ทัณฑ์สวาทจอมเถื่อน
-
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.17 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
12.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.19 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ทัณฑ์สวาทจอมเถื่อน ตอนที่ 2 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่มนตร์ลดาจะทำงานอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่หญิงสาวยื่นใบลาออกแล้วก็ไม่ได้ถูกระรานจากเซเรน่าอีกเลย แต่กลับต้องมาตอบร้อยแปดคำถามของคุณหมอปาโต้อย่างไม่จบสิ้น สุดท้ายมนตร์ลดาจนต้องขอความช่วยเหลือจากลูลา เพื่อนรุ่นพี่ที่คอยให้คำแนะนำอันดีเสมอออกหน้ารับแทน เพราะกลัวว่าจะเผลอแสดงความรำคาญใจออกมาให้คุณหมอหนุ่มใหญ่ได้เห็น
“ผมเห็นหลังของมิ้นต์ไวๆ เธอหายไปไหนซะล่ะครับ?” ปาโต้เอ่ยถามลูลา พยาบาลหุ่นเจ้าเนื้อที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล พร้อมทั้งชะโงกหน้ามองข้ามไปด้านหลังของเธอ เมื่อคิดว่าเห็นแผ่นหลังของสาวสวยที่ตนเองหมายตาไว้
“มิ้นต์ออกเวรไปตั้งแต่ตอนเย็นแล้วนะคะ แล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะทำงานที่นี่ด้วย เธอกลับไปได้เกือบสองชั่วโมงแล้วค่ะ” ลูลาตอบคุณหมอปาโต้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับอาการชะเง้อมองของคุณหมอ
“แต่ผมเห็นมิ้นต์เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่น!” ปาโต้ชี้นิ้วไปที่ด้านหลัง มันเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่หญิงในตึกนี้
“ตาฝาดน่ะสิคะ คุณหมอเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาคงเหนื่อยก็เลยมองพลาดไป ดิฉันว่าคุณหมอไปหาอะไรทานหน่อยดีมั้ยคะ เมื่อกี้คุณเซเรน่าเธอฝากบอกว่า ถ้าคุณหมอปาโต้ออกจากห้องผ่าตัดแล้วให้ไปเจอกันที่ห้องอาหารค่ะ เธอจะรออยู่ที่นั่น” พอเจอมุกนี้ของลูลาเข้าคุณหมอปาโต้ถึงกับทำหน้าหน่ายใจ! มันก็ดีหรอกถ้าจะตกลงปลงใจกับเซเรน่า เพราะเธอห่วงใยเอาใจใส่เขาและลูกชายเป็นอย่างดีแต่ความเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจของเธอนั้นมันทำให้เสน่ห์หดหายไปในทันตาเมื่อเทียบกับความร่าเริงสดใสของมนตร์ลดา
คุณหมอหนุ่มใหญ่ส่ายหน้าพร้อมถอนใจเฮือกใหญ่ ตัดใจเดินไปยังห้องอาหารชั้นล่างสุดของโรงพยาบาล ก็ใครบ้างอยากจะมีปัญหากับลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลในขณะที่ตัวเองมีฐานะเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น!!
“มิ้นต์... มิ้นต์ ออกมาได้แล้ว คุณหมอปาโต้ไปแล้ว” ลูลาพยาบาลสาวใหญ่เอ่ยเรียก เมื่อเห็นว่าคุณหมอปาโต้เดินลงบันไดไปแล้ว สิ้นเสียงของเธอใบหน้าสวยหวานกระจ่างตาจึงค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังประตูบานใหญ่
“ปลอดภัยแล้วนะคะ?” มนตร์ลดาย้ำถามเพื่อความมั่นใจ เมื่อได้รับการพยักหน้าจากลูลาแล้วหญิงสาวจึงเดินออกมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆลูลา “เฮ้อ... นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ถ้าพี่ลูลาไม่บอกว่าคุณเซเรน่ารออยู่ข้างล่าง คุณหมอคงเข้าไปตามมิ้นต์ถึงข้างในแน่”
ลูลาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพยาบาลสาวรุ่นน้อง สิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูลาประทับใจและเอ็นดูเธอก็คือการมีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน ตั้งแต่รู้จักกันมามนตร์ลดาจะเรียกเธอว่าพี่ทุกคำ นี่คงเป็นเอกลักษณ์ของสาวไทยผู้มีมารยาทงามเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกสินะและเธอก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้เหลือเกิน “ช่างเถอะ... อีกไม่นานมิ้นต์ก็ไม่ต้องอึดอัดใจแบบนี้แล้ว อดทนเอาไว้สาวน้อย แล้วนี่มิ้นต์ยังเหลือเฝ้าไข้พิเศษอีกใช่ไหม?”
“ค่ะ วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่มิ้นต์จะทำงานที่นี่ แต่มิ้นต์รับเฝ้าไข้พิเศษไว้อยู่เคสนึงค่ะ วันอาทิตย์คุณหมอน่าจะอนุญาตให้คนป่วยกลับบ้านได้ ถึงตอนนั้นมิ้นต์ก็จะได้กลับไปอยู่กับแม่ที่รีโอเดอจาเนโรสักที”
“แล้วมิ้นต์หางานใหม่ได้รึยัง?” ลูลาถามด้วยความเป็นห่วงเพราะตลอดระยะเวลาเก้าเดือนที่มนตร์ลดาทำงานอยู่ที่นี่ หญิงสาวก็ปรึกษาเรื่องส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง
“ยังเลยค่ะ กะว่าจะกลับไปตั้งหลักซะก่อนแล้วค่อยไปสมัครงานด้วยตัวเอง ความจริงมิ้นต์เคยส่งใบสมัครงานทางอีเมล์ไปหลายที่แล้วนะคะ แต่ยังไม่มีโรงพยาบาลไหนตอบกลับมาเลย” มนตร์ลดาเริ่มสมัครงานผ่านอินเตอร์เน็ตตั้งแต่วันที่ยื่นใบลาออกกับท่านผู้อำนวยการแล้ว
“แล้วกลับไปอยู่ที่รีโอเดอจาเนโรน่ะ แน่ใจเหรอว่าจะอยู่กับพ่อเลี้ยงของมิ้นต์ได้ พี่ว่าออกมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่เองไม่ดีกว่าเหรอ?” ลูลาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เป็นห่วงนักเพราะทราบว่าหญิงสาวนั้นไม่ค่อยจะถูกคอกับพ่อเลี้ยงของเธอสักเท่าไหร่ มนตร์ลดายังเคยเล่าให้ฟังว่ามีลูกค้าเข้ามาเที่ยวในบาร์และตอนนั้นเธอทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟในร้าน ลูกค้าดื่มเหล้าจนเมามายแล้วคิดว่าเธอเป็นอีหนูที่หิ้วออกไปข้างนอกได้แต่พ่อเลี้ยงของเธอกลับไม่ปฏิเสธหรือปกป้องเลย โชคยังดีที่แม่ของเธอออกมาเห็นและอธิบายให้ลูกค้าคนนั้นเข้าใจได้ทันเวลา
มนตร์ลดายิ้มด้วยสีหน้าเศร้าๆเพียงแวบเดียวเท่านั้นก็เปลี่ยนเป็นร่าเริงเพราะไม่อยากให้ลูลาพลอยไม่สบายใจไปด้วย “ขอบคุณพี่ลูลามากนะคะที่เป็นห่วงมิ้นต์ แต่ช่วงแรกมิ้นต์คงต้องอยู่ที่นั่นก่อนรอให้ได้งานใหม่แน่นอนแล้วค่อยหาทางขยับขยายอีกที อีกอย่างแม่ก็อยู่ด้วยเขาคงต้องเกรงใจแม่อยู่บ้างล่ะค่ะ ที่สำคัญมิ้นต์เองก็อยากอยู่ใกล้ๆแม่ด้วย”
ลูลาพยักหน้ารับพลางบีบกระชับมือของสาวสวยอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงลุกขึ้นเพื่อจัดยาหลังอาหารเตรียมให้ผู้ป่วยตามหน้าที่ มนตร์ลดาจึงขอตัวกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อเฝ้าไข้พิเศษที่ตนเองรับเอาไว้
บ่ายวันอาทิตย์อเตต้าร์วางแผนการเดินทางจากรีโอกรันดีโดซุล ไปเยี่ยมพี่ชายที่รีโอเดอจาเนโร แต่ชายหนุ่มกลับต้องสถบออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อไมนาสคนสนิทเข้ามารายงานว่าพี่ชายของเขาถูกลอบยิงอยู่ที่บูซิโอส แต่คนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นกลับเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของฟาเบียโน่แทน อเตต้าร์จึงต้องเปลี่ยนเส้นทางจากรีโอเดอจาเนโรมุ่งหน้าไปเมืองตากอากาศชื่อดังอย่างบูซิโอสแทน
อเตต้าร์ทิ้งตัวลงบนเบาะกว้างบนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว วาดขายาวพาดบนเบาะนั่งตัวหน้าอย่างเคยชิน ด้วยท่านั่งที่สบายจนเกินกว่าเหตุ!! หากก็ไม่เคยมีใครสามารถทำให้เขาเปลี่ยนแปลงนิสัยนี้ได้เลย สองมือแกร่งโยนหนังสือพิมพ์รายวันทิ้งด้วยความหงุดหงิดใจ ไม่มีอารมณ์จะรับข่าวสารใดๆอีก พลางคิดว่าใครกันแน่ที่มันบังอาจมาลองดีกับตระกูลโอลีเวย์ร่า อาทิตย์ก่อนนี้ไร่องุ่นของเขาถูกไฟเผาวอดวายไปหลายไร่จนป่านนี้ยังหาตัวมือวางเพลิงมารับโทษไม่ได้ วันนี้ฟาเบียโน่ พี่ชายยังถูกลอบยิงอีก!! อะไรมันจะยุ่งยากชิบหายวายป่วงขนาดนี้วะ!
ไอ้พวกหมาลอบกัด!... ลองออกมาดวลกันตัวต่อตัวซักหน่อยเป็นไร พ่อจะล้มพวกมันทั้งยืนให้ดู! อเตต้าร์คิดด้วยความแค้นใจ พลางเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อรู้สึกได้ว่าเครื่องบินลดเพดานการบินให้ต่ำลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่าใกล้ถึงจุดหมายเต็มที ความสวยงามของน้ำทะเลสีเขียวมรกตกับหาดทรายสีขาวละเอียดนั้นเมื่อมันกระทบกับแสงแดดมันสะท้อนขึ้นมาให้เห็นเป็นประกายระยิบระยับ บรรยากาศสบายๆของท้องทะเลอันคุ้นเคยทำให้ความหงุดหงิดใจทั้งหมดผ่อนคลายลงได้บ้าง
ชั่วโมงต่อมาอเตต้าร์เดินทางมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในบูซิโอสที่พี่ชายของตนพาผู้หญิงที่เรียกว่า ‘ภรรยา’ มารักษาตัวอยู่ บุรุษมาดเถื่อนดิบเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความมั่นใจอย่างเคย ภาพของผู้ชายตัวโตสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาตามสันคางมีเคราเขียวครึ้มขึ้นอยู่ทั่ว ผมสั้นสกินเฮด ผิวสีคล้ำแดดสมชายชาตรี เสื้อยืดสีเทารัดแนบไปกับแผงอกกว้างจนทำให้สายตาทุกคู่ของสาวๆในโรงพยาบาลมองตามทั้งส่งสายตาเชิญชวนอยากรู้จักมักคุ้นกับแบดบอยผู้นี้อย่างออกนอกหน้า หากแต่คนอย่างอเตต้าร์ไม่ใช่ผู้ชายที่จะลากใครมาขึ้นเตียงได้ง่ายๆ ถ้าเขาไม่ปราถนาแล้วก็อย่าได้หวังเลย สาวๆทั่วไปอาจจะดูว่าเขาเป็นเพลย์บอยอารมณ์ร้ายหน้าตาไม่สุภาพ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จริง แต่ก็ไม่มั่วลากใครก็ได้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขึ้นเตียงทุกคน!!
ฟาเบียโน่ละสายตาจากร่างบอบบางตรงหน้า เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเดินใกล้เข้ามา
“ข่าวเร็วเสมอนี่ อาร์ตี้” ฟาเบียโน่ทักน้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวด้วยชื่อเล่นที่เรียกขานกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี
“คนนี้ใช่มั้ยเมียตีทะเบียนของพี่??” อเตต้าร์มองใบหน้างดงามที่หลับใหลอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วหันมาเหล่มองพี่ชายพลางยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นฟาเบียโน่พยักหน้ารับ “ความจริงผมกะจะมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ว่าง”
“แล้วทำไมถึงว่างได้ล่ะ?” ฟาเบียโน่ถามกลับ
“ความจริงไม่ได้ว่างเล้ย... แต่ปู่อยากเห็นหน้าหลานสะใภ้ บ่นเช้าบ่นเย็นจนผมหูชา น้อยอกน้อยใจว่าพี่ไม่พาเธอไปหาน่ะสิ ผมก็เลยต้องมาหาเอง นี่... คงมีใครส่งข่าวไปบอกแล้วว่าเธอโดนลูกหลง! ดีนะที่ผมรู้ตอนที่กำลังจะออกจากบ้าน ไม่งั้นไปหาที่รีโอเดอจาเนโรก็คงไม่ได้เจอกันอยู่ดี” อเตต้าร์รู้ดีว่าพี่ชายของตนสามารถรับมือกับพวกมือปืนลอบยิงได้สบายอยู่แล้ว
“เธอไม่เป็นอะไรมากหรอก โดนยิงที่ด้านหลัง หมอผ่าเอากระสุนออกมาแล้ว นี่ก็กะว่าถ้าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วจะขออนุญาตหมอกลับไปพักฟื้นที่บ้านเลย”
“แล้วรู้รึยังว่าเป็นพวกไหน??”
“ดีเกากำลังสืบหาพวกมันจากหัวกระสุนอยู่ ไม่นานคงได้รู้ว่าพวกระยำนั่นมันเป็นใคร?” ฟาเบียโน่บอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม!
พอได้เห็นแววตาอำมหิต ได้ยินน้ำเสียงอาฆาตแค้นของพี่ชายแล้ว อเตต้าร์รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน “ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า... รู้ว่าพี่ต้องตอบแทนพวกมันอย่างสาสมแน่ แต่พี่ควรจะเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้างนะ ถ้าปล่อยให้ผมกลับไปเฉยๆแบบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรของเธอเลย ปู่คงได้ฆ่าผมตายแน่!!”
ฟาเบียโน่มองหน้าน้องชายด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการันก้า โอลีเวย์ร่า คุณปู่วัยแปดสิบปีของทั้งคู่อยากให้หลานชายทั้งสองมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนสักเพียงใด เพราะอยากเห็นหน้าทายาทรุ่นต่อไปของตัวเองเต็มทีแล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา เนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบปีก่อนแต่เสือเฒ่าการันก้า ก็ไม่เคยตกข่าวเกี่ยวกับหลานชายทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัวก็ตาม
อเตต้าร์เลิกคิ้วแปลกใจหลายครั้งหลายหน เมื่อได้ยินเรื่องราวของสาวหน้าหวานจากปากของพี่ชายตนเอง
เธอคือเด็กที่พี่ชายของเขารับอุปการะมาตั้งแต่อายุสิบห้าปี!!
เธอคือผู้หญิงที่ถูกคนใจร้ายคนนึงยกให้กับฟาเบียโน่เพื่อเป็นนางบำเรอ!!
เธอคือคนความจำเสื่อมที่ฟื้นขึ้นมาแล้วเรื่องราวรอบตัวทำให้เข้าใจไปว่าฟาเบียโน่คือสามี!! แต่สิ่งที่อเตต้าร์ไม่อยากเชื่อมากที่สุดก็คือ คนอย่างฟาเบียโน่ที่ไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงต้องยอมสมอ้างว่าเป็นสามีของเธอ ยิ่งรู้ลึกลงไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อยากเชื่อ ถ้าหากว่าไม่ได้ยินจากปากของเจ้าตัวเอง
ในขณะที่ด้านนอกของห้องผู้ป่วยวีไอพี มนตร์ลดาเพิ่งได้รู้ว่ามีอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่งต้องการพยาบาลไปดูแลภรรยาสาวของเขาที่รีโอเดอจาเนโรเพราะเธอเพิ่งถูกยิงและหมอก็เพิ่งจะผ่าตัดเอากระสุนออกมาได้ ตอนนี้ยังพักอยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพีอยู่
“โอ้โห... อภิมหาเศรษฐีเลยเหรอคะพี่ลูลา?” มนตร์ลดาถามพร้อมทำตาโตอย่างน่ารัก หญิงสาวเพิ่งจะส่งผู้ป่วยที่รับเฝ้าไข้พิเศษไว้กลับบ้านเมื่อไม่ถึงยี่สิบนาทีที่ผ่านมานี้ และออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าวันนี้คนทั้งโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นท่านผู้อำนวยการ เซเรน่าและคุณหมออีกหลายคน ทำไมถึงได้ดูวุ่นวายกันนัก ความจริงแล้วมีลูกค้าวีไอพีระดับอภิมหาเศรษฐีมาใช้บริการนี่เอง!
“ก็พ่อค้าเพชรระดับโลกอย่างตระกูลโอลีเวย์ร่าน่ะ จะไม่ให้เรียกว่าอภิมหาเศรษฐีได้ยังไง ว่าแต่มิ้นต์เถอะ... รีบเข้าไปคุยกับเซญอร์2ฟาเบียโน่ดีกว่า เดี๋ยวมีพยาบาลคนอื่นมาคว้าโอกาสนี้ไปแล้วเสียดายแย่เลย” ลูลาบอกเรื่องนี้กับมนตร์ลดาเป็นคนแรก เพราะฟาเบียโน่นั้นแจ้งความประสงค์กับเธอว่าต้องการพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษ จากนั้นมนตร์ลดาจึงหันมาซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ป่วยจากลูลาเพื่อทำความเข้าใจและเป็นข้อมูลก่อนที่จะรับงานพิเศษนี้
อเตต้าร์ยิ้มมึนๆ หลังจากฟังพี่ชายของตัวเองพูดถึงผู้หญิงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง
“ผมว่าเธอคงจะจำอะไรไม่ได้ไปอีกนานหรอก ก็พี่เล่นไม่ได้พูดความจริงกับเธอนี่” อเตต้าร์ว่าเหมือนประชด เมื่อได้ฟังเรื่องราวนั้นจบลงและจับน้ำเสียงได้ว่าฟาเบียโน่รู้สึกกังวลในตัวของผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยว่าหากเธอจำเรื่องราวในอดีตได้แล้วจะเปลี่ยนไปจากเดิม
“ก็แค่บางเรื่องเท่านั้นเพื่อความสบายใจของเธอ” ฟาเบียโน่ถอนหายใจเฮือก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองปิดบังอรอาภาอยู่หลายเรื่องแต่ไอ้น้องบ้านี่มันควรจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่ามาพูดประชดประชันเขาอย่างนี้ “ไม่รู้สิ บางครั้งฉันก็อยากให้เธอจำได้แต่บางครั้งก็อยากเก็บเธอไว้กับตัวเองคนเดียว”
“เฮ้อ... สับสนยังกับหนุ่มน้อยเชียว” อเตต้าร์แซวพี่ชายพร้อมวางท่อนแขนที่บ่ากว้าง ออกแรงลากคอพี่ชายเข้ามาหาพร้อมกับพากันเดินออกไปนอกห้อง “ไปหาเบียร์เย็นๆดื่มกันดีกว่า มันจะไปยากอะไรเฟลิกซ์!! ถ้าพี่กลัวว่าเธอจะไม่เหมือนเดิมก็ทำให้เธอท้องซะสิ ผู้หญิงน่ะทิ้งลูกทิ้งผัวตัวเองไม่ได้หรอก” คนนิสัยเถื่อนแนะวิธีแก้ปัญหาแบบห่ามๆให้พี่ชาย
มันคงเป็นคำแนะนำที่ฟังไม่รื่นหูสำหรับอรอาภา แต่มันเข้าท่าสำหรับฟาเบียโน่และยังทำให้เขาหัวเราะออกมาได้อีก เสียงหัวเราะครื้นเครงของสองพี่น้องเงียบลง เมื่อทั้งคู่เดินออกมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลด้านหน้า สาวน้อยหน้าใสคนหนึ่งก็เดินมาขวางทั้งคู่เอาไว้
“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือเซญอร์ฟาเบียโน่รึเปล่าคะ??” หญิงสาวหน้าตางดงาม ผิวขาวละออตาเอ่ยถามด้วยภาษาโปรตุกีสสำเนียงไพเราะกว่าที่เคยได้ยินนัก
“ใช่ครับ... ผมเอง” ฟาเบียโน่ตอบ
“สวัสดีค่ะดิฉันมนตร์ลดา กิตติพานิชย์ เรื่องที่เซญอร์เคยแจ้งไว้ว่าต้องการพยาบาลไปดูแลคนไข้ที่รีโอเดอจาเนโรน่ะค่ะ ดิฉันเป็นพยาบาล กำลังจะย้ายจากบูซิโอสไปที่รีโอเดอจาเนโร อยากจะทราบรายละเอียดน่ะค่ะ” พยาบาลสาวไทยเอ่ยแนะนำตัวเอง
“อ้อครับ เดี๋ยวเราไปคุยกันที่คอฟฟี่ช็อปด้านล่างดีไหม จะได้สะดวกหน่อย” ฟาเบียโน่บอกพร้อมเดินนำหน้าทั้งหมดลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่างในส่วนร้านอาหารและเครื่องดื่มที่โรงพยาบาลแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจน
อเตต้าร์มองพยาบาลสาวสวยไม่วางตา ปากอิ่มสีเชอร์รี่ของเธอมันช่างดูเย้ายวน น่าลิ้มลองนัก!! แล้วยังรูปร่างทรงนาฬิกาทรายของเธออีก เธอมีอกสะบึ้ม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายอย่างสาวบราซิลทั่วไปแต่ที่ทำให้แตกต่างและโดดเด่นคือผิวขาวราวกับนมสดของเธอ มันทำให้อเตต้าร์นึกอยากจะเกลือกกลิ้งผิวกร้านของตัวเองกับผิวนิ่มๆดูสุขภาพดีของเธอนัก!!
“ไม่ทราบว่าเป็นลูกครึ่งรึเปล่าครับ??” ฟาเบียโน่เริ่มบทสนทนาอย่างเป็นกันเอง เมื่อทั้งหมดนั่งลงในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“เปล่าค่ะ ดิฉันเป็นคนไทยแท้ๆ เกิดและเติบโตที่ประเทศไทยมาทำงานที่นี่ได้เกือบปีแล้ว พอดีคุณแม่ย้ายตามสามีมาเปิดร้านอาหารไทยในรีโอเดอจาเนโรน่ะค่ะ ดิฉันลาออกจากโรงพยาบาลแล้วจะกลับรีโอเดอจาเนโรพอดีค่ะ”
“งั้นก็ลงตัวกันพอดี ผมจะย้ายภรรยาที่เพิ่งผ่าตัดเอากระสุนออกไปพักฟื้นที่บ้าน ถ้าคุณหมอไม่ขัดข้องอะไรเราก็จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์กันพรุ่งนี้เลย คุณก็มีหน้าที่ดูแลเธอระหว่างที่เธอยังไม่สบายอยู่ แต่ช่วงสองสามวันแรกผมคงต้องให้คุณค้างที่บ้านกับเราก่อน ถ้าเธอดีขึ้นแล้วคุณค่อยไปเช้าเย็นกลับ หรือว่าจะค้างที่บ้านผมเลยก็ได้แล้วแต่คุณจะสะดวก”
อเตต้าร์ฟังฟาเบียโน่บอกรายละเอียดต่างๆ ตามที่แม่พยาบาลสาวตรงหน้าเขาถาม ทั้งสองตอบโต้กันอยู่พักใหญ่ จนฟาเบียโน่ขอตัวลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
“อายุเท่าไหร่แล้วคุณ เพิ่งจบมาจะดูแลคนป่วยไหวเหร้อ??” อเตต้าร์ถามปลายเสียงถามอย่างประเมินความสามารถของเธอ
“ดิฉันอายุยี่สิบสามปีแล้วค่ะ เรียนจบพยาบาลวิชาชีพมาสองปีแล้ว ปีแรกทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐในประเทศไทย แล้วย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาได้เก้าเดือนเต็มแล้วค่ะ” มนตร์ลดาตอบพร้อมข่มอารมณ์ ไว้ไม่ให้สนใจกับน้ำเสียงที่เหมือนจะดูถูกความสามารถของตน พร้อมกัดฟันมองผู้ชายหน้าตากวนประสาทแล้วยังทำเบ้ปากพยักหน้ารับช้าๆราวกับไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เธอพูดเท่าไหร่นัก!!
ไอ้หมอนี่มันกุ๊ยดีๆนี่เอง หน้าตางี้เต็มไปด้วยเคราเฟิ้มถึงจะทำให้ดูว่าหล่อเถื่อนๆก็ตามเถอะ ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับเซญอร์ฟาเบียโน่จะรู้จักกับคนท่าทางอันธพาลแบบนี้ได้ มนตร์ลดาคิดเองในใจ
หน็อยแม่คุณ!! ทำมาเป็นคอแข็งมองฉัน คิดว่าฉันเหมือนอันธพาลข้างถนนอยู่ล่ะสิ!! “รับจ้างเป็นพยาบาลส่วนตัวม่ะ?? เงินดีนะไม่ต้องทำงานประจำให้เหนื่อย ถ้าทำดีถูกใจจ่ายทิปให้หนักด้วย วันๆไม่ต้องทำอะไรมาก แต่งตัวสวยๆคอยป้อนข้าวป้อนน้ำเป็นพอ”
มนตร์ลดาได้ยินคำถามที่เหมือนกับจะซื้อตัวเธอไปทำอีหนูซะมากกว่าที่จะไปเป็นพยาบาลส่วนตัวถึงกับกำมือแน่น “ดิฉันรับจ้างดูแลเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้นค่ะ ไอ้ที่คุณพูดมาคงต้องไปหาเอาตามชายหาดข้างหน้ามีให้เกลื่อน พวกเธอคงพอจะทำให้คุณจ่ายทิปหนักๆได้อยู่หรอกค่ะ”
อเตต้าร์งงเป็นไก่ตาแตก ก็เขาจะจ้างเธอไปดูแลคุณปู่แต่เธอกลับบอกให้เขาไปหาเอาตามชายหาด! จะให้เขาเอาอีหนูนอนเปลือยยอดอกไปคอยดูแลคนแก่อายุแปดสิบปีแล้วท่านจะไม่หัวใจวายตายก่อนหรือยังไง ดู! ดูสายตาประณามที่เธอมองเข้าสิ! ก่อนที่อเตต้าร์จะได้ตอบโต้อะไรมากไปกว่านั้นฟาเบียโน่ก็เดินเข้ามาพอดี
“คุณ... เอ่อคุณมีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้ไหม??” ฟาเบียโน่ถาม
“เรียกดิฉันว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ” มนตร์ลดาบอกชื่อเล่นของตัวเอง
“โอเคมิ้นต์ คุณตกลงตามข้อเสนอที่ผมให้ไปไหม??”
“ตกลงค่ะ เซญอร์จะออกจากบูซิโอสประมาณกี่โมงคะ”
ฟาเบียโน่ยกข้อมือของตัวเองขึ้นมองนาฬิกาที่สวมอยู่ “พรุ่งนี้... น่าจะสักหกโมงเช้า มาเจอกันที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลได้เลย”
“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” มนตร์ลดาบอกพร้อมกับยิ้มใฟ้ฟาเบียโน่และหุบยิ้มฉับเมื่อสายตาหันมาปะทะกับผู้ชายมารยาททรามตรงหน้า สองขาเรียวหมุนตัวเดินฉับๆออกจากร้านกาแฟ โดยไม่รู้ว่ามีดวงตาคมกริบหรี่มองตามร่างระหงของตัวเองจนลับตา
ฟาเบียโน่มองน้องชายที่ทำหน้าแปลกๆอย่างรู้ทัน “คิดจะเคลมผู้หญิงไทยน่ะมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะโว้ย... ไม่รู้หรือไงว่าพวกเธอเป็นพวกสาวพรหมจรรย์ที่ใครกล้าล่วงล้ำเข้าไปแล้วต้องเสียสละชีวิตโสดทุกราย!”
อเตต้าร์หัวเราะเสียงดังโดยไม่ได้สนใจคนรอบกาย ก็เขามันพวกไร้มารยาทอยู่แล้วนี่ ถึงจะต้มหนังสือสมบัติผู้ดีให้กินเช้าเย็น ก็คงจะเลิกนิสัยห่ามๆไม่ได้! “พี่อาจจะคิดว่าเธอผุดผ่องเพราะเป็นผู้หญิงไทยเหมือนเมียตัวเอง แต่ผมไม่คิดว่าแม่คิตตี้นี่จะเป็นสาวพรหมจรรย์หรอกนะ แล้วก็ไม่เคยคิดจะเอาสาวด้อยประสบการณ์มาทำเมียหรอก ขี้เกียจสอน จะโยกจะคลึงแต่ละทีก็ต้องทะนุทถนอม มันไม่ถึงใจ!! อย่างผมมันต้องเชี่ยวชาญมันถึงจะสนุก ไม่เอาน่าเฟลิกซ์ผมไม่เจอพี่แค่ไม่ถึงสามเดือน อย่ามาทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลยแต่ก่อนพี่ก็ชอบแบบผมนี่แหละ แล้วนึกยังไงมาเปลี่ยนใจเอาป่านนี้??”
อเตต้าร์ไม่สนใจจะจำชื่อยาวๆออกเสียงยากๆของเธอ เสียงหวานๆที่เปล่งออกมาจากปากสีเชอร์รี่นั้นเขาได้ยินชื่อสกุลเธอแค่ว่า ‘คิตตี้’ เท่านั้นล่ะ และมันเข้ากับท่าทางของเธอเป็นบ้า แม่คิตตี้คนงาม... แมวน้อยผิวสวย!
ฟาเบียโน่ส่ายหน้าไม่อยากจะต่อความกับน้องชาย บางทีเขายังเคยคิดว่าถ้าปู่ส่งอเตต้าร์ไปเรียนที่อังกฤษด้วยกัน ความเงียบ มีมารยาทของผู้คนที่นั่น มันอาจจะทำให้น้องชายของเขาปากมอมน้อยลงกว่านี้ก็เป็นได้ “ใครจะไปรู้ได้วะ ว่าตัวเองจะได้ผู้หญิงแบบไหนมาเป็นเมีย แต่พอรู้ว่าเธอเป็นแบบไหนเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากันได้สิ” แต่... มันก็เร้าใจไปอีกแบบ ฟาเบียโน่คิดต่อเอาเองในใจเพราะไม่อยากพูดถึงเธอในเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังถึงแม้จะเป็นน้องชายของตัวเองก็เถอะ! มันหวง!! นี่ขนาดว่าแค่คิดถึงสัมผัสของเธอ มันยังทำให้เขาร้อนแทบลุกเป็นไฟ แล้วถ้าได้มีกันและกันอย่างลึกล้ำจริงๆมันคงทำให้เขาแทบคลั่งตายวันละหลายรอบ!!
“แล้วคืนนี้ต้องนอนเฝ้าเมียที่นี่ใช่มะ?” อเตต้าร์ถามแต่ยังไม่วายประชดประชันอีก
“อื้อ... แล้วนายจะไปไหนรึเปล่า?”
อเตต้าร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไปหาเหล้า หาผู้หญิงสักคน เบื่อพวกกลัวเมียแล้วเจอกันที่รีโอเดอจาเนโรเลยแล้วกัน” หนุ่มมาดเถื่อนเดินจากมาพลางโบกมือให้พี่ชายโดยไม่ได้หันกลับมามอง ไปหาเหล้ากิน นั่งฟังเพลงเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยไม่ได้มาที่บูซิโอสนานแล้วบางทีอาจจะมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ก็ได้
อเตต้าร์แปลกใจในความเปลี่ยนแปลงของพี่ชายตัวเอง ปกติเขาและพี่ชายไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะต้องแบ่งกันรับผิดชอบกิจการของตระกูลโอลีเวย์ร่า ปีนึงจะเจอกันสักสองสามครั้ง และทุกครั้งที่เจอกันก็ไม่พ้นสุราเคล้านารีตามประสาหนุ่มโสด บางครั้งถ้าฟาเบียโน่เป็นฝ่ายไปเยี่ยมคุณปู่ที่รีโอกรันดีโดซุล อเตต้าร์จะจัดปาร์ตี้ฟองสบู่ที่เต็มไปด้วยเซเลบสาวคนดัง ดารานางแบบนุ่งน้อยห่มน้อยหรืออีกทีพวกเธอก็ต้อนรับสองพี่น้องตระกูลโอลีเวย์ร่าด้วยฟองสบู่ปกปิดเรือนกายจุดสำคัญเท่านั้น!! สาวๆทั่วโลกมีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นผู้หญิงของหนึ่งในสองพี่สองโอลีเวย์ร่า แต่ตอนนี้คงจะเหลือเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นเพราะดูเหมือนว่าพี่ชายเขาจะกลายเป็นคนหวงตัวไปซะแล้ว ก็แน่ล่ะสิ!! ขนาดว่าพี่สะใภ้ของเขาหลับใหลอยู่เธอยังผุดผ่องสวยงามราวกับเทพธิดาตัวน้อย ฟาเบียโน่คงไม่ต้องคิดหาผู้หญิงคนอื่นอีกหากมีเธอรออยู่บนเตียง
แล้วเขาล่ะ!... หากได้แม่คิตตี้หน้าสวย ผิวดีคนเมื่อกี้มาบิดตัวอยู่ใต้ร่างคงสนุกเป็นบ้า เฮ้ย!! หยุดคิดเลยไอ้บ้า เธอมองแกยังกับเป็นกุ๊ยข้างถนนแล้วจะไปสนทำไมกันวะ เธอหุ่นสะบึ้มก็จริงแต่หน้าเด็กออกอย่างนั้นจะทนไม้ทนมือได้ที่ไหน ดีไม่ดียังไปไม่สุดทางคงสลบคาเตียงไปแล้ว แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะไปสนุกได้ยังไงกันวะ!!? ไม่! ไม่... อย่างฉันมันต้องผู้หญิงมากประสบการณ์ คิดได้ดังนั้นแบดบอยหนุ่มจึงมุ่งหน้าสู่บาร์เบียร์ริมหาดบูซิโอสที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาแสวงหาความสุข สนุกในยามราตรี
รุ่งเช้ามนตร์ลดาลากกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ออกมารอหน้าอพาร์ตเมนต์ ไม่นานนักรถยนต์สัญชาติยุโรปคันหรูสีดำสนิทก็เคลื่อนเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับชายร่างสูงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ
“เซญอริต้ามอล-ลา-ดา รึเปล่าครับ?” อิบันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า หากแต่ออกเสียงเรียกชื่อของพยาบาลสาวไม่ชัดเจน
“ใช่ค่ะ” มนตร์ลดาตอบยิ้มๆตั้งแต่ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนนี้ พูดได้เต็มปากว่ายังไม่มีใครออกเสียงเรียกชื่อนามสกุลของตัวเองได้ถูกต้องชัดเจนสักคนเดียว
อิบันยิ้มให้อย่างสุภาพพร้อมแนะนำตัวว่าตนเองคือคนสนิทของเซญอร์ฟาเบียโน่ส่งให้มารับเธอ พลางเอื้อมมือไปยกกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองขึ้นเพื่อนำไปเก็บไว้หลังรถ “เชิญครับเซญอริต้า มะ...”
“เรียกดิฉันว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ” มนตร์ลดาเอ่ยชื่อเล่นสั้นๆที่มักแนะนำให้คนอื่นเรียกตนเองได้ง่ายๆ พลางก้าวขึ้นรถเมื่อชายร่างสูงเปิดประตูรถให้ ปากอิ่มสีเชอร์รี่ห่อตัวได้อย่างน่ารัก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณผู้หญิงได้นั่งรถหรูเป็นครั้งแรกในชีวิตทั้งยังมีหนุ่มร่างใหญ่ราวกับบอดี้การ์ดก้าวขึ้นมาเป็นพนักงานขับรถให้ด้วย
“คุณมิ้นต์ย้ายกลับไปอยู่ที่รีโอเดอจาเนโรเป็นการถาวรเลยเหรอครับ ถึงได้ขนของเยอะแบบนี้?” อิบันถามพลางเคลื่อนออกรถจากหน้าอพาร์ตเมนต์
“ค่ะ พอดีว่าคุณแม่ของดิฉันอยู่ที่นั่น ท่านสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่เลยอยากไปดูแลท่านด้วยตัวเองน่ะค่ะ”
อิบันพยักหน้ารับ บอดี้การ์ดหนุ่มรู้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิงเอเชียแต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเธอเป็นสาวชนชาติไหนกันแน่ มองๆไปเธอก็อรชรอ้อนแอ้นเหมือนเจ้านายสาวของตนเองเหลือเกิน “ขอโทษนะครับ คุณมิ้นต์เป็นคนไทยรึเปล่าครับ?”
“ค่ะ คุณอิบันรู้ได้ยังไงคะ?” มนตร์ลดาถามอย่างประหลาดใจ
“ก็เดาเอาน่ะครับ ดู... คุณมิ้นต์คล้ายๆกับเซญอร่าจิงเจอร์” อิบันและมนตร์ลดาพูดคุยกันอย่างถูกคอ หญิงสาวได้โอกาสสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่า นายจ้างคนใหม่ของตนอยู่หลายเรื่องจนรถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาล อิบันจึงบอกให้พยาบาลสาวเข้าไปพบกับเซญอร์ฟาเบียโน่ แล้วตนเองจึงแยกตัวไปเก็บของและเตรียมความพร้อมอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล
มนตร์ลดายืนอยู่ด้านหลังของคุณหมอวัยกลางคนซึ่งกำลังตรวจและซักถามอาการของคนป่วยร่างบอบบางอยู่บนเตียง ก่อนที่จะอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ไม่นานนักคุณหมอก็เดินกลับออกไปจากห้องเหลือไว้เพียงมนตร์ลดาที่ยืนยิ้มเป็นมิตรให้สองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่าอยู่ปลายเตียง
“นี่มิ้นต์พยาบาลที่ผมเล่าให้ฟังว่าจะดูแลคุณที่บ้านไงที่รัก มิ้นต์นี่จิงเจอร์ภรรยาของผมครับ” ฟาเบียโน่เอ่ยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะ จิงเจอร์” มนตร์ลดาเอ่ยคำทักทายเป็นภาษาไทย
“เช่นกันค่ะ ดีใจจังเลยที่รู้ว่าคุณเป็นคนไทยเหมือนกัน” อรอาภายิ้มกว้างเมื่อคิดว่าต่อไปนี้จะได้พูดภาษาไทยแล้ว เผื่อว่าความทรงจำของตัวเองจะกลับคืนมาเร็วขึ้น “แล้วมิ้นต์ชื่อจริงว่าอะไรคะ ขอโทษนะที่ต้องถามอย่างนี้แต่เฟลิกซ์เขาบอกว่าชื่อคุณออกเสียงยากมาก เขาจำไม่ได้” จบคำพูดของอรอาภา สองสาวก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างครื้นเครง โดยมีหนุ่มบราซิลเลี่ยนยืนทำหน้าเซ็งเพราะไม่เข้าใจที่พวกเธอคุยกันแต่พอจะเดาได้ว่าตัวเองคงเป็นหัวข้อสนทนาอยู่เป็นแน่เพราะได้ยินภรรยาเอ่ยชื่อตนเองออกมา
“มนตร์ลดา กิตติพานิชย์ค่ะ”
“ว้าว!! ชื่อคุณเพราะจังค่ะ แล้วมาอยู่ที่นี่นานรึยังคะ??” อรอาภาถาม หากแต่สามีเอ่ยขัดจังหวะขึ้นก่อนว่าจะขอตัวออกไปจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลและรับยา ลับร่างสูงใหญ่ของฟาเบียโน่แล้วอรอาภาจึงหันมาพูดกับพยาบาลสาวต่อ “ชื่อของมิ้นต์แปลกดีนะคะ ดูลึกลับ เซ็กซี่ยังไงบอกไม่ถูก”
“แหม... เซ็กซี่เลยเหรอคะ ฉันไม่ปฏิเสธคำชมของคุณหรอกนะคะ” เจ้าของชื่อทำตาโต น่ารัก “แล้วจิงเจอร์มีชื่อไทยรึเปล่าคะ?”
“อรอาภาค่ะ แต่ไม่ค่อยมีใครเรียกคิดว่าคงจะออกเสียงยากมั้งคะ พอฉันฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินคนที่นี่เรียกว่าจิงเจอร์ซะเป็นส่วนมาก อ้อ... มิ้นต์รู้รึยังว่าตอนนี้ฉันมีอาการความจำเสื่อมอยู่?”
“ค่ะ พอจะทราบมาบ้างแล้วแต่มันแค่เป็นอาการความจำเสื่อมชั่วคราวเท่านั้น ใช้เวลาอีกสักหน่อยก็น่าจะหายดีแล้วล่ะค่ะ” มนตร์ลดาปลอบใจเมื่อเห็นสีหน้าสดใสของเพื่อนใหม่สลดลงไปในทันตา
“ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหนถึงจะจำได้ นี่เฟลิกซ์เขาก็ยังงอนที่ฉันจำเขาไม่ได้อยู่เลยค่ะ” อรอาภาบอก
“คิดมากไปรึเปล่าคะ เซญอร์ฟาเบียโน่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ารักและห่วงใยคุณเอามากๆแล้วจะงอนได้ยังไง”
“หึๆ ไม่เถียงหรอกค่ะว่าเขารักฉัน แต่ถ้าอยู่กันสองคนแล้วเขาเย็นชา แข็งทื่ออย่างกับน้ำแข็งขั้วโลกอย่างนี้ไม่เรียกว่างอนแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ??” สองสาวพูดคุยกันอยู่ไม่นานนัก ฟาเบียโน่ก็เข้ามาบอกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพร้อมที่จะเดินทางกลับสู่รีโอเดอจาเนโร ฟาเบียโน่ปฏิเสธบุรุษพยาบาลที่เข็นรถเข็นสำหรับผู้ป่วยเข้ามาในห้อง เขาช้อนร่างบอบบางของภรรยาสาวขึ้นไว้ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวล มนตร์ลดามองเพื่อนใหม่ของเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของฟาเบียโน่ขำๆ เพราะอรอาภายักคิ้วหลิ่วตาให้ทั้งยังซุกหน้าลงที่อกกว้างของสามีอย่างออดอ้อนอีกด้วย
เมื่อมนตร์ลดาเดินมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลด้านนอกจึงขออนุญาตร่ำลากับเพื่อนร่วมงานก่อน ฟาเบียโน่พยักหน้าและเดินล่วงหน้าเข้าไปในลิฟต์
“พี่ลูลา มิ้นต์ต้องไปจริงๆแล้วนะคะ” มนตร์ลดาเดินเข้าไปสวมกอดพยาบาลสาวร่างท้วม ผู้ที่เป็นเสมือนพี่สาวคนหนึ่งที่คอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาเก้าเดือนที่ทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้
“จ้ะ... โชคดีนะสาวน้อย ดูแลตัวเองดีๆถ้าว่างก็โทรมาหาพี่บ้างนะ” ลูลากระชับอ้อมกอดพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ค่ะ มิ้นต์จะโทรฯหาบ่อยๆนะคะ พี่ลูลาก็รักษาสุขภาพด้วย” มนตร์ลดาบอกพร้อมดันตัวออกจากอ้อมแขนของลูลา “มิ้นต์ไปแล้วนะคะไม่อยากให้เขารอนาน” มนตร์ลดาโบกมือให้ลูลาพร้อมเดินจากมาพร้อมหันกลับมายิ้มและมองลูลาเป็นระยะจนก้าวเข้าไปอยู่ในลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของโรงพยาบาลแห่งนี้
สองชั่วโมงถัดมาเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆลงจอดบนชั้นดาดฟ้าของบ้านหรูริมชายหาดอีปาเนมาของสองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่า ตลอดทางที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์มนตร์ลดาแอบอมยิ้มให้กับความน่ารักของอรอาภามาตลอด เธอช่างเป็นผู้หญิงร่าเริง ขี้สงสัยแต่สามีกลับเป็นคนนิ่งขรึมคอยตอบทุกคำถามของภรรยาสาวอย่างระอาใจ หากแต่มนตร์ลดาก็มองเห็นถึงแววตาของความรัก ความปราถนาดีของเซญอร์ฟาเบียโน่ที่มีต่อภรรยาสาว
มนตร์ลดาเดินตามทั้งคู่จากดาดฟ้าชั้นบนลงมาถึงห้องรับแขกกว้างที่มีเด็กรับใช้หลายคนยืนรออยู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเจ้านายสาวของพวกเขา หญิงร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งปรี่เข้ามาถามไถ่อาการของเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วงเป็นใย แต่คำตอบของอรอาภากลับทำให้ทุกคนหัวเราะร่วนออกมาได้ จากนั้นอรอาภาจึงแนะนำแม่บ้านและเด็กรับใช้ให้รู้จักกับมนตร์ลดาและพาเธอไปยังห้องพักส่วนตัว
แม่บ้านร่างท้วมเดินนำมนตร์ลดามาจนถึงห้องหนึ่งซึ่งภายในห้องตบแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก เตียงนอนใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง กระจกบานใหญ่เปิดโล่งมองเห็นวิวทะเลอย่างสวยงามจนนึกว่าตัวเองพลัดหลงเข้ามาอยู่ในวิลล่าหรูๆสักแห่ง
“เอ่อ... ความจริงดิฉันพักห้องธรรมดาก็ได้ค่ะ ห้องนี้ออกจะสวยเกินไปหน่อย” มนตร์ลดาบอกอย่างเกรงใจพลางขอบคุณเด็กรับใช้ที่ยกกระเป๋าใบใหญ่มาให้ถึงในห้อง
“โธ่!... ไม่ต้องเกรงใจนะคะ เชิญเซญอริต้าพักให้สบายใจเดี๋ยวดิฉันจะให้เด็กช่วยจัดของนะคะ” แม่บ้านบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คือว่าดิฉันจะเอาแค่ที่จำเป็นต้องใช้ออกมาเท่านั้น กะว่าจะย้ายไปเก็บไว้ที่บ้านของคุณแม่น่ะค่ะ”
นอสซายิ้มพยักหน้ารับ “งั้น... ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็บอกนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”
เมื่อทุกคนออกไปจากห้องแล้ว มนตร์ลดาก้าวเข้าไปมองหาดทรายสีขาวละเอียดราวกับต้องมนต์สะกด ตั้งแต่มาอยู่ที่บราซิลนี่ยังไม่เคยมองเห็นชายหาดอีปาเนมาในมุมนี้เลยสักครั้ง เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมผู้คนจากทั่วโลกถึงได้แห่แหนเข้ามาชื่นชมความงามของชายหาดชื่อดังระดับโลกนี้นัก แต่พวกเขาคงโชคดีน้อยกว่าเธอเพราะจุดที่ยืนอยู่นี้เป็นชายหาดส่วนตัวของบ้านพักมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยติดอันดับโลก แน่นอนว่านักท่องเที่ยวทั่วไปคงไม่ได้เฉียดกรายเข้ามาในชายหาดสวยงามจุดนี้เป็นแน่
หลังจากจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองแล้ว หญิงสาวจึงออกมาด้านนอกเพื่อดูแลคนไข้ของตนเอง แต่อรอาภานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนเลยเวลาอาหารกลางวันไปเกือบชั่วโมง มนตร์ลดาจึงตัดสินใจปลุกคนไข้สาวขึ้นมารับประทานอาหาร จากนั้นสองสาวจึงนั่งพูดคุยกันถึงอาการความจำเสื่อมของอรอาภาแต่ไม่นานนักคนไข้ของเธอก็บ่นพึมพำว่าง่วงนอนอีกแล้ว มนตร์ลดายิ้มและอธิบายว่าเป็นฤทธิ์ของยาหลังอาหาร คุณหมอคงอยากให้พักผ่อนมากๆ
มนตร์ลดาดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมให้คนไข้แสนสวยที่หลับไปอย่างง่ายดายเมื่อพาเธอกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง จากนั้นพยาบาลสาวจึงหยิบหนังสือที่วางอยู่หลายเล่มข้างหัวเตียงมาอ่าน พลางอมยิ้มขบขันระคนสงสารคนความจำเสื่อม เพราะหนังสือที่อรอาภาเลือกอ่านส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญหรือสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ แต่สิ่งที่ทำให้มนตร์ลดาขบขันคือหนังสือประเภทฮาวทู…
ทำอย่างไรที่จะประกาศความเป็นเจ้าของสามีของคุณโดยไม่ให้เขารู้ตัว?
ทำอย่างไรถึงจะยั่วยวนให้สามีของคุณคึกคัก!!?
มนตร์ลดาส่ายหน้าความทุกข์ของมนุษย์แต่ละคนบนโลกใบนี้ มันมีไม่เหมือนกันจริงๆคนร่ำรวยล้นฟ้าอย่างคนป่วยสาวผู้นี้กลับต้องมาทุกข์ใจเพียงเพราะอยากจำเรื่องราวต่างๆได้
มนตร์ลดานั่งอ่านหนังสือฮาวทูไปได้ไม่ถึงชั่วโมง ฟาเบียโน่ก็กลับแล้วพยายบาลสาวจึงขอตัวออกมาจากห้องนอนของทั้งคู่แล้วเดินลงมาชั้นล่างช่วยนอสซาเตรียมอาหารมื้อเย็นที่จะถึงนี้ พร้อมกับความรู้สึกโล่งใจ สบายใจเพราะทุกคนในบ้านหรูหลังนี้ยิ้มแย้มมิตรกับเธอทุกคน
มนตร์ลดาได้รับเชิญให้ร่วมโต๊ะทานอาหารเย็นกับสองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่า ฝ่ายภรรยาเบียดตัวเข้าหา ตักอาหารใส่จาน เอาอกเอาใจจนไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของสามี! นั่นคงเป็นคำแนะนำที่อรอาภาได้อ่านจากหนังสือมา ส่วนฝ่ายสามีกลับบดกรามแน่น แสดงอาการเงียบขรึม ดูออกได้ว่ากำลังข่มความรู้สึกตัวเองเอาไว้อยู่ แต่มนตร์ลดาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจเพราะรู้ดีเชียวล่ะว่าเซญอร์ฟาเบียโน่กำลังเขิน! แต่ไม่สามารถขัดใจภรรยาได้จนต้องเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันปรามภรรยาด้วยเสียงดุต่ำให้เธอนั่งนิ่งๆ
กลางดึกของคืนวันเดียวกัน อเตต้าร์ฟังเสียงเพลงจังหวะเร้าใจจากผับบาร์เบียร์ที่เรียงรายกันยาวไปจนสุดลูกหูลูกตาริมชายหาดโคปาคาบานา เสียงกรี๊ดกร๊าดของผู้หญิงหุ่นยั่วน้ำลายชายดังลอยมาแต่ไกลเมื่อเห็น ใบหน้าหล่อเหลาเถื่อนดิบ รูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแกร่งเป็นมัดๆอยู่ใต้เสื้อยืดสีขาวนั้น มันทำให้บุคลิกของชายผู้นี้ดูราวกับแบดบอยจอมเถื่อนที่ดึงดูดผู้หญิงทั้งโลกให้จ้องมองที่เขา นับประสาอะไรกับโสเภณีที่ยืนเรียกลูกค้าอยู่นั่น! พวกหล่อนหันมาให้ความสนใจเขาเพียงผู้เดียว บางคนถึงกับตะโกนบอกว่าไม่ยอมรับค่าตัวหากได้มีโอกาสขึ้นเตียงกับหนุ่มมาดเถื่อนทว่าเร้าใจคนนี้สักครั้ง!!
อเตต้าร์แสยะยิ้ม โอหังยิ่งนักเพราะคนอย่างเขาไม่เคยซื้อเซ็กส์ด้วยเงิน มีผู้หญิงเดินขบวนเข้ามาขอมีสัมพันธ์กับผู้ชายห่ามๆแบบเขา ทั้งนางแบบ ดาราชื่อดัง ลูกสาวเศรษฐีที่พบเจอกันตามงานปาร์ตี้มีให้เลือกมากมาย ความสัมพันธ์ในแบบชั่วข้ามคืนที่เกิดขึ้นจึงไม่มีพันธะผูกมัดใดๆทั้งสิ้น และอเตต้าร์เองก็ยังไม่ต้องการที่จะสร้างครอบครัวกับผู้หญิงหน้าไหนในตอนนี้ทั้งนั้น วันนี้เขาแค่อยากจะมาฟังเพลง ดื่มเหล้าและชมบรรยากาศยามค่ำคืนของชาดหาดบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งห่างหายไปหลายปี
“ไคพิรอสก้า” อเตต้าร์สั่งเครื่องดื่มของตนเองพลางทรุดตัวนั่งลงที่เคาน์เตอร์บาร์ของผับแห่งหนึ่ง โดยมีบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยกำลังปรุงเหล้าด้วยลีลาเหลือร้าย อเตต้าร์มองบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยเทคาชาซา หรือน้ำตาลเมาซึ่งเป็นเครื่องดื่มพื้นเมืองของชาวบราซิลผสมกับเหล้าว็อดก้าเทใส่แก้วแล้วยื่นให้ตนเองอย่างคล่องแคล่ว
บาร์เทนเดอร์หนุ่มมองลูกค้ามาดเถื่อนยกไคพิรอสก้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว จึงยิ้มออกมา “ผมว่ามันน่าจะอ่อนไปสำหรับเซญอร์นะครับ”
อเตต้าร์เลิกคิ้วพลางยิ้มที่มุมปาก สายตาคมกริบมองบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยพลางคาดเดาอายุไม่น่าจะถึงยี่สิบปีซะด้วยซ้ำ “เบาๆก่อนดีกว่า ฉันไม่อยากเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ถูก” หากคนที่รู้จักมักคุ้นกับเขามาได้ยินว่าอเตต้าร์เมา!! คงจะหัวเราะจนฟันกระเด็นออกมานอกปากแน่เพราะนอกจากว่าแบดบอยจอมเถื่อนคนนี้จะไม่รู้จักคำว่าเมาแล้ว เขายังเคยแข่งดื่มกับเพื่อนสองวันสองคืนโดยที่คู่แข่งล้มพับไปแล้ว อเตต้าร์ยังสามารถเดินโซเซกลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเองได้ แน่ล่ะว่าการชิมไวน์ทุกสูตรของเซฮา เดอ ชาโต ไม่รอดพ้นเขาไปได้ “ร้านเล็กๆแต่คนเยอะไม่เบานี่”
“ครับ ถึงร้านของเราจะเล็กแต่ก็มีดีอยู่มากเชียวนะครับ ไม่รู้ว่าเซญอร์สนใจรึเปล่า?” บาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยโอ่ มันเป็นการเสนอบริการสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้ามาในร้านของตน
“ก็ลองว่ามาดูสิ อะไรที่นายบอกว่าดี?”
“เตกีล่ากับเซเว่นแฮฟเว่น3” บาร์เทนเดอร์หนุ่มวางแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่ผสมบางอย่างซึ่งใส ไร้สีแล้วเรียกมันว่า ‘เซเว่นแฮฟเว่น’
“เซเว่นแฮฟเว่น??” อเตต้าร์เลิกคิ้วถาม ความจริงแล้วเขาไม่รู้หรอกว่าเซเว่นแฮฟเว่นนี่มันคืออะไร แต่จากประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมาอย่างสมบุกสมบันแล้ว คอมมอนเซ้นส์บอกให้รู้ว่ามันคงเป็นยาสนุกอย่างหนึ่งเมื่อได้อยู่ในร่างกายแล้วคงทำให้การมีเซ็กส์กับผู้หญิงสักคนหรือหลายคนสนุกสุดเหวี่ยงราวกับได้ขึ้นไปล่องลอยอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ดเหมือนชื่อของมันเป็นแน่!!
“ครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มขยับเข้ามาใกล้ๆลูกค้าเพื่อจะอธิบายขยายความสรรพคุณสินค้าของตน “ดีกว่ายาทุกชนิดที่มีอยู่ในตอนนี้ ไม่เมา รู้สึกตัวทุกขั้นตอนที่สำคัญมันสนุกสุดๆเหมือนลอยขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ดเชียวนะครับ ผมลองมาแล้วติดใจเป็นบ้า”
“ก็น่าสนนะ แต่ถ้าใช้เซเว่นแฮฟเว่นแล้วต้องใช้ผู้หญิงพวกนั้นรองรับมันล่ะก็ ฉันหมดอารมณ์เป็นบ้าเลยว่ะ” อเตต้าร์บอกเสียงไม่เบานักราวกับว่ากำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่ ทั้งเบ้ปาก เบื่อหน่ายผู้หญิงนุ่มน้อยห่มน้อยเหล่านั้น สายตาคมกริบมองเด็กหนุ่มตรงหน้าพูดเสนอสินค้าของตน พร้อมกับผสมเครื่องดื่มส่งให้ตนเป็นระยะๆ
“เซญอร์ชอบพวกเด็กเอ๊าะๆใช่ไหมครับ ผมมีบริการพิเศษนะ ลีลาดีแต่ยังไม่ซ้ำมากก็อีกราคานึง แต่ถ้าอยากเปิดซิงแบบได้เลือดสดๆก็แพงขึ้นมาอีกสองสามเท่าตัว” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเสนอให้หลากหลายเมนูราวกับว่ากำลังอยู่ในร้านอาหารฟาสฟู๊ดที่มีเมนูอาหารให้ลูกค้าเลือกหลายแบบด้วยกัน “ว่าแต่เซญอร์สนใจแบบไหนครับ ผมจะได้จัดหาให้ถูก?”
“ชื่ออะไร เราน่ะ?” อเตต้าร์ไม่ได้ตอบแต่กลับถามชื่อของเด็กหนุ่มคนแทน แล้วก็ต้องหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยที่มองมาเหมือนกับว่าเขาเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบแฝงตัวเข้ามาล่อซื้อการขายบริการทางเพศ “อย่าทำหน้าอย่างนั้นน่า... ฉันแค่อยากรู้จักชื่อนายเท่านั้นเองเผื่อว่ามาวันหลังแล้วอยากฟัดอีหนูสักคนจะได้ตามตัวนายได้ถูก แต่วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไหร่ เมียดุขี้เกียจมีปัญหา!”
“อ๋อ...” บาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยลากเสียงยาวอย่างโล่งอก “ผมอัลเวสครับ ถ้าวันหลังเซญอร์มาที่ร้านก็มาหาผมได้ตลอดครับเพราะร้านนี้เป็นของพ่อผมเอง ตอนกลางวันเราจะเปิดขายอาหารพื้นเมืองปกติแต่ตอนกลางคืนจะเปิดเป็นผับกึ่งร้านอาหารครับ”
“อ้าว... แล้วพ่อนายไม่ว่าเหรอที่มีบริการเสริมให้ลูกค้าแบบนี้?” อเตต้าร์ถาม
“โอ๊ย!! พ่อไม่ว่าไรหรอกครับ ผับบาร์แถวนี้มีอยู่เป็นร้อยเป็นพันยาวไปถึงหาดอีปาเนมานู่น ถ้าไม่มีบริการเสริมแบบนี้ คงได้ไส้แห้งตายไม่มีข้าวกินกันหรอกครับ” อัลเวสตอบ
อเตต้าร์พยักหน้ารับก็คงจะจริง อะไรที่มีมากไปก็ไม่ดีมีน้อยไปก็ไม่ดี เดี๋ยวนี้ชายหาดโคปาคาบานากลายเป็นชายหาดที่เต็มไปด้วยโสเภณีเดินเรียกลูกค้าให้เกลื่อนไปหมด เรื่องล้วงกระเป๋า ฉกชิงวิ่งราวก็มีไม่เว้นแต่ละวัน จนคนที่อยากจะมาท่องเที่ยว ดื่มด่ำกับชายทะเลต้องเปลี่ยนไปที่ชายหาดอีปาเนมาแทน อเตต้าร์พูดคุยกับอัลเวสอยู่นานและเห็นว่าหากเด็กคนนี้ได้รับการสนับสนุนในทางที่ดี เขาต้องกลายเป็นบาร์เทนเดอร์อนาคตไกลและมีชื่อเสียงแน่นอนเพราะไม่ว่าจะสั่งเครื่องดื่มอะไร อัลเวสก็ผสมได้อย่างคล่องแคล่วและมีศิลปะ แต่อเตต้าร์ไม่มั่นใจในอนาคตของเด็กคนนี้นัก หากว่าอัลเวสรู้จักที่จะหาบริการเสริมให้ลูกค้าอยู่แบบนี้ สักวันคงต้องโดนตำรวจซิวแน่ๆ และมันไม่ต่างอะไรกับพวกแมงดาคุมซ่องเลยสักนิด!!
“ผมเห็นหลังของมิ้นต์ไวๆ เธอหายไปไหนซะล่ะครับ?” ปาโต้เอ่ยถามลูลา พยาบาลหุ่นเจ้าเนื้อที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล พร้อมทั้งชะโงกหน้ามองข้ามไปด้านหลังของเธอ เมื่อคิดว่าเห็นแผ่นหลังของสาวสวยที่ตนเองหมายตาไว้
“มิ้นต์ออกเวรไปตั้งแต่ตอนเย็นแล้วนะคะ แล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะทำงานที่นี่ด้วย เธอกลับไปได้เกือบสองชั่วโมงแล้วค่ะ” ลูลาตอบคุณหมอปาโต้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับอาการชะเง้อมองของคุณหมอ
“แต่ผมเห็นมิ้นต์เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่น!” ปาโต้ชี้นิ้วไปที่ด้านหลัง มันเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่หญิงในตึกนี้
“ตาฝาดน่ะสิคะ คุณหมอเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาคงเหนื่อยก็เลยมองพลาดไป ดิฉันว่าคุณหมอไปหาอะไรทานหน่อยดีมั้ยคะ เมื่อกี้คุณเซเรน่าเธอฝากบอกว่า ถ้าคุณหมอปาโต้ออกจากห้องผ่าตัดแล้วให้ไปเจอกันที่ห้องอาหารค่ะ เธอจะรออยู่ที่นั่น” พอเจอมุกนี้ของลูลาเข้าคุณหมอปาโต้ถึงกับทำหน้าหน่ายใจ! มันก็ดีหรอกถ้าจะตกลงปลงใจกับเซเรน่า เพราะเธอห่วงใยเอาใจใส่เขาและลูกชายเป็นอย่างดีแต่ความเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจของเธอนั้นมันทำให้เสน่ห์หดหายไปในทันตาเมื่อเทียบกับความร่าเริงสดใสของมนตร์ลดา
คุณหมอหนุ่มใหญ่ส่ายหน้าพร้อมถอนใจเฮือกใหญ่ ตัดใจเดินไปยังห้องอาหารชั้นล่างสุดของโรงพยาบาล ก็ใครบ้างอยากจะมีปัญหากับลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลในขณะที่ตัวเองมีฐานะเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น!!
“มิ้นต์... มิ้นต์ ออกมาได้แล้ว คุณหมอปาโต้ไปแล้ว” ลูลาพยาบาลสาวใหญ่เอ่ยเรียก เมื่อเห็นว่าคุณหมอปาโต้เดินลงบันไดไปแล้ว สิ้นเสียงของเธอใบหน้าสวยหวานกระจ่างตาจึงค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังประตูบานใหญ่
“ปลอดภัยแล้วนะคะ?” มนตร์ลดาย้ำถามเพื่อความมั่นใจ เมื่อได้รับการพยักหน้าจากลูลาแล้วหญิงสาวจึงเดินออกมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆลูลา “เฮ้อ... นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ถ้าพี่ลูลาไม่บอกว่าคุณเซเรน่ารออยู่ข้างล่าง คุณหมอคงเข้าไปตามมิ้นต์ถึงข้างในแน่”
ลูลาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพยาบาลสาวรุ่นน้อง สิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูลาประทับใจและเอ็นดูเธอก็คือการมีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน ตั้งแต่รู้จักกันมามนตร์ลดาจะเรียกเธอว่าพี่ทุกคำ นี่คงเป็นเอกลักษณ์ของสาวไทยผู้มีมารยาทงามเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกสินะและเธอก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้เหลือเกิน “ช่างเถอะ... อีกไม่นานมิ้นต์ก็ไม่ต้องอึดอัดใจแบบนี้แล้ว อดทนเอาไว้สาวน้อย แล้วนี่มิ้นต์ยังเหลือเฝ้าไข้พิเศษอีกใช่ไหม?”
“ค่ะ วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่มิ้นต์จะทำงานที่นี่ แต่มิ้นต์รับเฝ้าไข้พิเศษไว้อยู่เคสนึงค่ะ วันอาทิตย์คุณหมอน่าจะอนุญาตให้คนป่วยกลับบ้านได้ ถึงตอนนั้นมิ้นต์ก็จะได้กลับไปอยู่กับแม่ที่รีโอเดอจาเนโรสักที”
“แล้วมิ้นต์หางานใหม่ได้รึยัง?” ลูลาถามด้วยความเป็นห่วงเพราะตลอดระยะเวลาเก้าเดือนที่มนตร์ลดาทำงานอยู่ที่นี่ หญิงสาวก็ปรึกษาเรื่องส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง
“ยังเลยค่ะ กะว่าจะกลับไปตั้งหลักซะก่อนแล้วค่อยไปสมัครงานด้วยตัวเอง ความจริงมิ้นต์เคยส่งใบสมัครงานทางอีเมล์ไปหลายที่แล้วนะคะ แต่ยังไม่มีโรงพยาบาลไหนตอบกลับมาเลย” มนตร์ลดาเริ่มสมัครงานผ่านอินเตอร์เน็ตตั้งแต่วันที่ยื่นใบลาออกกับท่านผู้อำนวยการแล้ว
“แล้วกลับไปอยู่ที่รีโอเดอจาเนโรน่ะ แน่ใจเหรอว่าจะอยู่กับพ่อเลี้ยงของมิ้นต์ได้ พี่ว่าออกมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่เองไม่ดีกว่าเหรอ?” ลูลาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เป็นห่วงนักเพราะทราบว่าหญิงสาวนั้นไม่ค่อยจะถูกคอกับพ่อเลี้ยงของเธอสักเท่าไหร่ มนตร์ลดายังเคยเล่าให้ฟังว่ามีลูกค้าเข้ามาเที่ยวในบาร์และตอนนั้นเธอทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟในร้าน ลูกค้าดื่มเหล้าจนเมามายแล้วคิดว่าเธอเป็นอีหนูที่หิ้วออกไปข้างนอกได้แต่พ่อเลี้ยงของเธอกลับไม่ปฏิเสธหรือปกป้องเลย โชคยังดีที่แม่ของเธอออกมาเห็นและอธิบายให้ลูกค้าคนนั้นเข้าใจได้ทันเวลา
มนตร์ลดายิ้มด้วยสีหน้าเศร้าๆเพียงแวบเดียวเท่านั้นก็เปลี่ยนเป็นร่าเริงเพราะไม่อยากให้ลูลาพลอยไม่สบายใจไปด้วย “ขอบคุณพี่ลูลามากนะคะที่เป็นห่วงมิ้นต์ แต่ช่วงแรกมิ้นต์คงต้องอยู่ที่นั่นก่อนรอให้ได้งานใหม่แน่นอนแล้วค่อยหาทางขยับขยายอีกที อีกอย่างแม่ก็อยู่ด้วยเขาคงต้องเกรงใจแม่อยู่บ้างล่ะค่ะ ที่สำคัญมิ้นต์เองก็อยากอยู่ใกล้ๆแม่ด้วย”
ลูลาพยักหน้ารับพลางบีบกระชับมือของสาวสวยอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงลุกขึ้นเพื่อจัดยาหลังอาหารเตรียมให้ผู้ป่วยตามหน้าที่ มนตร์ลดาจึงขอตัวกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อเฝ้าไข้พิเศษที่ตนเองรับเอาไว้
บ่ายวันอาทิตย์อเตต้าร์วางแผนการเดินทางจากรีโอกรันดีโดซุล ไปเยี่ยมพี่ชายที่รีโอเดอจาเนโร แต่ชายหนุ่มกลับต้องสถบออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อไมนาสคนสนิทเข้ามารายงานว่าพี่ชายของเขาถูกลอบยิงอยู่ที่บูซิโอส แต่คนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นกลับเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของฟาเบียโน่แทน อเตต้าร์จึงต้องเปลี่ยนเส้นทางจากรีโอเดอจาเนโรมุ่งหน้าไปเมืองตากอากาศชื่อดังอย่างบูซิโอสแทน
อเตต้าร์ทิ้งตัวลงบนเบาะกว้างบนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว วาดขายาวพาดบนเบาะนั่งตัวหน้าอย่างเคยชิน ด้วยท่านั่งที่สบายจนเกินกว่าเหตุ!! หากก็ไม่เคยมีใครสามารถทำให้เขาเปลี่ยนแปลงนิสัยนี้ได้เลย สองมือแกร่งโยนหนังสือพิมพ์รายวันทิ้งด้วยความหงุดหงิดใจ ไม่มีอารมณ์จะรับข่าวสารใดๆอีก พลางคิดว่าใครกันแน่ที่มันบังอาจมาลองดีกับตระกูลโอลีเวย์ร่า อาทิตย์ก่อนนี้ไร่องุ่นของเขาถูกไฟเผาวอดวายไปหลายไร่จนป่านนี้ยังหาตัวมือวางเพลิงมารับโทษไม่ได้ วันนี้ฟาเบียโน่ พี่ชายยังถูกลอบยิงอีก!! อะไรมันจะยุ่งยากชิบหายวายป่วงขนาดนี้วะ!
ไอ้พวกหมาลอบกัด!... ลองออกมาดวลกันตัวต่อตัวซักหน่อยเป็นไร พ่อจะล้มพวกมันทั้งยืนให้ดู! อเตต้าร์คิดด้วยความแค้นใจ พลางเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อรู้สึกได้ว่าเครื่องบินลดเพดานการบินให้ต่ำลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่าใกล้ถึงจุดหมายเต็มที ความสวยงามของน้ำทะเลสีเขียวมรกตกับหาดทรายสีขาวละเอียดนั้นเมื่อมันกระทบกับแสงแดดมันสะท้อนขึ้นมาให้เห็นเป็นประกายระยิบระยับ บรรยากาศสบายๆของท้องทะเลอันคุ้นเคยทำให้ความหงุดหงิดใจทั้งหมดผ่อนคลายลงได้บ้าง
ชั่วโมงต่อมาอเตต้าร์เดินทางมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในบูซิโอสที่พี่ชายของตนพาผู้หญิงที่เรียกว่า ‘ภรรยา’ มารักษาตัวอยู่ บุรุษมาดเถื่อนดิบเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความมั่นใจอย่างเคย ภาพของผู้ชายตัวโตสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาตามสันคางมีเคราเขียวครึ้มขึ้นอยู่ทั่ว ผมสั้นสกินเฮด ผิวสีคล้ำแดดสมชายชาตรี เสื้อยืดสีเทารัดแนบไปกับแผงอกกว้างจนทำให้สายตาทุกคู่ของสาวๆในโรงพยาบาลมองตามทั้งส่งสายตาเชิญชวนอยากรู้จักมักคุ้นกับแบดบอยผู้นี้อย่างออกนอกหน้า หากแต่คนอย่างอเตต้าร์ไม่ใช่ผู้ชายที่จะลากใครมาขึ้นเตียงได้ง่ายๆ ถ้าเขาไม่ปราถนาแล้วก็อย่าได้หวังเลย สาวๆทั่วไปอาจจะดูว่าเขาเป็นเพลย์บอยอารมณ์ร้ายหน้าตาไม่สุภาพ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จริง แต่ก็ไม่มั่วลากใครก็ได้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขึ้นเตียงทุกคน!!
ฟาเบียโน่ละสายตาจากร่างบอบบางตรงหน้า เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเดินใกล้เข้ามา
“ข่าวเร็วเสมอนี่ อาร์ตี้” ฟาเบียโน่ทักน้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวด้วยชื่อเล่นที่เรียกขานกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี
“คนนี้ใช่มั้ยเมียตีทะเบียนของพี่??” อเตต้าร์มองใบหน้างดงามที่หลับใหลอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วหันมาเหล่มองพี่ชายพลางยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นฟาเบียโน่พยักหน้ารับ “ความจริงผมกะจะมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ว่าง”
“แล้วทำไมถึงว่างได้ล่ะ?” ฟาเบียโน่ถามกลับ
“ความจริงไม่ได้ว่างเล้ย... แต่ปู่อยากเห็นหน้าหลานสะใภ้ บ่นเช้าบ่นเย็นจนผมหูชา น้อยอกน้อยใจว่าพี่ไม่พาเธอไปหาน่ะสิ ผมก็เลยต้องมาหาเอง นี่... คงมีใครส่งข่าวไปบอกแล้วว่าเธอโดนลูกหลง! ดีนะที่ผมรู้ตอนที่กำลังจะออกจากบ้าน ไม่งั้นไปหาที่รีโอเดอจาเนโรก็คงไม่ได้เจอกันอยู่ดี” อเตต้าร์รู้ดีว่าพี่ชายของตนสามารถรับมือกับพวกมือปืนลอบยิงได้สบายอยู่แล้ว
“เธอไม่เป็นอะไรมากหรอก โดนยิงที่ด้านหลัง หมอผ่าเอากระสุนออกมาแล้ว นี่ก็กะว่าถ้าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วจะขออนุญาตหมอกลับไปพักฟื้นที่บ้านเลย”
“แล้วรู้รึยังว่าเป็นพวกไหน??”
“ดีเกากำลังสืบหาพวกมันจากหัวกระสุนอยู่ ไม่นานคงได้รู้ว่าพวกระยำนั่นมันเป็นใคร?” ฟาเบียโน่บอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม!
พอได้เห็นแววตาอำมหิต ได้ยินน้ำเสียงอาฆาตแค้นของพี่ชายแล้ว อเตต้าร์รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน “ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า... รู้ว่าพี่ต้องตอบแทนพวกมันอย่างสาสมแน่ แต่พี่ควรจะเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้างนะ ถ้าปล่อยให้ผมกลับไปเฉยๆแบบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรของเธอเลย ปู่คงได้ฆ่าผมตายแน่!!”
ฟาเบียโน่มองหน้าน้องชายด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการันก้า โอลีเวย์ร่า คุณปู่วัยแปดสิบปีของทั้งคู่อยากให้หลานชายทั้งสองมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนสักเพียงใด เพราะอยากเห็นหน้าทายาทรุ่นต่อไปของตัวเองเต็มทีแล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา เนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบปีก่อนแต่เสือเฒ่าการันก้า ก็ไม่เคยตกข่าวเกี่ยวกับหลานชายทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัวก็ตาม
อเตต้าร์เลิกคิ้วแปลกใจหลายครั้งหลายหน เมื่อได้ยินเรื่องราวของสาวหน้าหวานจากปากของพี่ชายตนเอง
เธอคือเด็กที่พี่ชายของเขารับอุปการะมาตั้งแต่อายุสิบห้าปี!!
เธอคือผู้หญิงที่ถูกคนใจร้ายคนนึงยกให้กับฟาเบียโน่เพื่อเป็นนางบำเรอ!!
เธอคือคนความจำเสื่อมที่ฟื้นขึ้นมาแล้วเรื่องราวรอบตัวทำให้เข้าใจไปว่าฟาเบียโน่คือสามี!! แต่สิ่งที่อเตต้าร์ไม่อยากเชื่อมากที่สุดก็คือ คนอย่างฟาเบียโน่ที่ไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงต้องยอมสมอ้างว่าเป็นสามีของเธอ ยิ่งรู้ลึกลงไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อยากเชื่อ ถ้าหากว่าไม่ได้ยินจากปากของเจ้าตัวเอง
ในขณะที่ด้านนอกของห้องผู้ป่วยวีไอพี มนตร์ลดาเพิ่งได้รู้ว่ามีอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่งต้องการพยาบาลไปดูแลภรรยาสาวของเขาที่รีโอเดอจาเนโรเพราะเธอเพิ่งถูกยิงและหมอก็เพิ่งจะผ่าตัดเอากระสุนออกมาได้ ตอนนี้ยังพักอยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพีอยู่
“โอ้โห... อภิมหาเศรษฐีเลยเหรอคะพี่ลูลา?” มนตร์ลดาถามพร้อมทำตาโตอย่างน่ารัก หญิงสาวเพิ่งจะส่งผู้ป่วยที่รับเฝ้าไข้พิเศษไว้กลับบ้านเมื่อไม่ถึงยี่สิบนาทีที่ผ่านมานี้ และออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าวันนี้คนทั้งโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นท่านผู้อำนวยการ เซเรน่าและคุณหมออีกหลายคน ทำไมถึงได้ดูวุ่นวายกันนัก ความจริงแล้วมีลูกค้าวีไอพีระดับอภิมหาเศรษฐีมาใช้บริการนี่เอง!
“ก็พ่อค้าเพชรระดับโลกอย่างตระกูลโอลีเวย์ร่าน่ะ จะไม่ให้เรียกว่าอภิมหาเศรษฐีได้ยังไง ว่าแต่มิ้นต์เถอะ... รีบเข้าไปคุยกับเซญอร์2ฟาเบียโน่ดีกว่า เดี๋ยวมีพยาบาลคนอื่นมาคว้าโอกาสนี้ไปแล้วเสียดายแย่เลย” ลูลาบอกเรื่องนี้กับมนตร์ลดาเป็นคนแรก เพราะฟาเบียโน่นั้นแจ้งความประสงค์กับเธอว่าต้องการพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษ จากนั้นมนตร์ลดาจึงหันมาซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ป่วยจากลูลาเพื่อทำความเข้าใจและเป็นข้อมูลก่อนที่จะรับงานพิเศษนี้
อเตต้าร์ยิ้มมึนๆ หลังจากฟังพี่ชายของตัวเองพูดถึงผู้หญิงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง
“ผมว่าเธอคงจะจำอะไรไม่ได้ไปอีกนานหรอก ก็พี่เล่นไม่ได้พูดความจริงกับเธอนี่” อเตต้าร์ว่าเหมือนประชด เมื่อได้ฟังเรื่องราวนั้นจบลงและจับน้ำเสียงได้ว่าฟาเบียโน่รู้สึกกังวลในตัวของผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยว่าหากเธอจำเรื่องราวในอดีตได้แล้วจะเปลี่ยนไปจากเดิม
“ก็แค่บางเรื่องเท่านั้นเพื่อความสบายใจของเธอ” ฟาเบียโน่ถอนหายใจเฮือก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองปิดบังอรอาภาอยู่หลายเรื่องแต่ไอ้น้องบ้านี่มันควรจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่ามาพูดประชดประชันเขาอย่างนี้ “ไม่รู้สิ บางครั้งฉันก็อยากให้เธอจำได้แต่บางครั้งก็อยากเก็บเธอไว้กับตัวเองคนเดียว”
“เฮ้อ... สับสนยังกับหนุ่มน้อยเชียว” อเตต้าร์แซวพี่ชายพร้อมวางท่อนแขนที่บ่ากว้าง ออกแรงลากคอพี่ชายเข้ามาหาพร้อมกับพากันเดินออกไปนอกห้อง “ไปหาเบียร์เย็นๆดื่มกันดีกว่า มันจะไปยากอะไรเฟลิกซ์!! ถ้าพี่กลัวว่าเธอจะไม่เหมือนเดิมก็ทำให้เธอท้องซะสิ ผู้หญิงน่ะทิ้งลูกทิ้งผัวตัวเองไม่ได้หรอก” คนนิสัยเถื่อนแนะวิธีแก้ปัญหาแบบห่ามๆให้พี่ชาย
มันคงเป็นคำแนะนำที่ฟังไม่รื่นหูสำหรับอรอาภา แต่มันเข้าท่าสำหรับฟาเบียโน่และยังทำให้เขาหัวเราะออกมาได้อีก เสียงหัวเราะครื้นเครงของสองพี่น้องเงียบลง เมื่อทั้งคู่เดินออกมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลด้านหน้า สาวน้อยหน้าใสคนหนึ่งก็เดินมาขวางทั้งคู่เอาไว้
“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือเซญอร์ฟาเบียโน่รึเปล่าคะ??” หญิงสาวหน้าตางดงาม ผิวขาวละออตาเอ่ยถามด้วยภาษาโปรตุกีสสำเนียงไพเราะกว่าที่เคยได้ยินนัก
“ใช่ครับ... ผมเอง” ฟาเบียโน่ตอบ
“สวัสดีค่ะดิฉันมนตร์ลดา กิตติพานิชย์ เรื่องที่เซญอร์เคยแจ้งไว้ว่าต้องการพยาบาลไปดูแลคนไข้ที่รีโอเดอจาเนโรน่ะค่ะ ดิฉันเป็นพยาบาล กำลังจะย้ายจากบูซิโอสไปที่รีโอเดอจาเนโร อยากจะทราบรายละเอียดน่ะค่ะ” พยาบาลสาวไทยเอ่ยแนะนำตัวเอง
“อ้อครับ เดี๋ยวเราไปคุยกันที่คอฟฟี่ช็อปด้านล่างดีไหม จะได้สะดวกหน่อย” ฟาเบียโน่บอกพร้อมเดินนำหน้าทั้งหมดลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่างในส่วนร้านอาหารและเครื่องดื่มที่โรงพยาบาลแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจน
อเตต้าร์มองพยาบาลสาวสวยไม่วางตา ปากอิ่มสีเชอร์รี่ของเธอมันช่างดูเย้ายวน น่าลิ้มลองนัก!! แล้วยังรูปร่างทรงนาฬิกาทรายของเธออีก เธอมีอกสะบึ้ม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายอย่างสาวบราซิลทั่วไปแต่ที่ทำให้แตกต่างและโดดเด่นคือผิวขาวราวกับนมสดของเธอ มันทำให้อเตต้าร์นึกอยากจะเกลือกกลิ้งผิวกร้านของตัวเองกับผิวนิ่มๆดูสุขภาพดีของเธอนัก!!
“ไม่ทราบว่าเป็นลูกครึ่งรึเปล่าครับ??” ฟาเบียโน่เริ่มบทสนทนาอย่างเป็นกันเอง เมื่อทั้งหมดนั่งลงในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“เปล่าค่ะ ดิฉันเป็นคนไทยแท้ๆ เกิดและเติบโตที่ประเทศไทยมาทำงานที่นี่ได้เกือบปีแล้ว พอดีคุณแม่ย้ายตามสามีมาเปิดร้านอาหารไทยในรีโอเดอจาเนโรน่ะค่ะ ดิฉันลาออกจากโรงพยาบาลแล้วจะกลับรีโอเดอจาเนโรพอดีค่ะ”
“งั้นก็ลงตัวกันพอดี ผมจะย้ายภรรยาที่เพิ่งผ่าตัดเอากระสุนออกไปพักฟื้นที่บ้าน ถ้าคุณหมอไม่ขัดข้องอะไรเราก็จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์กันพรุ่งนี้เลย คุณก็มีหน้าที่ดูแลเธอระหว่างที่เธอยังไม่สบายอยู่ แต่ช่วงสองสามวันแรกผมคงต้องให้คุณค้างที่บ้านกับเราก่อน ถ้าเธอดีขึ้นแล้วคุณค่อยไปเช้าเย็นกลับ หรือว่าจะค้างที่บ้านผมเลยก็ได้แล้วแต่คุณจะสะดวก”
อเตต้าร์ฟังฟาเบียโน่บอกรายละเอียดต่างๆ ตามที่แม่พยาบาลสาวตรงหน้าเขาถาม ทั้งสองตอบโต้กันอยู่พักใหญ่ จนฟาเบียโน่ขอตัวลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
“อายุเท่าไหร่แล้วคุณ เพิ่งจบมาจะดูแลคนป่วยไหวเหร้อ??” อเตต้าร์ถามปลายเสียงถามอย่างประเมินความสามารถของเธอ
“ดิฉันอายุยี่สิบสามปีแล้วค่ะ เรียนจบพยาบาลวิชาชีพมาสองปีแล้ว ปีแรกทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐในประเทศไทย แล้วย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาได้เก้าเดือนเต็มแล้วค่ะ” มนตร์ลดาตอบพร้อมข่มอารมณ์ ไว้ไม่ให้สนใจกับน้ำเสียงที่เหมือนจะดูถูกความสามารถของตน พร้อมกัดฟันมองผู้ชายหน้าตากวนประสาทแล้วยังทำเบ้ปากพยักหน้ารับช้าๆราวกับไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เธอพูดเท่าไหร่นัก!!
ไอ้หมอนี่มันกุ๊ยดีๆนี่เอง หน้าตางี้เต็มไปด้วยเคราเฟิ้มถึงจะทำให้ดูว่าหล่อเถื่อนๆก็ตามเถอะ ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับเซญอร์ฟาเบียโน่จะรู้จักกับคนท่าทางอันธพาลแบบนี้ได้ มนตร์ลดาคิดเองในใจ
หน็อยแม่คุณ!! ทำมาเป็นคอแข็งมองฉัน คิดว่าฉันเหมือนอันธพาลข้างถนนอยู่ล่ะสิ!! “รับจ้างเป็นพยาบาลส่วนตัวม่ะ?? เงินดีนะไม่ต้องทำงานประจำให้เหนื่อย ถ้าทำดีถูกใจจ่ายทิปให้หนักด้วย วันๆไม่ต้องทำอะไรมาก แต่งตัวสวยๆคอยป้อนข้าวป้อนน้ำเป็นพอ”
มนตร์ลดาได้ยินคำถามที่เหมือนกับจะซื้อตัวเธอไปทำอีหนูซะมากกว่าที่จะไปเป็นพยาบาลส่วนตัวถึงกับกำมือแน่น “ดิฉันรับจ้างดูแลเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้นค่ะ ไอ้ที่คุณพูดมาคงต้องไปหาเอาตามชายหาดข้างหน้ามีให้เกลื่อน พวกเธอคงพอจะทำให้คุณจ่ายทิปหนักๆได้อยู่หรอกค่ะ”
อเตต้าร์งงเป็นไก่ตาแตก ก็เขาจะจ้างเธอไปดูแลคุณปู่แต่เธอกลับบอกให้เขาไปหาเอาตามชายหาด! จะให้เขาเอาอีหนูนอนเปลือยยอดอกไปคอยดูแลคนแก่อายุแปดสิบปีแล้วท่านจะไม่หัวใจวายตายก่อนหรือยังไง ดู! ดูสายตาประณามที่เธอมองเข้าสิ! ก่อนที่อเตต้าร์จะได้ตอบโต้อะไรมากไปกว่านั้นฟาเบียโน่ก็เดินเข้ามาพอดี
“คุณ... เอ่อคุณมีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้ไหม??” ฟาเบียโน่ถาม
“เรียกดิฉันว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ” มนตร์ลดาบอกชื่อเล่นของตัวเอง
“โอเคมิ้นต์ คุณตกลงตามข้อเสนอที่ผมให้ไปไหม??”
“ตกลงค่ะ เซญอร์จะออกจากบูซิโอสประมาณกี่โมงคะ”
ฟาเบียโน่ยกข้อมือของตัวเองขึ้นมองนาฬิกาที่สวมอยู่ “พรุ่งนี้... น่าจะสักหกโมงเช้า มาเจอกันที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลได้เลย”
“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” มนตร์ลดาบอกพร้อมกับยิ้มใฟ้ฟาเบียโน่และหุบยิ้มฉับเมื่อสายตาหันมาปะทะกับผู้ชายมารยาททรามตรงหน้า สองขาเรียวหมุนตัวเดินฉับๆออกจากร้านกาแฟ โดยไม่รู้ว่ามีดวงตาคมกริบหรี่มองตามร่างระหงของตัวเองจนลับตา
ฟาเบียโน่มองน้องชายที่ทำหน้าแปลกๆอย่างรู้ทัน “คิดจะเคลมผู้หญิงไทยน่ะมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะโว้ย... ไม่รู้หรือไงว่าพวกเธอเป็นพวกสาวพรหมจรรย์ที่ใครกล้าล่วงล้ำเข้าไปแล้วต้องเสียสละชีวิตโสดทุกราย!”
อเตต้าร์หัวเราะเสียงดังโดยไม่ได้สนใจคนรอบกาย ก็เขามันพวกไร้มารยาทอยู่แล้วนี่ ถึงจะต้มหนังสือสมบัติผู้ดีให้กินเช้าเย็น ก็คงจะเลิกนิสัยห่ามๆไม่ได้! “พี่อาจจะคิดว่าเธอผุดผ่องเพราะเป็นผู้หญิงไทยเหมือนเมียตัวเอง แต่ผมไม่คิดว่าแม่คิตตี้นี่จะเป็นสาวพรหมจรรย์หรอกนะ แล้วก็ไม่เคยคิดจะเอาสาวด้อยประสบการณ์มาทำเมียหรอก ขี้เกียจสอน จะโยกจะคลึงแต่ละทีก็ต้องทะนุทถนอม มันไม่ถึงใจ!! อย่างผมมันต้องเชี่ยวชาญมันถึงจะสนุก ไม่เอาน่าเฟลิกซ์ผมไม่เจอพี่แค่ไม่ถึงสามเดือน อย่ามาทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลยแต่ก่อนพี่ก็ชอบแบบผมนี่แหละ แล้วนึกยังไงมาเปลี่ยนใจเอาป่านนี้??”
อเตต้าร์ไม่สนใจจะจำชื่อยาวๆออกเสียงยากๆของเธอ เสียงหวานๆที่เปล่งออกมาจากปากสีเชอร์รี่นั้นเขาได้ยินชื่อสกุลเธอแค่ว่า ‘คิตตี้’ เท่านั้นล่ะ และมันเข้ากับท่าทางของเธอเป็นบ้า แม่คิตตี้คนงาม... แมวน้อยผิวสวย!
ฟาเบียโน่ส่ายหน้าไม่อยากจะต่อความกับน้องชาย บางทีเขายังเคยคิดว่าถ้าปู่ส่งอเตต้าร์ไปเรียนที่อังกฤษด้วยกัน ความเงียบ มีมารยาทของผู้คนที่นั่น มันอาจจะทำให้น้องชายของเขาปากมอมน้อยลงกว่านี้ก็เป็นได้ “ใครจะไปรู้ได้วะ ว่าตัวเองจะได้ผู้หญิงแบบไหนมาเป็นเมีย แต่พอรู้ว่าเธอเป็นแบบไหนเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากันได้สิ” แต่... มันก็เร้าใจไปอีกแบบ ฟาเบียโน่คิดต่อเอาเองในใจเพราะไม่อยากพูดถึงเธอในเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังถึงแม้จะเป็นน้องชายของตัวเองก็เถอะ! มันหวง!! นี่ขนาดว่าแค่คิดถึงสัมผัสของเธอ มันยังทำให้เขาร้อนแทบลุกเป็นไฟ แล้วถ้าได้มีกันและกันอย่างลึกล้ำจริงๆมันคงทำให้เขาแทบคลั่งตายวันละหลายรอบ!!
“แล้วคืนนี้ต้องนอนเฝ้าเมียที่นี่ใช่มะ?” อเตต้าร์ถามแต่ยังไม่วายประชดประชันอีก
“อื้อ... แล้วนายจะไปไหนรึเปล่า?”
อเตต้าร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไปหาเหล้า หาผู้หญิงสักคน เบื่อพวกกลัวเมียแล้วเจอกันที่รีโอเดอจาเนโรเลยแล้วกัน” หนุ่มมาดเถื่อนเดินจากมาพลางโบกมือให้พี่ชายโดยไม่ได้หันกลับมามอง ไปหาเหล้ากิน นั่งฟังเพลงเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยไม่ได้มาที่บูซิโอสนานแล้วบางทีอาจจะมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ก็ได้
อเตต้าร์แปลกใจในความเปลี่ยนแปลงของพี่ชายตัวเอง ปกติเขาและพี่ชายไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะต้องแบ่งกันรับผิดชอบกิจการของตระกูลโอลีเวย์ร่า ปีนึงจะเจอกันสักสองสามครั้ง และทุกครั้งที่เจอกันก็ไม่พ้นสุราเคล้านารีตามประสาหนุ่มโสด บางครั้งถ้าฟาเบียโน่เป็นฝ่ายไปเยี่ยมคุณปู่ที่รีโอกรันดีโดซุล อเตต้าร์จะจัดปาร์ตี้ฟองสบู่ที่เต็มไปด้วยเซเลบสาวคนดัง ดารานางแบบนุ่งน้อยห่มน้อยหรืออีกทีพวกเธอก็ต้อนรับสองพี่น้องตระกูลโอลีเวย์ร่าด้วยฟองสบู่ปกปิดเรือนกายจุดสำคัญเท่านั้น!! สาวๆทั่วโลกมีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นผู้หญิงของหนึ่งในสองพี่สองโอลีเวย์ร่า แต่ตอนนี้คงจะเหลือเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นเพราะดูเหมือนว่าพี่ชายเขาจะกลายเป็นคนหวงตัวไปซะแล้ว ก็แน่ล่ะสิ!! ขนาดว่าพี่สะใภ้ของเขาหลับใหลอยู่เธอยังผุดผ่องสวยงามราวกับเทพธิดาตัวน้อย ฟาเบียโน่คงไม่ต้องคิดหาผู้หญิงคนอื่นอีกหากมีเธอรออยู่บนเตียง
แล้วเขาล่ะ!... หากได้แม่คิตตี้หน้าสวย ผิวดีคนเมื่อกี้มาบิดตัวอยู่ใต้ร่างคงสนุกเป็นบ้า เฮ้ย!! หยุดคิดเลยไอ้บ้า เธอมองแกยังกับเป็นกุ๊ยข้างถนนแล้วจะไปสนทำไมกันวะ เธอหุ่นสะบึ้มก็จริงแต่หน้าเด็กออกอย่างนั้นจะทนไม้ทนมือได้ที่ไหน ดีไม่ดียังไปไม่สุดทางคงสลบคาเตียงไปแล้ว แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะไปสนุกได้ยังไงกันวะ!!? ไม่! ไม่... อย่างฉันมันต้องผู้หญิงมากประสบการณ์ คิดได้ดังนั้นแบดบอยหนุ่มจึงมุ่งหน้าสู่บาร์เบียร์ริมหาดบูซิโอสที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาแสวงหาความสุข สนุกในยามราตรี
รุ่งเช้ามนตร์ลดาลากกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ออกมารอหน้าอพาร์ตเมนต์ ไม่นานนักรถยนต์สัญชาติยุโรปคันหรูสีดำสนิทก็เคลื่อนเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับชายร่างสูงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ
“เซญอริต้ามอล-ลา-ดา รึเปล่าครับ?” อิบันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า หากแต่ออกเสียงเรียกชื่อของพยาบาลสาวไม่ชัดเจน
“ใช่ค่ะ” มนตร์ลดาตอบยิ้มๆตั้งแต่ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนนี้ พูดได้เต็มปากว่ายังไม่มีใครออกเสียงเรียกชื่อนามสกุลของตัวเองได้ถูกต้องชัดเจนสักคนเดียว
อิบันยิ้มให้อย่างสุภาพพร้อมแนะนำตัวว่าตนเองคือคนสนิทของเซญอร์ฟาเบียโน่ส่งให้มารับเธอ พลางเอื้อมมือไปยกกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองขึ้นเพื่อนำไปเก็บไว้หลังรถ “เชิญครับเซญอริต้า มะ...”
“เรียกดิฉันว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ” มนตร์ลดาเอ่ยชื่อเล่นสั้นๆที่มักแนะนำให้คนอื่นเรียกตนเองได้ง่ายๆ พลางก้าวขึ้นรถเมื่อชายร่างสูงเปิดประตูรถให้ ปากอิ่มสีเชอร์รี่ห่อตัวได้อย่างน่ารัก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณผู้หญิงได้นั่งรถหรูเป็นครั้งแรกในชีวิตทั้งยังมีหนุ่มร่างใหญ่ราวกับบอดี้การ์ดก้าวขึ้นมาเป็นพนักงานขับรถให้ด้วย
“คุณมิ้นต์ย้ายกลับไปอยู่ที่รีโอเดอจาเนโรเป็นการถาวรเลยเหรอครับ ถึงได้ขนของเยอะแบบนี้?” อิบันถามพลางเคลื่อนออกรถจากหน้าอพาร์ตเมนต์
“ค่ะ พอดีว่าคุณแม่ของดิฉันอยู่ที่นั่น ท่านสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่เลยอยากไปดูแลท่านด้วยตัวเองน่ะค่ะ”
อิบันพยักหน้ารับ บอดี้การ์ดหนุ่มรู้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิงเอเชียแต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเธอเป็นสาวชนชาติไหนกันแน่ มองๆไปเธอก็อรชรอ้อนแอ้นเหมือนเจ้านายสาวของตนเองเหลือเกิน “ขอโทษนะครับ คุณมิ้นต์เป็นคนไทยรึเปล่าครับ?”
“ค่ะ คุณอิบันรู้ได้ยังไงคะ?” มนตร์ลดาถามอย่างประหลาดใจ
“ก็เดาเอาน่ะครับ ดู... คุณมิ้นต์คล้ายๆกับเซญอร่าจิงเจอร์” อิบันและมนตร์ลดาพูดคุยกันอย่างถูกคอ หญิงสาวได้โอกาสสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่า นายจ้างคนใหม่ของตนอยู่หลายเรื่องจนรถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาล อิบันจึงบอกให้พยาบาลสาวเข้าไปพบกับเซญอร์ฟาเบียโน่ แล้วตนเองจึงแยกตัวไปเก็บของและเตรียมความพร้อมอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล
มนตร์ลดายืนอยู่ด้านหลังของคุณหมอวัยกลางคนซึ่งกำลังตรวจและซักถามอาการของคนป่วยร่างบอบบางอยู่บนเตียง ก่อนที่จะอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ไม่นานนักคุณหมอก็เดินกลับออกไปจากห้องเหลือไว้เพียงมนตร์ลดาที่ยืนยิ้มเป็นมิตรให้สองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่าอยู่ปลายเตียง
“นี่มิ้นต์พยาบาลที่ผมเล่าให้ฟังว่าจะดูแลคุณที่บ้านไงที่รัก มิ้นต์นี่จิงเจอร์ภรรยาของผมครับ” ฟาเบียโน่เอ่ยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะ จิงเจอร์” มนตร์ลดาเอ่ยคำทักทายเป็นภาษาไทย
“เช่นกันค่ะ ดีใจจังเลยที่รู้ว่าคุณเป็นคนไทยเหมือนกัน” อรอาภายิ้มกว้างเมื่อคิดว่าต่อไปนี้จะได้พูดภาษาไทยแล้ว เผื่อว่าความทรงจำของตัวเองจะกลับคืนมาเร็วขึ้น “แล้วมิ้นต์ชื่อจริงว่าอะไรคะ ขอโทษนะที่ต้องถามอย่างนี้แต่เฟลิกซ์เขาบอกว่าชื่อคุณออกเสียงยากมาก เขาจำไม่ได้” จบคำพูดของอรอาภา สองสาวก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างครื้นเครง โดยมีหนุ่มบราซิลเลี่ยนยืนทำหน้าเซ็งเพราะไม่เข้าใจที่พวกเธอคุยกันแต่พอจะเดาได้ว่าตัวเองคงเป็นหัวข้อสนทนาอยู่เป็นแน่เพราะได้ยินภรรยาเอ่ยชื่อตนเองออกมา
“มนตร์ลดา กิตติพานิชย์ค่ะ”
“ว้าว!! ชื่อคุณเพราะจังค่ะ แล้วมาอยู่ที่นี่นานรึยังคะ??” อรอาภาถาม หากแต่สามีเอ่ยขัดจังหวะขึ้นก่อนว่าจะขอตัวออกไปจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลและรับยา ลับร่างสูงใหญ่ของฟาเบียโน่แล้วอรอาภาจึงหันมาพูดกับพยาบาลสาวต่อ “ชื่อของมิ้นต์แปลกดีนะคะ ดูลึกลับ เซ็กซี่ยังไงบอกไม่ถูก”
“แหม... เซ็กซี่เลยเหรอคะ ฉันไม่ปฏิเสธคำชมของคุณหรอกนะคะ” เจ้าของชื่อทำตาโต น่ารัก “แล้วจิงเจอร์มีชื่อไทยรึเปล่าคะ?”
“อรอาภาค่ะ แต่ไม่ค่อยมีใครเรียกคิดว่าคงจะออกเสียงยากมั้งคะ พอฉันฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินคนที่นี่เรียกว่าจิงเจอร์ซะเป็นส่วนมาก อ้อ... มิ้นต์รู้รึยังว่าตอนนี้ฉันมีอาการความจำเสื่อมอยู่?”
“ค่ะ พอจะทราบมาบ้างแล้วแต่มันแค่เป็นอาการความจำเสื่อมชั่วคราวเท่านั้น ใช้เวลาอีกสักหน่อยก็น่าจะหายดีแล้วล่ะค่ะ” มนตร์ลดาปลอบใจเมื่อเห็นสีหน้าสดใสของเพื่อนใหม่สลดลงไปในทันตา
“ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหนถึงจะจำได้ นี่เฟลิกซ์เขาก็ยังงอนที่ฉันจำเขาไม่ได้อยู่เลยค่ะ” อรอาภาบอก
“คิดมากไปรึเปล่าคะ เซญอร์ฟาเบียโน่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ารักและห่วงใยคุณเอามากๆแล้วจะงอนได้ยังไง”
“หึๆ ไม่เถียงหรอกค่ะว่าเขารักฉัน แต่ถ้าอยู่กันสองคนแล้วเขาเย็นชา แข็งทื่ออย่างกับน้ำแข็งขั้วโลกอย่างนี้ไม่เรียกว่างอนแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ??” สองสาวพูดคุยกันอยู่ไม่นานนัก ฟาเบียโน่ก็เข้ามาบอกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพร้อมที่จะเดินทางกลับสู่รีโอเดอจาเนโร ฟาเบียโน่ปฏิเสธบุรุษพยาบาลที่เข็นรถเข็นสำหรับผู้ป่วยเข้ามาในห้อง เขาช้อนร่างบอบบางของภรรยาสาวขึ้นไว้ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวล มนตร์ลดามองเพื่อนใหม่ของเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของฟาเบียโน่ขำๆ เพราะอรอาภายักคิ้วหลิ่วตาให้ทั้งยังซุกหน้าลงที่อกกว้างของสามีอย่างออดอ้อนอีกด้วย
เมื่อมนตร์ลดาเดินมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลด้านนอกจึงขออนุญาตร่ำลากับเพื่อนร่วมงานก่อน ฟาเบียโน่พยักหน้าและเดินล่วงหน้าเข้าไปในลิฟต์
“พี่ลูลา มิ้นต์ต้องไปจริงๆแล้วนะคะ” มนตร์ลดาเดินเข้าไปสวมกอดพยาบาลสาวร่างท้วม ผู้ที่เป็นเสมือนพี่สาวคนหนึ่งที่คอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาเก้าเดือนที่ทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้
“จ้ะ... โชคดีนะสาวน้อย ดูแลตัวเองดีๆถ้าว่างก็โทรมาหาพี่บ้างนะ” ลูลากระชับอ้อมกอดพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ค่ะ มิ้นต์จะโทรฯหาบ่อยๆนะคะ พี่ลูลาก็รักษาสุขภาพด้วย” มนตร์ลดาบอกพร้อมดันตัวออกจากอ้อมแขนของลูลา “มิ้นต์ไปแล้วนะคะไม่อยากให้เขารอนาน” มนตร์ลดาโบกมือให้ลูลาพร้อมเดินจากมาพร้อมหันกลับมายิ้มและมองลูลาเป็นระยะจนก้าวเข้าไปอยู่ในลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของโรงพยาบาลแห่งนี้
สองชั่วโมงถัดมาเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆลงจอดบนชั้นดาดฟ้าของบ้านหรูริมชายหาดอีปาเนมาของสองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่า ตลอดทางที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์มนตร์ลดาแอบอมยิ้มให้กับความน่ารักของอรอาภามาตลอด เธอช่างเป็นผู้หญิงร่าเริง ขี้สงสัยแต่สามีกลับเป็นคนนิ่งขรึมคอยตอบทุกคำถามของภรรยาสาวอย่างระอาใจ หากแต่มนตร์ลดาก็มองเห็นถึงแววตาของความรัก ความปราถนาดีของเซญอร์ฟาเบียโน่ที่มีต่อภรรยาสาว
มนตร์ลดาเดินตามทั้งคู่จากดาดฟ้าชั้นบนลงมาถึงห้องรับแขกกว้างที่มีเด็กรับใช้หลายคนยืนรออยู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเจ้านายสาวของพวกเขา หญิงร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งปรี่เข้ามาถามไถ่อาการของเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วงเป็นใย แต่คำตอบของอรอาภากลับทำให้ทุกคนหัวเราะร่วนออกมาได้ จากนั้นอรอาภาจึงแนะนำแม่บ้านและเด็กรับใช้ให้รู้จักกับมนตร์ลดาและพาเธอไปยังห้องพักส่วนตัว
แม่บ้านร่างท้วมเดินนำมนตร์ลดามาจนถึงห้องหนึ่งซึ่งภายในห้องตบแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก เตียงนอนใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง กระจกบานใหญ่เปิดโล่งมองเห็นวิวทะเลอย่างสวยงามจนนึกว่าตัวเองพลัดหลงเข้ามาอยู่ในวิลล่าหรูๆสักแห่ง
“เอ่อ... ความจริงดิฉันพักห้องธรรมดาก็ได้ค่ะ ห้องนี้ออกจะสวยเกินไปหน่อย” มนตร์ลดาบอกอย่างเกรงใจพลางขอบคุณเด็กรับใช้ที่ยกกระเป๋าใบใหญ่มาให้ถึงในห้อง
“โธ่!... ไม่ต้องเกรงใจนะคะ เชิญเซญอริต้าพักให้สบายใจเดี๋ยวดิฉันจะให้เด็กช่วยจัดของนะคะ” แม่บ้านบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คือว่าดิฉันจะเอาแค่ที่จำเป็นต้องใช้ออกมาเท่านั้น กะว่าจะย้ายไปเก็บไว้ที่บ้านของคุณแม่น่ะค่ะ”
นอสซายิ้มพยักหน้ารับ “งั้น... ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็บอกนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”
เมื่อทุกคนออกไปจากห้องแล้ว มนตร์ลดาก้าวเข้าไปมองหาดทรายสีขาวละเอียดราวกับต้องมนต์สะกด ตั้งแต่มาอยู่ที่บราซิลนี่ยังไม่เคยมองเห็นชายหาดอีปาเนมาในมุมนี้เลยสักครั้ง เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมผู้คนจากทั่วโลกถึงได้แห่แหนเข้ามาชื่นชมความงามของชายหาดชื่อดังระดับโลกนี้นัก แต่พวกเขาคงโชคดีน้อยกว่าเธอเพราะจุดที่ยืนอยู่นี้เป็นชายหาดส่วนตัวของบ้านพักมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยติดอันดับโลก แน่นอนว่านักท่องเที่ยวทั่วไปคงไม่ได้เฉียดกรายเข้ามาในชายหาดสวยงามจุดนี้เป็นแน่
หลังจากจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองแล้ว หญิงสาวจึงออกมาด้านนอกเพื่อดูแลคนไข้ของตนเอง แต่อรอาภานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนเลยเวลาอาหารกลางวันไปเกือบชั่วโมง มนตร์ลดาจึงตัดสินใจปลุกคนไข้สาวขึ้นมารับประทานอาหาร จากนั้นสองสาวจึงนั่งพูดคุยกันถึงอาการความจำเสื่อมของอรอาภาแต่ไม่นานนักคนไข้ของเธอก็บ่นพึมพำว่าง่วงนอนอีกแล้ว มนตร์ลดายิ้มและอธิบายว่าเป็นฤทธิ์ของยาหลังอาหาร คุณหมอคงอยากให้พักผ่อนมากๆ
มนตร์ลดาดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมให้คนไข้แสนสวยที่หลับไปอย่างง่ายดายเมื่อพาเธอกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง จากนั้นพยาบาลสาวจึงหยิบหนังสือที่วางอยู่หลายเล่มข้างหัวเตียงมาอ่าน พลางอมยิ้มขบขันระคนสงสารคนความจำเสื่อม เพราะหนังสือที่อรอาภาเลือกอ่านส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญหรือสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ แต่สิ่งที่ทำให้มนตร์ลดาขบขันคือหนังสือประเภทฮาวทู…
ทำอย่างไรที่จะประกาศความเป็นเจ้าของสามีของคุณโดยไม่ให้เขารู้ตัว?
ทำอย่างไรถึงจะยั่วยวนให้สามีของคุณคึกคัก!!?
มนตร์ลดาส่ายหน้าความทุกข์ของมนุษย์แต่ละคนบนโลกใบนี้ มันมีไม่เหมือนกันจริงๆคนร่ำรวยล้นฟ้าอย่างคนป่วยสาวผู้นี้กลับต้องมาทุกข์ใจเพียงเพราะอยากจำเรื่องราวต่างๆได้
มนตร์ลดานั่งอ่านหนังสือฮาวทูไปได้ไม่ถึงชั่วโมง ฟาเบียโน่ก็กลับแล้วพยายบาลสาวจึงขอตัวออกมาจากห้องนอนของทั้งคู่แล้วเดินลงมาชั้นล่างช่วยนอสซาเตรียมอาหารมื้อเย็นที่จะถึงนี้ พร้อมกับความรู้สึกโล่งใจ สบายใจเพราะทุกคนในบ้านหรูหลังนี้ยิ้มแย้มมิตรกับเธอทุกคน
มนตร์ลดาได้รับเชิญให้ร่วมโต๊ะทานอาหารเย็นกับสองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่า ฝ่ายภรรยาเบียดตัวเข้าหา ตักอาหารใส่จาน เอาอกเอาใจจนไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของสามี! นั่นคงเป็นคำแนะนำที่อรอาภาได้อ่านจากหนังสือมา ส่วนฝ่ายสามีกลับบดกรามแน่น แสดงอาการเงียบขรึม ดูออกได้ว่ากำลังข่มความรู้สึกตัวเองเอาไว้อยู่ แต่มนตร์ลดาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจเพราะรู้ดีเชียวล่ะว่าเซญอร์ฟาเบียโน่กำลังเขิน! แต่ไม่สามารถขัดใจภรรยาได้จนต้องเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันปรามภรรยาด้วยเสียงดุต่ำให้เธอนั่งนิ่งๆ
กลางดึกของคืนวันเดียวกัน อเตต้าร์ฟังเสียงเพลงจังหวะเร้าใจจากผับบาร์เบียร์ที่เรียงรายกันยาวไปจนสุดลูกหูลูกตาริมชายหาดโคปาคาบานา เสียงกรี๊ดกร๊าดของผู้หญิงหุ่นยั่วน้ำลายชายดังลอยมาแต่ไกลเมื่อเห็น ใบหน้าหล่อเหลาเถื่อนดิบ รูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแกร่งเป็นมัดๆอยู่ใต้เสื้อยืดสีขาวนั้น มันทำให้บุคลิกของชายผู้นี้ดูราวกับแบดบอยจอมเถื่อนที่ดึงดูดผู้หญิงทั้งโลกให้จ้องมองที่เขา นับประสาอะไรกับโสเภณีที่ยืนเรียกลูกค้าอยู่นั่น! พวกหล่อนหันมาให้ความสนใจเขาเพียงผู้เดียว บางคนถึงกับตะโกนบอกว่าไม่ยอมรับค่าตัวหากได้มีโอกาสขึ้นเตียงกับหนุ่มมาดเถื่อนทว่าเร้าใจคนนี้สักครั้ง!!
อเตต้าร์แสยะยิ้ม โอหังยิ่งนักเพราะคนอย่างเขาไม่เคยซื้อเซ็กส์ด้วยเงิน มีผู้หญิงเดินขบวนเข้ามาขอมีสัมพันธ์กับผู้ชายห่ามๆแบบเขา ทั้งนางแบบ ดาราชื่อดัง ลูกสาวเศรษฐีที่พบเจอกันตามงานปาร์ตี้มีให้เลือกมากมาย ความสัมพันธ์ในแบบชั่วข้ามคืนที่เกิดขึ้นจึงไม่มีพันธะผูกมัดใดๆทั้งสิ้น และอเตต้าร์เองก็ยังไม่ต้องการที่จะสร้างครอบครัวกับผู้หญิงหน้าไหนในตอนนี้ทั้งนั้น วันนี้เขาแค่อยากจะมาฟังเพลง ดื่มเหล้าและชมบรรยากาศยามค่ำคืนของชาดหาดบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งห่างหายไปหลายปี
“ไคพิรอสก้า” อเตต้าร์สั่งเครื่องดื่มของตนเองพลางทรุดตัวนั่งลงที่เคาน์เตอร์บาร์ของผับแห่งหนึ่ง โดยมีบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยกำลังปรุงเหล้าด้วยลีลาเหลือร้าย อเตต้าร์มองบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยเทคาชาซา หรือน้ำตาลเมาซึ่งเป็นเครื่องดื่มพื้นเมืองของชาวบราซิลผสมกับเหล้าว็อดก้าเทใส่แก้วแล้วยื่นให้ตนเองอย่างคล่องแคล่ว
บาร์เทนเดอร์หนุ่มมองลูกค้ามาดเถื่อนยกไคพิรอสก้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว จึงยิ้มออกมา “ผมว่ามันน่าจะอ่อนไปสำหรับเซญอร์นะครับ”
อเตต้าร์เลิกคิ้วพลางยิ้มที่มุมปาก สายตาคมกริบมองบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยพลางคาดเดาอายุไม่น่าจะถึงยี่สิบปีซะด้วยซ้ำ “เบาๆก่อนดีกว่า ฉันไม่อยากเมาจนหาทางกลับบ้านไม่ถูก” หากคนที่รู้จักมักคุ้นกับเขามาได้ยินว่าอเตต้าร์เมา!! คงจะหัวเราะจนฟันกระเด็นออกมานอกปากแน่เพราะนอกจากว่าแบดบอยจอมเถื่อนคนนี้จะไม่รู้จักคำว่าเมาแล้ว เขายังเคยแข่งดื่มกับเพื่อนสองวันสองคืนโดยที่คู่แข่งล้มพับไปแล้ว อเตต้าร์ยังสามารถเดินโซเซกลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเองได้ แน่ล่ะว่าการชิมไวน์ทุกสูตรของเซฮา เดอ ชาโต ไม่รอดพ้นเขาไปได้ “ร้านเล็กๆแต่คนเยอะไม่เบานี่”
“ครับ ถึงร้านของเราจะเล็กแต่ก็มีดีอยู่มากเชียวนะครับ ไม่รู้ว่าเซญอร์สนใจรึเปล่า?” บาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยโอ่ มันเป็นการเสนอบริการสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้ามาในร้านของตน
“ก็ลองว่ามาดูสิ อะไรที่นายบอกว่าดี?”
“เตกีล่ากับเซเว่นแฮฟเว่น3” บาร์เทนเดอร์หนุ่มวางแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่ผสมบางอย่างซึ่งใส ไร้สีแล้วเรียกมันว่า ‘เซเว่นแฮฟเว่น’
“เซเว่นแฮฟเว่น??” อเตต้าร์เลิกคิ้วถาม ความจริงแล้วเขาไม่รู้หรอกว่าเซเว่นแฮฟเว่นนี่มันคืออะไร แต่จากประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมาอย่างสมบุกสมบันแล้ว คอมมอนเซ้นส์บอกให้รู้ว่ามันคงเป็นยาสนุกอย่างหนึ่งเมื่อได้อยู่ในร่างกายแล้วคงทำให้การมีเซ็กส์กับผู้หญิงสักคนหรือหลายคนสนุกสุดเหวี่ยงราวกับได้ขึ้นไปล่องลอยอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ดเหมือนชื่อของมันเป็นแน่!!
“ครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มขยับเข้ามาใกล้ๆลูกค้าเพื่อจะอธิบายขยายความสรรพคุณสินค้าของตน “ดีกว่ายาทุกชนิดที่มีอยู่ในตอนนี้ ไม่เมา รู้สึกตัวทุกขั้นตอนที่สำคัญมันสนุกสุดๆเหมือนลอยขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ดเชียวนะครับ ผมลองมาแล้วติดใจเป็นบ้า”
“ก็น่าสนนะ แต่ถ้าใช้เซเว่นแฮฟเว่นแล้วต้องใช้ผู้หญิงพวกนั้นรองรับมันล่ะก็ ฉันหมดอารมณ์เป็นบ้าเลยว่ะ” อเตต้าร์บอกเสียงไม่เบานักราวกับว่ากำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่ ทั้งเบ้ปาก เบื่อหน่ายผู้หญิงนุ่มน้อยห่มน้อยเหล่านั้น สายตาคมกริบมองเด็กหนุ่มตรงหน้าพูดเสนอสินค้าของตน พร้อมกับผสมเครื่องดื่มส่งให้ตนเป็นระยะๆ
“เซญอร์ชอบพวกเด็กเอ๊าะๆใช่ไหมครับ ผมมีบริการพิเศษนะ ลีลาดีแต่ยังไม่ซ้ำมากก็อีกราคานึง แต่ถ้าอยากเปิดซิงแบบได้เลือดสดๆก็แพงขึ้นมาอีกสองสามเท่าตัว” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเสนอให้หลากหลายเมนูราวกับว่ากำลังอยู่ในร้านอาหารฟาสฟู๊ดที่มีเมนูอาหารให้ลูกค้าเลือกหลายแบบด้วยกัน “ว่าแต่เซญอร์สนใจแบบไหนครับ ผมจะได้จัดหาให้ถูก?”
“ชื่ออะไร เราน่ะ?” อเตต้าร์ไม่ได้ตอบแต่กลับถามชื่อของเด็กหนุ่มคนแทน แล้วก็ต้องหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยที่มองมาเหมือนกับว่าเขาเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบแฝงตัวเข้ามาล่อซื้อการขายบริการทางเพศ “อย่าทำหน้าอย่างนั้นน่า... ฉันแค่อยากรู้จักชื่อนายเท่านั้นเองเผื่อว่ามาวันหลังแล้วอยากฟัดอีหนูสักคนจะได้ตามตัวนายได้ถูก แต่วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไหร่ เมียดุขี้เกียจมีปัญหา!”
“อ๋อ...” บาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยลากเสียงยาวอย่างโล่งอก “ผมอัลเวสครับ ถ้าวันหลังเซญอร์มาที่ร้านก็มาหาผมได้ตลอดครับเพราะร้านนี้เป็นของพ่อผมเอง ตอนกลางวันเราจะเปิดขายอาหารพื้นเมืองปกติแต่ตอนกลางคืนจะเปิดเป็นผับกึ่งร้านอาหารครับ”
“อ้าว... แล้วพ่อนายไม่ว่าเหรอที่มีบริการเสริมให้ลูกค้าแบบนี้?” อเตต้าร์ถาม
“โอ๊ย!! พ่อไม่ว่าไรหรอกครับ ผับบาร์แถวนี้มีอยู่เป็นร้อยเป็นพันยาวไปถึงหาดอีปาเนมานู่น ถ้าไม่มีบริการเสริมแบบนี้ คงได้ไส้แห้งตายไม่มีข้าวกินกันหรอกครับ” อัลเวสตอบ
อเตต้าร์พยักหน้ารับก็คงจะจริง อะไรที่มีมากไปก็ไม่ดีมีน้อยไปก็ไม่ดี เดี๋ยวนี้ชายหาดโคปาคาบานากลายเป็นชายหาดที่เต็มไปด้วยโสเภณีเดินเรียกลูกค้าให้เกลื่อนไปหมด เรื่องล้วงกระเป๋า ฉกชิงวิ่งราวก็มีไม่เว้นแต่ละวัน จนคนที่อยากจะมาท่องเที่ยว ดื่มด่ำกับชายทะเลต้องเปลี่ยนไปที่ชายหาดอีปาเนมาแทน อเตต้าร์พูดคุยกับอัลเวสอยู่นานและเห็นว่าหากเด็กคนนี้ได้รับการสนับสนุนในทางที่ดี เขาต้องกลายเป็นบาร์เทนเดอร์อนาคตไกลและมีชื่อเสียงแน่นอนเพราะไม่ว่าจะสั่งเครื่องดื่มอะไร อัลเวสก็ผสมได้อย่างคล่องแคล่วและมีศิลปะ แต่อเตต้าร์ไม่มั่นใจในอนาคตของเด็กคนนี้นัก หากว่าอัลเวสรู้จักที่จะหาบริการเสริมให้ลูกค้าอยู่แบบนี้ สักวันคงต้องโดนตำรวจซิวแน่ๆ และมันไม่ต่างอะไรกับพวกแมงดาคุมซ่องเลยสักนิด!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ