ตราบฟ้าไร้ดาว

5.8

เขียนโดย Kankrao

วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.

  27 ตอน
  2 วิจารณ์
  32.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) จุมพิตอันหวานล้ำ ๑๐๐%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“งั้นเอ๋ยก็รีบขึ้นนอนเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พี่ก็เหนื่อย แต่ก็คงจะยังนอนไม่ได้ ว่าจะกลับไปดูอะไรต่อมิอะไรที่ออฟฟิศก่อนถึงจะกลับ พรุ่งนี้ก็ขอให้งานเสร็จตามที่หวังไว้นะ”
“ค่ะ”
ลูกน้องยิ้มให้เจ้านายที่ร่ายยาวตามสไตล์ แถมลุกสะพายกระเป๋าแล้วเดินผละไปในทันที โดยไม่สนใจคำตอบใดๆ อีกตามเคย
และยิ้มบางๆ ก็มีให้เจ้านายตามเคย ก่อนจะรีบลุกออกจากห้องอาหารตรงขึ้นห้องพัก แล้วรีบอาบน้ำเตรียมเข้านอนเพราะต้องเก็บแรงไว้ลุยพรุ่งนี้ แต่พอออกจากห้องน้ำมา มือถือก็ส่งสัญญาณเตือน
‘คุณต้องมีภาพพวกนี้ไว้ทำพรีเซ็นให้ผม ลงมาที่สนามพร้อมกล้อง’
‘แล้วเจอกันครับ/ร๊อก’
เลยต้องรีบแต่งตัวแล้วลงไปสนามพร้อมของที่เขาสั่ง ก็เห็นเขาชูกล้องวีดีโอในมือให้สัญญาณ วริญรำไพจึงรีบก้าวเร็วๆ ไปหาทันที
“คุณจะให้ถ่ายอะไรคะ”
“...”
เขาไม่ได้ตอบ แต่ยกนิ้วชี้ปิดปากไว้ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าห้ามใช้เสียง จากนั้นไฟในสามและทุกที่ต่างดับพร้อมกัน ได้ยินแต่เสียงวิทยุสื่อสารที่ช่างเทคนิคคุยตอบโต้กันไปมา
ไม่นาน!
โรมิโอกับจูเลียตก็สว่างไสวขึ้นด้วยไฟที่ประดับรอบตัวตึกเป็นรูปนาฬิกาทรายที่มีทรายกำลังไหลลงไปให้เห็นอย่างชัดเจน วริญรำไพไม่รอช้าที่จะยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์เก็บภาพไว้
เลนน์ไวน์ถูกซูมขึ้นไปบนยอดตึกที่มีป้ายชื่อสองหนุ่มสาวแห่งเวโรน่าประดับไฟสวยงามอยู่ในกรอปรูปหัวใจเคียงข้างเป็นคู่ครองกันไว้ไม่ให้แยกจากกันไปไหน เหมือนในนิยายที่ใจร้ายพรากทั้งสองออกจากกัน
ตรงกลางระหว่างสองยอดตึก ก็มีจอแอลอีดีขนาดมหึมาฉายถาพดอกตาเบบูญาสีชมพู สีเหลือง หรือแม้แต่ดอกโคมญี่ปุ่นหลากสีสลับไปมาน่ามอง ยิ่งถอยหลังไปไกลๆ แล้วก็เห็นภาพคมชัดยิ่งขึ้น
“ถ้าพรีเซ็นเทชั่นที่คุณทำเสร็จ ก็จะถูกฉายอยู่บนนั้นด้วย แล้วผมก็จะขอภาพวิวทั้งหมดที่คุณถ่ายๆ ไว้มาฉายบนจอเรื่อยๆ เป็นเดือนก็คงไม่ซ้ำหรอกมั้ง จริงมั้ยครับ”
ชลธิปที่ถอยถามมา ขณะมือยังประคองกล้องวีดีโอถ่ายภาพแสงสีเก็บไว้ในเบื้องต้น ส่วนจองจริงพรุ่งนี้ค่ำเขาจะให้ทีมงานมาถ่ายเอาใหม่คงจะได้ภาพคมชัดกว่าเป็นแน่
“ได้ค่ะ”
วริญรำไพหันไปมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะส่งสายตาไปยังวิวไฟน์เดอร์เพื่อเก็บภาพเอาไว้ให้ได้มากที่สุด กระทั่งการเทสไฟจบสิ้นลง โรงแรมก็สว่างไสวด้วยไฟอีกครั้งไม้
ส่วนไฟที่ประดับอยู่หญิงสาวได้ยินเขาส่งเสียงสั่งช่างเทคนิคว่าให้เปิดทิ้งไว้ทั้งคืนเลย แล้วช่างก็ต่างแยกย้ายกลับ คงเหลือแค่สองคนบนสนามเท่านั้น ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ ลงมาด้วยแล้ว
“การแสดงแสงสีเรียบร้อยไปแล้ว จะเหลือก็แต่แสดงเสียงถ้าคุณอยากฟังต้องไปบนดาดฟ้าด้วยกันนะครับ”
ชลธิปปิดกล้องแล้วหันไปหาคนข้างๆ ที่กำลังปิดกล้องในมือเช่นกัน ในหัวก็ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงกับคำชวนของเขาดี “เอ่อ! คุณไปก่อนดีกว่ามั้ยคะ” แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงแบบกรายๆ
ชลธิปรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวหวาดหวั่นว่าใครจะมองไปในทางที่ไม่ดี “งั้นคุณขึ้นไปก่อนผมดีกว่า อีกหน่อยผมจะตามไป เอากล้องมาฝากผมไว้ก่อนก็ได้ แล้วเจอกันตรงประตูดาดฟ้าครับ”
วริญรำไพก้าวไปอย่างคนไม่ใคร่จะมั่นใจนัก แต่สุดท้ายก็มายืนอยู่ตรงประตูดาดฟ้าแล้ว ไม่กี่อึดใจก็เห็นเขาเดินขึ้นมา เปิดประตูห้องตรงข้ามเข้าไป แล้วกลับออกมาตัวเปล่าไม่มีกล้องกับวีดีโอ
เลยเข้าใจได้ทันทีว่านั่นคือห้องพักของเขา และเป็นห้องที่ตรงข้ามกับห้องที่ตัวเองพัก เขาส่งยิ้มให้แล้วก้าวข้ามบันไดทีละสามขั้นขึ้นมาหา
“มาครับเดี๋ยวเสียงจะหมดก่อน”
มือบางถูกเขาจูงไปก้าวเดินเข้าไปใต้ซุ้ม “คุณจะให้ฉันมาฟังเสียงอะไรคะ...” วริญรำไพพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็ยกนิ้วชี้แนบริมฝีปากตัวเองไว้
เพื่อบอกให้รู้ว่างดใช้เสียงอีกครั้ง ชั่วอึดใจเท่านั้น สายฝนที่ทำท่าจะตกตั้งแต่ตอนอยู่สนามก็โปรยปรายลงมาเรื่อยๆ มีเสียงดัก
ป๊อก เมื่อกระทบกับใบดอกโคมญี่ปุ่น
แป๊ก เมื่อตกระทบกับพื้นกระเบื้อง มีเสียง
ปิ๊ง เมื่อตกกระทบกับโครงเหล็ก และเมื่อฝนตกเร็วๆ เม็ดใหญ่ๆ พร้อมกันลงมาหลายร้อยเม็ด ฟังดูก็จะมีเสียง
‘ป๊อกแป๊ก ปิ๊งป๊อก ปิ๊งแป๊ก ป๊อกปิ๊ง แป๊กปิ๊ง’
‘ป๊อกปิ๊ง ป๊อกแป๊ก ปิ๊งป๊อก ปิ๊งแป๊ก แป๊กปิ๊ง ปิ๊งแป๊ก’
‘ปิ๊งแป๊ก ปิ๊งแป๊ก ป๊อกแป๊ก แป๊กปิ๊ง ปิ๊งป๊อก ป๊อกปิ๊ง ป๊อกแป๊ก’
ดังขึ้นสลับกันไปมาคล้ายเสียงดนตรี “ฝนที่ดาดฟ้าของผมตกเป็นเสียงดนตรี คุณได้ยินหรือเปล่าครับ” ชลธิปก้มลงมองใบหน้ารูปไข่สีน้ำผึ้งในแล้วยิ้มด้วยแววตาหวานล้ำ
วริญรำไพแหงนมองขึ้นไปหาเขา “ค่ะ” แล้วรับเพียงคำสั้นๆ และส่งสายตาประสานกับเขาชั่วครู่ เพราะเม็ดฝนตกลงมากระทบแก้มจนต้องรีบก้มลงไปแล้วใช้มือเช็ด
แต่ถูกเขารั้งมือไว้ แล้วเชยคางมนขึ้นมา ใช้สองหัวแม่โป้งเช็ดหยดน้ำออกจากผิวนุ่มนวลเนียนสีน้ำผึ้งออกให้อย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม สายตากับจับจ้องอยู่กับสองดวงตาคู่เศร้านั้นไม่กระพริบ
แล้วหัวใจก็สั่งให้เขาค่อยๆ ก้มต่ำลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ กระทั่งพาบพนกับกลีบผกานุ่มตรงหน้า ที่เสมือนบุปผาแรกแย้ม เพื่อรอให้เขาเด็ดดมก็ไม่ปาน
ริมฝีปากของเขาดูดดื่มกับกระจับงามอย่างเชื่องช้า สองมือประคองสองไหล่ระหงเอาไว้เมื่อรับรู้ว่าเจ้าของร่างบอบบางตรงหน้าทำท่าจะเซออกห่างตัว แล้วค่อยๆ ส่วนมือขวาสอดไปหาท้ายทอย
เพื่อตรึงไม่ให้กลีบบุปผานุ่มหนีหายไปไหน เมื่อหัวใจเขาอยากจะลิ้มลองความหวานล้ำ กำซาด ให้เนิ่นนานกว่านี้ แม้ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะต้องทำแบบนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะห้ามใดๆ ถ้าหัวใจต้องการ
วริญรำไพตกใจกับสัมผัสรักแรกในชีวิตจนทำอะไรไม่ถูก นอกจากปล่อยกายให้ยืนแข็งทื่อ สองมือเกาะสองต้นแขนเขาไว้ ขณะที่หัวใจเต้นระทึกคึกโครมกับจุมพิตแรกใจชีวิตสาว
จากที่มันเคยเต้นแบบนี้มาแล้ว เมื่อสิบสองปีก่อนในอ้อมกอดของพี่หิน จากปลายจมูกของพี่หิน ที่ดอมดมไปบนพวงแก้มป่องและตื่นตระหนกตกใจในค่ำคืนนั้น
ส่วนค่ำคืนนี้ไม่มีพี่หินมามอบจุมพิตแรกให้ แต่เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกับพี่หินมาแทน ชายหนุ่มที่ทำให้ใจยินยอมให้เขาดอกดม ยินยอมให้เขาลิ้มลองสองเรียวกระจับนุ่ม
ชนิดที่ไม่เคยยินยอมให้ชายใดกระทำการแบบนี้มาก่อน เพราะปรารถนาจะเก็บกายและใจเอาไว้ให้พี่หิน แม้จะรู้ว่าพี่หินจะไม่กลับมาอีกแล้วในชาตินี้ แต่ก็จะไม่ยอมมอบให้ใครนอกจากพี่หินคนเดียวเท่านั้น
‘พี่หินคนเดียวเท่านั้น’
สองมือบางรีบดันอกกว้างของเขาออกทันที เมื่อคำนี้ผุดขึ้นในหัวใจ และตกใจกับการเผลอของตัวเอง ไม่แพ้กับอีกคนที่ตกใจในอาการแข็งขืนของสาวตรงหน้าด้วยเช่นกัน
จึงจำใจต้องยุติสัมผัสอันหอมหวานนั้นไว้ เพื่อดูให้แน่ใจว่าเจ้าของกระจับนุ่มไม่เป็นอะไร วริญรำไพรีบพากายออกจากอุ้งมือของเขาทันทีเมื่อตั้งสติได้ แล้วก็รีบวิ่งหนีไปหาบันไดทันที
“อุ๊ย!!!”
แต่ก็ตกใจจนสะดุ้งเมื่อเห็นผู้หญิงเดินขึ้นมา และก็จำได้ว่านั่นคือแม่ของเขา สองเท้าไม่รออะไรนอกจากก้าวลงบันไดอย่างเร่งรีบแล้ววิ่งไปหาห้องตัวเองทันที
เคราะห์ดีที่อติรัตน์ไม่ได้สนใจสาวผิวสีน้ำผึ้งมาก เลยไม่ได้ล่วงรู้ว่าห้องที่พักนั้นเป็นห้องที่ตรงข้ามกับลูกตัวเอง และเป็นห้องที่มีไว้ให้คนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัว หรือคนพิเศษสุดๆ ของเจ้าของโรงแรมเท่านั้น
“คุณแม่! มาทำอะไรที่นี่ครับ”
ชลธิปตกใจไม่น้อย เมื่อหมายจะวิ่งตามอีกสาวแต่ดันมาเจอแม่อยู่ตรงประตูแทน ผู้แม่เห็นสภาพเปียกชุ่มของลูก ที่ไม่ได้ต่างจากสภาพของสาวเมื่อครู่ก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“แม่ก็มาดูร๊อกน่ะสิ เห็นมาหมกตัวอยู่โรงแรมหลายคืนไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง แม่คิดว่ากลับจากสวิตฯ ร๊อกจะกลับบ้านซะอีก” แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามเรื่องนั้น กลับดึงเอาเรื่องอื่นขึ้นมาแทน
“ผมรีบมาดูช่างเทสไฟรอบตึกน่ะครับ ใกล้จะถึงวันเปิดงานแล้วผมไม่อยากจะให้เกิดความผิดพลาดอะไรเลย คุณแม่เข้าห้องก่อนดีกว่าครับ ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“แล้วจะงานเปิดจะมีเมื่อไหร่ล่ะลูก”
“อาทิตย์หน้าครับคุณแม่”
สาววัยยี่สิบห้ากับการได้พานพบจุมพิตแรกในชีวิตสาว รีบก้าวขึ้นไปหาเตียงมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตามีดอกตาเบบูญาสีชมพูใหญ่ยักษ์อยู่ตรงกลาง เมื่ออาบน้ำเสร็จอยู่ในสภาพเตรียมนอนแล้ว
แต่หัวใจสิยังคงเต้นรัวอยู่ หนังตาก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยากหลับลง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แม้จะยังไม่แน่ใจว่าคนที่ประทับรอยจุมพิตแรกให้นั้นเป็นพี่หินหรือแค่คนหน้าเหมือน
ใบหน้ารูปไข่ก็ยิ้มบางๆ ออกมาอย่างสุขใจแล้ว เป็นสุขเหมือนเมื่อสิบสองปีก่อน ในค่ำคืนที่อยู่ในอ้อมกอดพี่หินที่แสนดี ไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้จะพานพบกับความสุขแบบเดียวกันอีกครั้ง แม้จะหวาดหวั่นในความไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะ ไม่ควร หรือสารพัดสาเหตุที่ล้วนแล้วจะมีคำว่า
‘ไม่’
นำหน้าอยู่เสมอๆ ทว่าหัวใจที่แห้งเหี่ยวด้วยรัก ก็ยังแอบวาดหวังว่าจะได้รับน้ำทิพย์มาคอยชโลมใจ มาคอยรดรินต้นรักให้ได้รับความชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้งอยู่ดี
‘กู๊ดไนท์ครับ’
ไม่ต่างจากเจ้าของข้อความที่เพิ่งส่งไปหาคนห้องตรงข้ามเลย ที่กำลังยิ้มหวานออกมาขณะนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงจ้องมองจอมือถือที่มีใบหน้ารูปไข่สวยใสอยู่บนนั้นมาหลายวันแล้ว แม้จะตระหนักดีว่า
‘ไม่’
คำนี้กระจัดกระจายอยู่ทุกตารางนิ้วที่เขาก้าวเดินไป แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เจ้าของภาพนี้ถึงได้มีอานุภาพเหนือจิตใจเขาได้อย่างไม่เคยมีใครทำมาก่อน มันน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง
แม้อยากจะถอยหนี อยากจะเดินผ่าน หรืออยากจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ทุกครั้งที่มองหน้าจอ คนในภาพก็กระชากหัวใจเขาให้เต้นแรงได้ทุกครั้ง
การเดินหน้าหาคำตอบ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ใช่ หนทางที่ตรงใจ และคนที่ต้องตาตรึงใจ จึงเป็นสิ่งที่เขามั่นใจว่าเลือกไม่ผิด เพราะชีวิตนับตั้งแต่จำความได้ ทุกย่างก้าวของเขา
ก็ล้วนแล้วแต่มีพ่อแม่เข้ามามีบทบาทอยู่แทบทุกเรื่อง การขอเรื่องนี้เอาไว้ในวันที่ใกล้จะสาย เขาก็ได้แต่หวังว่าพ่อกับแม่คงจะเห็นใจ เข้าใจ และยอมให้อภัยที่ทางเลือกที่เขาจะก้าวตรงข้ามกับที่พ่อแม่หวังไว้
‘ค่ะ หลับฝันดีนะคะ’
ชลธิปถึงกับยิ้มอย่างสุขใจออกมา เพียงแค่ได้รับข้อความนี้เท่านั้น ก่อนจะมุดกายเข้าใต้ผ้าห่ม แล้วนอนพร้อมรอยยิ้มที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยในชีวิตก็ว่าได้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา