H.O.P.E.
เขียนโดย Maiya
วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 18.32 น.
แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2558 19.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) H.O.P.E.2 คือพวกเราในที่แห่งนี้มาร่วมมือ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความH.O.P.E.2
คือพวกเราในที่แห่งนี้มาร่วมมือ
‘ก็อกๆ ก็อกๆ’เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่เสียงเอ่ยอนุญาตจะดังขึ้น “เข้ามาสิ”
บานประตูที่ทำจากเหล็กแน่นหนาค่อยๆเลื่อนเปิดออกด้วยระบบควบคุมจากภายในห้อง เผยให้เห็นห้องทำงานล้ำสมัย ร่างของชายสูงวัยคนหนึ่งกำลังนั่งทำงานหน้าตาคร่ำเครียดอยู่ที่โต๊ะกระจกกลางห้อง คอมพิวเตอร์ที่เป็นกระจกใสเปล่งแสงสีขาวออกมาเป็นระยะๆเมื่อชายคนนั้นเอื้อมมือไปแตะ
“เธอคงเป็น ออกัส สโนว์ สินะ”ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนใหม่ด้วยใบหน้านิ่งเฉย ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่หน้าตาดีพอควร เสื้อเชิ้ตสีขาวมีแถบน้ำเงินอยู่ตรงกลาง กางเกงขาวล้วนสะอาดสะอ้านทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าดูดีขึ้นอีกหลายเท่า
“สวัสดี ฉันคือดอกเตอร์เบอร์นาร์ด เกรย์”ชายสูงวัยเอ่ยพลางลุกขึ้นยืนเอามือขวาทาบบนอกข้างซ้าย ชายหนุ่มทำเช่นเดียวกันตอบกลับไปแม้จะไม่ค่อยเข้าใจความหมายมันเสียเท่าไร แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าเป็นการทักทายของคนที่นี่ “เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ H.O.P.E ทั้งหมด ฉันยินดีมากที่เธอตอบรับข้อเสนอของเรา”
“ผมต่างหากล่ะครับที่ต้องรู้สึกเป็นเกียรติ ขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสผม”ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลาเอ่ยตอบพร้อมรอยย้ิม
“ที่เธอเห็นเป็นการแสดงความเคารพต่อกันของคนที่นี่ ทุกครั้งที่เธอทำขอให้คิดเสมอว่า เราคือความหวังของมนุษยชาติ เธอคงพอจะรู้เรื่องงานของเราบ้างแล้ว เราต้องการจะพัฒนาหุ่น humanite ที่มีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ ให้ไปสร้างมนุษยธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม”ดอกเตอร์เกรย์เอ่ยพลางถอนหายใจ “สังคมของเรามันย่ำแย่เหลือเกินแล้ว จนมนุษย์ด้วยกันอย่างเราไม่อาจจะแก้ไขได้ ต้องหันไปพึ่งเทคโนโลยีขั้นสูงนี้แทน”
“ผมเข้าใจดี ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ”ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันหวังว่าเธอจะมีความตั้งใจในการทำงานนี้ ภาคภูมิใจในงานนี้และเป็นกำลังสำคัญให้พวกเราได้ เหมือนกับที่ฉันเองและทุกคนที่นี่ตั้งใจทุ่มเทให้โครงการนี้มาตลอด ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องเป็นกำลังสำคัญให้พวกเราได้แน่”ดอกเตอร์เกรย์กล่าวสีหน้าเคร่งขรึมน่ายำเกรงเช่นเดิม
“แน่นอนครับ ผมจะไม่ทำให้ด็อกเตอร์ผิดหวัง”ออกัสรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ เขามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกชื่นชม นานเท่าไรแล้วที่เขาได้ยินกิตติศัพท์ของดอกเตอร์เกรย์คนนี้ ดอกเตอร์เกรย์เป็นนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ คนทั้งโลกต่างยกย่องว่าเขาเป็นอัจฉริยะแห่งยุค เขาเป็นคนคิดค้นและพัฒนาระบบการสร้างฮิวแมนไนท์ที่มีความละเอียด ซับซ้อนมาก รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ควบคุมโครงการที่เป็นความหวังหนึ่งเดียวของโลก
“ดีมาก”ชายสูงวัยกล่าวตอบก่อนจะหันกลับไปกดปุ่มติดต่อไปยังห้องทำงานรวมข้างนอก “ปีเตอร์ เข้ามานี่หน่อย”
ใช้เวลาไม่นาน ประตูเหล็กก็ถูกเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งก้าวเข้ามา ใบหน้าใสซื่อของเขามีแว่นตากรอบเหลี่ยมประดับอยู่ ชวนให้ออกัสหวนนึกถึงเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างคงแก่เรียนแต่ไม่ค่อยสู้คน ชายหนุ่มคนนั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา เมื่อได้มองใกล้ๆชายคนนั้นก็ดูอายุพอๆกับเขาเหมือนกัน
“ครับดอกเตอร์ อ้าว นี่คงจะเป็นเด็กใหม่ที่จะเข้ามาทำงานกับเราสินะครับ”เจ้าของชื่อปีเตอร์เอ่ยขึ้นเมื่อหันมาเจอออกัสที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ใช่ ออกัส นี่ปีเตอร์ บราวน์ วิศวกรฝ่ายอิเล็กทรอนิกส์ เขาจะช่วยแนะนำเรื่องงานให้กับเธอ”ดอกเตอร์เกรย์กล่าวก่อนจะหันหลังกลับไปนั่งที่เก้าอี้
“ได้เลยครับ ดอกเตอร์”ปีเตอร์โค้งเอามือทาบอกเป็นเชิงเอ่ยคำลาแก่หัวหน้าโครงการก่อนจะหันไปยิ้มให้แก่ออกัสอย่างเป็นมิตร “นายตามฉันมา”
“อย่างที่นายคงเคยรู้มาก่อนแหละ ออกัส”ปีเตอร์เริ่มเอ่ยขึ้นเมื่อพวกเขาก้าวพ้นออกจากประตูห้องดอกเตอร์เกรย์ “หลังสงครามโลกครั้งที่3 เมื่อ100ปีก่อน โลกของเราก็ตกอยู่ในกลียุค อัตราการเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แล้วก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยที่รัฐไม่สามารถควบคุมจัดการอะไรได้เลย”
ออกัสพยักหน้ารับพร้อมจะเป็นผู้ฟังที่ดี ปีเตอร์จึงกล่าวอธิบายต่อ “โครงการโฮปนี้จึงได้เกิดขึ้น”
“โครงการโฮปของเราเนี่ย กำลังวิจัยการสร้างฮิวแมนไนท์หรือที่เขาบัญญัติศัพท์ว่าหุ่นปัญญาประดิษฐ์ แหม ชื่อเรียกยากจัง ไม่คุ้นปากเลย มันคือสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ที่มีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ พวกมันจะถูกป้อนโปรแกรมให้มีจิตใต้สำนึกและเหตุผลในด้านบวก แล้วถูกส่งขึ้นไปอยู่ร่วมกับมนุษย์ในสังคม เพราะมีทฤษฎีหนึ่งที่เชื่อว่าสังคมกลียุคที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้มาจากการที่ไม่มีคนเริ่มทำความดี การส่งฮิวแมนไนท์ขึ้นไปจึงเป็นการเริ่มต้นความดีในสังคม”ปีเตอร์อธิบายถึงโครงการด้วยความรื่นไหล “ก็เหมือนกับการแพร่ไวรัสความดีนั่นแหละ”
“ซึ่งการจะปลูกฝังความดีในแบบต่างๆนี้จะอาศัยความเชื่อใจตามสัญชาตฐาณที่ต้องการความรักและมิตรภาพของมนุษย์ ...ทฤษฎีของ...ใครสักคนเมื่อ 200 กว่าปีก่อนนั่นแหละ”ปีเตอร์เอ่ยพลางทำท่านึก
“ทฤษฎีของMaslow เมื่อปี 1954 น่ะ”ออกัสเอ่ยตอบให้ขณะที่ปีเตอร์หันกลับมามองหน้าเขาตาโต
“นายรู้จักเรื่องพวกนี้ได้ไงกัน นี่มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับวิศวะที่นายเรียนเลยนะ”
“ฉันอยากศึกษาและทำงานในโครงการนี้น่ะ เลยต้องหาความรู้เพิ่มเติมนิดหน่อย”ออกัสกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “นายเล่าต่อเถอะ ฉันไม่ขัดแล้ว”
“และด้วยทฤษฎีนั่นทำให้ฮิวแมนไนท์ถูกออกแบบให้เหมือนมนุษย์ทุกอย่าง จะได้ทำให้มนุษย์มีความรู้สึกเป็นมิตรและเป็นพวกเดียวกัน”ปีเตอร์กล่าวก่อนจะถอนหายใจ เขายกมือขึ้นมองฝ่ามือตัวเองนั่นทำให้ออกัสพยายามชะโงกหน้ามองอย่างสงสัย “ต่อไปก็ เรื่องห้องแลปของเรา”
“นายจะหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านตาม ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”ออกัสเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะกับการกระทำของปีเตอร์ ซึ่งทำให้เพื่อนใหม่ของเขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มแหยให้
“โทษที บางครั้งมันก็ตื่นเต้นจนต้องมีโพยน่ะ กลัวจะพูดไม่ครบประเด็น”ปีเตอร์กระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “อย่างที่รู้ ห้องแลปของเราอยู่ใต้ดิน ที่ซึ่่งมีการป้องกันที่แน่นหนา และทุกคนที่ทำงานที่นี่จะมีห้องพักส่วนตัวอยู่ภายในนี้ และเรายังมีห้องพักผ่อนหย่อนใจต่างๆด้วย ซึ่งฉันจะค่อยๆแนะนำให้นายรู้จัก เพราะลำพังแนะนำนายวันนี้หมด เราก็คงไม่ได้คุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆสักที”
ออกัสพยักหน้ารับเงียบๆ ขณะเดินตามปีเตอร์ไปติดๆ จู่ๆเพื่อนของเขาก็หยุดกะทันหัน ออกัสหยุดฝีเท้าแทบจะไม่ทัน เขาหยุดมองปีเตอร์ที่หันกลับมายิ้มเผล่ให้กับเขา “คือฉันลืมว่าฉันจะต้องเอาเอกสารที่ห้องไปให้คุณมาริยงด้วย เดี๋ยวนายรอตรงนี้แป๊ปนะ”
ออกัสยืนมองปีเตอร์จนลับสายตา เขาหันกลับมามองรอบๆ ทางเดินสีขาวไฮเทคประดับด้วยแสงสีฟ้าระเรื่อเป็นเส้นๆเผยให้เห็นทางเดินทอดยาว ประตูสีขาวที่แนบเนียนไปกับผนังทางเดินดึงดูดให้เขาเดินเข้าไปใกล้ เขาเอื้อมมือไปจับประตูสีขาวนั่น และไม่ทันที่เขาจะชักมือออกไป ประตูข้างหน้าก็ยุบตัวลงไปก่อนจะเลื่อนเปิดออก...ดูเหมือนว่าเขาจะเผลอกดปุ่มอะไรผิดเข้าเสียแล้ว
ห้องทำงานรวมขนาดใหญ่ที่มืดมิดสว่างจ้าขึ้นมาเมื่อประตูด้านหนึ่งเปิดออกเผยให้เห็นเงาของคนสองคนปรากฏขึ้นที่หน้าประตู ร่างอวบอ้วนของหญิงคนหนึ่งเดินเฉิดฉายเข้ามา แสงไฟที่เปิดขึ้นมาสะท้อนภาพใบหน้ากลมของหญิงวัยกลางคนที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางค์จัดจ้าน แต่กระนั้นก็ไม่สามารถปกปิดริ้วรอยตามวัย50ไปได้ ชุดกระโปรงรัดรูปสีดำช่วยพลางหุ่นอวบๆของเธอได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นี่ๆ คุณมาริยง ได้ข่าวว่าวันนี้จะมีวิศวกรคนใหม่มาทำงานกับเรานะ ตื่นเต้นจังเลยน่ะ บางทีเค้าอาจจะเป็นเนื้อคู่ที่อาแมนด้าเฝ้ารออยู่ก็ได้”ชายร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกินหญิง ใบหน้าของชายหนุ่มถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์จัดไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเปลือกตาที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะทาสีเข้มเน้นเป็นพิเศษ ผ้าพันคอผืนใหญ่สีม่วงเข้มดูเหมือนจะเป็นเพียงเครื่องประดับของเขาเท่านั้น เพราะอากาศภายในห้องไม่ได้เย็นสำหรับเขาเท่าไรเลย
“โอ๊ย ฝันไปเถอะย่ะ ผู้ชายในแลปนี้น่ะ ก็มีแต่นายขี้เก๊กโทมัสกับเจ้าทึ่มอย่างปีเตอร์เท่านั้นแหละ รสนิยมชั้นน่ะ สูงกว่านั้นเยอะย่ะ ถ้าไม่หล่อจริงนะ ฉันไม่...ว้าย!!”หญิงวัยกลางหันมาคุยกับลูกน้องคนสนิทอย่างออกรสทำให้เธอลืมมองทางข้างหน้าเช่นเดียวกับใครอีกคนที่มัวแต่มองไปรอบๆเพลิน มาริยงตั้งท่าจะหันไปวีนใส่คนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือชนเธอจนล้มก้นจ่ำเบ้า “นี่แกเป็น .... อุ๊ย หล่อเริ่ด”
“เอ่อ ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”ออกัสเอ่ยถามด้วยสีหน้าห่วงใย เขาผิดเองที่มัวแต่สนอกสนใจอยู่ที่คอมพิวเตอร์กระจกที่เรียงติดกันรอบผนังห้องนี้ทำให้ไม่ทันได้สังเกตคนที่เดินสวนมาอีกทั้งสติของเขาก็พลอยลอยไปคิดเรื่องนู่นเรื่องนี่จนปิดการรับรู้ทางเสียงไปชั่วขณะ
“อีเจ๊ ลุกออกไปก่อนได้มั้ย ฉันหนัก”เสียงดัดหญิงดังมาจากอแมนด้า เขาพยายามผลักร่างอวบอ้วนของคนตำแหน่งสูงกว่าออก เมื่อตอนนี้ขาข้างขวาของเขากำลังระบมอย่างรุนแรงจากการถูกทับด้วยน้ำหนักตัวแทบทั้งหมดของมาริยง
แต่ดูเหมือนว่าหญิงวัยกลางจะไม่รับรู้ถึงสิ่งผิดปกตินั้นเลย เธอกลับหันไปส่งสายตาหวานซึ้งให้กับชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอเกือบรอบ “โอ้ย ฉันเท้าแพลงค่ะ ช่วยพยุงหน่อยสิคะ”
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ”เสียงนุ่มของออกัสเอ่ยถามด้วยสีหน้ารู้สึกผิด น้ำเสียงที่ทำให้หญิงวัยกลางยิ่งได้ใจ
“เจ็บนิดหน่อยค่ะ โอ๊ะ!”มาริยงลุกขึ้นช้าๆพลางแกล้งเซตัวไปหาชายหนุ่มมากกว่าเดิม โดยมีอแมนด้าที่ค่อยๆลุกขึ้นด้วยความยากลำบากไม่แพ้กัน ชายใจหญิงก้มลงมองที่ขาตัวเองหวังเช็คให้แน่ใจว่า กระดูกของเขายังไม่ได้หักไป ก่อนจะหันไปมองมาริยงด้วยใบหน้าเอือมระอา
“ระวังครับ”ชายหนุ่มประคองร่างอวบอ้วนนั้นด้วยความยากลำบาก เขาพยายามซ่อนสีหน้าเหนื่อยอ่อนเอาไว้พลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เขาจำต้องยืนให้มั่นคงรวมถึงต้องออกแรงในการประคองหญิงตรงหน้ามากกว่าเดิม
“โอ๊ยนี่เจ๊หยุดสำออยสักทีได้แล้ว อย่างเจ๊น่ะช้างชนทั้งฝูงยังไม่สะเทือนด้วยซ้ำ”พูดพลางอแมนด้าก็ดึงมาริยงออกจากอ้อมกอดของออกัส ไม่สนใจเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอจากความไม่พอใจของคนตำแหน่งสูงกว่า “อ้าว แล้วนี่เธอเป็นใครกันล่ะจ๊ะพ่อหนุ่ม”
ออกัสยิ้มให้กับคนทั้งสอง แม้จะยังคงตกใจกับการเข้าประชิดอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อครู่ แต่เขาก็ต้องรวบรวมสติมาอยู่กับบทสนทนาตรงหน้า นี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ “ผมเป็นวิศวกรคนใหม่น่ะครับ ชื่อออกัส เพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่เป็นวันแรก”
“อุ๊ย รูปก็งาม นามก็เพราะ ฉันชื่อมาริยงนะจ๊ะ ส่วนนี่ก็ นังอาแมนด้า แล้วนี่ทำไมเธอมาเดินมาทำอะไรแถวนี้คนเดียวล่ะ ให้ฉันช่วยพาชมแลปเอามั้ย”มาริยงเอ่ยเชิญชวนพลางเข้ามาเกาะแขนชายหนุ่มคราวลูกอย่างถือวิสาสะ
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ด็อกเตอร์เกรย์ฝากให้ปีเตอร์ช่วยแนะนำให้ผมแล้ว นี่ผมกำลังรอเขาไปเอาเอกสารอยู่น่ะครับ”ออกัสเอ่ยด้วยรอยยิ้มแหยพร้อมกับพยายามดึงมือปลาหมึกของคนทั้งสองออกจากแขนเขาด้วยท่าทีสุภาพ ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาในใจให้ปีเตอร์กลับมาเสียที
“ออกัส โทษที ฉันหาของนานไปหน่อยน่ะ อ้าว คุณมาริยง ได้เจอเด็กใหม่แล้วสินะครับ”เสียงเรียกของปีเตอร์เปรียบเหมือนเสียงสวรรค์ของเขา ชายหนุ่มหันมามองเพื่อนคนแรกของเขาด้วยรอยยิ้มดีใจ ขณะที่มาริยงและอแมนด้าเดินห่างออกไปจากเขาอย่างถือมาดด้วยสีหน้าไม่ใคร่พอใจเสียเท่าไร
“ใช่”มาริยงตอบเสียงห้วนกลับมา ขณะที่ปีเตอร์เพียงยิ้มรับเท่านั้น หญิงวัยกลางคนหันกลับมาสนใจเป้าหมายเดิมของตนอีกครั้ง รอยยิ้มหวานน่าสยองสำหรับออกัสค่อยๆเผยออก “ฉันเป็นหัวหน้าของแลปนี้นะจ๊ะ พ่อหนุ่ม ต่อไปต้องเชื่อฟังฉันนะ รู้ไว้ด้วยล่ะ”
“อ้าว หัวหน้าแลปที่นี่ ไม่ใช่ด็อกเตอร์เกรย์เหรอครับ”ออกัสถามด้วยใบหน้าสงสัยขณะเอนหน้าหนีนิ้วที่มาริยงยืนมาแตะคางเขาโดยไม่ทำให้ผิดสังเกตจนเกินไป แต่ดูเหมือนว่าหญิงวัยกลางจะไม่ได้สนใจท่าทางนั้น กลับสนใจคำพูดที่เขาเพิ่งเอ่ยออกไปเสียมากกว่า เขามองใบหน้าโกรธเกรี้ยวของหญิงวัยกลางคน ก่อนจะเหลือบเห็นอแมนด้าที่มองเขาด้วยแววตาสงสารพลางส่ายหน้าช้าๆเป็นสัญญาณไม่ดีบางอย่าง
“เอ่อ คุณมาริยงใจเย็นนะครับ เธอเป็นรองหัวหน้าของที่นี่น่ะ พ่วงตำแหน่งสาวสวยที่สุดในแลปนี้ด้วย ใช่มั้ยครับ”ปีเตอร์เดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างออกัสกับมาริยงก่อนจะหันไปยิ้มให้กับรองหัวหน้าแลปประจบ เขารู้เหตุผลดีที่คนตรงหน้าโกรธได้ขนาดนี้ ชายหนุ่มเลือกเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ผมเอาเอกสารที่ดอกเตอร์ให้เอาไปแก้มาส่งน่ะครับ นี่ครับ”
“อีกไม่นานฉันก็เป็นหัวหน้าแล้วย่ะ”มาริยงกล่าวด้วยเสียงลอดไรฟัน ขณะรับแฟ้มงานที่ปีเตอร์ยื่นมาให้ด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ก่อนที่เธอจะเซตัวออกไปอีกทางเช่นเดียวกับอแมนด้าด้วยแรงผลักของใครคนหนึ่ง ทั้งสองอุทานออกมาอย่างตกใจ และเมื่อกลับมายืนได้มั่นคงอีกครั้ง ทั้งสองก็หันมามองตัวเจ้าปัญหาอย่างไม่พอใจ
“ปีเตอร์ ฉันวางโปรแกรมใหม่ที่เพิ่งเขียนเสร็จไว้บนโต๊ะนะ อ้าว คุณมาริยง อแมนด้า มาเล่นไล่จับผู้ชายอะไรกันแถวนี้เหรอคะ”เสียงหวานหยิ่งดังมาจากหญิงสาวที่เดินแทรกกลางคนทั้งคู่ ออกัสมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างลับๆ ชุดกางเกงสีขาวที่ถูกออกแบบมาอย่างดีทำให้เธอเกือบจะกลายเป็นนางแบบคนหนึ่งได้ ส่วนสูงนั่นก็เหมาะกว่าที่เขาจะเห็นเธอเดินอยู่บนแคทวอล์ค ไม่ใช่ในห้องแลปใต้ดินเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้เรียกได้ว่าสวยชนิดหาตัวยากเลยทีเดียว
“นี่...”
“เธอกล้าดียังไงมาพูดอย่างนี้กับฉันยะ”มาริยงตั้งท่าจะวีนใส่หญิงสาวแต่โดนอแมนด้าขัดขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ผู้สูงตำแหน่งกว่าปรายตามามองคนขี้ประจบอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ซึ่งชายร่างสูงใจหญิงก็พอจะรับรู้ถึงรังสีอำมหิตนั่นจึงก้มหน้าหลบตาหญิงวัยกลางแทบจะทันที
“นี่แกจงใจเดินชนฉันใช่มั้ย ยัยบิชนี่”มาริยงหาเรื่อง ไม่พอใจที่เด็กสาวอายุอ่อนกว่าเธอหลายปีทำอะไรไม่เกรงใจเธอสักนิด นี่ถ้าเธอตำแหน่งเทียบเท่าบริทนีย์ป่านนี้จะไม่ถูกเหยียบหัวไปแล้วรึ
“เปล่า โทษทีนะ พอดีฉันไม่ทันเห็นพวกคุณ... อ้อ หรือถ้าจะพูดให้ถูก ฉันไม่อยากชายตามองมากกว่า”บริทนีย์เอ่ยเสียงเหยียดพลางปรายตามองคนทั้งคู่อย่างถือดี ท่าทางและคำพูดนั้นทำให้มาริยงถลาจะเข้าไปเถียงต่อ แต่หญิงสาวกลับยกมือขึ้นห้ามและพูดตัดขึ้นมาแทน “อย่าเพิ่งมาหาเรื่องกับฉันเลยค่ะ ด็อกเตอร์ต้องการเรียกพบคุณด่วน โปรแกรมที่คุณเขียนไปมีปัญหา อ้อ อาแมนด้า ด็อกเตอร์ฝากทวงงานของเธอด้วย ส่งช้ามาสองวันแล้วนะ”
“เชอะ! ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันไปก็ได้”มาริยงสะบัดหน้าหนีรู้ดีว่าถ้าตนยังขืนยืนเถียงต่อไปก็คงแพ้ทางหญิงสาวอยู่ดี หมั่นไส้นักพวกผู้หญิงที่ชอบทำเป็นสวยหยิ่ง หญิงวัยกลางหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานซึ่งอยู่ห่างออกไปตามติดด้วยอแมนด้าที่หันมามองเหยียดบริทนีย์ก่อนจะเดินสะบัดก้นตามไป
บริทนีย์ทำเสียงหึในลำคอแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานของตน ขณะที่ปีเตอร์หันมายิ้มแหยให้กับออกัส เขาหันกลับไปมองตามหญิงสาวไปก่อนจะรีบเดินตามเธอไปที่โต๊ะ “คุณบริทนีย์ครับ คุณบริทนีย์”
ปีเตอร์มาหยุดยืนหอบอยู่ข้างโต๊ะกระจกที่มีกระจกใสสูงประมาณหน้าอกเขาตั้งฉากกับพื้นอยู่บนโต๊ะล้อมรอบบริทนีย์ที่นั่งทำงานอยู่เป็นวงกลม หญิงสาวปรายตาขึ้นมามองเขาก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อเช่นคนที่ไม่อยากข้องแวะกับใคร นั่นทำให้ปีเตอร์รู้ว่าเขาควรจะรีบแนะนำออกัสให้เสร็จไวๆก่อนที่เพื่อนใหม่ของเขาจะรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ไปเสียก่อน “นี่ออกัส วิศวกรคนใหม่ของแบปครับ ออกัส นี่คุณบริทนีย์นะ เป็นโปรแกรมเมอร์อีกคนหนึ่ง”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”ออกัสยิ้มทักทายด้วยใบหน้าเป็นมิตรที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ชายหนุ่มรู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้าช่างดูเป็นคนที่เข้าถึงยากเสียจริง
“อืม”คำตอบรับเพียงคำเดียวหลุดออกมาจากริมฝีปากสวยนั่น ออกัสหันไปมองปีเตอร์ที่ได้แต่ยิ้มแหยให้เขาและพยักหน้าให้อย่างเห็นใจ บรรยากาศตึงเครียดและน่าอึดอัดกลับมาอีกครั้งเมื่อบริทนีย์เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะอย่างไม่รู้ว่าควรจะเปิดหัวข้อสนทนาใหม่ต่อดีหรือควรจะแค่เดินออกไปโดยไม่ต้องใส่ใจมารยาท แต่แล้วคนที่ดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลยกลับเอ่ยขึ้นลอยๆมานั่นทำให้สองหนุ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่า บริทนีย์ยังเห็นพวกเขามีตัวตนอยู่ “นี่นายทำแมคคานิกส์ใช่มั้ย”
“ใช่ครับ”ออกัสรีบตอบรับอย่างขันแข็งด้วยรอยยิ้มหวังให้เขาได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนร่วมงานแสนเย่อหยิ่งคนนี้มากขึ้น
“นายก็คงจะรู้นะว่างานของนายยังมีอีกเยอะ”ประโยคแทงใจดีที่ดังออกมาทำให้ออกัสค่อยๆหุบรอยยิ้มลงแต่ยังคงฝืนยิ้มแหยต่อไป “มัวแต่มาอ้ำๆอึ้งๆอยู่ข้างฉันอยู่ได้”
ปีเตอร์รีบโค้งตัวเป็นเชิงขอตตัวก่อนจะรีบดึงออกัสเดินห่างออกไปอย่างเกรงๆ เขาหยุดยืนมองหญิงสาวที่ยังคงทำงานต่อไปโดยไม่สนใจใคร กระทั่งเสียงประตูเลื่อนเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มท่าทางการแต่งตัวดีคนหนึ่งเดินถือดอกไม้ช่อใหญ่เข้ามา ปีเตอร์ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองใบหน้ากังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ออกัสอดหันมามองอย่างสงสัยไม่ได้ “ทำไมหรอ”
“เดี๋ยวนายก็รู้เอง เป็นเรื่องอีกแน่คราวนี้”สิ้นคำพูดชวนน่าสงสัยของปีเตอร์ ออกัสก็มองตามสายตาของเพื่อนชายไปยังโต๊ะทำงานของบริทนีย์ที่เขาเพิ่งเดินออกมา แผ่นกระจกที่ทำหน้าที่เป็นจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบบริทนีย์อยู่ดูไม่ใช่อุปสรรคของผู้เดินเข้ามาใหม่เลยแม้แต่น้อย เพราะเพียงแค่ชายหนุ่มคนนั้นเขย่งปลายเท้าขึ้นมาเล็กน้อย เขาก็สามารถเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้สีเหลืองสดจากแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะได้ไม่ยาก
ชายหนุ่มก้มลงมองช่อดอกไม้ใหญ่ในอ้อมกอดพร้อมรอยยิ้มกระหยิ่ม เขาปล่อยให้ดอกไม้สีเหลืองที่ไม่ได้ดูเหี่ยวเฉาจนถึงเวลาควรเปลี่ยนออกลงบนถังขยะที่วางอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะยกช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่เสียบลงไปในแจกันแทน โดยที่บริทนีย์ยังคงแสร้งตั้งใจทำงานต่อไป ชายหนุ่มแย้มรอยย้ิมเมื่อเห็นว่ากุหลาบที่ตนนำมาช่างเข้ากับโต๊ะที่ถูกจัดเป็นระเบียบของหญิงสาวเหลือเกิน เขากระแอมไอขึ้นมาพลางยืนเก๊กมองบริทนีย์ หวังให้เธอหันมาสังเกตเขาเสียหน่อย
ปีเตอร์รีบก้มหน้าลงเหมือนไม่อยากจะรับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ท่ามกลางสายตาสงสัยของออกัส เขาเห็นบริทนีย์ลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยด้วยใบหน้าเฉยชา แต่ดูเหมือนชายหนุ่มมาดดีคนนั้นจะรู้สึกดีใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา บริทนีย์เหลือบตามามองกุหลาบในแจกันของเธอก่อนจะยื่นมือไปหยิบก้านมันดึงออกจากแจกันอย่างไม่ใยดีและโยนมันทิ้งลงบนพื้น ใบหน้าอารมณ์ดีของชายหนุ่มเปลี่ยนใปแทบจะทันที ตอนแรกเป็นสีหน้าคาดไม่ถึงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธ
บริทนีย์เดินถือเอกสารแนบอกเดินออกมาจากคอกโต๊ะทำงานของเธอ เดินผ่านออกัสและปีเตอร์ออกไป ไม่สนใจว่าเธอได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ข้างหลัง ชายหนุ่มกระทืบส้นเท้าเดินตามหญิงสาวมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าทั้งสองคนก่อนจะตะโกนไล่หลังหญิงสาวไป “ปฏิเสธผมให้ได้ตลอดก็แล้วกัน บริทนีย์”
ออกัสและปีเตอร์เผลอกลืนน้ำลายเข้าพร้อมกันเมื่อชายหนุ่มที่กำลังกรุ่นโกรธหันตาขวางมาทางพวกเขา “แล้วนายเป็นใคร ฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย"
ใครเจอคำผิดก็เม้นท์มาบอกกันได้ตลอดค่ะ
แอดเฟรนด์กันมาได้เยอะๆนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามคะ ^^
twitter @MaiyaCorprisia
เฟส Maiya Corprisia
อีเมล Fairytale_maiyares@hotmail.com
เพจ Writer Maiya
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ