Pandora's Heart คำสาปรักคืนใจเจ้าชายปีศาจ
เขียนโดย BlooDCherry
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.41 น.
แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558 12.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ตอนที่ 6 เรียนวันแรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 6
เรียนวันแรก
....................................................................
“...สงครามศักดิ์สิทธิ์เมื่อห้าพันปีที่แล้ว จากการช่วยเหลือของอาร์คบิชอปวาลาดิเมืยร์ ทำให้เอเดนเอาชนะทัพปีศาจของเซฟิลอสได้ในที่สุด สงครามครั้งนั้นใช้เวลานานร่วมสองศตวรรษ...”
สามคาบเช้าเป็นวิชาประวัติศาสตร์ ของอาจารย์บิชอปจัสติน ไม่น่าเชื่อว่าเด็กห้องคิงทั้งสามคนจะใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการตั้งหน้าตั้งตาหลับจนน่าหมั่นไส้ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าชายเลออน ผู้ซึ่งน่าจะตั้งใจเรียนที่สุด ก็ยังนอนฟุบอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มร่างบางที่นอนน้ำลายยืดติดโต๊ะอย่างทุเรศทุรัง
นัยน์ตาสีเขียวมรกตหันมองไปที่โต๊ะหลังสุดติดหน้าต่าง เห็นภาพนั้นแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ ไม่น่าเชื่อว่าไอ้พวกสามคนนั้นจะเป็นสามคนที่เก่งที่สุดในชั้น แม้แต่เจ้าชายเลออนก็ยังเป็นไปกับเขาด้วย!!
กิลจ้องเด็กหนุ่มผมดำที่ฟุบหน้าอยู่ตรงกลางระหว่างคนเป็นเจ้าชายกับนักฆ่า ในหัวยังนึกไปถึงตอนที่เห็นเด็กหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถไฟ สร้อยคอคริสตัลสีแดงที่ห้อยออยู่มันทำให้เขานึกถึงหลายๆ อย่าง ใบหน้าสวยเหมือนจะเคยเห็นที่ไหน แม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ผมสีดำกับตาสีสนิมนั่น เห็นแล้วทำให้นึกถึงใครบางคน
คิดแล้วก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างลืมตัว จนคิด สวอลโลว์ต้องหันมาถาม
“นายเป็นอะไรรึเปล่า เห็นมองอาร์น่าแล้วดูมีความสุขพิกล นายคงไม่....” กิลหันไปยิ้มก่อนจะว่า
“นายคิดว่าไงล่ะ”
“ไม่เอาน่า ถึงหมอนั่นจะสวยแต่ก็ผู้ชายนะ ขอร้อง นายอย่าทำให้ฉันระแวงเวลานอนร่วมห้องกะนาย” อีกฝ่ายว่าพลางทำท่าขนลุกขนชัน เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตได้แต่ยิ้มทะเล้นส่งให้
“นายไม่ต้องระแวงหรอก ต่อให้ละเมอหรือเมา ฉันก็ไม่เอานายทำเมียหรอกน่า ไม่ใช่สเป็กอ่ะ”
“เสียมารยาท -_-”
“...ผลกระทบจากสงครามทำให้แผ่นดินแยกออกเป็นสามแผ่นดินใหญ่ หนึ่งคือเอเดน มีเมืองทั้งหมดยี่สิบสามเมือง...” ทั้งสองเลิกคุยแล้วหันไปสนใจอาจารย์บิชอปจัสตินต่อ ถึงเรื่องที่อาจารย์สอนเขาจะรู้มาแล้วก็เถอะ แต่ถ้าจะให้แข่งกันหลับแบบไอ้สามคนนั้นก็กะไรอยู่จึงได้แต่นั่งยิ้มคิดเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย
“..สองคือสโนวแลนด์ มีเมืองย่อยอีกสี่เมืองในปกครองของราชินีหิมะ และอีกหนึ่งเมืองปกครองโดยราชาไลแคนท์ และดินแดนของปีศาจ เอโดลาส มีเมืองเล็กๆ มากมายในปกครองของจ้าวปีศาจเดออน...”
ปัง!!!
“ว้อยยยย น่ารำคาญจริง!!!” เสียงตบโต๊ะดังมาพร้อมกับเสียงวายวายที่หลังห้อง เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวที่นั่งเอามือเท้าคางอยู่แทบจะหน้าคะมำพร้อมๆ กับอาจารย์บิชอปจัสตินที่สะดุ้งโหยง ทั้งห้องหันไปมองเสียงโวยวายที่ดังขึ้นเมื่อครู่
เลออนกับเร็นสะดุ้งกับแรงสะเทือนและเสียงที่ดังขึ้นข้างตัว ทั้งคู่เงยหน้ามองร่างบางเจ้าของเสียงร้องโวยวายด้วยสีหน้างุนงง ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็ยังหลับอยู่ดีๆ นี่มันละเมออะไรอีกเนี่ย?
“อาร์น่า โรเวล เธอมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” เสียงทุ้มจากอาจารย์บิชอปวัยสามสิบสองถามขึ้นอย่างราบเรียบ ไม่อยากยอมรับเลยว่าเมื่อกกี้นี้เขาตกใจมากมาย
อาร์น่าขยี้ตาอย่างอึนๆ อย่างคนเพิ่งตื่นนอน เขาหันหน้าไปมองทุกคนแล้วก็ต้องงง ก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองละเมอออกมาเสียงดังแถมยังยืนหัวโด่เป็นเพื่อนอาจารย์อยู่ก็ทิ้งตัวนั่งลงเกาแก้มแกรกๆ อย่างเขินอาย
นี่ขาทำอะไรลงไป?
“ฉันไม่ว่าอะไรถ้าเธออยากจะนอน แต่ช่วยหลับอย่างเงียบๆ จะได้มั้ย?” อาจารย์บิชอปจัสตินเอ่ยยิ้มๆ อาร์น่ายิ้มแหย่ๆ แล้วฟุบหน้าลงตามเดิม เร็นเกาหัวแกรกๆ แล้วฟุบหน้านอนต่อ ตามด้วยเจ้าชายเลออนที่ฟุบหน้าตามไปอีกคน
“นายรู้รึเปล่าว่าละเมอเสียงดังจนปลุกพวกเราเนี่ย” เร็นเอ่ยเบาๆ ร่างบางหันหน้าไปทางเขาแล้วทำหน้ายุ่ง ก่อนจะว่า
“โทษที ฉันฝันแปลกๆ น่ะ”
“แปลกยังไง?”
“ก็ไม่ยังไง ได้ยินแต่เสียงใครก็ไม่รู้ในสถานที่น่าขนลุก แต่แม่งไม่เห็นตัว มันน่ารำคาญก็เลยตะโกนออกมา คิดว่ามันน่าจะดังแค่ในฝันซะอีกอ่ะ” ว่าพลางเกาแก้ม แล้วก็ทำหน้ามุ่ยแล้วว่าต่อ
“จะว่าไป เมื่อคืนก็ฝันแบบนี้แหละ” เร็นขมวดคิ้วแล้วถามต่อ
“หืม? มันเป็นยังไง”
“พวกนาย ถึงจะซุบซิบกันยังไงแต่อย่าลืมว่าฉันก็นั่งติดพวกนาย เงียบหน่อย จะนอน” สองเพื่อนซี้ชั่วข้ามคืนยิ้มแหย่ๆ ให้กันแล้วต่างคนก็ต่างนอนจนหมดคาบเช้า
.....................................................................................
“ฮ้าวววว ง่วงเว้ย!” อาร์น่าอ้าปากหาวก่อนจะขยี้หัวจนฟู ซึ่งเขาทำมันจนเป็นติดเป็นนิสัย
ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่โรงอาหาร ที่โต๊ะของหอม่วงมีคนนั่งอยู่ประปราย ร่างบางไม่พูดพร่ำทำเพลง กัดขนมปังคำโตแล้วเคี้ยวจนแก้มตุ่ย
“ไง นั่งด้วยได้มั้ย” เสียงทุ้มของกิลเอ่ยขึ้น อาร์น่าหันไปมองก่อนจะเอ่ย
“นั่งดิ” กิลวางถาดอาหารแล้วนั่งลงข้างอาร์น่า เขาขยิบตาให้แล้วเอ่ยเสียงทะเล้นอย่างคนอารมณ์ดี
“ท่าทางนายจะฝันดีนะ” อาร์น่าหันไปมองหย้าเหยเกก่อนจะว่า
“จะดีมากมายถ้านั่นเป็นสาวสวยอกบึ้ม ไม่ใช่ทะเลเลือดไร้สิ่งมีชีวิตนั่นน่ะ ให้ตายเหอะ นายคิดดูสิ ไอ้ฉันมันพวกหลับลึก นานๆ ถึงจะฝันที ดันฝันเห็นสุสานดาบเน่าๆ กับเสียงสยองๆ เรียก นายท่านๆ อยู่ได้ แล้วนายคิดดูสิ ในความฝันบ้าบอนั่นไม่มีแม้แต่ที่จะให้นั่ง!! ฉันยืนจนเมื่อยกว่าจะตื่นอ่ะ ฮึ่ย ง่ำๆๆๆ” ว่าจบก็กัดขนมปังเคี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์
“โห แต่พวกนายนี่ก็นะ ตั้งหน้าตั้งตาหลับซะฉันนึกหมั่นไส้ แม้แต่นายก็เป็นไปกับเขา” กิลส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วหันไปมองคนเป็นเจ้าชายที่ดึงขนมปังปอนออกมาเป็นก้อนแล้วจิ้มแยมเอาใส่ปาก เคี้ยวอย่างกับคนลิ้นด้านสีหน้าเหมือนไร้รสชาติ
เลออนเหลือบสายตามองกิลแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“หนังสือประวัติศาสตร์เล่มนั้น ฉันอ่านมันจบไปแล้ว ไม่จำเป็นเรียนในสิ่งที่รู้อยู่แล้ว แล้วมันก็ไม่จำเป็นสำหรับการเรียนเวทมนตร์ ฉันไม่ทำอะไรที่ไร้ประโยชน์”
“=__=” < - - อาร์น่า
“=_=” < - - เร็น
“-_-^” <- - กิล
“หมั่นไส้” ร่างบางว่าแล้วกัดขนมปังเข้าไปอีกคำ ก่อนจะยกซุปข้าวโพดขึ้นซด
“เรื่องที่รู้อยู่แล้วงั้นเหรอ? งั้นนายรู้แค่ไหนล่ะ?” ทั้งสามหันหน้าไปมองกิลเมื่ออีกฝ่ายถามออกมา เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เร็นจะเอ่ยถามก่อนอาร์น่าที่กำลังจะพูด จึงทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆ
“รู้แค่ไหน? หมายความว่าไง?”
“หึ ก็เรื่องที่พวกผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง กับเรื่องที่บันทึกในหนังสือน่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดไงล่ะ” กิลเอ่ยยิ้มๆ คนฟังทั้งสามมองหน้ากันเงียบๆ ก่อนจะมองหน้าคนพูด
“ที่โบสถ์มีรูปปั้นของเซเรฟบูชาอยู่ ถ้าอยากรู้ ก็ไปที่นั่นสิ”
“อย่ามากั๊กนะกิล ถ้าไม่อยากเล่าแล้วจะเริ่มทำหอกอะไร เล่ามาเลย” อาร์น่ากอดคออีกฝ่าย กิลยิ้มแล้วหัวเราะหึๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างมีเลศนัยน์
“ฉันไม่ทำอะไรที่เสียเปรียบ มาแลกกัน สร้อยคอของนายกับเรื่องที่ฉันจะเล่า” ร่างบางมองอีกฝ่ายงงๆ สร้อยเขาหรือ?
“เอาไปสิ” ร่างบางตอบแล้วถอดสร้อยคอออก
“ง่ายขนาดนั้นเชียว นี่มันไม่มีค่าอะไรกับนายเลยเหรอ?” กิลเลิกคิ้วถามยิ้มๆ อาร์น่าจิ๊ปากขัดใจ อะไรนักหนา เขาอยากรู้จนคันไปทั้งตัวแล้ว
“มันจะมีค่าสักกี่ตังค์เชียว รับๆ ไปแล้วก็บอกมาเหอะน่า”
“กี่ตังค์เหรอ? อืม ของชิ้นนี้มีแค่สองชิ้นเท่านั้น มูลค่าของมันก็ซื้อคฤหาสน์ได้หลังนึงเลยล่ะนะ” ได้ฟังดังนั้นมือที่ถือสร้อยอยู่ก็ค้างนิ่งอยู่กับที่ ตาลุกวาว
คะ คฤหาสน์หนึ่งหลัง!!!!
“ขนาดนั้นเชียว!!!!?” ร่างบางตาโต ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า มือไม้สั่นอย่างคนเจอของร้อน กิลยิ้มจนตาหยี เลออนกินขนมปังต่ออย่างไม่ใส่ใจ ส่วนเร็นถอนหายใจอย่างที่วันนี้คงไม่รู้เรื่องหรอก ก็ไอ้หมอนี่มันดันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพามันลงข้างทาง เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างเนียนๆ
“นายไม่รู้เหรอ?”
“ไม่ ไม่เลยสักนิด!! ระ รวยแล้ว เฮ้ย พวกนายว่าฉันควรลาออกแล้วไปเป็นเศรษฐีเจ้าของคฤหาสน์หลังเบิ้มดีมั้ย? ฮ่าๆๆๆๆ” อาร์น่าหัวเราะอย่างคนสติหลุด เลออนยังคงเงียบ เร็นจึงว่า
“นายไม่คิดจะห้ามมันหน่อยเหรอ?” กิลมองคนถามยิ้มๆ แล้วส่ายหน้าไปมา
.................................................................
“เริ่ดมาก!!!+_+” ร่างบางชูสมุดวาดภาพที่เพิ่งวาดเสร็จขึ้นเหนือศีรษะแล้วมองมันด้วยประกายตาวิบวับ
คาบบ่ายเป็นวิชาศิลปะของอาจารย์เควิน เขาสั่งให้วาดภาพสัตว์ที่ชอบมาส่ง จะวาดกี่ตัวก็ได้ แต่ต้องเสร็จภายในวันนี้
อาร์น่าหันไปมองทางเร็นเพื่อนรักแล้วก็ต้องสบถ กวางตัวผู้เขาแตกกิ่งอย่างสวยงามจนน่าหมั่นไส้ เขาไม่สนใจแล้วสะบัดบ็อบไปเหล่ภาพของเลออนทางขวามือ
“หึ หึ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ตัวอะไรวะ!!?” ร่างบางหัวเราะลั่นจนน้ำตาเล็ด เลออนหันไปมองหน้าเขียว แต่เจ้าตัวดีก็ยังคงหัวเราะแบบไม่เกรงกลัวในสายตาอำมหิตที่ส่งให้
“อะไรๆ” เร็นชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย คนเป็นเจ้าชายปิดสมุดลงทันที
“โอ๊ย ฮาว่ะ ถามจริงนะเลออน แกวาดตัวอะไร” ร่างบางหัวเราะจนน้ำตาเล็ด ทั้งห้องต่างให้ความสนใจไปที่สาหนุ่มหัวหน้าชั้นปี ที่ดูเหมือนจะเอะอะโวยวายทั้งวี่ทั้งวัน
“นายมีปัญหาอะไรกับแมวฉัน?” ถามเสียงเย็นพลางจ้องหน้าด้วยแววตาอำมหิต
“แมว!!!? โธ่ถังกระละมังหม้อ แมวประเทศนายหูย้าวยาวขนาดนั้นเหรอ พันธุ์ไหนฟร้า? อยู่แต่ในหอคอยงาช้างจนไม่เคยเห็นแมวตัวเป็นรึไง”
“ของนายดีนักรึไง?”
“ดีกว่านายเยอะ!”
“ไอ้เตี้ย พวกนายมีปัญหาอะไรกันอีกล่ะ?” เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียก ‘ไอ้เตี้ย’ สำลักน้ำลายแค่กๆ แล้วหันไปมองผู้มาเยือน
“เอเมรัลด้า!” ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นแล้วก็ต้องนั่งลงทันทีเมื่อสู้ส่วนสูงไม่ได้ มันไม่แปลกที่หญิงสาวตรงหน้าจะเรียกเขาว่าไอ้เตี้ย เพราะเจ้าหลอนน่ะสูงกว่าเขาตั้งหลายเซนต์
หญิงสาวว่าที่จักพรรดินีผิวสีแทน เจ้าของเรือนผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีอัลมอนต์จ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างรอคำตอบ
“ไม่มีอะไรแค่ตลกแมวของเลออนน่ะ คึกๆ” พูดแล้วก็อดขำไม่ได้ เลออนหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง เขาล่ะอยากจะเห็นของมันนักเชียว!
“หือ? อะไร แมวของเลออน เอามาดูซิ” ว่าจบก็ยื่นมา ร่างบางยิ้มเผล่แล้วดึงรูปจากมือของเจ้าชายส่งให้ คนเป็นเจ้าของหันขวับ
ไอ้หัวขโมยนี่!
ได้แต่ด่าในใจ เพราะภาพวาดแมวหูยาวสุดพิสดารผูกโบว์หน้าตาประหลาดถูกมุงดูด้วยเพื่อนร่วมชั้นที่ออกันเข้ามาอย่างกะมาดูของแปลก
เลออนตีหน้านิ่ง อยากดูก็ดูไปสิ อยากจะรู้นัก ว่าแมวของเขามันต่างจากของคนอื่นตรงไหน?
“หึหึ เลออน ฉันได้ยินว่าเจ้าชายจากสโนวแลนด์ฝีมือการใช้เวทเก่งกาจไร้เทียมทาน แต่ไม่คิดว่าฝีมือการวาดภาพจะดิ่งพสุธาขนาดนี้ หึหึ ข่าวใหม่” กิลพูดกลั้วหัวเราะหลังจากได้ยลโฉมภาพวาดจากเจ้าชายผู้สูงศักดิ์
“..............................” แต่หลังจากเสียงทุ้มของเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตก็ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาอีก เนื่องจากสายตาพิฆาตมารที่ส่งมาจากเจ้าชายน้ำแข็งมันน่ากลัวอย่างกับนัยน์ตาของอสูรร้าย
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” แต่ก็มีหัวขโมยไม่เจียมบอดี้อยู่บนโลกใบนี้ ร่างบางหัวเราะร่าเพราะนั่งหันหลังให้อีกฝ่ายจึงไม่เห็นดวงตาพิฆาตารที่ส่งให้เจ้าตัวตรงๆ
“โอ๊ย ดูกี่ทีๆ ก็ฮา” ร่างบางกวัดแกว่งสมุดวาดภาพไปมาอย่างอารมณ์ดี ร่างสูงของเลออนลุกขึ้นอย่างหมดความอดทน ในชีวิตนี้ เขาไม่เคยเจอใครที่อยากจะเตะให้ปลิวเลยสักคน ไม่เคยเจอใครที่ทำให้เขาฟิวส์ขาดได้ขนาดนี้เลย
ร่างบางเลิกคิ้วสูง เมื่อเพื่อนร่วมชั้นต่างถอยกรูดออกไปยืนห่างๆ ไม่เว้นแม้แต่เร็นที่โบกมือบ๊ายบายให้ ส่วนกิลนั้นยิ้มให้กำลังใจเต็มที่พลางขยับปากขมุบขมิบพอจะอ่านเป็นคำว่า
‘ไปสู่สุขคติเถิด’
อาร์น่ายิ้มค้าง เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามีออร่าแผ่ออกมาจากด้านหลัง เขาหันหัวไปมองด้วยอาการอย่างกับคนน็อตหลุด แล้วก็ปะเข้ากับอสูรกายออร่าสีดำทะมึนอย่างน่ากลัว
“แหงะ -___-^ แฮะๆ” อาร์น่ากระโดดถอยหลังอย่างไว้ ก่อนจะวิ่งไปรวมกับกลุ่มเพื่อน แต่เสียงเย็นๆ ก็ดังขึ้นอย่างน่ากลัว
“ส่งมันมา...” เพียงแค่พูดจบเท่านั้น ร่างแห้งๆ ของเด็กหนุ่มหัวขโมยก็ถูกผลักออกไปด้วยแรงมหาศาล
ร่างบางเซแท่ดๆ ไปข้างหน้าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนขาเจ้ากรรมมันจะพันกันสะดุดล้มไปด้านหน้า แต่ที่ซวยกว่าเห็นจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้
เลออนล้มลงนอนราบกับพื้นเมื่อถูกชน ร่างบางที่ยังยืนอยู่ทำท่ากระพือปีกพั่บๆ ก่อนจะล้มลงมาทับร่างของเจ้าชายน้ำแข็งอย่างแรง
จุ๊บ OxO
แล้วก็ตามด้วยสารพัดเสียงที่เซ็งแซ่ ร่างบางเบิกตาโตไม่ต่างจากเจ้าชายที่นอนอยู่ด้านล่าง
“ชะ -///-”
“อุ๊ย -0-”
“หวา >///<”
“ว้ากกกกก O////O” เมื่อสติสตางค์กลับมาครบ ร่างบางก็ร้องโวยวายแล้วถอยกรูดออกมานั่งหน้าแดงอยู่ที่พื้น เจ้าชายเลออนค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ ดูเหมือนจะตกใจช็อกจนใบ้กิน
“ฮือออออออ อะไรฟะ!!! ไอ้เจ้าชายโรคจิต” ร่างบางโวยวายพลางปิดหน้าปิดตา ก็มันจูบแรกเขานี่!!!
“....คะ” เวลาผ่านไปไม่ต่ำกว่าสามสิบวิ ในที่สุดเลออนก็เอ่ยปากออกมาเสียงเบาด้วยสีหน้านิ่งเฉยกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น กิลเงียหูฟังที่อีกฝ่ายพูดทันที
“คะ?” เขาเลิกคิ้ว ก่อนมองหน้าเจ้าชายงงๆ
“...ค้า”
“เฮ้ย เลออน พูดให้เป็นคำหน่อยสิ” เร็นที่ดูอาการอยู่ข้างๆ บอกด้วยความเป็นห่วง นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าชายมันช็อกจนพูดอะไรมั่วซั่ว
“จะฆ่ามัน.......” เจ้าชายเลออนเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย รู้สึกได้ถึงเปลวเพลิงแผดเผาในดวงตาสีฟ้าเทาที่เคยเย็นเฉียบ
“ฆ่าใคร!? เฮ้ย เลออน!!! ใจเย็นก่อนน่า อาร์น่าหนีเร็ว!!!”
*****************************************
To be continued
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ