ตราบฟ้าไร้ดาว
5.8
เขียนโดย Kankrao
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.
27 ตอน
2 วิจารณ์
32.01K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) ความจริงที่จำต้องเปิดใจ ๒ ๑๐๐%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เรือลำนี้พี่หินบอกว่าจะกลับมาช่วยเอ๋ยทำค่ะ แต่เอ๋ยก็ต้องทำคนเดียวเพราะไม่มีพี่หินแล้ว”
“คุณเอามาให้ฉันทำไมล่ะคะ” ดลยาเสียงอ่อนลงทันที ขณะสายตามองไปยังเรือ
“เพราะตอนนี้เอ๋ยรู้แล้ว ว่าจะไม่มีพี่หินกลับมาดูมันแล้ว เอ๋ยเลยอยากให้คุณย่าเก็บไว้ อย่างน้อยๆ คุณร๊อกที่หน้าเหมือนพี่หินก็อาจจะได้ดูมันบ้าง ตอนที่พวกคุณแต่งงานกันไปแล้ว”
“ทำไมคุณไม่เอาไปให้เขาเอง แล้วทำไมคุณไม่บอกเขาเรื่องพี่หินล่ะคะ”
“เอ๋ยไม่อยากไปพบเขาค่ะ ในเมื่อเขาไม่ใช่พี่หินของเอ๋ยแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เอ๋ยจะพาตัวเองไปใกล้เขา เพราะรังแต่จะทำให้คุณย่าโกรธและเกลียดเอ๋ยมากไปกว่านี้เท่านั้น ที่ผ่านมาเอ๋ยรู้ว่าตัวเองผิด รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากที่แอบไปคุยกับเขาลับหลังคุณย่า”
“...” ดลยาพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำนี้
“แต่เอ๋ยก็อยากขอความเห็นใจจากคุณย่าค่ะ ได้โปรดเข้าใจ เห็นใจหัวอกของคนที่พลัดพรากจากคนที่ตัวเองรัก และรอคอยให้เขากลับมาถึงสิบสองปีด้วยนะคะ มันเป็นช่วงเวลาที่เอ๋ยเป็นทุกข์ค่ะ ทุกข์จนไม่รู้จะทุกข์ยังไง และไม่อยากจะบอกให้ใครได้รู้”
“แต่การที่คุณไม่บอกอะไรกับใคร ยิ่งจะทำให้ความทุกข์อัดแน่นนะคะ สักวันความทุกข์มันก็จะระเบิดออกมา แล้วจะฆ่าคุณเอง”
“ความตายคือสิ่งเดียวที่เอ๋ยรออยู่ในชีวิตนี้ค่ะ เพราะถ้าไม่มีพี่หินชีวิตของเอ๋ยก็เหมือนไม่มีความหมายอะไร คุณย่าโชคดีแล้วค่ะ ที่จะได้อยู่กับคนที่คุณย่ารักและเขาก็รักคุณย่า”
“แต่เขาก็พาตัวเข้าไปใกล้ชิดคุณ”
“นั่นเป็นเพราะเอ๋ยเป็นฝ่ายยอมไปใกล้เขาด้วย แต่ต่อไปนี้จะไม่มีแล้วค่ะ เอ๋ยสัญญากับคุณย่าไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าคุณย่าไม่อยากให้เอ๋ยไปพบเขาอีก เอ๋ยก็จะไม่ขอพบเขาไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ขอให้คุณย่าสบายใจได้ค่ะ”
“...”
ไม่รู้อะไรดลใจให้สาวผู้มีเมตตาเชื่อในคำพูดนี้จนหมดสิ้น
“เอ๋ยขออวยพรให้คุณย่ามีความสุขกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้านี้นะคะ และได้โปรดจงยกโทษให้คนสิ้นคิดอย่างเอ๋ย ที่ทำอะไรลงไปเพราะความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ด้วยนะคะ เอ๋ยขอแค่นี้ค่ะ”
“...”
แต่มันยากยิ่งที่ดลยาจะบอกออกไปตอนนี้ เพราะใจยังรับไม่ได้ และยังไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าเรื่องที่ได้รับรู้มาเป็นจริงหรือถูกแต่งแต้มขึ้นกันแน่ จึงเลือกที่จะนั่งจ้องมองของขวัญที่ตัวไม่แน่ใจว่าอยากได้อยู่เท่านั้น
วริญรำไพรู้ในวินาทีนี้เอง ว่าคำขอโทษของตัวเองไร้ผล จึงค่อยๆ เดินผละจากไปทั้งที่ยังมีน้ำตานองหน้า เมื่อและตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าทำตามสัญญาที่ให้กับคนข้างหลังไว้
แต่สาวที่พลาดหวังในรักก็บอกกับตัวเองว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว แม้ในใจจะเจ็บช้ำกับวินาทีที่จะต้องตัดคนหน้าเหมือนพี่หินออกไปจากใจให้ได้ และต้องได้ไม่ว่าจะยากลำบากสักแค่ไหน
“เอ๋ย! พรุ่งนี้ให้หนิงไปถ่ายที่บางแสนแทนนะ ส่วนเอ๋ยไปถ่ายงานแต่งคุณย่า และไปถึงต้องอย่างช้าตีห้าด้วยนะ จะได้ช่วยอินดูความเรียบร้อยด้วย หกโมงพี่จะตามไป”
แต่สาวที่สมหวังในรักก็เพิ่มความยากลำบากมาให้อีกโดยไม่รู้ตัว เมื่อเจ้านายที่เพิ่งได้รับโทรศัพท์ว่าให้ช่างภาพคนเดิมไปถ่ายในงานแทนคนที่ไปเมื่อวานที่ไปถ่ายวันเตรียมงาน
“โห! แม่คุณร๊อกกับแม่คุณย่าทำกับเอ๋ยขนาดนั้น สุยังจะให้ไปอีกเหรอ”
รัชชาอดไม่ได้ที่จะแย้ง เพราะตัวเองถือว่าอายุเยอะสุดในบริษัทก็ว่าได้ แถมยังเห็นวินาทีที่ช่างภาพผู้เงียบขรึมถูกตบเต็มสองตา
“ทำไงได้ล่ะพี่ติ้ง ในเมื่อคุณย่าขอมา สุก็ต้องทำตาม เอ๋ยคงทำได้นะเพื่องานเพื่อเงินจะได้เอามาต่อยอดให้บริษัทเราไง”
“ค่ะพี่สุ”
แม้อยากจะเอ่ยปากปฏิเสธออกไปยังไง แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะนี่คืองานคือหน้าที่ที่จะต้องทำ จะต้องแยกแยะระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัว
และแม้จะเป็นข่าวร้ายของตัวเอง แต่มองในแง่ดี นี่ก็ถือเป็นการแทนคำยกโทษที่ดลยามีให้ก็เป็นได้ วริญรำไพจึงบอกกับตัวเองแน่วแน่อีกครั้ง ว่าจะทำงานออกมาให้ดีที่สุด
“เป็นกรรมของเอ๋ย แต่เป็นบุญของหนิงแล้วล่ะที่ไม่ต้องไปทำงานนี้”
“ทำไมล่ะพี่หนิง”
อินทิราที่รู้ดีแกล้งแหย่พร้อมรอยยิ้ม ทำเอารุ่นพี่มองตาขวาง เบะปากออกมาอย่างไม่ชอบใจ
“โห! แค่ไปเมื่อวานหนิงก็อยากจะกลับทันทีเลย คุณรัตน์กับคุณพรนี่สมที่จะเกี่ยวดองกันเลยนะพี่ เรื่องมาก เจ้ายศเจ้าอย่าง โน่นก็แตะไม่ได้ นี่ก็จับไม่ได้ เวลามองคนก็มองด้วยหางตา พอมองตรงๆ ก็ส่งสายตาเหยียดหยามมาให้ซึ่งๆ หน้า” ปันจิราโอดครวญทันที
“น้ำสักหยด ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีสั่งให้คนรับใช้ทำมาเลี้ยงพวกเราเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ด้วย” แซ้งบ่นบ้าง เพราะเมื่อวานรอข้าวจากอินทิราเกือบถึงบ่ายสาม เมื่อมีงานด่วนต้องให้ทำก่อน
“ลูกค้าซุปเปอร์วีไอพีของพี่สุโดยแท้เลยน้อ ขี้เหนียวเว่อร์เป็นพิเศษ” ซันบ่นบ้างเพราะทำงานคู่กันกับแซ้ง
“ใช่! น่าจะจัดงานที่โรงแรมทั้งตอนเช้าและเย็นไปเลย จะได้ไม่ต้องคอยระวังว่าจะทำของอะไรตกแตกบ้าง เพราะชิ้นไหนๆ คุณรัตน์ก็บอกว่าราคาเป็นแสนเป็นล้านทั้งนั้น อินล่ะไม่อยากเข้าไปใกล้เลย กลัวทำแตกแล้วต้องใช้หนี้หัวบาน”
“อุ๊ย! ทำที่โรงแรมหมด ก็อดอวดคฤหาสน์ราคาสองสามร้อยล้านน่ะยะยัยอิน วันนี้เห็นอวดใหญ่เลยว่าห้องนั่นหมดเท่านั้น ห้องนี้หมดเท่านี้ ฉันได้ฟังแล้วก็ โอ๊ย!!! หมั่นไส้คนรวย” รัชชาเอาด้วยบ้าง เพราะอัดอั้นมาทั้งวัน ทำเอาทุกคนในที่ประชุมหัวเราะออกมาด้วยความขำ
“พอได้แล้วยัยหนิง มานินทีลูกค้าของพี่ได้ยังไง เริ่มประชุมเลย แต่เดี๋ยว! ก่อนจะลืม พี่ขอเน้นกับอินก่อนนะ ว่าช่วยกำชับเด็กที่จะดูแลคุณย่ากับคุณร๊อกด้วย ว่าห้ามเสิร์ฟน้ำเย็นให้คุณร๊อกเด็ดขาด ตั้งแต่งานเช้ากระทั่งงานเย็น”
“ทำไมล่ะสุ” รัชชาสงสัย
“ก็คุณย่าโทรมาบอกว่าแกไม่สบาย มีไข้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้ก็เห็นว่าคุณย่าจะพาไปฉีดยานะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงลุกขึ้นมาแต่งงาน”
“โห! จะแต่งทั้งทียังไม่สบายอีก มิน่าวันนี้ไม่เห็นแกทั้งวันเลย” อินทิราเพิ่งคิดขึ้นได้
“ใช่ๆ แกนอนทั้งวัน พี่ติ้งก็ช่วยแต่งหน้าให้แกจัดกว่าปกติหน่อยก็แล้วกัน เอ๋ยก็ใช้กล้องโปรแกรมแต่งช่วยทีนะถ้าหน้าแกซีด แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก แล้วเอ๋ยก็ต้องตามถ่ายตั้งแต่ตอนแต่งหน้ากระทั่งถึงตอนส่งตัวเข้าห้องหอเลยนะ”
“ค่ะ”
เพราะรู้ดีว่าต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แม้เจ้านายจะไม่ย้ำก็ตามที “วันรุ่งขึ้นพี่ก็ให้เข้าออฟฟิศสายได้ตามเคย เพราะต้องอยู่ดึก เอารถมาจอดที่นี่แล้วนั่งรถตู้ไปนะจะได้ช่วยอินดูด้วยว่าขาดหรือลืมอะไร”
“ค่ะ”
==========================================
สวัสดีค่ะรีดที่น่ารักของกันเกราแวะมาแจ้งข่าวค่ะ พรุ่งนี้กันเกราจะต้องพาสามีไปขึ้นเขียง เบื้องต้นคุณหมอบอกว่าจะต้องนอนรักษาตัวใน รพ. หลังผ่าตัดราวสองอาทิตย์ การอัพพี่หินกับน้องเอ๋ย อาจจะขาดหายไปบ้างนะคะ อาจจะวันเว้นวัน แล้วแต่สถานการณ์จะพาไปค่ะ เพราะใน รพ. ใช้ไม่มีเน็ท ต้องใช้จากมือถือ แล้วมันก็อืดอย่างแรงกว่าจะโพสต์อะไรแต่ละที สามชาตค่ะจังแจ้งมาให้รีดรู้ไว้ เผื่อมีใครคิดถึงหรือสงสัยว่าหายไปไหนค่ะขอบคุณค่ะยิ้มมมมมมมมมมมมม
“คุณเอามาให้ฉันทำไมล่ะคะ” ดลยาเสียงอ่อนลงทันที ขณะสายตามองไปยังเรือ
“เพราะตอนนี้เอ๋ยรู้แล้ว ว่าจะไม่มีพี่หินกลับมาดูมันแล้ว เอ๋ยเลยอยากให้คุณย่าเก็บไว้ อย่างน้อยๆ คุณร๊อกที่หน้าเหมือนพี่หินก็อาจจะได้ดูมันบ้าง ตอนที่พวกคุณแต่งงานกันไปแล้ว”
“ทำไมคุณไม่เอาไปให้เขาเอง แล้วทำไมคุณไม่บอกเขาเรื่องพี่หินล่ะคะ”
“เอ๋ยไม่อยากไปพบเขาค่ะ ในเมื่อเขาไม่ใช่พี่หินของเอ๋ยแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เอ๋ยจะพาตัวเองไปใกล้เขา เพราะรังแต่จะทำให้คุณย่าโกรธและเกลียดเอ๋ยมากไปกว่านี้เท่านั้น ที่ผ่านมาเอ๋ยรู้ว่าตัวเองผิด รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากที่แอบไปคุยกับเขาลับหลังคุณย่า”
“...” ดลยาพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำนี้
“แต่เอ๋ยก็อยากขอความเห็นใจจากคุณย่าค่ะ ได้โปรดเข้าใจ เห็นใจหัวอกของคนที่พลัดพรากจากคนที่ตัวเองรัก และรอคอยให้เขากลับมาถึงสิบสองปีด้วยนะคะ มันเป็นช่วงเวลาที่เอ๋ยเป็นทุกข์ค่ะ ทุกข์จนไม่รู้จะทุกข์ยังไง และไม่อยากจะบอกให้ใครได้รู้”
“แต่การที่คุณไม่บอกอะไรกับใคร ยิ่งจะทำให้ความทุกข์อัดแน่นนะคะ สักวันความทุกข์มันก็จะระเบิดออกมา แล้วจะฆ่าคุณเอง”
“ความตายคือสิ่งเดียวที่เอ๋ยรออยู่ในชีวิตนี้ค่ะ เพราะถ้าไม่มีพี่หินชีวิตของเอ๋ยก็เหมือนไม่มีความหมายอะไร คุณย่าโชคดีแล้วค่ะ ที่จะได้อยู่กับคนที่คุณย่ารักและเขาก็รักคุณย่า”
“แต่เขาก็พาตัวเข้าไปใกล้ชิดคุณ”
“นั่นเป็นเพราะเอ๋ยเป็นฝ่ายยอมไปใกล้เขาด้วย แต่ต่อไปนี้จะไม่มีแล้วค่ะ เอ๋ยสัญญากับคุณย่าไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าคุณย่าไม่อยากให้เอ๋ยไปพบเขาอีก เอ๋ยก็จะไม่ขอพบเขาไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ขอให้คุณย่าสบายใจได้ค่ะ”
“...”
ไม่รู้อะไรดลใจให้สาวผู้มีเมตตาเชื่อในคำพูดนี้จนหมดสิ้น
“เอ๋ยขออวยพรให้คุณย่ามีความสุขกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้านี้นะคะ และได้โปรดจงยกโทษให้คนสิ้นคิดอย่างเอ๋ย ที่ทำอะไรลงไปเพราะความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ด้วยนะคะ เอ๋ยขอแค่นี้ค่ะ”
“...”
แต่มันยากยิ่งที่ดลยาจะบอกออกไปตอนนี้ เพราะใจยังรับไม่ได้ และยังไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าเรื่องที่ได้รับรู้มาเป็นจริงหรือถูกแต่งแต้มขึ้นกันแน่ จึงเลือกที่จะนั่งจ้องมองของขวัญที่ตัวไม่แน่ใจว่าอยากได้อยู่เท่านั้น
วริญรำไพรู้ในวินาทีนี้เอง ว่าคำขอโทษของตัวเองไร้ผล จึงค่อยๆ เดินผละจากไปทั้งที่ยังมีน้ำตานองหน้า เมื่อและตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าทำตามสัญญาที่ให้กับคนข้างหลังไว้
แต่สาวที่พลาดหวังในรักก็บอกกับตัวเองว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว แม้ในใจจะเจ็บช้ำกับวินาทีที่จะต้องตัดคนหน้าเหมือนพี่หินออกไปจากใจให้ได้ และต้องได้ไม่ว่าจะยากลำบากสักแค่ไหน
“เอ๋ย! พรุ่งนี้ให้หนิงไปถ่ายที่บางแสนแทนนะ ส่วนเอ๋ยไปถ่ายงานแต่งคุณย่า และไปถึงต้องอย่างช้าตีห้าด้วยนะ จะได้ช่วยอินดูความเรียบร้อยด้วย หกโมงพี่จะตามไป”
แต่สาวที่สมหวังในรักก็เพิ่มความยากลำบากมาให้อีกโดยไม่รู้ตัว เมื่อเจ้านายที่เพิ่งได้รับโทรศัพท์ว่าให้ช่างภาพคนเดิมไปถ่ายในงานแทนคนที่ไปเมื่อวานที่ไปถ่ายวันเตรียมงาน
“โห! แม่คุณร๊อกกับแม่คุณย่าทำกับเอ๋ยขนาดนั้น สุยังจะให้ไปอีกเหรอ”
รัชชาอดไม่ได้ที่จะแย้ง เพราะตัวเองถือว่าอายุเยอะสุดในบริษัทก็ว่าได้ แถมยังเห็นวินาทีที่ช่างภาพผู้เงียบขรึมถูกตบเต็มสองตา
“ทำไงได้ล่ะพี่ติ้ง ในเมื่อคุณย่าขอมา สุก็ต้องทำตาม เอ๋ยคงทำได้นะเพื่องานเพื่อเงินจะได้เอามาต่อยอดให้บริษัทเราไง”
“ค่ะพี่สุ”
แม้อยากจะเอ่ยปากปฏิเสธออกไปยังไง แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะนี่คืองานคือหน้าที่ที่จะต้องทำ จะต้องแยกแยะระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัว
และแม้จะเป็นข่าวร้ายของตัวเอง แต่มองในแง่ดี นี่ก็ถือเป็นการแทนคำยกโทษที่ดลยามีให้ก็เป็นได้ วริญรำไพจึงบอกกับตัวเองแน่วแน่อีกครั้ง ว่าจะทำงานออกมาให้ดีที่สุด
“เป็นกรรมของเอ๋ย แต่เป็นบุญของหนิงแล้วล่ะที่ไม่ต้องไปทำงานนี้”
“ทำไมล่ะพี่หนิง”
อินทิราที่รู้ดีแกล้งแหย่พร้อมรอยยิ้ม ทำเอารุ่นพี่มองตาขวาง เบะปากออกมาอย่างไม่ชอบใจ
“โห! แค่ไปเมื่อวานหนิงก็อยากจะกลับทันทีเลย คุณรัตน์กับคุณพรนี่สมที่จะเกี่ยวดองกันเลยนะพี่ เรื่องมาก เจ้ายศเจ้าอย่าง โน่นก็แตะไม่ได้ นี่ก็จับไม่ได้ เวลามองคนก็มองด้วยหางตา พอมองตรงๆ ก็ส่งสายตาเหยียดหยามมาให้ซึ่งๆ หน้า” ปันจิราโอดครวญทันที
“น้ำสักหยด ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีสั่งให้คนรับใช้ทำมาเลี้ยงพวกเราเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ด้วย” แซ้งบ่นบ้าง เพราะเมื่อวานรอข้าวจากอินทิราเกือบถึงบ่ายสาม เมื่อมีงานด่วนต้องให้ทำก่อน
“ลูกค้าซุปเปอร์วีไอพีของพี่สุโดยแท้เลยน้อ ขี้เหนียวเว่อร์เป็นพิเศษ” ซันบ่นบ้างเพราะทำงานคู่กันกับแซ้ง
“ใช่! น่าจะจัดงานที่โรงแรมทั้งตอนเช้าและเย็นไปเลย จะได้ไม่ต้องคอยระวังว่าจะทำของอะไรตกแตกบ้าง เพราะชิ้นไหนๆ คุณรัตน์ก็บอกว่าราคาเป็นแสนเป็นล้านทั้งนั้น อินล่ะไม่อยากเข้าไปใกล้เลย กลัวทำแตกแล้วต้องใช้หนี้หัวบาน”
“อุ๊ย! ทำที่โรงแรมหมด ก็อดอวดคฤหาสน์ราคาสองสามร้อยล้านน่ะยะยัยอิน วันนี้เห็นอวดใหญ่เลยว่าห้องนั่นหมดเท่านั้น ห้องนี้หมดเท่านี้ ฉันได้ฟังแล้วก็ โอ๊ย!!! หมั่นไส้คนรวย” รัชชาเอาด้วยบ้าง เพราะอัดอั้นมาทั้งวัน ทำเอาทุกคนในที่ประชุมหัวเราะออกมาด้วยความขำ
“พอได้แล้วยัยหนิง มานินทีลูกค้าของพี่ได้ยังไง เริ่มประชุมเลย แต่เดี๋ยว! ก่อนจะลืม พี่ขอเน้นกับอินก่อนนะ ว่าช่วยกำชับเด็กที่จะดูแลคุณย่ากับคุณร๊อกด้วย ว่าห้ามเสิร์ฟน้ำเย็นให้คุณร๊อกเด็ดขาด ตั้งแต่งานเช้ากระทั่งงานเย็น”
“ทำไมล่ะสุ” รัชชาสงสัย
“ก็คุณย่าโทรมาบอกว่าแกไม่สบาย มีไข้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้ก็เห็นว่าคุณย่าจะพาไปฉีดยานะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงลุกขึ้นมาแต่งงาน”
“โห! จะแต่งทั้งทียังไม่สบายอีก มิน่าวันนี้ไม่เห็นแกทั้งวันเลย” อินทิราเพิ่งคิดขึ้นได้
“ใช่ๆ แกนอนทั้งวัน พี่ติ้งก็ช่วยแต่งหน้าให้แกจัดกว่าปกติหน่อยก็แล้วกัน เอ๋ยก็ใช้กล้องโปรแกรมแต่งช่วยทีนะถ้าหน้าแกซีด แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก แล้วเอ๋ยก็ต้องตามถ่ายตั้งแต่ตอนแต่งหน้ากระทั่งถึงตอนส่งตัวเข้าห้องหอเลยนะ”
“ค่ะ”
เพราะรู้ดีว่าต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แม้เจ้านายจะไม่ย้ำก็ตามที “วันรุ่งขึ้นพี่ก็ให้เข้าออฟฟิศสายได้ตามเคย เพราะต้องอยู่ดึก เอารถมาจอดที่นี่แล้วนั่งรถตู้ไปนะจะได้ช่วยอินดูด้วยว่าขาดหรือลืมอะไร”
“ค่ะ”
==========================================
สวัสดีค่ะรีดที่น่ารักของกันเกราแวะมาแจ้งข่าวค่ะ พรุ่งนี้กันเกราจะต้องพาสามีไปขึ้นเขียง เบื้องต้นคุณหมอบอกว่าจะต้องนอนรักษาตัวใน รพ. หลังผ่าตัดราวสองอาทิตย์ การอัพพี่หินกับน้องเอ๋ย อาจจะขาดหายไปบ้างนะคะ อาจจะวันเว้นวัน แล้วแต่สถานการณ์จะพาไปค่ะ เพราะใน รพ. ใช้ไม่มีเน็ท ต้องใช้จากมือถือ แล้วมันก็อืดอย่างแรงกว่าจะโพสต์อะไรแต่ละที สามชาตค่ะจังแจ้งมาให้รีดรู้ไว้ เผื่อมีใครคิดถึงหรือสงสัยว่าหายไปไหนค่ะขอบคุณค่ะยิ้มมมมมมมมมมมมม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ