สี่อสูรแห่งพาราเกียร์
8.8
เขียนโดย naoza
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.05 น.
2 ตอน
1 วิจารณ์
4,478 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 22.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) กระจกอสูรและทีฟา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หากเอ่ยนาม พาราเกียร์ เหล่าบรรดามนุษย์ผู้แสวงหาความสบาย ความศรีวิไล และมั่งคั่งคงจะสามารถอธิบายได้ว่านามนี้หมายถึงสิ่งใด อาจจะเรียกกันว่าพาราเกียร์คือเมืองแห่งสวรรค์ ฝูงชนมากมายต่างพยายามเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของเมืองพาราเกียร์ เหล่าฝูงชนที่ต่างยังมีความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลง มัวเมาในกิเลสตัณหาไม่จบสิ้น ฝูงชนที่ยังโง่งมอีกนานเพียงเพราะสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้า มิอาจรู้เลยว่าภายใต้ความสุขในเมืองนี้ เบื้องหลังเต็มไปด้วยเลือดและชีวิตมากมายที่ต้องสังเวยเพราะคำสัญญากับอสูรทั้งสี่ ณ พาราเกียร์แห่งนี้
สายฝนโปรยปรายจากท้องฟ้าที่มืดครึ้ม แต่มิได้ทำให้เหล่าผู้คนมากมายที่มารวมตัวกันอย่างหนาแน่นพากันหลบฝนเข้าที่พักหรืออย่างไร สายตานับพันคู่ยังคงจ้องมองไปยังแท่นหินบูชาอันยิ่งใหญ่ที่มีบันไดเรียงรายยาวสูงอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อรอเวลาสำคัญของพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อไปนี้
“ทีฟาลูกแม่” เสียงร่ำไห้ไกลๆจากแท่นหินบูชารำพึงชื่อลูกสาวของเธอด้วยความอาลัยยิ่งนัก นางมารีอากับราเจล มีอา ผู้เป็นสามีประคองกอดกันพากันแอบอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่มองไปยังลูกสาวคนสำคัญของพวกเขาไปยังแท่นหินบูชานั่น “ไปเถอะ” ราเจลชวนภรรยาและดึงมือเธอหลบหายไปอีกด้านหนึ่ง
ทีฟา มีอา คือเด็กสาวที่ถูกเลือกให้เป็นเหยื่อบูชายัญในรอบปีของเมืองพาราเกียร์อันมั่งคั่ง เมืองที่สังเวยชีวิตเด็กสาวหลายต่อหลายชีวิตมามากกว่าร้อยปีเพื่อการดำรงอยู่และชื่อเสียงโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของผู้โชคร้าย และครอบครัวที่ไม่มีสิทธิ์แม้จะคัดค้านกับพิธีกรรมอันแสนโหดร้ายนี้
เด็กสาวผู้โชคร้ายมองไปยังด้านล่างที่มีคนนับพันมารอดูการเสียสละเพื่อบ้านเมืองของเธอด้วยนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มที่ฉายแววหวาดหวั่นระคนสับสน ผมสีดำสนิทของเธอที่ถูกคาดประดับด้วยดอกคาเนชั่นสีขาวบริสุทธิ์นั้นลู่ยาวตามสายฝน เสื้อผ้าพื้นเมืองชุดสวยกระโปรงยาวแนบกับลำตัวเพราะเปียกปอนเผยให้เห็นร่างกายที่กำลังโตเป็นสาว หากแต่โต๊ะบูชาที่เต็มไปด้วยอาหาร และดอกไม้นานาชนิดบดบังร่างบาง ทำให้มีเพียงดวงหน้าแฉล้มของคนกำลังคุกเข่าภาวนาอยู่ด้านหลังปรากฏอยู่เท่านั้น ทีฟาขยับตัวเบือนสายตามองไปยังยอดสุดของแท่นบูชาที่อยู่ด้านหลังเธอ บนนั้นมีกระจกรูปวงรีตั้งพื้นเด่นตระหง่านอยู่
กระจกนั้นล้อมกรอบด้วยทองคำที่สลักลวดลายเป็นภาษาโบราณของพาราเกียร์อย่างสวยงาม แลดูมีมนต์ขลังทำให้ดูน่าหวาดหวั่นในคราวเดียวกัน
ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันทำอะไรผิด? หนียังไงดี? ฉันไม่อยากตาย!
ทีฟารู้สึกไม่ยุติธรรมที่เธอต้องมาตายจากพ่อแม่ไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เธอยังใช้ชีวิตไม่คุ้ม เธอยังไม่ได้รู้จักโลกภายนอกมากกว่าที่เคยรู้จัก และเธอยังไม่เคยมีความรักดั่งเช่นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันหลายๆคน นัยน์ตาที่เคยหวาดหวั่นบัดนี้กลับฉายแววบางอย่างที่ทำให้ มิราเอล นักบวชหัวโล้นเลี่ยนซึ่งเป็นผู้ดำเนินการมองเด็กสาวด้วยความประหลาดใจนัก
“ทำใจได้แล้วหรือ ทีฟา มีอา?” เสียงแหบแห้งถาม
ทีฟาหันมามองเจ้าของเสียงแล้วนิ่งไม่เอ่ยคำใด
“เจ้าควรภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีนี้”นักบวชบอกกับเธอแล้วยิ้มให้
ภูมิใจงั้นเหรอ? ก็เพราะแกไม่ได้จะตายเหมือนฉันไงไอ้โล้น
ทีฟาสบถด่าคนที่พยายามให้เธอรู้สึกดีในใจอย่างเคืองแค้น
จากนั้นเมื่อมิราเอลยกคทาประจำตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงสวดมนต์คาถาบางอย่างดังขึ้น เหล่าผู้คนที่มาร่วมพิธีต่างประสานมือร่วมบริบทกันเซ็งแซ่ ชวนเลือดในกายสาววิ่งพล่านและขนตามแขนจรดขึ้นไปยังศีรษะลุกชันเกินควบคุม
ในขณะที่ทีฟากำลังพรั่นพรึงกับเสียงสวดอันเป็นอันหนึ่งอันเดียว จู่ๆก็มีมือใหญ่มาจับที่ไหล่บางของเธอ พาให้สะดุ้งโหยง เจ้าของมือนั่นส่งสัญญาให้เธอเงียบ ทีฟารู้สึกมีความหวังขึ้นเมื่อเห็นร่างของพี่ชายกำลังย่อตัวให้ต่ำกว่าโต๊ะบูชา นัยน์ตาสีเดียวกันกับเธอมองมาอย่างมุ่งมั่นทำให้เด็กสาวอุ่นใจเป็นทวีคูณ
“พี่ลีโอ”
“ชู่ว...มาทางนี้ทีฟา”
“พี่ขึ้นมาได้ไง?” ทีฟาถามอย่างประหลาดใจ เพราะพี่ชายไม่น่าจะรอดพ้นสายตานับพันคู่ขึ้นมาถึงที่นี่ได้
“เรื่องนั่นไว้ก่อน”ลีโอว่า “มากับพี่” ชายหนุ่มคว้าข้อมือน้องสาว อาศัยช่วงที่ทุกคนกำลังหลับตาตั้งใจสวดคาถาพาทีฟาหนีลงจากแท่นหินบูชา
ลีโอพาทีฟาลัดเลาะป่ายปีนอ้อมมาทางด้านหลัง ซึ่งมีพ่อกับแม่รออยู่แล้ว
“พ่อ แม่” ทีฟาโผเข้ากอดมารีอาผู้เป็นแม่ ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น
“รีบไปเถอะ” ราเจลเร่ง แล้วเดินนำครอบครัวไปยังป่าภูเขาด้านหลัง โดยมีลีโอคอยกันหลังแม่และน้องสาวอีกที
เสียงฮือฮาดังลั่นเข้ามายังในป่าที่ครอบครัวมีอากำลังหาทางหลบหนีแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำลงมามากขึ้น เส้นทางที่ลื่นชันทำให้มารีอาผู้ไม่ชำนาญนักเดินทางลำบากคอยจะล้มจนทำให้ทุกคนช้าไปด้วย ส่วนทีฟาแม้จะเป็นผู้หญิงแต่เธอก็ฝึกหัดเข้าป่าและล่าสัตว์ตามพ่อและพี่ของเธอเสมอ แม้จะโดนผู้เป็นแม่ว่ากล่าวเสมอว่าเป็นหญิงไม่ควรทโมนมากนัก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นประโยชน์ยิ่งในการรักษาชีวิตของเธอ
“โอ๊ย” เสียงร้องดังขึ้นตามด้วยร่างของมารีอาล้มลงไถลไปกับพื้นดิน ลีโอคว้าตัวแม่ไว้ได้แต่ก็ทำให้จังหวะในการหลบหนีชะงัก
“นั่น! พวกมันอยู่นั่น!!” เสียงตะโกนของผู้ชายดังขึ้น พวกทีฟาหันไปมองตามเสียงก็พบว่ามีทหารกลุ่มใหญ่ตามพวกเธอมา
“มันหาเราเจอได้ไง?”
ทีฟาอุทานด้วยความตกใจ แต่ราเจลที่ตั้งสติได้ฉุดแขนลูกสาวให้วิ่งหนีเลาะไปยังต้นไม้ที่เริ่มหนาแน่นขึ้น ตามด้วยลีโอที่ให้แม่กอดคอเขาและประคองกันวิ่งหนีให้พ้น
การหนีที่แสนจะลำบากเริ่มเข้าขั้นเลวร้ายเมื่อทหารนายหนึ่งใช้ธนูยิงมาที่ครอบครัวมีอา และลูกธนูนั้นปักเข้ากลางหลังของมารีอาผู้เป็นแม่
“แม่!” ลีโอตะโกนเรียกมารีอาด้วยความตกใจ เมื่อร่างของแม่ทรุดลงทันที ราเจลและทีฟาหันกลับมองด้วยหัวใจที่หล่นวูบ
“มันโดนธนูพิษแล้ว หนีไม่พ้นแล้ว” เสียงหนึ่งในทหารตะโกนก้อง
มารีอาพยายามใช้กำลังที่ยังพอมีเหลืออยู่ผลักลูกชายให้พาน้องหนีไป
“แม่”
“ลีโอ อย่าให้การกระทำของพวกเราสูญเปล่า” มารีอาบอกกับลีโอที่กำลังร้องไห้ ราเจลวิ่งมากอดภรรยาที่กำลังจะหมดลมหายใจ “ช่วยลูกด้วยนะคะ” มารีอาเอ่ยครั้งสุดท้ายก่อนหมดลมหายใจ
ราเจลกอดภรรยาแน่นกว่าเดิมก่อนจะวางเธอลงอย่างนุ่มนวล แล้วลุกขึ้นชักดาบที่ติดไว้ข้างเอว เผชิญหน้ากับเหล่าทหารที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ลีโอ พาน้องไป” ราเจลเอ่ยด้วยเสียงเด็ดเดี่ยว
“แต่พ่อ...”ลีโอยังคงร้องไห้ ไม่ต่างกับทีฟาที่ร้องไห้โฮซบอกผู้เป็นแม่
“ไม่ได้ยินที่แม่เขาพูดรึไง ไปซะ!” เสียงตวาดทำให้ลีโอได้สติ ฉุดทีฟาให้ลุกขึ้นอย่างแรงและออกวิ่ง เด็กสาวพยายามสะบัดแขนไม่ยอมไป แต่ลีโอก็บังคับกำลังเธออย่างที่สุด
“พี่จะปล่อยพ่อไว้ไม่ได้นะ” ทีฟาตะโกนใส่พี่ชายแล้วทุบแขนที่จับเธอไว้แรงๆหลายต่อหลายครั้ง หันกลับไปมองพ่อตัวเองที่พยายามสู้กับทหารอย่างไม่หวั่นเกรง แต่ราเจลก็เสียท่าให้กับทหารหลายนายจนร่างกำยำที่ทีฟาไม่เคยคิดว่าพ่อจะแพ้ใครได้ล้มลง เหล่าทหารเหยียบย่ำอย่างไม่แยแส
ร่างบางแทบทรุดเมื่อเห็นวาระสุดท้ายของพ่อกับแม่จบลงอย่างไร้ค่า พวกนั้นทำกับครอบครัวเธอราวกับเป็นเศษขยะ เพียงเพราะต้องการเธอไปทำพิธีบ้าบอนั่นเท่านั้น ลีโอบีบแขนน้องสาวแน่นด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน แต่เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถช่วยทีฟาได้ตามเจตนาที่พ่อแม่ตั้งไว้
เหล่าทหารเข้ามาใกล้เต็มทน แต่ไม่กล้าที่จะยิงธนูอีกครั้งเพราะกลัวว่าจะทำให้ทีฟาได้รับบาดเจ็บ “ไม่มีเวลาแล้ว จับมัน” เสียงของทหารดังไล่มาเรื่อย
แม้จะพยายามหนีเท่าไร สุดท้ายแล้วลีโอก็ไม่สามารถพาทีฟาหนีจากทหารที่ได้รับการฝึกฝนเรื่องการรบมาอย่างดีได้ เขาและทีฟาถูกจับกุมตัวไปยังแท่นหินบูชาอีกครั้ง โดยทหารจับเขาแยกจากน้องสาว จับเขามัดมือมัดเท้าไว้กับเสาไม้ด้านล่างที่สามารถมองเห็นพิธีได้ชัดเจน
ทีฟาถูกกระชากขึ่นไปตามขั้นบันไดที่เย็นเฉียบเพราะสายฝน ร่างบางเดินไปยังจุดสูงสุดของแท่นหินบูชาที่มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ ทีฟามองสภาพตัวเองในกระจกผมเผ้าของเธอรุงรังดอกคาเนชั่นที่เคยประดับสวยมีเลือดเปื้อนติดอยู่ เสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยดินโคลนเต็มไปทั่วร่าง
“อะไรคือความปรารถนาของเจ้าครั้งสุดท้าย?” มิราเอลเอ่ยถามเด็กสาว ในมือทั้ง 2 ข้างของเขามีหมอนสีขาวบนนั้นมีกริชเพชรด้ามทำด้วยมุกขาวอัญมณีหลากสีเรียงเป็นเม็ดอย่างสวยงาม
“ปล่อยฉันกับพี่ชายซะ ไอ้พวกอำมหิต”
ทีฟาตะโกนก้องเรียกเสียงฮือฮาและด่าทออื้ออึงเซ็งแซ่ ชาวบ้านหันไปขว้างหินขว้างดินใส่ลีโอที่ถูกมัดไว้อย่างเคียดแค้น
“หยุด! หยุดนะ!” เด็กสาวตะโกนห้ามจนเสียงแหบแห้ง “พอได้แล้ว อย่าทำให้พี่ลีโอเลย ฉันยอมทุกอย่างแล้ว ปล่อยพี่ไปเถอะ”เธอหันมาอ้อนวอนมิราเอล
นักบวชวัยกลางคนยิ้มรับแต่นัยน์ตาสีเทานั้นไม่ได้ยิ้มด้วย ยกมืออูมๆขั้นเหนือศีรษะส่งสัญญาณห้าม ทหารตะโกนบอกชาวบ้าน การขว้างปาจึงหยุดลง
“ทีฟา มีอา เพราะเหตุใดจึงเป็นอย่างนี้ ตัวเจ้าเองรู้ดี หากเจ้าไม่หนีไม่ดื้อรั้น ครอบครัวเจ้าคงจะไม่ได้พบกับจุดจบเช่นนี้” มิราเอลวางหมอนสีขาวไว้ที่โต๊ะข้างๆกระจกผายมือเป็นเชิงให้เธอหยิบขึ้นมา “เพราะความเห็นแก่ตัวของเจ้าแท้ๆ ความจริงแล้วเจ้าก็เห็นว่าครอบครัวผู้เสียสละอยู่กันสบายแค่ไหน”
“การเสียสละเพื่อทุกคน ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะ” ทีฟากัดฟันเอ่ย แล้วมองไปยังกรีชเพชร “ความปรารถนาของฉันครั้งสุดท้ายคือการปล่อยพี่ชายของฉัน ให้เขามีชีวิตอยู่ไม่โดนทำร้ายหรือฆ่าทีหลัง”
“แน่นอนสาวน้อย เราจะทำตามที่เจ้าขอ” มิราเอลรับปาก
“งั้นปล่อยก่อนสิ” ทีฟาต่อรอง แล้วหยิบกริชขึ้นมา หงายข้อมือขึ้นแล้วจรดกรีชลงไปเลือดสีสดซึมออกมาตามบาดแผล
นักบวชหันไปบอกกับทหารนายหนึ่ง จากนั้นคำสั่งก็ถูกส่งไปยังลีโอ เขาได้รับการปลดปล่อยแต่ไม่ยอมไปไหน ทีฟามองหน้าพี่ชายนิ่ง ถึงแม้จะไกลกันแต่สายตาและความหมายก็สามารถส่งถึงกันด้วยสายใยของความเป็นพี่น้อง ลีโอกัดฟันแน่นแล้วสะบัดหน้าหมุนร่างสูงของตนหนีไปจากตรงนั้น ทีฟายิ้มอย่างพอใจ แล้วหันมาที่กระจกต่อ
“เอาเลือดของเจ้าทาไปที่กรอบกระจกก่อน” มิราเอลสั่ง ทีฟาจะทำตามแต่เธอกลับชะงัก
“แค่ทาแค่นี้ต้องฆ่ากันด้วยเหรอ?”
“เจ้ามีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไปเถอะ อย่าถามมากนัก” นักบวชหัวโล้นเริ่มหงุดหงิด ทีฟาหรี่ตามองอย่างยั่วอารมณ์
“ก็อยากรู้นี่ ไหนๆก็จะตายแล้วบอกให้รู้ก่อนไม่ได้รึยังไง?”
มิราเอลถอนหายใจแล้วยอมบอก “เลือดที่ทาที่กรอบกระจกคือการปลุกให้สี่อสูรรับรู้ จากนั้นเจ้าต้องเชือดคอตัวเองแล้วพวกทหารก็จะรองเลือดเจ้าจดหมดตัวเพื่อทาไปยังกระจกให้เต็มไม่มีพื้นที่ว่าง แล้วสี่อสูรก็จะได้รับเครื่องสังเวยอย่างสมบูรณ์”
“หมายความว่าในกระจกนี้มีสี่อสูร?”
“ใช่”
“เป็นถึงสี่อสูรทำไหมถึงโดนขังอยู่ในนี้?” ทีฟามองมิราเอลที่พยายามข่มอารมณ์ “แล้วฝนตกอย่างนี้แล้วจะทาได้ทั่วหรอ?” สาวน้อยยังคงตั้งทำถามแม้จะรู้สึกเสียวๆที่คอตัวเอง นึกไม่ออกว่าตัวเองจะกล้าเชือดคออย่างที่ได้รับคำสั่งหรือเปล่า
“ไม่มีเวลาแล้ว เลิกถ่วงเวลาได้แล้ว ทีฟา มีอา” มิราเอลดุทั้งเสียงและสายตา
เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วกดปลายกริชให้ลึกขึ้นลากผ่านข้อมือ เลือดสาวไหลออกตามทางปากแผล จากนั้นทีฟาใช้มือข้างที่ถือกริชลูบเลือดตัวเองทาไปยังกรอบกระจก แล้วพบว่าเลือดกำลังซึมหายไปไม่ทิ้งรอยไว้
“เป็นไปได้ไง?” ทีฟาอุทานอย่างลืมเจ็บ เมื่อทารอบกรอบแล้วที่กระจกก็มีแสงสีขาวจ้าสะท้อนอกมา จนเธอต้องยกหลังมือมาบังแสงที่ตาไว้
“เชือดคอตัวเองซะ” มิราเอลสั่ง “ก่อนที่แสงจะหายไป”
ใครจะทำได้
ทีฟาแย้งในใจ และไม่ยอมทำตามที่มิราเอลสั่งเสียที จนแสงเริ่มค่อยๆหรี่ลง มิราเอลตกใจรีบสั่งทหารให้จับตัวทีฟาเพื่อจะลงมือเชือดคอของเธอเอง สาวน้อยขัดขืนจนตัวเองเซไปยังกระจก
“ระวังอย่าให้กระจกแตก” นักบวชร้องลั่น เหล่าทหารพากันจับเธอย่างเก้ๆกังๆ เพราะกลัวทีฟาล้มไปทำกระจกแตกจริงๆ
สมองของเด็กสาวสั่งการโดยทันใดเมื่อรู้ว่ากระจกนั่นมีสี่อสูรอยู่ หากเธอทำลายมัน พวกอสูรอาจจะออกมาแล้วพากันตายไปทั้งเมือง นั่นแหละคือสิ่งที่เธอเองต้องการ
ร่างบางล้มลงใส่กระจกอย่างแรงจนเป็นรอยร้าว มือเล็กที่กำกริชเพชรไว้เงื้อสุดแขนจ้วงแทงลงไปที่กระจกแล้วกรีดยาวหลายต่อหลายครั้ง จนเนื้อกระจกเริ่มกะเทาะออก ทีฟาใช้มือแกะออกโดยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร
“ทำบ้าอะไรของเจ้า”มิราเอลตวาดลั่น ส่วนทหารไม่กล้าเข้าใกล้ทีฟาได้แต่มองเธออย่างกลัวๆเมื่อมือนั้นชุ่มด้วยเลือด
เหตุการณ์ตึงเครียดจนไม่สามารถทำอะไรได้อีก จู่ๆก็มีลมปะทะเข้ากับร่างบางเข้าอย่างจัง เสียงหัวเราะดังลั่นก้องไปทั่ว นกที่หลบฝนต่างพากันกระพือปีกหนีออกอย่างไม่คิดชีวิต ปฐพีสั่นไหวและบังเกิดแสงสว่างรอบตัวทีฟาสร้างความตกใจให้กับทุกคนโดยเฉพาะคนต้นเรื่อง
แสงนั้นห่อหุ้มร่างของเด็กสาว ก่อนจะพุ่งทยานสู่ท้องฟ้าพาร่างบางหายวับไปในบัดดล
ทีฟารู้สึกว่าตัวเองถูกกระชากอย่างแรง สติเริ่มลางเลือนเพราะเสียเลือดมากภาวนาขอให้พี่ชายหนีไปได้ก่อนที่ทหารจะตามเจอ
“ลีโอ...” แล้วสติของเธอก็ดับวูบไป
“แล้วจะทำเช่นไรกันล่ะพวกเรา?”
“เจ้าเป็นคนพานางมาเอง ก็หาวิธีเอาล่ะกัน”
“อย่างน้อยก็ต้องรักษานางก่อน”
“อย่ามาสั่งข้าด้วยลมปากเปล่าของเจ้านะ”
“งั้นปล่อยให้ตายไปสิ ยุ่งยากจริง”
“ถ้าปล่อยให้ตายได้ล่ะนะ”
“หมายความอย่างไร?”
“ยุ่งยากชะมัดเลย อุตส่าห์นึกว่าได้เป็นอิสระแล้วแท้ๆ”
ร่างของทีฟาที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดถูกวางนอนไว้บนมอสใหญ่สีเทากลางป่าใหญ่ โดยมีใครอีกสี่คนกำลังสนทนาเรื่องเธออยู่ใกล้ๆ
สายฝนโปรยปรายจากท้องฟ้าที่มืดครึ้ม แต่มิได้ทำให้เหล่าผู้คนมากมายที่มารวมตัวกันอย่างหนาแน่นพากันหลบฝนเข้าที่พักหรืออย่างไร สายตานับพันคู่ยังคงจ้องมองไปยังแท่นหินบูชาอันยิ่งใหญ่ที่มีบันไดเรียงรายยาวสูงอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อรอเวลาสำคัญของพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อไปนี้
“ทีฟาลูกแม่” เสียงร่ำไห้ไกลๆจากแท่นหินบูชารำพึงชื่อลูกสาวของเธอด้วยความอาลัยยิ่งนัก นางมารีอากับราเจล มีอา ผู้เป็นสามีประคองกอดกันพากันแอบอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่มองไปยังลูกสาวคนสำคัญของพวกเขาไปยังแท่นหินบูชานั่น “ไปเถอะ” ราเจลชวนภรรยาและดึงมือเธอหลบหายไปอีกด้านหนึ่ง
ทีฟา มีอา คือเด็กสาวที่ถูกเลือกให้เป็นเหยื่อบูชายัญในรอบปีของเมืองพาราเกียร์อันมั่งคั่ง เมืองที่สังเวยชีวิตเด็กสาวหลายต่อหลายชีวิตมามากกว่าร้อยปีเพื่อการดำรงอยู่และชื่อเสียงโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของผู้โชคร้าย และครอบครัวที่ไม่มีสิทธิ์แม้จะคัดค้านกับพิธีกรรมอันแสนโหดร้ายนี้
เด็กสาวผู้โชคร้ายมองไปยังด้านล่างที่มีคนนับพันมารอดูการเสียสละเพื่อบ้านเมืองของเธอด้วยนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มที่ฉายแววหวาดหวั่นระคนสับสน ผมสีดำสนิทของเธอที่ถูกคาดประดับด้วยดอกคาเนชั่นสีขาวบริสุทธิ์นั้นลู่ยาวตามสายฝน เสื้อผ้าพื้นเมืองชุดสวยกระโปรงยาวแนบกับลำตัวเพราะเปียกปอนเผยให้เห็นร่างกายที่กำลังโตเป็นสาว หากแต่โต๊ะบูชาที่เต็มไปด้วยอาหาร และดอกไม้นานาชนิดบดบังร่างบาง ทำให้มีเพียงดวงหน้าแฉล้มของคนกำลังคุกเข่าภาวนาอยู่ด้านหลังปรากฏอยู่เท่านั้น ทีฟาขยับตัวเบือนสายตามองไปยังยอดสุดของแท่นบูชาที่อยู่ด้านหลังเธอ บนนั้นมีกระจกรูปวงรีตั้งพื้นเด่นตระหง่านอยู่
กระจกนั้นล้อมกรอบด้วยทองคำที่สลักลวดลายเป็นภาษาโบราณของพาราเกียร์อย่างสวยงาม แลดูมีมนต์ขลังทำให้ดูน่าหวาดหวั่นในคราวเดียวกัน
ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันทำอะไรผิด? หนียังไงดี? ฉันไม่อยากตาย!
ทีฟารู้สึกไม่ยุติธรรมที่เธอต้องมาตายจากพ่อแม่ไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เธอยังใช้ชีวิตไม่คุ้ม เธอยังไม่ได้รู้จักโลกภายนอกมากกว่าที่เคยรู้จัก และเธอยังไม่เคยมีความรักดั่งเช่นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันหลายๆคน นัยน์ตาที่เคยหวาดหวั่นบัดนี้กลับฉายแววบางอย่างที่ทำให้ มิราเอล นักบวชหัวโล้นเลี่ยนซึ่งเป็นผู้ดำเนินการมองเด็กสาวด้วยความประหลาดใจนัก
“ทำใจได้แล้วหรือ ทีฟา มีอา?” เสียงแหบแห้งถาม
ทีฟาหันมามองเจ้าของเสียงแล้วนิ่งไม่เอ่ยคำใด
“เจ้าควรภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีนี้”นักบวชบอกกับเธอแล้วยิ้มให้
ภูมิใจงั้นเหรอ? ก็เพราะแกไม่ได้จะตายเหมือนฉันไงไอ้โล้น
ทีฟาสบถด่าคนที่พยายามให้เธอรู้สึกดีในใจอย่างเคืองแค้น
จากนั้นเมื่อมิราเอลยกคทาประจำตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงสวดมนต์คาถาบางอย่างดังขึ้น เหล่าผู้คนที่มาร่วมพิธีต่างประสานมือร่วมบริบทกันเซ็งแซ่ ชวนเลือดในกายสาววิ่งพล่านและขนตามแขนจรดขึ้นไปยังศีรษะลุกชันเกินควบคุม
ในขณะที่ทีฟากำลังพรั่นพรึงกับเสียงสวดอันเป็นอันหนึ่งอันเดียว จู่ๆก็มีมือใหญ่มาจับที่ไหล่บางของเธอ พาให้สะดุ้งโหยง เจ้าของมือนั่นส่งสัญญาให้เธอเงียบ ทีฟารู้สึกมีความหวังขึ้นเมื่อเห็นร่างของพี่ชายกำลังย่อตัวให้ต่ำกว่าโต๊ะบูชา นัยน์ตาสีเดียวกันกับเธอมองมาอย่างมุ่งมั่นทำให้เด็กสาวอุ่นใจเป็นทวีคูณ
“พี่ลีโอ”
“ชู่ว...มาทางนี้ทีฟา”
“พี่ขึ้นมาได้ไง?” ทีฟาถามอย่างประหลาดใจ เพราะพี่ชายไม่น่าจะรอดพ้นสายตานับพันคู่ขึ้นมาถึงที่นี่ได้
“เรื่องนั่นไว้ก่อน”ลีโอว่า “มากับพี่” ชายหนุ่มคว้าข้อมือน้องสาว อาศัยช่วงที่ทุกคนกำลังหลับตาตั้งใจสวดคาถาพาทีฟาหนีลงจากแท่นหินบูชา
ลีโอพาทีฟาลัดเลาะป่ายปีนอ้อมมาทางด้านหลัง ซึ่งมีพ่อกับแม่รออยู่แล้ว
“พ่อ แม่” ทีฟาโผเข้ากอดมารีอาผู้เป็นแม่ ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น
“รีบไปเถอะ” ราเจลเร่ง แล้วเดินนำครอบครัวไปยังป่าภูเขาด้านหลัง โดยมีลีโอคอยกันหลังแม่และน้องสาวอีกที
เสียงฮือฮาดังลั่นเข้ามายังในป่าที่ครอบครัวมีอากำลังหาทางหลบหนีแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำลงมามากขึ้น เส้นทางที่ลื่นชันทำให้มารีอาผู้ไม่ชำนาญนักเดินทางลำบากคอยจะล้มจนทำให้ทุกคนช้าไปด้วย ส่วนทีฟาแม้จะเป็นผู้หญิงแต่เธอก็ฝึกหัดเข้าป่าและล่าสัตว์ตามพ่อและพี่ของเธอเสมอ แม้จะโดนผู้เป็นแม่ว่ากล่าวเสมอว่าเป็นหญิงไม่ควรทโมนมากนัก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นประโยชน์ยิ่งในการรักษาชีวิตของเธอ
“โอ๊ย” เสียงร้องดังขึ้นตามด้วยร่างของมารีอาล้มลงไถลไปกับพื้นดิน ลีโอคว้าตัวแม่ไว้ได้แต่ก็ทำให้จังหวะในการหลบหนีชะงัก
“นั่น! พวกมันอยู่นั่น!!” เสียงตะโกนของผู้ชายดังขึ้น พวกทีฟาหันไปมองตามเสียงก็พบว่ามีทหารกลุ่มใหญ่ตามพวกเธอมา
“มันหาเราเจอได้ไง?”
ทีฟาอุทานด้วยความตกใจ แต่ราเจลที่ตั้งสติได้ฉุดแขนลูกสาวให้วิ่งหนีเลาะไปยังต้นไม้ที่เริ่มหนาแน่นขึ้น ตามด้วยลีโอที่ให้แม่กอดคอเขาและประคองกันวิ่งหนีให้พ้น
การหนีที่แสนจะลำบากเริ่มเข้าขั้นเลวร้ายเมื่อทหารนายหนึ่งใช้ธนูยิงมาที่ครอบครัวมีอา และลูกธนูนั้นปักเข้ากลางหลังของมารีอาผู้เป็นแม่
“แม่!” ลีโอตะโกนเรียกมารีอาด้วยความตกใจ เมื่อร่างของแม่ทรุดลงทันที ราเจลและทีฟาหันกลับมองด้วยหัวใจที่หล่นวูบ
“มันโดนธนูพิษแล้ว หนีไม่พ้นแล้ว” เสียงหนึ่งในทหารตะโกนก้อง
มารีอาพยายามใช้กำลังที่ยังพอมีเหลืออยู่ผลักลูกชายให้พาน้องหนีไป
“แม่”
“ลีโอ อย่าให้การกระทำของพวกเราสูญเปล่า” มารีอาบอกกับลีโอที่กำลังร้องไห้ ราเจลวิ่งมากอดภรรยาที่กำลังจะหมดลมหายใจ “ช่วยลูกด้วยนะคะ” มารีอาเอ่ยครั้งสุดท้ายก่อนหมดลมหายใจ
ราเจลกอดภรรยาแน่นกว่าเดิมก่อนจะวางเธอลงอย่างนุ่มนวล แล้วลุกขึ้นชักดาบที่ติดไว้ข้างเอว เผชิญหน้ากับเหล่าทหารที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ลีโอ พาน้องไป” ราเจลเอ่ยด้วยเสียงเด็ดเดี่ยว
“แต่พ่อ...”ลีโอยังคงร้องไห้ ไม่ต่างกับทีฟาที่ร้องไห้โฮซบอกผู้เป็นแม่
“ไม่ได้ยินที่แม่เขาพูดรึไง ไปซะ!” เสียงตวาดทำให้ลีโอได้สติ ฉุดทีฟาให้ลุกขึ้นอย่างแรงและออกวิ่ง เด็กสาวพยายามสะบัดแขนไม่ยอมไป แต่ลีโอก็บังคับกำลังเธออย่างที่สุด
“พี่จะปล่อยพ่อไว้ไม่ได้นะ” ทีฟาตะโกนใส่พี่ชายแล้วทุบแขนที่จับเธอไว้แรงๆหลายต่อหลายครั้ง หันกลับไปมองพ่อตัวเองที่พยายามสู้กับทหารอย่างไม่หวั่นเกรง แต่ราเจลก็เสียท่าให้กับทหารหลายนายจนร่างกำยำที่ทีฟาไม่เคยคิดว่าพ่อจะแพ้ใครได้ล้มลง เหล่าทหารเหยียบย่ำอย่างไม่แยแส
ร่างบางแทบทรุดเมื่อเห็นวาระสุดท้ายของพ่อกับแม่จบลงอย่างไร้ค่า พวกนั้นทำกับครอบครัวเธอราวกับเป็นเศษขยะ เพียงเพราะต้องการเธอไปทำพิธีบ้าบอนั่นเท่านั้น ลีโอบีบแขนน้องสาวแน่นด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน แต่เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถช่วยทีฟาได้ตามเจตนาที่พ่อแม่ตั้งไว้
เหล่าทหารเข้ามาใกล้เต็มทน แต่ไม่กล้าที่จะยิงธนูอีกครั้งเพราะกลัวว่าจะทำให้ทีฟาได้รับบาดเจ็บ “ไม่มีเวลาแล้ว จับมัน” เสียงของทหารดังไล่มาเรื่อย
แม้จะพยายามหนีเท่าไร สุดท้ายแล้วลีโอก็ไม่สามารถพาทีฟาหนีจากทหารที่ได้รับการฝึกฝนเรื่องการรบมาอย่างดีได้ เขาและทีฟาถูกจับกุมตัวไปยังแท่นหินบูชาอีกครั้ง โดยทหารจับเขาแยกจากน้องสาว จับเขามัดมือมัดเท้าไว้กับเสาไม้ด้านล่างที่สามารถมองเห็นพิธีได้ชัดเจน
ทีฟาถูกกระชากขึ่นไปตามขั้นบันไดที่เย็นเฉียบเพราะสายฝน ร่างบางเดินไปยังจุดสูงสุดของแท่นหินบูชาที่มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ ทีฟามองสภาพตัวเองในกระจกผมเผ้าของเธอรุงรังดอกคาเนชั่นที่เคยประดับสวยมีเลือดเปื้อนติดอยู่ เสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยดินโคลนเต็มไปทั่วร่าง
“อะไรคือความปรารถนาของเจ้าครั้งสุดท้าย?” มิราเอลเอ่ยถามเด็กสาว ในมือทั้ง 2 ข้างของเขามีหมอนสีขาวบนนั้นมีกริชเพชรด้ามทำด้วยมุกขาวอัญมณีหลากสีเรียงเป็นเม็ดอย่างสวยงาม
“ปล่อยฉันกับพี่ชายซะ ไอ้พวกอำมหิต”
ทีฟาตะโกนก้องเรียกเสียงฮือฮาและด่าทออื้ออึงเซ็งแซ่ ชาวบ้านหันไปขว้างหินขว้างดินใส่ลีโอที่ถูกมัดไว้อย่างเคียดแค้น
“หยุด! หยุดนะ!” เด็กสาวตะโกนห้ามจนเสียงแหบแห้ง “พอได้แล้ว อย่าทำให้พี่ลีโอเลย ฉันยอมทุกอย่างแล้ว ปล่อยพี่ไปเถอะ”เธอหันมาอ้อนวอนมิราเอล
นักบวชวัยกลางคนยิ้มรับแต่นัยน์ตาสีเทานั้นไม่ได้ยิ้มด้วย ยกมืออูมๆขั้นเหนือศีรษะส่งสัญญาณห้าม ทหารตะโกนบอกชาวบ้าน การขว้างปาจึงหยุดลง
“ทีฟา มีอา เพราะเหตุใดจึงเป็นอย่างนี้ ตัวเจ้าเองรู้ดี หากเจ้าไม่หนีไม่ดื้อรั้น ครอบครัวเจ้าคงจะไม่ได้พบกับจุดจบเช่นนี้” มิราเอลวางหมอนสีขาวไว้ที่โต๊ะข้างๆกระจกผายมือเป็นเชิงให้เธอหยิบขึ้นมา “เพราะความเห็นแก่ตัวของเจ้าแท้ๆ ความจริงแล้วเจ้าก็เห็นว่าครอบครัวผู้เสียสละอยู่กันสบายแค่ไหน”
“การเสียสละเพื่อทุกคน ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะ” ทีฟากัดฟันเอ่ย แล้วมองไปยังกรีชเพชร “ความปรารถนาของฉันครั้งสุดท้ายคือการปล่อยพี่ชายของฉัน ให้เขามีชีวิตอยู่ไม่โดนทำร้ายหรือฆ่าทีหลัง”
“แน่นอนสาวน้อย เราจะทำตามที่เจ้าขอ” มิราเอลรับปาก
“งั้นปล่อยก่อนสิ” ทีฟาต่อรอง แล้วหยิบกริชขึ้นมา หงายข้อมือขึ้นแล้วจรดกรีชลงไปเลือดสีสดซึมออกมาตามบาดแผล
นักบวชหันไปบอกกับทหารนายหนึ่ง จากนั้นคำสั่งก็ถูกส่งไปยังลีโอ เขาได้รับการปลดปล่อยแต่ไม่ยอมไปไหน ทีฟามองหน้าพี่ชายนิ่ง ถึงแม้จะไกลกันแต่สายตาและความหมายก็สามารถส่งถึงกันด้วยสายใยของความเป็นพี่น้อง ลีโอกัดฟันแน่นแล้วสะบัดหน้าหมุนร่างสูงของตนหนีไปจากตรงนั้น ทีฟายิ้มอย่างพอใจ แล้วหันมาที่กระจกต่อ
“เอาเลือดของเจ้าทาไปที่กรอบกระจกก่อน” มิราเอลสั่ง ทีฟาจะทำตามแต่เธอกลับชะงัก
“แค่ทาแค่นี้ต้องฆ่ากันด้วยเหรอ?”
“เจ้ามีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไปเถอะ อย่าถามมากนัก” นักบวชหัวโล้นเริ่มหงุดหงิด ทีฟาหรี่ตามองอย่างยั่วอารมณ์
“ก็อยากรู้นี่ ไหนๆก็จะตายแล้วบอกให้รู้ก่อนไม่ได้รึยังไง?”
มิราเอลถอนหายใจแล้วยอมบอก “เลือดที่ทาที่กรอบกระจกคือการปลุกให้สี่อสูรรับรู้ จากนั้นเจ้าต้องเชือดคอตัวเองแล้วพวกทหารก็จะรองเลือดเจ้าจดหมดตัวเพื่อทาไปยังกระจกให้เต็มไม่มีพื้นที่ว่าง แล้วสี่อสูรก็จะได้รับเครื่องสังเวยอย่างสมบูรณ์”
“หมายความว่าในกระจกนี้มีสี่อสูร?”
“ใช่”
“เป็นถึงสี่อสูรทำไหมถึงโดนขังอยู่ในนี้?” ทีฟามองมิราเอลที่พยายามข่มอารมณ์ “แล้วฝนตกอย่างนี้แล้วจะทาได้ทั่วหรอ?” สาวน้อยยังคงตั้งทำถามแม้จะรู้สึกเสียวๆที่คอตัวเอง นึกไม่ออกว่าตัวเองจะกล้าเชือดคออย่างที่ได้รับคำสั่งหรือเปล่า
“ไม่มีเวลาแล้ว เลิกถ่วงเวลาได้แล้ว ทีฟา มีอา” มิราเอลดุทั้งเสียงและสายตา
เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วกดปลายกริชให้ลึกขึ้นลากผ่านข้อมือ เลือดสาวไหลออกตามทางปากแผล จากนั้นทีฟาใช้มือข้างที่ถือกริชลูบเลือดตัวเองทาไปยังกรอบกระจก แล้วพบว่าเลือดกำลังซึมหายไปไม่ทิ้งรอยไว้
“เป็นไปได้ไง?” ทีฟาอุทานอย่างลืมเจ็บ เมื่อทารอบกรอบแล้วที่กระจกก็มีแสงสีขาวจ้าสะท้อนอกมา จนเธอต้องยกหลังมือมาบังแสงที่ตาไว้
“เชือดคอตัวเองซะ” มิราเอลสั่ง “ก่อนที่แสงจะหายไป”
ใครจะทำได้
ทีฟาแย้งในใจ และไม่ยอมทำตามที่มิราเอลสั่งเสียที จนแสงเริ่มค่อยๆหรี่ลง มิราเอลตกใจรีบสั่งทหารให้จับตัวทีฟาเพื่อจะลงมือเชือดคอของเธอเอง สาวน้อยขัดขืนจนตัวเองเซไปยังกระจก
“ระวังอย่าให้กระจกแตก” นักบวชร้องลั่น เหล่าทหารพากันจับเธอย่างเก้ๆกังๆ เพราะกลัวทีฟาล้มไปทำกระจกแตกจริงๆ
สมองของเด็กสาวสั่งการโดยทันใดเมื่อรู้ว่ากระจกนั่นมีสี่อสูรอยู่ หากเธอทำลายมัน พวกอสูรอาจจะออกมาแล้วพากันตายไปทั้งเมือง นั่นแหละคือสิ่งที่เธอเองต้องการ
ร่างบางล้มลงใส่กระจกอย่างแรงจนเป็นรอยร้าว มือเล็กที่กำกริชเพชรไว้เงื้อสุดแขนจ้วงแทงลงไปที่กระจกแล้วกรีดยาวหลายต่อหลายครั้ง จนเนื้อกระจกเริ่มกะเทาะออก ทีฟาใช้มือแกะออกโดยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร
“ทำบ้าอะไรของเจ้า”มิราเอลตวาดลั่น ส่วนทหารไม่กล้าเข้าใกล้ทีฟาได้แต่มองเธออย่างกลัวๆเมื่อมือนั้นชุ่มด้วยเลือด
เหตุการณ์ตึงเครียดจนไม่สามารถทำอะไรได้อีก จู่ๆก็มีลมปะทะเข้ากับร่างบางเข้าอย่างจัง เสียงหัวเราะดังลั่นก้องไปทั่ว นกที่หลบฝนต่างพากันกระพือปีกหนีออกอย่างไม่คิดชีวิต ปฐพีสั่นไหวและบังเกิดแสงสว่างรอบตัวทีฟาสร้างความตกใจให้กับทุกคนโดยเฉพาะคนต้นเรื่อง
แสงนั้นห่อหุ้มร่างของเด็กสาว ก่อนจะพุ่งทยานสู่ท้องฟ้าพาร่างบางหายวับไปในบัดดล
ทีฟารู้สึกว่าตัวเองถูกกระชากอย่างแรง สติเริ่มลางเลือนเพราะเสียเลือดมากภาวนาขอให้พี่ชายหนีไปได้ก่อนที่ทหารจะตามเจอ
“ลีโอ...” แล้วสติของเธอก็ดับวูบไป
“แล้วจะทำเช่นไรกันล่ะพวกเรา?”
“เจ้าเป็นคนพานางมาเอง ก็หาวิธีเอาล่ะกัน”
“อย่างน้อยก็ต้องรักษานางก่อน”
“อย่ามาสั่งข้าด้วยลมปากเปล่าของเจ้านะ”
“งั้นปล่อยให้ตายไปสิ ยุ่งยากจริง”
“ถ้าปล่อยให้ตายได้ล่ะนะ”
“หมายความอย่างไร?”
“ยุ่งยากชะมัดเลย อุตส่าห์นึกว่าได้เป็นอิสระแล้วแท้ๆ”
ร่างของทีฟาที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดถูกวางนอนไว้บนมอสใหญ่สีเทากลางป่าใหญ่ โดยมีใครอีกสี่คนกำลังสนทนาเรื่องเธออยู่ใกล้ๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ