จำนนเสน่หาแบดบอย
3.7
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.04 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
21.89K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) จำนนเสน่หาแบดบอย ตอนที่ 10 50%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายนาที ทำไมถึงตัดความอยากรู้อยากเห็นที่เขาเป็นผู้จุดประกายขึ้นมาไม่ได้สักที ความเขินอายยังถูกหักล้างด้วยความอยากรู้ หากยังโชคดีที่ยังตัดสายโทรศัพท์ทิ้งเหลือความดีงามไว้ให้บ้าง ไม่เช่นนั้นหากเจอหน้ากันอีกก็คงไม่พ้นต้องอับอายด้วยคำพูดกำกวมของเขาเช่นเคย พิลาสินีคิดพลางส่ายหน้าให้กับตัวเองหากเสียงโทรศัพท์ที่กรีดร้องขึ้นอีกครั้งก็ทำให้ต้องชักสีหน้าไม่พอใจ
“จะตามจองเวรเพลงให้ได้เลยใช่ไหม” บ่นพึมพำพลางก้มหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏชื่อของชินเขต หญิงสาวจึงรีบปรับเสียงให้เป็นปกติและรับสายในทันที
“เพลงพูดสายค่ะ”
“เพลง... ผมเซ็นใบหย่าให้เรียบร้อยแล้วนะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเรียนพ่อคุณให้ทราบก่อนแต่มาคิดดูอีกทีก็กลัวว่าท่านจะไม่สบายใจ ผมเลยคิดว่าเอาไว้ให้ท่านแข็งแรงกว่านี้แล้วค่อยบอกดีกว่า” ชินเขตข่มใจพูดกับอดีตภรรยาด้วยน้ำเสียงน่าฟัง
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เรื่องไม่ดีที่ชินเขตทำไว้มีมากมาย ความเชื่อใจ ความซื่อสัตย์ที่เขามองไม่เห็นค่า บางครั้งยังเห็นแก่ตัวไม่เคยสนใจหรือไถ่ถามตามประสาคู่ชีวิตที่ต้องร่วมทั้งทุกข์และสุข แต่กลับมัดเธอให้ต้องอดทนอยู่กับเขาด้วยพันธะทางกฎหมาย แต่ตอนนี้เธอโล่งใจไม่ต่างจากถูกปล่อยออกจากกรงขังที่ไม่มีแสงสว่างส่องผ่านถึงห้าปีเต็ม
“ใจคอคุณจะไม่พูดอะไรอื่นนอกจากคำขอบคุณเลยเหรอ” อดประชดไม่ได้เมื่อปลายสายตอบสั้นๆและเงียบไปชั่วอึดใจทั้งที่เขาพูดยืดยาว
“ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่าขอบคุณจริงๆค่ะ” พิลาสินียังตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คนฟังกลับรู้สึกว่าถูกหักหลังเพราะสัมพันธ์ลับและการที่เขาถูกข่มขู่เมื่อคืนที่ผ่านมา
“เอาล่ะ... ผมคงบังคับใจเพลงไม่ได้แต่มีเรื่องหนึ่งอยากขอร้อง” ใจจริงไม่เคยเสียดายในพันธะทางกฎหมายนี้เลย เพียงแค่ต้องการใช้มันเป็นข้อต่อรองบ้างแต่เมื่อไม่เป็นไปตามที่คาดการเอาไว้เขาก็ไม่รีรอที่จะดำเนินการตามแผนขั้นต่อไป “คุณลืมไปรึเปล่าว่าวันนี้มีงานแต่งของลูกสาวเจ้าสัวเกียรติ ผมคิดว่าเราควรจะออกงานด้วยกันไปสักพักก่อน ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าเราหย่าขาดกันแล้ว”
พิลาสินีลอบถอนหายใจแม้ว่าคนในวงสังคมจะมีความคลางแคลงใจในการประพฤติตัวของชินเขต แต่ทุกครั้งที่ออกงานสังคมด้วยกันเขาก็ยังปฏิบัติกับเธอเฉกเช่นสามีที่ให้เกียรติและดูแลภรรยาอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งการที่นักธุรกิจสักคนจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยก็ยิ่งเป็นเรื่องธรรมดาสามัญนัก
“ถ้าเราไม่ออกงานนี้ด้วยกัน ผมกลัวว่าพ่อคุณจะสงสัยเอาได้ อีกอย่างท่านต้องรู้ว่าวันนี้เป็นงานแต่งของลูกสาวเจ้าสัวเกียรติ คุณก็รู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันมานาน” ชินเขตพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าหาเหตุผลให้พิลาสินีตอบตกลง หากความจริงที่เขาพูดมานั้นก็ไม่อาจทำให้เธอปฏิเสธได้
“ค่ะ งั้นอีกชั่วโมงคุณมารับเพลงที่บ้านแล้วกัน” ตอบรับและวางสายหลังจากที่อีกฝ่ายกล่าวลา
พิลาสินีคิดดูแล้วว่าเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเธอคงต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นพ่อฟัง แล้วคนอายุเกือบเจ็ดสิบปีทั้งยังเป็นโรคหัวใจจะยอมรับเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นได้แค่ไหน แม้ว่าสิริแอทเซทจะกำลังพ้นจากวิกฤติแต่เหตุผลที่นักลงทุนระดับโลกยื่นมาเข้ามาโอบอุ้มไว้นั้นมันน่าอับอายและย่ำยีหัวใจของคนเป็นพ่อยิ่งนัก ไม่ว่าบริษัทหรือชีวิตของผู้เป็นพ่อ เธอก็ต้องรักษาและทะนุถนอมไว้อย่างถึงที่สุดเช่นกัน
“จะตามจองเวรเพลงให้ได้เลยใช่ไหม” บ่นพึมพำพลางก้มหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏชื่อของชินเขต หญิงสาวจึงรีบปรับเสียงให้เป็นปกติและรับสายในทันที
“เพลงพูดสายค่ะ”
“เพลง... ผมเซ็นใบหย่าให้เรียบร้อยแล้วนะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเรียนพ่อคุณให้ทราบก่อนแต่มาคิดดูอีกทีก็กลัวว่าท่านจะไม่สบายใจ ผมเลยคิดว่าเอาไว้ให้ท่านแข็งแรงกว่านี้แล้วค่อยบอกดีกว่า” ชินเขตข่มใจพูดกับอดีตภรรยาด้วยน้ำเสียงน่าฟัง
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เรื่องไม่ดีที่ชินเขตทำไว้มีมากมาย ความเชื่อใจ ความซื่อสัตย์ที่เขามองไม่เห็นค่า บางครั้งยังเห็นแก่ตัวไม่เคยสนใจหรือไถ่ถามตามประสาคู่ชีวิตที่ต้องร่วมทั้งทุกข์และสุข แต่กลับมัดเธอให้ต้องอดทนอยู่กับเขาด้วยพันธะทางกฎหมาย แต่ตอนนี้เธอโล่งใจไม่ต่างจากถูกปล่อยออกจากกรงขังที่ไม่มีแสงสว่างส่องผ่านถึงห้าปีเต็ม
“ใจคอคุณจะไม่พูดอะไรอื่นนอกจากคำขอบคุณเลยเหรอ” อดประชดไม่ได้เมื่อปลายสายตอบสั้นๆและเงียบไปชั่วอึดใจทั้งที่เขาพูดยืดยาว
“ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่าขอบคุณจริงๆค่ะ” พิลาสินียังตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คนฟังกลับรู้สึกว่าถูกหักหลังเพราะสัมพันธ์ลับและการที่เขาถูกข่มขู่เมื่อคืนที่ผ่านมา
“เอาล่ะ... ผมคงบังคับใจเพลงไม่ได้แต่มีเรื่องหนึ่งอยากขอร้อง” ใจจริงไม่เคยเสียดายในพันธะทางกฎหมายนี้เลย เพียงแค่ต้องการใช้มันเป็นข้อต่อรองบ้างแต่เมื่อไม่เป็นไปตามที่คาดการเอาไว้เขาก็ไม่รีรอที่จะดำเนินการตามแผนขั้นต่อไป “คุณลืมไปรึเปล่าว่าวันนี้มีงานแต่งของลูกสาวเจ้าสัวเกียรติ ผมคิดว่าเราควรจะออกงานด้วยกันไปสักพักก่อน ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าเราหย่าขาดกันแล้ว”
พิลาสินีลอบถอนหายใจแม้ว่าคนในวงสังคมจะมีความคลางแคลงใจในการประพฤติตัวของชินเขต แต่ทุกครั้งที่ออกงานสังคมด้วยกันเขาก็ยังปฏิบัติกับเธอเฉกเช่นสามีที่ให้เกียรติและดูแลภรรยาอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งการที่นักธุรกิจสักคนจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยก็ยิ่งเป็นเรื่องธรรมดาสามัญนัก
“ถ้าเราไม่ออกงานนี้ด้วยกัน ผมกลัวว่าพ่อคุณจะสงสัยเอาได้ อีกอย่างท่านต้องรู้ว่าวันนี้เป็นงานแต่งของลูกสาวเจ้าสัวเกียรติ คุณก็รู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันมานาน” ชินเขตพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าหาเหตุผลให้พิลาสินีตอบตกลง หากความจริงที่เขาพูดมานั้นก็ไม่อาจทำให้เธอปฏิเสธได้
“ค่ะ งั้นอีกชั่วโมงคุณมารับเพลงที่บ้านแล้วกัน” ตอบรับและวางสายหลังจากที่อีกฝ่ายกล่าวลา
พิลาสินีคิดดูแล้วว่าเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเธอคงต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นพ่อฟัง แล้วคนอายุเกือบเจ็ดสิบปีทั้งยังเป็นโรคหัวใจจะยอมรับเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นได้แค่ไหน แม้ว่าสิริแอทเซทจะกำลังพ้นจากวิกฤติแต่เหตุผลที่นักลงทุนระดับโลกยื่นมาเข้ามาโอบอุ้มไว้นั้นมันน่าอับอายและย่ำยีหัวใจของคนเป็นพ่อยิ่งนัก ไม่ว่าบริษัทหรือชีวิตของผู้เป็นพ่อ เธอก็ต้องรักษาและทะนุถนอมไว้อย่างถึงที่สุดเช่นกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ