พิมพ์ลิขิตเเอบรัก

-

เขียนโดย Dashathone

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.

  18 ตอน
  2 วิจารณ์
  23.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) หวงก้าง rewrited

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 7

หวงก้าง

                บรรยากาศภายในรถยนต์คันเล็กโดยมีพิมพ์ภัทรเป็นคนขับและธีร์ภพเป็นผู้โดยสารกลับเงียบเชียบ ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากคนตัวโตให้ได้ยินเป็นระยะ บางครั้งเขาก็หันหน้าไปมองวิวข้างหน้าต่างแทน คล้ายกับว่ากำลังมีเรื่องหนักใจสาหัสสากัน อาการทั้งหมดอยู่ในสายตาของคนตัวเล็กตั้งแต่เธอขับเลี้ยวออกมาจากสนามบินแล้ว กระทั่งเข้าสู่ตัวเมืองเพื่อไปยังบ้านของเขา ซึ่งมันนานมากพอที่จะทำให้เธอพลอยรู้สึกอึดอัดไปด้วย แม้จะสั่งสมองว่าจะไม่สนใจห่วงใยเขา แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่ยอมทำตาม คอยหันไปชำเลืองทุกครั้งที่เขาพ่นลมหายใจออกทางปากหยักนั่น อะไรทำให้พี่ธีร์ของเธอต้องหนักใจนักหนา เห็นเขาหน้าบึ้งแล้วยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ อาจเป็นเพราะความเคยชิน เมื่อก่อนเวลาเห็นเขาเป็นทุกข์ เธอก็พลอยเศร้าไปด้วย อยากแบ่งเบาด้วยการนั่งฟังเขาปรับทุกข์บ้าง อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา อยากเห็นเขาหัวเราะร่ามากกว่าหน้าคว่ำอยู่แบบนี้

                “ตรงไปภัทร ยังไม่ถึง” ประโยคแรกของเขาช่างเย็นชาแข็งกระด้าง ทำไม่เธอจะจำทางไปบ้านเขาไม่ได้ เพราะสมัยแอบจีบนั้นเธอชอบขันอาสาไปส่งชายหนุ่มเสมอ ไม่ก็แค่ขับรถผ่านไปนั่งมองประตู้รั้วก็ยังดี พอเห็นเขาเดินออกมาเท่านั้นล่ะ เหยียบคันเร่งแทบไม่ทัน คิดไปแล้วก็ขำนัก ทำไปได้นะยัยภัทรเอ้ย

                “เลี้ยวซ้ายหัวมุมนี่ล่ะ” คำสั่งต่อมาทำให้ความคิดถึงครั้งเก่าของหญิงสาวสะดุดแตกสลายหายไปในอากาศทันที พิมพ์ภัทรจึงส่งค้อนให้หนึ่งทีแล้วหันกลับมาจดจ่อกับการขับรถเหมือนเดิม ไม่ทันได้เห็นริมฝีปากหยักยกยิ้มแล้วหันหน้าเบือนไปนอกกระจกรถอีกครั้ง

                “ถึงแล้ว จอดตรงนี้ล่ะ” ธีร์ภพหันไปสำรวจรอบๆตัวบ้านอย่างพึงพอใจ นายเหมืองเพื่อนรักทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง ไม่ว่าจะการตกแต่งด้านนอก หรือสวนสวยน่าชมนั่นอีกล่ะ อย่างนี้สิถึงเรียกว่ารู้ใจกันดี

                “บ้านใครคะ” คราวนี้คนตัวเล็กอดถามไม่ได้ พยายามสอดส่องจนทั่วแล้ว ก็ไม่เห็นจะใช่บ้านหลังเดียวกับที่เธอเคยไปส่งเขาเมื่อหลายปีก่อน แต่มันอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรกลางเมืองกรุง แต่สไตล์และการตกแต่งเพื่อประโยคใช้สอยทั้งหมดนั้น มันดูทันสมัย สวย ร่มรื่น และน่าอยู่ในขนาดพื้นที่ที่จำกัดแบบนี้ บ้านสองชั้นขนาดกลางตั้งเด่นตระหง่านชวดสะดุดตา การจัดสวนก็ให้ร่มเงาและน่าเอนหลังอ่านหนังสือเป็นที่สุด แถมทุกๆตารางเมตรยังดูใหม่อย่างกับแกะกล่อง ซึ่งต่างจากหลังอื่นๆรายรอบอีกต่างหาก

                “บ้านพี่เองล่ะ เป็นบ้านมือสองที่โครงสร้างยังดีอยู่ แถมทำเลยังสะดวกสบายอีกด้วย เลยตัดสินใจซื้อแล้วให้ปารมีช่วยมาดูแลการรีโนเวทใหม่ทั้งหมด แต่เน้นพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น ลงไปดูก่อนไหมภัทร” ธีร์ภพไขข้อข้องใจให้อีกฝ่าย แต่ไม่วายทันได้เห็นดวงตาสุกใสกลมโตทอประกาย คล้ายได้ของเล่นถูกใจชิ้นใหญ่นั่น พิมพ์ภัทรไม่เคยเปลี่ยน หญิงสาวมักยินดีกับทุกความสำเร็จของเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะลงมือทำอะไรก็ตาม

                “ไม่ดีกว่าค่ะ ภัทรนัดกับแม่ไว้” เปล่า เธอโกหก ไม่ได้นัดใครไว้สักคน ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือมารดา แต่เหตุผลที่แท้จริงก็เพราะ...กลัวความหวั่นไหว เมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดกับเขาเพียงสองต่อสอง เหมือนกับสมัยมหาวิทยาลัย กลัวว่าความรู้สึกเก่าครั้งหลังจะหวนคืนมาพังทลายความตั้งใจที่เธอจะทำต่อจากนี้ต่างหาก

                “ภัทรคบกับปารมีหรือ” ประโยคคำถามคนข้างตัวทำเอาคนฟังถึงกับงงกับการเปลี่ยนเรื่องเร็วราวกับสับสวิตซ์ แถมยังจ้องหน้าเธอตรงๆอีก แทนที่จะไถ่ถามสารทุกข์หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน ดันถามเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แทนซะงั้น

                “พี่มีเขาก็เป็นคนน่ารักดีนะคะ แถมรวยอีกต่างหาก” พิมพ์ภัทรหันไปจ้องหน้าเจ้าของคำถามตรงๆแล้วยิ้มเสียหวานหยดส่งให้ ก่อนจะตอบคำถามคล้ายบอกประชดคล้ายเป็นนัย ว่าเธอกำลังจะเปิดใจรับใครอีกคนที่ไม่ใช่เขาอีกต่อไป

                ใจหาย.....

                นี่คือประโยคเดียวที่ธีร์ภพรับรู้ เป็นไปได้ยังไงว่าน้องน้อยที่คอยภักดีต่องเขามานาน จะหันไปคบคนอื่นเป็นแฟนเสียแล้ว มันให้ความรู้สึกโหวงหวิวอย่างบอกไม่ถูก แล้วเขาจะยอมให้เป็นอย่างนั้นหรือ

ไม่มีทาง!

                “ไอ้มีมันเจ้าชู้ มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเพราะมันรวย” เขาบอกเสียงเรียบคล้ายเตือนเธอ

                “บางทีเขาอาจจะหยุดอยู่ที่ภัทรก็ได้นะคะ” แต่พิมพ์ภัทรกลับตอบลอยหน้าลอยตาไม่ยอมทำตาม

                “พิมพ์ภัทร!”

“พี่เตือนเพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้เสียใจที่หลัง เพื่อนพี่มันก็ไม่ธรรมดา มันมีเงิน เป็นนายเหมืองเต็มตัว ผู้หญิงที่ไหนก็อยากเข้าหา แล้วแบบนี้ภัทรยังอยากเสียใจอยู่อีกรึไง” คราวนี้ชายหนุ่มเรียกชื่อคนร่างเล็กเสียงดังด้วยโกรธจัด พร้อมกับข้ออ้างร้อยแปดบังหน้าความรู้สึกลึกๆในอก

                “ภัทรก็แค่พูดไปตามที่คิด ทำไมต้องเสียงดังด้วย ทำอย่างกับว่าที่ผ่านมาภัทรไม่เคยเสียใจเพราะผู้ชายอย่างนั้นล่ะ หรือไม่จริงคะ” หญิงสาวเองก็ไม่ยอมแพ้ หันมายอกย้อนให้อีกฝ่ายรู้สึกบ้าง เพราะเธอเองก็เคยเจ็บปวดเพราะเขาเอาตำแหน่งน้องสาวที่เขายัดเหยียดให้โดยที่เธอต้องจำยอมมาแล้ว มันจะมีอะไรน่าเจ็บปวดได้เท่านี้อีกเล่า

                “ภัทร พี่......” คล้ายก้อนแข็งๆมาจุกอยู่ที่ลำคอ อึดอัดแต่ก็พูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่าเขาควรจะขอโทษเธอย่างไร จึงจะสาสมกับสิ่งที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องทั้งหมดต้องลงเอยแบบนี้ จึงทำได้เพียงเอื้อมมือหนาไปลูบศีรษะทุยเล็กเบาๆ จ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน อย่างที่คนตรงหน้าก็รับรู้ถึงมันได้ชัดเจน แต่เธอเลือกที่จะเบือนหน้าหนีมองไปกระจกหน้ารถแทน

                “ถึงบ้านแล้ว พี่ธีร์ลงไปเถอะค่ะ ภัทรมีนัดต่อ” เจ้าของรถออกปากไล่เขาตรงๆ เพื่อยุติการทะเลาะให้หยุดลง เธอไม่อยากสร้างความทรงจำแย่ๆ ให้มาลบล้างความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้เขาอีก น่าเสียดายที่มันไม่เป็นผล เพราะทุกความรู้สึกที่บอกว่าเธอ รัก เขานั้น ยังตราตรึงอยู่ทุกซอกมุมของก้นบึ้งในหัวใจเธอเสมอ เพราะเธอไม่เคยคิดที่จะ เลิกรัก เขาได้เลยแม้สักวินาที

                “บางทีภัทรอาจจะลองคบกับพี่มีดู” หญิงสาวปรายตามองแผ่นหลังของเขา ช่างใจครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ

                “ไม่อนุญาต!!!” แต่ทำเอาคนตัวโตถึงกับควันออกหูก้าวลงจากรถ แล้วปิดประตูกระแทกเสียงดังจนผู้เป็นเจ้าของอดสะดุ้งไม่ได้

                เมื่อลับร่างหนาลงจากรถไปแล้ว พิมพ์ภัทรจึงเหยียบคันเร่งออกรถทันที พร้อมๆกับพยายามกลั้นยิ้มไม่ให้หัวเราะออกมากับประโยคสุดท้ายที่เขาทิ้งท้ายไว้ ‘ไม่อนุญาต’ มันหมายความว่ายังไง เขาหวงเธองั้นเหรอ แล้วทำไมต้องหวง ถ้าไม่รู้สึกไม่ได้คิดอะไรด้วย แล้วทำไมต้องทำราวกับหวงก้างเธอด้วยเล่า ยิ่งคิดแก้มใสก็ยิ่งร้อนผ่าวมากขึ้นทุกที เธอชนะยกที่หนึ่ง! ไม่รู้ว่าแบบนี้เขาเรียกว่าการยั่วยวนหรือไม่ แต่มันก็ทำให้เธอเห็นแสงสว่างริบหรี่ที่ปลายทางอุโมงค์ก็แล้วกัน เห็นทีต้องลองถามพี่ปารมีเสียแล้วว่า ‘ยั่วยวน’ ที่เขาหมายถึงนั่นเป็นแบบไหน แต่ที่แน่ๆเธอคิดว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่คงยั่วโมโหเขาไม่น้อย

                “ทางไปสนามบินรถติดมากไหม” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นลอยๆเมื่อเห็นลูกสาวสุดที่รักก้าวเท้าผ่านมุมรับแขก ที่คุณระพีนั่งเอนหลังอ่านหนังสือ เช่นที่ท่านทำอยู่เป็นประจำเมื่อมีเวลาอยู่กับบ้าน

                “พ่อ...” พิมพ์ภัทรหันไปมองตามเสียงทักทายของบิดาอันเป็นที่รัก พ่อเธอมักส่งคนคอยติดตามไปในที่ต่างๆอยู่เสมอโดยไม่ให้รู้ตัว หญิงสาวจึงไม่แปลกใจหากท่านจะรู้ว่าเธอไปไหนทำอะไรกับใครบ้าง

                “อารมณ์ดีแบบนี้แสดงว่าเขาเริ่มเห็นความสำคัญของลูกสาวพ่อแล้วใช่ไหม หืม” คุณระพีลูบศีรษะลูกสาวตัวน้อยในสายตาเขาอย่างรักใคร แววตาคนเป็นพ่อทอดประกายอ่อนโยนทุกครั้งเช่นเคย ส่วนตัวลูกสาวเองก็โอบกอดรอบเอวกลมของคนร่างท่วมราวกับออดอ้อน

                “เมื่อไหร่จะเลิกให้คนติดตามภัทรซะทีละคะ ภัทรโตจนป่านนี้แล้ว” พิมพ์ภัทรถามบิดาไม่จริงจังนัก เพราะรู้ว่าต่อให้เธอแต่งงานมีลูกไปแล้ว ผู้เป็นพ่อก็ยังคงให้คนคอยดูแลสอดส่องปกป้องอันตรายอยู่ห่างๆอยู่ดี

                “ก็พ่อเป็นห่วงลูก ต่อให้แก่กว่านี้ ภัทรก็ยังคงเป็นนางฟ้าตัวน้อยในสายตาพ่อกับแม่เสมอ” คุณระพีตอบลูกสาวพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ

                “ภัทรรู้ค่ะ”

                “ภัทร พ่ออยากบอกอะไรลูกสักอย่าง ไม่ว่าลูกจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน หนักหนาสาหัสเพียงใจ หรือไม่ว่าผู้ชายคนไหนทำให้ลูกเจ็บ ขอให้ลูกรู้ไว้ว่าที่บ้านของเรายังมีผู้ชายแก่ๆ ที่ได้ชื่อว่าพ่ออ้าแขนรอรับลูกกลับมาเสมอ” ถึงประโยคสุดท้ายจากปากบิดาแล้ว น้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยตั้งแต่คำแรกที่ท่านพูดนั้น ทะลักออกมาจากดวงตากลมโตราวกับเขื่อนแตก หญิงสาวไม่สามารถห้ามมันไว้ได้อีกต่อไป เธอมัวทำอะไรอยู่เล่า เอาเวลาที่ควรใช้กับบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งท่านเฝ้าทะนุถนอมด้วยความรักบริสุทธิ์ตั้งแต่เธอเกิดมานั้น ไปให้กับคนที่ไม่เห็นค่าเธออยู่ตั้งนานสองนานได้อย่างไร ต่อแต่นี้ไปเธอจะไม่จมปรักอยู่กับคนคนเดียวเช่นธีร์ภพอีกแล้ว เธอจะต้องมีสติให้มากขึ้น จะได้ไม่ต้องหลงมัวเมาให้กับคำว่า ‘น้องสาวสุดที่รัก’ ที่เขาพยายามยัดเยี้ยดให้เป็นสักที

                “ธีร์/พี่ธีร์/พี่ธีร์” สามสาวที่กำลังเมาท์กันอยากออกรสเรียกชื่อชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในร้านด้วยความแปลกใจโดยพร้อมเพียงกัน รันดา ณธิดาและพิมพ์ภัทร มักจะนัดกันมาเพื่อนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตสาวโสดตลอดสัปดาห์ แต่เหตุใดวันนี้ธีร์ภพจึงมาเซอร์ไพรส์พวกเธอได้ราวกับรู้ล่วงหน้า

                “สวัสดีครับสาวๆ สบายดีกันนะ แล้วเกรซล่ะครับ ไม่ได้เจอกันซะนาน” ธีร์ภพเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ที่เดียว ซึ่งมันเป็นตำแหน่งระหว่างพิมพ์ภัทรและณธิดาเพื่อนรักแบบพอดิบพอดี แม้แต่ความบังเอิญยังจงใจเยาะเย้ยย้ำเตือนให้กับความเจ็บปวดของ ‘น้องสาว’ เช่นเธออย่างนั้นหรือ ส่วนสายตาของเขานั้นไม่ต้องบอกก็รู้ ว่ามันแวววาวเป็นประกายอ่อนโยนเพียงใดยามมองเพื่อนรักของเธอ ในดวงตาคมเข้มตอนนี้แทบไม่มีเค้าเงาของผู้หญิงไร้ความหมายเช่นเธอสักนิด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอเจ็บปวดได้อย่างไรเล่า แต่เธอจะกดมันไว้ให้ลึกสุดหัวใจ จะไม่มีน้ำตาให้เขาได้เห็นความอ่อนแอของเธออีกครั้ง

                “อะแฮ่ม แหมๆ เพื่อนกับน้องสาวสุดที่รักของนายยังอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่คิดจะทักเลยรึไง ไอ้เพื่อนเวร” รันดาเริ่มเห็นเค้าลางความเศร้าโศกบนใบหน้าจิ้มลิ้มของสาวต่างสายเลือดอย่างพิมพ์ภัทรชัดเจนนัก จึงต้องเอ่ยทำลายมันเสียก่อน ไม่งั้นการเมาท์มอยของพวกเธอคงกร่อยชืดแน่ๆ

                “ครับๆ คุณรันดาเพื่อนรักสบายดีนะ เพราะดูจากหุ่นอันน่าฟัดแล้วคงมีคนเลี้ยงดีใช่ไหม” เพราะปารมีเพื่อนรักจอมกวนประสาทมักมาเล่าให้ฟังเสมอๆ ว่าหญิงสาวคนนี้กำลังคั่วหนุ่มตาน้ำข้าวหน้าตาดีคนหนึ่ง ที่สำคัญอายุน้อยกว่าเพื่อนเขาถึงหนึ่งรอบ เล่นเอานายเหมืองหนุ่มกุมขมับกลุ้มใจเลยทีเดียว

                “ใครให้ข่าวกันยะ เขาเด็กกว่าฉันแค่สิบปีเอง หึหึ” รันดาตอบแก้ไขความถูกต้องให้กับเพื่อนชาย พร้อมกับป้องปากหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว

                “ส่วนภัทรน่ะสบายดีอยู่แล้ว เพราะเขาไปรับผมที่สนามบินพร้อมไอ้มีเมื่อวันก่อน” ชายหนุ่มหันมามองใบหน้านวลของพิมพ์ภัทรด้วยสายตาเอ็นดูเช่นเคย ยิ้มในหน้าเพียงไม่นานก็หันไปชำเลืองหญิงสาวที่เขาตั้งใจมาเจอวันนี้แทน ณธิดา ณราวรกาลกุล ยังคงสง่างามน่าทะนุถนอมเช่นเดิม ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันตอนเขายังเรียนอยู่ปีสี่ และเป็นเพียงครั้งเดียวที่ทำให้เขาตกตะลึงกับความสวยทันที ทั้งๆที่เธอแทบไม่ได้คุยกับเขาด้วยซ้ำ แค่ได้มองหน้าสวยหวานอ่อนกว่าวัยนี้ เขาก็แทบจะหยุดหายใจ หากใครจะรู้ว่าสิ่งที่เขาแสดงออกอยู่ตอนนี้ เพียงเพราะต้องการปิดบังความจริงบางอย่างภายในใจ

                “กลับมาทั้งที ธีร์ต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวพวกเรานะ ลาภปากฉันชัดๆ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังไม่รู้ตัว ว่าได้ทำร้ายจิตใจผู้หญิงอีกคนที่แอบรักมานาน รันดาจึงเลือกเบี่ยงเบนความสนใจเป็นเรื่องอื่นแทน เธอคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นลูกผู้หญิงด้วยกันเจ็บปวดเพราะผู้ชายที่ยังไม่รู้หัวใจตัวเองแบบนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสาวสุดรักต่างสายเลือด ซึ่งสนิทสนมรักใคร่กันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

                “ได้สิครับ เดี๋ยวเรียกคู่กัดคุณมาเป็นเจ้ามือด้วย เดี๋ยวนี้มันเป็นนายเหมืองผู้ร่ำรวยไปแล้ว” นายเหมืองที่ธีร์ภพกล่าวถึงก็คือปารมี เพื่อนรักเพื่อนสนิทที่ตอนนี้รับตำแหน่งนายเหมืองต่อจากบิดาทันทีหลังเรียนจบ แถมตอนนี้ก็รวยเข้าขั้นเศรษฐี มีสาวๆดาหน้ามาผูกมิตรอยู่ไม่น้อย

                “งั้นเกรซกับภัทรไปด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” คำชวนออกจากริมฝีปากหนาว่าชวนทั้งสองคนก็จริง แต่เขากลับหันหน้าไปมองสบตาสื่อนัยกับอีกคนแทน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอน้อยใจได้อย่างไร เขามักเป็นแบบนี้เสมอหากไม่ได้อยู่กันแค่สองคนเพียงลำพัง มันน่านัก! ไอ้พี่ธีร์คนใจร้าย!!!

                “เอ่อ ขอโทษค่ะ คือ...เกรซต้องไปธุระกับคุณวินท์น่ะค่ะ คงไปทานข้าวด้วยไม่ได้” ณธิดาเอ่ยขึ้นหลังจากได้รับข้อความจากว่าที่คู่หมั้น เรื่องบิดาฝ่ายชายชวนไปร่วมทานข้าวที่บ้าน

                “งั้น...เอาไว้คราวหน้าก็ได้ครับ ไว้พี่จะมาหาใหม่” แม้วันนี้จะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าสิ้นหวังเสียทีเดียว ครั้งก็ยังมีโอกาส เขาจึงทำได้เพียงมองแผ่นหลังบอบบางที่เดินห่างออกไปด้วยแววตาเสียดายเต็มที คล้ายแกล้งเมินมองไม่เห็นแววตาน้อยใจปนเจ็บปวดของคนที่ยังนั่งอยู่ข้างเขา

                โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าการแสดงออกทั้งหมดที่มีต่อคนที่เพิ่งพ้นประตูร้านนั้น ได้อยู่ในสายตาของพิมพ์ภัทรทุกกิริยา สุดท้ายเธอก็ยังเป็นคนนอกสายตาเขาอยู่ดี ต่อให้เธอทำดีต่อเขาแค่ไหน ห่วงใยเขาแค่ไหน หรือแม้แต่แสดงออกว่ารักอาทรเขามากเท่าไหร่ ผู้ชายที่ชื่อธีร์ภพก็ไม่เคยมองเธอด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ เช่นที่เขากำลังมองเพื่อนรักของเธอเลยสักครั้ง มันคล้ายกับน้ำเกลือเข้มข้นกำลังราดลงบนแผลเดิมที่เหวะหวะอยู่แล้ว ย้ำให้มันเจ็บปวดแสนแสบมากขึ้นในตำแหน่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สิ่งหนึ่งที่เธอโชคดีก็คือการได้มีเพื่อนรักและพี่สาวแสนดีอย่างณธิดาและพิมพ์ภัทร เพราะผู้หญิงสองคนนี้จะอยู่กับเธอเสมอเมื่อต้องการ

                รันดาเอื้อมมือนุ่มมาวางทับตบเบาๆคล้ายให้กำลังใจ ไม่ต่างกับสายตาหวานซึ้งกลมโตของณธิดาที่ส่งมาให้ ก่อนที่หญิงสาวจะหันหลังออกจากร้านไป มันเป็นสัญญาณว่าเธอยังมีพวกหล่อนอยู่ และพร้อมจะยืนเคียงข้างไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไรนับจากนี้

                ธีร์ภพ พิมพ์ภัทรและรันดา ตกลงเลือกร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีลมเย็นพัดเอื่อยๆ อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย เหมาะแก่การสังสรรค์พูดคุยเรื่องความหลังครั้งเก่าระหว่างกันในกลุ่มเพื่อน

                “ไอ้มี ทางนี้” หลังจากสั่งอาหารแก่พนักงานไม่นาน ธีร์ภพก็เห็นปารมีเพื่อนรักยืนชะเง้อคอยาวมองหา ชายหนุ่มจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้เห็น

                “อ้าวน้องภัทร สวัสดีครับคุณรันดา ไม่เจอกันซะนาน น่ารักน่าฟัดขึ้นเยอะเลยนะครับ” ปารมีเอ่ยทักรุ่นน้อง แล้วหันไปหารันดาเพื่อนสนิทสมัยเรียนทันที ชายหนุ่มกวาดตามองรวดเดียวก็อมยิ้มมุมปาก เพราะเขาหาจังหวะอยากเจอหญิงสาวมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาส แต่พอได้เจอกันวันนี้ก็ไม่ผิดหวังนัก แม้อีกฝ่ายจะดูอวบอัดมากขึ้น แต่ก็ยังน่ารักน่าใคร่เหมือนเดิม คิดถึงสมัยก่อนแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งๆที่เขาแสดงออกมากมายว่าแคร์ผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน แต่เจ้าตัวกลับมองไม่เห็น

                “แล้วนายเหมืองปารมีอยากฟัดไหมละคะ ดายังว่างอยู่นะ” รันดาพูดเสียงกลั้วหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกไปอย่างนั้น แต่หารู้ไม่ว่าอีกฉีหฝ่ายยิ้มกว้างแววตาเป็นประกายหยาดเยิ้ม

                “ผมคิดจริงนะ พรุ่งนี้จะให้พ่อมาขอเลย จะขายเหมืองขายแร่เป็นสินสอด ทุ่มหมดตัวเลยเอ้า”

                “อะไร้ อย่าพูดเล่นนะปารมี ฉันเอาจริงนะ อยากเป็นนายหญิงของนายเหมือง” พูดจบก็หัวเราะคิกคล้ายหยอกเย้าเล่นกันพอชุ่มชื่นหัวใจ

                “อะไรวะไอ้มี แกจะจีบดาตั้งแต่อาหารยังไม่มาเลยเหรอวะ เห็นหัวฉันกับภัทรบ้าง จริงไหมภัทร” ธีร์ภพเอ่ยขัดจังหวะเพื่อนรักทั้งสอง เพราะเห็นเอาแต่จีบกันข้ามหน้าข้ามตาเขา ทั้งๆที่เขายังนั่งหัวโด่ตรงนี้ แต่ไม่วายหันไปหาเสียงสนับสนุนกับคนข้างกายด้วย

                “โอ้ย ไอ้เพื่อนยาก มึงน่ะมีของดีอยู่ใกล้มือ ยังทำเป็นมองไม่เห็นเอง แล้วมาว่าพวกกูไม่เห็นหัว ถ้ามึงเปิดตาเบิ่ง เปิดใจยอมรับความจริงเมื่อไหร่ ความสุขมันก็อยู่แค่เอื้อม จะมาอิจฉากูทำหอกอะไร ป่านนี้มีความสุขไปนานแล้ว จริงไหมครับน้องภัทร คุณดา” ปารมีคล้ายเตือนสติเพื่อนรัก แต่เมื่อเห็นอีกเงียบก็ขี้คร้านจะพูดต่อ ปล่อยให้มันเป็นควายกินหญ้าต่อไป เขาไม่เดือดร้อน สงสารก็แต่พิมพ์ภัทร ไม่รู้ไปหลงรักธีร์ภพเข้าไปได้อย่างไร นอกจากหน้าตาหล่อเหลาแล้ว ธีร์ภพก็แค่เด็กเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ สุภาพมาดเนี๊ยบ รู้จักการวางตัวดี และกำลังจะเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง สรุปแล้วยังไงมันก็ดีกว่าเขาอยู่หลายขุม เฮ้อ..

                “เอ่อ ไม่ทราบสิคะ เพราะภัทรไม่ได้กินหญ้าเหมือนพี่ธีร์” พิมพ์ภัทรที่เงียบมานานตอบกลับปารมี ทำให้คนฟังถึงกับอึ้ง

                เงิบ... เจ็บแสบ…

                สองคำนี้แหละบ่งบอกความรู้สึกของคนถูกพาดพิงอย่างธีร์ภพที่สุด ไม่คิดว่าผู้หญิงน่ารักร่าเริงสดใสอย่างพิมพ์ภัทร เวลาโมโหรือโกรธก็ร้ายเป็นเหมือนกัน แต่มันกลับยิ่งทำให้เจ้าของประโยคดูน่ามันเขี้ยวในสายตาเขามากขึ้น

                “หยุดเลยปารมี ผู้ชายรอบจัดแบบนายต้องเจอผู้หญิงปากจัดอย่างฉันนี่ อย่าไปยุ่งกับสองคนนั้น นายธีร์น่ะมันของภัทรตั้งแต่ปีสี่แล้ว นายก็อย่าซื่อบื้อนักนะธีร์ ถ้าวันหนึ่งภัทรเขาจากไปแล้วนายนั่นแหละจะเสียใจ” รันดาเองก็พยายามช่วยเตือนใจชายหนุ่มอีกคน เธอดูออกว่าสองคนนี้รู้สึกลึกซึ้งต่อกันแค่ไหน แต่ฝ่ายชายนี่สิ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ได้ แถมไม่ยอมรับความจริงอีก ว่าหัวใจตัวเองนั้นมีผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์ภัทรอาศัยอยู่นานแล้ว แต่พอเหลือบไปเห็นหน้าตาห่อเหี่ยวไม่สดชื่อนของน้องรักแล้วก็ได้แต่เหนื่อยใจ

                “ผมรอบจัดตรงไหนครับ คุณดา” ปารมีถามหน้าซื่อ ทั้งๆที่รู้ว่ารันดาว่ากระทบเรื่องอะไร

                “ก็เรื่องผู้หญิงไง เจ้าชู้ไม่เลือก ไม่มีหางก็เอาหมด ไม่รู้ฉันคบนายเป็นเพื่อนได้ยังไง”

                “อาหารมาแล้ว น้องภัทรชิมนี่สิครับ” ปารมีทำเป็นเอาใจพิมพ์ภัทรเพื่อแหย่ธีร์ภพให้หึงเล่น และเป็นไปตามคาดเมื่อได้เห็นเพื่อนรักส่งสายตาวาวโรธมาให้จังๆ

                “ภัทรเขาแพ้กุ้ง ลองอันนี้ดีกว่า ของโปรดเราไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยขัดเมื่อเห็นปารมีตักกุ้งตัวเบอเริ่มไปใส่จานหญิงสาว เพราะกลัวว่าถ้าพิมพ์ภัทรเผลอกินเข้าไปอาจจะมีอาการหนักได้

                “เวลาผ่านมานานแล้วค่ะ บางทีภัทรก็เบื่อรสชาติเก่าๆมันจำเจเกินไป” พิมพ์ภัทรพูดขึ้นลอยราวกับไม่ใส่ใจคนฟัง แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดของตัวเองทำให้คนฟังหน้าบึ้งตึงมากขึ้นไปอีก ใครจะไปคิดว่าผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว เขายังจำเรื่องเกี่ยวกับเธอได้อีก แค่นี้หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวก่อนหน้านี้ กลับโป่งพองแทบคับในอก อารมณ์น้อยใจเมื่อช่วงเย็นเริ่มจางหาย เพราะเขาใส่ใจอย่างนี้ไงเล่า เธอถึงถอนตัวจากหลุมพรางไม่ขึ้นเสียที

                “อันนี้ก็อร่อยนะจ้ะน้องภัทร” ปารมีจะตักเมนูอื่นให้พิมพ์ภัทรอีก แต่ก็ถูกขัดขวางด้วยจานเปล่าในมือของรันดามารับไปแทน

                “นี่คุณดา...” ยังไม่ทันได้ต่อว่า อีกฝ่ายก็เรียกชื่อเตือนเสียง

ดังขึ้นเสียก่อน

                “ปารมี!!”

                ต่อจากนั้นก็มีเพียงเสียงพูดคุยกระหนุ่งกระหนิงระหว่างปารมีและรันดาแทน ราวกับเขาทั้งคู่กำลังจีบกันอย่างน่าเอ็นดู ปล่อยให้อีกคู่จมจ่อมอยู่กับเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเอง แต่ต่างกันที่ความรู้สึก พิมพ์ภัทรพร้อมเปิดใจรับเขาเสมอ แต่เขากลับต้องรอเวลา...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา