Pandora's Heart คำสาปรักคืนใจเจ้าชายปีศาจ
เขียนโดย BlooDCherry
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.41 น.
แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558 12.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ตอนที่ 7 กิล เดอเรย์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 7
กิล เดอเรย์
.................................................
“ฆ่าใคร!? เฮ้ย เลออน!!! ใจเย็นก่อนน่า อาร์น่าหนีเร็ว!!!”
เร็นรั้งตัวคนสูงกว่าไว้แล้วหันไปบอกร่างบาง แต่พอหันไปเท่านั้น อาร์น่าที่เขาคิดว่านั่งอยู่ตรงนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนหน้างง
“ชิส์” เลออนสบถออกมา ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก
“อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น” เสียงแหบของชายสูงอายุหัวล้านที่เดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วก็อดถามไม่ได้ เพราะช่วงที่เขาไม่อยู่ดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น
“อ่า ไม่มีอะไรครับ อาจารย์” วินเทอร์ มาโคร ตอบยิ้มๆ แล้วทุกคนก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
.........................................................................
“เฮ้อออออ -__________-” ร่างบางถอนหายใจยาวขณะเดินทอดน่องที่ทางเดินชั้นสอง เมื่อกี้หวุดหวิดโดนฆ่าแล้วมั้ยละ ดีที่เขาไหวตัวทันตั้งแต่ได้ยินไอ้เจ้าชายโรคจิตนั่นพูดจบประโยค -_-
“ถอนหายใจอย่างนี้ ระวังความสุขจะหายไปนะ” อาร์น่าสะดุ้งเฮือก หันกลับไปมองด้านหลัง เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเหลืองอ่อนส่งยิ้มให้อย่างคนอารมณ์ดี ก่อนจะเดินขึ้นมาตีคู่
“กิล”
“นายนี่สุดยอดไปเลยน้า รู้รึเปล่า เลออนน่ะมีฉายาเป็นเจ้าชายน้ำแข็งเชียวนะ ไม่มีใครยั่วหมอนั่นขึ้นสักคน แต่นายนี่นะ หึหึ กลับห้องไประวังโดนฆ่าหมกส้วมล่ะ” กิลเอ่ยยิ้มๆ แต่คนฟังขนลุกซู่ก่อนจะว่า
“มะ ไม่มีทางอ่ะ ฉันจะไม่เข้าห้องน้ำพร้อมหมอนั่นหรอก”
“หึหึ ใครจะรู้”
“ตลกละ แล้วนายตามมาทำไมกัน?” ร่างบางถามอย่างฉงน กิลยิ้มให้แล้วว่า
“ใกล้เลิกเรียนแล้ว ไปโบสถ์ด้วยกันมั้ยล่ะ?”
“อะไรของนาย ไม่เข้าใจจริงๆ ถ้าจะเล่าเรื่องเซเรฟล่ะก็ รีบๆ เล่ามาเหอะ”
“ก็เรื่องนั้นแหละ แต่อยากให้นายไปดูเอาเองน่ะ” พูดยิ้มๆ แล้วเดินนำหน้าไป
โบสถ์เซนต์วาลาดิเมียร์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับปราสาทเซนต์วาลาดิเมียร์ ภายนอกดูใหญ่โตแลดูศักดิ์สิทธิ์ ด้านในก็กว้างใหญ่ไม่แพ้กัน
กิลเดินนำร่างบางไปยังสวนใน มันเป็นห้องสวดมนตร์ขนาดใหญ่ ด้านหลังมีรูปปั้นคนครึ่งตัวสูงกว่าสิบห้าเมตร เป็นชายผมยาว ใบหน้าเรียบนิ่ง สองมือวางผสานกันด้านหน้าบนด้ามดาบคาตานะ บริเวณรอบรูปปั้นมีรั้วเหล็กกั้นไว้จนรอบ สเตรนกลาสส่องแสงลงมากระทบดูมีชีวิตชีวา ด้านหน้ามีศิลาจารึกด้วยอักษรโบราณสูงเท่าคนครึ่ง
“ใครน่ะ?” อาร์น่าถามขึ้นเสียงแผ่ว กิลยิ้มให้แต่ไม่ตอบ
“..เซเรฟ” ร่างบางอ่านป้ายศิลาเบาๆ แล้วขมวดคิ้ว ทั้งๆ ที่เป็นโบสถ์เซนต์วาลาดิเมียร์แท้ๆ แต่รูปปั้นนี้กลับเป็นของเซเรฟ?
“.....ปีศาจผู้น่ายกย่อง ผู้จบสงครามศักดิ์สิทธิ์และผนึกหัวใจของเซฟิลอสลงในกล่องแพนโดร่า...เหรอ? นี่มันอะไร”
“เซเรฟ เดิมทีเป็นปีศาจ แต่ถึงแม้เป็นอย่างนั้นแต่เขาก็เป็นคนจัดการเซฟิลอส เขาแยกชิ้นส่วนของเซฟิลอสแล้วนำไปไว้ในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกและผนึกหัวใจลงในกล่องแพนโดร่า แล้วก็ผนึกกล่องแพนโดร่าลงร่างกายตัวเองอีกที ก็ตายเพราะใช้พลังทั้งหมดไปกับการผนึกไม่นานเขา..” กิลเอ่ยเสียงเรียบขณะนั่งมองรูปปั้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“แต่ไม่เห็นมีบันทึกไว้เลย”
“มนุษย์ไม่ยอมรับให้ปีศาจเป็นวีรบุรุษหรอก พวกเขายกย่องให้อาร์คบิชอปวาลาดิเมียร์ที่อยู่ด้วยตอนนั้นเป็นวีรบุรุษแทน และต่อมาอาร์คบิชอปก็ได้เลื่อนเป็นพระคาร์ดินัลและกลายเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่สิบสาม ต่อมาร้อยปีให้หลัง องค์พระสันตะปาปาก็ได้มาสร้างโบสถ์ที่เกาะนี้โดยไม่ลืมสร้างรูปปั้นของเซเรฟเพื่อแสดงถึงความยกย่อง”
“อืม ว่าแต่ นายรู้ได้ไง มันไม่ได้มีบันทึกไว้ซะหน่อยนี่?” ร่างบางนั่งลงข้างๆ เด็กหนุ่มผมเหลืองแล้วถาม เขาหันมายิ้มให้ก่อนจะว่า
“ไม่มีอะไรที่ฉันอยากรู้แล้วไม่รู้”
“=_____= แหม บางทีนายก็ทำตัวเหมือนเลออนนะ มั่นเกิ๊น” พูดพลางทำหน้าหมั่นไส้ พอพูดถึงเลออนแล้วก็นึกถึงเรื่องเมื่อกี้ ไม่เอาไม่พูดดีกว่า
“ฮ่าๆๆๆ งั้นเหรอ” กิลหัวเราะร่าแต่อาร์น่ากลับมองอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิด
“นายบอกว่ารู้ทุกอย่างที่อยากรู้งั้นเหรอ อย่างเช่นอะไรมั่งล่ะ”
“ก็อย่างเช่น เรื่องของนาย” คนฟังสะดุ้งหันไปมองอีกฝ่ายเหงื่อไหลซิกๆ
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความตามนั้นแหละ เพราะว่าฉัน สนใจนายมาก หึ” พูดจบก็หัวเราะในลำคอ อาร์น่าหลบสายตาที่อีกฝ่ายมองมาอย่างหวาดๆ นัยน์ตาสีมรกตฉายแววเจ้าเล่ห์ให้เห็นชั่วครู่ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแววขบขัน
“มะ หมายความว่าไง” พูดออกไปแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองพูดซ้ำพูดซากซะเหลือเกิน
“แหม ก็นายน่ารักขนาดนี้ฉันจะสนใจมันก็เรื่องธรรมดานี่เนอะ” อาร์น่าหันขวับไปอีกรอบ น่าร้งน่ารักอะไรกันวะ!!!
“คิดมากน่า ใครๆ เขาก็ว่าเงี้ย”
“ใครๆ ที่ว่าเนี้ยใครไม่ทราบ?” ถามออกไปฉุนๆ แล้วก็ต้องชะงักเมื่อคนข้างกายมันเปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ
“อืม จะว่าไป แล้วคืนนี้นายจะนอนยังไง ถ้ากลับห้องไปโดนเลออนเขมือบแน่”
“เขมือบอะไรของนาย อย่าพูดยังกะมันเป็นสัตว์กินเนื้อสิ ชิส์ ถึงบางทีจะเหมือนจริงๆ ก็เถอะ” ท่อนหังร่างบางกระซิบกับตัวเองเบาๆ อย่างนึกหมั่นไส้
“หา!? นี่นายพูดอะไร ไม่รู้เหรอว่าหมอนั่นเป็นเจ้าชายจากสโนวแลนด์น่ะ?” กิลถามเสียงสูง ไม่น่าเชื่อ เขาไม่คิดว่าร่างบางจะโง่เง่าขนาดนี้
“งั้นเหรอ แล้วทำไม” กิลเงยหน้าหัวเราะ เหอะๆ เมื่อได้ฟังคำถามนั้นจบ
“นี่นายไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่ ราชินีหิมะกับราชาไลแคนท์เลโอนาร์ดเป็นพ่อแม่ของเลออนนะ” พอได้ฟังจบก็กระพริบตาปริบๆ ยิ้มด้วยรอยยิ้มใสซื่อก่อนจะถึงบางอ้อ
“ห๊ะ เดี๋ยว เดี๋ยวนะ งั้นหมอนั่นนก็เป็นลูกครึ่งน่ะสิ!!! โอ๊ยตายมายก้อด แล้วนายรู้ได้ยังไง!!?” ถามเสียงดังโวยวายตามนิสัยพลางอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
“โอ๊ย เค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง นายไปอยู่ไหนมา?” ถามออกมาแล้วก็ต้องถอนหายใจกับท่าทางโอเวอร์แอกติ้งของอีกฝ่าย
“ไม่อยากจะเชื่อเลย!! กิล ฉันกลับล่ะ!!!?” ว่าจบก็วิ่งแท่ดๆๆ ออกจากโบสถ์กลับเข้าหอทันที
ปัง!!!
“เลออน!!! นายเป็นลูกครึ่งไลแคนท์จริงๆ เหรอ!!!?” อาร์น่าที่เปิดประตูผ่างออกอย่างแรงจนชนกับกำแพงเสียงดังจนสองร่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกลมหันมามอง
ร่างบางยืนจังก้ามองร่างของเลออน ลืมเรื่องเมื่อตอนบ่ายไปสนิท คนถูกถามเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายนิ่งๆ อย่าบอกว่าไอ้หมอนี่มันลืมเรื่องที่ทำกับเขาวันนี้ไปแล้ว
“โอ๊ย มองหน้าอยู่ได้ คนถามก็ตอบสิวะ” ว่าพลางก็เดินไปนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ
“แหมนะ เวลาไปก็ไว เวลามาก็ไวแถมยังมาพร้อมกับเสียงเอะอะ นี่นายไม่คิดว่าไอ้ห้องข้างๆ มันจะไม่เอามีดมาเฉาะหัวนายเหรอ เสียงดังซ้า” เร็นเอ่ยยิ้มๆ มองประตูที่เปิดอ้าซ่า
“ก็คนมันรีบ นี่เลออน เลิกอ่านหนังสือแล้วตอบฉันหน่อยสิวะ” ว่าพลางก็แย่งหนังสือมาถือไว้ ร่างสูงมองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี ไอ้หัวขโมยนี่มันจะมาไม้ไหนกันนะ
“แล้วยังไง”
“ก็แหม ^O^ มีเพื่อนเป็นว่าที่พระราชาทั้งที แถมยังเป็นลูกครึ่งไลแคนท์ ไหนลองแปลงร่างให้ดูหน่อยสิ” ร่างบางพูดอย่างเริงร่าแต่คนเป็นเจ้าชายก็สวนทันควัน
“ไม่” พูดจบก็แย่งหนังสือกลับมาไว้ในมือแล้วถือไปอ่านบนเตียง
“ไรว้า เซ็ง” พูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตัวเองพลางหลับตาพริ้ม
ร่างสูงของเจ้าชายเลออนมองร่าบางพลางส่ายหน้า เขาต้องอยู่กับไอ้ตัวยุ่งไปอีกเจ็ดปีกว่าจะจบการศึกษา ไม่รู้ว่าเขาจะต้องรับมือกับร่างบางอย่างไรถึงจะอยู่ด้วยกันรอด นี่ขนาดรู้จักกันแค่สองวัน ไอ้หมอนี่ก็ทำเอาเขาถึงกับมาดหลุด คิดแล้วก็เครียด -_-
“อืม จะว่าไป เร็นก็มีพี่น้องตั้งสี่คน เลออน แกมีพี่มีน้องกะชาวบ้านเขาไหมเนี้ย?” ร่างบางหันไปถามขมวดคิ้วมุ่น คนถูกถามเหลือบมองนิ่งๆ ไม่ตอบคำถาม
“อะไรวะ นี่แกไม่คิดจะตอบฉันเลยเหรอ ถ้างั้นแกก็ไม่ใช่เพื่อนฉัน ฉันไม่คุยกับแก” ว่าจบก็สะบัดหน้าพรืด ก่อนจะหันมามองอย่างเคือง
“นี่สรุปว่าจะไม่ตอบจริงเหรอ?”
“มีน้องสาวกับน้องชายฝาแฝด” ตอบเสียงเรียบแล้วก็อ่านหนังสือต่อ ร่างบางยิ้มเผล่ก่อนจะว่า
“ฮ่าๆ แกกลัวฉันไม่คุยด้วยอ่ะดิ^______^” เร็นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกลมหันมามองยิ้มๆ แล้วเอ่ยคำที่ร่างบางต้องสบถหงุงหงิง
“เปล่า หมอนั่นแค่รำคาญน่ะ”
.........................................................................
“ไม่อยากจะเชื่อเลย!! กิล ฉันกลับล่ะ!!!?” เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตมองตามร่างบางที่วิ่งแท่ดๆๆ ออกไป เขาล่ะกลัวจริงๆ ว่าขาสั้นๆ นั่นจะพันกันจนพาเอาร่างบางล้ม
“หึหึ เฮ้อ ช่วยไม่ได้แฮะ ส่งข่าวหน่อยแล้วกัน” พูดจบก็เดินออกจากโบสถ์ไป
*****************************************
To be continued
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ