ZERO เจ้าชายต้องสาป ภาค องค์หญิงโลกสวรรค์
-
เขียนโดย Sora_Akira
วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 19.48 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,461 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 19.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ 2 : นายคือฉัน และฉันคือเงา...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่2
นายคือฉัน และฉันคือเงา...
“ ห้องไม่มีทางเลือก... ”
“ ใช่แล้ว มันคือห้องทดสอบคัดนักเรียนเข้าที่นี้ของปีนี้ แน่นอนว่ามันไม่ธรรมดาแน่นอน เฟียร์จังเองก็ระวังตัวด้วยนะ ” ราฟาเอลพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องนี้ไป ก่อนที่ห้องนี้จะเต็มไปด้วยควันมากมาย ลูกแก้วค่อยๆลอยสูงขึ้นจนอยู่เหนือหัวพวกเราสองคนควันมากมายเริ่มไปรวมตัวกันที่จุดๆหนึ่ง มันค่อยๆมีรูปร่างเหมือนคนสองคน ใช่แล้วผมรู้จัก หนึ่งในคนที่อยู่ต่อหน้าผมดี...
“...ซากุระ... ”
“ ท่านแม่... ”พี่ริโกะพูดออกมาเบาๆ ผมลองหันไปดูอีกคนข้างๆซากุระ เป็นผู้หญิงสูงราวๆร้อยหกสิบแปดเซน มีปีกอยู่ข้างหลังแปดปีก บนหัวมีวงแหวนสีเหลืองที่แสดงถึงความเป็นเผ่าเทพ ใส่ชุดราตรีสีขาว มีผมยาวสีเหลืองทองถึงกลางหลัง ดวงตาสีฟ้าใสราวกับน้ำทะเล ใบหน้าดูราวกับเด็กอายุสิบห้าสิบหกปี
“ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย... ”
“ เดียวฉันจะอธิบายให้เอง สองคนนั้นที่เห็นไม่ใช่ตัวจริงหรอกนะ แต่เป็นแค่สิ่งที่จำลองขึ้นจากคนที่พวกเธอรักที่สุดและเกลียดที่สุด รวมทั้งจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนที่พวกเธอรู้จัก ” เสียงราฟาเอลดังมาจากลูกแก้วเหนือหัวผม ผมหันไปมองสองคนนั้นอีกครั้ง ถ้าเป็นคนที่พี่ริโกะเรียกว่าท่านแม่ แล้วยังอยู่ในสภาพนั้น ผมรับมือไม่ไหวแน่ แต่ต่างกันซากุระเป็นแค่คนธรรมดาต่อให้เป็นตัวปลอมผมก็น่าจะไหวอยู่
“ พี่ริโกะ ฝากทางนี้ด้วยนะครับ ”
“ เอ๊ะ!.... ”
ผมพุ่งตัวออกไปหวังจะจับตัวซากุระไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวได้ แต่เธอกับหลบผมได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะสวนผมมาดด้วยลูกเตะเต็มแรง ผมที่โดนเข้าไปเต็มๆถึงกับกระเด็นออกมาไกลประมาณสามสี่เมตร
“ ฉันลืมบอกพวกเธอเลยว่าห้องนี้ไม่มีที่สิ้นสุดนะ ถ้าพวกเธอจะวิ่งหรือบินสูงแค่ไหนก็ได้ แต่ว่าถ้าพวกเธอเกิดทำลายประตูนั้นทิ้งไป พวกเธอจะไม่มีวันกลับออกมาโลกแห่งความจริงได้อีก ” ราฟาเอลพูดบอกพวกเราอีกครั้งก่อนที่ผมจะค่อยๆลุกขึ้นมา
“ เอาจริงดิ....ก็อปห้องกาลเวลามารึไงฟ่ะ? ” ผมพูดออกมาก่อนที่จะพุ่งตัวไปอีกครั้งแต่คราวนี้ผมไม่ได้เล็งซากุระไว้แต่เล็งไว้คือ แม่ของพี่ริโกะ
“ โฮลี่เบรท ” แม่ของพี่ริโกะพูดออกมาก่อนจะมีเสาแสงขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ดีที่ผมเหวี่ยงตัวเองหลบทันจึงโดนแค่เฉียดๆ
“ ซีโร่หนีไป ชายนิ่งฟิงเกอร์ ” พี่ริโกะตะโกนออกมาพร้อมกับพุ่งตัวไปทางแม่ของตัวเองแล้วเอามือขวาที่กลายแสงเป็นสีเขียวฟ้าอ่อนๆพุ่งไปข้างหน้า แต่ว่า...พี่ครับชื่อท่าคุ้นๆนะครับ
“ ก็อตฟิงเกอร์ ” แม่ของพี่ริโกะเปล่งแสงสีส้มแดงที่มือขวาก่อนจะเอามารับมือพี่ริโกะที่พุ่งมา
...เดียวๆๆ ชื่อท่าสองท่านี้มันคุ้นๆนะ อย่าบอกนะครับว่าแม่ลูกคู่นี้ชอบดู GoddamG หรอครับ...
ไม่ทันที่ทั้งสองจะปะทะกัน ซากุระก็พุ่งตัวไปที่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน เธอเปล่งแสงที่มือจนกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงส้มขนาดใหญ่โอบอุ้มมือเธอไว้
“ มังกรเพลิงนรก...สยายปีก! ” เพลิงที่มีเธอกระจายออกมาเป็นรูปคล้ายปีกมังกร พุ่งเข้าไปยังทั้งสองคน
...เดียวๆนี่เธอเป็นแฟนของ นัตสึ ดรากูลเนอร์หรอ? ถึงใช้ท่ามันได้ด้วย...
ทั้งสามปะทะกันก่อนจะกระเด็นไปคนละทาง ผมที่ยืนดูอยู่ได้แต่อึ้งกับสิ่งที่ทั้งสามคนทำอยู่ จนเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเพียงมนุษย์ส่วนเกินที่ไม่ควรมาอยู่ที่นี้เลย
“ มาจิเทลมาจิ เปลวเพลิงจากนรกที่จะแผดเผาทุกสิ่งจงออกมารวมกันเบื้องหน้ามือข้า... ”พี่ริโกะพูดออกมาก่อนที่มือขวาพี่ริโกะจะมีสีแดงส้มปนสีดำเล็กน้อย
“ มาจิเทลมาจิ ฉันผู้เคยทำสัญญากับจ้าวแห่งน้ำแข็ง จงพัดพาพายุที่เย็นเยือกและไร้ที่สิ้นสุด... ” คราวนี้เป็นแม่พี่ริโกะพูดออกมาบ้างก่อนที่ผมจะเอะใจลองหันไปมองซากุระต่อ
“ พา...ลัง..คลื่น...เต่า...สะ...ท้าน... ” ทางซากุระเองก็กำลังชาร์ตพลังเพื่อปล่อยใส่สองคนนั้นด้วย เฮ้ยๆเดียวๆที่พี่ริโกะใช้กับแม่พี่ริโกะนั้นมันมาจากเรื่อง เนจิมะ ครูจอมเวท ไม่ใช่หรือไง ส่วนที่ซากูระใช้ก็มาจากดราก้อนเบรดไม่ใช่หรอ ผมจำได้เลยที่พระเอกชื่อ ซัง โกคู ที่เป็นชาวดาว ไกย่างอะไรเนี่ยแหละ ที่ไปเรียนท่านี้มาจากผู้เฒ่าลามก
“ จงเผาให้เป็นธุลี เพลิงนรกนิรกาล... ”
“ จงแช่แข็งให้สาบสูญ เหมันต์นิรกาล ”
“ ...นิรกาล... ”
“ ทำไมต้องนิลกาลทั้งสามคนเลยเนี่ย... ”
ทั้งสามคนพูดออกมาก่อนที่เปลวเพลิงสีส้มปนดำของพี่ริโกะ สายพลังสีฟ้าของแม่พี่ริโกะและเส้นพลังสีเขียวของซากุระจะพุ่งชนกัน แต่พลังทั้งสามไม่อาจได้ปะทะกันอยู่ๆมันก็หยุดลง และทั้งสามคนก็ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
“ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ” ผมหันไปมองรอบๆที่หยุดนิ่งก่อนที่ภาพเหล่านั้นจะค่อยๆหายไปกลายเป็นสีขาวสะอาดไม่มีสีใดเจื้อปน
“ เป็นไงมั่ง ซีโร่คุง ความฝันที่ฉันสร้างสนุกไหม? ” เสียงราฟาเอลดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง
“ หา ความฝัน? อย่าบอกนะ นี่นายทำให้ฉันเห็นภาพแปลกๆที่ทำให้นิยายของเราเกือบโดนแบนเนี่ยนะ? ” ซีโร่ตะโกนออกไปดัง แต่ก็ไม่ร็อยู่ดีว่าตัวเจ้าของสียงราฟาเอลอยู่ที่ไหน
“ ฮ่าๆไม่แบนหรอกน่า ก็มันเป็นแค่ความฝันนี่นา เอาล่ะ ก่อนอื่นซีโร่เรื่องต่อไปนี้ที่ฉันจะพูดคือเรื่องของพี่สาวเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะช่วยฉันได้ไหมแต่ฉันอยากให้เธอช่วยฉัน ถ้าเธอทำได้พี่ของเธอก็จะปลอดภัย ” เสียงราฟาเอลดูจริงจังกว่าเมื่อกี้ที่หยอกล้อผมเล่นกอนที่ผมจะยืนคิดครุ่นหนึ่ง
“ จะลองฟังดูแล้วกัน ”
“ เข้าใจแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง... เรื่องมันเริ่มเมื่อก่อนเกิด ส.ค.001 เพียงสามวัน ตอนั้น.. ”
“ อะไรนะ นี่หนูต้องแต่งงานกับไอ้ขี้โม้นั้นหรอค่ะ คุณแม่ ” เสียงของเด็กสาวอายุสิบสองปีตะโกนดังไปทั่วห้อง เธอเป็นเด็กสาวที่มีแปดปีอยู่กลางหลัง ไว้ผมยาวสีเหลืองทองสวยงาม ดวงตาสีฟ้าราวกับน้ำทะเล มีวงแหวงสีเหลืองอยู่บนหัว ค่อนข้างเกือบเตี้ยสำหรับวัยเดียวกัน
“ นี่เฟียร์ แม่รู้ว่าลูกเองก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาหรอกนะ แต่ว่าเราต้องทำเพื่อสวรรค์ของพวกเรา ตอนนี้มีเทพสี่ปกมากมายไม่ยอมเคารพพวกเรา แถมยังคิดก่อกบฏด้วย ถึงแม่จะมีพลังมากมายแค่ไหนแต่แม่ก็ไม่สามารถปกป้องทุกคนได้หรอกนะ ” เธอพูดกับลูกสาวของเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สื่อถึงความกังวลของเธอ
“ แต่ยังไงหนูก็ไม่แต่ง ถ้าจะแต่งจริงๆละก็ ฆ่าหนูเลยดีกว่าค่ะ ท่านแม่ ”
“ เฟียร์นี่ลูก.. ”
จึก!
เสียงบางอย่างปักเข้าการคอของเฟียร์ มันเป็นแค่เข็มเล็กๆแต่ว่าตัวเธอที่โวยวายอยู่ อยู่ๆก็หยุดลงและอยู่ในสภาพเหมือนคนไร้สติ ไม่กี่วินาทีต่อมาชายคนที่อยู่หลังเธอก็ปรากฏให้เห็นร่าง
“ สวัสดีครับ ท่านมิคาเอล ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำแบบนี้กับคู่หมั้นของข้า แต่ข้าไม่อาจทนเห็นท่านกับเธอทะเลาะกันต่อไปได้ เลยใช้ยาที่ทำให้หมดสติชั่วคราวกับเธอ ” เขาพูดออกมาพร้อมทั้งก้มตัวคุกเข่าลงให้กับเธอ ผู้เป็นเจ้าของชื่อมิคาเอล หญิงสาวสูงร้อยหกสิบแปด ผมยาวสีเหลืองทอง ดวงตาสีฟ้า เช่นเดียวกับเด็กสาวแต่ดูมีรัศมีออร่ามากกว่า เธอยืนมองชายหนุ่มผมทองผู้มากล่าวขอโทษเธอ
“ ช่างเถอะ ข้าไม่ว่าอะไร ว่าแต่เจ้า ราดิส เจ้าพร้อมรึยัง งานแต่งงานจะเริ่มขึ้นในอีกสองวัน ” เธอพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับประคองร่างลูกของเธอไปด้วย
“ แน่นอนว่าข้าพร้อมอยู่แล้วครับ ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมาพร้อมกับยิ้มเล็กๆออกมา
“ เฟียร์ แม่ขอโทษนะ ถ้าแม่เป็นแทนลูกได้แม่ก็คงจะทำ แต่ว่าแม่คงไม่อาจจะทำแทนลูกได้เพราะทางนั้นเขาระบุจะแต่งกับลูก แม่ทำได้แค่ช่วยลูกในวันนั้นให้ลูกดูดีที่สุด ” เธอวางลูกสาวลงนอนบนที่นอนสีขาวขนาดใหญ่ ที่สามารถนอนได้หกเจ็ดคน เธอค่อยๆก้มตัวลงจูบหน้าผากลูกสาวของเธอ
เธอจากไปพร้อมกับห้องนอนที่ปิดสนิทที่มีเพียงเด็กสาวนอนอยู่คนเดียว หลังจากนั้นอีกสองวันจะเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์เทพผู้สังหารเทพ และเป็นวันที่เฟียร์หายตัวไปจากโลกสวรรค์
“ เอาล่ะ เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ เธอคงรู้สินะว่าทำไม ลูกสาวของมิคาเอลถึงต้องมาอยู่บนโลกมนุษย์ ” เสียงของราฟาเอลที่บอกเล่าเรื่องราวกับผมได้กลับมาถามผม
“ จะบอกว่าพี่ริโกะเป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่าใช่ไหม แต่ผมว่าพี่ริโกะคงไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เพราะว่าจากที่ผมเคยอยู่กับเธอมา ผมว่าพี่ริโกะไม่เคยฆ่าใครได้แน่นอน ” ผมพูดออกมาอย่างมั่นใจ แน่นอนว่าที่พูดผมเองก็ไม่แน่ใจครึ่งๆว่าพี่ริโกะจะทำจริงไหม แต่ว่าถ้าเราไม่เชื่อใจพี่ริโกะ ไม่เชื่อใจคนในครอบครัว แล้วเธอจะไปพึ่งใครกันล่ะ
“ เป็นคำตอบที่ดีอย่างน้อยฉันก็ไว้ใจเธอได้ ก่อนอื่นฉันจะบอกเลยว่าเหตุการณ์เทพผู้สังหารเทพยังมีบางอย่างที่แปลกไป แต่ฉันไม่รู้จะบอกเธอว่ายังไงแต่บอกได้แค่ว่า วันนั้นฉันรู้สึกถึงคลื่นปีศาจจากตัวเฟียร์จังในตอนที่กำลังจะเริ่มพิธีแต่งงานเพียงไม่กี่วินาที ” เสียงของราฟาเอลพูดอย่างดีใจที่เขาได้เล่าเรื่องให้ผมฟังก่อนที่จะพูดถึงสิ่งที่เขารู้สึกได้ ผมเองก็ลองคิดดู ถ้าเป็นจริงอย่างที่ราฟาเอลพูดงั้นต้องมีพวกปีศาจลักลอบขึ้นมาบนสวรรค์แล้วปลอมตัวเป็นพี่ริโกะ แล้ววันนั้นพี่ริโกะไปที่ไหนกันแน่
“ เข้าใจแล้วแต่ว่าผมเองอาจจะต้องขอเวลาด้วย ผมเองจากที่ฟังคุณมาก็เริ่มเข้าใจแล้วแต่ว่า...ที่สงสัยคือถ้าวันนั้นพี่ริโกะไม่อยู่แล้ว พี่ริโกะไปไหนกันแน่ผมว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ริโกะในวันนั้นแน่นอน ” ผมพูดออกมาก่อนที่ห้องสีขาวรอบตัวผมจะค่อยๆหายไป
“ รู้สึกจะหมดเวลาแล้วสินะ จากนี้ไปคือสิ่งที่ฉันจะให้กับนาย นายนะฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใครแต่ว่าพลังของนายในตอนนี้ไม่พอที่จะช่วยเฟีย์จังแน่นอน ดังนั้นฉันจะให้นายพบคนๆหนึ่ง จงพบเขาแล้วดึงพลังของตัวเองออกมาซะ ”
เสียงราฟาเอลหายไปหลังห้องสีขาวหายไปกลายเป็นตัวผมที่ยืนอยู่กลางทุ่งหญ้ากว้างคล้ายกับทุ่งหญ้าที่เคยไปกับพี่ริโกะ มันเป็นทุ่งหญ้าที่รู้สึกคล้ายแต่ก็แตกต่างกันในหลายๆอย่าง แต่ว่าความไม่สบายใจนี่มัน...
“ จงคุกเข่าลงซะ ”
เสียงดังขึ้นข้างหลังตัวผม ตัวผมถึงกับล้มลงไปคุกเข่าทันที ผมพยายามจะหันไปหาเจ้าของเสียงนั้นแต่ไม่ทันไรก็โดนสั่งมาอีก
“ จงก้มหน้าลงไป ”
คราวนี้ผมไม่สามารถหันหน้าไปไหนได้ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงความกดดันมากมายมหาศาล เหมือนอยู่ด้วยกันคนละโลก มันช่างแปลกประหลาดมาก เหมือนกับว่าตอนนี้ เราอยู่ตอนหน้าราชาแบบนั้นเลย
“ นายนะ คิดจะทำอะไร หรือว่าคิดจะมาตามหาพลังของตัวเองงั้นรึไง? ”
เขาพูดบอกกับผมก่อนที่ความกดดันที่ทำให้ผมคุกเข่าให้เขาจะให้ไปพร้อมๆกับคำสั่งที่ให้ผมก้มหน้าไว้ ผมค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะหันไปมองเจ้าของเสียง เจ้าของเสียงไม่ได้อยู่บนพื้นแต่ยืนอยู่บนฟ้าเขาค่อยๆก้าวลงมาอีกละนิดเหมือนลงบันได
“ นี่นาย... ”
“ ตกใจงั้นหรอ ตัวฉันที่เกิดขึ้นมาที่หลัง... ”
ผมอึ้งไปเล็กน้อยที่เห็นตัวเองในชุดเกราะสีดำลายสีขาวมีดาบขนาดใหญ่อยู่กลางหลัง ที่หมวกเกราะที่โดนถือไว้ข้างตัวมีเขาเล็กๆสีแดงอันเดียวอยู่ตรงกลาง เกราะไหล่มีส่วนปลายแหลมยื่นชี้ไปข้างบนเสียงออกไปด้านข้างเล็กน้อย ผ้าคลุมสีแดง ที่เกราะขาดูเรียบๆไม่มีความเหลี่ยมคมอะไรมากมาย
“ นี่นาย...เป็นใคร... ”
“ ฉันนะหรอ...ฉันคือ...ตัวนายยังไงล่ะ แต่ตอนนี้ฉันคงเป็นได้แค่เงาของนายที่เคยมีตัวตนอยู่ในอดีต ” เขาหยิบดาบขนาดใหญ่จากด้านหลังออกมา ตัวดาบสีดำสนิท มีลายสีขาวอยู่บ้าง
“ จงหยิบดาบของนายขึ้นมา ถ้าฟันได้แผลหนึ่งฉันจะคืนพลังให้นายนิดหนึ่งแล้วกัน ”เขาเอาดาบชี้ไปยังดาบที่ปักอยู่บนตอไม้ มันเป็นดาบเพียวยาวคมสองด้าน ตัวดาบและดาบจับมีสีขาว มีลวดลายสีดำเล็กน้อย
“ หมายความว่ายังไง... ”
“ อยากได้พลังไม่ใช่หรอ การที่นายจะได้พลังกลับไป มีทางเดียวคือต้องล้มฉันให้ได้ ” เขาตั้งท่าพร้อมต่อสู้ก่อนจะพุ่งตัวมาฟาดดาบใส่ผม โชคดีที่ผมกระโดดออกก่อนที่เขาจะพุ่งมาเลยทำให้การโจมตีของเขาไร้ผล..แต่ว่า
ตูม!
พื้นที่อยู่ตรงหน้าเขากลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ทันที ทั้งที่ไม่มีพลังออกมาจากตัวดาบของเขาเลยสักนิด
“ นั้นมันอะไรกัน พลังขนาดนั้น... ” ผมตะโกนออกไปมันไม่ได้คิดจะจัดการผมในช่วงที่ผมยังตกใจอยู่
“ นี่คือ บัตเตอร์ดาร์ก ดาบแห่งความมืด หนึ่งในดาบทั้งเจ็ดที่มีพลังมากที่สุดในโลก ”
“ บัตเตอร์ดาร์กงั้นหรอ... ”
“ เอาล่ะ ถ้านายอยากได้พลังแล้วล่ะก็ ไปหยิบดาบของนายมาเดียวนี้ เร็วเข้า ” มันบอกกับผม ผมรีบวิ่งไปหยิบดาบสีขาวที่ปักอยู่ในตอไม้นั้น แล้วตั้งท่าเตรียมต่อสู้ แต่รู้สึกแปลกจริงๆ ทั้งๆที่ไม่เคยจับดาบมาก่อนทำไมถึงยังตั้งท่าต่อสู้แบบนี้ไปได้เนี่ย
“ เข้ามา ”
“ งั้นลุยละนะ ” ผมพุ่งตัวออกไปพร้อมกับเหวี่ยงดาบใส่ตัวมันแต่มันก็เอาดาบของมันมากันผมได้อย่างสบายๆ แถมยังหลบแล้วต่อยผมได้อีกไม่ธรรมดาจริงๆ ผมโดนต่อยสองสามครั้งก็เกือบจะล้มอยู่แล้ว ก็แรงต่อยของมันไม่ใช่มนุษย์เลยนี่นา มันเป็นใครกันแน่นะ
“ งั้นก็เอาจริงละนะ ” มันเหวี่ยงดาบมาผมพยายามใช้แรงทั้งหมดจับดาบเหวี่ยงไปปะทะแบบเฉียงๆเพื่อที่จะได้เบี่ยงวิถีดาบไม่ให้โดนผม แต่มันก็ยังมีพลังมากมายขนาดสร้างหลุดขนาดใหญ่ข้างๆผมได้
“ เป็นอะไรทำได้แค่นี้งั้นหรอ เจ้าชายต้องสาป ” มันกระหน่ำฟันไม่หยุดจนก่อให้เกิดหลุมมากมายรอบตัวผม ตอนนี้ตัวผมหมดทางหนีแล้ว มีทางเดียวคือต้องต่อสู้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะชนะ ไม่ก็แพ้...แต่เราเองก็จะแพ้ไม่ได้
“ เอาล่ะนะ ฉันขอทุ่มพลังทั้งหมดลงดาบสีขาวเล่มนี้ ”
“ แน่นอนฉันเองก็ด้วย ” ทั้งสองคนตั้งท่าพร้อมเข้าปะทะอีกครั้ง สายลมที่พักผ่านทั้งสองคนไปคือสัญญาณการต่อสู้อีกครั้ง ผมพุ่งออกไปพร้อมกับยืนแขนขวาไปให้สุด เพื่อให้ดาบมีความยาวมากที่สุด ส่วนมันก็ยกดาบขึ้นเพื่อเหวี่ยงลงมาใส่ผม ทันใดนั้นเพียงเสี้ยววินาทีเดียว...
“ ให้ตายเถอะ ไหนบอกว่าจะทุ่มพลังทั้งหมดไง ”
“ ช่างฉันเถอะนา ขืนฉันทุ่มพลังทั้งหมด นายคงเป็นเศษซากไปในสายลมแล้ว จากนี้ไปนายต้องฉันพลังที่ได้จากฉันให้ดีล่ะ ถึงมันจะไม่ใช่ทั้งหมดของฉัน แต่แค่นิดเดียว ก็ยังดี สักวันนายต้องเก่งกว่าฉันแน่นอน... ” มันพูดทั้งๆที่ดาบของผมกำลังแทงทะลุกลางตัวผมจนไปด้านหลังส่วนดาบของมัน ในช่วงที่เรากำลังจะปะทะอยู่ๆมันก็ขว้างออกไปเหมือนกับว่าจงใจที่จะให้ผมแทงเข้าไป
ร่างของมันค่อยๆสลายเป็นละอองแสงสีเหลืองทอง ผมได้แต่มองดูจนละอองแสงนั้นหายไปจนสายตาผม สักพักพื้นที่ทุ่งกว่างก็หายไปทันที เกิดเป็นห้องสีดำ ตรงกลางอกผมมีแสงสีดำและขาวผสมปนกันอยู่ มันค่อยๆเข้ามาในตัวผมพร้อมกับบางอย่างที่พุ่งเข้ามาในหัวผมอย่างรวดเร็ว
...พี่ค่ะ สักวันพี่ต้องกลับมาหาหนูนะคะ... พี่เรกิ...
อีกด้านหนึ่ง ที่ไหนสักแห่งในโลกที่เต็มไปด้วยป้าไม้สูงใหญ่มากมาย ท้องทะเลสีฟ้าอ่อน บนโลกนั้นมีขนาดเล็กกว่าโลกของมนุษย์พียงเล็กน้อย ตอนนี้ปราสาทหินที่สูงใหญ่กำลังมีเหล่ามังกรจำนวนนับไม่ถ้วนมานั่งลงอยู่ตรงหน้าปราสาทนั้น
“ ขอทำความเคารพต่อจักรพรรนีมังกรแห่งโลกเคออส ท่านเนเนะ บุตรแห่งมังกรแสงผู้ปกครองดินแดนแห่งแสงและมังกรแห่งความมืดผู้ปกครองดินแดนสีดำ ” ชายคนหนึ่งที่อยู่บนปราสาทกล่าวขึ้นก่อนที่เหล่ามังกรทั้งหมดจะก้มหัวลงหมอบกับพื้น ทันใดนั้น มังกรขนาดใหญ่สีขาวก็ค่อยๆบินลงมาอยู่หน้าปราสาท พร้อมกับหญิงสาวสูงร้อยหกสิบเซน มีผมยาวสีเงิน ดวงตาสีแดง ใส่ชุดที่ดูแล้วรู้ได้เลยว่าเธอคือใคร บนหัวมีมงกุฎอยู่
“ ข้าขอขอบคุณราชามังกรไฟที่ให้การต้อนรับดีเพียงนี้ ข้ารู้สึกยินดีเช่นนักที่ได้มายังที่แห่งนี้ ” เธอบอกกับคนที่พูดเมื่อกี้
“ หามิได้ครับ...พวกเราแค่ทำตามสิ่งที่ควรทำเพียงเท่านั้นเองครับ ” เขาก้มตัวลงคุกเข่าให้กับเธอ
“ ข้าจะขอพักผ่อนก่อน ยังไงเมื่อถึงเวลาประชุมมังกรสิบสองทิศให้ไปตามข้าที่ห้องด้วยแล้วกัน ”
“ ขอน้อมรับบัญชานี้ครับ ”
เธอพูดจบเธอก็เดินไปที่ห้องรับรองซึ่งเป็นห้องส่วนตัวเธอ เธอล้มตัวลงนอนบนที่นอนขนาดใหญ่ทันที พร้อมกับมองไปยังบนเพดานนั้น ตอนนี้เธอนึกถึงคนๆหนึ่ง เป็นคนสำคัญสำหรับเธอที่สุดในชีวิต...
..พี่เรกิ อีกไม่นานหนูจะไปรับแล้วนะคะ...
นายคือฉัน และฉันคือเงา...
“ ห้องไม่มีทางเลือก... ”
“ ใช่แล้ว มันคือห้องทดสอบคัดนักเรียนเข้าที่นี้ของปีนี้ แน่นอนว่ามันไม่ธรรมดาแน่นอน เฟียร์จังเองก็ระวังตัวด้วยนะ ” ราฟาเอลพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องนี้ไป ก่อนที่ห้องนี้จะเต็มไปด้วยควันมากมาย ลูกแก้วค่อยๆลอยสูงขึ้นจนอยู่เหนือหัวพวกเราสองคนควันมากมายเริ่มไปรวมตัวกันที่จุดๆหนึ่ง มันค่อยๆมีรูปร่างเหมือนคนสองคน ใช่แล้วผมรู้จัก หนึ่งในคนที่อยู่ต่อหน้าผมดี...
“...ซากุระ... ”
“ ท่านแม่... ”พี่ริโกะพูดออกมาเบาๆ ผมลองหันไปดูอีกคนข้างๆซากุระ เป็นผู้หญิงสูงราวๆร้อยหกสิบแปดเซน มีปีกอยู่ข้างหลังแปดปีก บนหัวมีวงแหวนสีเหลืองที่แสดงถึงความเป็นเผ่าเทพ ใส่ชุดราตรีสีขาว มีผมยาวสีเหลืองทองถึงกลางหลัง ดวงตาสีฟ้าใสราวกับน้ำทะเล ใบหน้าดูราวกับเด็กอายุสิบห้าสิบหกปี
“ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย... ”
“ เดียวฉันจะอธิบายให้เอง สองคนนั้นที่เห็นไม่ใช่ตัวจริงหรอกนะ แต่เป็นแค่สิ่งที่จำลองขึ้นจากคนที่พวกเธอรักที่สุดและเกลียดที่สุด รวมทั้งจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนที่พวกเธอรู้จัก ” เสียงราฟาเอลดังมาจากลูกแก้วเหนือหัวผม ผมหันไปมองสองคนนั้นอีกครั้ง ถ้าเป็นคนที่พี่ริโกะเรียกว่าท่านแม่ แล้วยังอยู่ในสภาพนั้น ผมรับมือไม่ไหวแน่ แต่ต่างกันซากุระเป็นแค่คนธรรมดาต่อให้เป็นตัวปลอมผมก็น่าจะไหวอยู่
“ พี่ริโกะ ฝากทางนี้ด้วยนะครับ ”
“ เอ๊ะ!.... ”
ผมพุ่งตัวออกไปหวังจะจับตัวซากุระไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวได้ แต่เธอกับหลบผมได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะสวนผมมาดด้วยลูกเตะเต็มแรง ผมที่โดนเข้าไปเต็มๆถึงกับกระเด็นออกมาไกลประมาณสามสี่เมตร
“ ฉันลืมบอกพวกเธอเลยว่าห้องนี้ไม่มีที่สิ้นสุดนะ ถ้าพวกเธอจะวิ่งหรือบินสูงแค่ไหนก็ได้ แต่ว่าถ้าพวกเธอเกิดทำลายประตูนั้นทิ้งไป พวกเธอจะไม่มีวันกลับออกมาโลกแห่งความจริงได้อีก ” ราฟาเอลพูดบอกพวกเราอีกครั้งก่อนที่ผมจะค่อยๆลุกขึ้นมา
“ เอาจริงดิ....ก็อปห้องกาลเวลามารึไงฟ่ะ? ” ผมพูดออกมาก่อนที่จะพุ่งตัวไปอีกครั้งแต่คราวนี้ผมไม่ได้เล็งซากุระไว้แต่เล็งไว้คือ แม่ของพี่ริโกะ
“ โฮลี่เบรท ” แม่ของพี่ริโกะพูดออกมาก่อนจะมีเสาแสงขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ดีที่ผมเหวี่ยงตัวเองหลบทันจึงโดนแค่เฉียดๆ
“ ซีโร่หนีไป ชายนิ่งฟิงเกอร์ ” พี่ริโกะตะโกนออกมาพร้อมกับพุ่งตัวไปทางแม่ของตัวเองแล้วเอามือขวาที่กลายแสงเป็นสีเขียวฟ้าอ่อนๆพุ่งไปข้างหน้า แต่ว่า...พี่ครับชื่อท่าคุ้นๆนะครับ
“ ก็อตฟิงเกอร์ ” แม่ของพี่ริโกะเปล่งแสงสีส้มแดงที่มือขวาก่อนจะเอามารับมือพี่ริโกะที่พุ่งมา
...เดียวๆๆ ชื่อท่าสองท่านี้มันคุ้นๆนะ อย่าบอกนะครับว่าแม่ลูกคู่นี้ชอบดู GoddamG หรอครับ...
ไม่ทันที่ทั้งสองจะปะทะกัน ซากุระก็พุ่งตัวไปที่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน เธอเปล่งแสงที่มือจนกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงส้มขนาดใหญ่โอบอุ้มมือเธอไว้
“ มังกรเพลิงนรก...สยายปีก! ” เพลิงที่มีเธอกระจายออกมาเป็นรูปคล้ายปีกมังกร พุ่งเข้าไปยังทั้งสองคน
...เดียวๆนี่เธอเป็นแฟนของ นัตสึ ดรากูลเนอร์หรอ? ถึงใช้ท่ามันได้ด้วย...
ทั้งสามปะทะกันก่อนจะกระเด็นไปคนละทาง ผมที่ยืนดูอยู่ได้แต่อึ้งกับสิ่งที่ทั้งสามคนทำอยู่ จนเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเพียงมนุษย์ส่วนเกินที่ไม่ควรมาอยู่ที่นี้เลย
“ มาจิเทลมาจิ เปลวเพลิงจากนรกที่จะแผดเผาทุกสิ่งจงออกมารวมกันเบื้องหน้ามือข้า... ”พี่ริโกะพูดออกมาก่อนที่มือขวาพี่ริโกะจะมีสีแดงส้มปนสีดำเล็กน้อย
“ มาจิเทลมาจิ ฉันผู้เคยทำสัญญากับจ้าวแห่งน้ำแข็ง จงพัดพาพายุที่เย็นเยือกและไร้ที่สิ้นสุด... ” คราวนี้เป็นแม่พี่ริโกะพูดออกมาบ้างก่อนที่ผมจะเอะใจลองหันไปมองซากุระต่อ
“ พา...ลัง..คลื่น...เต่า...สะ...ท้าน... ” ทางซากุระเองก็กำลังชาร์ตพลังเพื่อปล่อยใส่สองคนนั้นด้วย เฮ้ยๆเดียวๆที่พี่ริโกะใช้กับแม่พี่ริโกะนั้นมันมาจากเรื่อง เนจิมะ ครูจอมเวท ไม่ใช่หรือไง ส่วนที่ซากูระใช้ก็มาจากดราก้อนเบรดไม่ใช่หรอ ผมจำได้เลยที่พระเอกชื่อ ซัง โกคู ที่เป็นชาวดาว ไกย่างอะไรเนี่ยแหละ ที่ไปเรียนท่านี้มาจากผู้เฒ่าลามก
“ จงเผาให้เป็นธุลี เพลิงนรกนิรกาล... ”
“ จงแช่แข็งให้สาบสูญ เหมันต์นิรกาล ”
“ ...นิรกาล... ”
“ ทำไมต้องนิลกาลทั้งสามคนเลยเนี่ย... ”
ทั้งสามคนพูดออกมาก่อนที่เปลวเพลิงสีส้มปนดำของพี่ริโกะ สายพลังสีฟ้าของแม่พี่ริโกะและเส้นพลังสีเขียวของซากุระจะพุ่งชนกัน แต่พลังทั้งสามไม่อาจได้ปะทะกันอยู่ๆมันก็หยุดลง และทั้งสามคนก็ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
“ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ” ผมหันไปมองรอบๆที่หยุดนิ่งก่อนที่ภาพเหล่านั้นจะค่อยๆหายไปกลายเป็นสีขาวสะอาดไม่มีสีใดเจื้อปน
“ เป็นไงมั่ง ซีโร่คุง ความฝันที่ฉันสร้างสนุกไหม? ” เสียงราฟาเอลดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง
“ หา ความฝัน? อย่าบอกนะ นี่นายทำให้ฉันเห็นภาพแปลกๆที่ทำให้นิยายของเราเกือบโดนแบนเนี่ยนะ? ” ซีโร่ตะโกนออกไปดัง แต่ก็ไม่ร็อยู่ดีว่าตัวเจ้าของสียงราฟาเอลอยู่ที่ไหน
“ ฮ่าๆไม่แบนหรอกน่า ก็มันเป็นแค่ความฝันนี่นา เอาล่ะ ก่อนอื่นซีโร่เรื่องต่อไปนี้ที่ฉันจะพูดคือเรื่องของพี่สาวเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะช่วยฉันได้ไหมแต่ฉันอยากให้เธอช่วยฉัน ถ้าเธอทำได้พี่ของเธอก็จะปลอดภัย ” เสียงราฟาเอลดูจริงจังกว่าเมื่อกี้ที่หยอกล้อผมเล่นกอนที่ผมจะยืนคิดครุ่นหนึ่ง
“ จะลองฟังดูแล้วกัน ”
“ เข้าใจแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง... เรื่องมันเริ่มเมื่อก่อนเกิด ส.ค.001 เพียงสามวัน ตอนั้น.. ”
“ อะไรนะ นี่หนูต้องแต่งงานกับไอ้ขี้โม้นั้นหรอค่ะ คุณแม่ ” เสียงของเด็กสาวอายุสิบสองปีตะโกนดังไปทั่วห้อง เธอเป็นเด็กสาวที่มีแปดปีอยู่กลางหลัง ไว้ผมยาวสีเหลืองทองสวยงาม ดวงตาสีฟ้าราวกับน้ำทะเล มีวงแหวงสีเหลืองอยู่บนหัว ค่อนข้างเกือบเตี้ยสำหรับวัยเดียวกัน
“ นี่เฟียร์ แม่รู้ว่าลูกเองก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาหรอกนะ แต่ว่าเราต้องทำเพื่อสวรรค์ของพวกเรา ตอนนี้มีเทพสี่ปกมากมายไม่ยอมเคารพพวกเรา แถมยังคิดก่อกบฏด้วย ถึงแม่จะมีพลังมากมายแค่ไหนแต่แม่ก็ไม่สามารถปกป้องทุกคนได้หรอกนะ ” เธอพูดกับลูกสาวของเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สื่อถึงความกังวลของเธอ
“ แต่ยังไงหนูก็ไม่แต่ง ถ้าจะแต่งจริงๆละก็ ฆ่าหนูเลยดีกว่าค่ะ ท่านแม่ ”
“ เฟียร์นี่ลูก.. ”
จึก!
เสียงบางอย่างปักเข้าการคอของเฟียร์ มันเป็นแค่เข็มเล็กๆแต่ว่าตัวเธอที่โวยวายอยู่ อยู่ๆก็หยุดลงและอยู่ในสภาพเหมือนคนไร้สติ ไม่กี่วินาทีต่อมาชายคนที่อยู่หลังเธอก็ปรากฏให้เห็นร่าง
“ สวัสดีครับ ท่านมิคาเอล ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำแบบนี้กับคู่หมั้นของข้า แต่ข้าไม่อาจทนเห็นท่านกับเธอทะเลาะกันต่อไปได้ เลยใช้ยาที่ทำให้หมดสติชั่วคราวกับเธอ ” เขาพูดออกมาพร้อมทั้งก้มตัวคุกเข่าลงให้กับเธอ ผู้เป็นเจ้าของชื่อมิคาเอล หญิงสาวสูงร้อยหกสิบแปด ผมยาวสีเหลืองทอง ดวงตาสีฟ้า เช่นเดียวกับเด็กสาวแต่ดูมีรัศมีออร่ามากกว่า เธอยืนมองชายหนุ่มผมทองผู้มากล่าวขอโทษเธอ
“ ช่างเถอะ ข้าไม่ว่าอะไร ว่าแต่เจ้า ราดิส เจ้าพร้อมรึยัง งานแต่งงานจะเริ่มขึ้นในอีกสองวัน ” เธอพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับประคองร่างลูกของเธอไปด้วย
“ แน่นอนว่าข้าพร้อมอยู่แล้วครับ ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมาพร้อมกับยิ้มเล็กๆออกมา
“ เฟียร์ แม่ขอโทษนะ ถ้าแม่เป็นแทนลูกได้แม่ก็คงจะทำ แต่ว่าแม่คงไม่อาจจะทำแทนลูกได้เพราะทางนั้นเขาระบุจะแต่งกับลูก แม่ทำได้แค่ช่วยลูกในวันนั้นให้ลูกดูดีที่สุด ” เธอวางลูกสาวลงนอนบนที่นอนสีขาวขนาดใหญ่ ที่สามารถนอนได้หกเจ็ดคน เธอค่อยๆก้มตัวลงจูบหน้าผากลูกสาวของเธอ
เธอจากไปพร้อมกับห้องนอนที่ปิดสนิทที่มีเพียงเด็กสาวนอนอยู่คนเดียว หลังจากนั้นอีกสองวันจะเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์เทพผู้สังหารเทพ และเป็นวันที่เฟียร์หายตัวไปจากโลกสวรรค์
“ เอาล่ะ เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ เธอคงรู้สินะว่าทำไม ลูกสาวของมิคาเอลถึงต้องมาอยู่บนโลกมนุษย์ ” เสียงของราฟาเอลที่บอกเล่าเรื่องราวกับผมได้กลับมาถามผม
“ จะบอกว่าพี่ริโกะเป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่าใช่ไหม แต่ผมว่าพี่ริโกะคงไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เพราะว่าจากที่ผมเคยอยู่กับเธอมา ผมว่าพี่ริโกะไม่เคยฆ่าใครได้แน่นอน ” ผมพูดออกมาอย่างมั่นใจ แน่นอนว่าที่พูดผมเองก็ไม่แน่ใจครึ่งๆว่าพี่ริโกะจะทำจริงไหม แต่ว่าถ้าเราไม่เชื่อใจพี่ริโกะ ไม่เชื่อใจคนในครอบครัว แล้วเธอจะไปพึ่งใครกันล่ะ
“ เป็นคำตอบที่ดีอย่างน้อยฉันก็ไว้ใจเธอได้ ก่อนอื่นฉันจะบอกเลยว่าเหตุการณ์เทพผู้สังหารเทพยังมีบางอย่างที่แปลกไป แต่ฉันไม่รู้จะบอกเธอว่ายังไงแต่บอกได้แค่ว่า วันนั้นฉันรู้สึกถึงคลื่นปีศาจจากตัวเฟียร์จังในตอนที่กำลังจะเริ่มพิธีแต่งงานเพียงไม่กี่วินาที ” เสียงของราฟาเอลพูดอย่างดีใจที่เขาได้เล่าเรื่องให้ผมฟังก่อนที่จะพูดถึงสิ่งที่เขารู้สึกได้ ผมเองก็ลองคิดดู ถ้าเป็นจริงอย่างที่ราฟาเอลพูดงั้นต้องมีพวกปีศาจลักลอบขึ้นมาบนสวรรค์แล้วปลอมตัวเป็นพี่ริโกะ แล้ววันนั้นพี่ริโกะไปที่ไหนกันแน่
“ เข้าใจแล้วแต่ว่าผมเองอาจจะต้องขอเวลาด้วย ผมเองจากที่ฟังคุณมาก็เริ่มเข้าใจแล้วแต่ว่า...ที่สงสัยคือถ้าวันนั้นพี่ริโกะไม่อยู่แล้ว พี่ริโกะไปไหนกันแน่ผมว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ริโกะในวันนั้นแน่นอน ” ผมพูดออกมาก่อนที่ห้องสีขาวรอบตัวผมจะค่อยๆหายไป
“ รู้สึกจะหมดเวลาแล้วสินะ จากนี้ไปคือสิ่งที่ฉันจะให้กับนาย นายนะฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใครแต่ว่าพลังของนายในตอนนี้ไม่พอที่จะช่วยเฟีย์จังแน่นอน ดังนั้นฉันจะให้นายพบคนๆหนึ่ง จงพบเขาแล้วดึงพลังของตัวเองออกมาซะ ”
เสียงราฟาเอลหายไปหลังห้องสีขาวหายไปกลายเป็นตัวผมที่ยืนอยู่กลางทุ่งหญ้ากว้างคล้ายกับทุ่งหญ้าที่เคยไปกับพี่ริโกะ มันเป็นทุ่งหญ้าที่รู้สึกคล้ายแต่ก็แตกต่างกันในหลายๆอย่าง แต่ว่าความไม่สบายใจนี่มัน...
“ จงคุกเข่าลงซะ ”
เสียงดังขึ้นข้างหลังตัวผม ตัวผมถึงกับล้มลงไปคุกเข่าทันที ผมพยายามจะหันไปหาเจ้าของเสียงนั้นแต่ไม่ทันไรก็โดนสั่งมาอีก
“ จงก้มหน้าลงไป ”
คราวนี้ผมไม่สามารถหันหน้าไปไหนได้ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงความกดดันมากมายมหาศาล เหมือนอยู่ด้วยกันคนละโลก มันช่างแปลกประหลาดมาก เหมือนกับว่าตอนนี้ เราอยู่ตอนหน้าราชาแบบนั้นเลย
“ นายนะ คิดจะทำอะไร หรือว่าคิดจะมาตามหาพลังของตัวเองงั้นรึไง? ”
เขาพูดบอกกับผมก่อนที่ความกดดันที่ทำให้ผมคุกเข่าให้เขาจะให้ไปพร้อมๆกับคำสั่งที่ให้ผมก้มหน้าไว้ ผมค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะหันไปมองเจ้าของเสียง เจ้าของเสียงไม่ได้อยู่บนพื้นแต่ยืนอยู่บนฟ้าเขาค่อยๆก้าวลงมาอีกละนิดเหมือนลงบันได
“ นี่นาย... ”
“ ตกใจงั้นหรอ ตัวฉันที่เกิดขึ้นมาที่หลัง... ”
ผมอึ้งไปเล็กน้อยที่เห็นตัวเองในชุดเกราะสีดำลายสีขาวมีดาบขนาดใหญ่อยู่กลางหลัง ที่หมวกเกราะที่โดนถือไว้ข้างตัวมีเขาเล็กๆสีแดงอันเดียวอยู่ตรงกลาง เกราะไหล่มีส่วนปลายแหลมยื่นชี้ไปข้างบนเสียงออกไปด้านข้างเล็กน้อย ผ้าคลุมสีแดง ที่เกราะขาดูเรียบๆไม่มีความเหลี่ยมคมอะไรมากมาย
“ นี่นาย...เป็นใคร... ”
“ ฉันนะหรอ...ฉันคือ...ตัวนายยังไงล่ะ แต่ตอนนี้ฉันคงเป็นได้แค่เงาของนายที่เคยมีตัวตนอยู่ในอดีต ” เขาหยิบดาบขนาดใหญ่จากด้านหลังออกมา ตัวดาบสีดำสนิท มีลายสีขาวอยู่บ้าง
“ จงหยิบดาบของนายขึ้นมา ถ้าฟันได้แผลหนึ่งฉันจะคืนพลังให้นายนิดหนึ่งแล้วกัน ”เขาเอาดาบชี้ไปยังดาบที่ปักอยู่บนตอไม้ มันเป็นดาบเพียวยาวคมสองด้าน ตัวดาบและดาบจับมีสีขาว มีลวดลายสีดำเล็กน้อย
“ หมายความว่ายังไง... ”
“ อยากได้พลังไม่ใช่หรอ การที่นายจะได้พลังกลับไป มีทางเดียวคือต้องล้มฉันให้ได้ ” เขาตั้งท่าพร้อมต่อสู้ก่อนจะพุ่งตัวมาฟาดดาบใส่ผม โชคดีที่ผมกระโดดออกก่อนที่เขาจะพุ่งมาเลยทำให้การโจมตีของเขาไร้ผล..แต่ว่า
ตูม!
พื้นที่อยู่ตรงหน้าเขากลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ทันที ทั้งที่ไม่มีพลังออกมาจากตัวดาบของเขาเลยสักนิด
“ นั้นมันอะไรกัน พลังขนาดนั้น... ” ผมตะโกนออกไปมันไม่ได้คิดจะจัดการผมในช่วงที่ผมยังตกใจอยู่
“ นี่คือ บัตเตอร์ดาร์ก ดาบแห่งความมืด หนึ่งในดาบทั้งเจ็ดที่มีพลังมากที่สุดในโลก ”
“ บัตเตอร์ดาร์กงั้นหรอ... ”
“ เอาล่ะ ถ้านายอยากได้พลังแล้วล่ะก็ ไปหยิบดาบของนายมาเดียวนี้ เร็วเข้า ” มันบอกกับผม ผมรีบวิ่งไปหยิบดาบสีขาวที่ปักอยู่ในตอไม้นั้น แล้วตั้งท่าเตรียมต่อสู้ แต่รู้สึกแปลกจริงๆ ทั้งๆที่ไม่เคยจับดาบมาก่อนทำไมถึงยังตั้งท่าต่อสู้แบบนี้ไปได้เนี่ย
“ เข้ามา ”
“ งั้นลุยละนะ ” ผมพุ่งตัวออกไปพร้อมกับเหวี่ยงดาบใส่ตัวมันแต่มันก็เอาดาบของมันมากันผมได้อย่างสบายๆ แถมยังหลบแล้วต่อยผมได้อีกไม่ธรรมดาจริงๆ ผมโดนต่อยสองสามครั้งก็เกือบจะล้มอยู่แล้ว ก็แรงต่อยของมันไม่ใช่มนุษย์เลยนี่นา มันเป็นใครกันแน่นะ
“ งั้นก็เอาจริงละนะ ” มันเหวี่ยงดาบมาผมพยายามใช้แรงทั้งหมดจับดาบเหวี่ยงไปปะทะแบบเฉียงๆเพื่อที่จะได้เบี่ยงวิถีดาบไม่ให้โดนผม แต่มันก็ยังมีพลังมากมายขนาดสร้างหลุดขนาดใหญ่ข้างๆผมได้
“ เป็นอะไรทำได้แค่นี้งั้นหรอ เจ้าชายต้องสาป ” มันกระหน่ำฟันไม่หยุดจนก่อให้เกิดหลุมมากมายรอบตัวผม ตอนนี้ตัวผมหมดทางหนีแล้ว มีทางเดียวคือต้องต่อสู้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะชนะ ไม่ก็แพ้...แต่เราเองก็จะแพ้ไม่ได้
“ เอาล่ะนะ ฉันขอทุ่มพลังทั้งหมดลงดาบสีขาวเล่มนี้ ”
“ แน่นอนฉันเองก็ด้วย ” ทั้งสองคนตั้งท่าพร้อมเข้าปะทะอีกครั้ง สายลมที่พักผ่านทั้งสองคนไปคือสัญญาณการต่อสู้อีกครั้ง ผมพุ่งออกไปพร้อมกับยืนแขนขวาไปให้สุด เพื่อให้ดาบมีความยาวมากที่สุด ส่วนมันก็ยกดาบขึ้นเพื่อเหวี่ยงลงมาใส่ผม ทันใดนั้นเพียงเสี้ยววินาทีเดียว...
“ ให้ตายเถอะ ไหนบอกว่าจะทุ่มพลังทั้งหมดไง ”
“ ช่างฉันเถอะนา ขืนฉันทุ่มพลังทั้งหมด นายคงเป็นเศษซากไปในสายลมแล้ว จากนี้ไปนายต้องฉันพลังที่ได้จากฉันให้ดีล่ะ ถึงมันจะไม่ใช่ทั้งหมดของฉัน แต่แค่นิดเดียว ก็ยังดี สักวันนายต้องเก่งกว่าฉันแน่นอน... ” มันพูดทั้งๆที่ดาบของผมกำลังแทงทะลุกลางตัวผมจนไปด้านหลังส่วนดาบของมัน ในช่วงที่เรากำลังจะปะทะอยู่ๆมันก็ขว้างออกไปเหมือนกับว่าจงใจที่จะให้ผมแทงเข้าไป
ร่างของมันค่อยๆสลายเป็นละอองแสงสีเหลืองทอง ผมได้แต่มองดูจนละอองแสงนั้นหายไปจนสายตาผม สักพักพื้นที่ทุ่งกว่างก็หายไปทันที เกิดเป็นห้องสีดำ ตรงกลางอกผมมีแสงสีดำและขาวผสมปนกันอยู่ มันค่อยๆเข้ามาในตัวผมพร้อมกับบางอย่างที่พุ่งเข้ามาในหัวผมอย่างรวดเร็ว
...พี่ค่ะ สักวันพี่ต้องกลับมาหาหนูนะคะ... พี่เรกิ...
อีกด้านหนึ่ง ที่ไหนสักแห่งในโลกที่เต็มไปด้วยป้าไม้สูงใหญ่มากมาย ท้องทะเลสีฟ้าอ่อน บนโลกนั้นมีขนาดเล็กกว่าโลกของมนุษย์พียงเล็กน้อย ตอนนี้ปราสาทหินที่สูงใหญ่กำลังมีเหล่ามังกรจำนวนนับไม่ถ้วนมานั่งลงอยู่ตรงหน้าปราสาทนั้น
“ ขอทำความเคารพต่อจักรพรรนีมังกรแห่งโลกเคออส ท่านเนเนะ บุตรแห่งมังกรแสงผู้ปกครองดินแดนแห่งแสงและมังกรแห่งความมืดผู้ปกครองดินแดนสีดำ ” ชายคนหนึ่งที่อยู่บนปราสาทกล่าวขึ้นก่อนที่เหล่ามังกรทั้งหมดจะก้มหัวลงหมอบกับพื้น ทันใดนั้น มังกรขนาดใหญ่สีขาวก็ค่อยๆบินลงมาอยู่หน้าปราสาท พร้อมกับหญิงสาวสูงร้อยหกสิบเซน มีผมยาวสีเงิน ดวงตาสีแดง ใส่ชุดที่ดูแล้วรู้ได้เลยว่าเธอคือใคร บนหัวมีมงกุฎอยู่
“ ข้าขอขอบคุณราชามังกรไฟที่ให้การต้อนรับดีเพียงนี้ ข้ารู้สึกยินดีเช่นนักที่ได้มายังที่แห่งนี้ ” เธอบอกกับคนที่พูดเมื่อกี้
“ หามิได้ครับ...พวกเราแค่ทำตามสิ่งที่ควรทำเพียงเท่านั้นเองครับ ” เขาก้มตัวลงคุกเข่าให้กับเธอ
“ ข้าจะขอพักผ่อนก่อน ยังไงเมื่อถึงเวลาประชุมมังกรสิบสองทิศให้ไปตามข้าที่ห้องด้วยแล้วกัน ”
“ ขอน้อมรับบัญชานี้ครับ ”
เธอพูดจบเธอก็เดินไปที่ห้องรับรองซึ่งเป็นห้องส่วนตัวเธอ เธอล้มตัวลงนอนบนที่นอนขนาดใหญ่ทันที พร้อมกับมองไปยังบนเพดานนั้น ตอนนี้เธอนึกถึงคนๆหนึ่ง เป็นคนสำคัญสำหรับเธอที่สุดในชีวิต...
..พี่เรกิ อีกไม่นานหนูจะไปรับแล้วนะคะ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ