ตราบฟ้าไร้ดาว

5.8

เขียนโดย Kankrao

วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.

  27 ตอน
  2 วิจารณ์
  31.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) ความจริงที่จำต้องเปิดใจ ๑๐๐%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

มือถือบนโต๊ะหัวเตียงถูกคว้าขึ้นมาดูเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ว่าไม่มีข้อความหรือหมายเลขโทรเข้ามาจากเขา และอยากได้คำตอบคือว่างเปล่ามากกว่า

แต่หน้าจอก็บอกมาว่ามีหลายไม่ได้รับไปหลายสิบครั้ง และมาจากเขาหลายต่อครั้ง แต่ลึกๆ ภายในแล้ว วริญรำไพก็ยังคงเสียใจอยู่ดี เมื่อวินาทีที่จะต้องอำลาเขาไปนั้นเดินทางมาถึงแล้ว

ในใจก้ำกึ่งอยู่สองทางคือ จะปล่อยให้ความเงียบระหว่างกันเกิดขึ้นไปเรื่อยแทนคำอำลา หรือจะเป็นฝ่ายติดต่อไปหาเขาเอง หรือจะรอให้เขาติดต่อมาเอง

แต่สุดท้ายก็เลือกหนทางแรก เพราะดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีและเรียบง่ายสำหรับทุกคนในตอนนี้

“เอ๋ย! มากินข้าวสิลูก แม่ทำไว้ให้แล้ว จะได้ไปทำงาน แล้วแม่ก็ทำใส่กล่องไว้ให้ด้วยนะ จะได้เอาไปฝากเพื่อนๆ ที่ทำงานกินด้วย”

ร่างผอมบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแม่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะแม่ไม่ชินกับการอยากมีความเป็นส่วนตัวของลูกมากนัก “จ๊ะแม่”

ลูกเลยรับคำแล้วคว้ากระเป๋าสะพายออกไปนั่งกินมื้อเช้าพร้อมหน้ากันกับพื้นตรงระเบียงนอกห้อง เพราะยายกับพ่อชอบสูดอากาศภายนอกมากกว่าจะนั่งอุดอู้อยู่ในห้องแอร์

“รีบกลับนะ จะได้มารับเจ้าใหญ่ไปตลาดซื้อของมาทำมื้อเย็น”

“จ๊ะแม่”

ลูกรับคำแม่แล้วคว้ากุญแจมาถือ ส่วนปิ่นโตกับกระเป๋าสะพาย พร้อมของในกล่องนั้น พี่ใหญ่อาสาถือลงไปให้ถึงรถ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินเข้าสตูฯ แล้ว เพราะอยู่ไม่ไกลกันสักเท่าไหร่

วันนี้ไม่มีงานออกข้างนอก วริญรำไพเลยตรงไปนั่งโต๊ะทำงานแล้ว เพื่อหมายจะเลือกภาพที่เพิ่งถ่ายให้ลูกค้าเสร็จเมื่อวาน จะได้เอาไปจัดทำอัลบั้ม ไปขยายใส่กรอบสำหรับตั้งในวันแต่งงานต่อไป

“ลูกค้าอยากให้เอ๋ยไปถ่ายรูปที่ตาเบบูญาน่ะ เปลี่ยนงานกับหนิงเลยแล้วกัน”

นั่นคือคำสั่งสั้นๆ ของเจ้านาย ซึ่งผิดฟอร์มกว่าทุกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงาน โดยไม่รอให้ลูกน้องตอบแต่อย่างใด วริญรำไพเลยหันไปหาปันจิราอย่างไม่เข้าใจ และไม่อยากไปที่นั่นเลย

แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะเลี้ยงได้อยู่ดี เมื่อนี่คืองาน และเป็นที่มาของเงิน ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม แม้ในใจอยากจะให้ตัวเองรวยแล้วเมินคำสั่งนี้สักแค่ไหนก็ตาม

 

“คุณสถาพรค่ะพี่เอ๋ย พอดีแกขอมาดูห้องไว้จัดงานแต่งน่ะค่ะ พอดีเห็นเราถ่ายพรีเวดดิ้งอยู่ แกเลยขอดูการทำงานหน่อย เผื่อจะได้เอาไปบอกเจ้าสาวให้มาถ่ายกับเราค่ะ”

นั่นคือคำอธิบายจากอินทิราเกี่ยวกับว่าที่ลูกค้าหนุ่มหน้าตาดี แต่งกายภูมิฐานที่เดินตรงมาหาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนคนที่กำลังจะเริ่มชีวิตใหม่ไม่มีผิดเพี้ยน

“สวัสดีครับคุณเอ๋ย ผมขออนุญาตคุณอินแล้ว แต่ก็ขอขออนุญาตคุณเอ๋ยอีกคนนะครับ เกรงใจกลัวจะเกะกะตอนทำงาน แต่ผมก็อยากดูครับ เห็นชุดเห็นแต่งหน้าให้เจ้าสาวแล้วออกมาสวยเชียว ผมเลยอยากให้แฟนสวยแบบนี้บ้าง อีกอย่างผมนัดกับแฟนให้มากินเที่ยงที่นี่ด้วย คงจะดีถ้าได้ดูการถ่ายทำเป็นการฆ่าเวลาไปด้วยนะครับ”

หนุ่มหล่ออธิบายยืดยาวและด้วยท่าทีสุภาพ “ด้วยความยินดีค่ะ จะนั่งดูตรงซุ้มก็ได้นะคะ” จนวริญรำไพไม่อาจจะปฏิเสธได้

“ขอบคุณครับ”

พอๆ กับเครื่องดื่มเย็นๆ ที่แขกเป็นฝ่ายซื้อมาเลี้ยงทุกคนรวมทั้งสองบ่าวสาวอย่างมีน้ำใจด้วย ที่วริญรำไพไม่อาจจะปฏิเสธเมื่อเขาเปิดแล้วยื่นให้ด้วยตัวเอง จนต้องยิ้มบางๆ ให้ก่อนรับมาจิบเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ

“คุณเอ๋ยมีมุมกล้องแปลกตาดีนะครับ”

วริญรำไพหันไปยิ้มให้คนข้างๆ ที่มายืนดูการถ่ายทำอยู่ใกล้ๆ แล้วอาสาคอยช่วยจับนั่นยื่นนี่ให้เมื่อน้องๆ ทีมงานไม่ว่าง

“ขอบคุณค่ะ”

เลยได้รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรจากช่างภาพสาวส่งให้เป็นการตอบแทน ก่อนจะหันกลับไปหางานตามเดิม ใกล้เที่ยงแขกเลยเดินเข้ามาหาใกล้ๆ แล้วกระซิบบอกว่าต้องไปแล้ว

“มีอะไรก็ติดต่อที่ออฟฟิศหรือน้องอินได้เลยค่ะ”

วริญรำไพเลยวางมือจากงานครู่หนึ่งแล้วส่งแขกตามมารยาทแล้วก็กลับไปหางานตามเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นช่วงบ่ายที่งานถ่ายเริ่มอีกครั้ง

ก็มีแขกหนุ่มหน้าตาดีแต่งกายภูมิฐานอีกคนเดินเข้ามาขอคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่ง แล้วขอดูการถ่ายทำอย่างใกล้ชิดอีก ไม่แตกต่างจากหนุ่มเมื่อเช้านี้นัก ซึ่งวริญรำไพกับอินทิราก็ต้อนรับเต็มที่ เมื่อคาดหวังว่าจะได้ลูกค้าเพิ่ม

หารู้ไม่ว่านั่นกลับทำให้คนที่ยืนกอดอกอยู่ห้องประชุมชั้นสามที่กำลังมองลงมาหาเข้าใจไปอีกแบบ ในใจก็เจ็บแสบแสนสาหัสที่ตัวเองโง่ได้ถึงเพียงนี้

มองข้ามผู้หญิงดีๆ ที่มีในมือ ไปหาผู้หญิงมากรัก หลายชายได้อย่างไม่น่าให้อภัย และในใจก็อยากจะเดินลงไปถามให้รู้แล้วรู้รอดว่าเจ้าหล่อนทำได้ยังไงกัน

เมื่อคืนนอนกับอีกชาย ตอนเช้าควงกับอีกคน ตกบ่ายก็มีอีกชายมาหา ถ้าเขาลงไปคุยด้วย เขาก็คงจะกลายเป็นเบอร์สามไว้ให้เจ้าหล่อนเลือกสินะ

‘ไม่’

คนอย่างเขาไม่มีทางเป็นแบบนั้น คนอย่างเขาอยู่สูงกว่าผู้ชายพวกนั้น คนอย่างเขาจะไม่มีวันเป็นตัวเลือกเอาไว้ให้ใครเป็น เพราะเบอร์เดียวที่เขาจะต้องเป็นคือ

‘หนึ่ง’

เดียวเท่านั้น จะไม่เป็นสองรองใคร เป็นอันขาด

 

“พี่สุคะ เสร็จงานคัดรูปแล้ว ตอนบ่ายเอ๋ยขอไปธุระหน่อยนะคะ”

ในวันต่อมาที่ไม่ได้ออกนอกสถานที่ วริญรำไพรีบขอเจ้านายก่อนที่จะขึ้นชั้นบนทันที ทั้งที่มือยังหิ้วปิ่นโตอาหารเผื่อทุกคนอยู่เลย

“ตามสบายจ้ะ แค่นี้เองไม่ต้องขอพี่ก็ได้ ว่าแต่งานเมื่อวานเรียบร้อยดีนะ พี่ว่าจะไปดูหน่อยแต่ไม่ว่างเลย อ้อ! แล้ววันนี้เอาอะไรมากินบ้างล่ะ มีของโปรดพี่หรือเปล่า กินเที่ยงด้วยกันแล้วเอ๋ยค่อยออกไปทำธุระนะ”

“ค่ะ”

วริญรำไพยิ้มบางๆ ให้เจ้านายสาวที่พูดจบก็เดินขึ้นชั้นบนทันที และไม่ต้องการคำตอบตามเคย ตัวเองเลยรีบทำงานจะได้เสร็จก่อนเที่ยง กินข้าวเสร็จ ไปทำธุระเสร็จจะได้รีบกลับบ้านเพราะอยากมีเวลาอยู่กับพ่อแม่ให้นานๆ ก่อนกลับกระบี่

“เสร็จแล้วค่ะพี่เอ๋ย ล้างให้เรียบร้อย ฝากขอบคุณแม่ด้วยนะคะ พรุ่งนี้ขอของอร่อยๆ อีกนะคะ” อินทิรายื่นปิ่นโตเปล่าให้ หลังอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า

“จ้ะ งั้นพี่ไปนะ เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ”

วริญรำไพสะพายกระเป๋าแล้วก็คว้าปิ่นโตขึ้น โบกมือลาน้องๆ ด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ ก่อนจะออกไปหารถที่จอดอยู่หน้าสตูฯ แล้วขับออกไปช้าๆ

‘Dolaya Riverside Resort & Spa Bangkok’

คือสถานที่ที่มือบางหักพวงมาลัยเข้าไป แล้วหอบกล่องกระดาษที่เอามาจากคอนโนตั้งแต่เมื่อเช้า เดินตรงไปหารีเซฟชั่นเพื่อแจ้งความจำนงว่ามาขอพบใคร

“คุณย่าประชุมอยู่ รบกวนรอสักครู่นะคะ จะรอตรงล๊อบบีหรือรอที่เทอเรสก็ได้ค่ะ”

พนักงานบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มหวาน วริญรำไพเลยเลือกเดินหอบกล่องไปตรงเทอเรสแทน เพื่อชมความงามของแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็อดคิดถึงบ่ายวันนั้นกับเขาที่เที่ยวไปในหลายๆ วัดไม่ได้

รวมทั้งบรรยากาศอันแสนหอมหวานบนเรือยอร์ชราคาหลายล้านของเขา ที่ทำเอาหัวใจเจ็บแปลบปลาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ต้องทนเพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้องและควรจะเป็น

เวลาที่ใช้ในการรอคอยผ่านไปชั่วโมงครึ่ง แต่วริญรำไพกลับไม่เห็นว่านานเลย เมื่อปล่อยใจให้ล่องลอยไปหาแต่ห้วงเวลาอันแสนสุข โดยมีเขาเป็นคนหยิบยื่นให้

ทว่าสำหรับดลยาที่ยืนมองลงมาจากหน้าต่างห้องทำงาน เห็นว่านานเต็มทีแล้ว จึงถอนหายใจออกมาดังๆ ก่อนจะตัดสินใจลงไปหาผู้หญิงที่ตัวเองไม่คาดคิดว่าจะได้พบหน้ากันอีก

“คุณมีอะไรกับฉันเหรอ ถึงได้มาหาถึงนี่ รีบๆ หน่อยนะ เพราะฉันต้องเข้าประชุมสำคัญอีก แล้วก็มีนัดกับร๊อกจะออกไปแจกการ์ดต่อด้วย”

แม้จะเป็นการโกหกทั้งเพและไม่เคยทำมาก่อน แต่ดลยาก็เลือกที่จะทำ เพื่อไม่ให้เสียเหลี่ยมกับสาวสวยใสไร้ซึ่งภาษีสังคมใดๆ แต่กลับได้ใจและอาจจะได้ตัวคู่หมั้นตัวเองไปแล้ว

“ขอโทษนะคะที่มารบกวนคุณย่า แต่เอ๋ยจะใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ เสร็จแล้ว...” “ฉันไม่ชอบอ้อมค้อมรีบๆ พูดมาจะดีกว่า!” ยังไม่ทันจะได้พูดจบด้วยซ้ำ ดลยาก็สวน จนอีกฝ่ายต้องเงียบลง

“เอ่อ! คือเอ๋ยจะมาขอโทษในทุกๆ เรื่องที่ทำให้คุณย่าไม่พอใจค่ะ”

เลยรีบเอ่ยด้วยใบหน้าเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด แต่อีกฝ่ายไม่คิดจะหลงกลสีหน้าท่าทางแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะดูผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว

“เรื่องที่คุณพยายามจะแย่งว่าที่สามีของฉันไปน่ะเหรอ! แล้วคุณทำทำไม! แล้วจะมาขอโทษทำไมไม่ทราบ หรือนี่เป็นแผนเรียกคะแนนสงสารจากฉัน! ด้วยการตีสีหน้าซื่อๆ ท่าทีเหนียมๆ ทำตาเศร้า!”

ดลยาเสียงแข็งใส่ และไม่มีท่าทีว่าจะยอมรอมชอมง่ายๆ จนวริญรำไพต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนตัดสินใจเอ่ย “เอ๋ยมีเหตุผลค่ะ ถ้าคุณมีเวลาเอ๋ยก็จะเล่าให้คุณย่าฟัง เป็นคนแรกและคนเดียวเท่านั้น”

“หวังว่ามันคงจะน่าฟังและมีความจริงปะปนอยู่บ้างนะ!”

ดลยาไม่วายแดกดัน แต่สุดท้ายก็ยอมสงบแล้วฟังเรื่องราวความรักระหว่างพี่หินกับเอ๋ยเมื่อสิบสองปีก่อนด้วยดี แม้ในใจไม่อยากจะเชื่อ แต่สีหน้าท่าทางรวมทั้งน้ำตาของคนเล่าที่ไหลรินออกมา

ไม่อาจจะทำให้คนที่มีหัวใจอ่อนโยน มีเมตตากรุณาต่อผู้ด้อยกว่าอย่างดลยาเมินหมางไม่รับรู้รับฟังได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบหลังเรื่องราวจบลง วริญรำไพเลยตัดสินใจหอบกล่องก้าวเดินไปหาแล้วยื่นให้

“อะไร” อีกฝ่ายยังคงถามเสียงห้วนและไม่ยอมรับง่ายๆ

“เอ๋ยคงไม่ได้ไปงานแต่งของคุณย่า เลยเอาของขวัญมาให้ค่ะ เปิดดูสิคะ มันอาจจะไม่มีค่าอะไรมากมาย แต่เป็นของอีกชิ้นที่เอ๋ยตั้งใจทำขึ้น เพื่อรอให้พี่หินกลับมาค่ะ”

ดลยาตัดสินใจแกะกล่องกระดาษลูกฟูกออก แล้วก็พบเปลือกหอยที่เอามาต่อกันเป็นรูปเรือประมง มีรูปคนสามคนยืนโบกมือทั้งสองข้างใส่กรอบไม้ไว้อย่างดี และดูจะเป็นของเก่าเก็บมานานนม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา