Pandora's Heart คำสาปรักคืนใจเจ้าชายปีศาจ
เขียนโดย BlooDCherry
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.41 น.
แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558 12.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ตอนที่ 3 โรงเรียนศาสตร์เวทมนตร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3
โรงเรียนศาสตร์เวทมนตร์
..................................................................
อาร์น่าเดินตามเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตไปยังห้องโดยสารของโบกี้ถัดไป เด็กหนุ่มนั่งลงแล้วถอนหายใจ เขายังไม่รู้แม้กระทั่งชื่ออีกฝ่าย ทั้งที่หมอนี่อุตส่าห์เอาจดหมายของพ่อมาส่งให้
แต่นึกดูอีกทีก็รู้สึกแปลกใจ เขาไม่ได้บอกใครเสียหน่อยว่าเขาชื่ออะไร แล้วก็ไม่ได้เขียนชื่อติดหน้าผากไว้ด้วย แล้วไอ้หมอนี่รู้ได้ไงว่าเราคืออาร์น่า โรเวล
“ทำหน้าสงสัยอะไรงั้นเหรอ ถ้าเรื่องที่ฉันรู้ว่าทำไมนายชื่ออาร์น่า โรเวลน่ะเหรอ ก็คนที่ฝากมา ดูเหมือนจะเป็นพ่อของนายใช่มั้ยล่ะ เขาบอกกับชั้นตอนที่กำลังจะก้าวขึ้นไฟว่า ให้ส่งจดหมายฉบับนั้นให้ผู้ชายตัวเล็ก ผมสีดำ สูงไม่เกินร้อยเจ็ดสิบสอง แถมหน้าสวยเหมือนผู้หญิง ชื่ออาร์น่า โรเวล ตอนฉันเห็นนายทีแรกนะ ฉันก็รู้เลยว่านายเป็นใคร” อาร์น่ากระพริบตาปริบๆ เขายังไม่ได้ถามเสียหน่อย หมอนี่มัน!
เอสเปอร์!!!!
“ไม่ใช่พลังที่สะดวกอย่างนั้นหรอกนะ แต่หน้านายมันฟ้องน่ะ” เด็กหนุ่มผมเหลืองพูดเสียงทะเล้นพลางยิ้มส่งให้ เด็กหนุ่มร่างบางยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
มะ ไม่จริงแล้วมั้ง!!!
“จริงๆ นะ”
“-0-”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ นายนี่ตลกเนอะ ฉันชักชอบนายเข้าแล้วสิ แต่ว่านะ คุยกันมาตั้งนานฉันยังไม่ได้บอกชื่อเลยนี่เนอะ ฉันชื่อ กิล เดอเรย์ เรียกกิลเฉยๆ ก็ได้ ^_^” คนสูงกว่าว่ายิ้มๆ อาร์น่าพยักหน้าให้ ความจริงเขาเองก็ว่าจะถามชื่อหมอนี่อยู่แล้ว แต่มันหงุดหงิดเรื่องของคนเป็นพ่อก็เลยยังไม่ได้ถาม
“ฉัน อาร์น่า”
“รู้แล้วล่ะ อย่ามัวแต่นั่งสิ นายควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้เลย เพราะ อีกสิบหน้านาทีก็จะถึงแล้ว” อาร์น่าพยักหน้าหงึกๆ แล้วเปิดกระเป๋าถือใส่เครื่องแบบนักเรียน
ร่างบางปลดกระดุมออกทีละเม็ดแล้วถอดเสื้อออกก่อน กิล ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นดังนั้นก็เอ่ยเสียงทะเล้นว่า
“หืม นายนี่ผอมชะมัด เหมือนถัวงอกเลยอ่ะ ฉันเรียกนายว่าถั่วงอกได้ป่ะ?”
“ก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วสิ ใครเป็นถั่วงอกกัน แล้วก็อย่ามองตอนที่คนอื่นเปลี่ยนเสื้อผ้าได้มั้ย นายมันโรคจิตรึไงฟะ!!” อาร์น่าว้ากใส่แต่ กิลกลับหัวราะคิกคัก
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ ก็ผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ หรือนายไม่ใช่”
ไอ้บ้านี่ =_=
เด็กหนุ่มคิดในใจแล้วติดกระดุมเสื้อเชิร์ตแขนยาวให้เรียบร้อย แต่พอจะปลดกระดุมกางเกงเขาก็ต้องเงยหน้าไปมองที่ไอ้หนุ่มผมเหลือง เมื่ออีกฝ่ายจ้องซะตาแทบถลน นี่คือแบบกะจะมองให้ทะลุไปถึงไอ้หนูเขาเลยรึไงเนี่ย!!!!!-_+
“เอ่อ นี่นาย” อาร์น่าเอ่ยทักขึ้นเมื่อกิลไม่มีทีท่าว่าจะหันสายตาหนีไปมองที่อื่นเลยซักนิด
“หืม? ทำไมไม่รีบเปลี่ยนล่ะ?” ถามหน้าตายอย่างหน้าถีบ ไอ้หมอนี่มันหน้ามึนจริงเว้ย!!!
“เลิกมองได้แล้ว ของนายกับของฉันมันก็มีเหมือนๆ กันนั่นแหละน่า จะมองให้ได้อะไรฟะ ขนลุกชะมัด” ว่าพลางก็ส่งสายตาดุๆ ไปให้ กิลยิ้มรับแล้วหัวเราะก่อนจะเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“ก็จะพิสูจน์ไงว่านายมีเหมือนกันจริงอ้ะป่าว”
“นี่นายจะกวนกันให้ได้ใช่มะ? ถ้าฉันเปลี่ยนชุดไม่ทันมันก็เพราะนายคนเดียวเลยนะเฮ้ย!” ร่างบางเริ่มจะง้องแง้ง คนยิ่งหงุดหงิดนะ!!
“เข้าใจแล้วๆ คิก”
แล้วเด็กหนุ่มนามอาร์น่าก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จในเวลาต่อมา เขามองของที่เหลืออยู่ในกระเป๋าแล้วก็ต้องทำหน้าอึมครึม =_= เมื่อเห็นของที่อยู่ข้างใน ต่างจากกิลที่กำลังสำรวจมันด้วยความสนใจหรือเปล่าเด็กหนุ่มเองก็ไม่แน่ใจนัก
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจออกมา คล้ายวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง จะส่งเขามาขโมยของดีทั้งทีแต่ไม่คิดจะลงทุนเลยสินะ
เด็กหนุ่มมองคทาในกระเป๋า ขนาดยาวหกสิบเซนติเมตรโดยประมาณ ด้ามทำจากไม้อะไรไม่รู้แต่ดูเหมือนมันเริ่มจะผุ สงสัยพลังเวทในนั้นคงร่อยหรอเต็มที ส่วนดาบที่เห็นนั่นไม่รู้ว่าพ่อไปงัดออกมาจากหลืบไหนซอกไหนของโลกก็มิอาจทราบได้ เพราะนอกจากด้ามจับจะเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแถมยังมีเลือดเกาะอยู่ประปราย โกร่งดาบยังมีแต่รอยขีดข่วน ส่วนใบดาบนั้นอย่าได้พูดถึง =_=
มีแต่รอยบิ่นยังกะฟันปลา.........
แถมมันยังหักเป็นสองท่อนซะงั้น!!!!-0-
“ดาบนี่เจ๋งไปเลย!!” กิลเอ่ยพลางมองดูด้วยความสนใจ
“ห๊า!!! เจ๋งตรงไหน นี่มันอะไรกันฟะ ไอ้พ่อบ้า!!! โธ่ ถ้าจะให้ดาบซังกระบ๊วยนี่มานะ ไม่ให้ไม้หน้าสามมาเลยล่ะ!!!” อาร์น่าแทบกระอักเลือดจับส่วนที่เป็นด้ามกับส่วนที่เป็นปลายดาบออกมาเขย่าขึ้นลงอย่างนึกโมโห
“ขบวนรถไฟกำลังเข้าเทียบชานชาลา ผู้โดยสารทุกท่านกรุณาตรวจเช็คสิ่งของก่อนจะลุกออกจากที่นั่ง” เสียงประกาศดังขึ้นเมื่อรถไฟเข้าเทียบชานชาลา
ห๊า!!!!
เด็กหนุ่มร้องในใจมัวแต่สนใจของในกระเป๋าจนลืมทำใจเสียสนิท!!! ตายล่ะหว่าเขายังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ!!!!
อาร์น่าเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าถือรวมทั้งเสื้อผ้าตัวเก่า ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่ มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าที่มาคาโอให้แล้วเดินตามกิลลงจากขบวนรถไฟ
ชานชาลาของที่นี่ก็ไม่ได้ต่างจากที่อื่นมากนักแต่ก็ดูดีกว่ามากโข แถมที่ชายชาลายังเต็มไปด้วยเด็กรุ่นเอ๊าะๆ ทั้งนั้น มองดูก็ราวๆ พันกว่าคน ร่างบางกระพริบตาปริบๆ เพิ่งจะรู้สึกว่ารถไฟขบวนที่เขานั่งมานี่ใหญ่และยาวใช่เล่น ถึงขนาดบรรจุคนจำนวนขนาดนี้ได้
“ประกาศๆ เงียบกันหน่อยนะ ขอให้นักเรียนปีสองถึงปีเจ็ดทุกคนไปรวมกันที่ห้องโถงใหญ่ ส่วนนักเรียนใหม่มารวมกันตรงนี้ด้วย ย้ำอีกครั้ง ขอให้นักเรียนปีสองถึงปีเจ็ดทุกคนไปรวมกันที่ห้องโถงใหญ่ ส่วนนักเรียนใหม่มารวมกันตรงนี้ด้วย!!” เสียงแหบของชายร่างสูงใหญ่ผมยาวรุงรังสวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่เอ่ยเสียงดัง นักเรียนที่ได้ยินต่างก็รีบเร่งเดินออกไป
อาร์น่าเดินตามกิลไปรวมกลุ่มกับพวกเด็กใหม่ เขามองซ้ายมองขวา มีประมาณร้อยกว่าคนเห็นจะได้ คนหกสิบเปอร์เซนต์เป็นผู้ชาย ส่วนเด็กผู้หญิงคนที่น่ารักๆ ก็เยอะใช่เล่น
“ฉันเป็นอาจารย์ ชื่อ ฮันเนส เอกิ้นส์ พวกเธอเอาสัมภาระวางกองไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวจะมีคนยกไปเก็บที่ห้องพักให้ งั้นช่วยเข้าแถวตามชื่อที่เรียกด้วยนะทุกคน” อาจารย์คนนั้นพูดแล้วยิ้มใจดี เด็กหนุ่มร่างบางมองเขาแล้วเกาแก้มแกรกๆ เฮ่อ
............................................................................
นักเรียนใหม่ทั้งหมดเดินเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่สุดโอ่อ่า อาร์น่ามองไปรอบห้องอย่างตกตะลึง นี่มันไม่ต่างไปจากพระราชวังเลยสักนิด!!
หน้าห้องโถงใหญ่มีเวทียกสูงกว้างสิบเมตรยาวเกือบเท่าความกว้างของห้อง หน้าเวทีเป็นโต๊ะยาวขนาดใหญ่ดูสวยงามหันหลังเข้าเวที ด้านหน้านั้นมีโต๊ะยาวขนาดใหญ่สี่โต๊ะ ทั้งสี่โต๊ะมีนักเรียนนั่งอยู่ทั้งสองฝั่ง หัวโต๊ะของทุกโต๊ะมีผู้ชายหน้าตาดียืนถือธงสีต่างๆ อยู่
ที่โต๊ะขวาสุดธงเป็นสีเขียว ปักสายสิงโตคำราม นักเรียนทุกคนแต่งตัวเรียบร้อยสวมเสื้อนอกสีดำ เนคไทสีเขียวสลับดำ อกซ้ายปักเข็มกลัดตราโรงเรียน
ถัดมาเป็นธงสีน้ำเงิน ปักลายนกฮูกกระพือปีกอย่างสง่างาม ทุกคนแต่งตัวเหมือนกันกับโต๊ะซ้ายสุด แต่ใส่เนคไทสีน้ำเงินสลับดำ
ถัดมาอีกโต๊ะ ธงเป็นสีแดง ปักสายจิ้งจอก ชุดก็เหมือนกันแต่ใส่เนคไทสีแดงสลับดำ ส่วนโต๊ะสุดท้าย ฝั่งขวามือ ธงที่ถือเป็นสีม่วง ปักลายหมาป่าคำรามอย่างน่าเกรงขาม ใส่เนคไทสีม่วงสลับดำ
แต่โต๊ะสุดท้ายนี่ค่อนข้างแปลกกว่าชาวบ้านเขาหน่อยเพราะคนที่ถือธงสวมผ้าคลุมดำปิดหน้าปิดตา ท่าทางอึมครึม เห็นแล้วสยองพิกล
ส่วนนักเรียนที่นั่งอยู่ก็ดูจะมีน้อยกว่าโต๊ะอื่น แถมการแต่งตัว ถึงจะเหมือนกับชาวบ้านเขาแต่ก็ไร้ระเบียบกว่า ท่าทางจะไม่ค่อยชอบทำตามกฎสักเท่าไหร่
“ขึ้นไปให้เป็นระเบียบด้วยนะ” อาจารย์ฮันเนสบอกพลางเดินนำขบวนนักเรียนใหม่ขึ้นเวทีไป บนเวทีมีชายวัยประมาณสี่สิบนิดๆ ผมสีเทาเข้มตัดสั้นแล้วพัดไปด้านหลัง ตาข้างขวาเป็นแผลเป็นจากคิ้วยาวลงมาถึงแก้ม หนวดสีเดียวกับผมอยู่เหนือริมฝีปากหนา ชายคนนั้นสวมชุดบิชอปยาวกรอมเท้าสีน้ำเงินเข้มทับด้วยชุดคลุมสีขาว
ด้านหน้าของชายแก่คนนั้นมีกระถางสำหรับจุดคบเพลิงสูงถึงเอว ส่วนด้านหลังของเขามีคนยืนอยู่สี่คน คนหนึ่งผมหยักศกสีดำยาวประบ่า อีกคนเป็นหญิงวัยกลางคนผมสีน้ำตาลยาวกลางหลัง ถัดมาเป็นชายหนุ่มผมยาวสีเหลืองอ่อนๆ ยาวถึงกลางหลัง และคนสุดท้าย เป็นชายหนุ่มผมสั้นสีแดงสวมแว่นกรอบทอง
ชายสวมชุดบิชอปกระแอมเรียกความสนใจจากนักเรียนและคณาจารย์ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบห้าว
“สวัสดีอาจารย์ทุกท่านและนักเรียนที่น่ารักทั้งหลายของเซนต์วาลาด พวกเจ้ารู้จักข้ากันแล้ว แต่นักเรียนใหม่บางคนอาจจะยังไม่รู้ ข้าคือ รากูเอล อาร์คบิชอปของโบสถ์เซนต์วาลาดและเป็นผู้อำนวยการของที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จักเด็กใหม่ทั้งหลาย หลายเดือนผ่านไปหลังจากที่ปิดภาคเรียน แต่ตอนนี้ เวลานี้ เราทุกคนล้วนพร้อมหน้าพร้อมตากันในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้าที่ไม่ได้เจอหน้าสหายร่วมหอนอนร่วมห้อง เป็นธรรมดาที่พวกเจ้าจะกล่าวทักทายกัน แต่ตอนนี้เรามีน้องใหม่เข้ามา จึงอยากให้พวกเธอช่วยต้อนรับพวกเขาในฐานะนักเรียนของเซนต์วาลาด ต่อจากนี้ นักเรียนใหม่จะเริ่มทำการเลือกหอพัก มิสอโรวีร่า แจกกระดาษได้”
กล่าวจบ หญิงเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มก็เดินออกมาหน้าแถว เธอส่งกระดาษขนาดเล็กกว่าฝ่ามือให้เด็กใหม่ทุกคนพร้อมกับเข็มหนึ่งเล่มก่อนที่เธอจะกล่าว
“ให้พวกเธอหยดเลือดลงในกระดาษด้านที่มีวงเวท เมื่ออาจารย์เรียกชื่อใครก็ให้เอากระดาษแผ่นนั้นโยนใส่ไฟในกระถาง จากนั้นได้อยู่หอไหนก็ไปนั่งที่โต๊ะของหอนั้น โต๊ะฝั่งขวามือพวกเธอคือหอสิงโตเขียว ถัดมาคือนกฮูกน้ำเงิน ถัดมาอีกคือจิ้งจอกแดง และสุดท้าย หมาป่าม่วง”
“ถ้าพวกเธอพร้อมแล้วฉันจะเรียกสเตลออกมาแล้วนะ...” อาร์คบิชอปว่าพลางส่งยิ้ม แต่ยังไม่ทันจะได้เรียก ‘สเตล’ เสียงทุ้มก้องกังวานก็ดังเข้าโสตประสาทของทุกคนในห้องโถง
“เปลวเพลิงลุกโชติช่วง กาลเวลามิเคยหยุดนิ่ง สหายเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานหวนกลับมาพานพบ แล้วเวลานี้ก็มาถึง วันที่โรงเรียนศาสตร์เวทมนตร์เซนต์วาลาดิเมียร์แห่งนี้กลับมาคึกคัก เด็กน้อยผู้เป็นอนาคตของเอเดนทั้งหลายเอ๋ย ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง!!! สายันต์สวัสดิ์ทุกๆ คน คิดถึงข้ากันมั้ย!!!!!!?” พร้อมกันนั้น กระถางคบเพลิงที่ก่อนหน้านี้มีเพียงเศษเถ้าธุลีกลับเริ่มมีแสงของไฟดวงเล็กๆ ก่อตัวขึ้นแล้วค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นจนกลายเป็นเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงอย่างไม่มีทีท่าจะดับ เพราะ....
มันกำลังหัวเราะร่าด้วยความเฮฮา...
“สเตล ข้ายังไม่ทันจะได้เรียกเจ้าเลย” อาร์บิชอปรากูเอลพูดขึ้นพลางหรี่ตามองเปลวไปดวงนั้นอย่างหมั่นไส้
“ไม่ต้องเรียกข้าก็รู้หน้าที่ดี ไงทุกคน!!! สบายดีกันไหมเอ๋ย สวัสดีเด็กใหม่ ยังเอ๊าะกันอยู่เลย!! ว้าว!!! สาวน้อยอกบึ้ม!!!!!” มันพูดทักทายนักเรียนเก่าก่อนจะหันใบหน้าที่เป็นเพลิงของมันกลับมาทางเด็กใหม่ก่อนจะวี้ดว้ายแล้วขยายตัวใหญ่ขึ้น พุ่งตัวใส่สาวสวยหุ่นดีคนที่ว่า
อาร์น่ามองเปลวไฟดวงนั้นที่จ้องหน้าอกเด็กผู้หญิงที่ยืนข้างเขาด้วยสายตาแทบถลนออกจากเบ้า แล้วก็ต้องเหงื่อตกเพราะไอความร้อน
แต่เด็กผู้หญิงคนนี้ก็หน้าอกใหญ่จริงๆ แฮะ!!
“หืม เจ้าเองก็น่ารักแต่หน้าอกแบนไปหน่อยนะ กินนมให้เยอะๆ หน่อยสิ!!” อาร์น่าผงะก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็ต้องคิ้วกระตุกเมื่อไอ้ไฟลามกนั่นมันดันหันพรึ่บมาจ้องเขาแทน
“เอ่อ ผมเป็นผู้ชายครับ” เขาตอบออกไป ไฟดวงนั้นเลิกคิ้ว
“หื้ม!!!? จริงรึ!!!!?” ถามพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกจนเด็กหนุ่มผงะถอยหลังสองก้าว
“สเตล ไหนเจ้าบอกว่ารู้หน้าที่ของเจ้าดี เลิกไปเจ๊าแจ๊ะกับเด็กใหม่แล้วกลับมาทำหน้าที่ซะ” อาร์น่าถอนหายใจเฮือกเมื่ออาร์คบิชอปกระแอมแล้วเรียกไอ้ไฟตาไม่ดีนั่นกลับในที่ที่มันอยู่
“งั้นก็ อะแฮ่ม ข้านั้นคือเปลวไฟผู้รอบรู้ มีนามว่า สเตล มีหน้าที่คัดนักเรียนไปยังหอต่างๆ บัดนี้ก็ถึงเวลาแล้ว เอ้า คนแรก!!!” เปลวเพลิงนามสเตลอ้าปากงับเอากระดาษแล้วเคี้ยว ก่อนจะกลืนลงคอ แล้วเอ่ยออกมาว่า
“สิงโตเขียว” โต๊ะฝั่งขวามือเฮลั่น
ไฟดวงนั้นกินกระดาษของนักเรียนเข้าเรื่อยๆ พอมีคนไปอยู่หอไหนหอนั้นก็ทำท่าดีใจเฮฮาตบมือแปะๆ จนในที่สุดก็ถึงคิวของเด็กหนุ่มหัวขโมย
“ไงจ๊ะ ส่งเข้าปากข้าเลย” มันว่าพลลางอ้าปากรอ เด็กหนุ่มยื่นกระดาษให้มันก็งับเอาไปเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะทำท่าคิด คิดแล้วคิดอีกๆ นานกว่าจะเลิกคิ้วขึ้นแล้วว่า
“รสชาติแปลกมาก เอาเป็นว่าไปอยู่หอหมาป่าม่วงแล้วกัน” ว่าพลางก็กลืนกระดาษลงคอ โต๊ะธงสีม่วงกู่ร้องด้วยความเฮฮาลั่น เสียงดังกว่าทุกหอแม้ว่าคนจะน้อยกว่า พวกนั้นลุกขึ้นยืน บ้างโบกไม้โบกมือ บ้างเป่าปากอย่างอารมณ์ดี ไม่เหมือนหออื่นที่แค่ตบมือแล้วร้องด้วยความเฮฮา แต่หอนี้นี่แทบจะวิ่งมาอุ้มเขาไปนั่งอยู่แล้ว!!!
ไม่รู้ว่าเพราะเขาเป็นนักเรียนคนแรกที่ได้อยู่หอนี้หรือเพราะพวกเขาบ้าเองกันแน่!! -_-
“ยินดีต้อนรับนะ” รุ่นพี่คนหนึ่งหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปดูการเลือกหอต่อ ร่างบางเองก็ดูด้วย ผ่านไปจนเกือบจะหมด หอหมาป่าม่วงมีคนเข้าแล้วประมาณสิบห้าคน ต่างจากหออื่นที่มีตั้งยี่ยิบขึ้นเห็นจะได้
“เจ้าชายเลออน ฟอร์ซ ทไวท์นิ่ง” บรรยากาศยังคงคึกครืน...-_-^ หรือเปล่าไม่แน่ใจเมื่อชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีขาวหิมะก้าวออกมาหลังจากถูกขานชื่อ บรรดาสาวๆ ต่างแผ่ออร่าวิ้งๆ ต่างจากหนุ่มๆ ที่ทำหน้าอึมครึม เพราะเจ้าของคำนำหน้าเจ้าชายมีใบหน้าที่หล่อเหลาสมกับตำแหน่ง
ร่างสูงมีนัยน์ตาสีฟ้าเทาสวยงามน่ามองรับกับผิวขาว ใบหน้าเรียวเรียบนิ่งไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมานอกจากกวาดสายตามองไปที่สเตลแล้วส่งกระดาษเข้าปาก มันเคี้ยวก่อนจะเอ่ย
“หมาป่าม่วง”
อาร์น่ามองเขาพลางขมวดคิ้ว พลางนึกในใจว่าเคยเห็นที่ไหนหรือเปล่า แต่พอนึกไปนึกมาแล้วเขาจะเคยเจอเจ้าชายได้ยังไงล่ะ!!
หลังจากนั้นไม่นาน การคัดแยกหอก็จบลง หอหมาป่าได้คนมาเพิ่มสามคนรวมเป็นสิบแปด อาร์น่าค่อนข้างดีใจเพราะหนึ่งในนั้นมี กิล เดอเรอยู่ด้วย แม้จะไม่สนิทกันแต่มีคนรู้จักอยู่ด้วยมันก็ดีกว่าไม่รู้จักใครเลย
อาร์คบิชอปกล่าวแสดงความยินกับนักเรียนทุกคนก่อนจะร่วมฉลองเปิดภาคเรียนใหม่ด้วยอาหารแสนอร่อย อาร์น่าลูบท้องป้อยๆ ยังดีที่อาหารอร่อย เขาหายโกรธมาคาโอไปหน่อยนึง
******************************************
To be continued
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ