จำนนเสน่หาแบดบอย

3.7

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.04 น.

  21 ตอน
  0 วิจารณ์
  21.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) จำนนเสน่หาแบดบอย ตอนที่ 5 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ฝ่ามือแข็งแรงของลินเนอุสกำลังสำรวจของใช้ในกระเป๋าเดินทางของเธออย่างถือวิสาสะ เขาไม่ได้พบอะไรแปลกหรือเรียกความสนใจนอกจากชุดชั้นในลูกไม้สีนู้ดกรวยฟองน้ำบางเฉียบทำให้จินตนาการของเขาพุ่งพล่านถึงก้อนเนื้อหยุ่นที่แม้กระทั่งในความฝันก็ไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัสเลยสักครั้ง รอยยับของแพนตี้ตัวบางบ่งบอกว่าผ่านการใช้งานมาแล้ว ความจริงในข้อนี้ทำให้ร่างกายเขารวดร้าวไปด้วยความต้องการ มันเดือดพล่านไม่ต่างจากทะเลคลั่ง หากต้องตกใจสุดขีดเมื่อใจเรียกร้องให้เศษผ้าทั้งสองชิ้นนี้เข้าสู่การปลดปล่อยอารมณ์หนุ่มอันเดือดพล่านในขณะนี้!
โอ... พระเจ้า! ถ้าต้องทำอย่างนั้นจริงๆเขาก็คงไม่ต่างจากไอ้โรคจิตที่ระงับความต้องการตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แค่เพียงเห็นชุดชั้นในของเธอ คนไม่เคยร้องเรียกหาพระเจ้ากำลังคร่ำครวญและทิ้งตัวนั่งบนข้างเตียงอย่างหมดแรง แต่ไม่มีวันซะล่ะที่จะปล่อยให้เธอครอบงำได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ห้าปีที่ผ่านมาเขาอาจจะตกเป็นทาสหัวใจของเธอ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเอาคืนแล้ว
อย่างน้อยเธอก็ต้องปีนขึ้นเตียงของเขาด้วยความเต็มใจ ตอนนั้นล่ะเขาจะปลดปล่อยความบ้าคลั่งที่อัดแน่นในตัวมานานถึงแม้ว่าไม่เคยได้อดอยากเซ็กซ์แต่เมื่อเทียบกับความรู้สึกที่อยากได้จากเธอแล้ว เขาเหมือนคนตายอดตายอยากที่ยืนอยู่กลางทะเลทรายอันแห้งแล้งเชียวล่ะ
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ลินเนอุสก็เอาชนะความโหยหาของตัวเองได้อีกครั้ง เขาสอดบราเซียร์เข้าไว้ในกระเป๋าดังเดิมแล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ยัดแพนตี้ที่ผ่านการใช้มาแล้วใส่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้วยสีหน้าอันรื่นรมย์ อันที่จริงแล้วเขายังพบพาสปอร์ตอยู่ในช่องเล็กๆด้านหน้ากระเป๋า แต่มันดูด้อยชั้นเชิงและคร่ำครึเกินไปสักหน่อย หากจะใช้มุกเก่าๆยึดพาสปอร์ตเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอหนีไปไหน เพราะสิ่งที่เขากำลังจะใช้กักขังเธอนั้นมันคือเกมเสน่หาอันเร่าร้อน แน่นอนว่าเธอต้องติดกับและหลงใหลจนไม่อาจจะถอนตัว
ร่างสูงใหญ่ของลินเนอุสเดินออกจากห้องรับรองที่เตรียมไว้สำหรับเธออย่างมั่นคง เขาพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับเธอเป็นครั้งแรกในรอบห้าปี หลังจากที่ผ่านมาได้แต่คอยติดตามข่าวคราวเป็นระยะๆ
 
พิลาสินีเดินทางมาถึงเกาะส่วนตัวอีกครั้งและเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงเศษก็ต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว หญิงสาวเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาในปราสาทหลังใหญ่เร็วกว่าการก้าวเดินปกติ ด้วยความร้อนใจและรีบเร่งพลางกวาดสายตามองรอบๆตัว เมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในห้องโถงใหญ่หากยังไม่ทันได้เอ่ยว่าอย่างไร สายตาก็สะดุดที่ร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนกอดอก กางขาออกเล็กน้อย จ้องมองเธอไม่กะพริบตาอยู่ระหว่างชั้นพักของบันไดที่ทอดตัวลงมาไม่ไกลจากจุดที่เธอยืน
คำพูดที่คิดเอาไว้ตลอดระยะทางจากโรงแรมถึงเกาะส่วนตัวของเขาเลือนหายไปจากระบบการสั่งงานของร่างกาย หรือจะพูดให้ถูกก็คือคำทักทายที่คิดเอาไว้ตั้งแต่ตัดสินใจเดินทางมาพบเขานี้ไม่ได้หลุดลอดออกจากริมฝีปากเธอแม้เพียงครึ่งคำ
เจ้าของดวงตาสีเทาควันบุหรี่กวาดมองทั่วร่างอ้อนแอ้นอย่างละเอียดลออ ภาพในความทรงจำแม้ว่าจะเด่นชัดเพียงไรแต่กลับเทียบไม่ได้กับภาพของเธอในวินาทีนี้ ยอมรับกับตัวเองได้ว่าความคิดร้ายกาจหรือแผนการอันแยบยลที่สร้างไว้พังทลายเพียงเพราะใบหน้าอันงดงามและดวงตาฉายแววความประหม่า กังวลใจอย่างชัดเจน
ท่อนขาแข็งแรงที่ก้าวลงบันไดมาหยุดตรงหน้านี้ทำให้พิลาสินีกะพริบตาถี่ๆ สมองกำลังทำงานอย่างหนักคิดหาคำทักทายตามมารยาทที่พึงปฏิบัติ
“สะ...สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ” พิลาสินีแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ เมื่อเงยหน้าจ้องกับดวงตาสีเทาอยู่ชั่วขณะ หากคำทักทายของเธอทำให้คนฟังคิ้วกระตุก ยิ้มที่มุมปากกับความสบายที่ต้องเผชิญตลอดระยะเวลาห้าปีเต็ม
“ตอนนี้สบายดี... ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร แต่ถ้าเป็นเมื่อห้าปีก่อนถ้าบอกว่าสบายดี ผมคงกลายเป็นคนหลอกตัวเอง”
สาบานได้ว่าดวงตาคู่คมมองมาอย่างตัดพ้อราวกับอาลัยอาวรณ์ในตัวเธอยิ่งนัก หากเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วไม่ได้เห็นรักของเขาด้วยสองตา เธอก็คงคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้ว “ดิฉันมารอมิสเตอร์ตั้งแต่...”
คำเรียกขานและสรรพนามที่ใช้มีระยะห่างจนน่าใจหาย การวางตัวอย่างเป็นทางการทำให้เขาหัวเราะพรืดออกมา แน่นอนว่าทางดังกล่าวก็ทำให้คำพูดของเธอหยุดชะงักเช่นกัน และเขาก็ตีความหมายไปว่าเธอกำลังตัดพ้อต่อว่าที่ให้รอมาทั้งวัน “กับบางเรื่องผมต้องอดทนรอมานานหลายปียังไม่เคยปริปากบ่นซักคำ คุณรอผมแค่ผมไม่กี่ชั่วโมงแล้วทำไมต้องบ่น”
พิลาสินีลอบถอนหายใจ เมื่อต้องการความช่วยเหลือจากเขาก็ต้องอดทนให้มากกว่านี้ แม้ว่าความจริงแล้วจะไม่ได้มีจุดประสงค์ตัดพ้อต่อว่าอย่างที่เขาเข้าใจ “ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งทำให้มิสเตอร์รู้สึกไม่ดีอย่างนั้น เอาเป็นว่าเรามาคุยธุระที่ดิฉันมาพบในวันนี้ดีกว่านะคะ”
“ห่างเหินและเป็นทางการเกินไป ข้อแรกที่คุณต้องคำนึงถึงให้มากคือ ผมไม่ทำธุรกิจกับคนแปลกหน้า” โป้ปดมดเท็จทั้งเพ ความจริงแล้วเขาไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าคู่ค้าหรือหุ้นแต่ละตัวที่สนใจจะเป็นของใคร ขอแค่มองเห็นผลกำไรเท่านั้นก็เกินพอ แต่คำพูดนั้นเป็นเพราะต้องการให้เธอเปลี่ยนสรรพนามและเลิกวางตัวอย่างเป็นทางการเสียที
ทำไมเธอจะไม่เข้าใจความต้องการของเขาพลางคิดในใจว่าหลับหูหลับตายอมทำตามใจเขาหน่อย ถึงยังไงก็ได้พบกันแล้ว “คุณลินเนอุส”
คนถูกเรียกด้วยชื่อเต็มทำเสียงจิ๊กจ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ ส่ายหน้าแล้วยังทำท่าว่าจะเดินหนีไปเสียดื้อๆ แต่ร้างอ้อนแอ้นที่ก้าวมาขวางทางไว้ก่อนก็ทำให้เขาเลิกคิ้ว ยิ้มพรายเมื่อเธอเรียกเขาเช่นในอดีต
“ลินเนียส”
“ค่อยรื่นหูขึ้นมาหน่อย” บอกในขณะที่ล้วงกระเป๋ากางเกงยีนข้างซ้ายซึ่งมีแพนตี้ตัวบางของเธอยัดอยู่ด้านใน เขาใช้ปลายนิ้วเขี่ยมันเล่นอย่างเพลินมือในขณะที่สายตาจดจ้องร่างอ้อนแอ้นตรงหน้าอย่างไม่เกรงใจ เดาสีหน้าเธอไม่ถูกว่าจะโกรธหรืออาย ถ้ารู้ว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับของใช้ส่วนตัว
“ทีนี้ฉันจะคุยรายละเอียดเรื่องที่คุณให้คนสนิทติดต่อไปได้รึยังคะ?” แม้ว่าจะหงุดหงิดใจกับการถ่วงเวลาของเขามากมายนักแต่น้ำเสียงที่ใช้ยังคงราบเรียบจนทำให้คนฟังอยากทดสอบความอดทนของเธอ
“ใจคอจะให้ผมคิดเรื่องหนักๆทั้งที่ยังไม่ทานมื้อเย็นเนี่ยนะ เงินไม่ใช่น้อยๆไม่ใช่เหรอ?” คนเล่นตัวยังกวนโทสะต่อไป ไม่เพียงแค่คำพูดแต่การยักคิ้วหลิ่วตาใส่เธอนั้นยั่วหัวใจดวงน้อยที่กำลังร้อนรนได้เป็นอย่างดี “นั่งทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนดีกว่า ถ้าปล่อยให้ผมหิวมากๆ ผมจะคิดอะไรไม่ออก อารมณ์เสียแล้วจะยิ่งเสียเวลาคุณมากไปอีก เพราะต้องปล่อยให้ผมกินจนอิ่มแปล้เสียก่อน”
พิลาสินีถอยกรูกับคำพูดกำกวมและสายตาที่กวาดมองทั้งตัวราวอย่างไม่เกรงใจ จนรู้สึกประหม่าอายไม่ต่างจากกำลังเปลือยกายต่อหน้าเขา หากสายตาเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้ข้างผนังก็ทำให้ต้องข่มความโกรธ ไม่ถือสาต่อกิริยายั่วโมโหของเขา “ขอร้องนะคะ ดิฉันเหลือเวลาไม่มากนัก ถ้าคุณยังถ่วงเวลาต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ เราคงไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนสักที”
ลินเนอุสยิ้มอย่างพึงใจกับท่าทีน่าสงสาร เขาเกือบจะใจอ่อนยอมให้เธอได้พูดในสิ่งที่ต้องการแล้วถ้าหากเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองให้น่าฟังกว่านี้ แล้วไหนยังจะท่าทางหวาดระแวง ถอยหลังหนีเมื่อต้องปะทะกับสายตาเรียกร้องสิเน่หาอย่างไม่ปิดปัง เธอคือผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วและไม่จำเป็นที่จะต้องสงวนท่าทีกับเขาหรอก จู่โจมเหมือนในฝันนั่นจะควบคุมจิตใจเขาได้ง่ายกว่า
“ผมบอกไปแล้วนี่ว่าไม่นิยมทำธุรกิจกับคนแปลกหน้า” พูดพลางสาวเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้า ใกล้กันจนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงไอร้อนจากร่างกายที่ผสมกับน้ำหอมกลิ่นสะอาด ทำให้เธอต้องแหงนหน้าขึ้นสบสายตาสีเทานั้นราวกับต้องมนตร์สะกด ปล่อยให้เขาใช้หลังมือเกลี่ยที่ข้างแก้มด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา “ข้อสอง... คุณต้องเข้าใจว่าสิริแอทเซทไม่มีความน่าสนใจใดให้ผมมองเห็นผลกำไร ที่คิดว่าจะช่วยเพราะเราเคยรู้จักกันมาก่อน”
ความจริงที่เขาพูดนั้นเป็นสิ่งที่เธอตระหนักดีอยู่แล้ว ท่าทางและชั้นเชิงทางธุรกิจที่เหลือกว่ายิ่งข่มให้ขวัญหนีดีฝ่อ กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบากเพราะไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวใจเขาเช่นไร
“เพราะฉะนั้นจะไม่มีการเจรจาเชิงธุรกิจ สิ่งที่คุณทำได้คือใช้ความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันในอดีต โน้มน้าวใจผมให้โอนเงินเข้าบัญชีของคุณ อ้อ... มากหรือน้อยนั่นก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถว่าจะทำให้ผมพอใจได้แค่ไหน” บอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง จ้องใบหน้างดงามที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนพูด
“ฉันคิดว่าตัวเองตีความหมายที่คุณพูดไม่ถูก” เธอเข้าใจว่าเขากำลังให้สานต่อสัมพันธ์ในอดีต ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ฉันชู้สาวแต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยแต่มีพันธะผูกพันอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
“งั้นก็รีบไปเถอะจ๊ะ เดี๋ยวจะตกเครื่องบิน” คนเล่นตัวยังทำเป็นไม่ง้อ ตั้งท่าจะเดินหนีเพราะรู้ว่าเธอฉลาดพอทีจะเข้าใจในคำพูดอย่างถ่องแท้เชียวล่ะ หากอีกฝ่ายก้าวไปขวางหน้าไว้แทบไม่ทัน
“ลินเนียส... คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันแต่งงานแล้วนะคะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม” คำพูดที่ไม่ใส่ใจต่อความรู้สึกของคนอื่นทำให้พิลาสินีหน้าถอดสี และเขาก็ได้เห็นสีหน้านั้นอย่างชัดเจนแต่เลือกที่จะบีบคั้นเธอให้ตัดสินใจเร็วที่สุด “ผมมีเงินให้มากเท่าที่ต้องการ อสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลผลกำไรหรือความเชื่อถือต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหมือนแบงก์ทั่วไป แต่เงินของผมที่จะไหลเข้าบัญชีสิริแอทเซทมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว”
“คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม ถ้าจะเรียกฉันให้บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยเรื่องบ้าๆแบบนี้สู้ปล่อยฉันไปตามยถากรรมยังดีกว่า” เธอโมโหจริงๆเพราะการเดินทางเช่นนี้ต้องใช้เงินอยู่ไม่น้อย ทั้งค่าเครื่องบินขากลับ ที่ไม่พักอยู่สักวันสองวันก็เพราะต้องการประหยัดค่าโรงแรมแล้วยังต้องมาเจอเรื่องบ้าบอเช่นนี้ เสียทั้งเวลาเสียทั้งสตางค์!
“นั่นบริษัทที่พ่อคุณสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงนะ ใจแข็งพอที่จะเห็นมันล้มไปทั้งที่ตัวเองมีทางออกอย่างนั้นเหรอ เพลงที่ผมรู้จักไม่ใช่คนใจจืดนี่จ๊ะ?” ว่าพลางคิดถึงเรื่องในอดีต เธอไม่ได้ใจจืดหรอกแต่เป็นผู้หญิงใจร้ายเลยต่างหาก ก็เธอนี่แหละที่สร้างแผลฉกรรจ์ให้ต้องหลบเลียแผลในใจอยู่นานถึงห้าปี “จำเป็นต้องแยแสในความสัมพันธ์ลุ่มๆดอนๆนั้นด้วยเหรอ ผมเห็นสามีตีทะเบียนของคุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่นมากกว่ากับเมียด้วยซ้ำ”
มันคือข้อมูลบางส่วนที่เขาได้รับรู้จากคนสนิท ในช่วงที่โยวันเข้าไปสืบข้อมูลเบื้อต้นของสิริแอทเซท ก็พบว่าความสัมพันธ์ของชินเขตและพิลาสินีไม่ได้ราบรื่นเหมือนคู่แต่งงานทั่วไป ชินเขตนั้นมีเลขานุการสาวสวยติดตามไปทุกแห่งหนไม่ต่างจากเงาตามตัว แน่นอนว่าลินเนอุสได้เห็นภาพที่ทั้งสองเดินหายเข้าไปในคอนโดมิเนียมด้วยกันและกลับออกมาอีกครั้งในตอนเช้า ซึ่งทุกอย่างมีคำตอบในตัวชัดเจนแล้ว
“ผมไม่เถียงว่าการปล่อยให้ต่างชาติเข้าเทกโอเวอร์มันก็เป็นวิธีแก้ปัญหาแบบหนึ่ง แต่คุณก็รู้ดีพอๆกับผมว่านั่นเป็นการตัดช่องน้อยแต่พอตัว ทิ้งให้คุณแบกเอาภาระทั้งหมดของสิริแอทเซทไว้คนเดียวทั้งที่เคยถ่ายเทเงินส่วนหนึ่งไปอุดรอยรั่วของดับเบิ้ลซีมานับครั้งไม่ถ้วน”
ความจริงที่หลุดออกจากปากเขาทำให้พิลาสินีถึงกับเข่าอ่อน ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาทรงกลมที่บุด้วยกำมะหยี่สีแดงเข้มซึ่งตั้งอยู่กลางห้องโถงในทันที จิตใจว้าวุ่นอย่างฉับพลันเพราะหากเขารู้เรื่องภายในอย่างละเอียดยิบเช่นนี้นั่นเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าเธอต้องระวังตัวให้มาก จุดประสงค์ของเขาต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
“ต้องการอะไร ทำไมถึงต้องสืบเรื่องส่วนตัวของฉันด้วย?!” คำถามที่หลุดออกจากปากในช่วงเวลาที่ตกใจ หวาดระแวงนั้นเหมือนการละเมอมากกว่าตั้งใจจะหาคำตอบ แต่คนฟังกลับตอบอย่างชัดเจน รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ต้องการคุณ พิลาสินี”
น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำของเขายิ่งทำให้เธอจ้องมองราวกับเห็นเขาเป็นตัวประหลาด ความตกใจที่แสดงออกมานั้นเป็นเพียงปฏิกิริยาทางกาย หากอดสูในใจยิ่งนักด้วยชั่วโมงที่แล้วนี้เพิ่งจะได้รู้จักกับคู่รักของเขา แต่ตอนนี้เขากำลังบีบบังคับให้เธอเป็นผู้หญิงที่ทำทุกอย่างแลกกับเงิน!
ลินเนอุสฉวยโอกาสที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ สาวเท้าเข้าไปยืนกางขาคร่อมคนที่นั่งอยู่บนโซฟาทรงกลม เขาคุกเข่าทั้งสองข้างเข้ากักตัวเธอด้วยท่าทางน่าหวาดเสียว ใบหน้างดงามอยู่ในระดับหัวเข็มขัดและทันทีที่เธอรู้สึกตัวตั้งใจจะดิ้นหนี เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งเชยคางมนขึ้นสบสายตา “อย่าคิดว่าหนีแล้วผมจะตาม ถ้าคุณทำให้ผมอารมณ์เสีย ผมอาจจะทำให้หุ้นของสิริแอทเซทที่ติดลบมานับเดือนดิ่งลงเหว”
“ปล่อย! คุณมันก็นิสัยแย่ๆเหมือนผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ มักมากไม่รู้จักพอทั้งที่มีคนรักอยู่แล้ว คิดว่าจะเอาความเดือดร้อนมาบีบบังคับฉันให้เป็นนางบำเรออย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ!” บอกพร้อมยกมือทั้งสองข้างดันช่วงหน้าท้องของเขาให้ออกห่าง แต่คนที่อยู่ในท่วงท่าได้เปรียบทั้งร่างกายยังใหญ่โตมากกว่าสองเท่ากลับไม่สะท้านสะเทือน แถมขยับเข้ามาใกล้จนเธอไม่กล้าขยับเพราะท่อนล่างนับตั้งแต่หัวเข็มขัดกำลังแนบชิดกับร่างกายท่อนบนของตน มีเพียงใบที่แหงนขึ้นตามแรงรั้งของฝ่ามือหนา หากไม่อยากคิดว่าถ้าเขาปล่อยมือใบหน้าและสองตาของเธอคงอยู่ในระดับเดียวกันกับ...
อาการตัวแข็งไม่ต่างจากท่อนไม้แต่แก้มเนียนทั้งสองข้างกลับเป็นสีชมพูเข้ม ทำให้ลินเนอุสหัวเราะร่วน... แน่ล่ะเขารู้ว่าเธอกำลังอาย ท่าทางอ่อนเดียงสาทำให้เขาดวงตาพร่ามัวและยอมรับกับตัวเองว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ผู้หญิงตรงหน้าก็ยังมีอิทธิพลเหนือจิตใจเขาเช่นเคย หากน้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่ดังขึ้นทำให้ตอบโต้เธออย่างไม่ลดละ
“คนเลว ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ฉันมันโง่เองที่คิดว่าคุณจะแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น” เริ่มดิ้นรนเพื่อเป็นอิสระ
“จุ...จุ... จุ... รู้ไหมว่าตอนที่คนเราอารมณ์เสียมันทำให้การตัดสินใจพลาดไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์” สอนด้วยความหวังดีและยิ้มพรายเมื่อหยุดอาการดิ้นรนของเธอได้ “อีกอย่าง ผมมั่นใจว่าแตกต่างจากผู้ชายอื่นที่คุณหมายถึง เห็นๆกันอยู่ว่าผมเสนอเงินให้มากมาย ในขณะที่มันไม่เคยชายตาแลเห็นความเดือดร้อนของคุณ”
“มันจะมากไปแล้วนะลินเนียส ถอยไป! แล้วชาตินี้อย่างหวังว่าฉันจะทำในสิ่งที่คุณต้องการ”
“ทั้งที่มีน้ำพักน้ำแรงของพ่อคุณเดิมพันน่ะเหรอ?” ลินเนอุสตีคิ้วใส่ดวงตาที่ฉายแววเกี้ยวกราดอย่างยั่วอารมณ์
“ฉันคงไม่ดวงจู๋หมดสิ้นหนทางจนต้องทำตามที่คุณบงการหรอก อย่างน้อย...”
“ก็จริง อย่างน้อยก็คงหาทางออกได้ในสักวัน” ดักคอก่อนที่เธอจะพูดจบประโยคและเพิ่มความกดดันมากขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง “แต่ผมเกรงว่ามันจะช้าไปน่ะสิ ไม่ทันการแน่ๆถ้าผมนึกสนุกขึ้นมา ช้อนซื้อหุ้นเน่าๆของสิริแอทเซท ถ้าอารมณ์ดีก็คงจะรีโนเวทบอร์ดบริหารใหม่ยกกระดาน แต่ถ้าบางคนขัดใจสิริแอทเซทอาจล้มไม่เป็นท่าเมื่อไหร่ก็ได้ คุณน่าจะรู้ดีนี่ว่านักลงทุนหลายคนเชื่อในคำพูดเล็กๆน้อยๆของผม”
“คุณกำลังขู่ฉัน!”
เขายิ้มพรายอย่างพึงใจราวกับหุ้นสักตัวทำกำไรมหาศาล “ผมรู้ว่าคุณกลัวและจะไม่ทำตามคำขู่ ถ้าคุณยอม”
พิลาสินีไม่อยากเชื่อหูว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้น ผู้ชายที่อยู่ในท่าทีคุกคามนี้กำลังบังคับ ขู่เข็ญทุกทางให้เธอกลายเป็นผู้หญิงลับ เขาไม่สนใจกระทั่งพันธะที่มี สายตาว่างเปล่าที่ยากจะคาดเดา คำพูดที่ไม่เห็นใจในความเดือดร้อนนั่นทำให้รู้ว่า ลินเนอุส คอนราดสัน ผู้ชายแสนอบอุ่นที่เคยรู้จักในครั้งก่อนเป็นคนละคนกับผู้ชายที่บังคับเอาทุกอย่างจากเธอในตอนนี้
“ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้คะ ฉันทำอะไรให้คุณโกรธแค้นมากนักหรือไง ถึงได้หลอกฉันมาไกลครึ่งโลก คุณรู้ไหมว่าฉันเดินทางมาที่นี่ด้วยความหวัง ทั้งที่ฉันมืดแปดด้านแต่สิ่งที่คนสนิทของคุณพูดคือความหวังเดียวของครอบครัวฉัน ถึงแม้ว่าเวลาของฉันจะไม่ได้ทำเงินมหาศาลได้อย่างคุณแต่มันก็มีค่าเกินกว่าที่ต้องมาฟังเรื่องบ้าบอที่คุณพูดมา ถ้าคุณไม่เต็มใจช่วยแต่แรกก็น่าจะบอกมาตรงๆทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้” พิลาสินีตวาดออกมาด้วยความคับข้องใจ เธออยากตะโกนใส่หน้าเขาด้วยซ้ำว่าความหวังสุดท้ายที่ทำให้ดั้นด้นมาถึงสวีเดนมันพังทลายไปต่อหน้า เธอทั้งเหนื่อย หิว เพลียแล้วก็ง่วงเอามากๆ “เข้าใจบ้างไหมว่าคุณเป็นคนทำให้ความรู้สึกแย่ๆมันรวมอยู่ในหัวสมองฉัน”
นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าพ่ายแพ้ให้เธออย่างศิโรราบ ยอมตั้งแต่เธอยังไม่ปริปากอะไรด้วยซ้ำ ทำไมจะไม่เข้าใจความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นกับเธอ ใจจริงแล้วอยากจะดึงเธอเข้ามากกกอด แล้วย้ำให้วางใจว่าเขาจะคืนความรุ่งเรือง มั่นคั่งให้สิริแอทเซทอย่างแน่นอน แต่ทั้งหมดนั่นมันพังทลายไปตั้งแต่วินาทีที่เธอตัดสินใจหันหลังให้เขาไปเมื่อห้าปีที่ผ่านมาแล้ว
ลินเนอุสชักมือหนีจากปลายคางมน ถอยห่างออกจากการคุกคามเธออย่างฉับพลันจนเจ้าตัวแปลกใจ เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆจงใจเบียดจนเสี้ยวหนึ่งของร่างกายแข็งแรงเกยกับร่างนุ่มนิ่ม แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอย่างคนเข้าใจโลก “ชีวิตมันก็โหดร้ายอย่างนี้แหละเพลง ถ้าคุณมัวแต่เล่นตามเกมของคนอื่น คุณก็จะเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่เขาเห็นคุณค่าตอนที่มีผลประโยชน์เท่านั้น หมดประโยชน์เมื่อไหร่ก็ถูกกำจัดทิ้งเหมือนที่สิริแอทเซทกำลังเผชิญในตอนนี้”
พิลาสินีหันไปสบสายตาคู่คม ขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบเพราะคำพูดมีลับลมคนในนั้น “พูดอะไร คุณหมายถึงใคร ทำไมต้องพูดเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของใครสักคน?!”
“คุณเพิ่งปฏิเสธผมไปหยกๆ” พ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปอย่างเขาน่ะเหรอจะยอมขาดทุนสักนิด
“แค่พูดในสิ่งที่คุณรู้มันคงไม่ทำให้ขาดทุนกว่าเสนอเงินมหาศาลให้ฉันหรอกนะ” พิลาสินีอดที่จะประชดไม่ได้
ลินเนอุสหัวเราะร่วน... “เคยได้ยินไหมว่าบุคลากรคือสินทรัพย์ และผมก็ไม่เคยเกี่ยงราคาของสินทรัพย์ที่ถูกใจ”
อา... เธอคือสินทรัพย์บนเตียงที่ทำให้เขากระปรี้กระเปร่า คึกคักมากกว่าโด๊ปไวอะกร้ามาทั้งขวด บุคลากรเนื้อตัวนุ่มนิ่ม หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นของดอกบูลเบลล์ ถ้าจ่ายห้าร้อยล้านบาทแล้วหิ้วเธอขึ้นเตียงได้นั่นคือสิ่งที่เขาจะทำโดยไม่ลังเล
จบคำพูดดวงตาสองคู่ก็จ้องมองกันนิ่งนาน เขาอาจจะไม่ได้ค้นคว้าอะไรเลยนอกเสียจากคำตอบรับ หากพิลาสินีไม่อาจทำในสิ่งที่เขาต้องการได้แม้ว่าข้อเสนอนั้นจะคือความอยู่รอดของสิริแอทเซท หญิงสาวจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “เอาล่ะค่ะ ถึงคุณจะรู้ว่าธุรกิจของฉันพังพินาศเพราะสาเหตุอะไร แต่ถ้าไม่อยากบอก ฉันก็คงต้องยอมรับ”
ลินเนอุสเปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างมองร่างอ้อนแอ้นที่ลุกขึ้นจากโซฟายืนอยู่ตรงหน้า รอดูท่าทีของเธออย่างประเมินสถานการณ์
“แล้วฉันจะถือว่าการมาพบคุณในครั้งนี้ทดแทนกับสิ่งที่ทำให้คุณไม่พอใจ คำพูดดูหมิ่นน้ำใจที่ได้ยินฉันจะลืมๆมันไปก็แล้วกัน ขอขึ้นไปเอากระเป๋าเดินทางข้างบนด้วยนะคะ ฉันต้องกลับแล้ว” พูดพลางชี้นิ้วไปยังชั้นบนแล้วหมุนตัวจากผู้ชายที่นั่งนิ่งเดินไปยังบันไดของปราสาทหลังงาม
“ชั่วโมงกับอีกสี่สิบนาที คุณต้องออกจากเกาะของผมด้วยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้นแหละถึงจะทันไฟลท์ที่จองเอาไว้”
เสียงห้าวที่ดังขึ้นข้างหลังหยุดการก้าวเดินของเธอได้และหันกลับมาตอบเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “โยวันบอกว่าชั่วโมงครึ่งก็ทันค่ะ เขาบอกว่าจะไปส่งฉันทันทีที่คุยกับคุณเรียบร้อยแล้ว”
“ผมเป็นเจ้าของทุกอย่างบนเกาะนี้ หลังสองทุ่มถ้าไม่ใช่คำสั่งของผมใครก็ออกจากเกาะนี้ไม่ได้”
“แต่ฉันต้องกลับประเทศไทย”
“แล้ว?...” เขายังเลิกคิ้วถามต่อด้วยท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน
แน่นอนว่าท่าทางดังกล่าวทำให้คนที่กำลังขัดสนต้องเจียดเงินจำนวนหนึ่งมาเป็นค่าเดินทางแถมยังต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ หญิงสาวหมดความอดทน ก้าวลงบันไดสองสามขั้นลงมายืนตรงหน้าเขาด้วยความโมโหสุดขีด “ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ คุณถ่วงเวลาฉันมาทั้งวันยังไม่พอ ยังจะแกล้งให้ฉันตกเครื่องบิน คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม?!”
เสียงแหลมที่ตวาดดุแวดๆทำให้เขานึกสนุกที่ได้แกล้งเธอให้ร้อนรน ต้องกลั้นหัวเราะจนปวดกรามโดยไม่รู้เลยว่าเงินจำนวนหนึ่งที่ใช้เป็นค่าเดินทาง มันมากโขสำหรับคนที่กำลังขาดสภาพคล่อง “ผมไปแกล้งคุณตอนไหน รั้งคุณไม่ให้กลับเมื่อไหร่ อยากกลับก็กลับไปสิ ผมไม่ทำอยากธุรกิจกับคนขี้ขลาดเหมือนกัน กลับไปพร้อมกับความล่มสลายของสิริแอทเซท อย่าลืมเตรียมเหตุผลดีๆบอกพ่อคุณด้วยแล้วกัน แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะไม่ต้องหามท่านส่งโรงพยาบาลอีก ไปสิ! กลับไปเลย... แต่หาทางกลับเอาเองนะ ผมเหนื่อยมาทั้งวัน จะนอนแล้วเหมือนกัน”
พูดจบก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เดินผ่านหน้าเธอไปขึ้นบันไดอย่างไม่สนใจไยดีทิ้งให้คนที่กำลังรีบร้อนแต่ไม่รู้ว่าจะออกจากเกาะส่วนตัวนี้ไปได้อย่างไรอ้าปากค้าง มองตามเพราะไม่รู้ว่าจะหยุดเขาได้อย่างไร
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา