จำนนเสน่หาแบดบอย
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.04 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) จำนนเสน่หาแบดบอย ตอนที่ 3 50%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพิลาสินีเดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่อาศัยมาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ในเวลาก่อนเที่ยงคืน ความเงียบเชียบและแสงไฟที่เปิดส่องสว่างเพียงทางเดินจากบันไดขึ้นไปยังชั้นบนทำให้เธอก้าวเดินและเปิด-ปิดประตูห้องนอนส่วนตัวด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวจะปลุกให้คนในบ้านตื่นขึ้นมากลางดึก จากนั้นจึงรีบอาบน้ำชำระร่างกายและออกมานั่งหวีผมยาวสลวยที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
‘เงินที่ต้องหามาอุดรอยรั่วของสิริแอทเซทไม่ใช่แค่สิบล้านแต่มันเกือบห้าร้อยล้าน’ คำพูดของชินเขตยังดังก้องในโสตประสาท มันคือความจริงที่ตอกย้ำอยู่ทุกลมหายใจเข้า-ออก
หญิงสาวถอนหายใจหนักๆออกมาอีกครั้งพร้อมวางแปรงหวีผมลงบนโต๊ะ มือบางเลื่อนลงมาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบซองจดหมายสีขาวที่เก็บมันไว้ด้วยตนเอง คำพูดของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเลขานุการของลินเนอุส คอนราดสัน ติดต่อเข้ามาทางโทรศัพท์ หลังจากที่ซองจดหมายนี้อยู่ในมือของเธอไม่ถึงสิบนาที
เขาเสนอเงินกู้ให้เธอจำนวนมหาศาล ในขณะที่เธอเกิดความสงสัยว่าลินเนอุส คอนราดสัน ไม่ใช่ซีอีโอของสถาบันการเงิน จริงอยู่ว่าเขาคือนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในอดีตที่ผ่านมาเธอก็คือหญิงสาวผู้โง่งม หูหนวกตาบอดที่ไม่รู้ว่าเคยคบหาอยู่กับนักลงทุนคนดังของโลกที่ได้สมญานามว่า ‘พ่อมดทางการเงิน’ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะเสนอเงินจำนวนมากมายให้เธอ
เมื่อซักถามข้อสงสัยกับเลขานุการของเขากลับได้รับคำตอบว่า...
‘เจ้านายของผมท่านคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนคนทั่วไปนักหรอกครับ ผมแค่เชื่อว่าสิ่งที่ท่านคิดต้องทำกำไรได้อย่างมหาศาลแต่เหตุผลทุกอย่างที่คุณอยากทราบคงต้องรบกวนเดินทางมาเจรจากับท่านด้วยตัวเอง ซึ่งตั๋วเครื่องบินที่ผมส่งให้จะทำให้คุณเดินทางมาพบท่านได้ตรงกับเวลาที่ท่านว่างพอดี แต่ถ้าคุณไม่ตกลงหรืออาจจะเปลี่ยนใจภายหลัง ผมก็ไม่ทราบว่าท่านจะว่างเช่นนี้อีกเมื่อไหร่นะครับ’
จบคำพูดคู่สนทนาก็ตัดสายไปในทันที ไม่ได้เปิดโอกาสให้ซักถามสักเท่าไหร่นัก ด้วยไม่รู้ว่าเหตุผลในการเสนอเงินมากมายให้เช่นนี้มีจุดประสงค์ใด เธอจึงได้แต่เก็บตั๋วเครื่องบินนี้ไว้ในลิ้นชัก
หากการจากลาในครั้งนั้นมันเป็นความผิดที่เธอไม่เคยคิดปฏิเสธ คำบอกลาและคำขอโทษเป็นสิ่งที่เธอติดค้างเขามาจนถึงบัดนี้ หรือว่า...
ความคิดแวบหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แต่เมื่อได้มองตัวเองผ่านกระจกเงาก็ต้องสะบัดศีรษะขับไล่ความคิดไม่เข้าท่านั้นออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าจะคิดว่าเขายื่นเงินก้อนโตเพราะยังอาลัยอาวรณ์ในตัวเธอก็คงจะเป็นความคิดที่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป เธอเป็นผู้หญิงที่มีพันธะแล้วและดูจากคำนำหน้า นามสกุลในการจองตั๋วเครื่องบิน นั่นก็แปลว่าเขาต้องรู้ว่าเธอไม่ใช่พิลาสินีคนเดิม
ก๊อก... ก๊อก...
“คุณเพลง... หลับรึยังจ๊ะ?”
คำถามที่ดังขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตูนั้นทำให้พิลาสินีขานรับและลุกเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว “แม่เล็กยังไม่นอนเหรอคะ”
“ยังจ๊ะ” ตอบพร้อมเดินเข้ามาในห้อง เมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูออกกว้างและถอยหลังเปิดทางให้ตนเดินเข้าไปด้านใน แล้วเอากล่องกำมะหยี่หลากสีหลายกล่องวางไว้บนเตียงนอน
“อะไรกันคะ?” หญิงสาวรู้ดีว่ามันคือกล่องเครื่องประดับแต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเพกาถึงขนเข้ามาในห้องของตน
“เมื่อกี้นี้แม่เล็กคุยกับคุณป๋าแล้ว เครื่องเพชรพวกนี้เป็นของคุณนายใหญ่และของแม่เล็ก มีโฉนดที่ดินที่เชียงใหม่สามโฉนด ถ้าเราขายทั้งหมดแล้วรวมๆแล้วน่าจะพยุงบริษัทไปได้สักพัก” เพกาบอกพลางเปิดกล่องเครื่องประดับแล้ววางลงบนเตียงนอนเช่นเดิม
“แต่...”
“อย่าปฏิเสธเลยนะคุณเพลง ตอนนี้บ้านเรากำลังแย่ ช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วยกันไป เพชรนิลจินดาพวกนี้เป็นของนอกกายไม่ตายก็หาซื้อใหม่ได้” เพกาบอกพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเป็นยิ้มปลอบใจ ให้กำลังใจทั้งตนและลูกสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล “อีกอย่างคุณป๋าก็เห็นด้วย ยังฝากบอกคุณเพลงด้วยว่าอย่างน้อยของพวกนี้ก็ทำให้เรามีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน ดีกว่าให้พวกเขารวมตัวกันสไตรท์แล้วสถานการณ์ของเราจะแย่กว่านี้”
พิลาสินีเดินไปทรุดตัวนั่งลงข้างๆเพกา ดึงมือของเพกามากุมไว้แน่น แม้ว่าจะไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดแต่ความผูกพัน รักใคร่ปรองดองในครอบครัวก็แน่นแฟ้นยิ่งนัก “เพลงสัญญาว่าจะเอาของพวกนี้มาคืนแม่เล็กให้ได้”
“อะไรนักหนานะ พูดอย่างนี้ไม่เห็นว่าแม่เล็กเป็นคนในครอบครัวใช่ไหม” พูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ หากทั้งคู่กลับเข้าใจในความรู้สึกซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี เพกาดึงมือออกแล้ววาดวงแขนโอบรอบร่างอ้อนแอ้น ใช้ฝ่ามือลูบศีรษะของคนที่ซบอยู่ตรงหัวไหล่อย่างให้กำลังใจ “แม่เล็กคงไม่ต้องถามใช่ไหมว่าชินเขตเขาตอบคุณเพลงว่ายังไง”
พิลาสินีส่ายหน้าแล้วซุกตัวในอ้อมกอดอบอุ่นนั้นชั่วครู่ “เขาปล่อยให้บริษัทต่างชาติเข้ามาเทกโอเวอร์ดับเบิ้ลซี แล้วยังแนะนำให้เพลงทำแบบนั้นด้วย”
“คุณพระช่วย! แล้วนี่คุณชวนพิศยอมด้วยเหรอ?” เพกาถามเสียงสูงด้วยความตกใจ
“ไม่ทราบค่ะ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรแม่ลูกคู่นี้เขาก็เห็นดีเห็นงามด้วยกันไปหมด”
เป็นที่รู้กันดีว่าชวนพิศโอ้อวดฐานะของตนไม่น้อยไปกว่ากล่าวชื่นชมลูกชาย “ช่างเถอะ แล้วนี่...”
“เพลงขอหย่ากับเขาแล้วนะคะ”
คำพูดที่หลุดออกจากริมฝีปากอิ่มทำให้เพกาดึงร่างในอ้อมกอดออกมาสบสายตา แม้ว่าจะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งแต่ก็ไม่คิดว่าพิลาสินีจะเอ่ยปากโดยไม่ปรึกษาก่อนเช่นนี้ นั่นบอกให้รู้ว่าต้องเกิดเรื่องสักอย่างขึ้นเป็นแน่ “เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า เล่าให้แม่เล็กฟังเดี๋ยวนี้นะ”
“เพลงกลับไปเจอเขามีอะไรกับอินทุอรอยู่พอดีค่ะ”
“อะไรนะ!” เสียงของเพกาแหลมสูง ทั้งตกใจและประหลาดใจ “ก็... ไหนคุณเพลงบอกว่าเขาเป็นเกย์ ชอบผู้ชายด้วยกันนี่”
“คงได้ทั้งสองค่ะ Bisexual”
เพกาปั้นหน้ายากกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสิ่งที่ได้ยินพร้อมเบิกตากว้างมองหน้าพิลาสินีด้วยความคิดที่พุ่งเข้ามาหลายอย่าง คนที่เห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นจึงได้แต่ยิ้มเนือยๆ
“ทำหน้าแบบนี้รังเกียจหรือตกใจคะ” พิลาสินีถามตามสีหน้าที่ได้เห็น
“ก็... ไม่เชิงอย่างนั้นแต่แม่เล็กไม่คิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้ ที่สำคัญ...” เพกาลากเสียงยาวไม่ได้คิดรังเกียจแต่อย่างใด แต่สิ่งที่กำลังคิดนั้นทำให้ย้ำถามในเวลาต่อมา “คุณเพลงแน่ใจนะว่าเขาเป็นเสือไบ?”
พิลาสินีพยักหน้าเร็วๆ หากได้ยินจากปากของใครต่อใครเธอคงไม่มั่นใจเท่ากับเห็นด้วยตาตัวเองถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกตามไปที่คอนโดมิเนียมเพราะไม่สามารถอดรนทนกับเสียงซุบซิบที่เกิดขึ้นจากคนรอบข้าง คิดเอาไว้ว่าต้องเจอเขากับอินทุอรทำเรื่องผิดศีลธรรม แน่ล่ะว่าเธอได้เห็นภาพเปลือยเปล่าของคนสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียง แต่คนที่อยู่ใต้ร่างขอชินเขตคือผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน และภาพเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นก็ย้ำอย่างแจ่มชัดแล้วว่าเขาเป็นพวกรักร่วมสองเพศ
“ถ้าหญิงก็ได้ชายก็ดีแล้วทำไมคุณเพลงถึงเงื้อมมือเขามาได้?”
ข้อสงสัยที่หลุดออกจากปากเพกานั้นก็ทำให้พิลาสินีนิ่งไปชั่วขณะ หากเวลาผ่านไปกลับไม่มีใครหาคำตอบได้และหญิงสาวก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ “เอ่อ...”
“เฮ้อ... งั้นก็ช่างเถอะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แม่เล็กดีใจที่สุดที่คนใจดำพรรค์นั้นไม่ได้แตะต้องคุณเพลง ไม่อย่างนั้นคงหย่าขาดกันยากกว่านี้ ดีไม่ดีมีลูกด้วยกัน โอ๊ย... แค่คิดแม่เล็กก็ปวดสมองแล้ว” เพกาบอกพลางขยับแล้วเอื้อมมือแตะเข้าที่หัวไหล่บอบบางทั้งสองข้างของพิลาสินี พูดด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจ “ต่อไปนี้ชีวิตของคุณเพลงจะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามา อย่าไปคิดถึงผู้ชายคนนั้น แม่เล็กเองก็จะไม่พูดถึงเขาอีก”
“แต่เพลงยังไม่อยากให้คุณป๋ารู้ตอนนี้ สุขภาพท่านยังไม่แข็งแรงเลยนะคะ”
เพกานิ่งไปชั่วอึดใจพร้อมกวาดสายตาอย่างคนกำลังใช้ความคิด “เอาอย่างนี้นะ แม่เล็กจะบอกว่าคุณเพลงย้ายมาช่วยดูแลคุณป๋าชั่วคราว เพราะช่วงนี้ชินเขตต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ แล้วก็ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแม่เล็กจะตะล่อมบอกทีละนิด”
“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่... เพลงว่าอย่าเพิ่งบอกคุณป๋าเลย เพลงกลัว” สิ่งที่พิลาสินีกลัวที่สุดคือการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของบุพการี ทั้งการถูกส่งเข้ารักษาตัวในครั้งที่แล้วคุณหมอก็ย้ำให้คัดกรองเรื่องสะเทือนซึ่งจะส่งผลร้ายต่อจิตใจของผู้ป่วยอย่ารุนแรง
“เอาเถอะน่า เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เล็กดีกว่า” เพกาสรุปและเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นพิลาสินีพยักหน้ารับ “ว่าแต่คุณเพลงจะจัดการกับของพวกนี้เองหรือให้แม่เล็กจัดการจ้ะ”
“คงต้องให้แม่เล็กช่วยแล้วละค่ะ พรุ่งนี้เพลงต้องเดินทางไป... สวีเดน” พิลาสินีเอ่ยออกมาในที่สุด
“ไปทำไม?”
“ไปพบมิสเตอร์คอนราดสันค่ะ ถ้าเขายอมช่วย เราคงผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้”
เพกาขมวดคิ้วพลางถามด้วยความแปลกใจ “ไม่เคยเห็นพูดถึงคนคนนี้มาก่อน”
“เขาเป็นทางเลือกสุดท้ายน่ะค่ะ เพลงเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีเงื่อนไขอะไรบ้าง” พิลาสินีบอกพลางลุกขึ้นไปทรุดตัวนั่งลงบริเวณปลายเตียง เอื้อมมือไปปิดกล่องกำมะหยี่ที่วางเรียงรายอยู่บนเตียง
“พูดอย่างนี้แปลว่าเขามีเจตนาไม่ดีนักใช่ไหม?” เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต ทำไมจะอ่านแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจนั้นไม่ออก เพกาคิดต่อในใจ
“เพลงถึงต้องเดินทางไปคุยกับเขาไงคะ แต่แม่เล็กไม่ต้องห่วงนะคะ เพลงผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะมันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าสิ่งที่เรากำลังเผชิญในตอนนี้”
เพกายิ้มเศร้ากับคำพูดที่ได้ยิน หากหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังความยากลำบากนี้ ครอบครัวของเธอคงจะพบเจอแต่สิ่งดีๆ “อดทนนะคุณเพลง ครอบครัวเราไม่เคยไปเบียดเบียนใคร แม่เล็กเชื่อว่าสักวันเราต้องผ่านมันไปได้”
พิลาสินียิ้มรับกับกำลังใจที่คนในครอบครัวมีให้เสมอมา หากนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนทำให้เพกาชันตัวลุกขึ้นเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว
“งั้นพรุ่งนี้แม่เล็กจะเข้ามาช่วยจัดของ นี่ก็ดึกมากแล้วคุณเพลงนอนพักผ่อนให้เต็มที่ซะนะ” บอกพลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะและรับเอากล่องเครื่องเพชรที่พิลาสินียื่นให้ไว้ในมือ
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” พิลาสินีบอกและมองตามร่างที่เดินออกไปจากห้องนอนส่วนตัว หากผู้ชายที่เพิ่งเป็นหัวข้อสนทนาเมื่อครู่นี้ยังอยู่ในความทรงจำอย่างเด่นชัด
หญิงสาวล้มตัวลงบนเตียงนุ่มพร้อมคิดถึงภาพหน้าปกของนิตยสารทางการเงินที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ลินเนอุส คอนราดสันอยู่ในสูทสีเทาเฉดที่เข้มกว่าดวงตาของเขา ดวงตาคู่คมของพ่อมดทางการเงิน แววตาไร้อารมณ์ที่ทำให้สมองเธอว่างเปล่า ไม่แม้จะคิดหาคำทักทายหลังจากที่ไม่ได้เจอกันห้าปี
พิลาสินีจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเองเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดคุยกับเขาอย่างไร ที่สำคัญหากเขามีเงื่อนไขสักข้อที่ยากลำบากจนไม่อาจปฏิบัติตามได้ เธอจะขอร้องเขาให้เห็นใจได้อย่างไร ในเมื่อครั้งก่อนเคยหันหลังให้เขาโดยไร้ซึ่งคำเอ่ยลาแม้เพียงครึ่งคำ!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ