ถึงคราวนางร้าย ทะลุมิติ
8.7
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 20.45 น.
29 ตอน
7 วิจารณ์
71.35K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 16.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) นิวเฟิงเซียน ปะทะ เหม่ยเซียน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากซื้อชุดใหม่และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวใหม่ พราวนภา ก็กลับมาที่บ้านพร้อมสาวใช้ พอกลับมาถึงไม่ทันไร ก็เจอกับหญิงสาวนางหนึ่งรูปโฉมงามน้อยกว่า เฟิงเซียน แต่งหน้าเข้มจัดเดินเฉิดฉาย ตรงเข้ามาหาเรื่อง
"อ้าว เฟิงเซียน ทำงานบ้านเสร็จแล้วเหรอห๊ะ? แล้วนี่ผีเข้าหรือไงถึงได้ลุกขึ้นมาแต่งกายอย่างกับนางมารยั่วสวาทก็ไม่ปาน ควรสำเนียกตัวเองไว้บ้างนะว่า ตัวเองเป็นถึงบุตรสาวท่านพ่อที่เป็นคหบดี" หญิงสาวกล่าวกระทบกระแทก ทั้งที่ความจริงก็รู้สึกตะลึงกับรูปโฉมที่ผิดแปลกไป เพราะพอแต่งกายรวมกับการแต่งหน้าใหม่ ก็ส่งให้น้องสาวต่างมารดาของตนกลายเป็นสาวงามโฉบเฉี่ยวแทบกลายเป็นคนละคนกับที่ตนเคยรู้จัก
ทางด้าน พราวนภา มองหญิงสาวตรงหน้า เดาจากข้อมูลที่ อันหนิง สาวใช้ของตนบอกกล่าว ก็คิดว่าหญิงสาวตรงหน้า คือพี่สาวต่างมารดาของ เฟิงเซียน ที่ชื่อ เหม่ยเซียนแน่จึงได้กล่าวโต้ไป
"บ้านนี้มันก็เป็นบ้านของทุกคนไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม๊ทำไม ต้องเป็นข้าที่ต้องมานั่งทำงานบ้านอยู่คนเดียวด้วยล่ะ? คุณท่านพี่สุดที่รักล่ะเจ้าคะ มายืนลอยหน้าลอยตาสั่งงานชาวบ้านเขา เคยคิดที่จะหยิบจับงานอะำไรบ้างไหม? ระวังนะเจ้าคะไม่รู้จักออกแรงทำงานอะไรบ้าง เดี๋ยวจะเป็นง่อยซะ" "แล้วก็นะ ข้าทราบดีว่าตัวเองเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องให้คุณพี่สาวย้ำเตือนหรอก นี่มันก็เป็นรสนิยมส่วนบุคคล ข้าจะแต่งกายอย่างไรมันก็ไม่น่าจะหนักส่วนไหนของใครนี่นะ เจ้าคะคุณพี่"
หลังจากได้ฟังคำตอบโต้ ก็ทำให้ทุกคนที่นั่นตื่นตะลึง คนแรกคือ อันหนิง สาวใช้คนสนิทของเฟิงเซียน ที่ไม่นึกฝันว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ก็ราวกับเป็นคนละคนกับคุณหนูที่นางเคยรู้จักทั้งการแต่งกาย รวมถึงการพูดสีหน้าแววตาล้วนเปลี่ยนไปทั้งหมด และอีกคนที่ตกใจกับความเปลี่ยนแปลงก็คือ เหม่ยเซียน พี่สาวต่างมารดา ที่ไม่นึกฝันว่าน้องสาวหัวอ่อน ขี้กลัวที่ไม่เคยกล้ามีปากมีเสียงกลับโต้ตอบกับนางอย่างไม่น้อยหน้า
"นี่เจ้า เฟิงเซียน เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าปากดีกับข้าเชียวเหรอ? วันนี้ข้าจะสั่งสอนความอวดดีของเจ้าเอง" กล่าวจบ หญิงสาวก็ปราดเข้ามาหมายจะตบหน้าน้องสาวต่างมารดาของตน แต่อีกฝ่ายกลับเอี้ยวหน้าหลบและเป็นฝ่ายเงื้อมือตบหน้าพี่สาวต่างมารดาสุดแรง จนอีกฝ่ายลงไปกองกับพื้น "นี่เจ้า!! นังเฟิงเซียน เจ้ากล้าตบหน้าข้าเหรอฮะ" หญิงสาวลุกขึ้นหมายจะเอาคืน แต่ระหว่างที่ปราดเข้ามาหมายจะเล่นงาน ก็มีเสียงชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
"เหม่ยเซียน! นั่นลูกกำลังทำอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้นะ" กล่าวจบก็เดินตรงเข้ามาหาหญิงสาวทั้งสอง
"ท่านพ่อ! นังเหม่ยเซียนมันตบหน้าข้า ท่านพ่อต้องทำโทษมันนะเจ้าคะ" หญิงสาวรีบเอ่ยฟ้องพ่อของตนหมายจะเห็นน้องสาวต่างมารดาถูกบิดาลงโทษ แต่ปรากฎว่าจู่ๆ พราวนภาในร่างเฟิงเซียนก็ร้องไ้ห้น้ำตานองหน้าออกมาอย่างน่าสงสารราวกับสั่งได้ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ไม่จริงนะเจ้าคะ ท่านพ่อ ท่านพ่อก็รู้จักข้าดี ข้านะหรือจะกล้าทำร้ายท่านพี่ ข้าเพิ่งกลับมาจากซื้อของในตลาดกับอันหนิง อยู่ๆท่านพี่ก็มาหาเรื่องข้าหมายจะทำร้าย ข้าตกใจทำให้พลั้งเผลอป้องกันตัวไปตามสัญชาติญาณ ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายท่านพี่แม้แต่น้อย หากท่านพ่อคิดลงโทษข้าก็ยินดี ข้ารู้ตัวดีเจ้าค่ะ ว่าข้าเป็นแค่ลูกอนุ จะอย่างไรก็ต้องเป็นฝ่ายผิดวันอย่างค่ำ ถ้าท่านพ่อไม่เมตตาลูก ลูกขอเก็บข้าวของออกจากบ้านนี้ ไม่อยู่ให้เป็นที่รำคาญใจของทุกคนอีก"
เมื่อได้ยินบุตรสาวของตนเอ่ยทั้งน้ำตา หลิวจงไห่ คหบดีผู้เป็นบิดาให้นึกสงสารและเชื่อว่าบุตรสาวคนเล็ก ถูกผู้เป็นพี่รังแกจริง เพราะที่แล้วมา นางมักถูกผู้เป็นพี่ของตนรังแกมาตลอด เขาเองให้รู้สึกรักและสงสารบุตรสาวคนเล็กมาตลอด ที่ต้องเสียมารดาตั้งแต่ยังเล็ก ถึงจะเป็นลูกอนุของเขา แต่เขาก็รักลูกสาวเท่ากัน เขารู้สึกผิดมาตลอดที่ไม่เข้มแข็งพอ มัวแต่เกรงใจฮูหยินใหญ่และไม่อยากให้เรื่องราววุ่นวายจึงไม่ได้ปกป้องลูกสาวคนเล็กเท่าที่ควร จงไห่กล่าวกับบุตรสาวคนเล็กอย่างหนักแน่นอย่างตัดสินใจ
"ลูกเป็นบุตรสาวของพ่ออีกคนนึงเสมอ พ่อขอโทษที่ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องลูกอย่างที่ควรจะทำ เจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น บ้านของคหบดีที่มีคนอาศัยอยู่มากมาย ทำไมจะเป็นที่อยู่ของบุตรสาวคนหนึ่งของตัวเองไม่ได้ แล้วลูกก็ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองเป็นลูกอนุ เพราะพ่อรักแม่ของลูกเสมอและไม่เคยลืมนาง นับแต่นี้ถ้าฮูหยินใหญ่และพี่สาวเจ้ารังแกเจ้าอีกให้มาบอกพ่อ เอ่ยจบก็หันหน้าไปทางบุตรสาวคนโตของตนและกล่าวว่า
"ส่วนเจ้าเหม่ยเซียน อย่านึกนะว่าพ่อจะไม่รู้จักนิสัยเจ้า พ่อคงปล่อยประละเลยเจ้ามากเกินไป จนทำให้เจ้าหลงระเริง ต่อแต่นี้ถ้าพ่อได้ยินได้เห็นเจ้ารังแกน้องอีก พ่อจะลงโทษเจ้า และต่อแต่นี้หน้าที่ในการดูแลงานบ้านเป็นของเจ้า เพราะเฟิงเซียนทำมามากพอแล้ว อีกหน่อยเจ้าก็ต้องออกเรือนถ้าไม่หยิบจับทำอะไรบ้างจะเป็นแม่เรือนให้ใครเขาได้"
"อะไรนะเจ้าคะท่านพ่อ นี่ท่านพ่อไม่เชื่อข้าเหรอ มันตบหน้าข้าจริงๆนะ ท่านพ่อดูหน้าข้าสิต้องมีรอยนิ้วมันอยู่แน่ ลูกไม่ยอมนะเจ้าคะ"
"ก็เฟิงเซียนเขาก็บอกอยู่นี่นา ว่าเจ้าจะทำร้ายเขาก่อนเขาก็ต้องป้องกันตัวมันก็ถูกแล้ว แล้วที่ผ่านมาใครเป็นฝ่ายถูกรังแกก็รู้ๆกันอยู่ นี่เจ้าจะขัดคำสั่งพ่องั้นเหรอ ? ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วอย่างที่พ่อบอก ถ้าลูกไม่เชื่อพ่อจะลงโทษเจ้าเองและอย่าหวังว่าแม่เจ้าจะช่วยอะไรได้อีก พ่อจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าสองแม่ลูกรังแกน้องอีกแล้ว" กล่าวจบผู้เป็นบิดาก็เดินจากไป
หลังจากผู้เป็นบิดาเดินจากไป พราวนภาก็เช็ดน้ำตาของตน และมองไปทางพี่สาวต่างมารดาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน "เฮ้อ... แย่หน่อยนะพี่สาว นับแต่นี้น่ากลัวว่าสถานะของเราคงจะสลับกันแล้วล่ะ" กล่าวจบก็เดินจากไปด้วยความสะใจ ทิ้งให้เหม่ยเซียนมองด้วยสีหน้าเจ็บแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"กรี๊ด!! นังเฟิงเซียน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอยู่ๆมันผีเข้าหรือไง ข้ากับเจ้าอย่าได้อยู่ร่วมโลกกันเลย"
"อ้าว เฟิงเซียน ทำงานบ้านเสร็จแล้วเหรอห๊ะ? แล้วนี่ผีเข้าหรือไงถึงได้ลุกขึ้นมาแต่งกายอย่างกับนางมารยั่วสวาทก็ไม่ปาน ควรสำเนียกตัวเองไว้บ้างนะว่า ตัวเองเป็นถึงบุตรสาวท่านพ่อที่เป็นคหบดี" หญิงสาวกล่าวกระทบกระแทก ทั้งที่ความจริงก็รู้สึกตะลึงกับรูปโฉมที่ผิดแปลกไป เพราะพอแต่งกายรวมกับการแต่งหน้าใหม่ ก็ส่งให้น้องสาวต่างมารดาของตนกลายเป็นสาวงามโฉบเฉี่ยวแทบกลายเป็นคนละคนกับที่ตนเคยรู้จัก
ทางด้าน พราวนภา มองหญิงสาวตรงหน้า เดาจากข้อมูลที่ อันหนิง สาวใช้ของตนบอกกล่าว ก็คิดว่าหญิงสาวตรงหน้า คือพี่สาวต่างมารดาของ เฟิงเซียน ที่ชื่อ เหม่ยเซียนแน่จึงได้กล่าวโต้ไป
"บ้านนี้มันก็เป็นบ้านของทุกคนไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม๊ทำไม ต้องเป็นข้าที่ต้องมานั่งทำงานบ้านอยู่คนเดียวด้วยล่ะ? คุณท่านพี่สุดที่รักล่ะเจ้าคะ มายืนลอยหน้าลอยตาสั่งงานชาวบ้านเขา เคยคิดที่จะหยิบจับงานอะำไรบ้างไหม? ระวังนะเจ้าคะไม่รู้จักออกแรงทำงานอะไรบ้าง เดี๋ยวจะเป็นง่อยซะ" "แล้วก็นะ ข้าทราบดีว่าตัวเองเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องให้คุณพี่สาวย้ำเตือนหรอก นี่มันก็เป็นรสนิยมส่วนบุคคล ข้าจะแต่งกายอย่างไรมันก็ไม่น่าจะหนักส่วนไหนของใครนี่นะ เจ้าคะคุณพี่"
หลังจากได้ฟังคำตอบโต้ ก็ทำให้ทุกคนที่นั่นตื่นตะลึง คนแรกคือ อันหนิง สาวใช้คนสนิทของเฟิงเซียน ที่ไม่นึกฝันว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ก็ราวกับเป็นคนละคนกับคุณหนูที่นางเคยรู้จักทั้งการแต่งกาย รวมถึงการพูดสีหน้าแววตาล้วนเปลี่ยนไปทั้งหมด และอีกคนที่ตกใจกับความเปลี่ยนแปลงก็คือ เหม่ยเซียน พี่สาวต่างมารดา ที่ไม่นึกฝันว่าน้องสาวหัวอ่อน ขี้กลัวที่ไม่เคยกล้ามีปากมีเสียงกลับโต้ตอบกับนางอย่างไม่น้อยหน้า
"นี่เจ้า เฟิงเซียน เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าปากดีกับข้าเชียวเหรอ? วันนี้ข้าจะสั่งสอนความอวดดีของเจ้าเอง" กล่าวจบ หญิงสาวก็ปราดเข้ามาหมายจะตบหน้าน้องสาวต่างมารดาของตน แต่อีกฝ่ายกลับเอี้ยวหน้าหลบและเป็นฝ่ายเงื้อมือตบหน้าพี่สาวต่างมารดาสุดแรง จนอีกฝ่ายลงไปกองกับพื้น "นี่เจ้า!! นังเฟิงเซียน เจ้ากล้าตบหน้าข้าเหรอฮะ" หญิงสาวลุกขึ้นหมายจะเอาคืน แต่ระหว่างที่ปราดเข้ามาหมายจะเล่นงาน ก็มีเสียงชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
"เหม่ยเซียน! นั่นลูกกำลังทำอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้นะ" กล่าวจบก็เดินตรงเข้ามาหาหญิงสาวทั้งสอง
"ท่านพ่อ! นังเหม่ยเซียนมันตบหน้าข้า ท่านพ่อต้องทำโทษมันนะเจ้าคะ" หญิงสาวรีบเอ่ยฟ้องพ่อของตนหมายจะเห็นน้องสาวต่างมารดาถูกบิดาลงโทษ แต่ปรากฎว่าจู่ๆ พราวนภาในร่างเฟิงเซียนก็ร้องไ้ห้น้ำตานองหน้าออกมาอย่างน่าสงสารราวกับสั่งได้ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ไม่จริงนะเจ้าคะ ท่านพ่อ ท่านพ่อก็รู้จักข้าดี ข้านะหรือจะกล้าทำร้ายท่านพี่ ข้าเพิ่งกลับมาจากซื้อของในตลาดกับอันหนิง อยู่ๆท่านพี่ก็มาหาเรื่องข้าหมายจะทำร้าย ข้าตกใจทำให้พลั้งเผลอป้องกันตัวไปตามสัญชาติญาณ ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายท่านพี่แม้แต่น้อย หากท่านพ่อคิดลงโทษข้าก็ยินดี ข้ารู้ตัวดีเจ้าค่ะ ว่าข้าเป็นแค่ลูกอนุ จะอย่างไรก็ต้องเป็นฝ่ายผิดวันอย่างค่ำ ถ้าท่านพ่อไม่เมตตาลูก ลูกขอเก็บข้าวของออกจากบ้านนี้ ไม่อยู่ให้เป็นที่รำคาญใจของทุกคนอีก"
เมื่อได้ยินบุตรสาวของตนเอ่ยทั้งน้ำตา หลิวจงไห่ คหบดีผู้เป็นบิดาให้นึกสงสารและเชื่อว่าบุตรสาวคนเล็ก ถูกผู้เป็นพี่รังแกจริง เพราะที่แล้วมา นางมักถูกผู้เป็นพี่ของตนรังแกมาตลอด เขาเองให้รู้สึกรักและสงสารบุตรสาวคนเล็กมาตลอด ที่ต้องเสียมารดาตั้งแต่ยังเล็ก ถึงจะเป็นลูกอนุของเขา แต่เขาก็รักลูกสาวเท่ากัน เขารู้สึกผิดมาตลอดที่ไม่เข้มแข็งพอ มัวแต่เกรงใจฮูหยินใหญ่และไม่อยากให้เรื่องราววุ่นวายจึงไม่ได้ปกป้องลูกสาวคนเล็กเท่าที่ควร จงไห่กล่าวกับบุตรสาวคนเล็กอย่างหนักแน่นอย่างตัดสินใจ
"ลูกเป็นบุตรสาวของพ่ออีกคนนึงเสมอ พ่อขอโทษที่ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องลูกอย่างที่ควรจะทำ เจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น บ้านของคหบดีที่มีคนอาศัยอยู่มากมาย ทำไมจะเป็นที่อยู่ของบุตรสาวคนหนึ่งของตัวเองไม่ได้ แล้วลูกก็ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองเป็นลูกอนุ เพราะพ่อรักแม่ของลูกเสมอและไม่เคยลืมนาง นับแต่นี้ถ้าฮูหยินใหญ่และพี่สาวเจ้ารังแกเจ้าอีกให้มาบอกพ่อ เอ่ยจบก็หันหน้าไปทางบุตรสาวคนโตของตนและกล่าวว่า
"ส่วนเจ้าเหม่ยเซียน อย่านึกนะว่าพ่อจะไม่รู้จักนิสัยเจ้า พ่อคงปล่อยประละเลยเจ้ามากเกินไป จนทำให้เจ้าหลงระเริง ต่อแต่นี้ถ้าพ่อได้ยินได้เห็นเจ้ารังแกน้องอีก พ่อจะลงโทษเจ้า และต่อแต่นี้หน้าที่ในการดูแลงานบ้านเป็นของเจ้า เพราะเฟิงเซียนทำมามากพอแล้ว อีกหน่อยเจ้าก็ต้องออกเรือนถ้าไม่หยิบจับทำอะไรบ้างจะเป็นแม่เรือนให้ใครเขาได้"
"อะไรนะเจ้าคะท่านพ่อ นี่ท่านพ่อไม่เชื่อข้าเหรอ มันตบหน้าข้าจริงๆนะ ท่านพ่อดูหน้าข้าสิต้องมีรอยนิ้วมันอยู่แน่ ลูกไม่ยอมนะเจ้าคะ"
"ก็เฟิงเซียนเขาก็บอกอยู่นี่นา ว่าเจ้าจะทำร้ายเขาก่อนเขาก็ต้องป้องกันตัวมันก็ถูกแล้ว แล้วที่ผ่านมาใครเป็นฝ่ายถูกรังแกก็รู้ๆกันอยู่ นี่เจ้าจะขัดคำสั่งพ่องั้นเหรอ ? ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วอย่างที่พ่อบอก ถ้าลูกไม่เชื่อพ่อจะลงโทษเจ้าเองและอย่าหวังว่าแม่เจ้าจะช่วยอะไรได้อีก พ่อจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าสองแม่ลูกรังแกน้องอีกแล้ว" กล่าวจบผู้เป็นบิดาก็เดินจากไป
หลังจากผู้เป็นบิดาเดินจากไป พราวนภาก็เช็ดน้ำตาของตน และมองไปทางพี่สาวต่างมารดาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน "เฮ้อ... แย่หน่อยนะพี่สาว นับแต่นี้น่ากลัวว่าสถานะของเราคงจะสลับกันแล้วล่ะ" กล่าวจบก็เดินจากไปด้วยความสะใจ ทิ้งให้เหม่ยเซียนมองด้วยสีหน้าเจ็บแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"กรี๊ด!! นังเฟิงเซียน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอยู่ๆมันผีเข้าหรือไง ข้ากับเจ้าอย่าได้อยู่ร่วมโลกกันเลย"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ