สี่อสูรแห่งพาราเกียร์
เขียนโดย naoza
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.05 น.
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 22.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) สี่บุรุษ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“แม่!”
ทีฟาตะโกนสุดเสียงลุกขึ้นพรวดจากเตียงนอนที่แสนนุ่ม เด็กสาวกระพริบตาถี่ๆมองไปรอบกาย พบว่าตัวเองกำลังอยู่บนเตียงในห้องที่แสนคุ้นตา
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองรอบห้อง ตู้เสื้อผ้าไม้หลังเก่ายังคงตั้งอยู่ที่เดิม แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องจ้าผ่านหน้าต่างมีม่านสีฟ้าที่กำลังปลิวไสวเพราะแรงลมที่พัดเข้ามา
เรื่องที่เกิดขึ้นมันคือฝันเหรอ?
ทีฟาลูบหน้าลูบตาด้วยเองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอยังคงอยู่ในชุดนอนอย่างที่เคยใส่ทุกๆวัน ส่วนบาดแผลตามตัวต่างๆไม่มีปรากฏให้เห็นแม้แต่รอยเดียว
ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?
“ตื่นสายจริงนะเรา ลงไปทานข้าวได้แล้ว” มารีอาเปิดประตูห้องนอนของลูกสาวเข้ามา แล้วจัดการเดินไปที่หน้าต่างรวบผ้าม่านเก็บเพื่อให้แสงสว่างเข้ามาเต็มที่
“แม่”เด็กสาวลุกจากเตียงนอนแล้วโผเข้ากอดผู้เป็นแม่แน่นน้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น
“อะไรกันเด็กคนนี้” มารีอากอดตอบแล้วลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู “ไปอาบน้ำอาบท่า แล้วลงไปทานข้าวได้แล้ว พ่อกับพี่รออยู่”
“พ่อกับพี่..พ่อกับพี่เหรอแม่?” ทีฟาทวนถามอย่างตื่นเต้น
มารีอาขมวดคิ้วมองลูกสาวที่มีอาการแปลกๆอย่างขบขัน ทีฟายิ้มกว้างปาดน้ำตาทิ้งแล้วปฏิบัติตามคำที่แม่พูดอย่างว่าง่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเด็กสาวกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงจากบันไดไปยังโต๊ะอาหารที่มีอาหารเช้าเตรียมพร้อมไว้แล้ว เธอมองเห็นราเจลกับลีโอนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำ เป็นภาพที่แสนอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก
เรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาคือความฝัน
ความฝันที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นจริง
ทีฟาหอมราเจลและไปกอดลีโอพี่ชายที่แสนดีของเธอด้วยความคิดถึง ลีโอลูบแขนที่โอบกอดเขาอย่างอึ้งๆไม่คิดว่าน้องสาวที่ไม่เคยทำตัวน่ารักแบบนี้ จู่ๆจะมาพิศวาสอ้อนกอดเขาจนสมกับเป็นลูกสาวคนรักของบ้านที่มีแต่คนตามใจ และเป็นน้องสาวที่เขาหวงแหนเป็นที่สุด
“เกิดอะไรขึ้น” ลีโอถามน้องสาวที่นั่งลงข้างเขาด้วยความประหลาดใจ ทีฟาส่ายหน้าแล้วยิ้มกว้าง
“ประหลาดตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ” มารีอาบอกกับลูกชายแล้วตักซุบยื่นให้ทุกคนรับไปทาน เธอแขวนผ้ากันเปื้อนไว้ที่ผนังห้องครัวด้านหนึ่งแล้วมานั่งข้างๆสามี “ไม่รู้ว่าจะอ้อนเอาอะไร”
“นั่นสิ” ราเจลเห็นด้วยกับภรรยาบรรยากาศภายในโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความอบอุ่น มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จนทีฟาใจชื้นกับความฝันแล้วตัดสินใจเล่าให้ทุกๆคนฟัง
ราเจล มารีอา และลีโอตั้งใจฟังเสียงเจื้อยแจ้วของทีฟาที่เธอเล่าเกี่ยวกับฝันร้ายที่ผ่านมา ใบหน้าของทั้งสาม ยังคงมีรอยยิ้มให้เด็กสาวเสมอ เป็นรอยยิ้มที่เป็นกำลังใจให้เธอยิ่งนัก
“ถึงแม้มันจะเป็นฝันร้ายแต่มันก็ตลกดีเนอะว่าไหม? ฉันที่ไม่ได้มีคุณสมบัติไม่ได้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์แต่ถูกเลือกให้ไปเป็นเหยื่อบูชายัญทั้งๆที่พวกเราก็อาศัยอยู่ที่เมืองยูเมียเล็กๆแบบนี้ พาราเกียร์ออกจะเป็นเมืองใหญ่ สาวๆที่สืบสายเลือดบ้าๆนั่นก็คงต้องมีอยู่บ้างล่ะเนอะ” ทีฟาหัวเราะกับเรื่องที่เธอเรียกมันว่าความฝัน แต่กลับไม่มีเสียงหัวเราะร่วมกลับมา เด็กสาวมองครอบครัวที่จู่ๆใบหน้าเหล่านั้นมีแววเศร้าออกมาให้เห็น จึงรีบพูดเพื่อให้ทุกคนรู้สึกดีขึ้น “ทำไมต้องทำหน้าเศร้าแบบนั้นด้วยล่ะ ก็ในเมื่อมันคือความฝัน ฉันก็ยังคงอยู่ที่นี่กับทุกคน พ่อกับแม่ก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนลีโอพี่ก็ก็นั่งอยู่ตรงนี้ เลิกเศร้ากันได้แล้วหน่า”
“บางทีลูกอาจจะไม่รู้ว่าตอนไหนคือความฝัน” ราเจลเอ่ยเบาๆ ร่างกายของเขาเริ่มมีเลือดซึมออกมาจนเปรอะเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่ สร้างความตกใจให้ทีฟาเป็นอย่างมาก เด็กสาวหันไปมองแม่กับพี่ชายเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าทั้งคู่ก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน มารีอามีเลือดสีสดไหลออกมาจากปากอวบอิ่ม เธอพยายามป้องปากที่กำลังไออย่างรุนแรง และลีโอก็ล้มฟุบลงทิ่มจานซุบอย่างที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทีฟาเบิกตากว้างตกใจจนสั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำตาไหลพรากร่างกายชาจนขยับไม่ได้ เธอก้มลงมองตัวเอง แขนที่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดๆ กลับค่อยๆปรากฏรอยกรีดของสิ่งมีคมเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกมาจากปากแผลอย่างไม่หยุด มือเรียวทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเลือด
“ไม่! ไม่จริง! ” ทีฟากรีดร้องออกมาสุดเสียง และทุกๆสิ่งก็ขาวโพลนไปหมด จนเธอมองไม่เห็นอะไร
ทีฟาค่อยๆปรือตาลืมขึ้นแต่แสงสว่างลอดแยงนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจนเธอต้องปิดตาลงอีกครั้ง สรรพเสียงต่างๆเริ่มเข้ามาในโสตประสาท ทั้งเสียงนกร้องอยู่ไกลๆ เสียงใบใม้สีกันไปมาด้วยแรงลม รวมถึงเสียงบุคคลที่กำลังสนทนากันอยู่ไม่ห่างนัก
“นางเหมือนจะฟื้นแล้ว เจ้าไปดูนางหน่อยสิ โนอา” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นอย่างตื่นเต้น ตามด้วยเสียงเดินที่ใกล้เข้ามา
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้น “เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกนิสัยกระดี๊กระด๊าเวลาเจอผู้หญิงเสียทีนะ ลาซิเอล ถอยไปสิ”
ทีฟารู้สึกเหมือนมีมือใหญ่ของใครบางคนสัมผัสที่มือและวางลงบนหน้าผากของเธอ แม้อยากจะรู้ว่าเป็นใคร แต่เด็กสาวก็ลืมตาไม่ขึ้น
“ขนาดหน้าซีดๆยังดูน่าพิศเลย ถ้าโตเป็นสาวเต็มตัวจะงามแค่ไหนนะ”
“ลาซิเอล หวังว่าเจ้าคงจะไม่คิดบ้าๆกับผู้มีพระคุณหรอกนะ” เสียงเข้มปรามขึ้น
“แหม เวส พวกเจ้าต้องเห็นใจข้าบ้างสิ นานเท่าไรแล้วที่ข้าไม่ได้เจอกับผู้หญิง ได้เจอแต่กับพวกเจ้าจนเหม็นเบื่อ โดยเฉพาะเจ้าชายคาอิลนั่น ดูสิไม่ว่าจะผ่านไปเท่าไรคอที่ยืดตรงแข็งทื่อนั่นก็ยังคงชูเชิดไม่เปลี่ยน”
“หุบปากซะ ลาซิเอล ถ้าเจ้าไม่อยากตายที่นี่” อีกหนึ่งเสียงตวาดดังขึ้น ตามด้วยเสียงกระทืบเท้าเข้ามาใกล้ร่างบางที่ยังคงหลับตาอยู่ ตบหน้าเธอ 2-3 ทีอย่างถือวิสาสะ “นี่ก็ลืมตาขึ้นสักทีสำออยอยู่ได้ ประเดี๋ยวมีใครมาเจอเข้าก็พากันซวยไปหมดหรอก”
“เฮ้ย คาอิลเจ้าบังอาจทำเช่นนี้กับสาวน้อยได้อย่างไร?”
“อ้าว ไม่ปลุกแบบนี้นางจะตื่นเหรอ เห็นไหมนางลืมตาแล้ว”
ทีฟาค่อยๆลืมตา กระพริบตาถี่ให้ภาพที่กำลังมองเข้าที่รู้สึกปวดไปทั่วสรรพางค์กาย เมื่อรวบรวมสติได้เธอก็พบว่ามีดวงตาสี่คู่จากผู้ชายทั้งสี่คนที่เอาศีรษะชนกันกำลังจ้องเธออยู่
สาวน้อยกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ทำให้ศีรษะน้อยๆชนกับศรีษะของอีกสี่คนอย่างจัง ต่างคนต่างแยกไปกุมหัวตัวเองไม่ห่างจากเธอมากนัก
“จู่ๆก็ลุกขึ้นแบบนี้ ประเดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก” ชายหนุ่มผมสีเงินในสุดสีขาวแทบจะทั้งชุด พูดกับเธอ ดวงตาสีชาของเขาจ้องมาที่เธออย่างกังวล เด็กสาวพบว่าตัวเองกับอีกสี่คนอยู่บนมอสสีทองที่แสนนิ่ม เธอลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ พยายามประติดประต่อเรื่องที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะรีบชักมือที่มีอาการเจ็บมากุมอย่างลืมตัว
“โถๆ เจ็บมากไหมสาวน้อย ลาซิเอลคนนี้จะดูแผลให้นะ” หนุ่มคนผมน้ำตาลเข้มเข้ามาหาร่างบาง พลางส่งสายตาหวานเยิ้มชวนขนลุกเกรียวมายังเธอ แต่ก็โดนคนตัวสูงคนหนึ่งลากคอเสื้อไปอีกทาง ทีฟารู้สึกประหม่าเมื่อสบนัยน์ตาสีเทาดุของคนผมน้ำเงินเข้มที่สามารถลากร่างที่ไม่ต่างไปจากเขาปลิวไปอีกทางได้อย่างสบาย
“เจ้าไม่ใช่หมอ”
“ไม่ใช่หมอก็ดูแลได้”
เด็กสาวมองคนโน้นคนนี้ทีอย่างหวั่นๆ เพราะยังไม่สามารถเข้าใจอะไรได้ในขณะนี้
“เป็นใบ้เหรอ” เสียงหนึ่งถามขึ้น ทีฟาหันไปมองต้นเสียงทันที ก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นกำลังยื่นหน้ามาชิดกับเธอห่างกันไม่ถึงคืบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเด็กสาวเบิกกว้างประสานกับนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนที่มีแววเย็นชา แล้วมือที่บาดเจ็บอยู่ก็ไวกว่าความคิดฟาดลงไปที่ใบหน้าคมนั่นเต็มแรงจนคนถูกตบหน้าหันและหากว่าเขาไม่ได้นั่งชันเข่าไว้แล้วล่ะก็ร่างแข็งแรงก็อาจจะลงไปนอนวัดพื้นได้
“โอ๊ย” เสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้นแต่หาได้เป็นของชายหนุ่มไม่ กลับเป็นเสียงจากปากของเด็กสาวเนื่องจากเธอลืมตัวตบเขาไปเต็มแรงด้วยมือที่บาดเจ็บอยู่
“อ้าวๆ เดี๋ยวแผลก็ปริกันพอดี ข้าไม่ได้มีผ้าพันแผลนะและจะไม่ยอมเสียสละชายเสื้อของข้าอีกแน่” ชายหนุ่มผมเงินเตือนทีฟาแล้วจับมือเธอไปดูแผล ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอเพิ่งสังเกตว่าทั้งมือและข้อมือของเธอถูกพันไว้ด้วยผ้าสะอาด แล้วชายเสื้อของคนที่ดูแลเธอมีรอยตัดขาดจริงๆ
เสียงหัวเราะดังขึ้นลั่นป่าจากคนที่เรียกตัวว่าลาซิเอล ชายหนุ่มกอดท้องหัวเราะจนตัวงอให้กับคนที่ถูกตบจนหน้าหันแล้วยังคงค้างอยู่ท่านั้น “พอได้เป็นอิสระก็เห็นภาพน่าประทับใจเสียงั้นโอย ปวดท้องไปหมดแล้ว”
“ก็หยุดหัวเราะเสียสิ” คนตัวสูงที่อยู่ข้างๆห้าม แต่แล้วคนที่ถูกหัวเราะก็ลุกขึ้นชักดาบของตนที่ถูกเหน็บไว้ข้างกายตวัดฟันอย่างรวดเร็วไปที่ลำคอของคนไม่ยอมหยุดหัวเราะ หัวของลาซิเอลหลุดออกจากบ่ากลิ้งหลุนๆมาตรงหน้าของสาวน้อย ทีฟาอ้าปากค้างเมื่อเห็นคนถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากไปกว่าศีรษะของคนที่น่าจะตายกลับหัวเราะชอบใจ และคนอื่นๆก็ไม่มีทีท่าว่าจะตกใจเลยสักนิด
“ลาซิเอล นี่ข้าต้องคอยตามเก็บหัวของเจ้าทุกครั้งเมื่อโดนคาอิลตัดทิ้งไปจนถึงเมื่อไร?” ร่างสูงถามอย่างเหนื่อยใจ แล้วเดินไปเก็บหัวของลาซิเอลที่กำลังยิ้มหวานให้กับทีฟา
“ข้าสิเหนื่อยมากกว่า ทีต้องมาคอยสมานแผลให้” คนชุดขาวถอนหายใจ “เงินก็ไม่ได้”
“เอาหน่าๆ ดูสิพวกเจ้าทำสาวน้อยตกใจหมดแล้ว ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร?” หัวของลาซิเอลที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้ตกใจที่สุดถามทีฟาโดยที่ยังอยู่ในมือของอีกคน
“ท...ทีฟา มีอา” เด็กสาวตอบตะกุกตะกัก รู้สึกกลัวหัวพูดได้ที่ชวนเธอคุย
“ชื่อเพราะจัง” ลาซิเอลหลับตาพริ้ม แล้วเริ่มแนะนำตัว “ข้าชื่อลาซิเอล โนแลนด์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ทีฟาหยักหน้ารับมองหัวของลาซิเอลถูกยื่นส่งไปให้กับหนุ่มชุดขาว แล้วเขาก็จัดการต่อศีรษะกับร่างกายให้ติดเข้ากันได้ดังเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยการโรยผงบางอย่างตามรอยฟันเพียงเท่านั้น
ลาซิเอลลุกขึ้นนั่งแล้วขยับคอไปมายิ้มอย่างพอใจเมื่อทุกอย่างเข้าที่ จากนั้นเขาก็ลุกเดินมานั่งใกล้ๆเธอแล้วชี้ไปทางชายหนุ่มที่รักษาเขาเมื่อครู่
“นั่นคือ โนอา เวน ไฮบรา เป็นหมอที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเลยนะรักษาได้ทุกโรคทุกอาการบาดเจ็บ เรียกเจ้านั่นว่าโนอาเฉยๆก็ได้ เจ้าเองต้องหายเร็วๆเพราะไม่อย่างนั้นเจ้าโนอาอาจจะคิดเงินเจ้าจนไม่มีปัญญาใช้คืนเลยล่ะ”
“อย่างเช่นเจ้า”โนอาตอบกลับลาซิเอล แต่ชายหนุ่มผู้ติดหนี้ยักไหล่อย่างไม่สน แล้วหันไปหาคนผมสีน้ำเงินเข้มนัยน์ตาดุที่ยืนไม่ห่าง “ส่วนคนนั้นคือ เวส คัส หมอนั่นเป็นคนปฏิวัติให้ยูเมียหลุดพ้นจากอำนาจของพาราเกียร์”
“เวส คัส”ทีฟาพึมพำชื่อออกมา แล้วจ้องไปยังเวสอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่จริง”
“คนที่ฟันข้าเมื่อกี้ชื่อ คาอิล เซฟ ฮาเวิร์ด เจ้าชายแห่งอัลทาห์ เห็นหน้าสวยๆอย่างนั้นโหดไม่ใช่เล่น”
“เลิกพูดจาอย่างนั้นกับข้าได้แล้ว ถ้าไม่อยากหัวขาดอีก” คาอิลกัดฟันขู่ นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนมองอย่างชิงชัง
ทีฟามองทั้งสี่คนสลับกันไปมาอย่างสับสนกับชื่อเสียงเรียงนามที่เธอได้ยิน “พวกคุณ เป็นใครกันแน่ แล้วภาษาที่พูดทำไมคล้ายๆกับภาษาโบราณ” เด็กสาวสงสัยแล้วหันไปมองสบตากับเจ้าของนัยน์ตาดุ“แล้วทำไมคุณถึงชื่อ เวส คัส”
เวสมองทีฟาอย่างพินิจ เพ่งดวงตาที่บวมเพราะคงผ่านการร้องไห้อย่างหนักของสาวเจ้ากับร่างที่เต็มไปด้วยรอยแผลดูบอบบาง แต่เขาก็ไม่เคยคุ้นหน้าคุ้นตาเธอที่ไหนมาก่อน “เจ้ามีปัญหาอะไรกับชื่อของข้า?”
ทีฟายังคงจับจ้องไปที่เวสอย่างลังเลแล้วตัดสินใจถาม “คุณคือ เวส คัส นักฆ่าและนักปฏิวัติของยูเมียจริงน่ะเหรอ?”
“ใช่”เวสตอบสั้นๆ แต่ทีฟาส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆกับตัวเอง ไม่อยากเชื่อกับคำยืนยัน
“เจ้ามีปัญหาอะไร?” เวสถามอีกครั้ง
สายตาอีกสามคู่จับจ้องไปยังบุคคลสองคนที่กำลังสนทนากันด้วนความสนใจ เด็กสาวมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจก่อนตัดสินใจบอกสิ่งที่เธอคิด
“ฉันเองเป็นคนเมืองยูเมีย เพราะฉะนั้นเลยรู้ประวัติของเมืองดี นักปฏิวัติเวส คัส นั่นเป็นเรื่องราวเมื่อประมาณร้อยปีก่อน ดังนั้นคุณจะเป็น เวส คัส ไม่ได้”
ชายหนุ่มทั้งสี่คนอึ้งกับประโยคที่ออกมาจากปากเด็กสาว
“ร้อยปีก่อน? หมายความว่าอย่างไร?” คาอิลปรี่เข้ามาบีบไหล่ทีฟาอย่างแรง นัยน์ตาสีฟ้าฉายให้เห็นความตกตะลึงอย่างมาก
ทีฟาหมุนไหล่หนีขยับถอยห่างจากเขา “มันไม่ตลกที่จะเอา เวส คัส มาเล่น และในฐานะคนที่ยูเมีย ฉันไม่เคยเห็นคุณ”
“ตอบมาก่อนว่าร้อยปีก่อนคืออะไร?”คาอิลถามอีกครั้ง
ทีฟานิ่งไปชั่วครู่มองทุกคนที่มีท่าทีแปลกไปจากเดิมด้วยความงุนงงแล้วยอมพูด
“เรื่องการปฏิวัติมันเลยมาเป็นร้อยปีแล้ว”
ทุกคนนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก ทั้งสี่หนุ่มได้แต่มองหน้ากันในสมองพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่เพิ่งได้รับ
“ข้าเข้าใจแล้ว พวกเราถูกขังในกระจกมาเป็นร้อยปีแล้ว” โนอาสรุปหลังจากเงียบกันมานาน“หากเป็นเช่นนี้ พวกเราจะไปเจอนักบวชคนนั้นได้อย่างไร? ป่านนี้ไม่เป็นหนึ่งเดียวกับพื้นดินที่ไหนสักแห่งแล้วเหรอ”
“เพราะอยู่กันภายในกระจกที่มืดมิด มีเพียงแสงที่ทำให้พวกเราทั้งสี่คนได้เห็นกันและพูดคุยมาเรื่อยๆ ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าจะผ่านมาเป็นร้อยปีแล้วจริงๆ” ลาซิเอลเปรยขึ้น
“หมายความว่าพวกเราจะต้องอยู่เป็นอมตะเช่นนี้ตลอดไป” เวสพึมพำ
ทีฟามองหนุ่มทั้งสี่คนด้วยความสับสนยิ่งนักและยิ่งปวดหัวกับบทสนทนาที่ได้ยิน ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยาก แต่บัดนี้เธอกลับจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่
พวกเราถูกขังในกระจกมาเป็นร้อยปีแล้ว
คำพูดของโนอาย้อนมาในห้วงคิดอีกครั้ง กระจกที่ว่านั้นคือกระจกไหน
ลาซิเอล หวังว่าเจ้าคงจะไม่คิดบ้าๆกับผู้มีพระคุณหรอกนะ
เสียงที่คาดว่าน่าจะเป็นของเวสดังขึ้นตามมาในความทรงจำ
กระจก กับ ผู้มีพระคุณ และ การเป็นอมตะของลาซิเอล
เพียงเท่านี้ทีฟาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทั้งสี่คนที่กำลังปรึกษากันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดนั่นเป็นใครกันแน่ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อและไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ พวกเขาต่างจากที่เธอคิดไว้อย่างมากมาย เด็กสาวรู้สึกฟ้ามืดในบัดดล ร่างกายหนักอึ้งจนทำให้ร่างบางนั้นล้มลงกระแทกพื้นมอสสีทองอย่างรวดเร็ว ร้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ