คำหอม
-
เขียนโดย Bush
วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.54 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,805 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 กันยายน พ.ศ. 2558 11.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ไม้อยู่สูง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไม้เอยไม้อยู่สูงอย่าสู้ปอง ไผเอย บ่ ได้ต้องฮักเจ้าลาวคำดวงเอย
เสียงเอื้อนถ้อยทำนองเพลงไทยสำเนียงลาวของวงปี่พาทย์ไทยชาวอำเภอศรีสัชนาลัย ทำเอาเจ้านางลาวรวมทั้งพระประยูรญาติหลายท่านทำท่าทีวางปึ่งเย็นชา พลางเจ้านางพระมารดาของเจ้าคำดวงว่าที่เจ้ามหาชีวิตด้วยพระบิดากำลังประชวรหนักใกล้สิ้นรับสั่งถามด้วยอดรนทนไม่ได้ "เอ่อ ว่าแต่พวกสูเจ้าจะปิ๊กไปเมืองเหนือเสียเว่ยจักน่อย จักเสียอัฐรอนเท่าใด๋ ข้าฯจะประทาน...อือ เกรงใจ๋มาอยู่แต่ที่นี่จักเสียการที่นั่นของพวกสู"
จ้อยนั่งนึกตรึกตรองอยู่ในอกพลางได้ยินเสียงกระซิบของคนสนิทเจ้าคำดวงพอดีว่า
"ท่านเล็กรออยู่ที่ตำหนักหลังตามข้อยมาแน่" จ้อยรีบเร้นกายหนีหายระยอบกายหมอบคลานออกไปอย่างว่าง่ายและเร็วไวพลางรีบเดินแกมวิ่งออกมาเสียให้พ้นจากสายตาที่แสดงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
ท่านเล็กนั่งจิบสุธารสแบบฝรั่งพลางนั่งร่างพระอักษรด้วยเครื่องพิมพ์ดีดราคาแพงยี่ห้อฝรั่งเยอรมันจ้อยพลางจ้องมองดูด้วยไม่เคยเห็นเครื่องพิมพ์แลวิธีพิมพ์ดีดของท่านเล็กในระยะใกล้แค่สายตาเยี่ยงนี้ นังจ้อยนางรำประกอบระบำสุโขทัยตัวนางเอกได้มาถวายการรับใช้ในลักษณะชู้รักของท่านพระโอรสเจ้ามหาชีวิตชาวลาวอยู่หลายคราทำเอาเกิดข้อวิวาทบาดหมางเยี่ยงเมื่อสักครู่ถึงขนาดพระมารดาของท่านเล็กทรงกริ้วออกปากไล่ทั้งวงปี่พาทย์ตรง ๆ ต่อหน้า
ในความเป็นจริงเจ้ามหาชีวิตมีพระโอรสองค์โตคือท่านใหญ่แต่ท่านทรงสิกขาบทเป็นพระไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครในทางโลก ทรงศึกษาพระธรรมและรับหน้าที่สอนภาษาฝรั่งเศสที่ทรงมีความรู้อย่างแตกฉานเนื่องจากทรงพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสอยู่จนเติบโตเป็นหนุ่มแน่นเต็มวัยจึงเสด็จนิวัติแล้วลาออกมาสิกขาบทด้วยทรงฝักใฝ่หาแต่ความสงบด้วยพระอุปนิสัยหามีผู้ใดมาบังคับพระทัยท่านไม่ ส่วนท่านเล็กเป็นพระโอรสองค์ถัดไปจึงจำเป็นต้องเสวยราชย์สมบัติต่อจากเจ้ามหาชีิวิตองค์ปัจจุบันซึ่งเป็นพระบิดา
"ท่านค่ะนี่อีจ้อยทรงตื่นสิเจ้าค่ะ ท่านเค้าใส่ยาให้ยายน้องสาวคนนั้นอยู่ใกล้ ๆ กำลังจะนำตัวไปขึ้นรถตู้แล้ว สงสารมันเจ้าค่ะท่านเล็กท่านเจ้าค่ะตื่นเถิดค่ะ" เสียงกระซิบข้างหูเกือบเป็นตะโกนใส่รูหูทำให้ฟองดูต้องรีบตื่นลืมตาแล้วเท้าไวเท่าความคิดรีบวิ่งออกไปข้างนอกกดลิฟต์ "เราจะต้องไปที่ไหนว่ะงงวิ่งไปทำไมยายกำไรยายหมวยนั่นเมื่อกี้มาสัมภาษณ์งานบัญชีแล้วยังไงฟ่ะ" แต่พอเท้าสัมผัสกับพื้นลานจอดรถชั้นใต้ดินฟองดูถึงกับตาเหลือกยายนั่นนอนอยู่ในเบาะหลังรถตู้ไอ้พวกนั้นมัน "เฮ้ยฝรั่งไอ้บักสีดา หยุด ควิท มึงทำเห้...ไม่ได้นี่คนไทยแม้จะเป็นหมวยก็เถอะนะคะ..." มือถือถูกเจ้าฟองดูกดจิ้มตัวเลขเร็วจี๋จนแป้นหน้าปัดตัวโทรศัพท์โนเกียราคาพันกว่าบาทที่ฟองดูใช้มากว่าห้าปีเศษด้วยความทนมือทนเท้าของเจ้าเครื่องโนเกียเครื่องนี้
"หมวยไม่เป็นไรแล้วค่ะขอบคุณอ้ายลาวหลายเด้อค่ะ" หมวยขอบคุณอ้ายฟองดูด้วยสำนึกในน้ำใจเมตตาและมีความเป็นสุภาพบุรุษของอ้ายลาวด้วยน้ำตาคลอหน่วย สักครู่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาสมทบเพื่อสอบถามและสังเกตอาการของน้องกำไรที่เกือบจะขาดทุนจนล้มละลายกลายเป็นศพอีกครั้งจนแน่ใจว่าเจ้าทุกข์ไม่เป็นอะไรแน่นอนจึงอนุญาตให้ทั้งคู่กลับที่พักกันได้
แจคทำหน้าบอกบุญไม่รับร้องถามเสียงเกือบตวาดใส่สาวเลขา "เอาอีกแล้วเหรอทำไมแค่เค้าเป็นลูกสาวของศัตรูของพวกแกแค่นั้น" แกในความหมายของแจคไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพ่อฝรั่งของแจคเอง ครั้งหนึ่งแจคเคยอาละวาดราดน้ำกรดใส่หน้าของสาวไทยคนหนึ่งด้วยความโมโหสุดชีวิตเมื่อเธอพยายามเรียกร้องอะไรหลาย ๆ อย่างในฐานะเมียของแจค "แม่ผมยังต้องติดคุกต้องใช้ชีวิตหลบหนีซุกหน้าซ่อนราวกับไส้เดือนแล้วคุณเป็นดวงเดือนกันรึไงไม่ทราบ" ตั้งแต่นั้นมาแจคเองเลยพลอยต้องอาศัยอิทธิพลของพ่อตนเองอย่างไม่มีทางเลี่ยงไม่งั้นก็ติดคุกข้อหาฉกรรจ์ "เห็นแก่ตัวกันมากเกินไปแล้วแม่ผมล่ะทำไมผมต้องมาเลี้ยงมาดูแลคุณแทนเค้าที่กำลังลำบากขนาดนั้นแล้ว"
โอ้อกคิดถึงคนึงนอนวัน
นอนให้ใฝ่ฝันหันจันทร์แจ่มฟ้า
ทรงกลดสวยสดโสภา
แสงทองส่องหล้าขวัญตาเรียมเอย
เอ่ย เอ่อ ฉุยฉายจ้อยเอย
จักไปไหนนิด จ้อยก็กรีดกราย
เยื้องย่างจ้อยช่างแปลงกาย....
ภายในพระตำหนักที่กำลังจัดงานลีลาศประยุกต์กับแบบลาวและวงปี่พาทย์แบบไทยเมืองศรีสัชนาลัยที่เป็นที่ต้องพระราชหฤทัยขององค์เจ้ามหาชีวิตเหมือนนังจ้อยที่ยังคงสวมชุดนางเอกระบำสุโขทัยยืนนิ่งตะลึงจังงัง"แล้วแต่มองสิเออร์ฟรังซัวถ้าอีจ้อยมันตกลงฉันก็เต็มใจ...วิลลิ่งที่จะยกมันให้" จ้อยน้ำตาตกนั่งทรุดกายฟรังซัวเลิกหัวคิ้วมองเหมือนเยาะเย้ยซ้ำถากถางแต่ใช้วาจาหว่านล้อมแบบมีเล่เหลี่ยม
"ความจริงฉันกับเจ้าคำดวง...เอ่อ ขอออกตัวก่อนว่าฉันนะฝรั่งเศสฉันเหนือกว่าเจ้าคำดวงแล้วแต่เธอจ้อย"
สุดท้ายด้วยความน้อยใจและอยากมีอยากได้นังจ้อยหลงละเมอประเมินสถานการณ์ตามความอ่อนต่อโลกหันหลังผละออกไปจากชีวิตของเจ้าคำดวงและย้ายไปอยู่ที่บ้านพักของทูตฝรั่งเศสซึ่งมองสิเออร์ฟรังซัวพักอาศัยอยู่ที่นั่นราวกับพระเจ้าลงโทษและเล่นตลกกับนังจ้อยสาวนางรำชาวสยามด้วยความไม่รู้และอ่อนต่อโลกไม่เข้าใจ
"จ้อยเธออ่านหนังสือออกมั้ยภาษาไทยคงออกฉันหมายถึงพวกภาษาฝรั่งอย่างที่พวกสยามเรียก"
ฟรังซัวแกล้งชวนคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคยและหาโอกาสหลอกใช้จ้อยเป็นนางนกต่อบ้างในบางโอกาส "จ้อยอ่านไทยออกอย่างเดียวเจ้าค่ะ" จ้อยใช่อ่านเกมไม่ออกแต่ฟรังซัวหารู้ไม่ว่าจ้อยเองมีอาชีพรำละครระหว่างที่จ้อยอยู่ที่เมืองเหนือมีคณะมิชชั่นนารีอังกฤษเป็นแหม่มผู้หญิงใจดีมีเมตตาต่อเด็ก ๆ อย่างจ้อยพยายามสอนภาษาอังกฤษง่าย ๆ ให้แก่พวกเธอ เธอฉุกใจคิดขึ้นมาวูบหนึ่ง "ชะรอยฟ้าดินจะประทานโอกาสให้จ้อยได้แก้แค้นและได้ช่วยเหลือแผ่นดินสักวันเถิดพวกมึ้ง"
ฟองดูหลับตานิ่งอย่างเหนื่อยล้าในความเป็นจริงด้วยนิสัยเอาแต่ใจและชอบวุ่นวายจุ้นจ้านหึงหวงตามอาละวาดชอบให้ใครต่อใครเอาใจมาแต่ครั้งวัยเยาว์ ในวัยเด็กจ้อยเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวและเป็นคนสุดท้องแถมมีรูปร่างหน้าตาสวยงามอ้อนแอ้นอรชรเป็นที่ต้องตาต้องใจชายไทยหลาย ๆ คนแต่จ้อยกลับผูกสมัครรักใคร่หมายยึดท่านเล็กนี่แหล่ะเป็นที่พึ่งไม่เช่นนั้นจ้อยคงไม่ยอมระยอบหมอบกราบเพียรงอนง้อขอติดตามท่านเล็กที่เสด็จไปชมการแสดงวงปี่พาทย์ที่สยามกับขบวนเสด็จของเจ้ามหาชีวิตของเมืองลาวกลับมายังหลวงพระบางเมืองหลวง(ในเวลานั้น)
เสียงเอื้อนถ้อยทำนองเพลงไทยสำเนียงลาวของวงปี่พาทย์ไทยชาวอำเภอศรีสัชนาลัย ทำเอาเจ้านางลาวรวมทั้งพระประยูรญาติหลายท่านทำท่าทีวางปึ่งเย็นชา พลางเจ้านางพระมารดาของเจ้าคำดวงว่าที่เจ้ามหาชีวิตด้วยพระบิดากำลังประชวรหนักใกล้สิ้นรับสั่งถามด้วยอดรนทนไม่ได้ "เอ่อ ว่าแต่พวกสูเจ้าจะปิ๊กไปเมืองเหนือเสียเว่ยจักน่อย จักเสียอัฐรอนเท่าใด๋ ข้าฯจะประทาน...อือ เกรงใจ๋มาอยู่แต่ที่นี่จักเสียการที่นั่นของพวกสู"
จ้อยนั่งนึกตรึกตรองอยู่ในอกพลางได้ยินเสียงกระซิบของคนสนิทเจ้าคำดวงพอดีว่า
"ท่านเล็กรออยู่ที่ตำหนักหลังตามข้อยมาแน่" จ้อยรีบเร้นกายหนีหายระยอบกายหมอบคลานออกไปอย่างว่าง่ายและเร็วไวพลางรีบเดินแกมวิ่งออกมาเสียให้พ้นจากสายตาที่แสดงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
ท่านเล็กนั่งจิบสุธารสแบบฝรั่งพลางนั่งร่างพระอักษรด้วยเครื่องพิมพ์ดีดราคาแพงยี่ห้อฝรั่งเยอรมันจ้อยพลางจ้องมองดูด้วยไม่เคยเห็นเครื่องพิมพ์แลวิธีพิมพ์ดีดของท่านเล็กในระยะใกล้แค่สายตาเยี่ยงนี้ นังจ้อยนางรำประกอบระบำสุโขทัยตัวนางเอกได้มาถวายการรับใช้ในลักษณะชู้รักของท่านพระโอรสเจ้ามหาชีวิตชาวลาวอยู่หลายคราทำเอาเกิดข้อวิวาทบาดหมางเยี่ยงเมื่อสักครู่ถึงขนาดพระมารดาของท่านเล็กทรงกริ้วออกปากไล่ทั้งวงปี่พาทย์ตรง ๆ ต่อหน้า
ในความเป็นจริงเจ้ามหาชีวิตมีพระโอรสองค์โตคือท่านใหญ่แต่ท่านทรงสิกขาบทเป็นพระไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครในทางโลก ทรงศึกษาพระธรรมและรับหน้าที่สอนภาษาฝรั่งเศสที่ทรงมีความรู้อย่างแตกฉานเนื่องจากทรงพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสอยู่จนเติบโตเป็นหนุ่มแน่นเต็มวัยจึงเสด็จนิวัติแล้วลาออกมาสิกขาบทด้วยทรงฝักใฝ่หาแต่ความสงบด้วยพระอุปนิสัยหามีผู้ใดมาบังคับพระทัยท่านไม่ ส่วนท่านเล็กเป็นพระโอรสองค์ถัดไปจึงจำเป็นต้องเสวยราชย์สมบัติต่อจากเจ้ามหาชีิวิตองค์ปัจจุบันซึ่งเป็นพระบิดา
"ท่านค่ะนี่อีจ้อยทรงตื่นสิเจ้าค่ะ ท่านเค้าใส่ยาให้ยายน้องสาวคนนั้นอยู่ใกล้ ๆ กำลังจะนำตัวไปขึ้นรถตู้แล้ว สงสารมันเจ้าค่ะท่านเล็กท่านเจ้าค่ะตื่นเถิดค่ะ" เสียงกระซิบข้างหูเกือบเป็นตะโกนใส่รูหูทำให้ฟองดูต้องรีบตื่นลืมตาแล้วเท้าไวเท่าความคิดรีบวิ่งออกไปข้างนอกกดลิฟต์ "เราจะต้องไปที่ไหนว่ะงงวิ่งไปทำไมยายกำไรยายหมวยนั่นเมื่อกี้มาสัมภาษณ์งานบัญชีแล้วยังไงฟ่ะ" แต่พอเท้าสัมผัสกับพื้นลานจอดรถชั้นใต้ดินฟองดูถึงกับตาเหลือกยายนั่นนอนอยู่ในเบาะหลังรถตู้ไอ้พวกนั้นมัน "เฮ้ยฝรั่งไอ้บักสีดา หยุด ควิท มึงทำเห้...ไม่ได้นี่คนไทยแม้จะเป็นหมวยก็เถอะนะคะ..." มือถือถูกเจ้าฟองดูกดจิ้มตัวเลขเร็วจี๋จนแป้นหน้าปัดตัวโทรศัพท์โนเกียราคาพันกว่าบาทที่ฟองดูใช้มากว่าห้าปีเศษด้วยความทนมือทนเท้าของเจ้าเครื่องโนเกียเครื่องนี้
"หมวยไม่เป็นไรแล้วค่ะขอบคุณอ้ายลาวหลายเด้อค่ะ" หมวยขอบคุณอ้ายฟองดูด้วยสำนึกในน้ำใจเมตตาและมีความเป็นสุภาพบุรุษของอ้ายลาวด้วยน้ำตาคลอหน่วย สักครู่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาสมทบเพื่อสอบถามและสังเกตอาการของน้องกำไรที่เกือบจะขาดทุนจนล้มละลายกลายเป็นศพอีกครั้งจนแน่ใจว่าเจ้าทุกข์ไม่เป็นอะไรแน่นอนจึงอนุญาตให้ทั้งคู่กลับที่พักกันได้
แจคทำหน้าบอกบุญไม่รับร้องถามเสียงเกือบตวาดใส่สาวเลขา "เอาอีกแล้วเหรอทำไมแค่เค้าเป็นลูกสาวของศัตรูของพวกแกแค่นั้น" แกในความหมายของแจคไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพ่อฝรั่งของแจคเอง ครั้งหนึ่งแจคเคยอาละวาดราดน้ำกรดใส่หน้าของสาวไทยคนหนึ่งด้วยความโมโหสุดชีวิตเมื่อเธอพยายามเรียกร้องอะไรหลาย ๆ อย่างในฐานะเมียของแจค "แม่ผมยังต้องติดคุกต้องใช้ชีวิตหลบหนีซุกหน้าซ่อนราวกับไส้เดือนแล้วคุณเป็นดวงเดือนกันรึไงไม่ทราบ" ตั้งแต่นั้นมาแจคเองเลยพลอยต้องอาศัยอิทธิพลของพ่อตนเองอย่างไม่มีทางเลี่ยงไม่งั้นก็ติดคุกข้อหาฉกรรจ์ "เห็นแก่ตัวกันมากเกินไปแล้วแม่ผมล่ะทำไมผมต้องมาเลี้ยงมาดูแลคุณแทนเค้าที่กำลังลำบากขนาดนั้นแล้ว"
โอ้อกคิดถึงคนึงนอนวัน
นอนให้ใฝ่ฝันหันจันทร์แจ่มฟ้า
ทรงกลดสวยสดโสภา
แสงทองส่องหล้าขวัญตาเรียมเอย
เอ่ย เอ่อ ฉุยฉายจ้อยเอย
จักไปไหนนิด จ้อยก็กรีดกราย
เยื้องย่างจ้อยช่างแปลงกาย....
ภายในพระตำหนักที่กำลังจัดงานลีลาศประยุกต์กับแบบลาวและวงปี่พาทย์แบบไทยเมืองศรีสัชนาลัยที่เป็นที่ต้องพระราชหฤทัยขององค์เจ้ามหาชีวิตเหมือนนังจ้อยที่ยังคงสวมชุดนางเอกระบำสุโขทัยยืนนิ่งตะลึงจังงัง"แล้วแต่มองสิเออร์ฟรังซัวถ้าอีจ้อยมันตกลงฉันก็เต็มใจ...วิลลิ่งที่จะยกมันให้" จ้อยน้ำตาตกนั่งทรุดกายฟรังซัวเลิกหัวคิ้วมองเหมือนเยาะเย้ยซ้ำถากถางแต่ใช้วาจาหว่านล้อมแบบมีเล่เหลี่ยม
"ความจริงฉันกับเจ้าคำดวง...เอ่อ ขอออกตัวก่อนว่าฉันนะฝรั่งเศสฉันเหนือกว่าเจ้าคำดวงแล้วแต่เธอจ้อย"
สุดท้ายด้วยความน้อยใจและอยากมีอยากได้นังจ้อยหลงละเมอประเมินสถานการณ์ตามความอ่อนต่อโลกหันหลังผละออกไปจากชีวิตของเจ้าคำดวงและย้ายไปอยู่ที่บ้านพักของทูตฝรั่งเศสซึ่งมองสิเออร์ฟรังซัวพักอาศัยอยู่ที่นั่นราวกับพระเจ้าลงโทษและเล่นตลกกับนังจ้อยสาวนางรำชาวสยามด้วยความไม่รู้และอ่อนต่อโลกไม่เข้าใจ
"จ้อยเธออ่านหนังสือออกมั้ยภาษาไทยคงออกฉันหมายถึงพวกภาษาฝรั่งอย่างที่พวกสยามเรียก"
ฟรังซัวแกล้งชวนคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคยและหาโอกาสหลอกใช้จ้อยเป็นนางนกต่อบ้างในบางโอกาส "จ้อยอ่านไทยออกอย่างเดียวเจ้าค่ะ" จ้อยใช่อ่านเกมไม่ออกแต่ฟรังซัวหารู้ไม่ว่าจ้อยเองมีอาชีพรำละครระหว่างที่จ้อยอยู่ที่เมืองเหนือมีคณะมิชชั่นนารีอังกฤษเป็นแหม่มผู้หญิงใจดีมีเมตตาต่อเด็ก ๆ อย่างจ้อยพยายามสอนภาษาอังกฤษง่าย ๆ ให้แก่พวกเธอ เธอฉุกใจคิดขึ้นมาวูบหนึ่ง "ชะรอยฟ้าดินจะประทานโอกาสให้จ้อยได้แก้แค้นและได้ช่วยเหลือแผ่นดินสักวันเถิดพวกมึ้ง"
ฟองดูหลับตานิ่งอย่างเหนื่อยล้าในความเป็นจริงด้วยนิสัยเอาแต่ใจและชอบวุ่นวายจุ้นจ้านหึงหวงตามอาละวาดชอบให้ใครต่อใครเอาใจมาแต่ครั้งวัยเยาว์ ในวัยเด็กจ้อยเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวและเป็นคนสุดท้องแถมมีรูปร่างหน้าตาสวยงามอ้อนแอ้นอรชรเป็นที่ต้องตาต้องใจชายไทยหลาย ๆ คนแต่จ้อยกลับผูกสมัครรักใคร่หมายยึดท่านเล็กนี่แหล่ะเป็นที่พึ่งไม่เช่นนั้นจ้อยคงไม่ยอมระยอบหมอบกราบเพียรงอนง้อขอติดตามท่านเล็กที่เสด็จไปชมการแสดงวงปี่พาทย์ที่สยามกับขบวนเสด็จของเจ้ามหาชีวิตของเมืองลาวกลับมายังหลวงพระบางเมืองหลวง(ในเวลานั้น)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ