ลิขิตรักฉบับคานทอง
6.3
เขียนโดย Dashathone
วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.38 น.
14 บท
1 วิจารณ์
18.01K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2558 14.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ฉบับที่ 7 ให้เกียรติเป็นแฟนผมได้ไหม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฉบับที่ 7
ให้เกียรติเป็นแฟนผมได้ไหม
“สวัสดีครับ” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในร้านขนมนั้น ทำให้ณธิดาต้องเงยหน้าจากเคาท์เตอร์ทันที ปรากฏร่างชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา สูงสมาร์ท กำลังเผยริมฝีปากกว้าง ในมือถือดอกกล้วยไม้ช่อโต ห่อด้วยกระดาษสวยงาม กำลังส่งสายตาอ่อนโยนมายังหญิงสาว ภวินท์ก้าวเท้าเข้าไปร้านและเดินตรงไปหาหญิงสาว ซึ่งยืนมองเขาด้วยสายตาฉงนปนแปลกใจ เพราะเวลานี้ร้านปิดและเหล่าพนักงานทั้งหลายต่างก็พากันเลิกงานกลับบ้านกันหมดแล้ว
“คุณวินท์ ร้านปิดแล้วค่ะ” เธอค่อนข้างแปลกใจที่อยู่ๆภวินท์ก็โผล่มาวันนี้ แถมร้านก็ปิดแล้ว ส่วนขนมก็ขายหมดเกลี้ยง เพราะหลังจากวันนั้นที่เขาเดินมาส่งเธอหน้าคอนโดฯ เธอก็ไม่ได้เจอขาอีกเลย นอกจากรันดาเลขาของเขาที่มักจะเล่าเรื่องความเป็นไปของเจ้านายอย่างภวินท์ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
“ครับ ผมได้ทานขนมร้านคุณตอนเช้าแล้ว แต่เย็นนี้ผม....อยากทานข้าวกับคุณ ดอกไม้สำหรับคุณครับ เกรซ” ชายหนุ่มเอ่ยชวนเสียงนุ่ม พร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ให้หญิงสาว ‘ถ้าเธอรับช่อดอกไม้ของเขา ก็เท่ากับว่าณธิดาตอบรับไปเดทกับภวินท์’ ก็ถ้าจะจีบคนที่แก่กว่าทั้งที มันก็ต้องตรงไปตรงมาและมีชั้นเชิงกันบ้าง
ส่วนคนที่ถูกชวนออกเดทซึ่งๆหน้าก็ต้องหันหน้าไปด้านหลัง อมยิ้มมุมปากปนเขินอาย ก็ใครจะไปคิดว่าจะมีหนุ่มวัยกรุบกริบมาชวนไปกินข้าวดึกๆดื่นๆแบบนี้ ‘โถๆ พ่อหนุ่ม จะจีบกันก็ไม่บอกป้าตรงๆ ฮึๆ’ แต่ก็เอาเถอะการไปทานข้าวกับผู้ชายน่าหม่ำ เอ้ย ผู้ชายโปรไฟล์ดีอย่างเขา ก็คงดีกว่ากลับไปทานข้าวที่บ้านคนเดียว
“ขอบคุณนะคะ สำหรับช่อ......” คำพูดของหญิงสาวหยุดชะงักเมื่อก้มมองดอกกล้วยไม้ช่อใหญ่ในมือนั้น มีการ์ดเล็กๆแนบมาด้วย พร้อมกับข้อความเขย่าใจสาวแก่อย่างเธอได้เป็นอย่างดี
‘ให้เกียรติเป็นแฟนกับผมได้ไหมครับ
ด้วยรัก.....วินท์’
ณธิดาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง แล้วพ่นออกแรงๆเพื่อตั้งสติให้มั่นหลังจากอ่านข้อความของภวินท์ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจจะดีใจและตอบตกลงทันที แต่สำหรับเธอมันต่างกัน เธอไม่เถียงว่าเขาเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติและรูปสมบัติ ใครได้เขาไปเป็นสามีคงสบายไปทั้งชาติ แต่สำหรับเธอนั้นมันมันไม่ใช่! เธอไม่ได้ต้องการเงินทองของเขา เพราะเธอมีงานทำ แม้จะมีสมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก็เถอะ สิ่งที่เธอต้องการจริงๆก็คือ ผู้ชายดีๆสักคนที่จะคบเป็นแฟนกันไปจนถึงขั้นแต่งงาน สร้างครอบครัวที่อบอุ่น และดูแลไปจนแก่เฒ่า ส่วน ภวินท์นั้นเขายังอายุน้อย ยังมีโอกาสได้เจอคนอีกเยอะ และอาจมีผู้หญิงอีกมากมายที่พร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างเขา หรือรอจนกว่าวันที่เขาพร้อมจะสละชีวิตโสดในอนาคต อาจจะอีกสองปี สามปี ห้าปี หรือ สิบปีก็ได้ แต่สำหรับเธอไม่มีเวลามากพอที่จะรอเขา เพื่อที่จะมาเป็นพ่อของลูกเธอได้นานขนาดนั้น เธออยากเป็นแม่ที่เติบโตไปพร้อมกับลูก เป็นเพื่อนกับลูกตอนที่ยังมีแรงอยู่ ไม่ใช่เดินตามหลังลูกในขณะที่ลูกก็โตขึ้นทุกวัน แต่เธอกลับแก่ลงและหมดแรงไปในที่สุด ‘ยังไงวันนี้เธอจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง!!!’
“ฉันขอเลือกร้านเองนะคะ เราคงต้องคุยกันยาว” ณธิดาเงยหน้าจากช่อดอกไม้ในมือขึ้นมาสบตากับภวินท์อีกครั้ง เขาก็มีข้อดีที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาก็จริง แต่เธอเองก็ไม่อยากให้เขามาเสียเวลากับเธอเช่นกัน หญิงสาวจึงตัดสินใจเลือกร้านอาหารฝรั่งเศสเงียบสงบ บรรยากาศดี และมีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านขนมของเธอมากนัก หญิงสาวเดินเข้ามาในร้านแล้วเลือกโต๊ะมุมด้านในสุดเพื่อจะได้พูดกับเขาได้สะดวกมากขึ้น
“คุณชอบฉันรึเปล่า” ณธิดาโพล่งถามออกมาทันทีที่พนักงานรับคำสั่งเมนูอาหารเดินออกไป
“แค่ก แค่ก” ภวินท์สำลักน้ำที่กำลังดื่มเข้าไปเพียงแค่อึกเดียว ก็ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆคนตรงหน้าจะยิงคำถามตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดซะอีก เขาวางแก้วน้ำในมือลง จ้องมองดวงหน้าสวยให้ลึกเข้าไปในดวงตากลมโตดำสนิท สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจกลับมา หลังจากมันหนีหายไปเมื่อได้ยินถาม ที่เขาเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยินและไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ว่า จะโดนจู่โจมกลับแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างนี้
“เปล่าครับ”
“ฉันก็ว่า…….”
“แต่ผมรักคุณ” ภวินท์พูดขัดขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบประโยค กลัวว่าเข้าใจเขาผิดซะก่อน
ณธิดาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเขากลับ คิ้วโก่งเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม มันจะเป็นไปได้ยังไง เธอกับเขาเพิ่งจะได้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แม้แต่จับมือก็ยังไม่เคย แล้วเขาจะรักเธอเข้าไปได้ยังไง
“คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นกับผมแล้ว หลังจากที่ผมเจอกับคุณครั้งแรกในลิฟต์ของบริษัท ชีวิตผมเปลี่ยนไป จากมาดเงียบขรึมกลายเป็นอมยิ้มตลอดเวลาแม้แต่ตอนที่มีปัญหาหนักเรื่องงาน จากที่เคยนอนดึก ก็กลายเป็นว่าเข้านอนเร็ว เพื่อจะได้มีเวลาฝันถึงคุณนานขึ้น ทุกเช้าที่ได้ทานขนมจากร้านคุณมันเหมือนกับว่า ผมได้เห็นหน้าคุณทุกวัน ไม่ว่าผมจะทานอะไรก็จะคิดว่าคุณชอบทานมันรึเปล่า ทุกเช้าก่อนมาทำงานผมจะไปจอดรถข้างร้านคุณ เพื่อดูว่าคุณมาทำงานรึเปล่า มาคนเดียวหรือมากับใคร ผมพยายามสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณ กลัวว่าคุณจะมีคนรักแล้ว กลัวว่าคุณกำลังเดทกับใครอยู่ กลัวว่าคุณจะมองผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผม ถ้ามีเวลาว่างเพียงวินาที ผมก็จะเห็นภาพคุณลอยไปลอยมาในหัวเต็มไปหมด เห็นภาพว่าคุณกับผมไปทำอะไรที่ไหนบ้าง ฉะนั้นตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ชีวิตผมก็มีแต่คุณแล้วก็คุณครับ”
ภวินท์พรั่งพรูความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดที่เขามีต่อณธิดามาตลอดหนึ่งเดือนนับตั้งแต่ได้เจอกันครั้งแรกในวันที่เขามาทำงานสายในรอบปี ครั้งที่สองเมื่อเธอเอาขนมมาส่งที่ห้องทำงานเขา ครั้งที่สามตอนเธอและเพื่อนนัดทานข้าวกันที่ร้านของเธอเอง
“มันอาจจะแค่ความคิดถึง” ณธิดาพยามตอบเสียงแผ่ว เพราะเธอก็คิดถึงเขาเช่นกัน แต่มันก็อาจจะแค่ความคิดถึง ไม่น่าจะเป็นความรักอย่างที่เขาเข้าใจ ‘บ้า!!!! ใครจะหลงรักกันได้ง่ายขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อ’ แต่ในใจกลับต่อว่าเขาด้วยความเขินอายหลังได้ฟังความจากปากเขา
“เกรซ คุณอาจจะไม่เข้าใจ แต่คุณรู้อะไรไหม แม้ว่าคุณจะไม่ใช่รักครั้งแรกสำหรับผม แต่ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเข้ามาวนเวียนทั้งหัวใจและหัวสมองผมตลอดเวลาตั้งแต่แรกเจอได้เท่ากับคุณ โดยปราศจากเรื่องความสัมพันธ์ทางกาย ผมถึงเชื่อว่ามันคือรักแรกพบ” ชายหนุ่มพยายามพูดเสี่ยงอ่อนโยน และสื่อความจริงใจที่มีต่อเธอ
สำหรับภวินท์แล้ว การได้มาทานข้าวกับณธิดาในวันนี้ ทำให้เขาได้ระบายความในใจที่มีต่อหญิงสาวมาจนหมด หลังจากใช้เวลาอยู่กับตัวเองมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาพยายามหาทางครุ่นคิด หาคำตอบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานั้นใช่ความรักหรือไม่ ใครจะเชื่อว่าคนอย่างภวินท์ ภาวสุทธานันท์ ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของสาวๆทั่วเมืองไทยอยากจะเป็นคุณผู้หญิงแห่ง PW Grand Diamond จะมาหลงรักผู้หญิงอายุมากกว่า ทั้งๆที่ยังไม่ได้แตะแม้แต่ปลายนิ้วก้อยเลยด้วยซ้ำ เขาจึงเชื่อว่า มันคือความรักบริสุทธิ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเจอกัน
“คุณรู้ไหมว่าฉันอายุเท่าไหร่ แล้วคุณอายุเท่าไหร่ ฉันแก่กว่าคุณมาก และฉันไม่มีเวลามากพอที่จะรอคุณทั้งชีวิตหรอกนะ” เธอแก่กว่าเขาตั้งเก้าปี เขาคงยังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน ทั้งที่เพิ่งผ่านเบญจเพสมาหรอก เพราะเท่าที่เธอรู้มาจากรันดาเลขาสาวใหญ่เของเขา ทำให้ได้รู้ว่าภวินท์เป็นหนุ่มนักธุรกิจไกล เนื้อหอม และเป็นที่หมายปองของสาวๆทั่วประเทศ เขาคงมีตัวเลือกเยอะแยะอยู่แล้ว จะมาจริงจังกับเธอแค่ไหนกันเชียว
“ผมรู้ครับ คุณอายุ34 ส่วนผมอายุ25 และผมไม่ได้สนใจเรื่องของอายุ”
ภวิท์ยังคงจ้องตาหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาจริงจัง พยายามสื่อถึงความจริงใจอย่างที่เขาพูดจริงๆ เพราะถ้าหากเขาสนใจเรื่องอายุตั้งแต่แรก เขาคงไม่หอบช่อดอกไม้มาขอเธอเดทหรอก สิ่งที่เขาสนใจเหนือสิ่งอื่นใดคือ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอต่างหาก
“แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าผู้หญิงอายุสามสิบสี่ปีเฉียดใกล้คานทองอย่างฉันต้องการอะไร!!!” หญิงสาวลุกขึ้นยืน พูดเสียงดังชัดเจน มือบอบบางคว้ากระเป๋ามาถือเตรียมตัวกลับ จ้องมองใบหน้าคมเข้มเพื่อค้นหาบางอย่างในดวงตาสีน้ำตาลหม่นของเขา แต่แล้วก็ต้องเสมองไปนอกร้านเพื่อหลบสายตาเขาที่กำลังสื่ออำไรบางอย่าง เธอยังไม่อยากจะยอมรับว่า ดวงตาคู่นั้นก็ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย
“ดูหน้าคุณสิเกรซ อ่อนกว่าผมตั้งเยอะ” ภวินท์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม แววตาแพรวพราวล้อเลียน เขาเดินเข้ามายืนตรงหน้าหญิงสาว คว้ามืออีกข้างที่ว่างอยู่มาไว้บนฝามือหนาของเขา ค่อยๆก้มศีรษะตัวเองลงไป แล้วแนบริมฝีปากหนาเข้ากับใบหูเล็กของเธอ กระซิบคำพูดแสนหวานชวนเคลิ้มว่า...
“นางฟ้าของผม...” ส่วนคนที่ถูกเรียกว่า ‘นางฟ้า’ นั้น ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอแยกออกกว้าง ณธิดาหันไปด้านข้างเพื่อจะมองหน้าเขา แต่กลับกลายเป็นว่าริมฝีปากเธอชนเข้ากับแก้มสากของเขาพอดิบพอดี หญิงสาวผงะตัวเอนไปด้านหลังทันที ราวกับโดนกระแสไฟฟ้าช็อต ทำให้เธอเสียหลักเกือบหงายหลังล้ม หากไม่ได้มือหนารองรับเอวเล็กคอดของเธอเอาไว้ เขาใช้ลำแขนแข็งแรงอีกข้างโอบด้านหลังเธอ แล้วดึงเข้าหาตัวโดยอัตโนมัติ ทำให้หน้าอกอวบปะทะเข้ากับอกแกร่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ ราวกับสิ่งรอบตัวหยุดหมุน เมื่อเธอสบเข้ากับดวงตาคม ซึ่งกำลังจ้องเข้ามาในดวงตาเธอเช่นกัน ณธิดามองเห็นตัวเองอยู่ในดวงตาเขาทั้งสองข้าง ซึ่งเต็มไปด้วยประกายเจิดจ้าอย่างเปิดเผย ส่วนภวินท์ก็มองเห็นตัวเองในดวงตากลมโตของเธอเช่นกัน มันมีแวววูบไหวปนเขินอายอย่างพยายามปิดไม่มิดนัก ณธิดาดีดตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่นทันทีเมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกสองสามครั้ง และพยายามบังคับน้ำเสียงที่กำลังเปล่งออกมไม่ให้สั่น
“ฉันจริงจังนะ!!!” ณธิดาโพล่งเสียงเยียบเย็นเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตัวเอง
“ครับ ผมผู้ชายอายุยี่สิบห้ารักจริงหวังแต่ง” ภวินท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ใบหน้ากลับยิ้มทะเล้น และส่งสายตาแพรวพราวกลับมาให้แทน
ณธิดาต้องพยายามตั้งสติอีกครั้ง เธอหลับตานับหนึ่งถึงสิบในใจ เม้มริมฝีปากอวบอิ่มเข้าหากัน ยังไงซะวันนี้เธอจะต้องอธิบายให้เขาเข้าใจกับสิ่งที่เธอคิด ก่อนที่ทุกอย่างจะไปไกลกว่านี้ อย่างน้อยเธอก็อาจจะเป็นเพื่อนกับเขาได้
“ฉันอยากคบกับคนที่พร้อมจะแต่งงาน สร้างครอบครัวและดูแลจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน ฉันไม่อยากพบแล้วจาก หรือคบแล้วเลิกเมื่อหมดรัก คุณเข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่า” ในที่สุดณธิดาก็เลือกพูดในสิ่งเธอคิดมาตลอดที่เดินทางมายังร้านอาหารแห่งนี้ บางทีเขาอาจจะล่าถอยไปเอง หากเขาเข้าใจความแตกต่างทางด้านอายุ และความต้องการของเธอจริงๆ แม้ว่าณธิดาจะรู้สึกดีๆกับเขาตั้งแต่แรกเจอก็จริง แต่เธอก็ไม่อาจเห็นแก่ตัว โดยการยอมคบเป็นแฟนกับเขา เพื่อให้เขาต้องมาติดอยู่กับเธอตลอดไป ทั้งๆที่เขาอาจจะได้เจอคนที่เพียบพร้อมมากกว่าเธอ ไม่ว่าจะเป็นความเหมาสะสมทางฐานะ การศึกษา และอายุ ไม่ใช่แม้ค้าขายขนมซึ่งอายุต่างกันมากเกินไปอย่างเธอ ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดหาเหตุผลต่างๆนาๆ มาสนับสนุนคำพูดที่พูดออกไปแล้ว เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิดอยู่นั้น ภวินท์ก็ทำในสิ่งที่ผู้หญิงอย่างณธิดาคาดคิดไม่ถึง ชายหนุ่มย่อตัวลงนั่งตรงหน้าหญิงสาว ชันเข่าข้างหนึ่งตั้งฉากกับพื้น จับมือนุ่มข้างหนึ่งของเธอมาไว้ในอุ้งมือหนาทั้งสองข้าง หญิงสาวตื่นจากภวังค์ทันที จ้องคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาดุๆ
‘นี่พ่อหนุ่มคงไม่ได้ขอเธอ....’
“ผมไม่รู้ว่าอนาคตเราจะได้แต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยกันไหม แต่ผมสัญญาว่าอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้คุณมีความสุขและรอยยิ้ม ผมก็พร้อมจะลงมือทำทันที ผมไม่ได้ขอให้คุณให้โอกาสกับผม แต่ผมอยากให้คุณให้โอกาสหัวใจตัวเองได้รู้จักกับความรัก........ให้เกียรติเป็นแฟนกับผมได้ไหมครับ เกรซ....นางฟ้าของผม” ภวินท์ไม่รู้ว่าเขาจะทำได้อย่างที่พูดได้ทุกอย่างหรือไม่ แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ มันบอกว่าเข้าพร้อมจะทำมันด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่เขามี
คนที่ถูกขอเป็นแฟนด้วยการคุกเข่าซึ่งๆหน้านั้น ยืนนิ่งไปชั่วขณะเธอไม่ได้ตกใจจนพูดไม่ออก หรือเคลิบเคลิ้มจนล่องลอยไปไกล แต่เธอแค่คาดไม่ถึงว่านักธุรกิจอายุน้อยมาดเงียบขรึมอย่างเขา จะลงทุนคุกเข่าขอเธอเป็นแฟนต่อหน้าลูกค้าคนอื่นๆในร้านอาหารอย่างนี้ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เจอกัน เขาทำให้หัวใจของผู้หญิงอายุสามสิบบวกอย่างเธอ เต้นกระหน่ำขึ้นลงหลายครั้งชนิดนับไม่ถ้วน จนเธอกลัวว่ามันจะวายก่อนที่จะได้เป็นแฟนกับเขาซะอีก
“ว่าไงครับ เกรซ” เสียงภวินท์เรียกถามเอาคำตอบจากหญิงสาว ช่วยดึงสติให้ณธิดาหันลงมามองเขาอีกครั้ง
“งั้น....คุณต้องพิสูจน์”
“อะไรนะครับ” คำตอบของหญิงสาวทำให้คิ้วหนาของภวินท์เลิกขึ้นสูงอย่างประหลาดใจ ก็ใครจะไปคิดว่าเธอจะตอบไปนอกเหนือจากคำว่า ‘ไม่’ หรือ ‘ตกลง’ วันนี้ตั้งแต่เจอกัน ณธิดาทำให้เขาแปลกใจหลายต่อหลายครั้งแล้ว ผู้หญิงคนนี้มักจะทำให้เขาแปลกใจอยู่เสมอ ณธิดาดึงมือเขาให้ลุกขึ้นจากพื้น เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นตะคริวก่อนที่จะเริ่มพิสูจน์ตัวเองซะก่อน เธอยกมือบางทาบลงบนอกข้างซ้ายของเขา จ้องลึกเข้าไปในดวงตาหม่นอย่างท้าทาย
“ฉันบอกว่าคุณต้องพิสูจน์ตัวเองให้ฉันเห็นค่ะ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ฉันมีความสุข คุณก็พร้อมจะทำ…..อย่างที่คุณพูด” ที่เธอต้องพูดอย่างนี้ ก็เพราะต้องการเวลาคิดทบทวนกับความรู้สึกของตัวเอง อะไรก็ตามที่ไม่ชัดเจน เธอจะไม่พูดมันออกมาเด็ดขาด อย่างน้อยก็ขอกลับไปนอนคิดคืนนี้ก็ยังดีกว่ายืนสบตาเขานานๆแบบนี้ ณธิดาวางมือทั้งสองบนบ่าหนาเป็นที่ยึดเหนี่ยว เขย่งปลายเท้าโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของภวินท์ พร้อมกับกระสิบเสียงแผ่วเบาราวกับสายลมพัดผ่าน
“ฝันดีนะคะ แล้วฉันจะรอค่ะ” เธอผละออกแล้วหันหลังเดินออกจากร้านทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลายังคงยืนยิ้มกว้างตาหยี ส่ายศีรษะไปมาด้วยความเอ็นดูปนมันเขี้ยว
“แสบจริงๆ” ภวินท์พึมพำกับตัวเอง ณธิดายังคงเป็นผู้หญิงที่เขาคาดไม่ถึงได้อีกครั้ง เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงรักเธอหลงเธอจนต้องเอ่ยปากขอเป็นแฟนให้ได้
ปล. ติดตามพูดคุยกันได้ที่ Dashathone
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ