ตราบฟ้าไร้ดาว
เขียนโดย Kankrao
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่พึงมีด้วยกัน ๑๐๐%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ขับรถกลับบ้านดีๆ นะหนูย่า ไว้ถ้าตาร๊อกติดต่อมาป้าจะรีบให้โทรหาเลยจ้ะ อย่ากังวลมากไปจ้ะ บางทีตาร๊อกอาจจะไปอยู่ในที่อับสัญญาณหรือแบตหมดก็ได้ ก็แม่เลขาเขาบอกว่าเจ้านายจะไปตระเวนหาของแปลกๆ มาโชว์ที่สนามนี่จ๊ะ”
อติรัตน์ปลอบใจว่าที่สะใภ้ด้วยความใจเย็น แม้ภายในจะร้อนรนกับการหนีงานแจกการ์ดกับว่าที่เจ้าสาวของลูกยังไงก็ตาม ดลยามองหน้าว่าที่แม่สามีแล้วยิ้มจางๆ ให้
“ค่ะคุณป้า ติดต่อร๊อกไม่ได้อย่างนี้ย่าก็เป็นห่วงค่ะ งั้นขอบคุณสำหรับสลัดปลาแซลมอนฝากคุณแม่ค่ะ ย่ากลับนะคะ สวัสดีค่ะ”
“จ้ะ ได้ข่าวยังไงแม่จะโทรไปบอกนะ”
อติรัตน์รับไหว้แล้วยืนส่งว่าที่สะใภ้จนรถแล่นออกประตูบ้านไป ถึงได้เข้าไปคว้าโทรศัพท์มาเป็นเรื่องแรก ส่วนคนที่เพิ่งจากมาก็ควบรถไปด้วยอาการครุ่นคิดถึงการกระทำของคู่หมั้น
ที่นับวันจะดูห่างเหินกันไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนคนจะใช้ชีวิตร่วมกันจนถึงวันสิ้นใจเลย และแม้จะไม่เคยดึงเอาเรื่องช่างภาพผมสวยมาผูกเข้ากับคู่หมั้นตัวเองยังไง มาถึงวินาทีนี้ก็อดคิดไม่ได้
‘ติดต่อเอ๋ยไม่ได้ค่ะคุณย่า คงจะหลับหรือไม่ก็ยังไม่เปลี่ยนระบบสั่นเป็นระบบเสียงค่ะ เพราะเมื่อคืนนี้เลิกงานตีสอง สุเองก็ยังเพิ่งฟื้นค่ะ เหนื่อยมาก ว่าแต่คุณย่ามีอะไรหรือเปล่าคะ’
‘ไม่มีอะไรค่ะ ย่าแค่อยากจะถามว่าคุณเอ๋ยได้ถ่ายรูปดอกไม้ไว้เยอะหรือเปล่าเท่านั้น พอดีย่าจะขอมาใช้ทำพรีเซ็นท์งานให้คุณพ่อหน่อยน่ะคะ’
แม้ตอนโทรไปถามสุภาภรณ์จะช่วยไขข้อข้องใจให้ได้บ้าง แต่ไม่รู้ทำไมในใจเริ่มหวาดระแวงอย่างไม่มีเหตุผลเพียงเพราะได้ยินคำแม่ตัว แม่ว่าที่สามีหรือแม้กระทั่งคำน้องด้วย
“อ้าว! กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ วันนี้เป็นไงบ้างเหนื่อยมั้ย แล้วแจกครบหรือเปล่าลูก หรือว่ามัวแต่ชวนพ่อร๊อกไปเดินช้อปปิ้งเท่านั้น”
ผู้แม่ทักทายทันทีเมื่อลูกเดินเข้าบ้าน “หมดค่ะแม่ คุณป้าฝากสลัดมาให้นะคะ ย่าเหนื่อยขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ” ยื่นถุงในมือให้แม่ได้แล้วดลยาก็เดินขึ้นบันไดด้วยใบหน้าหมองๆ ทันที
สามคนในบ้านต่างมองตามด้วยความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดลพรจึงแอบขึ้นห้องเพื่อโทรถามอติรัตน์ เพราะไม่อยากให้สามีที่นั่งดูข่าวอยู่ข้างล่างได้รับรู้ จะพาลยกเลิกงานแต่งไปเท่านั้นเอง
ดลชาเองก็รีบขึ้นชั้นบน แล้วยืนครุ่นคิดว่าจะไปไหนต่อดี ระหว่างห้องตัวเองกับห้องพี่สาว สุดท้ายเลยตัดสินใจไปเคาะประตูแทน
“พี่ย่าเป็นอะไรคะ วันนี้พี่ร๊อกเบี้ยวไม่ยอมไปแจกการ์ดช่วยเหรอคะ”
ดลยาถึงกับน้ำตาร่วงลงทันทีเมื่อได้ยินคำน้องสาว และดูเหมือนน้องเป็นเพียงคนเดียวที่ตัวเองพอจะคุยด้วยได้ ถ้าคุยกับแม่ทุกอย่างก็ยิ่งจะแย่กว่าเดิม
เพราะแม่จะเป็นทุกข์เป็นร้อนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมากกว่าลูกอีก คุยกับพ่อก็จะได้ผลอีกแบบ คือพ่อไม่คิดจะให้ลูกเสียศักดิ์ศรีถ้าว่าที่ลูกเขยหยามด้วยการไม่สนใจงานแต่งขนาดนี้
“พี่ติดต่อเขาไม่ได้น่ะช่า ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนตั้งแต่เช้า ช่าคิดว่าเขาจะไปกับคนอื่นมั้ย”
“แล้วพี่ย่าคิดว่าเขาจะไปกับใครล่ะ อย่าบอกนะว่าพี่ย่าระแวงคุณเอ๋ยกับพี่ร๊อก พี่ย่าจะฟังแม่กับป้ารัตน์เกินไปหรือเปล่า”
“พี่ลองโทรหาคุณเอ๋ยตั้งแต่บ่ายแล้ว ไม่รับสายพี่เลย ร๊อกก็ด้วย พี่จะทำยังไงดีล่ะช่า”
และเจ้าของมือถือที่สร้างความกังวลให้ดลยาอยู่นั้น ก็กำลังยืนมองตัวเองในกระจกอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าตอนนี้ตัวเองกำลังใส่กางเกงขาสั้นของแม่เขาที่มีไว้บนเรืออยู่
‘ก๊อกๆ ก๊อกๆ ก๊อกๆ’
ประตูห้องนอนใหญ่เปิดออก เมื่อเจ้าของเรือเคาะติดๆ กันหลายครั้ง วริญรำไพยิ้มเจื่อนๆ ให้เมื่อเห็นเขาจ้องมองมาหาเสื้อผ้าแก้ขัดที่ตัวเองใส่อยู่
“พอได้หรือเปล่าครับ”
“ค่ะ กางเกงเป็นเอวยืดแล้วคุณแม่คุณก็หุ่นดีไม่แพ้สาวๆ เลยใส่ได้ค่ะ”
ชลธิปมองเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวของตัวเองที่ทิ้งไว้ใช้บนเรือเมื่อยามมาเที่ยวด้วยกันกับพ่อแม่แล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะคนใส่ต้องพับไปจนถึงศอกเลยทีเดียว
“งั้นเราไปทำข้าวผัดกุ้งกันได้แล้วสิครับ”
“ค่ะ”
ชลธิปยืนกอดอกมองร่างผอมบางที่หมุนไปมาในครัวเล็กๆ แล้วก็อดยิ้มคนเดียวไม่ได้ และจำไม่ได้ว่าตั้งแต่เมื่อเช้ามาแล้วนั้น ตัวเองเผลอยิ้มไปกี่ครั้งกี่หนแล้ว
ข้าวผัดง่ายๆ กับซุปหัวหอมสำหรับมื้อเย็นก็รู้สึกว่ามันอร่อยและวิเศษล้ำ กว่าการได้นั่งกินอาหารในภัตตาคารหรูหรือโรงแรมของตัวเองที่มีเชฟฝีมือเยี่ยมทำให้คนละเรื่อง
“เดี๋ยวผมล้างเอง เพราะคุณเป็นคนทำ ขึ้นไปนั่งรอผมที่ดาดฟ้าเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวกาแฟอร่อยเริศจะตามไป”
วริญรำไพถึงกับหัวเราะออกมาในท่าทีติดตลกของเขา แต่ก็ผลออกจากครัวแล้วเดินขึ้นไปนั่งรับลมเย็นๆ ยามค่ำในท้องทะเลกว้างอยู่ดี
“มาแล้วครับ กาแฟที่อร่อยสามโลก รับรองคุณชิมแล้วจะติดใจ” ไม่นานนักเขาก็ประคองสองแก้วน้ำขวดเล็กๆ ในกระเป๋ากางเกงอีกหนึ่งตามขึ้นไป วริญรำไพได้ยิ้มอีกแล้วกับคำอวดอ้างของเขา
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ อย่างคุณน่าจะถนัดบริหารมากกว่าการชงกาแฟเก่งนะคะ”
“เด็กสามขวบก็ชงอร่อยครับ เพราะมันเป็นทรีอินวันดีๆ นี่เอง”
“งั้นคงจะอร่อยกว่าเมื่อเช้านี้สิคะ”
“ผมมั่นใจว่าจะเป็นแบบนั้นครับ”
การสูงใหญ่ที่ใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามสีขาวทรุดลงนั่งข้างๆ อีกคน แล้วต่างก็ประคองถ้วยยกขึ้นจิบช้าๆ วริญรำไพอยากจะถามเขาไม่น้อยเรื่องเรือลำนี้ แต่ก็ไม่กล้า
“คุณขับเรือลำนี้เที่ยวบ่อยหรือเปล่าคะ”
แต่สุดท้ายก็อดใจไว้ไม่ไหว เพราะอยากรู้เหลือเกิน และอยากจะคาดเดาว่าเมื่อสิบสองปีก่อน เขาอาจจะเคยออกเรือเที่ยวแล้วเกิดพายุพัดพาไปตกอยู่เกาะก็เป็นได้
“เคยครั้งหนึ่ง เมื่อสามสี่ปีก่อน ตอนผมกลับมาเมืองไทยใหม่ๆ ครับ เที่ยวด้วยพักผ่อนด้วยเป็นอาทิตย์ผมถึงได้เริ่มทำงาน แล้วจากนั้นก็ไม่มีเวลามาอีกเลยกระทั่งวันนี้”
แล้วคำตอบที่ได้ก็สร้างความผิดหวังให้ไม่น้อยเลย “คุณรู้หรือเปล่า ว่าการนอนดูดาวอยู่บนนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบมาก และมันวิเศษสุดๆ เลยล่ะครับ คุณต้องได้เห็นถึงจะรู้ว่ามันเป็นยังไง”
ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วลงไปข้างล่าง ไม่นานก็ได้หมอนกับผ้าห่มมาสองผืน วริญรำไพขยับที่ให้เขาปูผืนแรกลง แล้วอีกผืนเขายกให้เอาไว้ห่มตอนลมแรง
สองกายต่างนอนหงายและรักษาระยะห่างระหว่างกันไว้พอสมควร สายตาก็มองไปยังท้องฟ้าสุกสกาวพราวพรั่งไปด้วยหมูดาวน้อยใหญ่ และศศิธรสุกสดใสเหมือนหัวใจทั้งสองดวงที่ต่างเป็นสุขไม่น้อย
แม้เพียงการได้นอนจ้องมองขึ้นไปยังฝืนฟ้า กับหัวข้อสนทนาด้วยสัพเพเหระที่เพียงหยิบขึ้นมาคุย เพื่อยืดเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ เท่านั้นเอง
“ทำไมคุณถึงตั้งชื่อตึกว่าโรมิโอ จูเลียตล่ะคะ”
แม้ง่วงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แต่วริญรำไพก็ไม่อยากหลับ เพราะอยากซึมซับเอาความสุข ที่มีคนหน้าเหมือนพี่หินอยู่ใกล้ๆ อย่างนี้นานเท่านาน จึงพยายามหาเรื่องมาคุย
“อื้ม! เพราะผมไม่ชอบตอนจบของนิยายเรื่องนี้ ผมว่ามันดูจะโหดร้ายสำหรับสองคนนี้เกินไป ถึงแม้จะเป็นเพียงเรื่องไม่จริง แต่ผมอ่านแล้วก็สงสารคนรักกันที่ต้องพรากจากกัน”
“...”
ผมก็เลยจัดให้ทั้งสองมาอยู่คู่กันแทน อีกอย่างชื่อนี้ก็สื่อถึงความรัก โรแมนติก ที่คู่รักจะได้จากการมาพักโรงแรมผม คุณเห็นดอกตาเบบูญาที่มีอยู่แทบทุกจุดหรือเปล่าครับ...”
“...”
คนเล่าค่อยๆ หันไปหาคนฟังที่ดูจะเงียบนานผิดปกติ แล้วก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมออยู่ใกล้ๆ ก็ถึงกับยิ้มออกมา เมื่อรับรู้ว่าเธอหลับไปแล้ว
ชลธิปหยัดกายให้ลุกขึ้น ดึงผ้าห่มที่เจ้าตัวเอาไปเปิดขากับเอวไว้ขึ้นไปหาอก ใบหน้ารูปไข่ในเงาจันทรานั้นตรึงตาตรึงใจเขาไม่รู้ลืม ผมยาวเฟื้อยก็พาดไปกับดาดฟ้าน่ามอง น่าจับต้อง
จนเขาอดใจไม่ไหว เลยค่อยๆ ประคองมาสัมผัสความนุ่ม แล้วก้มลงไปดอมดมกลิ่นหอมๆ ของดอกลาเวนเดอร์ซึ่งเป็นแชมพูที่แม่ชอบใช้
ความสวยจากหมู่ดาวบนฝืนฟ้ากว้าง ถูกบดบังด้วยความสวยของคนที่นอนอยู่ เขาจึงเลือกที่จะนั่งกอดหมอนจ้องมองอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ทิ้งกาลเวลาไว้เบื้องหลัง
กระทั่งเที่ยงคืน ถึงได้ค่อยๆ ช้อนร่างผอมขึ้น แล้วพาลงไปส่งที่ห้องนอนใหญ่ แก้มนุ่มๆ สองข้างคือรางวัลที่เขาแอบมอบให้ตัวเอง ก่อนจะตัดใจห่มผ้าและปิดไฟแล้วออกจากห้องไป
ห้องนอนเล็กที่เป็นเตียงคู่ ที่เขาเคยนอนครั้งก่อน เพราะพ่อกับแม่จับจองห้องใหญ่ไปโดยปริยาย แต่เขาก็แทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ เมื่อดาดฟ้ามีดวงดาวมาดึงดูดใจให้ไปแหงนมองมากกว่าห้องแคบๆ นี้เป็นล้านเท่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ