่ยงจากมือเพียล่าฝ่าอากาศเข้าเขกกบาลเธอเบาๆ หลังหลบไม่พ้นซึ่งเสียหลักจากเท้าที่ขยับช้ากว่ามือของสาวนักรบอย่างเฉียดฉิด แล้วตามมาด้วยเสียง....

 

"ง่ะ ง่ะ ง่าาาาาา"เนเน๊ะนั่งทรุดลงกุมหัวตัวเองร้องไห้ดังลั่นไม่ต่างจากเด็กทารก จากอาการเจ็บซึ่งเพียล่าประทานให้หนึ่งโป๊ก

        สาวนักรบเห็นเช่นนั้น จึงทิ้งท่อนไม้ไปก่อนนั่งลงใช้ปากเป่าตรงบาดแผลบนหัวสาวน้อย พลางเอ่ยคำปลอบโยนอย่างเอ็นดู จนริมฝีปากชมพูใสเผยอยิ้มเมื่อเห็นเด็กสาวนั่งร้องไห้ขี้มูกโปร่ง อีกแล้วนะ!! เพียล่า!เธอแกล้งเด็กอีกแล้วนะ!!

 

"วูฮู้...!!! เพียล่าชนะ นาย.. โอ'เกนท์.. จูบชาร์ลเดี๋ยวนี้ ฮ่าๆๆ"วิคเตอร์ยื่นหมัดทั้งสองให้หงายขึ้นออกไปแล้วชักเข้าหาตัว พลางร้องอย่างสะใจต่อหน้าโอ'เกนท์ที่ยืนเซ็งมือกุมขมับ

 

"ค่ะค่ะค่ะ.. คือว่า... เอิ่มมม.."โอ'เกนท์ก้มลงทำหน้าจ๋อย ก่อนทำปากจู๋ค่อยๆยื่นหาใบหน้าชาร์ลที่ยืนง้างหมัดดูเอาจริง

 

"ชาร์ล.. ฉันขอนะ"โอ'เกนท์ว่าแล้วพลันคุกเข่ากระชากมือชาร์ลที่เสียท่าเข้าหา

 

   ...จ๊วบบบบ!!

 

ใบหน้าแหยงของหนุ่มมาดผู้ดีแสดงออกอย่างตกตะลึงและชักมือกลับอย่างไว

 

"อี๋!! ขนลุกวุ้ย.."คาลาเนสร้องลั่นผงะถอยแต๋วแทบแตก

 

"ฮ่าๆๆๆๆ นายเจ๋งมากเพื่อนเอย"วิคเตอร์ว่าพลางเข้าแทรกตรงกลางระหว่างโอ'เกนท์กับชาร์ลทันที ก่อนทั้งสองจะคิดกันเลยเถิดไปมากกว่านี้

 

"สะอิดสะเอียนชะมัด"ชาร์ลถูมือข้างนั้นกับกางเกงยิก

 

"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ"ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน

 

        เนเน๊ะยังไม่หยุดร้อง ทุกคนกรูกันเข้าไปดูอาการโดยมีสาวนักรบคอยโอบโอ๋อยู่ เมื่อแหวกผมสาวน้อยออกทุกคนต้องโล่งอกไปตามๆกัน โชคดีที่หัวไม่แตกเพียงแค่ปูดโนขึ้นก็เท่านั้น 

        เพียล่าแอบยิ้ม พร้อมคำเอ่ยชื่นชมเนเน๊ะในใจว่าเธอสามารถรับการโจมตีของตนได้นานถึง3ยก สำหรับเด็กวัยเดียวกันกับเนเน๊ะทั่วๆไปคงตายตั้งแต่ไม้แรกเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่สาวน้อยแสดงออกมานั้นมันยอดเยี่ยมมาก หากคิดย้อนกลับไปเทียบกับตนเองในอดีตขณะอายุ11ขวบ

 

"เนเน๊ะ!!"คาลาเนสตะโกนพรวดเรียกชื่อสาวน้อย ก่อนส่งยิ้มบางๆไปให้ทันทีที่สาวน้อยเหลือบตามอง

 

"อ่าา ไม่เป็นไรมากสินะ"วิคเตอร์เอ่ย หลังเห็นสาวน้อยปราดน้ำตาจนเกือบหมดแต่ยังทำหน้าง้ำ

 

"เนเน๊ะๆๆ คราวหน้าเอาชนะเพียล่าให้ได้นะ"คำกล่าวดูเหมือนจะให้กำลังใจกันจากโอ'เกนท์ในท่ากำหมัดกัดฟันกระทืบพื้นนั้น ซึ่งแท้จริงแล้วคำกล่าวนี้มีความหมายว่าหนุ่มร่างท้วมอยากแก้แค้นวิคเตอร์อย่างสุดหัวใจ แต่ความไร้เดียงของเนเน๊ะสั่งการว่าคำกล่าวนี้คือกำลังใจที่ดีเยี่ยม

 

         เหตุการณ์การฝึกซ้อมกะทันหันนี้ ทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้างต่อทุกคนที่ยังดูแคลนเนเน๊ะ สาวน้อยแสดงมาตรฐานการหลบหลีกออกมาได้ดีเยี่ยม ซึ่งมันเกินบรรยายจริงๆเมื่อรับรู้ว่ามันออกมาได้อย่างไรในความคิดเนเน๊ะ แม้จะเจ็บตัวแต่อย่างน้อยมันก็มีประโยชน์มากมาย ที่การฝึกนี้ถูกเพียล่าแฝงอะไรไว้บางอย่างในหลักทักษะการโจมตี

       หลังวิคเตอร์ประเมินจากสายตาและแลเห็นความมุ่งมั่นในตัวเนเน๊ะ เขามั่นใจได้ว่าหากเด็กหญิงผู้นี้รักในการต่อสู้ การก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ของโลกมันก็ไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด เมื่อคิดๆไปแล้ววิคเตอร์จึงแสยะยิ้มออกอารมณ์ดี

 

               ---------

 

นครเกลซ่าโร่

 

"ฮ่าๆๆๆ ช่างน่าเอ็นดูเสียยิ่ง"ท่านกลาดิสแย้มสรวลชอบใจกับภาพเด็กขี้แง

 

"เฮ่อ.. เห็นเช่นนี้ก็สบายใจ"เทพีแห่งความรักผ่อนลมหายใจก่อนกล่าวแล้วแย้มสุข

 

"หนอยๆๆ หนอยแน่นางเพียล่า ทำเกินไปแล้วนะ!!"เทพีลาเมสจิกปากพูดกัดฟันแน่นอย่างกับชมละครน้ำเน่าอยู่เชียวแน่ะ

 

"ฮ่าๆๆ ออกบทนางร้ายเชียวรึลาเมส"เสียงกล่าวทั้งหัวเราะของท่านบีอุสเอ่ยแซวเทพีผู้ทำหน้ายักษ์

 

"ท่านบีอุสก็ดูสิดู มันเกินไปไหมล่ะ"เทพีคนเดิมยังแค้นไม่หายและท่าทางของนางมันก็ช่างตลก บรรดาเหล่าเทพเทพีทั้งหลายที่เฝ้ามองกระจกแห่งพลังได้พากันฮาเป็นเสียงเดียวกัน

 

"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ"

 

        ..แม้จะหน้าชื่นตาบานกันทุกคน แต่นี่มันยังแค่จุดเริ่มเท่านั้นของกลุ่มกิเรเร่ที่ยังต้องผ่านบทพิสูจน์ จากการผจญภัยเผชิญภยันตรายทั้งปวงบนเส้นทางอันแสนยาวไกล.. เพื่อฝ่าวิกฤตก่อนคืนวิปลาส

 

 

 

               ---------

 

 

          ขณะหลังทั้ง5รอเนเน๊ะฟื้นตัว ชาร์ลเริ่มวางแผนการเดินทางหลังคลี่ม้วนหนังสัตว์เผยแผนที่ทวีปเทอร์ริต้าออกกางลงกับพื้น เขาอธิบายด้วยวาจาช่ำชองอย่างกระชับ โดยกล่าวรัดสรุปแล้วชาร์ลมีเป้าหมายหลักคือเมืองหลวงของจักรวรรดิลามิเรสหรืออีกชื่อ"มหานครเทมซาร์"ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของที่ราบมูไจ

 

          ทุกคนพยักรับกันอย่างไม่สงสัยหรือโต้แย้งอะไร

 

        ส่วนเรื่องเหตุผลที่ชาร์ลเลือกไปมหานครเทมซ่าร์ ก็เพื่อบันทึกข้อมูลเรื่องแท่นอักษรโบราณของสุสานสุดท้ายและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรลับภายใต้สังกัดจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิลามิเรส

 

        ทว่าแม้จุดหมายมีเพียงจุดเดียว แต่มันก็ไกลโขเอาการหากต้องเดินด้วยเท้า  ทว่าโชคยังดีซึ่งกว่าจะถึงที่หมายพวกเขายังต้องผ่านหมู่บ้านผ่านเมืองผ่านอาณาจักรต่างๆ ตามเส้นทางผ่านใช้สัญจรซึ่งนั่นคงพอเป็นแหล่งให้กลุ่มกิเรเร่อาศัยพึ่งพาได้บ้าง

 

"ตามนั้นละกันชาร์ล เดินเท้ายังไงต้องเดินด้วยเท้า"เพียล่ากล่าวอย่างจำใจ แต่สีหน้าบอกแบบจริงจัง

 

"ฉันยังไงก็ได้"วิคเตอร์เอ่ย

 

"ฉันก็ด้วย"โอ'เกนท์คล้อยตามหนุ่มนักรบ

 

"ผมไปทุกที่ที่มีเนเน๊ะ"คาลาเนสยิ้มแฉ่งแทรกขึ้น หวังดึงความสนใจแต่สาวน้อยทำหูทวนลมเมินคำพูด

 

"ค่ะ หนูไม่มีปัญหาค่ะ"หลังฟื้นตัวเธอเลยกล่าวไป

 

"พร้อมแล้วก็ไปกันเลยนะ"ชาร์ลเอ่ย พลางลุกขึ้นบ่ายใบหน้าขึ้นสู้แสงอาทิตย์ทอฉายดั่งแสงสีทองก่อนใครเพื่อน แล้วตามมาด้วยที่เหลือ..

 

        ครู่เดียวทั้งหกยืนเรียงกัน พลันให้แสงอาทิตย์ต้องกายฉายเงาสู่เบื้องหลังทาบลงพื้นหญ้า ไม่ช้า กลุ่มกิเรเรได้เริ่มก้าวเท้าไปพร้อมๆกันบนเส้นทางลมหายใจเดียวกัน.....

 

 

                ..GO !!!!!!

 

 

         เหงื่อที่หยดไหลบ่งบอกได้ถึงแรงศรัทธาต่อความเชื่อมั่นในวิถีตน ทุกคนดูมุ่งมั่นไม่บ่นไม่ร้องสักคำกับการเดินทางแสวงหวังดั่งเสี่ยงโชค วิถีโลกเปลี่ยนวิถีตนหรือวิถีตนเปลี่ยนวิถีโลก ผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกันมาก

        คนทุกคนต่างต้องดำเนินไปตามวิถีตนเพื่อขับเคลื่อนวิถีโลก ในวิถีชีวิตเพียล่ากับชาร์ลถูกพยุงด้วยความเชื่อ ทั้ง2ระลึกได้เสมอว่าทุกลมหายใจนั้นควรทำสิ่งใด วิคเตอร์ โอ'เกนท์และคาลาเนสก็เช่นกันที่พึงระลึกได้เสมอว่ามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด ลมหายใจของพวกเขาไม่เคยสูญเปล่า เนเน๊ะผู้เป็นความหวังสุดท้ายแห่งยุค เธอจะระทมทุกข์ใจหรือไม่หากรู้ว่าตนต้องก้าวย่างเดินบนชะตากรรมมนุษยชาติที่สั่นคลอนคล้ายรอวันปลิดปลิว ดั่งใบไม้รอวันหลุดร่วงจากลมพัด

 

        ณ ศักราชนี้จึงกล่าวสรุปได้ว่า วิถีโลกกำลังขับเคลื่อนวิถีตน กฏเกณฑ์แห่งชะตาถูกขีดเขียดด้วยคืนแห่งความมืด ขอบเขตแห่งชีวิตจึงถูกจำกัดแคบลง

 

       

 

      

 

       

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา