ตัวผมกับโลกต่างมิติทีไม่ได้อยากจะไปเลยสักนิด
เขียนโดย nightmare91
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.21 น.
แก้ไขเมื่อ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 17.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) เมืองชายแดนแห่งการผจญภัย 'โรเซนซ์'
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1 ชม. ผ่านไปหลังจากที่ ชิน เผลอหลับไปบนรถม้าเพราะความเหนื่อย
ในที่สุด รถมาก็ใกล้ที่จะเดินทางมาถึงเมือง โรเซนซ์ ซะที
รถม้าที่วิ่งมาถึงบริเวณพื้นหินที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเมืองก็โยกเยกไป มาและส่งเสียง 'ครึกๆ'เป็นสัญญาณว่าเรากำลังจะถึงตัวเมืองแล้ว
เเละเมื่อ รถม้าวิ่งผ่านประตูเมืองและทหารเวร เข้ามาก็วิ่งผ่านมาตาม ถนน และมาจอดลงที่ หน้าร้านขายของขนาดใหญ่
"ชินคุงๆ เรามาถึง แล้วนะ ตื่นได้แล้วละ "
เซราส พูดพลางเขย่าตัวของ ชิน ที่นั่งหลับอยู่บนที่นั่งในรถม้าชิน ค่อยๆ ลืมตาตื่น ช้าๆ และออกปากถาม ทั้งๆ ที่ตัวเองยังคงรู้สึกง่วงอยู่นิดๆ
" เรามาถึงแล้ว อย่างงั้นเหรอครับ ?"
"ใช่แล้วละ ยินดีต้อน รับสู่เมืองแห่งการเริ่มต้นการผจญภัยโรเซนซ์ นะ"
คุณเซราส พูดและยิ้มร่าหลังจากที่ตัวของเขา เดินลงมาจากรถม้า
"ลงมาสิ"
ผมเดินลงจากรถม้าตาม ที่ คุณเซราส บอก
"อยากให้ผมพาไปส่งที่ไหนไหม ? เพราะคงจะเพิ่งเคยมาที่เมืองนี้เป็นครั้งแรกใช่ไหมละ"
"ไม่เป็นไรครับ แค่ให้ติดรถมาด้วยก็รู้สึก ขอบคุณมากแล้ว"
อันที่จริงก็อยากจะให้เขานำทางอยู่หรอกแต่
เพราะหลังจากที่ลงมาจาก รถม้า
คนในร้านขายของที่พูดถึงเมื่อครู่ ก็ ส่งเสียง โหยหวนมาจากทางด้านในของ ร้าน ขายของที่อยู่ตรงมุม ถนนอยู่ใกล้ๆว่าโอนเนอร์เซราส อยู่ที่ไหน? ถ้าจำไม่ผิด คุณเซราส เป็น เจ้าของร้าน ขายของประดับกับหินเวทย์ร้านๆนั้นคงเป็น ร้านของเขาแน่ๆ
คนๆนี้กำลัง ยุ่งอยู่ ถ้าขืน ยังขอร้องให้พาไปที่อื่นอีกคงจะเป็นการรบกวนซะเปล่าๆ
แถมตัวเราเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรขนาดนั้น
"งั้นเหรอ"
คุณเซราส ทำหน้าเสียดายๆ ก่อนที่จะกลับไปเป็นสีหน้า ธรรมดา เหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
"ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ หรือ อยากให้ช่วยเหลือ อะไร ก็ มาหาผมที่ร้านได้ทุกเมื่อนะ ร้านของผมอยู่ต รงนั้นนะ"
คุณเซราส ชี้นิ้วไป ยังร้านที่ อยู่ตรงมุม ทางเดินของถนน
เป็นร้านของคุณเซราสจริงๆ ด้วยสินะ ..ร้านแห่ง นั้นค่อนข้างใหญ่และมีลูกค้าอยู่มากไม่ว่า จะเด็ก หรือผู้ใหญ่ และเป็นเพศไหนก็ตามก็เดินเลือกซื้อ สินค้ากันอยู่เต็มไปหมดจนพนักงานในร้าน วิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น
เป็นร้านที่นิยมจริงๆ
"ยังไงก็รักษาตัวด้วยนะ"
คุณเซราส ตบไหล่ ของผมเบาๆ และส่งยิ้มให้ก่อนที่จะวิ่ง กลับเข้าไปในร้านของตัวเอง
คงจะยุ่งอยู่ จริงๆ นั้นแหละนะ คนๆนั้น
ผมโค้งตัวลง เป็นการขอบคุณ คุณเซราส อีกครั้ง
พอบอกลากับ คุณเซราสไปเรียบร้อย
ผมก็เดินไป ตามทางเดินริมถนน เพื่อที่จะหาอาหาร มาช่วยทำให้ ความหิวของผมนลด ลง
ถึงแม้ จะได้นอนหลับพักผ่อนไป แต่ก็ ไม่ได้ช่วยทำให้ความหิวลดลงเลยก็มัน คนละเรื่องกันนี้การนอนหลับ จะทำให้หายง่วงนอน แต่ถ้าไม่อยากหิว ก็ต้องกินให้อิ่ม
และในตอนที่ กำลังเดินไปเรื่อยๆ ผมก็
จะถือโอกาศ สังเกตุ ตัวเมืองไปเลย
เมืองๆ นี้ เป็นเมืองที่แปลกประหลาดเพราะผมรู้สึกได้ถึง ความเป็นชนบท และ ความเป็นเมือง ได้ใน คราวเดียวกันจาก สิ่งปลูกสร้าง ที่ถูกสร้าง มาจากไม้ บ้าง ปูนบ้างบาง ที่ก็เป็น แบบผสมผสานเลยก็มี แม้เมืองนี้จะดูเงียบสงบ แต่ก็ เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
ร้านค้าผักผลไม้ และร้านขายเสื้อผ้ามือ 2 ที่ถูกตั้งเป็นร้านแผงลอย ในตำแหน่งที่ ดูไม่เกะกะขวางทางเดินเลยสักนิดกับผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ดูเหมือน ว่าจะแต่งเชื้อชาติ มาเดินอยู่ด้วยกันโดยแต่งตัว ด้วยชุดหลากหลายสี “ดูแปลก”ตา หรือแม้กระทั้ง คนที่ใส่เกราะเหล็กไปทั้งตัวเลยก็มีเดิน เลือกซื้อ สินค้า กันอย่าง สนุกสนานเป็นเมืองที่ดูแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น ดีจริงๆ
"โอ๊ะ "
ผมส่งเสียงประหลาด ออกมาหลังจากที่เดินมาตามทางสักพักและ พบกับ ร้าน ขาย ขนมปังทาครีม ที่ตั้งอยู่ในมุม
คนขายดูจากรูปร่าง สัดส่วน และ สรีระ ของตัวเธอคงเป็นผู้หญิงแต่เธอใส่ชุดได้ซอมซ่อสุดๆ ไปเลย แถมยังใช้ฮู้ด ปิดศีษระอีกและดูเหมือนว่าเธอยังสวมปลอกคอด้วยแต่พอลองสังเกตุ ใบหน้าของเธอภายใต้ฮู้ด นั้นก็ทำให้รู้ว่า เธอไม่ใช่มนุษย์เธอมีหน้าตาที่งดงาม แม้จะเปื้อนไปด้วยฝุ่นและคราบดินดวงตาของเธอนั้นมี สี น้ำตาล เข้ม และผม ที่ ปล่อยยาวออกมานั้นก็มีสีแดง และหูที่แหลมยาวออกมาเธอเป็น เอลฟ์ อย่างงั้นเหรอ ?
สมแล้วที่เป็น ต่างโลก มันก็คงแปลกมาก หากโลกใบนี้มี มอนเตอร์อยู่ แต่ ไม่มีเอลฟ์ อยู่เพราะงั้น มันก็คงไม่ใช่เรื่องอะไรที่ควรจะแปลกใจ
แต่ว่าถ้า อย่างงั้น ก็ต้องมีสาว หูแมว ที่เวลาพูดจะลงท้ายด้วยคำว่า เมี๊ยว ด้วยนะสิอยากเจอชะมัดเลยแหะ พี่สาวหูแมวขี้อ้อนนะ
แต่ ว่า ผมก็เดินอยู่ในตัวเมืองมาได้พอสมควรแล้วแต่ ก็แทบจะไม่เห็น พวก อมนุษย์ หรือกึ่งมนุษย์ เดินอยู่ในเมืองเลยแถมเอลฟ์ หญิง คนนี้ยังใส่ชุดที่มัน ก็เก่ามากๆ และยังสวม ปลอกคอ ที่ดูเหมือนพวกทาส อีก
หรือว่า มนุษย์ กับ ภูต หรือ พวก อมนุษย์ จะไม่ถูก กัน ? อย่างที่คิดตอนนี้เราต้องการข้อมูล ของโลกนี้จริงๆ
"ขอโทษครับ ขอซื้อขนมปังหน่อยครับ"
ผมเดินเข้าไป ในโต๊ะที่มี ขนมปังทาครีม วางขายอยู่
หญิงสาวที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนขายสะดุ้งโหยง และมือไม้สั่น
"จ จะรับกี่ชิ้นดี ค ค่ะ"
เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ และก้มหน้าลงให้มันได้แบบนี้สิ คิดอะไรไว้ไม่มีผิดจริงๆด้วยผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบไป
"ขอซื้อ ขนม ปังนั้น 2 ชิ้นนะ "
เอลฟ์สาวพยักหน้ารับ ด้วยแววตาที่เต็มไป ด้วยความหวาด
ผมหยิบถุงเงินที่ได้รับจากคุณเซราส ออกมาจาก กระเป๋ากางเกง และหยิบเหรียญ ทอง 1 เหรียญ ออกมาวางไว้บนโต๊ะด้านหน้า
"เอ๊ะ !?"
หญิงสาวส่งเสียงร้องออกมาด้วยความสงสัย ผมจึงถามออกไป
"มีอะไรเหรอ ?"
"อ เอ่อ คือ..."
เด็กสาวเบ้ปากทำหน้าเหมือน จะร้องไห้ แต่ก็ดูเหมือนว่า เธอจะ ข่มความรู้สึกนั้นเอาไว้ได้
"ถ ถ้าจ่ายเงินด้วยเหรียญทองละก็ ฉันไม่มีเงิน ทอน หรอกคะ เพราะ ราคาของ ขนมปัง นั้น 1ชิ้นแค่ 2 เหรียญหินเท่านั้นเองยังไงช่วยจ่ายเป็นเหรียญ หินจะได้ หรือเปล่าคะ "
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ก้มหน้าลง บ่นพึมพำ ด้วยน้ำเสียงเล็กๆราวกับว่า ไม่ต้องการให้ใครได้ยิน
'แค่ 4 เหรียญหิน แต่จ่ายมาตั้ง 1 เหรียญทอง เราจะเอาเงินที่ไหนมาทอนละ วันนี้เราเองก็ยังขายไม่ได้สักชิ้นแท้ๆ '
เพราะไม่รู้ ว่า ค่าเงินที่นี้เป็นอย่างไรก็เลย ทำสิ่งที่เหมือนกับการกลั้นแกล้งไปซะแล้ว
"ต้องขอโทษด้วย"
ผมโค้งตัว กล่าวขอโทษ ทันที
"พอดีฉันมาจากที่ๆห่างไกลนะเลย ไม่รู้อะไรเลย แถมทั้งตัวก็มีแต่เหรียญ นั่นด้วย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ "
"เอ๊ะ !?"
เอลฟ์สาว ทำหน้าตาเหลอหลา และส่ายมือเป็นชิงปฎิเสธ และหัวของเธอก็ ส่ายไปด้วยพร้อมกับมือนั้นละ
" ม ไม่ได้ ม มีเจต..."
เธอพูดแค่นั้นก่อนจะเม้มปากเงียบลง
บรรยากาศ ที่มันน่าอึดอัดแบบนี้ มันคือ อะไรกันนะผมกับเธอยืน นิ่งอยู่กับที่ โดยไม่มีใคร พูดอะไรออกมาได้สักพักนึง
เสียงฝีเท้าของคนที่เดินอยู่บนทางเดินใกล้ๆ มันเริ่มดังมากขึ้น
จะบอกแบบนั้นก็คงไม่ถูกต้องไม่ใช่เพราะเสียงเท้าดังขึ้นหรอก แต่เพราะพวกเราเงียบกันต่างหาก
"นี่เธอ .. "
เพราะรู้สึกว่า เงียบต่อไป ไม่ไหวแล้วผมจึงเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมา ทำร้าย บรรยากาศ ที่น่าอึดอัด นั้น ทิ้งไปซะ
"..........."
เอลฟ์สาว ยังคงเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับมา
"เฮ้อ ~"
ผมถอนหายใจ เฮือกเล็กๆ ออกมา หลังจากเห็นท่าทีแบบนั้นของเธอและนำมือซ้ายขึ้นมาเท้าเอวและเอียงตัวไปด้านหน้า
"ยังไง ถ้าฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ก็ขอโทษด้วย
แต่ถ้าจะให้ดี ตอบฉันมาบ้างเถอะ "
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น จ้องตาของผม
แววตาของเธอดูเหมือนจะยอมเปิดใจบ้างแล้วเธอคงจะ ยอมพูดกับผมแล้ว
เธอ ขยับปากพูดอะไรออกมาจากปากที่เรียวเล็กสีชมพูนั้นแต่ครั้งนี้น่าเสียดายนะ ที่มันเบามาก จนผมไม่ได้ยิน ประโยคแรกที่เธอพูด
"เอลฟ์ ผู้ต่ำต้อยอย่างฉัน มีสิทธที่จะโกรธ มนุษย์ แบบพวกคุณได้ด้วยเหรอคะ "
เธอพูดต่อและเบนสายตา ไป ตรงพื้นหินที่เป็นพื้นของเมืองแววตาของเธอนั้นดูเศร้า จนผมรู้สึกแย่ขึ้นมาเลยละ
"ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ามันเกิดอะไรกับเธอมาบ้างแต่ยังไง ช่วยขาย ขนมปังนั้นให้ฉัน จะได้ไหมละ ? ฉันหิวมากจนจะทนไม่ไหวแล้ว"
"ฉันก็อยากขายให้คุณนะคะ แต่ว่า ฉันไม่มีเงินทอนให้หรอก ถ้าจ่ายด้วย เหรียญทองนั้น"
เอลฟ์สาว กำมือแน่น แว่วตาของเธอก็จดจ้องมาที่ผม
ซึ่งขณะนั้นก็ได้มี แรงลม จากซอกตึกพัดผ่านมาพอดี ทำให้ฮู้ด ที่ ปกปิดใบหน้าของเธอ ถูกเปิด ออกผมเห็นใบหน้าที่มุ่งมั่น ของเธอ อย่างชัดเจน
"ถ้าอย่างงั้น เอาแบบนี้เป็นยังไง ?"
ถึงผมจะเป็นคนที่ อ่อนไหวง่าย แต่ก็ไม่ใช่คนดี ที่จะยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเองให้กับคนอื่น
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพอมีความคิด ดีๆ ขึ้นมา ผมก็พูดเสนอ ออกไป
"เหรียญทองนั้น แลกกับ ขนมปังนั้น กับข้อมูล นิดๆ หน่อยๆ เป็นยังไงละ "
ผมขยิบตาให้เอลฟ์ สาวหนึ่งที เป็นเชิงหยอกล้อ
"ข้อมูล ??"
เอลฟ์ สาวพูดย้ำและเอียงคอสงสัยทำหน้าประหลาดใจ
ขณะที่อีกฝ่ายยังคงทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ สิ่งที่ผมพูดผมก็ หยิบ ขนมปัง ทาครีม บนโต๊ะ ใส่ปากเคี้ยว
รสชาติของมันก็ไม่ได้ดีอะไรเลย แต่ก็ พอกินได้ นะ
"ไอ๊แอ๊ว อ๊ออุน ไอ"
ผมพูดในขณะที่เคี้ยวขนมปังอยู่เต็มปาก
"แล้วอยากจะได้ข้อมูลอะไรละคะ ฉ ฉันก็ไม่ได้รู้อะไรมากมาย...."
ผมกลืน ขนมปังลงคอ และพูดขึ้น ขณะที่เธอยังพูดไม่จบประโยค
"ไม่ต้องห่วงหรอกสิ่งที่ ฉันจะถามนะ เธอต้องรู้แน่ๆยังไงละ"
ผมส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่จะหยิบ ขนมปังอีกชิ้น ฉีกเข้าปากตัวเองโดยปล่อยให้เอลฟ์ สาวทำหน้าสงสัย และส่งเสียง 'เล็กๆ' ออกมาจากลำคอ
“อู่วววว”
มันช่างเป็นเสียงที่น่ารักมากๆเลยละ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ