Pandora's Heart คำสาปรักคืนใจเจ้าชายปีศาจ
8.7
เขียนโดย BlooDCherry
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.41 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
14.85K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558 12.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 2 ถูกหลอก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
ถูกหลอก
..................................................
หลังจากที่เข้ามาที่เมืองนี้นี่ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งอาทิตย์ สถานที่ต่อไปที่เราจะไปคือ เกาะขนาดใหญ่ เดรสโรซ่า พ่อบอว่ามีธุระที่นั่น ซึ่งถ้าไม่นั่งเรือก็ต้องเป็นรถไฟ และรถไฟก็จะออกแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น
ในชานชาลาแสนอัด อีกครึ่งชั่วโมงรถไฟก็จะออกแล้ว อาร์น่านั่งทับหีบไม้ใส่เสื้อผ้าหาวหวอดๆ จนน้ำตาเล็ด ใบหน้าติดจะสวยงอง้ำ เนื่องจากรอผู้เป็นพ่อมานานนับชั่วโมง เห็นบอกว่าจะเอาเกวียนไปฝาก แต่นี่ก็ปาเข้าไปแล้วตั้งเกือบสองชั่วโมง ไม่รู้ว่าพ่อของเขามัวไปร่อนอยู่ที่ไหน
หลังจากวันนั้นพ่อของเขาก็ไม่พูดเรื่องลูกแก้วอมตะนั้นอีกเลย ทำให้เด็กหนุ่มสบายใจไปเปราะหนึ่ง ถึงแม้ว่ามาคาโอจะรู้เรื่องที่เขาแอบเรียนเวทมนตร์จริงแต่เขาก็จะไม่มีวันยอมให้พ่อสลัดเขาหลุดเป็นแน่!!
โดนไล่ออกจากตระกูลก็ช่างปะไร!!!
เชอะ!!! -^-
เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางเกาคางแกรกๆ นั่งนานๆ ก็ชักเซ็ง มองดูผู้คนเดินกันขวักไขว่แล้วก็ต้องแปลกใจ คนที่เดินขึ้นขบวนไปมีแต่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาไม่ก็ดูแก่กว่าหน่อย สัมภาระมากมายถูกทยอยขนขึ้นไปไม่หยุดแล้วก็ต้องหันกลับมามองของตัวเอง อนาถนัก หีบไม้เก่าๆ กับ กระเป๋าผ้าสะพายไหล่สีซีด =_=
แล้วเมื่อไหร่พ่อของเขาจะมาเสียที? =_=
อีกยี่สิบนาทีก่อนรถไฟจะออก หลังจากที่นั่งรอจนเงก ท่านพ่อบังเกิดเกล้าก็ถึงเวลาเสด็จ -_- มาคาโอโบกมือหย็อยๆ ให้แต่ไกล แต่ไม่ยักมีข้าวของเครื่องใช้อะไรเลยสักอย่างเดียว ในมือเห็นแค่การะเปาถือสีดำ มาคาโอยื่นระเป๋าใบนั้นให้เด็กหนุ่ม เขาทำหน้างงก่อนจะเอ่ยออกมา
“หา! ข้าวของพ่อไปไหนหมดเนี่ย? แล้วนี่ไรอ่ะ” ถามพลางรับมาถืออย่างงงๆ
“เออลืม แกขึ้นไปรอก่อนเลยนะ” ผู้เป็นพ่อตอบคำถามแรกก่อนจะทำทำท่าจะหันหลังกลับทันทีเหมือนไม่ฟังคำถามที่สองเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มร่างบางรีบรั้งไว้ก่อนจะว่า
“เฮ้ย พ่อ รถไฟจะออกแล้วนะ” มาคาโอเกาแก้มแกรกๆ ทำหน้าเนือยๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“เออน่า ไปเดี๋ยวเดียว ถ้ามาไม่ทันแกก็ไปรอฉันที่นั่นเดี๋ยวนั่งเรือตามไป” เด็กหนุ่มหน้าเหวอก่อนแย้ง
“แต่ว่า!”
“โว้ย แกจะรั้งฉันไว้หาสวรรค์วิมานอะไรวะ แทนที่จะรีบไปรีบมา เอ้า ปล่อยได้แล้ว โวะ!! รีบขึ้นไปรอเลยไป” ว่าจบก็ดันหลังลูกชายให้ออกเดิน
“เข้าใจแล้วน่า รีบกลับมาด้วย!!” ว่าจบก็แบกหีบไม้เก่าๆ ไปที่โบกี้สำหรับเก็บของก่อนจะถือเอาแค่กระเป๋าถือที่พ่อถือมากับกระเป๋าสะพายไหล่ของตน
“อีกห้านาที รถไฟจะเคลื่อนขบวนออกจากชานชาลา ผู้โดยสารทุกท่านกรุณาตรวจสอบความเรียบร้อยและกรุณานั่งที่ให้เป็นระเบียบ” เสียงห้าวทุ้มประกาศบอก
ร่างบางฟังเสียงประกาศแล้วก็ร้อนใจ พ่อเขายังไม่มา คนบนรถไฟก็เริ่มแน่นขึ้น ห้องโดยสารทั้งซ้ายขวาถูกจับจองจนเกือบจะไม่มีที่เหลืออยู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มไม่สนใจ เขายืนอยู่ที่หน้าประตูคอยชะเง้อชะแง้มองลงไปยังชานชาลาเผื่อจะเห็นร่างของผู้เป็นพ่อ แต่ก็ไร้ประโยน์
อย่าบอกนะว่าเขาต้องไปเดรสโรซ่าเพียงคนเดียว ไอ้เขาเองถึงจะเดินทางไปแล้วทั่วทั้งเอเดน แต่ที่ที่ยังไม่เคยไปดันเป็นที่นั่นเสียด้วย แล้วเขาจะทำยังไงดี!?
เด็กหนุ่มคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยจนถึงเวลาที่รถไฟเคลื่อนขบวน เสียงหวูดรถไฟปลุกเขาออกจากภวังค์ ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวออกอย่างเชื่องช้า เด็กหนุ่มมองที่ชานชาลากว้างแล้วก็ต้องยิ้มออกมา
มาคาโอพ่อของเขายืนอยู่ตรงนั้น ห่างจากเขาแค่สามเมตร!!!
เฮ้ย รถไฟ!!! หยุดรอพ่อฉันก่อนสิเฮ้ย!!!!
เด็กหนุ่มคิดในใจแล้วทำหน้าเหรอหราเมื่อนึกขึ้นได้ว่ารถไฟกำลังเคลื่อนตัวออกไปแล้ว!!!!
เด็กหนุ่มมองไปยังบิดาด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี แต่แล้วเขาก็ต้องปากอ้าตาค้าง หัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วเร็วขึ้นกว่าเดิมเหมือนจะทะลุออกมานอกอกเสียให้ได้กับสิ่งที่เขาเห็น
มาคาโอยืนยิ้มส่งให้เขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
............ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ในเวลาต่อมา
.....................และยกป้ายที่เขียนด้วยลายมือไก่เขี่ยที่สุดแสนจะอ่านยากว่า
‘โง่จริงๆ เลยไอ้ลูกไง่!!!’
-0-
อะ อะ อะไรกัน!!!!! อาร์น่ายังคงงงกับชีวิต ก่อนจะวิ่งผ่านผู้คนไปด้วยความเร็วต่ำไปยังท้านขบวน เด็กหนุ่มเปิดประตูโบกี้สุดท้ายอกไปยืนนอกระเบียงที่มีอยู่น้อยนิดก่อนจะตะโกนสุดเสียง
“พ่อ!!!!!!!!” รถไฟเคลื่อนออกจากชานชาลาแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นผู้คนที่อยู่ในนั้น เด็กหนุ่มปากอ้าตาค้างจนหุบไปลงเมื่อเห็น.......
.......มาคาโอกำลังยืนโบกมือบ๊ายบายด้วยรอยยิ้มสุดเริงร่า
“......................................”
ก่อนที่ขบวนรถไฟจะเพิ่มความเร็วขึ้นจนตนเป็นพ่อลับสายตาไปในที่สุด!!!!
“ O________________O!!!!!”
อาร์น่ายืนอ้าปากหวอ สมองเริ่มประมวลผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาถึงบางอ้อในที่สุด เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันแล้วกระเป๋าถือของพ่อก็หล่นตุบลงกับพื้น......
“วะ...”
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เด็กหนุ่มกรีดร้องสุดเสียง จนประตูของห้องโดยสารในโบกี้สุดท้ายเปิดออก มีคนโผล่หน้าออกมาดูกันให้พรึ่บ!!!
น้ำทะเลสีครามกระเซ็นมาโดนใบหน้า ร่างบางหอบหายใจแฮ่กๆ เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ว่าการตะโกนสุดเสียงนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ!
โว้ย!!!!! เขาไม่น่าโง่ปล่อยพ่อกลับไปเอาของเลย!!! ไม่สิ!!!! ต้องบอกว่าไม่น่าโง่ขึ้นมารอบนรถไฟเลยต่างหากถึงจะถูก หน็อยแน่ ตาแก่เจ้าเล่ห์!!!
ร่างบางได้แต่ฮึดอัดแทบกระอักเลือดตายอยู่ตรงนี้ เจ็บครั้งนี้สาหัสนัก ตั้งแต่เกิดมาเคยโดนพ่อหลอกหลายครั้งก็จริงแต่คราวนี้เขาแพ้หมดรูปหลงเชื่อเสียสนิท!!!! ทำไมไม่นึกเอะใจเลยซักนิด!!!
สมควรตายแล้วเกิดใหม่หลายๆ รอบ!!!T^T
ตอนนี้สงบจิตสงบใจขึ้นมาได้หน่อยแล้ว อาร์น่าหันกลับไปมองในโบกี้ คนหลายคนเดินอยู่ที่ระเบียง หลายคนใส่เสื้อเชิร์ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำ แต่บางคนผูกไทสีแดงดำ บางคนผูกสีเขียวดำ บางคนสีดำฟ้า และบางคนสีม่วงดำ คนที่ผูกไทส่วนใหญ่สวมโอเวอร์โค้ทสีดำหรือไม่ก็สวมแค่คาร์ดิแกนสีเทา
อาร์น่าหันกลับมาดังเดิม เหงื่อเริ่มซึมไปทั่วร่าง รถไฟขบวนนี้มีแต่วัยรุ่นทั้งนั้นเลย แถมลักษณะการแต่งกายที่เหมือนกันนั่นยิ่งทำให้เหงื่อตกเข้าไปใหญ่ แต่ที่ทำให้แน่ใจสุดๆ เห็นจะเป็นตราสัญลักษณ์ตรงอกเสื้อซ้าย โล่สีทองรูปกริฟฟินยืนยกขาสยายปีกอย่างสง่างามตรงกลาง ด้านล่างมีดาบกับคทาไขว้อยู่ใต้โล่ทอง
เด็กหนุ่มซบหน้าลงฝ่ามือ ทำไมเขาไม่เอะใจเลยวะเนี่ย!!!!!!
อยากร้องไห้ชะมัด.......
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างบางหันขวับกลับไป น้ำตาที่ปริ่มๆ เมื่อครู่ไหลทะลักกลับข้าไปอย่างไว ผู้มาใหม่เบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับสู่ปกติ ผู้มาใหม่มองเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มเองก็มองเขา
คนคนนี้สูงกว่าเขานิดหน่อย รูปร่างหน้าตาจัดว่าดีมาก เขามีเรือนผมสีเหลืองอ่อนๆ ดวงตาสีเขียวมรกต จมูกโด่ง หน้าเรียว ปากสีชมพูระเรื่อ หมอนี่ใส่เสื้อเชิร์ตสีขาว ทับด้วยเสื้อกั๊กหนังสีน้ำตาลเข้ม ไม่ผูกไท กางเกงสีดำเข้ารูป
“หืม นายเองเหรอที่ร้องโวยวายเมื้อกี้นี้น่ะ?” เสียงทะเล้นเอ่ยถามออกมาหลังจากมองหน้ากันนานสองนานอีกฝ่ายก็ไม่พูดเสียที
อาร์น่าเบ้ปาก อยากจะบ้าตายสักพันรอบในหนึ่งวิฯ จริงๆ เล้ยพับผ่าสิ!!!!!
เด็กหนุ่มหันหน้ากลับไปซบลงกับฝ่ามือดังเดิม ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผู้มาใหม่หรี่ตามองก่อนจะยกยิ้มขึ้นพลางหยิบเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“นายคือ อาร์น่า โรเวล สินะ” เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตว่ายิ้มๆ เด็กหนุ่มร่างบางหันขวับกลับไปมองด้วยหน้าตื่นๆ
“มีคนฝากนี่ให้นายก่อนที่รถไฟจะออกน่ะ”ว่าพลางก็ยื่นของสิ่งหนึ่งให้ มันคือซองจดหมายสีขาว ไม่จ่าหน้าซอง ไม่เขียนชื่อผู้ส่ง ไม่อะไรทั้งนั้น
“เอ่อ ขอบใจ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร เด็กหนุ่มรับมาเปิดอ่านอย่างไว ไอ้หนุ่มหน้ามนผมสีเหลืองก็ยังคงมองเขาด้วยสายตาทะเล้น แต่ร่างบางไม่สนใจ
เขาฉีกซองจดหมายออกแล้วแกะอ่านทันที
แล้วเขาก็ต้องฉุนกึกกับเนื้อหาในจดหมาย พ่อเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาจริงๆ เสียด้วย!!!
ถึง เจ้าลูกโง่
ถ้าแกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าแกนั้นโดนฉันหลอกไปปล่อยเกาะแล้วเรียบร้อยอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น รถไฟขบวนที่แกขึ้นไปเป็นของโรงเรียนเซนต์วาลาดิเมียร์ อย่าได้คิดที่จะลงสถานีอื่นเพราะมันจะจอดแค่สถานีของโรงเรียนเท่านั้น หรือถ้าแกอยากหนีจริงๆ ก็กระโดดลงทะเลว่ายน้ำกลับมาเอาเอง แต่แกคงไม่มีปัญญาเพราะเสือกโง่ว่ายน้ำไม่เป็น อ๊ะ แต่ถ้าอ่านจดหมายฉบับนี้จบแล้วรู้สึกว่าเกิดอยากตายขึ้นมาฉันแนะนำเพราะในทะเลมีฉลามกันอื้อซ่าแบบว่าแกกระโดดลงไปปุ๊บแกก็โดนงาบปั๊บ รับรองเลยว่าตายชัวร์ไม่ต้องกลัวว่าจะพิการ ฉันรู้ว่าแกคงจะหงุดหงิดและโกรธฉันมาก แต่......ใครจะสน นั่นมันเรื่องของแกไม่เกี่ยวกับฉัน มันช่วยไม่ได้ที่ฉันต้องใช้วิธีนี้ ถ้าแกไม่ปฏิเสธแผนการสุดเริ่ดของฉัน แกก็คงไม่โดนฉันหลอกยังงี้หรอกนะ บ๊ายบาย
ปล. ฉันอุตส่าห์เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาอย่างเร่งรีบ สรรเสริญฉันเสียด้วยล่ะ!!
ปล.อีกครั้ง ในกระเป๋าถือมีจดหมายอีกฉบับให้เปิดอ่านหลังจากเป็นนักเรียนของที่นั้นแล้ว
พ่อของแก...
แคว่ก!
กระดาษในมือผมขาดออกเป็นสองส่วนทันทีที่อ่านจบ เส้นเอ็นบนมือขึ้นจนเห็นได้ชัดเช่นเดียวกับเส้นเลือดในสมองที่ปูดโปนออกมา ผมกัดฟันกรอด อย่างจะจับหัวไอ้พ่อบ้านั่นโขกกับเสาปูนสักต้นจริงๆ ให้ตายสิพับผ่า!!!
แคว่ก แคว่ก แคว่ก แคว่ก
ผมบรรจงฉีกกระดาษทั้งหมดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วปล่อยให้มันปลิวลงทะเลไปด้วยความเดือดดาล ก่อนจะกรีดร้องขึ้นอีกครั้งจนไอ้หนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังสะดุ้งเฮือก
“ว้ากกกกกกกกกกกกกก ตาแกหัวเถิกเอ๊ย ทำกันได้ลงคอนะ!!!!!!!! แฮ่กๆ” พูดจบก็หอบหายใจ
“หึหึ นายนี่ชอบโวยวายจังเนอะ จดหมายเขียนว่าไงงั้นเหรอ? ^_^”
“หา!!!?”
“เปล่า ว่าแต่นายยังไม่เปลี่ยนชุดอีกเหรอ อีกสิบห้านาทีก็จะถึงโรงเรียนแล้วนะ” เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตถามพลางเลิกคิ้วมองเสื้อผ้าของเด็กหนุ่ม เสื้อเชิร์ตแขนสั้นสีขาวผูกโบวเส้นเล็กสีแดงสดกางเกงสีดำเข้ารูปกับรองเท้าบูทครึ่งแข้งสีน้ำตาล
“เสื้อ? =_=” อาร์น่าถามเสียงสูง จริงสิ เขาไม่รู้ว่าไอ้พ่อบ้านั่นได้ซื้อเครื่องแบบให้เขาหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นก็ลองเปิดกระเป๋าถือที่พ่อให้มาออกดู โชคดีที่พ่อยังอุตส่าห์ลงทุนซื้อชุดให้!!=_=
“ไปเปลี่ยนที่ห้องของฉันสิ ฉันนั่งคนเดียว” พูดสียงทะเล้นพลางกวักมือเรียกให้เด็กหนุ่มตามไป
**************************************
To be continued
ถูกหลอก
..................................................
หลังจากที่เข้ามาที่เมืองนี้นี่ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งอาทิตย์ สถานที่ต่อไปที่เราจะไปคือ เกาะขนาดใหญ่ เดรสโรซ่า พ่อบอว่ามีธุระที่นั่น ซึ่งถ้าไม่นั่งเรือก็ต้องเป็นรถไฟ และรถไฟก็จะออกแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น
ในชานชาลาแสนอัด อีกครึ่งชั่วโมงรถไฟก็จะออกแล้ว อาร์น่านั่งทับหีบไม้ใส่เสื้อผ้าหาวหวอดๆ จนน้ำตาเล็ด ใบหน้าติดจะสวยงอง้ำ เนื่องจากรอผู้เป็นพ่อมานานนับชั่วโมง เห็นบอกว่าจะเอาเกวียนไปฝาก แต่นี่ก็ปาเข้าไปแล้วตั้งเกือบสองชั่วโมง ไม่รู้ว่าพ่อของเขามัวไปร่อนอยู่ที่ไหน
หลังจากวันนั้นพ่อของเขาก็ไม่พูดเรื่องลูกแก้วอมตะนั้นอีกเลย ทำให้เด็กหนุ่มสบายใจไปเปราะหนึ่ง ถึงแม้ว่ามาคาโอจะรู้เรื่องที่เขาแอบเรียนเวทมนตร์จริงแต่เขาก็จะไม่มีวันยอมให้พ่อสลัดเขาหลุดเป็นแน่!!
โดนไล่ออกจากตระกูลก็ช่างปะไร!!!
เชอะ!!! -^-
เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางเกาคางแกรกๆ นั่งนานๆ ก็ชักเซ็ง มองดูผู้คนเดินกันขวักไขว่แล้วก็ต้องแปลกใจ คนที่เดินขึ้นขบวนไปมีแต่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาไม่ก็ดูแก่กว่าหน่อย สัมภาระมากมายถูกทยอยขนขึ้นไปไม่หยุดแล้วก็ต้องหันกลับมามองของตัวเอง อนาถนัก หีบไม้เก่าๆ กับ กระเป๋าผ้าสะพายไหล่สีซีด =_=
แล้วเมื่อไหร่พ่อของเขาจะมาเสียที? =_=
อีกยี่สิบนาทีก่อนรถไฟจะออก หลังจากที่นั่งรอจนเงก ท่านพ่อบังเกิดเกล้าก็ถึงเวลาเสด็จ -_- มาคาโอโบกมือหย็อยๆ ให้แต่ไกล แต่ไม่ยักมีข้าวของเครื่องใช้อะไรเลยสักอย่างเดียว ในมือเห็นแค่การะเปาถือสีดำ มาคาโอยื่นระเป๋าใบนั้นให้เด็กหนุ่ม เขาทำหน้างงก่อนจะเอ่ยออกมา
“หา! ข้าวของพ่อไปไหนหมดเนี่ย? แล้วนี่ไรอ่ะ” ถามพลางรับมาถืออย่างงงๆ
“เออลืม แกขึ้นไปรอก่อนเลยนะ” ผู้เป็นพ่อตอบคำถามแรกก่อนจะทำทำท่าจะหันหลังกลับทันทีเหมือนไม่ฟังคำถามที่สองเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มร่างบางรีบรั้งไว้ก่อนจะว่า
“เฮ้ย พ่อ รถไฟจะออกแล้วนะ” มาคาโอเกาแก้มแกรกๆ ทำหน้าเนือยๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“เออน่า ไปเดี๋ยวเดียว ถ้ามาไม่ทันแกก็ไปรอฉันที่นั่นเดี๋ยวนั่งเรือตามไป” เด็กหนุ่มหน้าเหวอก่อนแย้ง
“แต่ว่า!”
“โว้ย แกจะรั้งฉันไว้หาสวรรค์วิมานอะไรวะ แทนที่จะรีบไปรีบมา เอ้า ปล่อยได้แล้ว โวะ!! รีบขึ้นไปรอเลยไป” ว่าจบก็ดันหลังลูกชายให้ออกเดิน
“เข้าใจแล้วน่า รีบกลับมาด้วย!!” ว่าจบก็แบกหีบไม้เก่าๆ ไปที่โบกี้สำหรับเก็บของก่อนจะถือเอาแค่กระเป๋าถือที่พ่อถือมากับกระเป๋าสะพายไหล่ของตน
“อีกห้านาที รถไฟจะเคลื่อนขบวนออกจากชานชาลา ผู้โดยสารทุกท่านกรุณาตรวจสอบความเรียบร้อยและกรุณานั่งที่ให้เป็นระเบียบ” เสียงห้าวทุ้มประกาศบอก
ร่างบางฟังเสียงประกาศแล้วก็ร้อนใจ พ่อเขายังไม่มา คนบนรถไฟก็เริ่มแน่นขึ้น ห้องโดยสารทั้งซ้ายขวาถูกจับจองจนเกือบจะไม่มีที่เหลืออยู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มไม่สนใจ เขายืนอยู่ที่หน้าประตูคอยชะเง้อชะแง้มองลงไปยังชานชาลาเผื่อจะเห็นร่างของผู้เป็นพ่อ แต่ก็ไร้ประโยน์
อย่าบอกนะว่าเขาต้องไปเดรสโรซ่าเพียงคนเดียว ไอ้เขาเองถึงจะเดินทางไปแล้วทั่วทั้งเอเดน แต่ที่ที่ยังไม่เคยไปดันเป็นที่นั่นเสียด้วย แล้วเขาจะทำยังไงดี!?
เด็กหนุ่มคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยจนถึงเวลาที่รถไฟเคลื่อนขบวน เสียงหวูดรถไฟปลุกเขาออกจากภวังค์ ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวออกอย่างเชื่องช้า เด็กหนุ่มมองที่ชานชาลากว้างแล้วก็ต้องยิ้มออกมา
มาคาโอพ่อของเขายืนอยู่ตรงนั้น ห่างจากเขาแค่สามเมตร!!!
เฮ้ย รถไฟ!!! หยุดรอพ่อฉันก่อนสิเฮ้ย!!!!
เด็กหนุ่มคิดในใจแล้วทำหน้าเหรอหราเมื่อนึกขึ้นได้ว่ารถไฟกำลังเคลื่อนตัวออกไปแล้ว!!!!
เด็กหนุ่มมองไปยังบิดาด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี แต่แล้วเขาก็ต้องปากอ้าตาค้าง หัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วเร็วขึ้นกว่าเดิมเหมือนจะทะลุออกมานอกอกเสียให้ได้กับสิ่งที่เขาเห็น
มาคาโอยืนยิ้มส่งให้เขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
............ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ในเวลาต่อมา
.....................และยกป้ายที่เขียนด้วยลายมือไก่เขี่ยที่สุดแสนจะอ่านยากว่า
‘โง่จริงๆ เลยไอ้ลูกไง่!!!’
-0-
อะ อะ อะไรกัน!!!!! อาร์น่ายังคงงงกับชีวิต ก่อนจะวิ่งผ่านผู้คนไปด้วยความเร็วต่ำไปยังท้านขบวน เด็กหนุ่มเปิดประตูโบกี้สุดท้ายอกไปยืนนอกระเบียงที่มีอยู่น้อยนิดก่อนจะตะโกนสุดเสียง
“พ่อ!!!!!!!!” รถไฟเคลื่อนออกจากชานชาลาแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นผู้คนที่อยู่ในนั้น เด็กหนุ่มปากอ้าตาค้างจนหุบไปลงเมื่อเห็น.......
.......มาคาโอกำลังยืนโบกมือบ๊ายบายด้วยรอยยิ้มสุดเริงร่า
“......................................”
ก่อนที่ขบวนรถไฟจะเพิ่มความเร็วขึ้นจนตนเป็นพ่อลับสายตาไปในที่สุด!!!!
“ O________________O!!!!!”
อาร์น่ายืนอ้าปากหวอ สมองเริ่มประมวลผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาถึงบางอ้อในที่สุด เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันแล้วกระเป๋าถือของพ่อก็หล่นตุบลงกับพื้น......
“วะ...”
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เด็กหนุ่มกรีดร้องสุดเสียง จนประตูของห้องโดยสารในโบกี้สุดท้ายเปิดออก มีคนโผล่หน้าออกมาดูกันให้พรึ่บ!!!
น้ำทะเลสีครามกระเซ็นมาโดนใบหน้า ร่างบางหอบหายใจแฮ่กๆ เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ว่าการตะโกนสุดเสียงนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ!
โว้ย!!!!! เขาไม่น่าโง่ปล่อยพ่อกลับไปเอาของเลย!!! ไม่สิ!!!! ต้องบอกว่าไม่น่าโง่ขึ้นมารอบนรถไฟเลยต่างหากถึงจะถูก หน็อยแน่ ตาแก่เจ้าเล่ห์!!!
ร่างบางได้แต่ฮึดอัดแทบกระอักเลือดตายอยู่ตรงนี้ เจ็บครั้งนี้สาหัสนัก ตั้งแต่เกิดมาเคยโดนพ่อหลอกหลายครั้งก็จริงแต่คราวนี้เขาแพ้หมดรูปหลงเชื่อเสียสนิท!!!! ทำไมไม่นึกเอะใจเลยซักนิด!!!
สมควรตายแล้วเกิดใหม่หลายๆ รอบ!!!T^T
ตอนนี้สงบจิตสงบใจขึ้นมาได้หน่อยแล้ว อาร์น่าหันกลับไปมองในโบกี้ คนหลายคนเดินอยู่ที่ระเบียง หลายคนใส่เสื้อเชิร์ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำ แต่บางคนผูกไทสีแดงดำ บางคนผูกสีเขียวดำ บางคนสีดำฟ้า และบางคนสีม่วงดำ คนที่ผูกไทส่วนใหญ่สวมโอเวอร์โค้ทสีดำหรือไม่ก็สวมแค่คาร์ดิแกนสีเทา
อาร์น่าหันกลับมาดังเดิม เหงื่อเริ่มซึมไปทั่วร่าง รถไฟขบวนนี้มีแต่วัยรุ่นทั้งนั้นเลย แถมลักษณะการแต่งกายที่เหมือนกันนั่นยิ่งทำให้เหงื่อตกเข้าไปใหญ่ แต่ที่ทำให้แน่ใจสุดๆ เห็นจะเป็นตราสัญลักษณ์ตรงอกเสื้อซ้าย โล่สีทองรูปกริฟฟินยืนยกขาสยายปีกอย่างสง่างามตรงกลาง ด้านล่างมีดาบกับคทาไขว้อยู่ใต้โล่ทอง
เด็กหนุ่มซบหน้าลงฝ่ามือ ทำไมเขาไม่เอะใจเลยวะเนี่ย!!!!!!
อยากร้องไห้ชะมัด.......
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างบางหันขวับกลับไป น้ำตาที่ปริ่มๆ เมื่อครู่ไหลทะลักกลับข้าไปอย่างไว ผู้มาใหม่เบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับสู่ปกติ ผู้มาใหม่มองเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มเองก็มองเขา
คนคนนี้สูงกว่าเขานิดหน่อย รูปร่างหน้าตาจัดว่าดีมาก เขามีเรือนผมสีเหลืองอ่อนๆ ดวงตาสีเขียวมรกต จมูกโด่ง หน้าเรียว ปากสีชมพูระเรื่อ หมอนี่ใส่เสื้อเชิร์ตสีขาว ทับด้วยเสื้อกั๊กหนังสีน้ำตาลเข้ม ไม่ผูกไท กางเกงสีดำเข้ารูป
“หืม นายเองเหรอที่ร้องโวยวายเมื้อกี้นี้น่ะ?” เสียงทะเล้นเอ่ยถามออกมาหลังจากมองหน้ากันนานสองนานอีกฝ่ายก็ไม่พูดเสียที
อาร์น่าเบ้ปาก อยากจะบ้าตายสักพันรอบในหนึ่งวิฯ จริงๆ เล้ยพับผ่าสิ!!!!!
เด็กหนุ่มหันหน้ากลับไปซบลงกับฝ่ามือดังเดิม ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผู้มาใหม่หรี่ตามองก่อนจะยกยิ้มขึ้นพลางหยิบเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“นายคือ อาร์น่า โรเวล สินะ” เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตว่ายิ้มๆ เด็กหนุ่มร่างบางหันขวับกลับไปมองด้วยหน้าตื่นๆ
“มีคนฝากนี่ให้นายก่อนที่รถไฟจะออกน่ะ”ว่าพลางก็ยื่นของสิ่งหนึ่งให้ มันคือซองจดหมายสีขาว ไม่จ่าหน้าซอง ไม่เขียนชื่อผู้ส่ง ไม่อะไรทั้งนั้น
“เอ่อ ขอบใจ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร เด็กหนุ่มรับมาเปิดอ่านอย่างไว ไอ้หนุ่มหน้ามนผมสีเหลืองก็ยังคงมองเขาด้วยสายตาทะเล้น แต่ร่างบางไม่สนใจ
เขาฉีกซองจดหมายออกแล้วแกะอ่านทันที
แล้วเขาก็ต้องฉุนกึกกับเนื้อหาในจดหมาย พ่อเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาจริงๆ เสียด้วย!!!
ถึง เจ้าลูกโง่
ถ้าแกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าแกนั้นโดนฉันหลอกไปปล่อยเกาะแล้วเรียบร้อยอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น รถไฟขบวนที่แกขึ้นไปเป็นของโรงเรียนเซนต์วาลาดิเมียร์ อย่าได้คิดที่จะลงสถานีอื่นเพราะมันจะจอดแค่สถานีของโรงเรียนเท่านั้น หรือถ้าแกอยากหนีจริงๆ ก็กระโดดลงทะเลว่ายน้ำกลับมาเอาเอง แต่แกคงไม่มีปัญญาเพราะเสือกโง่ว่ายน้ำไม่เป็น อ๊ะ แต่ถ้าอ่านจดหมายฉบับนี้จบแล้วรู้สึกว่าเกิดอยากตายขึ้นมาฉันแนะนำเพราะในทะเลมีฉลามกันอื้อซ่าแบบว่าแกกระโดดลงไปปุ๊บแกก็โดนงาบปั๊บ รับรองเลยว่าตายชัวร์ไม่ต้องกลัวว่าจะพิการ ฉันรู้ว่าแกคงจะหงุดหงิดและโกรธฉันมาก แต่......ใครจะสน นั่นมันเรื่องของแกไม่เกี่ยวกับฉัน มันช่วยไม่ได้ที่ฉันต้องใช้วิธีนี้ ถ้าแกไม่ปฏิเสธแผนการสุดเริ่ดของฉัน แกก็คงไม่โดนฉันหลอกยังงี้หรอกนะ บ๊ายบาย
ปล. ฉันอุตส่าห์เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาอย่างเร่งรีบ สรรเสริญฉันเสียด้วยล่ะ!!
ปล.อีกครั้ง ในกระเป๋าถือมีจดหมายอีกฉบับให้เปิดอ่านหลังจากเป็นนักเรียนของที่นั้นแล้ว
พ่อของแก...
แคว่ก!
กระดาษในมือผมขาดออกเป็นสองส่วนทันทีที่อ่านจบ เส้นเอ็นบนมือขึ้นจนเห็นได้ชัดเช่นเดียวกับเส้นเลือดในสมองที่ปูดโปนออกมา ผมกัดฟันกรอด อย่างจะจับหัวไอ้พ่อบ้านั่นโขกกับเสาปูนสักต้นจริงๆ ให้ตายสิพับผ่า!!!
แคว่ก แคว่ก แคว่ก แคว่ก
ผมบรรจงฉีกกระดาษทั้งหมดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วปล่อยให้มันปลิวลงทะเลไปด้วยความเดือดดาล ก่อนจะกรีดร้องขึ้นอีกครั้งจนไอ้หนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังสะดุ้งเฮือก
“ว้ากกกกกกกกกกกกกก ตาแกหัวเถิกเอ๊ย ทำกันได้ลงคอนะ!!!!!!!! แฮ่กๆ” พูดจบก็หอบหายใจ
“หึหึ นายนี่ชอบโวยวายจังเนอะ จดหมายเขียนว่าไงงั้นเหรอ? ^_^”
“หา!!!?”
“เปล่า ว่าแต่นายยังไม่เปลี่ยนชุดอีกเหรอ อีกสิบห้านาทีก็จะถึงโรงเรียนแล้วนะ” เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตถามพลางเลิกคิ้วมองเสื้อผ้าของเด็กหนุ่ม เสื้อเชิร์ตแขนสั้นสีขาวผูกโบวเส้นเล็กสีแดงสดกางเกงสีดำเข้ารูปกับรองเท้าบูทครึ่งแข้งสีน้ำตาล
“เสื้อ? =_=” อาร์น่าถามเสียงสูง จริงสิ เขาไม่รู้ว่าไอ้พ่อบ้านั่นได้ซื้อเครื่องแบบให้เขาหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นก็ลองเปิดกระเป๋าถือที่พ่อให้มาออกดู โชคดีที่พ่อยังอุตส่าห์ลงทุนซื้อชุดให้!!=_=
“ไปเปลี่ยนที่ห้องของฉันสิ ฉันนั่งคนเดียว” พูดสียงทะเล้นพลางกวักมือเรียกให้เด็กหนุ่มตามไป
**************************************
To be continued
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ