จำนนเสน่หาแบดบอย

3.7

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.04 น.

  21 ตอน
  0 วิจารณ์
  21.95K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) จำนนเสน่หาแบดบอย ตอนที่ 2 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พิลาสินีนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นไม่นานนัก ร่างของชินเขตที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขาสั้นก็เดินเข้ามาสมทบด้วยท่าทีที่สบายอารมณ์ ใบหน้ายังดูรื่นรมย์ รอยยิ้มที่มีให้ยังคงเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนจนคนได้รับต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นคนหน้าเนื้อใจเสือที่ทำร้ายเธออย่างร้ายกาจ

“เรื่องกู้แบงก์ที่คุณไปติดต่อ เป็นยังไงบ้าง?”

ชินเขตทั้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับภรรยาในนาม มองใบหน้างดงามที่หันกลับมาสบสายตาด้วยความว่างเปล่าหากแต่ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้าน “ไม่อนุมัติ ทางแบงก์บอกว่าหนี้เสียเรามากเกินไป ระบบการบริหารจัดการก็ด้อยประสิทธิภาพ ถ้าปล่อยกู้ให้ก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้กับทางเขา”

พิลาสินีหัวเราะพรืดกับคำตอบที่ได้ยิน ทั้งที่คิดเอาไว้แล้วว่าจะได้ยินคำปฏิเสธแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดปัญหาที่ตัวเองสร้างไว้ออกมาได้หน้าตาเฉยราวกับว่า ความผิดพลาดที่เรื้อรังในทั้งสองบริษัทนั้นไม่ใช่ความผิดของตัวเอง “แปลว่าคุณจะปล่อยให้ดับเบิ้ลซีถูกฟ้องล้มละลาย?”

ชินเขตไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ก็ไม่แย่ขนาดนั้น การถูกฟ้องล้มละลายและตัวผมก็ต้องถูกฟ้องให้กลายเป็นคนไร้ความสามารถ มันคงไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ตัวผมเองคงจะมีอาจไปทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวต่อไป ผม...”

“พูดมาตรงๆดีกว่า เรื่องมาจนถึงป่านนี้แล้ว ฉันเบื่อที่จะฟังสำนวนดูเป็นคนดีของคุณเหลือเกิน” พิลาสินีดักคอและเป็นครั้งแรกที่ต่อว่าเขาตรงๆด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ

“ใจเย็นๆสิ ผมไม่ได้เห็นแก่ตัว หาทางออกให้ดับเบิ้ลซีรอดคนเดียว สิริแอทเซทของคุณก็รอดด้วย อยู่ที่คุณจะยอมไหม เท่านั้นเอง”

พิลาสินีเลิกคิ้วเป็นเชิงถามและเลือกที่จะเงียบรอฟังคำตอบจากปากของเขา รอฟังด้วยอยากรู้ว่าคนใจดำอย่างเขาจะหลุดคำพูดใดออกมา

“ถึงแบงก์จะไม่ปล่อยกู้แต่ผมก็ติดต่อกับบริษัทลงทุนต่างชาติสำเร็จ ถ้าคุณตอบตกลงขายหุ้นสิริแอทเซทให้พวกเขา คุณก็จะสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้”

“นี่คุณปล่อยให้บริษัทของคุณถูกเทกโอเวอร์อย่างนั้นเหรอ?!” คำถามที่ฟังแล้วเข้าใจง่ายหลุดออกจากปากพิลาสินีอย่างเหลือเชื่อ

“แค่ถอยมาตั้งหลัก มันเป็นทางออกเดียวที่ผมทำได้ดีที่สุด” ชินเขตบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณก็ด้วย ถ้าไม่อยากให้สิริแอทเซทต้องล้มไม่เป็นท่า ควรจะทำตามที่ผมแนะนำ”

“ไม่มีทาง!” โต้กลับอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด ธุรกิจที่พ่อสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง หวังจะให้มันเป็นมรดกของลูกหลาน เธอจะไม่ยอมให้มันกลายไปเป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน

“งั้น... ผมก็จนใจ”

“ถึงคุณจะปล่อยให้ดับเบิ้ลซีถูกเทกโอเวอร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าหนี้สินที่เกิดขึ้นจะหมดไป ยังไงเสียก็ต้องหาแหล่งเงินกู้มาใช้หนี้ที่เกิดขึ้นแล้วอยู่ดี มัน...” พิลาสินีไม่มีโอกาสได้พูดจบประโยคเพราะคนฟังมีท่าทางรำคาญใจและพูดตัดบทในทันที

“เทียบตัวเลขแล้วมันก็ยังมีโอกาสหาได้ อย่าลืมนะเพลงว่าเงินที่ต้องหามาอุดรอยรั่วของสิริแอทเซทไม่ใช่แค่สิบล้านแต่มันเกือบห้าร้อยล้าน”

คำโต้กลับของเขาทำให้เธอนิ่งไปชั่วอึดใจ ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงตัวเลขดังกล่าวแต่การปล่อยให้บริษัทถูกเทกโอเวอร์ไม่ใช่ทางออกที่เธอคิดเลยสักครั้ง ทางออกที่นักธุรกิจทั่วไปคิดถึงเป็นทางสุดท้ายซึ่งหลุดออกจากปากประกอบกับท่าทางเรียบเฉยราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทำให้พิลาสินีเกิดความคลางแคลงใจแต่ยังเลือกที่จะเก็บความสงสัยที่เกิดขึ้นเอาไว้เพราะรู้ดีว่าหากเอ่ยถามออกไป ก็คงไม่ได้คำตอบที่เกิดขึ้นตามจริง

“คิดดูดีๆนะเพลง มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ เรายังหนุ่มสาวด้วยกันทั้งคู่ ยังมีโอกาสสร้างธุรกิจได้อีกในอนาคต” ชินเขตตะล่อมบอกอย่างใจเย็น หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ก็นับว่าไม่เสียเวลาที่ลงทุนไปห้าปี แม้ว่าจะพลาดเป้าหมายใหญ่ไปสักหน่อย

หากคำพูดที่ไม่ต่างจากการสร้างวิมานในอากาศของเขาทำให้พิลาสินีส่ายหน้า ไม่อยากเชื่อหูว่าหลังจากเกิดเรื่องเมื่อครู่แล้ว เธอและเขายังจะมีอนาคตร่วมกันอีกหรืออย่างไร

“ที่ได้ยินมันคือทางตันสำหรับฉัน คือความพินาศย่อยยับสำหรับครอบครัวของฉัน คุณบ้าไปแล้วใช่ไหมที่ปล่อยเวลาให้มันผ่านไปจนทุกอย่างเลวร้ายแบบนี้แล้วเอาข้อเสนอสิ้นคิดนั้นมายัดเยียดให้ฉัน” เป็นครั้งแรกที่เธอขึ้นเสียง ตวาดดุเขาด้วยความเหลืออด “ถ้าฉันยังวาดอนาคตกับคุณก็คงจะตาบอดหรือไม่ก็บ้าไปแล้ว”

ชินเขตกรอกสายตาอย่างระอาใจเมื่อประโยคหลังดังขึ้นพร้อมสายตาของพิลาสินีที่ตวัดไปมองร่างของอินทุอรที่เดินผ่านหน้าห้องนั่งเล่นไป “ไม่เอาน่า... เราเคยตกลงกันเรื่องนี้แล้วนี่”

“นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ฉันจะไม่มีวันเป็นเมียหุ่นเชิดให้คุณอีกเด็ดขาด”

“คุณเป็นผู้หญิงที่ใจเย็นที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมานี่เพลง ทำไมวันนี้ถึงได้หงุดหงิดนักล่ะ?”

พิลาสินีเห็นสายตาที่หรี่มองตนอย่างลำพองใจ เปิดโอกาสให้เขาพูดพล่ามต่อไปเรื่อยๆ

“แค่ผมมีรสนิยมทางเพศที่ไม่เหมือนคนส่วนมาก จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องใช้สายตาเหยียดหยันหรือน้ำเสียงไร้มารยาทแบบนั้น” ไม่มีความจำเป็นใดที่เขาต้องมีความอดทนกับเธออีกต่อไป

“อย่าเบี่ยงเบนประเด็นสิคะ ฉันไม่เคยเหยียดเพศ มองคุณเป็นตัวประหลาดหรือเป็นคนจิตใจคับแคบแบบนั้น ไม่ว่าในจิตใจของคุณจะรักจะชอบหรือมีรสนิยมทางเพศแบบไหน นั่นก็ตามสบาย แต่การที่คุณหิ้วผู้หญิงอื่นมาทำเรื่องโสมมในที่ส่วนตัวของฉันแบบนี้มันน่ารังเกียจ วันที่ฉันรู้ว่าคุณชอบผู้ชายด้วยกันฉันตกใจมากแต่ก็ยอมรับในสิ่งที่คุณเป็นและให้เกียรติมาตลอด แบกรับคำต่อว่าของแม่คุณโดยที่คุณไม่เคยห้ามปรามหรือแก้ต่างให้ฉันเลยสักนิด” พิลาสินีถอดหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางลุกขึ้นยืน “ฉันคิดว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีมีความจริงใจให้กัน แต่นั่นมันเป็นความคิดของฉันคนเดียว”

ชินเขตยอมรับว่าพลาดไปเพราะคิดว่าพิลาสินีจะค้างที่บ้านของเจ้าสัวสันต์ หากร่างอ้อนแอ้นที่เดินผ่านหน้าออกไปทั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่องทำให้รีบเอ่ยปากเรียกเธอ “เดี๋ยวก่อนสิเพลง เรื่องเทกโอเวอร์ผมคิดว่าคุณน่าจะเก็บเอาไปทบทวนอีกครั้งนะ”

น้ำเสียงประนีประนอมทำให้การก้าวเดินของพิลาสินีชะงักลงชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้หันกลับไปสบสายตาคู่สนทนา “รอให้ฉันตายก่อนก็แล้วกันถึงเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด”

“เพลง... เดี๋ยวก่อนสิเพลง” ชินเขตรีบเดินตามออกมาจากห้องนั่งเล่นก็พบว่าผู้หญิงทั้งสองคนกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่ตรงห้องโถงของบ้าน

“ขอโทษนะคะคุณเพลง เป็นความผิดของดิฉันเองไม่เกี่ยวกับคุณชินเขตหรอกค่ะ” อินทุอรบอกด้วยน้ำเสียงสีหน้าขอลุแก่โทษ พร้อมปรี่เข้าไปจับมือของพิลาสินีเอาไว้แล้วกล่าวขอโทษซ้ำอีกครั้ง “ดิฉันเข้าใจว่าคุณกำลังโกรธ เป็นธรรมดาที่จะเกิดความหึงหวง จะด่าจะว่าดิฉันก็ได้นะคะ”

พิลาสินีแกะมือออกและเบี่ยงตัวออกไม่ยอมรับคำขอโทษนั้น เธอหมุนตัวกลับไปมองทั้งคู่ที่เดินเข้าไปยืนเคียงคู่กันด้วยความรู้สึกย่ำแย่ แต่กลับไม่มีความหึงหวงปนอยู่เลยแม้แต่น้อย “เมื่อก่อนฉันคงโง่งมที่เกิดความรู้สึกหึงหวงต่อคุณ แต่ตอนนี้ที่ได้รู้ว่าคุณมันน่าขยะแขยงแค่ไหน ฉันดูเป็นคนที่โชคดีเอามากๆเลยนะคะชินเขต ขอบคุณที่ไม่เคยล่วงเกินฉันแม้แต่ปลายก้อย ถึงคุณจะชั่วแค่ไหนแต่ถ้าคิดถึงเรื่องนี้ ฉันก็ยังคิดว่าติดค้างคำขอบคุณอยู่ดี”

ชินเขตกำหมัดแน่นเมื่อถูกด่าว่าอย่างตรงไปตรงมา แต่ยังไม่สามารถตอบโต้ตามใจอยากได้ในตอนนี้ ทำได้แค่เพียงมองร่างอ้อนแอ้นก้าวฉับๆออกไปหยุดหน้าประตูบ้าน

“ถ้าภายในหนึ่งสัปดาห์ฉันไม่ได้รับการติดต่อเรื่องหย่า ฉันจะให้ทนายยื่นโนติส” จบคำพูดพิลาสินีก็เดินออกจากกรงขังที่พันธนาการเธอไว้นานถึงห้าปี แม้ว่าสมองจะหนักอึ้งกับเรื่องที่พบเห็นแต่จิตใจกลับเบาโหวง โล่งสบาย แม้เหนื่อยแสนเหนื่อยกับเรื่องที่ต้องเผชิญแต่เธอยังมีแรงสู้ต่อไหว

เป็นครั้งแรกในรอบปีที่พิลาสินีขับรถกลับบ้านด้วยความโล่งใจ ไร้ซึ่งความกังวลใดๆในชีวิตส่วนตัว เธอกำลังจะมีอิสระและได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขกับครอบครัวอันเป็นที่รัก แม้ว่ายังมีปัญหาใหญ่ขวางหน้าแต่การเดินหันหลังให้ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีมาตลอดเวลาห้าปีก็ทำให้เธอมีแรงใจฮึดสู้กับปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา