ลิขิตรักฉบับคานทอง

6.3

เขียนโดย Dashathone

วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.38 น.

  14 บท
  1 วิจารณ์
  18.30K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2558 14.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ฉบับที่ 6 คิด(ถึง)วางแผน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ฉบับที่ 6

คิด(ถึง)วางแผน

 

   เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่สมกับเป็นที่พักอาศัยของเจ้าของบริษัท PW Grand Diamond  ภวินท์เดินชั้นสองแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังห้องนอน  เขาเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  เมื่ออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อคลุมชายหนุ่มกระโดดขึ้นไปนอนเหยียดยาวบนเตียงนอนทันที  เขาไม่สนใจที่จะเลือกชุดนอนมาสวมใส่สักชุด  แต่ภวินท์อยากใช้เวลาก่อนนอนคิดถึงใบหน้าสวยพริ้มน่ามอง และกลิ่นตัวหอมอ่อนๆที่เขาแอบสูดดมเข้าไปเต็มปอด  ยามก้าวเดินตามหลังเธอ  หลังจากที่ภาพเหตุการณ์ในลิฟต์ลอยไปลอยมาสะท้อนอยู่ในหัวมาหลายวัน 

   ปกติแล้วเขามักจะใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงก่อนนอน เพื่อออกแบบเครื่องเพชรอยู่ในห้องทำงาน  เขาจึงต้องเข้านอนดึกแทบทุกคืน  แต่สำหรับคืนนี้มันช่างต่างกันนัก  ภวินท์เลือกที่จะเข้านอนทันทีที่กลับถึงคฤหาสน์  เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขาเพิ่งจะได้มีโอกาสบอก  ‘ฝันดี’  เป็นครั้งแรก  และมันอาจจะถึงเวลาที่เขาจะต้องเริ่มทำความรู้จักแบบจริงๆจังๆกับ  ‘นางฟ้า’  ของเขาเสียที 

แม้ว่าเขาจะเคยผิดหวังจากความรักครั้งแรก  แต่ก็เลือกที่จะลองเสี่ยงกับมันอีกครั้ง  ไม่ใช่เพราะต้องการให้โอกาสหญิงสาว  แต่เป็นการให้โอกาสตัวเองได้เริ่มต้นใหม่มากกว่า  ในเมื่อเจอคนที่คิดว่าใช่แล้วทำไมจะต้องเจ็บอยู่กับอดีตอีกล่ะ  เขาควรจะเดินไปข้างหน้ามากกว่าย่ำอยู่กับที่มิใช่หรือ  ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยใบหน้าอิ่มเอม  ‘หวังว่าคืนนี้นางฟ้าจะมาเข้าฝันอีกนะ’

   ส่วนคนที่ถูกบอกให้  ‘ฝันดี’  นั้น  กำลังนั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งราวกับว่าผมอาจจะยาวเพิ่มขึ้น  ส่วนใบหน้าก็อมยิ้มตั้งแต่เดินเข้าตึกมาแล้ว  ก็แหม....ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาสามสิบกว่าปี  เพิ่งจะมีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลามาบอก  ‘ฝันดี’  เป็นครั้งแรก  มันรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจอย่างนี้นี่เอง  รู้อย่างนี้คงติดประกาศหาคนรู้ใจให้ทั่วกรุงเทพฯไปนานแล้ว  แต่จากหลากหลายประสบการณ์ของเพื่อนๆเธอ  ต่างก็มีทั้งเศร้า  ทุกข์  สุข สมหวังและผิดหวัง  ทำให้ณธิดาพยายามที่จะเดินเลี่ยงเข้าหาความรัก  แม้จะมีโอกาสหลายครั้งก็ตาม  เพราะเธอเองก็กลัวว่าเมื่อรักแล้วไปด้วยกันไม่ได้  ก็ต้องจบความสัมพันธ์เลิกรากันไป  ไม่ว่าจะเป็นรักครั้งแรก  สองหรือสาม  ถ้าเธอไม่เจอคนที่พร้อมจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตเลยล่ะ  มิต้องลองคบแล้วเสียใจกับการจากลาไปเรื่อยๆหรืออย่างไร  มันคุ้มค่าไหมกับการเอาหัวใจตัวเองซึ่งบุพการีเฝ้าถนอมยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด  ไปเสี่ยงกับสิ่งที่เราไม่มั่นใจและไม่มีทางรู้ว่าจะจบที่ตรงไหน 

แต่ก็นั่นล่ะทุกคนบนโลกใบนี้ก็ยังต้องการความรัก ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม  เพราะมันเป็นยาชั้นดีที่ทำให้เรามีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป  และทำโลกใบนี้สดใสน่าอยู่มากขึ้น  เนื่องจากเธออายุไม่ใช่น้อยแล้ว จึงต้องไตร่ตรองนึกคิดให้ถี่ถ้วน  ก่อนที่จะให้โอกาสกับใครสักคนที่จะเข้ามาในชีวิต  เธออยากจะเจอคนที่ใช่  คนที่พร้อมจะอยู่ดูแลกันไปตลอดชีวิต  และไม่อยากเสียเวลาไปกับการลองคบลองเลิกหลายครั้งหลายคราให้เจ็บช้ำหัวใจเล่น

 

หนึ่งเดือนต่อมา

เช้าวันใหม่เป็นอีกวันที่ภวินท์เข้าออฟฟิศด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกับเหล่าพนักงาน  จนทุกคนต่างก็แปลกใจกับการเปลี่ยนไป ไม่นิ่งขรึมเหมือนอย่างเคย  ซึ่งเขาเข้าออฟฟิศก่อนเวลาเข้างานปกติเกือบครื่งชั่วโมง  ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก นอกเหนือไปจากการที่เขาขับรถยนต์คันหรูไปจอดริมรั้วเยื้องกับร้านขนมของณธิดา  เขาอยากมาดูให้แน่ใจว่าเธอมาทำงานทุกวัน  อันที่จริงเขาก็แค่อยากเห็นหน้าเธอทุกเช้ามากกว่า  ซึ่งเขาทำเป็นแบบนี้หลายอาทิตย์แล้วหลังจากที่เดินไปส่งหญิงสาวคืนนั้น  ถ้าเอาแบบตรงไปตรงมาก็คือ  ขาไปเฝ้าสังเกตว่าหญิงสาวเข้างานกี่โมง  เลิกงานกี่โมง  แต่ละวันเธอจะใส่ชุดสีอะไร  มาทำงานคนเดียวหรือมากับใคร  เมื่อรู้ตารางชีวิตประจำวันของเธอแล้ว  ต่อไปก็คือการรู้นิสัยใจคอหญิงสาว และเรื่องราวครอบครัวของเธอ  เขาสามารถใช้เงินจ้างนักสืบบริษัทเอกชนดีๆก็ได้   แต่ก็คงไม่มีใครจะรู้ดีรู้ลึกเท่าคนใกล้ตัวหญิงสาวอย่าง....รันดาและพิมพ์ภัทร ไวเท่าความคิด  ภวินท์กดอินเตอร์คอมเรียกเลขาสาวใหญ่หน้าห้องทันที

“เข้ามาพบผมหน่อยครับ”

“ค่ะ”

“นั่งก่อนสิครับ”

“คะ” รันดาค่อนข้างแปลกใจ  เพราะปกติจะยืนเวลาจดรับคำสั่งงานแล้วออกไปได้เลย  ไม่เห็นจะเชิญให้นั่งก่อนอย่างวันนี้  ‘แปลก’  เซนส์เลขาของเธอบอกมันบอกว่า  ‘ผิดปกติ’

“เพื่อนคุณดาชอบดอกไม้อะไรครับ”  คนเป็นเจ้านายเอ่ยถามทันที  ที่รันดาหย่อนก้นลงแตะเบาะนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน

“อะไรนะคะ” รันดาแสร้งเป็นไม่เข้าใจ  โถๆ พ่อหนุ่ม  ที่แท้ก็เรียกเพื่อมาถามว่าณธิดาชอบดอกไม้อะไร  อย่างนี้ก็เป็นไปตามแผนของเธอ  ทั้งๆที่เพิ่งเริ่มไปแค่นิดเดียวเอง

“เอ่อ  ผมหมายถึง  เกรซน่ะ  เธอชอบดอกไม้อะไร  สีอะไร  ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ  ไปเที่ยวไหนบ่อยๆ  ไม่ชอบอะไรบ้าง  ที่สำคัญเธอยังโสดใช่ไหม  แล้ว.....ชอบผู้ชายแบบไหน  เฮ้อ....” เจ้านายหนุ่มรัวคำถามออกมาเป็นชุด  จนรันดาต้องยกมือห้ามก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้

“เดี๋ยวค่ะบอส  ทำไมอยู่ดีๆบอสถึงอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเกรซล่ะคะ” รันดาอยากให้เจ้านายพูดออกมาตรงๆ ว่าเขาคิดกับณธิดาถึงขั้นไหนแล้ว  ถ้าเขากล้าสารภาพออกมา  เธอกับพิมพ์ภัทรก็ยินดีช่วยเต็มที่

“ผมรักเธอ  คุณอาจจะคิดว่ามันเร็วเกินไป  แต่ผมมั่นใจว่ามันคือความรัก  จริงอยู่ว่าเกรซไม่ใช่รักครั้งแรกของผม  แต่เธอคือรักแรกพบที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป” ภวินท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ดวงตาสีน้ำตาลหม่นมีแววจริงจริงชัดเจน  เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย  มือหนาทั้งสองข้างประสานกันอยู่บนตัก  ตั้งใจฟังเรื่องราวส่วนตัวของณธิดา ซึ่งกำลังพรั่งพรูออกมาจากปากเลขาสาวตรงหน้าด้วยความสนใจ

จากคำบอกเล่าของรันดา  ทำให้เขาได้รู้ว่าณธิดาชอบดอกกล้วยไม้มากที่สุด  เธอมักตื่นเช้ามาเล่นโยค่ะก่อนมาทำงานเสมอ  เธอโปรดปรานขนมช็อกโกแลตทุกชนิด  เธอจบปริญญาโทจากเมืองนอก   พ่อแม่เธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก   และทิ้งสมบัติไว้ให้มากมาย  รวมทั้งที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านขนมนั่นด้วย  ข้อนี้เขาไม่ได้หวั่นใจเท่าไหร่  เพราะเขาเองก็มีเท่าเทียมหรือบางทีอาจจะมีมากกว่าด้วยซ้ำไป  ที่สำคัญเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน!  แต่ที่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาเวลานี้คือ ณธิดาไม่ชอบผู้ชายอายุน้อยกว่า...  ส่วนเขาเองก็ดันไปตกหลุมรักผู้หญิงแก่กว่าอย่างเธอถึงเก้าปี!  ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันในลิฟต์ของบริษัทเมื่อเดือนก่อน  ก็ไหนว่า  ‘คนแก่ชอบให้เด็กเอาใจ’  ไม่ใช่เหรอ  แต่คงใช้ไม่ได้กับผู้หญิงอย่าง  ณธิดา  ณราวรกาลกุณ

ส่วนหญิงสาวซึ่งกำลังเป็นหัวข้อสนทนาระอยู่นั้น  ก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการทดลองอบขนมสูตรใหม่ ความสุขอย่างหนึ่งของเธอก็คือ  การได้ชิมขนมอุ่นๆจากเตา ที่ให้ความรู้สึกสดใหม่ในทุกๆวัน ระหว่างที่เตาอบกำลังทำงานอยู่  ณธิดาหันออกไปมองวิวรอบร้าน  ซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นลีลาวดีดอกสีขาว  ตัดกับกระเช้ากล้วยไม้ชูช่อดอกสีม่วงที่แขวนอยู่ใต้ต้น  แต่แล้วก็ต้องสะดุดตากับโต๊ะสีขาวมุมหนึ่ง  เมื่อเดือนที่แล้วพวกเธอและ ‘เขา’  เคยทานข้าวด้วยกันที่นี่  มันเป็นการเจอกันครั้งที่สามระหว่างเธอกับภวินท์  และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการ ‘คิดถึง’ การถูกบอก ‘ฝันดี’ ครั้งแรกจากผู้ชายที่ไม่ใช่บิดาบังเกิดเกล้า  แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือ  การเดินกลับคอนโดฯเหมือนเช่นทุกวันได้เปลี่ยนไป  เพราะเธอมักจะอมยิ้มทุกครั้งเมื่อเดินผ่านตึกสำนักงานของเขา  ซึ่งมีภวินท์เป็นเจ้าของนั่งทำงานอยู่ชั้นบนสุดของตึกรูปทรงทันสมัย แล้วไงล่ะ เพราะเท่าที่รู้มาจากเพื่อนสนิทต่างวัยอย่างรันดาและพิมพ์ภัทร ภวินท์ถือว่าเด็กกว่าเธออยู่มาก ฉะนั้นเธอไม่คิดจะเอาเด็กหนุ่มอย่างเขามาเป็น ‘วาที่สามี’ และ ‘พ่อของลูก’ แน่  แม้ว่าจะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เจอกันก็ตาม

เธอเชื่อว่าเด็กหนุ่มอายุยี่สิบห้าปีอย่างภวินท์ ภาวสุทธิธานันท์  แถมเขายังเป็นผู้บริหารเจ้าของบริษัทเครื่องเพชรอนาคตไกล อีกทั้งหน้าตาก็หล่อเหลามีเสน่ห์เย้ายวนแบบนั้น คงไม่มาจริงจังถึงขั้นคิดจะแต่งงานกับยัยป้า อายุเฉียดเลขสามสิบห้าอย่างเธอหรอก เหมือนกับตอนที่เธอยังเป็นหญิงสาววัยเบญจเพส  เธอก็กำลังสนุกกับการใช้ชีวิตที่อิสระไร้ข้อผูกมัด อยากจะทำอะไรก็ลงมือทำทันที  อยากไปเที่ยวไหนก็ไปโดยไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง  แต่เพิ่งจะมาคิดเรื่องมีครอบครัวก็เลยเลขสามมาหลายปีแล้ว  เธอคิดว่าเขาเองก็กำลังอยู่ในช่วงนั้นเช่นเดียวกัน

ปล. ติดตามพูดคุยกันได้ที่ Dashathone

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา