ตราบฟ้าไร้ดาว
5.8
เขียนโดย Kankrao
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.
27 ตอน
2 วิจารณ์
32.03K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) หัวใจเราสองต่างตรงกัน ๑๐๐%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ขอบคุณค่ะคุณป้าที่กรุณาโทรมาบอก”
‘แล้วหนูย่าจะไปแจกการ์ดต่อเหรือเปล่าวันนี้ หรือจะรอให้ตาร๊อกกลับมาค่อยไป’
“คงรอไม่ได้หรอกค่ะคุณป้า พรุ่งนี้ร๊อกก็ต้องทำงาน ย่าก็ด้วย วันนี้ย่าจะไปกับน้องค่ะ”
‘ป้าให้นายไก่เป็นคนคอยขับรถให้ดีหรือเปล่าจ๊ะ จะได้ไม่เหนื่อยไง’
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า น้องจะขับให้ย่าไม่ได้ทำอะไรแค่นั่งบอกทางเท่านั้นค่ะ”
‘ตาร๊อกนะตาร๊อก เหลวไหลใหญ่แล้ว กลับมาป้าจะจัดการขั้นเด็ดขาดเลยทีเดียว แล้วหวังว่าที่หายไปนี่คงไม่ได้หินแม่ผมยาวนั่นไปด้วยหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นป้าจะไปอาละวาดถึงสตูฯเลย ไม่เชื่อคอยดูสิ’
“เอ่อ! งั้นแค่นี้นะคะ ย่าขอตัวไปอาบน้ำก่อนค่ะ กลัวน้องจะรอ สวัสดีค่ะคุณป้า”
เพราะรู้สึกว่ายิ่งฟังคำว่าที่แม่สามีเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่สบายใจมากไปเท่านั้น ดลยาเลยเลือกที่จะตัดความไม่สบายใจออกไป แล้วเดินหน้าแจกการ์ดต่อ
เผื่อว่าการคิดอะไรฝ่ายเดียว เข้าใจผิดอะไรไปฝ่ายเดียว จะไม่มีมูลความจริงขึ้นมาบ้าง รังแต่จะเสียกันไปทั้งสองฝ่าย แม้ส่วนลึกในใจจะบอกว่าลางสังหรณ์ของตัวเองไม่น่าจะผิด
แต่ก็ไม่คิดจะปรักปรำใคร ถ้าไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน หรือไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้สัมผัสกับตัว ก็จะไม่ขอเชื่ออะไรหรือใครเต็มร้อยแน่
‘ถ้าคำตอบคือใช่ล่ะย่า เธอจะทำยังไง’
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจทันที แล้วก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะทำยังไง จะถอนตัวจากงานแต่ จะถอนใจจากผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไปแทบทุกด้านอย่างเขาได้มากน้อยแค่ไหน
‘พ่อร๊อก! ถือเป็นผู้ชายที่พ่อเห็นว่าเหมาะกับลูกมากที่สุดในจำนวนคนที่มีให้ลูกเลือก ไม่ว่าจะเป็นด้วยอายุ รูปร่างหน้าตา การศึกษา การเงิน การงาน พื้นฐานครอบครัว พื้นฐานวงศาคณาญาติ ที่พ่อดูแล้วทุกคนต่างรักเดียวใจเดียว ไม่มีเจ้าชู้ประตูดินให้เป็นข่าวเลย ถึงแม้แต่ละคนจะมีลูกน้อย เอื้อให้มีเมียหรือผู้หญิงหลายคน แต่พ่อก็ไม่เคยเห็นคนตระกูลนี้นอกลู่นอกทางกับเมียเลย นั่นแปลว่าถ้าลูกตกลงใจแต่งงานกับเขาแล้ว ลูกพ่อก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องพวกนี้ เพราะพ่อเห็นและเชื่อว่าเขาเป็นคนอยู่ในกรอบได้ดีคนหนึ่งเลยล่ะ ถึงแม้จะมีข้อเสียในความเป็นคนตรง พูดน้อย คิดมากกว่าพูด หรืออาจจะซื่อๆ แข็งๆ ทื่อๆ สมชื่อร๊อกจะมีบ้างก็เถอะ แต่โดยรวมแล้วพ่อแม่และน้องโอเคกับคนนี้นะลูก’
อดคิดถึงคำของพ่อไม่ได้ เพราะพ่อคือคนที่มีอิทธิพลมากมายต่อการตัดสินใจเลือกเขาของลูกคน เพราะเชื่อว่าพ่อคงจะดูคนไม่ผิด แต่ตอนนี้ล่ะ ทำไมเขาถึงจะเป็นคนที่พ่อเพิ่งจะดูผิดเป็นคนแรกได้
ร่างผอมบางที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มค่อยๆ ขยับตัวไปมา ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้น และเมื่อรู้ว่าตัวเองนอนอยู่ที่ใหม่ บวกกับจินตนาการว่าย้ายมาโดยใครด้วยแล้ว หัวใจก็ยิ่งเต้นรัวแรงกว่าปกติ
‘พรุ่งนี้เช้าเรามาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันนะครับ’
จำได้แม่นว่านี่คือหนึ่งในหัวข้อสนทนาที่มีสัญญาร่วมกัน จึงรีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว แล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหาเจ้าของเรือ แต่ก็ไม่เห็น
จึงก้าวเดินขึ้นไปลนดาดฟ้าก็เห็นเขายืนกอดอกเอาตัวพิงราวแล้วเหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังทอแสงของวันใหม่มาอย่างเชื่องช้าอยู่นั่นเอง กล้องตัวเก๋งวางอยู่บนผ้าที่ปูนอนเมื่อคืนนี้
“คุณได้ภาพที่อยากได้แล้วใช่มั้ยคะ”
วริญรำไพเดินไปยืนในท่าเดียวกับเขาบ้าง “ครับ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ปลุก เห็นคุณหลับสบายผมเลยอยากให้นอนต่อ มือสมัครเลยอย่างผมเลยจัดการทดสอบวิชาที่เรียนมาเมื่อวานนี้คนเดียวครับ”
“...”
วริญรำไพแค่หันไปมองเขาชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับทางเดิมเมื่อเขายังคงยืนในท่าเดิม “ผมชอบภาพนี้จังเลย มันทำให้ผมมีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะตอนที่มีคุณอยู่ด้วย ผมรู้สึกว่าวันใหม่ของผมมีความหมายมากกว่าทุกวัน”
“อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้นค่ะ”
แม้หัวใจจะเต้นแรง แต่ก็พยายามควบคุมเอาไว้ให้อยู่ภายใจท่าทีสงบนิ่งขณะหันไปหาเขา ที่กำลังหันมาเช่นกัน สายตาคู่นั้นก็มีแววหวานไหวกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมา
“ไม่รู้สิครับ อาจจะเป็นเพราะคุณหรือเพราะความฝันเมื่อคืนนี้ก็ได้”
“คุณฝันว่าอะไรคะ”
“ผมฝันว่าตัวเองกำลังอยู่บนเรือลำหนึ่ง กับสาวน้อยคนหนึ่งที่หน้าตาหน้ารักเหมือนคุณ”
“...”
หัวใจยิ่งเต้นรัวเร็วขึ้น เมื่อได้ยินคำนี้ และยิ่งรัวเร็วขึ้นอีกเมื่อเขาก้าวเข้ามาหาใกล้กว่าเดิม แล้วจ้องมองมาตาแทบไม่กระพริบ “แล้วผมก็ทำแบบนี้กับสาวน้อยคนนั้น”
อ้อมแขนของเขาโอบกอดสาวตรงหน้าเอาไว้ ใช้มือขวาเชยคางมนให้เงยขึ้นมาหา ให้เขาได้จ้องมองด้วยหน้าสวยให้หายคิดถึงจนใจจะขาด “แล้วต่อไปผมก็...”
กระจับงามตรงหน้าถูกเขาค่อยๆ ก้มลงไปหาในที่สุด เมื่อหัวใจเรียกร้องให้ทำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วยซ้ำ แล้วความหวานล้ำและไร้การหวงแหนของคนเป็นเจ้าของก็สร้างความสุขใจให้เขายิ่ง
แผงอกกว้างบดเบียดกับอกอวบนุ่มจนแนบสนิท แผ่นหลังเล็กก็ถูกสองมือเขาโอบกอดแล้วรั้งเข้ามาหาประหนึ่งว่ากลัวเธอจะหลุดหายเมื่ออยู่ในห้วงแห่งสวรรค์ก็ไม่ปาน
จากจุมพิตพริ้วแผ่วในเบื้องแรกที่มอบให้นั้น ความสุขสมก็เข้าครอบงำให้เขาพลั้งเผลอมอบความหนักหน่วงให้กลีบผกานิ่มนุ่มได้ไม่ยากเย็นเลย
มือที่เคยอยู่กับแผ่นหลังเล็ก ก็ค่อยๆ เคลื่อนมาหาเบื้องหน้า เผื่อสัมผัสกับความนุ่มที่ถูกเชิ้ตสีขาวของเขาโอบคลุมเอาไว้ บราลูกไม้ที่เขารับรู้ได้ภายหลังปกปิดไว้อีกที
พวงแก้มนุ่มถูกจมูกโด่งของเขาสูดดมอย่างอ่อนช้อย เมื่อจุมพิตสร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้ในระดับหนึ่งแล้ว ปลายคางมนเขาก็อยากดอมดมดูกลิ่นว่าจะหอมเลิศล้ำสักแค่ไหน
ลำคอระหงเป็นจุดหมายต่อไป แล้วก็อยากจะเลื่อนต่ำลงไปหาอีกจุดหมายใจจะขาด หากไม่มีผู้เป็นเจ้าของคอยห้ามปรามไว้ ด้วยการส่งมือบางมาขวางทางที่จะก้าวเดิน
เพราะวริญรำไพเกรงกลัวตัวเองจะพลั้งเผลอไปกับสัมผัสที่ตัวเองโหยหาว่าจะได้จากพี่หินมาตลอดเวลา อีกทั้งยังคงมีเรื่องค้างคาใจให้ต้องถามไถ่เขาอย่างละทิ้งไม่ได้
“แล้วในฝันคุณเห็นอะไรหรือใครอีกหรือเปล่าคะ”
“...”
ชลธิปค่อยๆ ผละออกห่างร่างเล็กผอมเพรียวอย่างสมัครใจ แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ประสงค์จะให้มีต่อ ความเป็นลูกผู้ชายของเขาก็มีมากพอที่จะถอยอย่างให้เกียรติผู้หญิง
“ปกติไม่ค่อยมีใครจะมาสนใจว่าผมจะคิดหรือว่าฝันอะไรด้วยซ้ำ คุณพ่อคุณแม่ก็จะสนใจแต่เรื่องก้าวใหม่ๆ ของผมว่าจะเป็นยังไง เป็นไปในทิศทางไหน ส่วนคนอื่นๆ นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้วก็ฐานะของผมแล้ว ก็ไม่มีใครจะมาสนใจว่าในฝันของผมจะเป็นยังไงเลย คุณเป็นคนแรกก็ว่าได้”
“แล้วคุณเคยเล่าความฝันให้ใครฟังบ้างหรือเปล่าล่ะคะ”
“...”
เพราะตั้งแต่จำความได้ เขาก็มั่นใจว่าไม่เคยหยิบยกเอาเรื่องนี้มาคุยกับใครเลย แม้กระทั่งพ่อกับแม่ หรือจะเรียกได้ว่า โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่มักจะสนความจริงมากกว่าฝันไร้สาระของเขาเท่านั้น
เลยทำให้อดแปลกใจไม่ได้ว่าตัวเองเผลอเล่าเรื่องนี้ให้คนตรงหน้าฟังได้ยังไง “ไม่ครับ แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครอยากรู้ หรืออยากฟังด้วย ไม่เหมือนคุณ ทำไมคุณถึงอยากรู้ล่ะครับ”
“เอ่อ! ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง”
เขาจ้องมองใบหน้าสวยที่ยังคงแหงนมองเขาอยู่และปล่อยให้เขาโอบกอดหลวมๆ เอาไว้โดยไม่ขัดขืน “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ผมได้อยู่กับสาวน้อยคนนั้น ได้กอด ได้หอมแก้ม แล้วผมก็สะดุ้งตื่นจนทันได้ขึ้นมาถ่ายรูปไว้รอคุณนี่ล่ะครับ”
“แค่นั้นเหรอคะ”
ออกจะผิดหวังไม่น้อยที่เขาไม่ได้อะไรจากฝันเท่าไหร่ แต่จะว่าไปนี่ก็เป็นข้อชวนให้สงสัยไม่น้อย ว่าภาพในฝันของเขาจะใช่ภาพเดียวกับค่ำคืนที่มีพี่หินอยู่ด้วยหรือเปล่า
“ครับ เอ่อ! ว่าแต่หลังมือเช้าแล้ว เราเข้าฝั่งแล้วก็ขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ กินข้าวเที่ยงระหว่างทาง แล้วก็เที่ยวต่อ ค่ำๆ ผมไปส่งคุณที่คอนโดฯ โปรแกรมนี้คุณโอเคมั้ยครับ”
“ค่ะ”
“ฮะโหล! นี่ผมชลธีนะ จำได้หรือเปล่า ผมมีงานให้คุณทำ ช่วยมาหาผมที่บ้านด่วนที่สุดได้เมื่อไหร่ เหรอๆ ดีเลยงั้นผมจะยังไม่ออกไปไหนก็แล้วกัน แล้วพบกัน”
อติรัตน์มองสามีที่วางสายด้วยใบหน้ามีคำถาม “สองคนกำลังทำงานอยู่แถวนี้พอดี เลยจะแวะมาหาเราก่อน ว่าแต่คุณแน่ใจนะกับข้อมูลที่ได้มา”
เพราะการหนีหน้าไม่ไปแจกการ์ดของลูกทำให้อติรัตน์ต้องไปเค้นข่าวอย่างหนักจนได้จากผู้จัดการฟร้อทออฟฟิศ ในเรื่องที่ลูกชายเอาแม่ช่างภาพขึ้นไปพักบนชั้นและห้องที่เตรียมไว้สำหรับคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเท่านั้น
ไหนจะข่าวที่ตัวเองไปเห็น ‘แม่ราพันเซล’ วิ่งหน้าตื่นออกจากดาดฟ้าที่มีลูกของตัวเองตามมาไม่ห่างในสภาพเปียกชุ่มอีก และไหนจะสายตาอันห่วงหาอาวรที่ลูกชายมักจะคอยเมียงมองไปยังร่างผอมสูงผิวสีน้ำผึ้งในชุดราตรีสีชมพูในคืนวันเปิดตัวโรงแรมอีก
“ค่ะ รัตน์ค่อนข้างมั่นใจว่าลูกเรากำลังเขวเพราะแม่นั่น ว่าแต่จะให้รัตน์บอกหนูย่ากับคุณพรคุณดลหรือเปล่าคะ ชักเป็นห่วงแล้วสิ” อติรัตน์มองสามีเพื่อขอคำตอบ
“ถ้าหนูย่าน่ะพอจะบอกได้ แต่สองคนนั้นอย่าเพิ่งเลย โดยเฉพาะคนดลที่เป็นคนใจดี ใจบุญสุนทาน เกิดรู้ขึ้นมาแล้วไม่ยอมยกลูกสาวให้เราจะว่ายังไงล่ะ สะใภ้แบบหนูย่ายิ่งหาไม่ได้ง่ายๆ อยู่”
“คุณว่างั้นเหรอคะ”
“ใช่! แต่บอกหนูย่าได้แค่เรื่องเจ้าร๊อกเขวกับเด็กนั่นพอนะ เรื่องที่เราจะให้คนสืบอย่าเด็ดขาด ผมไม่อยากให้แกคิดว่าเรารักแกเด็กนั่น แกยิ่งเป็นคนดีมีเมตตากับคนที่ด้อยกว่าอยู่ด้วย และดูท่าแกจะชอบเด็กคนนั้นเอามากๆ นะ ไม่งั้นคงไม่พามากินข้าวร่วมโต๊ะกับเราหรอก วันเปิดตัวโรงแรมก็เข้าไปคุยด้วยตั้งนาน”
‘แล้วหนูย่าจะไปแจกการ์ดต่อเหรือเปล่าวันนี้ หรือจะรอให้ตาร๊อกกลับมาค่อยไป’
“คงรอไม่ได้หรอกค่ะคุณป้า พรุ่งนี้ร๊อกก็ต้องทำงาน ย่าก็ด้วย วันนี้ย่าจะไปกับน้องค่ะ”
‘ป้าให้นายไก่เป็นคนคอยขับรถให้ดีหรือเปล่าจ๊ะ จะได้ไม่เหนื่อยไง’
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า น้องจะขับให้ย่าไม่ได้ทำอะไรแค่นั่งบอกทางเท่านั้นค่ะ”
‘ตาร๊อกนะตาร๊อก เหลวไหลใหญ่แล้ว กลับมาป้าจะจัดการขั้นเด็ดขาดเลยทีเดียว แล้วหวังว่าที่หายไปนี่คงไม่ได้หินแม่ผมยาวนั่นไปด้วยหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นป้าจะไปอาละวาดถึงสตูฯเลย ไม่เชื่อคอยดูสิ’
“เอ่อ! งั้นแค่นี้นะคะ ย่าขอตัวไปอาบน้ำก่อนค่ะ กลัวน้องจะรอ สวัสดีค่ะคุณป้า”
เพราะรู้สึกว่ายิ่งฟังคำว่าที่แม่สามีเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่สบายใจมากไปเท่านั้น ดลยาเลยเลือกที่จะตัดความไม่สบายใจออกไป แล้วเดินหน้าแจกการ์ดต่อ
เผื่อว่าการคิดอะไรฝ่ายเดียว เข้าใจผิดอะไรไปฝ่ายเดียว จะไม่มีมูลความจริงขึ้นมาบ้าง รังแต่จะเสียกันไปทั้งสองฝ่าย แม้ส่วนลึกในใจจะบอกว่าลางสังหรณ์ของตัวเองไม่น่าจะผิด
แต่ก็ไม่คิดจะปรักปรำใคร ถ้าไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน หรือไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้สัมผัสกับตัว ก็จะไม่ขอเชื่ออะไรหรือใครเต็มร้อยแน่
‘ถ้าคำตอบคือใช่ล่ะย่า เธอจะทำยังไง’
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจทันที แล้วก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะทำยังไง จะถอนตัวจากงานแต่ จะถอนใจจากผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไปแทบทุกด้านอย่างเขาได้มากน้อยแค่ไหน
‘พ่อร๊อก! ถือเป็นผู้ชายที่พ่อเห็นว่าเหมาะกับลูกมากที่สุดในจำนวนคนที่มีให้ลูกเลือก ไม่ว่าจะเป็นด้วยอายุ รูปร่างหน้าตา การศึกษา การเงิน การงาน พื้นฐานครอบครัว พื้นฐานวงศาคณาญาติ ที่พ่อดูแล้วทุกคนต่างรักเดียวใจเดียว ไม่มีเจ้าชู้ประตูดินให้เป็นข่าวเลย ถึงแม้แต่ละคนจะมีลูกน้อย เอื้อให้มีเมียหรือผู้หญิงหลายคน แต่พ่อก็ไม่เคยเห็นคนตระกูลนี้นอกลู่นอกทางกับเมียเลย นั่นแปลว่าถ้าลูกตกลงใจแต่งงานกับเขาแล้ว ลูกพ่อก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องพวกนี้ เพราะพ่อเห็นและเชื่อว่าเขาเป็นคนอยู่ในกรอบได้ดีคนหนึ่งเลยล่ะ ถึงแม้จะมีข้อเสียในความเป็นคนตรง พูดน้อย คิดมากกว่าพูด หรืออาจจะซื่อๆ แข็งๆ ทื่อๆ สมชื่อร๊อกจะมีบ้างก็เถอะ แต่โดยรวมแล้วพ่อแม่และน้องโอเคกับคนนี้นะลูก’
อดคิดถึงคำของพ่อไม่ได้ เพราะพ่อคือคนที่มีอิทธิพลมากมายต่อการตัดสินใจเลือกเขาของลูกคน เพราะเชื่อว่าพ่อคงจะดูคนไม่ผิด แต่ตอนนี้ล่ะ ทำไมเขาถึงจะเป็นคนที่พ่อเพิ่งจะดูผิดเป็นคนแรกได้
ร่างผอมบางที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มค่อยๆ ขยับตัวไปมา ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้น และเมื่อรู้ว่าตัวเองนอนอยู่ที่ใหม่ บวกกับจินตนาการว่าย้ายมาโดยใครด้วยแล้ว หัวใจก็ยิ่งเต้นรัวแรงกว่าปกติ
‘พรุ่งนี้เช้าเรามาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันนะครับ’
จำได้แม่นว่านี่คือหนึ่งในหัวข้อสนทนาที่มีสัญญาร่วมกัน จึงรีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว แล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหาเจ้าของเรือ แต่ก็ไม่เห็น
จึงก้าวเดินขึ้นไปลนดาดฟ้าก็เห็นเขายืนกอดอกเอาตัวพิงราวแล้วเหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังทอแสงของวันใหม่มาอย่างเชื่องช้าอยู่นั่นเอง กล้องตัวเก๋งวางอยู่บนผ้าที่ปูนอนเมื่อคืนนี้
“คุณได้ภาพที่อยากได้แล้วใช่มั้ยคะ”
วริญรำไพเดินไปยืนในท่าเดียวกับเขาบ้าง “ครับ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ปลุก เห็นคุณหลับสบายผมเลยอยากให้นอนต่อ มือสมัครเลยอย่างผมเลยจัดการทดสอบวิชาที่เรียนมาเมื่อวานนี้คนเดียวครับ”
“...”
วริญรำไพแค่หันไปมองเขาชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับทางเดิมเมื่อเขายังคงยืนในท่าเดิม “ผมชอบภาพนี้จังเลย มันทำให้ผมมีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะตอนที่มีคุณอยู่ด้วย ผมรู้สึกว่าวันใหม่ของผมมีความหมายมากกว่าทุกวัน”
“อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้นค่ะ”
แม้หัวใจจะเต้นแรง แต่ก็พยายามควบคุมเอาไว้ให้อยู่ภายใจท่าทีสงบนิ่งขณะหันไปหาเขา ที่กำลังหันมาเช่นกัน สายตาคู่นั้นก็มีแววหวานไหวกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมา
“ไม่รู้สิครับ อาจจะเป็นเพราะคุณหรือเพราะความฝันเมื่อคืนนี้ก็ได้”
“คุณฝันว่าอะไรคะ”
“ผมฝันว่าตัวเองกำลังอยู่บนเรือลำหนึ่ง กับสาวน้อยคนหนึ่งที่หน้าตาหน้ารักเหมือนคุณ”
“...”
หัวใจยิ่งเต้นรัวเร็วขึ้น เมื่อได้ยินคำนี้ และยิ่งรัวเร็วขึ้นอีกเมื่อเขาก้าวเข้ามาหาใกล้กว่าเดิม แล้วจ้องมองมาตาแทบไม่กระพริบ “แล้วผมก็ทำแบบนี้กับสาวน้อยคนนั้น”
อ้อมแขนของเขาโอบกอดสาวตรงหน้าเอาไว้ ใช้มือขวาเชยคางมนให้เงยขึ้นมาหา ให้เขาได้จ้องมองด้วยหน้าสวยให้หายคิดถึงจนใจจะขาด “แล้วต่อไปผมก็...”
กระจับงามตรงหน้าถูกเขาค่อยๆ ก้มลงไปหาในที่สุด เมื่อหัวใจเรียกร้องให้ทำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วยซ้ำ แล้วความหวานล้ำและไร้การหวงแหนของคนเป็นเจ้าของก็สร้างความสุขใจให้เขายิ่ง
แผงอกกว้างบดเบียดกับอกอวบนุ่มจนแนบสนิท แผ่นหลังเล็กก็ถูกสองมือเขาโอบกอดแล้วรั้งเข้ามาหาประหนึ่งว่ากลัวเธอจะหลุดหายเมื่ออยู่ในห้วงแห่งสวรรค์ก็ไม่ปาน
จากจุมพิตพริ้วแผ่วในเบื้องแรกที่มอบให้นั้น ความสุขสมก็เข้าครอบงำให้เขาพลั้งเผลอมอบความหนักหน่วงให้กลีบผกานิ่มนุ่มได้ไม่ยากเย็นเลย
มือที่เคยอยู่กับแผ่นหลังเล็ก ก็ค่อยๆ เคลื่อนมาหาเบื้องหน้า เผื่อสัมผัสกับความนุ่มที่ถูกเชิ้ตสีขาวของเขาโอบคลุมเอาไว้ บราลูกไม้ที่เขารับรู้ได้ภายหลังปกปิดไว้อีกที
พวงแก้มนุ่มถูกจมูกโด่งของเขาสูดดมอย่างอ่อนช้อย เมื่อจุมพิตสร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้ในระดับหนึ่งแล้ว ปลายคางมนเขาก็อยากดอมดมดูกลิ่นว่าจะหอมเลิศล้ำสักแค่ไหน
ลำคอระหงเป็นจุดหมายต่อไป แล้วก็อยากจะเลื่อนต่ำลงไปหาอีกจุดหมายใจจะขาด หากไม่มีผู้เป็นเจ้าของคอยห้ามปรามไว้ ด้วยการส่งมือบางมาขวางทางที่จะก้าวเดิน
เพราะวริญรำไพเกรงกลัวตัวเองจะพลั้งเผลอไปกับสัมผัสที่ตัวเองโหยหาว่าจะได้จากพี่หินมาตลอดเวลา อีกทั้งยังคงมีเรื่องค้างคาใจให้ต้องถามไถ่เขาอย่างละทิ้งไม่ได้
“แล้วในฝันคุณเห็นอะไรหรือใครอีกหรือเปล่าคะ”
“...”
ชลธิปค่อยๆ ผละออกห่างร่างเล็กผอมเพรียวอย่างสมัครใจ แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ประสงค์จะให้มีต่อ ความเป็นลูกผู้ชายของเขาก็มีมากพอที่จะถอยอย่างให้เกียรติผู้หญิง
“ปกติไม่ค่อยมีใครจะมาสนใจว่าผมจะคิดหรือว่าฝันอะไรด้วยซ้ำ คุณพ่อคุณแม่ก็จะสนใจแต่เรื่องก้าวใหม่ๆ ของผมว่าจะเป็นยังไง เป็นไปในทิศทางไหน ส่วนคนอื่นๆ นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้วก็ฐานะของผมแล้ว ก็ไม่มีใครจะมาสนใจว่าในฝันของผมจะเป็นยังไงเลย คุณเป็นคนแรกก็ว่าได้”
“แล้วคุณเคยเล่าความฝันให้ใครฟังบ้างหรือเปล่าล่ะคะ”
“...”
เพราะตั้งแต่จำความได้ เขาก็มั่นใจว่าไม่เคยหยิบยกเอาเรื่องนี้มาคุยกับใครเลย แม้กระทั่งพ่อกับแม่ หรือจะเรียกได้ว่า โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่มักจะสนความจริงมากกว่าฝันไร้สาระของเขาเท่านั้น
เลยทำให้อดแปลกใจไม่ได้ว่าตัวเองเผลอเล่าเรื่องนี้ให้คนตรงหน้าฟังได้ยังไง “ไม่ครับ แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครอยากรู้ หรืออยากฟังด้วย ไม่เหมือนคุณ ทำไมคุณถึงอยากรู้ล่ะครับ”
“เอ่อ! ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง”
เขาจ้องมองใบหน้าสวยที่ยังคงแหงนมองเขาอยู่และปล่อยให้เขาโอบกอดหลวมๆ เอาไว้โดยไม่ขัดขืน “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ผมได้อยู่กับสาวน้อยคนนั้น ได้กอด ได้หอมแก้ม แล้วผมก็สะดุ้งตื่นจนทันได้ขึ้นมาถ่ายรูปไว้รอคุณนี่ล่ะครับ”
“แค่นั้นเหรอคะ”
ออกจะผิดหวังไม่น้อยที่เขาไม่ได้อะไรจากฝันเท่าไหร่ แต่จะว่าไปนี่ก็เป็นข้อชวนให้สงสัยไม่น้อย ว่าภาพในฝันของเขาจะใช่ภาพเดียวกับค่ำคืนที่มีพี่หินอยู่ด้วยหรือเปล่า
“ครับ เอ่อ! ว่าแต่หลังมือเช้าแล้ว เราเข้าฝั่งแล้วก็ขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ กินข้าวเที่ยงระหว่างทาง แล้วก็เที่ยวต่อ ค่ำๆ ผมไปส่งคุณที่คอนโดฯ โปรแกรมนี้คุณโอเคมั้ยครับ”
“ค่ะ”
“ฮะโหล! นี่ผมชลธีนะ จำได้หรือเปล่า ผมมีงานให้คุณทำ ช่วยมาหาผมที่บ้านด่วนที่สุดได้เมื่อไหร่ เหรอๆ ดีเลยงั้นผมจะยังไม่ออกไปไหนก็แล้วกัน แล้วพบกัน”
อติรัตน์มองสามีที่วางสายด้วยใบหน้ามีคำถาม “สองคนกำลังทำงานอยู่แถวนี้พอดี เลยจะแวะมาหาเราก่อน ว่าแต่คุณแน่ใจนะกับข้อมูลที่ได้มา”
เพราะการหนีหน้าไม่ไปแจกการ์ดของลูกทำให้อติรัตน์ต้องไปเค้นข่าวอย่างหนักจนได้จากผู้จัดการฟร้อทออฟฟิศ ในเรื่องที่ลูกชายเอาแม่ช่างภาพขึ้นไปพักบนชั้นและห้องที่เตรียมไว้สำหรับคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเท่านั้น
ไหนจะข่าวที่ตัวเองไปเห็น ‘แม่ราพันเซล’ วิ่งหน้าตื่นออกจากดาดฟ้าที่มีลูกของตัวเองตามมาไม่ห่างในสภาพเปียกชุ่มอีก และไหนจะสายตาอันห่วงหาอาวรที่ลูกชายมักจะคอยเมียงมองไปยังร่างผอมสูงผิวสีน้ำผึ้งในชุดราตรีสีชมพูในคืนวันเปิดตัวโรงแรมอีก
“ค่ะ รัตน์ค่อนข้างมั่นใจว่าลูกเรากำลังเขวเพราะแม่นั่น ว่าแต่จะให้รัตน์บอกหนูย่ากับคุณพรคุณดลหรือเปล่าคะ ชักเป็นห่วงแล้วสิ” อติรัตน์มองสามีเพื่อขอคำตอบ
“ถ้าหนูย่าน่ะพอจะบอกได้ แต่สองคนนั้นอย่าเพิ่งเลย โดยเฉพาะคนดลที่เป็นคนใจดี ใจบุญสุนทาน เกิดรู้ขึ้นมาแล้วไม่ยอมยกลูกสาวให้เราจะว่ายังไงล่ะ สะใภ้แบบหนูย่ายิ่งหาไม่ได้ง่ายๆ อยู่”
“คุณว่างั้นเหรอคะ”
“ใช่! แต่บอกหนูย่าได้แค่เรื่องเจ้าร๊อกเขวกับเด็กนั่นพอนะ เรื่องที่เราจะให้คนสืบอย่าเด็ดขาด ผมไม่อยากให้แกคิดว่าเรารักแกเด็กนั่น แกยิ่งเป็นคนดีมีเมตตากับคนที่ด้อยกว่าอยู่ด้วย และดูท่าแกจะชอบเด็กคนนั้นเอามากๆ นะ ไม่งั้นคงไม่พามากินข้าวร่วมโต๊ะกับเราหรอก วันเปิดตัวโรงแรมก็เข้าไปคุยด้วยตั้งนาน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ