Waiting for love รอเธอรัก...ควักหัวใจยัยเพื่อนซี้
-
เขียนโดย ภีรภร
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.44 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
17.71K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558 17.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ชื่อเสียง(เสีย)โด่งดัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 12 ชื่อเสียง(เสีย)โด่งดัง
เช้าวันรุ่งขึ้น มะขามยังปฏิบัติกับฉันเหมือนเดิม มารอไปโรงเรียนพร้อมกัน ขึ้นรถพร้อมกัน เดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน แต่ที่ต่างออกไป สายตาที่มะขามมองมาแสดงถึงความรู้สึกอย่างชัดเจน จนฉันไม่สามารถจะจ้องมองหรือกล้าสบตาได้นาน
"จะคุยกับฉันแบบนี้อีกนานมั้ย"
"แบบไหน"
"คุยกับกับฉันแล้วแกมองคนอื่นเนี่ยนะ"
"ฉันเป็นแบบนั้นหรอ"
"อืม"
"ฉันอยากมองสวนด้วยไง"
"ทำตัวปกติเถอะ"
ฉันหยุดเดินแล้วเหลือบมองหน้ามะขามแค่เพียงเสียวนาทีก่อนรีบสาวเท้าเดินต่อไปพร้อมใจที่เต้นไม่เป็นส่ำพลางบอกปฏิเสธข้อกล่าวหา
"ปกติอยู่แล้ว"
"โกหก"
"แกจะเซ้าซี้อะไรหนักหนา"
มะขามคว้าข้อมือฉันไว้ก่อนจะออกแรงดึงรั้งให้มาเผชิญหน้ากัน ซึ่งฉันทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตา ไม่นานมือแกร่งก็เสยค้างฉันขึ้น
"มองตาฉัน" และก็เหมือนถูกต้องมนต์สกดฉันมองตามะขามอย่างว่างาย
"ไม่กล้ามองตาฉันสินะ"
"..."
"เขินหรอ"
"..."
มันจะพูดตรงเกินไปแล้วนะ
"สายตาที่ฉันมองแก ฉันมองแบบนี้มานานแล้ว...เพียงแต่แกไม่สังเกตก็เท่านั้น"
มองมานานแล้ว สายตาห่วงใย อบอุ่น มองฉันคนเดียวแบบนี้เป็นมานานแล้วก็คงจริงตามที่มะขามกล่าวเพราะที่ผ่านมาฉันไม่เคยสังเกตไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของคนคนนี้เลย
"ฉันไม่อยากให้แกอึดอัด ทำตัวเหมือนที่ผ่านมานะ"
ฉันพยายามมองหน้ามะขามอีกครั้ง พยายามทำตัวให้เหมือนเดิม แต่มันก็ไม่อาจเหมือนเดิม สายตาที่เปิดเผยความรู้สึกอีกทั้งใจฉันที่เต้นเสมอเมื่อสบตาคู่นี้ และรอยยิ้มอ่อนโยนและเข้าใจ ที่ปรากฏบนใบหน้าคมเข้มนี้ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าผู้ชายคนนี้เข้าใจฉันเสมอมา
"อือ"
ตอบรับออกไปพร้อมกับส่งยิ้มกลับคืนให้คนตรงหน้า มะขามยิ้มให้อีกครั้งก่อนจับกระเป๋านักเรียนฉันแล้วออกแรงดึงไปข้างหน้า
"ไปชมรมกัน"
ถึงแม้ระยะทางไปยังชมรมจะไกลจากหน้าโรงเรียน ระหว่างทางเดินมีนักเรียนเดินสวนกันไปมาไม่ขาดสาย ส่งเสียงมักทายกันบ้าง แต่ฉันกลับรู้สึกระยะทางไปยังชมรมมันใกล้เหลือเกิน เสียงรอบข้างไม่ดังเท่าเสียงหัวใจที่กำลังเต้นตึกตักอยู่ตอนนี้
เราสองคนเดินเข้ามายังชมรม วางกระเป๋าแล้วมานั่งรวมกลุ่มกับเมฆและไฟไม้ที่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ ส่วนไตรกำลังเลือกรูปอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คเพื่ออัพรูปขึ้นเพจชมรม
"เจ้าฟ้าของฉัน กอดหน่อยๆ"
"ฉันไม่ใช่ของแก" ปากกาที่อยู่ใกล้มือถูกฉันปาใส่เมฆทันทีที่พยายามพุ่งตัวเข้ามากอด
"ใจร้ายจัง" เมฆทำหน้าเศร้าแล้วมองไปยังมะขามที่ส่งสายดุๆมาให้ "อุ๊ย! โทษที ลืมไปว่าเจ้าฟ้าเป็นของไอ้ขาม"
พอได้ยินแบบนั้นหน้าก็ผ่าวขึ้นมาฉันต้องตวาดนายเมฆกลับเสียงดัง
"หุบปาก! ฉันไม่ใช่ของใครทั้งนั้น"
เมฆมองมายิ้มๆ แล้วหันไปพูดกับมะขามแทน
"หน้าแดงด้วยว่ะไอ้ขาม"
"เขินไง"
แทนที่มันจะช่วยฉันกลับมาช่วยเมฆแกล้งฉันแล้วยังมองฉันไม่วางตาเลย
"ไอ้มะขาม!"
"ว่าไง"
"หยุดแกล้งฉันได้แล้ว"
"ฉันช่วยให้แกรีบยอมรับความรู้สึกตัวเองนะ"
"ไม่ต้อง"
"ต้องช่วยสิ จะได้รู้ว่าฉันชอบแกแค่ไหน" สวนกลับมาแบบนี้ฉันก็เป็นใบ้ทันที
"..."
"ชอบจน...อยากจะเก็บแกไว้มองคนเดียว"
"..."
"ชอบฉันบ้างหรือยัง"
"..."
จะจู่โจมฉันไปถึงไหน ตัวเกร็งไปหมดแล้ว ขยับปากไม่ได้ หายใจยังยาก หัวใจก็เต้นเร็วปานวิ่งสี่คูณร้อยสิบรอบสนาม ใครก็ได้ช่วยที ฉันจะตายแล้ว
"ไอ้ขามครับ! หยุดเถอะครับ เจ้าฟ้าหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว ยืนตัวเกร็งจะเป็นเหน็บชาแล้วมั้ง"
ขอบคุณไม้ไฟผู้ชุบชีวิตฉันขึ้นมาใหม่พอได้หายใจหายคอได้บ้าง แต่มันยังมาหัวเราะฉันแถมยังพูดเลียนแบบมะขามกรอกหูฉันเบาๆ ไอ้คุณชายเมฆก็ส่งสายตาล้อเลียนมาให้ ส่วนตัวตนเหตุยืนยิ้มร่าพลางจ้องฉันอย่างไม่วางตา สามคนนี้รุมหัวแกล้งฉัน ด้วยความโมโหทั้งความเขินปะปนกันไปหมด ฉันตัดสินใจเดินไปหาไตรเพื่อหนีสายตาล้อเลียนของพวกนี้
"เธอดังใหญ่แล้วนะ" ไตรเอ่ยขึ้นหลังจากฉันนั่งลงพลางชี้ไปยังรูปที่ปรากฏบนหน้าจอโน๊ตบุุค ฉันมองไปยังรูปก็พบว่าผู้หญิงในรูปคล้ายฉันมาก ส่วนผู้ชายอีกคนคือณดล สองคนกำลังยืนอยู่ในสวน ขณะที่ฉันกำลังประมวลภาพในสมอง ไม้ไฟเข้ามาชะโงกหน้าดูรูปดังกล่าวก่อนเอ่ยความจริงให้กระจ่างตามด้วยเมฆที่ช่วยวิเคราะห์สถานการณ์
"เธอกับไอ้ณดลที่สวนเมื่อวาน"
"ข่าวขึ้นเพจโรงเรียนซะด้วย"
"คอมเม้นเชียร์ให้คบกันก็เยอะ. หมั่นไส้ก็เยอะ"
"ไอ้ประธานก็หล่อซะด้วย"
"แฟนคลับทั้งโรงเรียน"
"เจ้าฟ้าของฉัน มีศัตรูเยอะแน่"
"งานเข้า!"
"เจอตัดตบแน่!"
หลังจากที่สองคนนี้ช่วยกันไซโคฉันไปต่างๆนานา และก่อนที่จะไซโคไปมากกว่านี้ฉันจึงเบรคไว้ก่อน ก่อนที่ฉันจะคล้อยตามพวกมันสองคน
"หยุดเลยพวกแก พูดเกินจริงไปแล้ว"
"แกอ่านคำบรรยายภาพดูสิ มันน่าชวนหมั่นไส้ สร้างศัตรูให้แกมั้ย" ไม้ไฟตอบกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งพลักหัวฉันเบาๆ เป็นเชิงบอกให้อ่านคำบรรยายภาพกับคอมเม้นต์
'เจ้าฟ้า! ผู้ที่เป็นดั่งดวงใจของสี่หนุ่มรักษ์โลก แอบสร้างสัมพันธ์กับท่านประธานกลางสวนบอกรัก ณดลมอบกุหลาบสีส้มสื่อความในใจ บรรยายเป็นใจแล้วอย่างนี้ณดลกับเจ้าฟ้าจะไปไหนรอด'
'สี่หนุ่มยังไม่พอ จะคว้าณดลอีกหรอ โลภมากนะหล่อน'
'เหมาะสมกันจัง คบกันเลยๆ ชอบทั้งสองคนเลย'
'พี่มะขามของฉันไม่อกหักหรอ เมื่ือกี๊ยังเดินกับพี่มะขามอยู่เลย เชียร์มะขาม-เจ้าฟ้า'
'ตัวติดกับมะขามตลอด คิดว่าคบกับ่มะขามซะอีก'
'ไงเป็นงั้นวะ เอาไอ้ขามไปไว้ไหน'
'เมนต์กันดีๆนะยะ เดี๋ยวไม้ไฟตามเก็บ ยิ่งเป็นที่รักของสี่หนุ่มอยู่'
''โอ๊ย เธอจะคาบผู้ชายหล่อๆไปหมดเลยรึไง'
'เพิ่งรู้ว่าเจ้าฟ้า สวยขนาดนี้ ผมไปอยู่ขุมไหนมาครับพี่น้อง'
'ณดลกับเจ้าฟ้า คบกันสิ สี่หนุ่มที่เหลือฉันขอ'
'พี่เจ้าฟ้าคบพี่ณดลเลย เชียร์สุดใจ'
'ไม่จริง ต้องมะขามสิ ฉันจิ้นคู่นี้มานาน เป็นณดลได้ไง'
นี่มันอะไรกัน คอมเมนต์ทั้งดีไม่ดี ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่าฉันไปคบกับมะขามตอนไหน ฉันไปชอบพอกับณดลตอนไหน จะเมนต์หมั่นไส้กัดจิกฉันมากไปแล้วแถมยังบรรยายภาพใส่ร้ายฉันสุดๆ คนทั้งโรงเรียนไม่เกลียดฉันไปหมดแล้วหรอ
"ใส่ร้ายกันสุดๆ" ฉันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ ถอนหายใจออกมาแรงๆสองสามครั้ง มองหน้าผู้ชายสี่คนที่อยู่ตรงหน้าอย่างขอความเห็นว่าควรอย่างไรต่อไป เมฆเดินเข้ามาตบบ่าฉันเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำลายกำลังใจไปชั่วพริบตา
"ตอนนี้ศัตรูเต็มโรงเรียนแล้วมั้ง"
"พูดมากน่าไอ้เมฆ"
"ฉันพูดจริงเว้ยไอ้ขาม"
"เจ้าฟ้าเครียดอยู่เว้ย"
"โทษทีว่ะ" เมฆแตะไหล่ฉันทีหนึ่งอย่างขอโทษ "แต่ฉันรักแกนะ" ถ้าเป็นเวลาปกติฉันคงไล่เตะหรือด่ากลับแต่นาทีนี้คำพูดที่เปล่งออกมาจากปากเมฆมันคือการให้กำลังใจการบอกกล่าวว่าฉันยังมีเพื่อนที่ยังรัก และห่วงใย
"ใครทำอะไรแก ฉันไม่ปล่อยแน่" มือแกร่งของไม้ไฟถูกวางบนหัวฉันก่อนจะขยี้ผมให้ยุ่งเหยิงอย่างหลอกล้อ
"คนเกลียด แปลว่าเธอเป็นคนสำคัญที่เขาต้องพูดถึง" ประโยคให้กำลังใจแปลกๆ จากไตรทำเอาฉันยิ้มขำ ก่อนจะถามออกไป
"สำคัญในทางไหนล่ะ"
"แคร์โลกมาก ประสาทกินพอดี"
พอได้ยินแบบนี้ฉันก็ยิ้มได้มากขึ้น ก็จริงตามที่ไตรบอกหากฉันแคร์สายตาของใครต่อใครมากไปคนที่อยู่ไม่สุขก็คือฉันเอง
"แล้วต้องทำยังไงต่อไป"ฉํนถามออกไปพลางขอความเห็นอีกครั้งจากผู้ชายสี่คนที่หวังดีเสมอมา ฉันเลื่อนสายตาไปยังไตร เมฆ ไม้ไฟ และหยุดสายตาลงที่มะขาม ชั่วครู่มะขามก็เอ่ยออกมา
"ทำตัวปกติ เราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เป็นตามที่ใครว่าร้าย" เสียงนุ่มทุ้มแฝงด้วยความห่วงใย และยังคงจับจ้องฉันอย่างไม่ละสายตา "อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าลืมสิ ฉันยังอยู่ทั้งคน" ฉันยิ้มรับกับประโยคนั้น ใช่ฉันยังมีมะขาม ฉันจะต้องกลัวอะไรอีก ในเมื่อที่ผ่านมาฉันมีเขาคอยเคียงข้างเสมอไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์
"ไอ้นี่ ท่าทางอาการหนัก"
"กลัวไอ้ณดลแย่งหรือไงวะ"
"หยอดทุกเม็ด"
"อย่าลืม! ยังมีพวกฉันอีกสามคน"
ฉันขำพรืดออกมาทันทีที่ ไม้ไฟ เมฆ และไตรแขวะมะขามหลังจากที่ประโยคอันชวนให้ใจเต้นแรงแถมยังอบอุ่นของมะขามจบลงและตบท้ายด้วยการยืนยันตัวตนกลัวฉันจะลืมว่าพวกเขาสามคนยังอยู่ตรงนี้และจะอยู่ข้างฉัน
ฉันกับสี่หนุ่มเพิ่งอยู่ห้องเดียวกันตอนเรียนมอปลาย ตอนอยู่มอต้นฉันกับมะขามอยู่คนละห้อง แต่ถึงจะอยู่คนละห้องฉันก็มักมาคอยวนเวียนอยู่มะขามกับอีกสามหนุ่มที่เหลือจนเพื่อนในห้องพากันพลักไสไล่ส่งฉัน คอยพูดจากระแทกแดกดัน อิจฉาบ้าง เนื่องจากสังคมห้องที่ฉันอยู่ค่อนข้างไฮโซมีแต่ลูกคุณหนู หน้าไหว้หลังหลอกใส่กัน อิจฉากัน คุยกันไม่กี่คำก็หาเรื่องมาพูดทับถมกัน ฉันเบื่อการเสแสร้งจึงชอบย้ายสังขารตัวเองมาสิงสถิตอยู่ห้องมะขามในเวลาว่าง ซึ่งสี่หนุ่มและเพื่อนๆในห้องมะขามก็ต้อนรับฉันอย่างดี เป็นสังคมที่มีความจริงใจให้กัน. ฉันเลยสนิทกับห้องนี้มากกว่าห้องของตนเอง ครั้นเมื่อฉันเจอปัญหาหนัก ยัยเยลลี่คุณหนูไฮโซแกล้งขโมยรองเท้าฉันไปซ้อนเพราะความหมั่นไส้ที่ฉันสนิทกับสี่หนุ่มทั้งที่เธอคอยทอดสะพานให้พวกเขามาตลอด สี่หนุ่มรู้เรื่องเข้าก็ช่วยตามหาเพราะไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องผู้หญิงมากแต่จนแล้วจนรอดหายังไงก็ไม่เจอ เจอแต่ซากรองเท้าที่ถูกเผาอยู่สวนเกษตรของโรงเรียน ตอยนั้นฉันโกรธมากอยากจะวิ่งไปกระซากหัวยัยเยลลี่ แต่ด้วยหมั่นไส้และรำคาญผู้หญิงแบบเยลลี่ของไม้ไฟ พวกสี่หนุ่มจึงวางแผนเอาคืนเยลลี่ โดยให้เมฆเป็นตัวหลอกล่อเยลลี่ไปอ่านหนังสือห้องสมุดระหว่างที่สองคนเข้าห้องสมุดไป ไม้ไฟกับมะขามก็แอบขโมยรองเท้าเยลลี่ แล้วเอาอึแมวจากบ้านไตรมาละเลงลงบนรองเท้าเยลลี่โดยมีฉันกับไตรคอยดูต้นทางไหน พอละเลงเสร็จไม้ไฟก็นำไปวางไว้ที่เดิม จากนั้นก็นั้นเราสี่คนก็ดูรอผลงาน เยลลี่ออกมาพร้อมกับเมฆรีบสวมรองเท้าและด้วยความที่เธอคุยกับเมฆอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เท้าสองข้างของเธอก็เหยียบเข้ากับอึแมวเต็มๆ เหตุการณ์นั้นทำเอาเธอเข็ดขยาดกับการกลั่นแกล้งฉันเพราะนอกจากจะเจออึแมวทำพิษจนเธอต้องเดินเท้าเปล่าแล้วมะขามยังพูดจาชวนให้เข้าใจว่าเธอเผารองเท้าฉัน 'เธอไปทำอะไรกับรองเท้าเจ้าฟ้าหรือเปล่า ถึงโดนแมวอึใส่รองเท้าแบบนี้ ว่าแต่เวรกรรมสมัยนี้ตามทันจริงๆ' เธอขายหน้าต่อนักเรียนที่เดินเข้าออกห้องสมุดรวมทั้งถูกมองว่าเป็นคนขโมยรองเท้า ตั้งแต่นั้นมาสี่หนุ่มก็คอยช่วยเหลือฉันตลอดไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม เหมือนทุกอย่างจะดีแต่เปล่าเลย การที่มีสี่หนุ่มคอยช่วยเหลือกลับทำให้เพื่อนในห้องคบฉันน้อยลงจากเดิมที่มีน้อยอยู่แล้ว ก็มีแต่สาวหน้าหวานเด็กเรียนคนหนึ่งที่เป็นมิตรกับฉันแต่เธอก็ดันย้ายไปเรียนต่างจังหวัดจึงทำให้ฉันพยายามสอบเข้าเรียนมอสี่ให้ได้อยู่ห้องเดียวกับมะขามเพราะถ้าหากอยู่คนละห้องฉันอาจจะมีสภาพที่ไม่ต่างจากเดิม
ผลการสอบเข้าเรียนชั้นมอสี่เป็นไปตามที่คาดหวัง ฉันสามารถสอบได้ห้องเดียวกับมะขามและยิ่งโชคดีเมื่อสามหนุ่มที่เหลือก็สอบได้ห้องเดียวกัน พลอยทำให้เราทั้งห้าสนิทกันมากขึ้น ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจึงได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ นานา ไม่ว่าจะถูกด่าว่าโง่ ซื่อบื้อ ไม่สวย ไม่มีความเป็นกุลสตรี ถูกแกล้งบ้างล่ะ ฉันโดนคนเดียวหมด พวกมันเห็นฉันเป็นเหมือนลูกหมาไม่ก็เป็นหมาคอยกันผู้หญิงที่พยายามเข้าหา และแน่นอนว่าเมื่อถูกรุมล้อมไปด้วยผู้ชายหน้าตาดีสี่คนแถมยังคอยกันผู้หญิงให้พวกมัน ฉันจึงพลอยโดนหมั่นไส้ไปตามระเบียบ ในช่วงแรกก็พยายามแก้ตัว ไม่อยากถูกเกลียดแต่สุดท้ายก็ต้องทำใจยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะไม่ว่าจะแก้ตัวยังไงก็ถูกมองว่าเสแสร้ง แต่ใช่ว่าจะมีคนหมั่นไส้อย่างเดียว คนที่เข้าใจและเป็นมิตรกับฉันก็มีโดยเฉพาะเพื่อนห้องมอหกทับสาม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหญิงหรือชายต่างก็คุยกับฉันปกติ ไม่มีอคติใดๆ เพราะต่างก็รู้นิสัยของฉันดี
ฉันจะต้องไปกลัวอะไรในเมื่อยังมีคนที่เข้าใจ. มีเพื่อนคอยฉุดยืนเมื่อยามล้ม แม้เจอสายตาอิจฉาริษยา เสียงซุบซิบตลอดทางเดินเข้าโรงอาหาร ฉันก็ไม่แคร์แถมยังขำกับสิ่งที่ถูกนินทา. เมฆกับไม้ไฟไปซื้อข้าว มะขามไปซื้อน้ำ ส่วนฉันกับไตรมีหน้าที่นั่งเฝ้าโต๊ะ มันเป็นข้อตกลงในกลุ่มทีต้องแบ่งเวรกันรับผิดชอบซื้อข้าวซื้อน้ำ นั่งจองโต๊ะ ระหว่างที่รอไตรก็นั่งกดโทรศัพท์ก่อนจะมีสีหน้าเบื่อโลกอย่างชัดเจนพลางบ่นออกมาเบาๆ
"ไร้สาระ"
"อะไรไร้สาระ"
"เรื่องเธอ" พลางทำหน้าเบื่อโลกเต็มที
"เอ๊?"
"ยัยโง่"
เหมือนโดนค้อนทุบลงหัว มันมึนงงและอึ้ง ก่อนที่จะถามความสงสัยออกไปไตรก็ลุกจากม้านั้งเดินไปรับจานข้าวจากเมฆ แล้วกินอย่างไม่สนใจใคร มะขามวางจานข้าวลงพร้อมกับแก้วน้ำแดงตรงหน้าฉัน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
"กินน้ำสิ" มะขามพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นจ่อที่ปากฉันอย่างพยายามยัดเยียดให้กิน ฉันเลยต้องรีบรับแก้วน้ำมาไว้ก่อนที่มันจะป้อนให้
"เออๆ"
"เร็วๆ" ไม่ว่าเปล่ายังจับมือฉันยกแก้วดื่มอีก ฉันกลืน น้ำแดงลงคออย่างรวดเร็วจนหมดแก้ว มะขามใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วไปมาก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากแก้วแล้วยื่นมาตรงหน้าฉัน มันเป็นชอตโกแลตรูปหัวใจมิน่าล่ะ รสชาติน้ำแดงถึงมีรสซ็อกโกแลต
"อ้าปาก"
"ฉันหรอ"
"อืม แกนั่นแหละ อ้าเร็ว"
"นี่แกจะป้อนรึไง"
"ใช่ ช็อกโกแลตรูปหัวใจแทนความรู้สึกที่ฉันมี" การจู่โจมแบบไม่มีสัญญาณให้ได้เตรียมตัวเตรียมใจทำเอาฉันอ้าปากค้าง มะขามเลยป้อนซ็อกโลแลตเข้าปากฉันได้อย่างง่ายดาย "เคี้ยวสิ" เพียงแค่เผลอสบตาสีดำคู่นี้ น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบทำให้ฉันทำตามที่มะขามบอกอย่างไม่โต้แย้งใดๆ
"เลี่ยนเว้ย"
"โอ๊ย~มดกัด"
"ด้านมาก"
สามหนุ่มเงยพร้อมใจกันร่วมแซวออกมาอย่างรับไม่ได้ ฉันนี่ไปไม่เป็นเลย นิ่งเป็นหิน ลำคอตีบดันพูดไม่ออกเถียงไม่ทัน หน้าร้อนผ่าว คนต้นเหตุก็ลอยหน้าลอยตา ส่งสายวิบวับมาให้อย่างเปิดเผย
"ดูนี่ แล้วจะยิ้มไม่ออก"
"ไรวะ"
ไม้ไฟส่งโทรศัพท์ให้มะขามก่อนจะจัดการข้าวตรงหน้าต่อไป มะขามเลื่อนอ่านข้อความในเพจโรงเรียนอยู่สักครู่แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ไม้ไฟ ก้มหน้าก้มตากินข้าวทีละคำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ไตรก็อีกคนดูโทรศัพท์แล้วด่าฉันโง่ ส่วนไม้ไฟก็พูดจากแปลกๆ มะขามก็อีกคนพออ่านข้อความเสร็จก็ไม่พูดไม่จา ด้วยความสงสัยฉันเลยค่อยๆสะกิดแขนมะขามเบาๆ หนึ่งที สองที สามที มันก็ยังนิ่ง
"ไอ้มะขาม!!!" ฉันตะโกนเรียกมันดังลั่นไปทั่วโรงอาหาร ทุกคนหันมานี้อย่างพร้อมเพรียงกัน สี่หนุ่มตรงหน้าถึงกับผะงักถอยห่างฉัน เอาลูบหูไปมาทั้งยังมองตาเขียวปั๊ด
"อะไรของแก!" มะขามขยับตัวเข้าหาถามเสียงดังกลับคืน
"ฉันสะกิดแกตั้งสามที ยังทำเฉย เลยตะโกนนะสิ แล้วนี่แกเจออะไรในโทรศัพท์ถึงแบบเงียบไป"
"เปล่า"
"ฉันไม่เชื่อ ไม้ไฟเอาโทรศัพท์แกมา" สีหน้ามะขามบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ แล้วอาการนิ่งเงียบยิ่งทำให้ฉันเป็นห่วง รีบแย่งโทรศัพท์ในมือไม้ไฟออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
" เอามานี่"
แควก!
"เฮ้ย! เสื้อฉัน!"
แย่แล้ว ในจังหวะที่ฉันคว้าโทรศัพท์ไม้ไฟตะปบมือฉันไว้ ฉันก็กระซากโทรศัพท์ออกอย่างแรง กระเป๋าเสื้อไม้ไฟขาดติดมือมาด้วย หน้าไม้ไฟตอนนี้คือโกรธมาก มันเอื้อมมือมาหมายจะทำมิดีมิร้ายกับคอฉัน
"ขอโทษ" พลางยกมือไหว้แล้วก้าวขาออกจากม้านั่งเตรียมเผ่นหนี
"ขอดูดีๆก็ได้!" แล้วแกก็พูดดีๆก็ได้อย่าตะโกน
"แกคงไม่ให้" อันที่จริงไม้ไฟอาจจะให้ดูแต่ที่รีบกระชากออกมาเพราะความใจร้อน เป็นห่วงมะขามนี่ล่ะ
"เฮอะ! นี่อย่าบอกนะ...แกห่วงไอ้ขามมากจนขาดสติ ทำเสื้อฉันขาดแบบนี้!!!"
"ใช่...ที่ไหน" เกือบหลุดปากแล้ว สายตาสี่คู่จ้องจะไล่ต้อนให้จนมุมสินะ ฉันไม่ยอมรับง่ายๆหรอกเดี๋ยวพวกนี้มันก็ล้ออีก
"อย่ามาแถ!!!"
"ไม่เนียน!!!"
"ยอบรับเถอะ!!!"
ไม้ไฟ เมฆ ไตร สามคนแพ็คทีมรุมฉัน นี่ขนาดไม่ยอบรับถ้ายอมรับมันจะช่วนกันทำฉันอายขนาดไหน
"แค่บอกยอมรับ มันยากมากนักรึไง" ไอ้มะขามมาเอง เล่นบีบคั้นแกมตัดพ้อทางสายตาอย่างนี้ ฉันอยากหายไปจากตรงนี้ พวกมันทั้งสี่คนจะให้ฉัรยอมรับให้ได้เลยรึไง ไม่มีทางยอมรับ!
"มันก็ไม่ยากหรอก ถ้าเป็นห่วงก็บอกไปแล้ว แต่นี่เพราะอยากรู้ว่ามีอะไรในโทรศัพท์ต่างหาก พวกแกชอบปิดบังฉันเหมือนตอนนั้น. อาจตั้งกลุ่มนินทาฉันก็ได้" บอกไปด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ทำหน้าเศร้า กะพริบตาปิบๆ ใส่หน้าสงสาร ขุดเรื่องที่พวกมันรู้สึกผิดโดยเฉพาะเมฆขึ้นมาอีก และมันก็ได้ผล เมฆหน้าซีดไปทันที เสร็จไปแล้วหนึ่งราย เพิ่งรู้ตัวว่าเก่งเรื่องแถเหมือนกันนะเนี่ย
"แล้วแกจะเอาไงกับเสื้อฉัน". ไม้ไฟมีสีหน้าหมั่นไส้ เบะปากใส่ฉันทีนึง. มันไม่อยากคงต่อปากต่อคำว่าฉันให้มากความ และคงจะสู้มารยาหญิงบวกความตอแหลอย่างหน้าด้านๆ มันเดินมากระซิบที่ข้างหูก่อนเอาจานข้าวไปเก็บ "ไอ้ขามมันหวงแก"
"?"
"ฉันเกลียดแกว่ะ. โง่!"
"เออ ฉันก็เกลียดแก!" พอฉันทำหน้างงมันก็ด่า ด้วยความงงทั้งโมโหเลยออกแรงพลักอกมันจนเซถลาไปข้างหลัง พลางด่ากลับอย่างแค้นใจ มันก็ไม่ถือสาอะไรกลับเดินยิ้ม หัวเราะไปเก็บจานอย่างคนบ้า ใช่พวกสี่คนนี้มันบ้า ฉันเองก็บ้าที่มาเป็นเหยื่อให้พวกมันแสดงความบ้าใส่
"เจ้าฟ้า" มือหนาวางแหมะบนไหล่ฉันก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย "เธอโง่ไม่เปลี่ยนเลย" ไตรชูโทรศัพท์ขึ้นตรงหน้าฉัน ภาพที่ปรากฏบนจอเป็นภาพฉันกับณดลถัดจากภาพลงมาคือบทสัมภาษณ์ณดลที่ทางแอดมินเพจโพสต์ลงไม่ถึงชั่วโมงแต่ยอดไลค์เป็นพัน คอมเมนต์เป็นร้อย
เมก้า :'สวัสดีชาวสหพัฒวิทยาทุกคนนะค้าาาา ตอนนี้เมก้าตื่นเต้นมากเลยค่ะ ที่มีหนุ่มหล่อ ดีกรีท่านประธานโรงเรียนมานั่งอยู่ตรงหน้า อยากจะตะครุบมากิน อุ๊ย มาคุยค่ะ (หุ่นแซบมากค่าา) อ่ะแฮ่มๆ เนื่องจากภาพที่ปรากฏเมื่อช่วงเช้าในเพจโรงเรียน ภาพท่านประธานนักเรียนของเรากับเจ้าฟ้า ขวัญใจสี่หนุ่มรักษ์โลก (สี่หนุ่มหุ่นแซบไม่แพ้กันค่า ขอบอก) ยืนท่ามกลางสวนดอกไม้ขนาดนั้น แถมบรรยายกาศยังโรแมนติก หลายคนสังสัยว่าสองคนนี้มีซัมธิงอะไรกันหรือเปล่า วันนี้เมก้าเลยคว้าตัวประธานณดลมาสอบถาม ขุดเรื่องจริงกัน'
เมก้า :'สวัสดีค่า ประธานณดล' ก้มกราบให้กับความหล่อเหลา ก่อนรีบหลบออร่าที่พุ่งกระชูดมาทะลุเป้าตา
ณดล:'สวัสดีครับ เรียกณดลดีกว่าครับ'
เมก้า :'ได้ค่ะๆ เรียกแบบนี้ดูสนิทสนม เมก้าชอบ' ^^
ณดล:'ครับ'
เมก้า :'เข้าเรื่องเลยนะคะ ณดลคงเห็นภาพที่ตกเป็นข่าวแล้ว'
ณดล:'ครับ'
เมก้า :'รู้สึกยังไงกับข่าวที่เกิดขึ้น'
ณดล:'แปลกใจครับ ไม่คิดว่าจะเป็นข่าวได้'
เมก้า :'แหม คนดังของโรงเรียนต้องเป็นข่าวอยู่แล้วใช่ไหมคะทุกคน'
ณดล:'เพิ่งรู้ว่าผมดังนะครับ รู้สึกเหมือนดารา ฮะๆ'
เมก้า :'ตอนนี้ก็เหมือนดาราแล้วค่าาา. 'ว่าแต่ในภาพณดลให้ดอกไม้เจ้าฟ้าจริงหรือมั่วคะ"
ณดล:'จริงครับ ต้นกุหลาบสี่ส้ม'
เมก้า :'โอ้ว. มายยย ยอมรับอย่างนี้สาวๆคงใจสลาย. หลายคนสงสัยว่าให้กุหลาบสีส้มแอบสื่อความหมายในใจรึเปล่า'
ณดล:'ผมเพิ่งรู้ความหมายหลังจากเห็นข่าว. ที่ให้เพราะต้นไม้มันสวยและดูเหมาะกับเจ้าฟ้า'
เมก้า :'ความสัมพันธ์กับเจ้าฟ้าอยู่ในขึ้นไหน'
ณดล:'ผมกับเจ้าฟ้าเป็นเพื่อนกันครับ'
เมก้า :'เห็นว่าค่อนข้างสนิทสนมกัน'
ณดล:'เราร่วมงานกันบ่อยครับ เธอนิสัยคล้ายผู้ชายแต่ยังมีความเป็นหญิง คุยสนุกครับ อันที่จริงผมสนิทกับสี่หนุ่มด้วยครับ'
เมก้า :'มีโอกาสพัฒนาความความสัมพันธ์กันไหม'
ณดล:'เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ทั้งสองฝ่ายครับ'
เมก้า :'เอ๊? ตอบแบบนี้ ณดลคิดอะไรกับเจ้าฟ้าคะ'
ณดล:'อย่างที่บอกครับตอนนี้เป็นเพื่อน ส่วนอนาคตผมก็ตอบอะไรมากไม่ได้ เพราะผมคิดอะไร กับเจ้าฟ้าแต่เธอไม่คิดแบบผม อนาคตก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมครับ ^^ ถ้าถามว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ผมตอบได้เลยว่ารู้สึกดี'
เมก้า :"อร๊าย เมก้าฟินมากค่า น้ำเสียงและสีหน้าเวลาณดลพูดประโยคเมื้อกี๊มันฟินมาก โอ๊ย~~~ อิจฉาเจ้าฟ้า. เอาเป็นว่าณดลตอบมาแบบนี้ สาวๆคงจินตนาการกันออกนะคะ นาทีนี้บอกเลย เมก้าอยากเป็นเจ้าฟ้ามาก. วันนี้ต้องขอบคุณณดลที่ยอมให้เรามาสัมภาษณ์'
ณดล:'ยินดีครับ'
เมก้า :'เมก้าก็ตัวไปกินน้ำใบบัวบกก่อน. อกหักค่า. ToT.ไว้ พบกันใหม่ค่าทุกคน ฮือๆ~'
เฮ้ย ! อ่านจบฉันก็งงเป็นไก่กาแตกเลยทีเดียว อยู่ๆก็เป็นคงดังของโรงเรียนซะงั้น แค่ณดลให้ดอกไม้เนี่ยนะจะมีคนพากันจินตนาการ จับจิ้นจนยัยเมก้าหัวหน้าชมรมสื่อสิ่งพิมพ์ตามล่าหาความจริงจากณดล. ณดลก็ตอบแบบให้คนเข้าใจผิดๆ อีก ่แฟนคลับทั้งด่า(ฉัน)ทั้งเชียร์บ้าง ทำเอาเสียวสันหลังกันเลยทีเดียว แล้วนี้ฉันต้องคอยวิ่งหลบเท้าพวกนี้ให้เหนื่อยเล่นทั้งที่ตัวเองอยู่เฉยๆ นี้คงเป็นสาเหตุทีทำให้่มะขามกังวล แล้วที่ไตรด่าฉันโง่ก็คงเป็นเรื่องนี้
"อึ้ง ทึ่ง มึนเลยเจ้าฟ้าของฉัน" เมฆก็อีกคนยังมายิ้มแหย่ อย่างสบายอกสบายใจ พูดออกมายังกับเรื่องนี้มันซิวนัก
"ไม่ต้องซ้ำเดิมฉันเลยนะ" โอ๊ย เรื่องเก่ายังไม่หายเรื่องใหม่ก็เข้ามา
"โธ่ จะเครียดทำไม เป็นคนดังดีออก"
"ใครจะไปหน้าด้านหน้าทนแบบแกวะ"
เจอมะขามด่าเข้าให้แต่ใช่ว่าเมฆจะสำนึกกลับค้อมหัวน้อมรับคำด่า
"ขอบคุณที่ชมคร้าบ"
"ด่ายังไม่สำนึก"
"ตามสบายครับ ตามสบาย".
หน๊อย ขนาดโดนไตรว่า เมฆยังไม่สำนึกกลับลอยหน้าลอยยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ เห็นแล้วอยากไล่เตะก้นจริงๆ
ถ้าชอบ อีกช่องทางหนึ่งนะคะ จะลงเร็วกว่า คลิกเลยจ้า ^_^
เช้าวันรุ่งขึ้น มะขามยังปฏิบัติกับฉันเหมือนเดิม มารอไปโรงเรียนพร้อมกัน ขึ้นรถพร้อมกัน เดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน แต่ที่ต่างออกไป สายตาที่มะขามมองมาแสดงถึงความรู้สึกอย่างชัดเจน จนฉันไม่สามารถจะจ้องมองหรือกล้าสบตาได้นาน
"จะคุยกับฉันแบบนี้อีกนานมั้ย"
"แบบไหน"
"คุยกับกับฉันแล้วแกมองคนอื่นเนี่ยนะ"
"ฉันเป็นแบบนั้นหรอ"
"อืม"
"ฉันอยากมองสวนด้วยไง"
"ทำตัวปกติเถอะ"
ฉันหยุดเดินแล้วเหลือบมองหน้ามะขามแค่เพียงเสียวนาทีก่อนรีบสาวเท้าเดินต่อไปพร้อมใจที่เต้นไม่เป็นส่ำพลางบอกปฏิเสธข้อกล่าวหา
"ปกติอยู่แล้ว"
"โกหก"
"แกจะเซ้าซี้อะไรหนักหนา"
มะขามคว้าข้อมือฉันไว้ก่อนจะออกแรงดึงรั้งให้มาเผชิญหน้ากัน ซึ่งฉันทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตา ไม่นานมือแกร่งก็เสยค้างฉันขึ้น
"มองตาฉัน" และก็เหมือนถูกต้องมนต์สกดฉันมองตามะขามอย่างว่างาย
"ไม่กล้ามองตาฉันสินะ"
"..."
"เขินหรอ"
"..."
มันจะพูดตรงเกินไปแล้วนะ
"สายตาที่ฉันมองแก ฉันมองแบบนี้มานานแล้ว...เพียงแต่แกไม่สังเกตก็เท่านั้น"
มองมานานแล้ว สายตาห่วงใย อบอุ่น มองฉันคนเดียวแบบนี้เป็นมานานแล้วก็คงจริงตามที่มะขามกล่าวเพราะที่ผ่านมาฉันไม่เคยสังเกตไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของคนคนนี้เลย
"ฉันไม่อยากให้แกอึดอัด ทำตัวเหมือนที่ผ่านมานะ"
ฉันพยายามมองหน้ามะขามอีกครั้ง พยายามทำตัวให้เหมือนเดิม แต่มันก็ไม่อาจเหมือนเดิม สายตาที่เปิดเผยความรู้สึกอีกทั้งใจฉันที่เต้นเสมอเมื่อสบตาคู่นี้ และรอยยิ้มอ่อนโยนและเข้าใจ ที่ปรากฏบนใบหน้าคมเข้มนี้ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าผู้ชายคนนี้เข้าใจฉันเสมอมา
"อือ"
ตอบรับออกไปพร้อมกับส่งยิ้มกลับคืนให้คนตรงหน้า มะขามยิ้มให้อีกครั้งก่อนจับกระเป๋านักเรียนฉันแล้วออกแรงดึงไปข้างหน้า
"ไปชมรมกัน"
ถึงแม้ระยะทางไปยังชมรมจะไกลจากหน้าโรงเรียน ระหว่างทางเดินมีนักเรียนเดินสวนกันไปมาไม่ขาดสาย ส่งเสียงมักทายกันบ้าง แต่ฉันกลับรู้สึกระยะทางไปยังชมรมมันใกล้เหลือเกิน เสียงรอบข้างไม่ดังเท่าเสียงหัวใจที่กำลังเต้นตึกตักอยู่ตอนนี้
เราสองคนเดินเข้ามายังชมรม วางกระเป๋าแล้วมานั่งรวมกลุ่มกับเมฆและไฟไม้ที่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ ส่วนไตรกำลังเลือกรูปอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คเพื่ออัพรูปขึ้นเพจชมรม
"เจ้าฟ้าของฉัน กอดหน่อยๆ"
"ฉันไม่ใช่ของแก" ปากกาที่อยู่ใกล้มือถูกฉันปาใส่เมฆทันทีที่พยายามพุ่งตัวเข้ามากอด
"ใจร้ายจัง" เมฆทำหน้าเศร้าแล้วมองไปยังมะขามที่ส่งสายดุๆมาให้ "อุ๊ย! โทษที ลืมไปว่าเจ้าฟ้าเป็นของไอ้ขาม"
พอได้ยินแบบนั้นหน้าก็ผ่าวขึ้นมาฉันต้องตวาดนายเมฆกลับเสียงดัง
"หุบปาก! ฉันไม่ใช่ของใครทั้งนั้น"
เมฆมองมายิ้มๆ แล้วหันไปพูดกับมะขามแทน
"หน้าแดงด้วยว่ะไอ้ขาม"
"เขินไง"
แทนที่มันจะช่วยฉันกลับมาช่วยเมฆแกล้งฉันแล้วยังมองฉันไม่วางตาเลย
"ไอ้มะขาม!"
"ว่าไง"
"หยุดแกล้งฉันได้แล้ว"
"ฉันช่วยให้แกรีบยอมรับความรู้สึกตัวเองนะ"
"ไม่ต้อง"
"ต้องช่วยสิ จะได้รู้ว่าฉันชอบแกแค่ไหน" สวนกลับมาแบบนี้ฉันก็เป็นใบ้ทันที
"..."
"ชอบจน...อยากจะเก็บแกไว้มองคนเดียว"
"..."
"ชอบฉันบ้างหรือยัง"
"..."
จะจู่โจมฉันไปถึงไหน ตัวเกร็งไปหมดแล้ว ขยับปากไม่ได้ หายใจยังยาก หัวใจก็เต้นเร็วปานวิ่งสี่คูณร้อยสิบรอบสนาม ใครก็ได้ช่วยที ฉันจะตายแล้ว
"ไอ้ขามครับ! หยุดเถอะครับ เจ้าฟ้าหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว ยืนตัวเกร็งจะเป็นเหน็บชาแล้วมั้ง"
ขอบคุณไม้ไฟผู้ชุบชีวิตฉันขึ้นมาใหม่พอได้หายใจหายคอได้บ้าง แต่มันยังมาหัวเราะฉันแถมยังพูดเลียนแบบมะขามกรอกหูฉันเบาๆ ไอ้คุณชายเมฆก็ส่งสายตาล้อเลียนมาให้ ส่วนตัวตนเหตุยืนยิ้มร่าพลางจ้องฉันอย่างไม่วางตา สามคนนี้รุมหัวแกล้งฉัน ด้วยความโมโหทั้งความเขินปะปนกันไปหมด ฉันตัดสินใจเดินไปหาไตรเพื่อหนีสายตาล้อเลียนของพวกนี้
"เธอดังใหญ่แล้วนะ" ไตรเอ่ยขึ้นหลังจากฉันนั่งลงพลางชี้ไปยังรูปที่ปรากฏบนหน้าจอโน๊ตบุุค ฉันมองไปยังรูปก็พบว่าผู้หญิงในรูปคล้ายฉันมาก ส่วนผู้ชายอีกคนคือณดล สองคนกำลังยืนอยู่ในสวน ขณะที่ฉันกำลังประมวลภาพในสมอง ไม้ไฟเข้ามาชะโงกหน้าดูรูปดังกล่าวก่อนเอ่ยความจริงให้กระจ่างตามด้วยเมฆที่ช่วยวิเคราะห์สถานการณ์
"เธอกับไอ้ณดลที่สวนเมื่อวาน"
"ข่าวขึ้นเพจโรงเรียนซะด้วย"
"คอมเม้นเชียร์ให้คบกันก็เยอะ. หมั่นไส้ก็เยอะ"
"ไอ้ประธานก็หล่อซะด้วย"
"แฟนคลับทั้งโรงเรียน"
"เจ้าฟ้าของฉัน มีศัตรูเยอะแน่"
"งานเข้า!"
"เจอตัดตบแน่!"
หลังจากที่สองคนนี้ช่วยกันไซโคฉันไปต่างๆนานา และก่อนที่จะไซโคไปมากกว่านี้ฉันจึงเบรคไว้ก่อน ก่อนที่ฉันจะคล้อยตามพวกมันสองคน
"หยุดเลยพวกแก พูดเกินจริงไปแล้ว"
"แกอ่านคำบรรยายภาพดูสิ มันน่าชวนหมั่นไส้ สร้างศัตรูให้แกมั้ย" ไม้ไฟตอบกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งพลักหัวฉันเบาๆ เป็นเชิงบอกให้อ่านคำบรรยายภาพกับคอมเม้นต์
'เจ้าฟ้า! ผู้ที่เป็นดั่งดวงใจของสี่หนุ่มรักษ์โลก แอบสร้างสัมพันธ์กับท่านประธานกลางสวนบอกรัก ณดลมอบกุหลาบสีส้มสื่อความในใจ บรรยายเป็นใจแล้วอย่างนี้ณดลกับเจ้าฟ้าจะไปไหนรอด'
'สี่หนุ่มยังไม่พอ จะคว้าณดลอีกหรอ โลภมากนะหล่อน'
'เหมาะสมกันจัง คบกันเลยๆ ชอบทั้งสองคนเลย'
'พี่มะขามของฉันไม่อกหักหรอ เมื่ือกี๊ยังเดินกับพี่มะขามอยู่เลย เชียร์มะขาม-เจ้าฟ้า'
'ตัวติดกับมะขามตลอด คิดว่าคบกับ่มะขามซะอีก'
'ไงเป็นงั้นวะ เอาไอ้ขามไปไว้ไหน'
'เมนต์กันดีๆนะยะ เดี๋ยวไม้ไฟตามเก็บ ยิ่งเป็นที่รักของสี่หนุ่มอยู่'
''โอ๊ย เธอจะคาบผู้ชายหล่อๆไปหมดเลยรึไง'
'เพิ่งรู้ว่าเจ้าฟ้า สวยขนาดนี้ ผมไปอยู่ขุมไหนมาครับพี่น้อง'
'ณดลกับเจ้าฟ้า คบกันสิ สี่หนุ่มที่เหลือฉันขอ'
'พี่เจ้าฟ้าคบพี่ณดลเลย เชียร์สุดใจ'
'ไม่จริง ต้องมะขามสิ ฉันจิ้นคู่นี้มานาน เป็นณดลได้ไง'
นี่มันอะไรกัน คอมเมนต์ทั้งดีไม่ดี ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่าฉันไปคบกับมะขามตอนไหน ฉันไปชอบพอกับณดลตอนไหน จะเมนต์หมั่นไส้กัดจิกฉันมากไปแล้วแถมยังบรรยายภาพใส่ร้ายฉันสุดๆ คนทั้งโรงเรียนไม่เกลียดฉันไปหมดแล้วหรอ
"ใส่ร้ายกันสุดๆ" ฉันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ ถอนหายใจออกมาแรงๆสองสามครั้ง มองหน้าผู้ชายสี่คนที่อยู่ตรงหน้าอย่างขอความเห็นว่าควรอย่างไรต่อไป เมฆเดินเข้ามาตบบ่าฉันเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำลายกำลังใจไปชั่วพริบตา
"ตอนนี้ศัตรูเต็มโรงเรียนแล้วมั้ง"
"พูดมากน่าไอ้เมฆ"
"ฉันพูดจริงเว้ยไอ้ขาม"
"เจ้าฟ้าเครียดอยู่เว้ย"
"โทษทีว่ะ" เมฆแตะไหล่ฉันทีหนึ่งอย่างขอโทษ "แต่ฉันรักแกนะ" ถ้าเป็นเวลาปกติฉันคงไล่เตะหรือด่ากลับแต่นาทีนี้คำพูดที่เปล่งออกมาจากปากเมฆมันคือการให้กำลังใจการบอกกล่าวว่าฉันยังมีเพื่อนที่ยังรัก และห่วงใย
"ใครทำอะไรแก ฉันไม่ปล่อยแน่" มือแกร่งของไม้ไฟถูกวางบนหัวฉันก่อนจะขยี้ผมให้ยุ่งเหยิงอย่างหลอกล้อ
"คนเกลียด แปลว่าเธอเป็นคนสำคัญที่เขาต้องพูดถึง" ประโยคให้กำลังใจแปลกๆ จากไตรทำเอาฉันยิ้มขำ ก่อนจะถามออกไป
"สำคัญในทางไหนล่ะ"
"แคร์โลกมาก ประสาทกินพอดี"
พอได้ยินแบบนี้ฉันก็ยิ้มได้มากขึ้น ก็จริงตามที่ไตรบอกหากฉันแคร์สายตาของใครต่อใครมากไปคนที่อยู่ไม่สุขก็คือฉันเอง
"แล้วต้องทำยังไงต่อไป"ฉํนถามออกไปพลางขอความเห็นอีกครั้งจากผู้ชายสี่คนที่หวังดีเสมอมา ฉันเลื่อนสายตาไปยังไตร เมฆ ไม้ไฟ และหยุดสายตาลงที่มะขาม ชั่วครู่มะขามก็เอ่ยออกมา
"ทำตัวปกติ เราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เป็นตามที่ใครว่าร้าย" เสียงนุ่มทุ้มแฝงด้วยความห่วงใย และยังคงจับจ้องฉันอย่างไม่ละสายตา "อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าลืมสิ ฉันยังอยู่ทั้งคน" ฉันยิ้มรับกับประโยคนั้น ใช่ฉันยังมีมะขาม ฉันจะต้องกลัวอะไรอีก ในเมื่อที่ผ่านมาฉันมีเขาคอยเคียงข้างเสมอไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์
"ไอ้นี่ ท่าทางอาการหนัก"
"กลัวไอ้ณดลแย่งหรือไงวะ"
"หยอดทุกเม็ด"
"อย่าลืม! ยังมีพวกฉันอีกสามคน"
ฉันขำพรืดออกมาทันทีที่ ไม้ไฟ เมฆ และไตรแขวะมะขามหลังจากที่ประโยคอันชวนให้ใจเต้นแรงแถมยังอบอุ่นของมะขามจบลงและตบท้ายด้วยการยืนยันตัวตนกลัวฉันจะลืมว่าพวกเขาสามคนยังอยู่ตรงนี้และจะอยู่ข้างฉัน
ฉันกับสี่หนุ่มเพิ่งอยู่ห้องเดียวกันตอนเรียนมอปลาย ตอนอยู่มอต้นฉันกับมะขามอยู่คนละห้อง แต่ถึงจะอยู่คนละห้องฉันก็มักมาคอยวนเวียนอยู่มะขามกับอีกสามหนุ่มที่เหลือจนเพื่อนในห้องพากันพลักไสไล่ส่งฉัน คอยพูดจากระแทกแดกดัน อิจฉาบ้าง เนื่องจากสังคมห้องที่ฉันอยู่ค่อนข้างไฮโซมีแต่ลูกคุณหนู หน้าไหว้หลังหลอกใส่กัน อิจฉากัน คุยกันไม่กี่คำก็หาเรื่องมาพูดทับถมกัน ฉันเบื่อการเสแสร้งจึงชอบย้ายสังขารตัวเองมาสิงสถิตอยู่ห้องมะขามในเวลาว่าง ซึ่งสี่หนุ่มและเพื่อนๆในห้องมะขามก็ต้อนรับฉันอย่างดี เป็นสังคมที่มีความจริงใจให้กัน. ฉันเลยสนิทกับห้องนี้มากกว่าห้องของตนเอง ครั้นเมื่อฉันเจอปัญหาหนัก ยัยเยลลี่คุณหนูไฮโซแกล้งขโมยรองเท้าฉันไปซ้อนเพราะความหมั่นไส้ที่ฉันสนิทกับสี่หนุ่มทั้งที่เธอคอยทอดสะพานให้พวกเขามาตลอด สี่หนุ่มรู้เรื่องเข้าก็ช่วยตามหาเพราะไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องผู้หญิงมากแต่จนแล้วจนรอดหายังไงก็ไม่เจอ เจอแต่ซากรองเท้าที่ถูกเผาอยู่สวนเกษตรของโรงเรียน ตอยนั้นฉันโกรธมากอยากจะวิ่งไปกระซากหัวยัยเยลลี่ แต่ด้วยหมั่นไส้และรำคาญผู้หญิงแบบเยลลี่ของไม้ไฟ พวกสี่หนุ่มจึงวางแผนเอาคืนเยลลี่ โดยให้เมฆเป็นตัวหลอกล่อเยลลี่ไปอ่านหนังสือห้องสมุดระหว่างที่สองคนเข้าห้องสมุดไป ไม้ไฟกับมะขามก็แอบขโมยรองเท้าเยลลี่ แล้วเอาอึแมวจากบ้านไตรมาละเลงลงบนรองเท้าเยลลี่โดยมีฉันกับไตรคอยดูต้นทางไหน พอละเลงเสร็จไม้ไฟก็นำไปวางไว้ที่เดิม จากนั้นก็นั้นเราสี่คนก็ดูรอผลงาน เยลลี่ออกมาพร้อมกับเมฆรีบสวมรองเท้าและด้วยความที่เธอคุยกับเมฆอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เท้าสองข้างของเธอก็เหยียบเข้ากับอึแมวเต็มๆ เหตุการณ์นั้นทำเอาเธอเข็ดขยาดกับการกลั่นแกล้งฉันเพราะนอกจากจะเจออึแมวทำพิษจนเธอต้องเดินเท้าเปล่าแล้วมะขามยังพูดจาชวนให้เข้าใจว่าเธอเผารองเท้าฉัน 'เธอไปทำอะไรกับรองเท้าเจ้าฟ้าหรือเปล่า ถึงโดนแมวอึใส่รองเท้าแบบนี้ ว่าแต่เวรกรรมสมัยนี้ตามทันจริงๆ' เธอขายหน้าต่อนักเรียนที่เดินเข้าออกห้องสมุดรวมทั้งถูกมองว่าเป็นคนขโมยรองเท้า ตั้งแต่นั้นมาสี่หนุ่มก็คอยช่วยเหลือฉันตลอดไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม เหมือนทุกอย่างจะดีแต่เปล่าเลย การที่มีสี่หนุ่มคอยช่วยเหลือกลับทำให้เพื่อนในห้องคบฉันน้อยลงจากเดิมที่มีน้อยอยู่แล้ว ก็มีแต่สาวหน้าหวานเด็กเรียนคนหนึ่งที่เป็นมิตรกับฉันแต่เธอก็ดันย้ายไปเรียนต่างจังหวัดจึงทำให้ฉันพยายามสอบเข้าเรียนมอสี่ให้ได้อยู่ห้องเดียวกับมะขามเพราะถ้าหากอยู่คนละห้องฉันอาจจะมีสภาพที่ไม่ต่างจากเดิม
ผลการสอบเข้าเรียนชั้นมอสี่เป็นไปตามที่คาดหวัง ฉันสามารถสอบได้ห้องเดียวกับมะขามและยิ่งโชคดีเมื่อสามหนุ่มที่เหลือก็สอบได้ห้องเดียวกัน พลอยทำให้เราทั้งห้าสนิทกันมากขึ้น ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจึงได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ นานา ไม่ว่าจะถูกด่าว่าโง่ ซื่อบื้อ ไม่สวย ไม่มีความเป็นกุลสตรี ถูกแกล้งบ้างล่ะ ฉันโดนคนเดียวหมด พวกมันเห็นฉันเป็นเหมือนลูกหมาไม่ก็เป็นหมาคอยกันผู้หญิงที่พยายามเข้าหา และแน่นอนว่าเมื่อถูกรุมล้อมไปด้วยผู้ชายหน้าตาดีสี่คนแถมยังคอยกันผู้หญิงให้พวกมัน ฉันจึงพลอยโดนหมั่นไส้ไปตามระเบียบ ในช่วงแรกก็พยายามแก้ตัว ไม่อยากถูกเกลียดแต่สุดท้ายก็ต้องทำใจยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะไม่ว่าจะแก้ตัวยังไงก็ถูกมองว่าเสแสร้ง แต่ใช่ว่าจะมีคนหมั่นไส้อย่างเดียว คนที่เข้าใจและเป็นมิตรกับฉันก็มีโดยเฉพาะเพื่อนห้องมอหกทับสาม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหญิงหรือชายต่างก็คุยกับฉันปกติ ไม่มีอคติใดๆ เพราะต่างก็รู้นิสัยของฉันดี
ฉันจะต้องไปกลัวอะไรในเมื่อยังมีคนที่เข้าใจ. มีเพื่อนคอยฉุดยืนเมื่อยามล้ม แม้เจอสายตาอิจฉาริษยา เสียงซุบซิบตลอดทางเดินเข้าโรงอาหาร ฉันก็ไม่แคร์แถมยังขำกับสิ่งที่ถูกนินทา. เมฆกับไม้ไฟไปซื้อข้าว มะขามไปซื้อน้ำ ส่วนฉันกับไตรมีหน้าที่นั่งเฝ้าโต๊ะ มันเป็นข้อตกลงในกลุ่มทีต้องแบ่งเวรกันรับผิดชอบซื้อข้าวซื้อน้ำ นั่งจองโต๊ะ ระหว่างที่รอไตรก็นั่งกดโทรศัพท์ก่อนจะมีสีหน้าเบื่อโลกอย่างชัดเจนพลางบ่นออกมาเบาๆ
"ไร้สาระ"
"อะไรไร้สาระ"
"เรื่องเธอ" พลางทำหน้าเบื่อโลกเต็มที
"เอ๊?"
"ยัยโง่"
เหมือนโดนค้อนทุบลงหัว มันมึนงงและอึ้ง ก่อนที่จะถามความสงสัยออกไปไตรก็ลุกจากม้านั้งเดินไปรับจานข้าวจากเมฆ แล้วกินอย่างไม่สนใจใคร มะขามวางจานข้าวลงพร้อมกับแก้วน้ำแดงตรงหน้าฉัน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
"กินน้ำสิ" มะขามพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นจ่อที่ปากฉันอย่างพยายามยัดเยียดให้กิน ฉันเลยต้องรีบรับแก้วน้ำมาไว้ก่อนที่มันจะป้อนให้
"เออๆ"
"เร็วๆ" ไม่ว่าเปล่ายังจับมือฉันยกแก้วดื่มอีก ฉันกลืน น้ำแดงลงคออย่างรวดเร็วจนหมดแก้ว มะขามใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วไปมาก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากแก้วแล้วยื่นมาตรงหน้าฉัน มันเป็นชอตโกแลตรูปหัวใจมิน่าล่ะ รสชาติน้ำแดงถึงมีรสซ็อกโกแลต
"อ้าปาก"
"ฉันหรอ"
"อืม แกนั่นแหละ อ้าเร็ว"
"นี่แกจะป้อนรึไง"
"ใช่ ช็อกโกแลตรูปหัวใจแทนความรู้สึกที่ฉันมี" การจู่โจมแบบไม่มีสัญญาณให้ได้เตรียมตัวเตรียมใจทำเอาฉันอ้าปากค้าง มะขามเลยป้อนซ็อกโลแลตเข้าปากฉันได้อย่างง่ายดาย "เคี้ยวสิ" เพียงแค่เผลอสบตาสีดำคู่นี้ น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบทำให้ฉันทำตามที่มะขามบอกอย่างไม่โต้แย้งใดๆ
"เลี่ยนเว้ย"
"โอ๊ย~มดกัด"
"ด้านมาก"
สามหนุ่มเงยพร้อมใจกันร่วมแซวออกมาอย่างรับไม่ได้ ฉันนี่ไปไม่เป็นเลย นิ่งเป็นหิน ลำคอตีบดันพูดไม่ออกเถียงไม่ทัน หน้าร้อนผ่าว คนต้นเหตุก็ลอยหน้าลอยตา ส่งสายวิบวับมาให้อย่างเปิดเผย
"ดูนี่ แล้วจะยิ้มไม่ออก"
"ไรวะ"
ไม้ไฟส่งโทรศัพท์ให้มะขามก่อนจะจัดการข้าวตรงหน้าต่อไป มะขามเลื่อนอ่านข้อความในเพจโรงเรียนอยู่สักครู่แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ไม้ไฟ ก้มหน้าก้มตากินข้าวทีละคำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ไตรก็อีกคนดูโทรศัพท์แล้วด่าฉันโง่ ส่วนไม้ไฟก็พูดจากแปลกๆ มะขามก็อีกคนพออ่านข้อความเสร็จก็ไม่พูดไม่จา ด้วยความสงสัยฉันเลยค่อยๆสะกิดแขนมะขามเบาๆ หนึ่งที สองที สามที มันก็ยังนิ่ง
"ไอ้มะขาม!!!" ฉันตะโกนเรียกมันดังลั่นไปทั่วโรงอาหาร ทุกคนหันมานี้อย่างพร้อมเพรียงกัน สี่หนุ่มตรงหน้าถึงกับผะงักถอยห่างฉัน เอาลูบหูไปมาทั้งยังมองตาเขียวปั๊ด
"อะไรของแก!" มะขามขยับตัวเข้าหาถามเสียงดังกลับคืน
"ฉันสะกิดแกตั้งสามที ยังทำเฉย เลยตะโกนนะสิ แล้วนี่แกเจออะไรในโทรศัพท์ถึงแบบเงียบไป"
"เปล่า"
"ฉันไม่เชื่อ ไม้ไฟเอาโทรศัพท์แกมา" สีหน้ามะขามบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ แล้วอาการนิ่งเงียบยิ่งทำให้ฉันเป็นห่วง รีบแย่งโทรศัพท์ในมือไม้ไฟออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
" เอามานี่"
แควก!
"เฮ้ย! เสื้อฉัน!"
แย่แล้ว ในจังหวะที่ฉันคว้าโทรศัพท์ไม้ไฟตะปบมือฉันไว้ ฉันก็กระซากโทรศัพท์ออกอย่างแรง กระเป๋าเสื้อไม้ไฟขาดติดมือมาด้วย หน้าไม้ไฟตอนนี้คือโกรธมาก มันเอื้อมมือมาหมายจะทำมิดีมิร้ายกับคอฉัน
"ขอโทษ" พลางยกมือไหว้แล้วก้าวขาออกจากม้านั่งเตรียมเผ่นหนี
"ขอดูดีๆก็ได้!" แล้วแกก็พูดดีๆก็ได้อย่าตะโกน
"แกคงไม่ให้" อันที่จริงไม้ไฟอาจจะให้ดูแต่ที่รีบกระชากออกมาเพราะความใจร้อน เป็นห่วงมะขามนี่ล่ะ
"เฮอะ! นี่อย่าบอกนะ...แกห่วงไอ้ขามมากจนขาดสติ ทำเสื้อฉันขาดแบบนี้!!!"
"ใช่...ที่ไหน" เกือบหลุดปากแล้ว สายตาสี่คู่จ้องจะไล่ต้อนให้จนมุมสินะ ฉันไม่ยอมรับง่ายๆหรอกเดี๋ยวพวกนี้มันก็ล้ออีก
"อย่ามาแถ!!!"
"ไม่เนียน!!!"
"ยอบรับเถอะ!!!"
ไม้ไฟ เมฆ ไตร สามคนแพ็คทีมรุมฉัน นี่ขนาดไม่ยอบรับถ้ายอมรับมันจะช่วนกันทำฉันอายขนาดไหน
"แค่บอกยอมรับ มันยากมากนักรึไง" ไอ้มะขามมาเอง เล่นบีบคั้นแกมตัดพ้อทางสายตาอย่างนี้ ฉันอยากหายไปจากตรงนี้ พวกมันทั้งสี่คนจะให้ฉัรยอมรับให้ได้เลยรึไง ไม่มีทางยอมรับ!
"มันก็ไม่ยากหรอก ถ้าเป็นห่วงก็บอกไปแล้ว แต่นี่เพราะอยากรู้ว่ามีอะไรในโทรศัพท์ต่างหาก พวกแกชอบปิดบังฉันเหมือนตอนนั้น. อาจตั้งกลุ่มนินทาฉันก็ได้" บอกไปด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ทำหน้าเศร้า กะพริบตาปิบๆ ใส่หน้าสงสาร ขุดเรื่องที่พวกมันรู้สึกผิดโดยเฉพาะเมฆขึ้นมาอีก และมันก็ได้ผล เมฆหน้าซีดไปทันที เสร็จไปแล้วหนึ่งราย เพิ่งรู้ตัวว่าเก่งเรื่องแถเหมือนกันนะเนี่ย
"แล้วแกจะเอาไงกับเสื้อฉัน". ไม้ไฟมีสีหน้าหมั่นไส้ เบะปากใส่ฉันทีนึง. มันไม่อยากคงต่อปากต่อคำว่าฉันให้มากความ และคงจะสู้มารยาหญิงบวกความตอแหลอย่างหน้าด้านๆ มันเดินมากระซิบที่ข้างหูก่อนเอาจานข้าวไปเก็บ "ไอ้ขามมันหวงแก"
"?"
"ฉันเกลียดแกว่ะ. โง่!"
"เออ ฉันก็เกลียดแก!" พอฉันทำหน้างงมันก็ด่า ด้วยความงงทั้งโมโหเลยออกแรงพลักอกมันจนเซถลาไปข้างหลัง พลางด่ากลับอย่างแค้นใจ มันก็ไม่ถือสาอะไรกลับเดินยิ้ม หัวเราะไปเก็บจานอย่างคนบ้า ใช่พวกสี่คนนี้มันบ้า ฉันเองก็บ้าที่มาเป็นเหยื่อให้พวกมันแสดงความบ้าใส่
"เจ้าฟ้า" มือหนาวางแหมะบนไหล่ฉันก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย "เธอโง่ไม่เปลี่ยนเลย" ไตรชูโทรศัพท์ขึ้นตรงหน้าฉัน ภาพที่ปรากฏบนจอเป็นภาพฉันกับณดลถัดจากภาพลงมาคือบทสัมภาษณ์ณดลที่ทางแอดมินเพจโพสต์ลงไม่ถึงชั่วโมงแต่ยอดไลค์เป็นพัน คอมเมนต์เป็นร้อย
เมก้า :'สวัสดีชาวสหพัฒวิทยาทุกคนนะค้าาาา ตอนนี้เมก้าตื่นเต้นมากเลยค่ะ ที่มีหนุ่มหล่อ ดีกรีท่านประธานโรงเรียนมานั่งอยู่ตรงหน้า อยากจะตะครุบมากิน อุ๊ย มาคุยค่ะ (หุ่นแซบมากค่าา) อ่ะแฮ่มๆ เนื่องจากภาพที่ปรากฏเมื่อช่วงเช้าในเพจโรงเรียน ภาพท่านประธานนักเรียนของเรากับเจ้าฟ้า ขวัญใจสี่หนุ่มรักษ์โลก (สี่หนุ่มหุ่นแซบไม่แพ้กันค่า ขอบอก) ยืนท่ามกลางสวนดอกไม้ขนาดนั้น แถมบรรยายกาศยังโรแมนติก หลายคนสังสัยว่าสองคนนี้มีซัมธิงอะไรกันหรือเปล่า วันนี้เมก้าเลยคว้าตัวประธานณดลมาสอบถาม ขุดเรื่องจริงกัน'
เมก้า :'สวัสดีค่า ประธานณดล' ก้มกราบให้กับความหล่อเหลา ก่อนรีบหลบออร่าที่พุ่งกระชูดมาทะลุเป้าตา
ณดล:'สวัสดีครับ เรียกณดลดีกว่าครับ'
เมก้า :'ได้ค่ะๆ เรียกแบบนี้ดูสนิทสนม เมก้าชอบ' ^^
ณดล:'ครับ'
เมก้า :'เข้าเรื่องเลยนะคะ ณดลคงเห็นภาพที่ตกเป็นข่าวแล้ว'
ณดล:'ครับ'
เมก้า :'รู้สึกยังไงกับข่าวที่เกิดขึ้น'
ณดล:'แปลกใจครับ ไม่คิดว่าจะเป็นข่าวได้'
เมก้า :'แหม คนดังของโรงเรียนต้องเป็นข่าวอยู่แล้วใช่ไหมคะทุกคน'
ณดล:'เพิ่งรู้ว่าผมดังนะครับ รู้สึกเหมือนดารา ฮะๆ'
เมก้า :'ตอนนี้ก็เหมือนดาราแล้วค่าาา. 'ว่าแต่ในภาพณดลให้ดอกไม้เจ้าฟ้าจริงหรือมั่วคะ"
ณดล:'จริงครับ ต้นกุหลาบสี่ส้ม'
เมก้า :'โอ้ว. มายยย ยอมรับอย่างนี้สาวๆคงใจสลาย. หลายคนสงสัยว่าให้กุหลาบสีส้มแอบสื่อความหมายในใจรึเปล่า'
ณดล:'ผมเพิ่งรู้ความหมายหลังจากเห็นข่าว. ที่ให้เพราะต้นไม้มันสวยและดูเหมาะกับเจ้าฟ้า'
เมก้า :'ความสัมพันธ์กับเจ้าฟ้าอยู่ในขึ้นไหน'
ณดล:'ผมกับเจ้าฟ้าเป็นเพื่อนกันครับ'
เมก้า :'เห็นว่าค่อนข้างสนิทสนมกัน'
ณดล:'เราร่วมงานกันบ่อยครับ เธอนิสัยคล้ายผู้ชายแต่ยังมีความเป็นหญิง คุยสนุกครับ อันที่จริงผมสนิทกับสี่หนุ่มด้วยครับ'
เมก้า :'มีโอกาสพัฒนาความความสัมพันธ์กันไหม'
ณดล:'เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ทั้งสองฝ่ายครับ'
เมก้า :'เอ๊? ตอบแบบนี้ ณดลคิดอะไรกับเจ้าฟ้าคะ'
ณดล:'อย่างที่บอกครับตอนนี้เป็นเพื่อน ส่วนอนาคตผมก็ตอบอะไรมากไม่ได้ เพราะผมคิดอะไร กับเจ้าฟ้าแต่เธอไม่คิดแบบผม อนาคตก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมครับ ^^ ถ้าถามว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ผมตอบได้เลยว่ารู้สึกดี'
เมก้า :"อร๊าย เมก้าฟินมากค่า น้ำเสียงและสีหน้าเวลาณดลพูดประโยคเมื้อกี๊มันฟินมาก โอ๊ย~~~ อิจฉาเจ้าฟ้า. เอาเป็นว่าณดลตอบมาแบบนี้ สาวๆคงจินตนาการกันออกนะคะ นาทีนี้บอกเลย เมก้าอยากเป็นเจ้าฟ้ามาก. วันนี้ต้องขอบคุณณดลที่ยอมให้เรามาสัมภาษณ์'
ณดล:'ยินดีครับ'
เมก้า :'เมก้าก็ตัวไปกินน้ำใบบัวบกก่อน. อกหักค่า. ToT.ไว้ พบกันใหม่ค่าทุกคน ฮือๆ~'
เฮ้ย ! อ่านจบฉันก็งงเป็นไก่กาแตกเลยทีเดียว อยู่ๆก็เป็นคงดังของโรงเรียนซะงั้น แค่ณดลให้ดอกไม้เนี่ยนะจะมีคนพากันจินตนาการ จับจิ้นจนยัยเมก้าหัวหน้าชมรมสื่อสิ่งพิมพ์ตามล่าหาความจริงจากณดล. ณดลก็ตอบแบบให้คนเข้าใจผิดๆ อีก ่แฟนคลับทั้งด่า(ฉัน)ทั้งเชียร์บ้าง ทำเอาเสียวสันหลังกันเลยทีเดียว แล้วนี้ฉันต้องคอยวิ่งหลบเท้าพวกนี้ให้เหนื่อยเล่นทั้งที่ตัวเองอยู่เฉยๆ นี้คงเป็นสาเหตุทีทำให้่มะขามกังวล แล้วที่ไตรด่าฉันโง่ก็คงเป็นเรื่องนี้
"อึ้ง ทึ่ง มึนเลยเจ้าฟ้าของฉัน" เมฆก็อีกคนยังมายิ้มแหย่ อย่างสบายอกสบายใจ พูดออกมายังกับเรื่องนี้มันซิวนัก
"ไม่ต้องซ้ำเดิมฉันเลยนะ" โอ๊ย เรื่องเก่ายังไม่หายเรื่องใหม่ก็เข้ามา
"โธ่ จะเครียดทำไม เป็นคนดังดีออก"
"ใครจะไปหน้าด้านหน้าทนแบบแกวะ"
เจอมะขามด่าเข้าให้แต่ใช่ว่าเมฆจะสำนึกกลับค้อมหัวน้อมรับคำด่า
"ขอบคุณที่ชมคร้าบ"
"ด่ายังไม่สำนึก"
"ตามสบายครับ ตามสบาย".
หน๊อย ขนาดโดนไตรว่า เมฆยังไม่สำนึกกลับลอยหน้าลอยยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ เห็นแล้วอยากไล่เตะก้นจริงๆ
ถ้าชอบ อีกช่องทางหนึ่งนะคะ จะลงเร็วกว่า คลิกเลยจ้า ^_^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ