พิมพ์ลิขิตเเอบรัก

-

เขียนโดย Dashathone

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.

  18 ตอน
  2 วิจารณ์
  23.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) พบกันอีกครั้ง rewrited

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 6

พบกันอีกครั้ง

 

 “พี่ธีร์คะ เอ่อ....คือ....เอ่อ..ภัทร ระ....ระ...” คนตัวเล็กยืนก้มหน้าก้มตาพูดเสียงตะกุกตะกัก มือบางทั้งสองข้างบีบเข้าหากันแน่น จนชื้นเหงื่อทั้งที่อุณหภูมิในบิริเวณนี้เย็นเฉียบ เธอพยายามรวบรวมความกล้าที่จะพูดความในใจทั้งหมดทีมีต่อผู้ชายตรงหน้า ตั้งแต่แรกพบเจอ ยังไงวันนี้เธอต้องบอกให้เขารู้ให้ได้ ก่อนที่ ‘พี่ธีร์’ ของเธอจะบินไปเรียนต่อเมืองนอกอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

            “มีอะไรรึเปล่าภัทร พี่จะไปขึ้นเครื่องแล้วนะ” ชายหนุ่มถามพลางก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง มันบอกเวลาว่าต้องออกเดินทางเสียที หากแต่คนตรงหน้าก็ยังเอาแต่อ้ำอึ้งก้มมองปลายเท้าอยู่อย่างนั้นเอง

            “คือว่า....พี่ธีร์อย่าเกลียดภัทรนะ ความจริงคือ.....ภัทร...ระ....ระ ...รักพี่ธีร์ค่ะ รักตั้งแต่วันแรกที่เราได้รู้จักกัน.....” พิมพ์ภัทรตัดสินใจเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว เธอเลือกแล้วว่าต่อให้ผลจะออกมายังไง เธอก็จะยอมรับมัน

            “ว่าไงนะ! ฮึๆๆๆ พี่ว่าภัทรอาจจะยังไม่รู้จักความรักดีพอหรอก ยังเด็กเกินไป ที่สำคัญคือพี่รู้สึกกับภัทรแค่....น้องสาวเท่านั้น” พูดจบธีร์ภพก็หันหลังลากกระเป๋าใบใหญ่เดินจากไปทันที แม้ในใจจะเต้นกระหน่ำด้วยตื่นเต้นและตื้นตัน แม่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะเหตุผลบางอย่างที่เขาเองก็ไม่อาจยอมรับได้

ภาพแผ่นหลังกว้างเลือนลางห่างไกลออกไป เมื่อหยดน้ำอุ่นเริ่มคลอหน่วยขอบตาล่างของคนสารภาพความในใจ ถูกทิ้งให้ยืนนิ่งเกร็งราวกับถูกสาป ร่างทั้งร่างสั่นเทาตามแรงสะอื้นฮักตามปริมาณน้ำตาที่ไหลรินอาบสองแก้ม ราวกับเขื่อนเก็บน้ำแตกทะลักหลั่งไหลเป็นทางไม่หยุดหย่อน

        สถานที่แห่งนี้และบรรยากาศแบบนี้ยังคงอื้ออึงอยู่ในหูของเธอ ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ทั้งๆที่คำพูดทำร้ายจิตใจของผู้ชายในฝันคนนั้น มันผ่านมาแล้วหลายปีดีดัก แต่ทำไมนะ ทำไมเธอถึงไม่สามารถลบออกจากความรู้สึกได้เสียที ทว่าสิ่งที่เขากล่าวล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ความจริงที่ว่าเธออยู่ในสถานะไหนสำหรับสายตาและหัวใจของเขา

                หญิงสาวร่างเล็กบางกำลังยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่กำลังเดินสวนกันขวักไขว่ในสนามบินระดับประเทศของเมืองไทย จุดที่มีทั้งการพบเจอและลาจากในเวลาเดียวกัน เธอเองก็เป็นเช่นเดียวกัน และวันนี้คือวันที่เธอรู้สึกไม่ต่างกับพวกเขาเหล่านั้นนัก เพราะเธอกำลังจะได้พบเขาอีกครั้ง คนที่เคยจากเธอไปไกลแสนไกลนานหลายปี นับตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง

                “น้องสาวภัทร........” เสียงทุ้มนุ่มสำเนียงใต้เรียกเจ้าของชื่อพร้อมกับทาบมือหนาลงบนไหล่บอบบาง เพื่อให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้า ท่ามกลางเสียงจอแจของผู้คนเดินสวนกันให้วุ่น

                “พี่ปารมี มาได้ยังไงคะ” พิมพ์ภัทรหันไปถามคนเรียกด้วยใบหน้าแช่มชื่น ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันอีกโดยบังเอิญ

                “ไอ้ธีร์มันบอกให้พี่มารับจ้ะ แล้วน้องภัทรล่ะ” ปารมีสำรวจดวงหน้าและบุคลิกของหญิงสาวน่ารักตรงหน้า พิมพ์ภัทรยังคงดูน่าทะนุถนอมเหมือนสมัยก่อนเช่นเดิม เพียงแต่ดู....มาดมั่น นิ่ง และสุขุมจนน่าค้นหามากกว่าแต่ก่อน มันจึงทำให้ผู้หญิงคนนี้ดูมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาคนรอบข้างให้หันมามองได้ไม่ยากนัก

                “เอ่อ ก็คงเหมือนกันมั้งคะ” นึกว่าจะมีแค่เธอคนเดียวเสียอีก ที่เขาบอกข่าวว่าจะกลับมา ที่ไหนได้ เธอมันก็ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ‘คนไม่สำคัญ’ สำหรับเขาอยู่ดี

                “เป็นอะไรไป ทำไมต้องทำหน้าเครียดอย่างนั้น” ปารมีถามพลางลูบศีรษะเล็กทุยเบาๆคล้ายปลอบโยนและเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาว แม้จะไม่ได้สนิทเท่าพี่น้องแท้ๆ แต่เขาก็พอจะดูออกว่าคนตัวเล็กนั้น คิดและรู้สึกอย่างไรต่อเพื่อนรักของเขา เสียดายที่    ธีร์ภพช่างโง่เขลาและไม่สนใจคนที่น่ารักทั้งหน้าตาและนิสัยอย่างคนตรงหน้านี้ มัวแต่หวังลมๆแล้งๆแอบปลื้มผู้หญิงอีกคน มีผลให้อีกคนเจ็บปวดทรมานกับคำว่า 'แอบรัก' มานานหลายปี ตอนแรกที่เขารับรู้ว่าพิมพ์ภัทรสารภาพรักกับเพื่อนยาก เขาแทบไม่เชื่อและคิดว่าเป็นเพียงความลุ่มหลงแอบปลื้มรุ่นพี่ธรรมดา แต่หากเวลาผ่านมาจากเด็กสาวอายุสิบเก้าจนย่างเข้าเลขสามกว่านั้น นับว่าเวลาช่วยพิสูจน์แล้วว่าพิมพ์ภัทรรักและภักดีต่อเพื่อนของเขาเพียงใด เพราะหญิงสาวยังคงพร่ำเพ้อและไม่สามารถตัดเยื่อใยขาดได้ จนกระทั่งมายืนหน้าหมองเคียงข้างเขาอยู่ตรงนี้ เพื่อรอ....ผู้ชายที่แทบไม่เห็นคุณค่าในตัวเธออย่างนั้นหรือ

                “เปล่าค่ะ ภัทรก็แค่นึกว่า...พี่ธีร์จะบอกให้ภัทรมารับเขาแค่คนเดียวเสียอีก” พิมพ์ภัทรดึงมือหนาที่ลูบผมตัวเองลงมา แล้วตบหลังมือเบาๆคล้ายขอบคุณเขา เพราะการกระทำของเขาเมื่อสักครู่นั้นให้ความอบอุ่นเหมือนพี่ชายมากกว่า

                หากแต่คนทั้งคู่กลับไม่ทันได้สังเกตว่าการแสดงออกคล้ายคู่รักกำลังห่วงหาอาทรแนบชิดนั้น ตกอยู่ในสายตาของผู้มาเยือนที่พวกเขามารอรับเข้าเสียแล้ว

                ธีร์ภพเพ่งมองภาพความสนิทสนมระหว่างเพื่อนรักเขาและน้องน้อยสุดที่รักด้วยแววตาเฉยชา แต่ความรู้สึกในหัวใจกลับแปลบปลาบชอบกล ทำให้คิ้วหนาเข้มเลิกสูงขึ้นด้วยความสับสนปนสงสัย ว่าความจริงแล้วเขารู้สึกอย่างไรกับภาพบาดตาตรงหน้ากันแน่

แต่ภาพที่เคลื่อนไหวต่อมากลับเป็นสิ่งที่คนมองไม่ทันได้คาดคิด เมื่อปารมีก้มลงมากระซิบกระซาบบางอย่างข้างใบหูของคนร่างบาง คล้ายกระเซ้าหยอกเอินเล่นดั่งคู่รักพึงกระทำ ยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายเขาร้อนระอุเหมือนจะระเบิด โกรธ หงุดหงิด งุ่นง่าน รำคาญลูกตา ความรู้สึกหลากหลายเหล่านี้เวียนเข้ามาในหัวสมองของว่าที่อาจารย์พิเศษหนุ่ม ราวกับคลื่นพายุลมไต้ฝุ่น มันหมุนเคว้งวนไปวนมา ลากเอาสิ่งซากปะหลักหักพังทั้งหลายแหล่มารวมกันเป็นจุดๆเดียวที่....ก้นบึ้งของหัวใจ

ถ้าหากธีร์ภพมายืนร่วมวงสนทนากับปารมีและพิมพ์ภัทรแล้ว เขาจะได้ยินแค่ประโยคที่ว่า

“ทำไมไม่ลองดูสักตั้งล่ะ” ปารมีก้มลงพูดเสียงเบาใกล้คนร่างเล็ก พร้อมกับเหล่ตามองผู้มาเยือนด้านหลัง ยักคิ้วเข้มข้างเดียวให้กับเพื่อนรักคล้ายทักทายแต่ท้าท้ายอยู่ในที

“คะ...” พิมพ์ภัทรเงยหน้ามองคนกระซิบเป็นเชิงถามอย่างงงงวย ลอง? ปารมีอยากให้เธอลองอะไร แล้วลองกับใคร

“โน่นไง ลองยั่วยวนสักตั้ง ให้มันรู้ไปว่าไอ้ธีร์เป็นพระอิฐพระปูนไม่มีหัวใจ” ปารมีตอบหญิงสาวให้คลายสงสัย พลางพยักพเยิดไปด้านหลังให้หันไปมองตาม

พิมพ์ภัทรหันไปมองตามคนบอก แล้วหัวใจเธอก็แทบหยุดเต้น เมื่อร่างสูงสมาร์ทเดินเข้ามาอยู่ในสายตากลมโต เสียงแผ่วครางชื่อเจ้าตัวอย่างคนละเมอ

“พี่ธีร์....” ไม่เพียงแค่หัวใจเท่านั้นที่เกือบจะวาย แต่แก้มเนียนทั้งสองข้างยังร้อนผ่าวเข้าให้อีก เมื่อนึกถึงคำยุยงของปารมี ‘ลองยั่วยวนสักตั้ง’ บ้า....ใครจะกล้าทำ ก็ถ้าเขาไม่ตอบสนอง แล้วเธอจะไม่หน้าแตกรึไง

“ว่าไง ไอ้เพื่อนยาก” ปารมีเดินเข้าไปกอดคอเพื่อนรักอย่างสนิทสนมเช่นเคย โดยไม่สนสีหน้ามึนตึงของอีกฝ่าย เพราะการกระทำยั่วโมโหของเขา แถมยังหัวเราะร่าราวกับดีใจเสียเต็มประดาที่ได้พบเพื่อนรักอีกครั้ง

“อือ เพลียนิดหน่อย แล้วแกล่ะ ดูล่ำสันภูมิฐานขึ้นเยอะนะ จนผู้หญิงแถวนี้มองกันตาเป็นมันเชียว” ธีร์ภพตอบคำถามปารมีเสียงเนือยๆ แต่ประโยคหลังช่างประชดประชันนั้น กลับปรายตาไปมองคนร่างเล็กคล้ายกวนประสาท

“โอ้ย ไม่ขนาดนั้นหรอกครับว่าที่อาจารย์ เพราะคนแถวนี้ที่ว่าน่ะ เขายังรักปักใจกับคนเดิมอยู่เว้ย จริงไหมครับน้องภัทร” นายเหมืองหน้าเข้มยอกย้อนเพื่อนรักคล้ายเตือนให้คนฟังทางอ้อม แต่ไม่วายหันไปยักคิ้วหลิ่วตากับคนตัวบางเหมือนหยอกล้อ หารู้ไม่ว่ามันยิ่งเป็นการตอกย้ำลึกถึงในทรวง ว่าเธอเป็นพวกผู้หญิงโง่เง่าจมปรักรักเดียวใจเดียวกับความหลังฝังใจครั้งเก่า ซึ่งผ่านมานานมากจนไม่อาจนับ แถมยังไม่ยอมก้าวย่างไปข้างหน้าอีกต่างหาก ทั้งๆที่มันตั้งกี่ปีมาแล้ว เธอควรจะปล่อยผ่านเลยไป แล้วเริ่มต้นใหม่ซะที แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มได้อย่างไร เพราะเธอ...ไม่เคยเปิดใจรับใครสักคนเดียว

“งั้นเหรอคะ ภัทรกลับไม่คิดอย่างนั้นนะคะ เพราะเรื่องเก่าๆนั่นมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ความทรงจำมันช่างเลือนรางจน....เกือบจำไม่ได้ จะเรียกว่ารักเดียวใจเดียวก็คงไม่ถูกหรอกค่ะ จริงไหมคะ” แทนที่พิมพ์ภัทรจะเห็นด้วยกับคำพูดของปารมี เธอกลับเลือกที่จะแสดงอีกด้านออกมา เพื่อปกปิดความเจ็บร้าวในอกมากกว่า เพราะต่อแต่นี้ไปพิมพ์ภัทรผู้ภักดีกับรักแรกควรตายไปจากโลกนี้เสียที เหลือเพียงพิมพ์ภัทรผู้สุขุมคนใหม่เช่นที่นายเหมือนว่าจริงๆ ทำไมเธอไม่ลองยั่วเขาสักตั้งล่ะ แต่ต้องเป็นไปแบบมีแผนนะ นับจากวินาทีนี้ เธอควรเป็นคนใหม่เสียที ถ้าเขาไม่รักแล้วเรื่องอะไรเธอจะต้องสน!

“เอาล่ะ งั้นพี่กลับก่อนนะ ฝากไปส่งไอ้ธีร์ที่บ้านด้วยล่ะ แล้วเจอกันเพื่อน” จบประโยคปารมีหันหลังออกจากวงสนทนาทันที ทิ้งให้ชายหญิงอดีตคนแอบรักยืนมองหน้ากันด้วยอาการกระอักกระอ่วน ไม่รู้จะเริ่มทักทายต่อกันอย่างไรดี จึงจะกลับมาคุ้นเคยเช่นเดิม

“อ้าว เดี๋ยวพี่มี...” หญิงยังพูดไม่จบประโยคทันเห็นแค่คนทิ้งระเบิดหลังไวๆเท่านั้น

“กลับกันเถอะ พี่อยากพักผ่อน” เมื่อไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดคุยกันอย่างไร ธีร์ภพจึงทำเนียนชวนกลับบ้านแล้วหันหลังออกเดินแทน ปล่อยให้คนข้างหลังเบ้ปากใส่ตามอย่างนึกหมั่นไส้ ได้แต่เข่นเขียวอยู่ในใจ ดีแต่สั่งๆ เธอไม่ใช่คนรับใช้ของเขานะ ไอ้พี่ธีร์บ้า...

                   “ว้าย” คนเดินตามชนแผ่นอกเข้าอย่างจัง เมื่อเขาหยุดเดินและหันกลับมากะทันหัน

                “อะไรคะ” พิมพ์ภัทรทำหน้างุนงงกับคนตัวโตที่ยื่นมือแบมาข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร

                “ไม่กลับมาตั้งนาน เดี๋ยวหลง” เขาไม่ปล่อยโอกาสให้เจ้าของมืองงนานนัก เอื้อมมือขวาของตัวเองไปจับมือซ้ายของคนขี้งอนทันที ก่อนจะเอ่ยข้ออ้างแล้วก้าวเดินไปทางออกด้วยรอยยิ้มประดับอยู่ที่มุมปากแทน

                ไม่ต่างกับเจ้าของมือบางนัก ที่ความเกรี้ยวโกรธน้อยใจก่อนหน้านี้ หายวับไปกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศในสนามบินทันที ที่ความอบอุ่นจากมือใหญ่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง จนลามลึกเข้าสู่หัวใจดวงน้อย ให้เต้นกระหน่ำหนักกว่าเดินหลายเท่า หากไม่ได้การนำพาของเขา มีหวังว่าขาทั้งสองข้างของเธอคงได้ล้มพับไปกองกับพื้นให้อายผู้คนแน่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา