ถึงคราวนางร้าย ทะลุมิติ
8.7
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 20.45 น.
29 ตอน
7 วิจารณ์
71.32K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 16.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) การตัดสินใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทางด้านอี้หนาน กำลังต่อสู้จนกำจัดมือสังหารไปได้แล้วสามคน โดยคอยกันอันหนิงไปอยู่ด้านหลังด้วย เมื่อจบการต่อสู้แล้ว ก็เปิดหน้ามือสังหารดู รู้สึกไม่คุ้นหน้าเลย 'คงเป็นมือสังหารรับจ้างจากภายนอก' ชายหนุ่มคิด
"พวกเรารีบไปดูคุณหนูกับเทียนฟงกันเถอะ ข้าเป็นห่วงคุณหนูจะแย่แล้ว ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้" อันหนิงกล่าวกับอี้หนาน "ข้าว่าคุณหนูของเจ้าคงไม่เป็นไรหรอกมั้งแม่นาง ดูท่าทางออกจะเก่งกล้าค่อนไปทางร้ายกาจเสียด้วยซ้ำ" สองหนุ่มสาวพากันเดินเข้าไปในป่าเพื่อตามหาเจ้านายของตน
"ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนคุณหนูไม่ได้เป็นเช่นนี้ คุณหนูของข้าเป็นคนหัวอ่อน ไม่กล้าสู้คน ไม่กล้ามีปากมีเสียงกับใคร ชอบเก็บตัว มีเรื่องอะไรก็เอาแต่ร้องไห้ แต่เดี๋ยวนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปหมด" อันหนิงเปรยขึ้น
"ไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงของแม่นางเฟิงเซียน เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?"
"ตั้งแต่เมื่อวันก่อน คุณหนูถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนักแทบไม่ได้พัก นายท่านตอนนั้นไม่อยู่บ้าน โดนขู่ว่าให้ทำงานต่างๆให้เสร็จภายในวันเดียวไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษหากกลับมาแล้วยังทำไม่เสร็จ งานที่ใช้ให้ทำล้วนหลายสิ่งด้วยกัน ส่วนคุณหนูใหญ่สั่งงานเสร็จก็ออกไปเที่ยวข้างนอก คุณหนูกลัวเกรงคุณหนูใหญ่มาก ฮูหยินใหญ่ไปร่วมงานสังสรรค์ของสหายสนิท มีแต่ข้ากับคุณหนู จู่ๆ คุณหนูก็ฟุบตัวลงไป ข้าตกใจมาก แล้วยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เพราะพอแตะที่ปลายจมูก พบว่าคุณหนูไม่มีลมหายใจแล้ว ข้าตกใจมากรีบเชิญหมอมาดูอาการ" "แต่น่าแปลก พอข้าตามท่านหมอมาถึงบ้านกลับพบว่าคุณหนูฟื้นขึ้นมา แล้วพอตรวจดูกลับพบว่าคุณหนูไม่ได้มีอาการอ่อนแรงหรือป่วยอะไร หนำซ้ำยังดูแข็งแรงดีด้วย
แล้วหลังจากที่ฟื้นมาคุณหนูก็ดูเปลี่ยนเป็นคนละคน แต่กลับจำอะไรไม่ได้ จำได้แต่เพียงชื่อของตัวเองเท่านั้น แม้แต่ข้าเองคุณหนูยังจำไม่ไดเลย คุณหนูบอกว่าวิญญานของคุณหนูออกจากร่างไปปรโลก พอกลับเข้าร่างอีกครั้งก็จำอะไรไม่ได้เลย แล้วบอกให้ข้าเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง แล้ววันนี้ก็ให้ข้าพาดูสถานที่ต่างๆด้วยนะ" ชายหนุ่มรับฟังข้อมูลอยู่เงียบๆด้วยความสนใจ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลรายงานเจ้านายของตน
อีกด้านหนึ่ง พราวนภากำลังช่วยทำแผลให้หนุ่มปัญญาอ่อน อยู่ภายในกระท่อม "ขอบคุณมากๆ เลยน๊า นางฟ้าใจดีที่สุดเลย!" หนุ่มปัญญาอ่อนว่าพลางหอมแก้มหญิงสาวไปฟรอดใหญ่ ซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเนื่องจากชายหนุ่มเป็นคนปัญญาอ่อน ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับโดนเด็กหอมแก้ม ก็เลยรู้สึกเฉยๆ หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มแอบฉวยโอกาสโดยอาศัยอาการปัญญาอ่อนของตนเป็นเครื่องมือ ในขณะที่ทำแผลพราวนภาก็เอ่ยขึ้นว่า
"ไม่คิดจะบอกอะไรกับข้า เอ้ย!... ไม่สิต้องบอกว่า ไม่คิดจะบอกอะไรกับหม่อมฉันหน่อยรึเพคะ ฝ่าบาท!" ชายหนุ่มนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ พราวนภาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยในขณะทำแผลไปด้วย
"หม่อมฉันได้มีโอกาสไปพบกับท่านเจ้ากรมการคลังที่เป็นสหายเก่าของท่านพ่อมา แล้วได้ทราบว่า ฮ่องเต้ทรงปัญญาอ่อน เดิมทีก็ไม่ได้สงสัยอะไรเกี่ยวกับฝ่าบาทหรอกเพคะ แต่เหตุการณ์วันนี้ทำให้หม่อมฉันค่อนข้างมั่นใจ เพราะคนปัญญาอ่อนธรรมดา จะมีมือสังหารตามล่าหมายเอาชีวิตได้อย่างไร หนำซ้ำแค่การล่าสังหารคนปัญญาอ่อนเพียงคนเดียวกลับมากันตั้งหกคน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ตายแบบแน่นอนซึ่งหากลำพังแค่พระองค์ที่เป็นคนปัญญาอ่อนเพียงคนเดียวแล้วไม่น่าจะมากันมากมายนัก ที่มากันเยอะคงเพราะรู้ว่าสหายอีกคนของพระองค์เป็นผู้มีฝีมือ เพราะดูจากฝีมือของเขาแล้วคงเป็นอย่างน้อยก็ทหารคนหนึ่งล่ะ แล้วคนปัญญาอ่อนคนหนึ่งจะไปทำความแค้นเคียงอะไรให้ใครถึงขั้นตามเอาชีวิตได้ล่ะเพคะ? นั่นย่อมบ่งบอกได้ว่าสถานะของพระองค์ต้องไม่ธรรมดา และถ้าเดาไม่ผิดการลอบสัังหารในครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องของการช่วงชิงอำนาจของใครบางคน"
'นางช่างเป็นหญิงสาวที่ฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก' ชายหนุ่มนึกชื่นชม "เ่่อ่อ...ข้า .. ขอโทษนะนางฟ้า ข้าแค่กลัวว่าถ้านางฟ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร จะไม่เล่นกับข้านี่นา ไม่มีใครเล่นกับข้าเลย นางฟ้าอย่าโกรธนะ" ชายหนุ่มกล่าวพร้อมทำหน้าเฉาราวกับเด็กน้อยกลัวความผิด
"หม่อมฉันไม่ได้โกรธหรอกเพคะ แล้วหม่อนฉันเห็นว่าดีแล้วล่ะเพคะที่พระองค์ปกปิดฐานะที่แท้จริงเอาไว้ เพราะดูจากวันนี้ที่ถูกหมายปลงพระชนม์การที่ไม่บอกฐานะให้ใครรู้ง่ายๆ นับเป็นสิ่งที่สมควรแล้วจริงๆเพคะ"
"ดูท่าว่าคนที่ส่งมือสังหารมาปองร้ายพระองค์คงลอบให้คนดูความเคลื่อนไหวพระองค์มาตั้งแต่แรก ถึงสามารถที่จะรับรู้ได้ว่าพระองค์ทำอะไรอยู่ที่ไหน และก็คงต้องเป็นคนในวังแน่เพคะ เพราะคนทั่วไปคงไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร อีกทั้งไม่มีเหตุผลที่คนทั่วไปจะมุ่งร้ายต่อพระองค์ที่ทรงเป็นเพียงคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง เพราะไม่เกิดประโยชน์อันใด หม่อนฉันคิดว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับผลประโยชน์หากฝ่าบาททรงเป็นอะไรไป และน่าจะต้องเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในการครอบครองบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาทหากมีเหตุอะไรเกิดขึ้น"
'หื้ม...เจ้าช่างน่าหลงใหลเกินไปแล้ว เจ้าจะหว่านเสน่ห์ใส่ข้าไปถึงไหนกันนะเจ้าทำให้ข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้แล้วล่ะ'
"หา! แล้วข้า..จะทำอย่างไงดีล่ะ? เจ้าพูดให้ข้ากลัวใหญ่แล้วนะ ข้าต้องตายจริงๆหรอ นางฟ้าเจ้าจะช่วยข้าได้ไหมอ่ะ? เจ้าไปอยู่ในวังกับข้านะ ช่วยข้าด้วยนะ"
"โฮ่ย...! หม่อมฉันก็อยากช่วยฝ่าบาทนะเพคะ แต่ในวังไม่ใช่ใครอยากจะเข้าก็เข้าได้ง่ายๆนะเพคะ หม่อมฉันจะไปอยู่กับฝ่าบาทในฐานะอะไรล่ะเพคะ หรือจะให้หม่อมฉันสมัครเป็นนางข้าหลวงหรือเพคะ?"
"ไม่เอาหรอก!...ไม่ดีๆ ถ้าเจ้าเป็นนางข้าหลวงเจ้าก็ไม่ได้อยู่กับข้าตลอดสิ ข้ากลัวนะ เจ้าก็ไปเป็น.. ฮองเฮาไง ตำแหน่งนี้ยังว่างอยู่นะ ถ้าเจ้าเป็นฮองเฮาเจ้าจะได้อยู่กับข้าตลอดจะได้ช่วยเราได้ไง ดีไหมๆ"
"จะว่าไปแล้ว มันก็จริงนะเพคะ ถ้าหม่อมฉันเป็นนางข้าหลวงก็ต้องไปทำงาน แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะถูกส่งไปอยู่ตำหนักไหนอีก คงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก แต่ตำแหน่งฮองเฮาคงไม่ได้เป็นกันง่ายๆนะเพคะ ถ้าจะเป็นการคัดเลือกโดยธรรมเนียมในวัง หม่อมฉันเป็นแค่บุตรสาวของคหบดีท่านหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ลูกขุนนางที่ไหน คงไม่ง่ายนัก"
"มันจะยากยังไงล่ะ! ก็ในเมื่อข้าที่เป็นฮ่องเต้อยากได้เจ้าซะอย่าง จะต้องคัดเลือกอะไรอีก ข้าแค่สั่งให้มีราชองค์การ มาที่บ้านของเจ้า แล้วให้เจ้ารับราชองค์การที่เป็นคำสั่งของเรา แค่นี้ก็ได้แล้ว ไม่เห็นยากเลยนี่"
"เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันจะเข้าวังยอมรับตำแหน่งฮองเฮา เพื่อช่วยพระองค์จากการปองร้ายของใครบางคน แต่หม่อมฉันบอกไว้ก่อนนะเพคะ หม่อมฉันไปช่วยพระองค์เพราะเห็นว่าพระองค์คือ เทียนฟงที่เป็นสหายของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่อยากเห็นพระองค์ถูกใครปลงพระชนม์ แต่สถานะความเป็นฮองเฮาของหม่อมฉัน จะสิ้นสุดเมื่อเรื่องทุกอย่างคลื่คลายไปในทางที่ดีแล้ว หม่อมฉันจะคืนอิสระให้พระองค์ เพราะหากว่าสักวันพระองค์มีคนที่พระองค์รักจริงๆแล้ว หม่อมฉันเห็นว่าพระองค์ควรเก็บตำแหน่งนี้มอบให้หญิงผู้นั้น หม่อมฉันไม่ต้องการผูกมัดกับตำแหน่งนี้ตลอดชีวิตหรอกเพคะ เมื่อเห็นว่าพระองค์ปลอดภัยแล้ว หม่อมฉันก็จะไปตามทางของหม่อมฉัน"
"เออๆ จะยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ เราเอาตามเจ้าว่าทุกอย่างเลยแล้วกัน"
'หึ อย่าหวังว่าเราจะปล่อยเจ้าไปเลย เราไม่ยอมให้เจ้าหนีเราไปไหนแน่'
"พวกเรารีบไปดูคุณหนูกับเทียนฟงกันเถอะ ข้าเป็นห่วงคุณหนูจะแย่แล้ว ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้" อันหนิงกล่าวกับอี้หนาน "ข้าว่าคุณหนูของเจ้าคงไม่เป็นไรหรอกมั้งแม่นาง ดูท่าทางออกจะเก่งกล้าค่อนไปทางร้ายกาจเสียด้วยซ้ำ" สองหนุ่มสาวพากันเดินเข้าไปในป่าเพื่อตามหาเจ้านายของตน
"ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนคุณหนูไม่ได้เป็นเช่นนี้ คุณหนูของข้าเป็นคนหัวอ่อน ไม่กล้าสู้คน ไม่กล้ามีปากมีเสียงกับใคร ชอบเก็บตัว มีเรื่องอะไรก็เอาแต่ร้องไห้ แต่เดี๋ยวนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปหมด" อันหนิงเปรยขึ้น
"ไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงของแม่นางเฟิงเซียน เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?"
"ตั้งแต่เมื่อวันก่อน คุณหนูถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนักแทบไม่ได้พัก นายท่านตอนนั้นไม่อยู่บ้าน โดนขู่ว่าให้ทำงานต่างๆให้เสร็จภายในวันเดียวไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษหากกลับมาแล้วยังทำไม่เสร็จ งานที่ใช้ให้ทำล้วนหลายสิ่งด้วยกัน ส่วนคุณหนูใหญ่สั่งงานเสร็จก็ออกไปเที่ยวข้างนอก คุณหนูกลัวเกรงคุณหนูใหญ่มาก ฮูหยินใหญ่ไปร่วมงานสังสรรค์ของสหายสนิท มีแต่ข้ากับคุณหนู จู่ๆ คุณหนูก็ฟุบตัวลงไป ข้าตกใจมาก แล้วยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เพราะพอแตะที่ปลายจมูก พบว่าคุณหนูไม่มีลมหายใจแล้ว ข้าตกใจมากรีบเชิญหมอมาดูอาการ" "แต่น่าแปลก พอข้าตามท่านหมอมาถึงบ้านกลับพบว่าคุณหนูฟื้นขึ้นมา แล้วพอตรวจดูกลับพบว่าคุณหนูไม่ได้มีอาการอ่อนแรงหรือป่วยอะไร หนำซ้ำยังดูแข็งแรงดีด้วย
แล้วหลังจากที่ฟื้นมาคุณหนูก็ดูเปลี่ยนเป็นคนละคน แต่กลับจำอะไรไม่ได้ จำได้แต่เพียงชื่อของตัวเองเท่านั้น แม้แต่ข้าเองคุณหนูยังจำไม่ไดเลย คุณหนูบอกว่าวิญญานของคุณหนูออกจากร่างไปปรโลก พอกลับเข้าร่างอีกครั้งก็จำอะไรไม่ได้เลย แล้วบอกให้ข้าเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง แล้ววันนี้ก็ให้ข้าพาดูสถานที่ต่างๆด้วยนะ" ชายหนุ่มรับฟังข้อมูลอยู่เงียบๆด้วยความสนใจ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลรายงานเจ้านายของตน
อีกด้านหนึ่ง พราวนภากำลังช่วยทำแผลให้หนุ่มปัญญาอ่อน อยู่ภายในกระท่อม "ขอบคุณมากๆ เลยน๊า นางฟ้าใจดีที่สุดเลย!" หนุ่มปัญญาอ่อนว่าพลางหอมแก้มหญิงสาวไปฟรอดใหญ่ ซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเนื่องจากชายหนุ่มเป็นคนปัญญาอ่อน ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับโดนเด็กหอมแก้ม ก็เลยรู้สึกเฉยๆ หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มแอบฉวยโอกาสโดยอาศัยอาการปัญญาอ่อนของตนเป็นเครื่องมือ ในขณะที่ทำแผลพราวนภาก็เอ่ยขึ้นว่า
"ไม่คิดจะบอกอะไรกับข้า เอ้ย!... ไม่สิต้องบอกว่า ไม่คิดจะบอกอะไรกับหม่อมฉันหน่อยรึเพคะ ฝ่าบาท!" ชายหนุ่มนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ พราวนภาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยในขณะทำแผลไปด้วย
"หม่อมฉันได้มีโอกาสไปพบกับท่านเจ้ากรมการคลังที่เป็นสหายเก่าของท่านพ่อมา แล้วได้ทราบว่า ฮ่องเต้ทรงปัญญาอ่อน เดิมทีก็ไม่ได้สงสัยอะไรเกี่ยวกับฝ่าบาทหรอกเพคะ แต่เหตุการณ์วันนี้ทำให้หม่อมฉันค่อนข้างมั่นใจ เพราะคนปัญญาอ่อนธรรมดา จะมีมือสังหารตามล่าหมายเอาชีวิตได้อย่างไร หนำซ้ำแค่การล่าสังหารคนปัญญาอ่อนเพียงคนเดียวกลับมากันตั้งหกคน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ตายแบบแน่นอนซึ่งหากลำพังแค่พระองค์ที่เป็นคนปัญญาอ่อนเพียงคนเดียวแล้วไม่น่าจะมากันมากมายนัก ที่มากันเยอะคงเพราะรู้ว่าสหายอีกคนของพระองค์เป็นผู้มีฝีมือ เพราะดูจากฝีมือของเขาแล้วคงเป็นอย่างน้อยก็ทหารคนหนึ่งล่ะ แล้วคนปัญญาอ่อนคนหนึ่งจะไปทำความแค้นเคียงอะไรให้ใครถึงขั้นตามเอาชีวิตได้ล่ะเพคะ? นั่นย่อมบ่งบอกได้ว่าสถานะของพระองค์ต้องไม่ธรรมดา และถ้าเดาไม่ผิดการลอบสัังหารในครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องของการช่วงชิงอำนาจของใครบางคน"
'นางช่างเป็นหญิงสาวที่ฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก' ชายหนุ่มนึกชื่นชม "เ่่อ่อ...ข้า .. ขอโทษนะนางฟ้า ข้าแค่กลัวว่าถ้านางฟ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร จะไม่เล่นกับข้านี่นา ไม่มีใครเล่นกับข้าเลย นางฟ้าอย่าโกรธนะ" ชายหนุ่มกล่าวพร้อมทำหน้าเฉาราวกับเด็กน้อยกลัวความผิด
"หม่อมฉันไม่ได้โกรธหรอกเพคะ แล้วหม่อนฉันเห็นว่าดีแล้วล่ะเพคะที่พระองค์ปกปิดฐานะที่แท้จริงเอาไว้ เพราะดูจากวันนี้ที่ถูกหมายปลงพระชนม์การที่ไม่บอกฐานะให้ใครรู้ง่ายๆ นับเป็นสิ่งที่สมควรแล้วจริงๆเพคะ"
"ดูท่าว่าคนที่ส่งมือสังหารมาปองร้ายพระองค์คงลอบให้คนดูความเคลื่อนไหวพระองค์มาตั้งแต่แรก ถึงสามารถที่จะรับรู้ได้ว่าพระองค์ทำอะไรอยู่ที่ไหน และก็คงต้องเป็นคนในวังแน่เพคะ เพราะคนทั่วไปคงไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร อีกทั้งไม่มีเหตุผลที่คนทั่วไปจะมุ่งร้ายต่อพระองค์ที่ทรงเป็นเพียงคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง เพราะไม่เกิดประโยชน์อันใด หม่อนฉันคิดว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับผลประโยชน์หากฝ่าบาททรงเป็นอะไรไป และน่าจะต้องเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในการครอบครองบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาทหากมีเหตุอะไรเกิดขึ้น"
'หื้ม...เจ้าช่างน่าหลงใหลเกินไปแล้ว เจ้าจะหว่านเสน่ห์ใส่ข้าไปถึงไหนกันนะเจ้าทำให้ข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้แล้วล่ะ'
"หา! แล้วข้า..จะทำอย่างไงดีล่ะ? เจ้าพูดให้ข้ากลัวใหญ่แล้วนะ ข้าต้องตายจริงๆหรอ นางฟ้าเจ้าจะช่วยข้าได้ไหมอ่ะ? เจ้าไปอยู่ในวังกับข้านะ ช่วยข้าด้วยนะ"
"โฮ่ย...! หม่อมฉันก็อยากช่วยฝ่าบาทนะเพคะ แต่ในวังไม่ใช่ใครอยากจะเข้าก็เข้าได้ง่ายๆนะเพคะ หม่อมฉันจะไปอยู่กับฝ่าบาทในฐานะอะไรล่ะเพคะ หรือจะให้หม่อมฉันสมัครเป็นนางข้าหลวงหรือเพคะ?"
"ไม่เอาหรอก!...ไม่ดีๆ ถ้าเจ้าเป็นนางข้าหลวงเจ้าก็ไม่ได้อยู่กับข้าตลอดสิ ข้ากลัวนะ เจ้าก็ไปเป็น.. ฮองเฮาไง ตำแหน่งนี้ยังว่างอยู่นะ ถ้าเจ้าเป็นฮองเฮาเจ้าจะได้อยู่กับข้าตลอดจะได้ช่วยเราได้ไง ดีไหมๆ"
"จะว่าไปแล้ว มันก็จริงนะเพคะ ถ้าหม่อมฉันเป็นนางข้าหลวงก็ต้องไปทำงาน แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะถูกส่งไปอยู่ตำหนักไหนอีก คงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก แต่ตำแหน่งฮองเฮาคงไม่ได้เป็นกันง่ายๆนะเพคะ ถ้าจะเป็นการคัดเลือกโดยธรรมเนียมในวัง หม่อมฉันเป็นแค่บุตรสาวของคหบดีท่านหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ลูกขุนนางที่ไหน คงไม่ง่ายนัก"
"มันจะยากยังไงล่ะ! ก็ในเมื่อข้าที่เป็นฮ่องเต้อยากได้เจ้าซะอย่าง จะต้องคัดเลือกอะไรอีก ข้าแค่สั่งให้มีราชองค์การ มาที่บ้านของเจ้า แล้วให้เจ้ารับราชองค์การที่เป็นคำสั่งของเรา แค่นี้ก็ได้แล้ว ไม่เห็นยากเลยนี่"
"เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันจะเข้าวังยอมรับตำแหน่งฮองเฮา เพื่อช่วยพระองค์จากการปองร้ายของใครบางคน แต่หม่อมฉันบอกไว้ก่อนนะเพคะ หม่อมฉันไปช่วยพระองค์เพราะเห็นว่าพระองค์คือ เทียนฟงที่เป็นสหายของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่อยากเห็นพระองค์ถูกใครปลงพระชนม์ แต่สถานะความเป็นฮองเฮาของหม่อมฉัน จะสิ้นสุดเมื่อเรื่องทุกอย่างคลื่คลายไปในทางที่ดีแล้ว หม่อมฉันจะคืนอิสระให้พระองค์ เพราะหากว่าสักวันพระองค์มีคนที่พระองค์รักจริงๆแล้ว หม่อมฉันเห็นว่าพระองค์ควรเก็บตำแหน่งนี้มอบให้หญิงผู้นั้น หม่อมฉันไม่ต้องการผูกมัดกับตำแหน่งนี้ตลอดชีวิตหรอกเพคะ เมื่อเห็นว่าพระองค์ปลอดภัยแล้ว หม่อมฉันก็จะไปตามทางของหม่อมฉัน"
"เออๆ จะยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ เราเอาตามเจ้าว่าทุกอย่างเลยแล้วกัน"
'หึ อย่าหวังว่าเราจะปล่อยเจ้าไปเลย เราไม่ยอมให้เจ้าหนีเราไปไหนแน่'
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ