ZERO เจ้าชายต้องสาป ภาค องค์หญิงโลกสวรรค์
เขียนโดย Sora_Akira
วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 19.48 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 19.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทนำ : จุดเริ่มต้นของทั้งหมด.... ของ ZERO
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทนำ
จุดเริ่มต้นของทั้งหมด.... ของ ZERO
“ ซ๊โร่...! ”
เสียงของพี่ริโกะดังขึ้นขนาดที่ผมกำลังจับหน้าไม้ขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนพื้นดิน ผมหันไปยังทางด้านต้นเสียงที่พี่ริโกะกำลังพุ่งมาหาผมพร้อมกับแสงเล็กๆสีเหลืองที่พุ่งตรงมายังผมด้วยความเร็วที่มากกว่าพี่ริโกะพุ่งมา แสงนั้นค่อยๆใหญ่ขึ้นที่เข้ามาใกล้ตัวผม
“ หลบเร็วซีโร่ ”
“ หนีไปซีโร่ เร็วเข้า! ”
“ ไม่ทันแล้ว ซีโร่รีบหลบไปเร็วเข้า! ”
เสียงของเพื่อนๆค่อยๆดังตามมากพร้อมกับแสงสีเหลืองนั้นที่พุ่งมาจนถึงตัวผม...
ปีค.ศ. 2020 นับว่าเป็นปีแรกแห่งการเริ่มยุคสมัยอย่างสันติ เทพ ปีศาจ เอลฟ์ และมนุษย์ได้ยุติสงครามกัน และหันมาจับมือเพื่อร่วมกันใช้ชีวิตอยู่อย่างสันติสุข เราได้เรียกปีแรกแห่งการเริ่มต้นว่า ปีส.ค.001 (สันติศักราชปีที่1)
หลังจากใช้เวลาสามปี เมืองมนุษย์ เทพ ปีศาจ และเอลฟ์ต่างก็ดำเนินทุกอย่างไปได้ราบรื่น สงครามแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ถูกทำให้หายไป สร้างงานใหม่ที่สามารถทำได้ทั้งเทพ ปีศาจ เอลฟ์และมนุษย์ จัดตั้งองค์กรนักรบที่คอยดูแลศัตรูจากเหล่าพวกหัวโบราณที่ต้องการการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์อีกครั้ง เราเรียกกองกำลังนี้ว่า “ กองกำลังอาเทียร์เน่ ”
...แล้วนายเป็นใคร ทำไมถึงมาเล่าเรื่องราวแบบนี้...
ทุกคนคงจะคิดแบบนี้อยู่สินะครับ ผมตอนนี้คงแนะนำตัวเองไม่ได้ แต่ผมจะค่อยๆเล่าว่าผมคือใคร แล้วเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง ถ้าจะให้เล่าตั้งแต่แรกคงจะยาวไปเอาเป็นว่าจะขอเริ่มจากวันที่ทำให้ชีวิตผมต้องเปลี่ยนไป และความจริงที่ผมจะได้รับรู้จนน่าตกใจลงไปหงายท้องนอนกับพื้นเลย
...ทุกอย่างเริ่มขึ้นในวันที่ 3 เดือน 3 ปี ส.ค.ที่ 003 หลังจากที่โลกสงบสุขมาได้ครบรอบสามปีพอดี...
“ โซระ...ตื่นได้แล้วนะ สายแล้วนะ... ”
เสียงผู้หญิงที่ฟังดูนิ่มนวลราวกับไวโอลีน สูงต่ำพอดีไม่น้อยไม่มากเกินไป กำลังค่อยๆเรียกจากหนาประตูห้องของผมที่กำลังซุกตัวในผ้าห่มหนาอยู่ แสงอาทิตย์เหมือนจะเต็มใจต่อเสียงเรียกของเด็กสาว มันค่อยๆเคลื่อนผ่าน้าต่างเข้ามายังในห้องของผม
ผมลุกขึ้นมาเพราะทนเสียงเรียดนั้นและแสงแดดที่ส่องผ่านผ้าห่มหนาไม่ไหว และเหมือนเป็นการเล่นตลก พอผมลุกขึ้น แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาก็หายไป ผมมองออกไปดูเห็นเมฆครึ้มสีดำกำลังค่อยๆเข้ามาแทนที่
“ ฝนตกอีกแล้วงั้นหรอ? ” หลังจากนั้นผมไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วเดินออกจากห้องไปซึ่งมีเด็กสาวผมสั้นสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน สูงประมาณร้อยหกสิบสามเซน ใส่ชุดนักเรียนมัธยมต้น
“ ซีโร่... ”
“ พี่ริโกะ ขอบคุณนะครับที่มาปลุกเช้านี้เหมือนทุกที ” ผมยิ้มให้เธอเสร็จ เธอก็เปิดทางให้ผมเพื่อให้ผมสามารถเดินลงไปข้างล่างไปยังห้องน้ำได้ พออาบน้ำเสร็จก็รีบขึ้นไปแต่งตัวแล้วเดินลงมาหยิบข้าวกล่องที่พี่ริโกะตื่นเช้ามาทำให้ เดินอออกจากบ้านไป
“ ช้าจังนะซีโร่ ”
“ ขอโทษครับพี่ริโกะ ”
ผมบอกกับเธอก่อนจะเดินมาหน้าบ้านที่พี่ริโกะกำลังยืนรออยู่ และเหมือนเป็นการเล่นตลกอีกครั้ง แสงอาทิตย์มันสาดส่องลงมายังจุดที่ผมยืนอยู่ เผยให้เห็นเด็กหนุ่มร่างสูง ผมสั้นสีเหลืองทอง ตาเรียวเล็กสีแดงฉาน ใส่ชุดนักเรียนเสื้อแขนยาว ผูกไทสีแดง กางเกงขายาวสีดำ
พวกเราเดินไปโรงเรียนด้วยกัน ตอนแรกผมก็ลองแซวพี่ริโกะว่า ‘ วันนี้เราโดดไหม? ไม่อยากไปโรงเรียนวันนี้เลย อย่าทำเป็นนักเรียนดีเด่นแล้วไปเที่ยวเกมเซนเตอร์ด้วยกันดีกว่านะ ’ แต่พี่ริโกะยืนยันว่าวันนี้เป็นวันสำคัญเราต้องไป เลยทำให้ผมพูดแซว หรือชวนเธอโดดเรียนด้วยกันไม่ได้เลย
ปกติผมเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบโดเรียนหรอกครับ แต่ผมนะ เฉพาะวันนี้เท่านั้นที่ไม่อยากไป วันนี้คือวันที่พวกเราจะจบการศึกษาจากมัธยมต้น โทโฮ แต่การจบการศึกษาผมจะต่างจากที่อื่น ปกติทุกคนจะดีใจที่เป็นวันที่ต้องจบการศึกษาแล้วแยกย้ายกันไปเรียนในโรงเรียนที่อยากจะเข้า แต่ว่างานของพวกผมจะมีทั้งดีใจและเสียใจ เหตุผลนั้นเพราะว่า...
วันนี้คือวันสุดท้ายที่พวกเราจะยังอยู่ที่นี้ และ โรงเรียนโทโฮจะอยู่ที่แห่งนี้เป็นวันสุดท้าย พวกเขาให้เวลาเราถึง บ่ายโมง คือประมาณหลังงานมอบจบหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะรื้ออาคารทั้งหมดทิ้งและเตรียมสำหรับการสร้างโรงแรมหรู
แหมว่าจะถูกรื้อไปแต่มันก็ยังคงเป็นความทรงจำของพวกเราที่ร่วมกันสร้างขึ้นมาตั้งสามปีที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ สนุกกันมีความสุขกันที่นี้ อาจจะมีเสียใจบ้างมีทุกข์บ้าง แต่ทุกสิ่งคือความทรงจำที่สามปีที่จะอยู่ในหัวใจพวกเราตลอดไป
“ ซีโร่ วันนี้ถ้าเสร็จงานรับมอบใบจบแล้ว เราไปเที่ยวกันนะ ” พี่ริโกะพูดออกมาพร้อมกับแอบร้องไห้ออกมาเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามเอาผ้าเช็ดหน้าของเธอมาคอยเช็ดไว้
“ เข้าใจแล้วล่ะ พี่ริโกะ ”
พวกเราไม่คุยอะไรจนกระทั่งเดินทางไปถึงหน้าโรงเรียน ด้านหน้าถูกวางไว้ด้วยป้ายจบการศึกษาที่ประดับด้วยดอกซากุระ ทางเข้าไปยังที่จัดงานพิธีจบการศึกษาถูกปูด้วยพรมสีแดง ข้างๆตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวที่ถูกจัดวางปักไว้กับพื้น พร้อมกับเปลวไฟสีฟ้าที่วางอยู่บนพื้น
“ เปลวไฟจิ้งจอกสองหาง คุณครูเรกะ เป็นคนทำให้สินะ ”
“ ไม่ว่ามองกี่ที เปลวไฟสีฟ้านี้ก็สวยเสมอเลยนะครับ พี่ริโกะ ” ผมหันไปพูดกับพี่ริโกะ เธอเองก็ยิ้มให้กับผม ก่อนที่พวกเราจะเดินตามทางพรมสีแดงไปยังโรงยิม ที่ใช้จัดงาน พอเข้าไปภายในถูกตกแต่งให้หรูหราสวยงาม มีเก้าอี้นั่งเพียงสามร้อยตัว เท่ากับจำนวนคนที่กำลังจะจบและครูที่ยังเหลืออยู่ในโรงเรียนแห่งนี้
ตอนที่พวกเรามาถึง ก็มีคนมานั่งในที่ที่ยังว่างอยู่ บ้าง แต่ยังไม่เจอคนที่รู้จักเลย คงเพราะส่วนใหญ่พวกเราไม่ค่อยไปคุยกับห้องอื่นสักเท่าไร และพวกเราเวลาทำงานกิจกรรมต่างๆเราเองก็ไม่ค่อยทำเท่าไรเพราะคนส่วนใหญ่กลัวผมที่ดูเหมือนยากูซ่าผมทองที่คอยไล่จัดการคนอื่นไปทั่ว
“ ไง พวกนายมากันแล้วหรอ มาเร็วจริงๆเลยนะ ”
“ ไง นายะ นายเองก็มาเร็วดีนี่นา ” ผมหันไปทักทายเด็กหนุ่มทีเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับผม ชื่อของเขาคือ นายะโอกะ ฮิตาวาสุ แต่เขาจะชอบให้ทุกคนเรียกว่านายะมากกว่า ถึงเขาจะไม่หล่อที่สุดในห้อง แต่เรื่องผู้หญิงเรียกได้ว่าป๊อบมากที่สุดในหมู่ผู้หญิงเป็นอันดับสองของโรงเรียนเลยก็ว่าได้
“ สวัสดีนะครับ ริโกะจัง ”
“ เช่นกันนะ ”
มันหันไปสวัสดีกับพี่ริโกะ แต่พี่ริโกะเองก็ไม่ตอบอะไรมาก ทำให้มันหน้าคนที่หมดกำลังใจไปเลย ผมเลยถามคำถามไปเพื่อมันจะเปลี่ยนสีหน้าไป
“ ว่าแต่ นายะ นายคิดยังจะไปต่อที่ไหน? ”
“ ฉันนะหรอ คิดแล้วล่ะ ฉันว่าจะไปต่อที่มัธยมปลายในโตเกียวละนะ ” มันเปลี่ยนสีหน้าเร็วจริงๆ
“ แล้วนายละ ซีโร่ นายจะไปต่อที่ไหน ฉันว่านายจะมาเรียนที่เดียวกับฉันก็ได้นะ นายหัวดีจะตายไป ”
“ ไม่ล่ะ ฉันว่าจะไม่เรียนต่อ ฉันจะลองใช้เงินสุดท้ายที่ได้มาจากจดหมายปริศนาที่ส่งมาให้เมือปีก่อน ออกเดินทางตามหาความทรงจำที่หายไปของฉันดู ” ผมพูดออกมาพร้อมกับหยิบจดหมายที่ภายในมีการ์ดสีทองอยู่ ผมเคยเอาไปเสียบตู้เอทีเอ็มของธนาคารที่เป็นธนาคารของบัตรนี้ ตอนที่เสียบไปก็ดันลืมไปว่ามันต้องมีรหัส แต่พอสำรวจซองจดหมายมันก็มีรหัสอยู่ พอกดไปเท่านั้นแหละครับ ผมถึงกับต้องอึ้งทันทีเพราะยอดจำนวนเงินมันมากกว่าหนึ่งล้านล้านล้านล้านเกลอีก (หนึ่งร้อยบาทเกลอยู่ที่สี่สิบบาทไทย)
“ ว่าแต่นายแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะใช้มันจริงๆ? ”
“ จริงๆก็ไม่อยากจะใช้มันหรอกนะ แต่คงถึงเวลาต้องใช้มันแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ ” ผมหัวเราะแห้งๆก่อนที่นายะจะขอตัวเดินออกไปหาคนอื่นๆที่เริ่มมาถึงกันแล้ว
“ นี่... ”
“ อะไรหรอครับ พี่ริโกะ... ”
“ ที่พูดเมื่อกี้เอาจริงหรอ? ”
“ แน่อยู่แล้วครับ ” ผมตอบด้วยเสียงที่เบาแต่ดูหนักแน่นเหมือนกับความตั้งใจของผม ที่ต้องการตามหาความทรงจำที่หายไปให้เจอ ต่อให้ต้องเดินทางไปกี่โลกก็ตาม
“ งั้นหรอ...งั้น พี่เองก็มีอะไรจะบอกเหมือนกัน เอาเป็นว่าพอถึงบ้านแล้วพี่จะบอกนะ ”
“ พี่ริโกะ... ” ผมมองหลังของพี่ริโกะที่พูดจบก็เดินเข้าไปยังโซนที่นั่ง แต่เธอจะต้องนั่งหน้าสุดเพราะเป็นตัวแทนกล่าวปิดงานพิธีจบการศึกษาวันนี้
พอถึงเวลาเริ่มพิธีจบการศึกษา ทุกคนต่างก็มานั่งที่ของตัวเองตามลำดับที่เคยจัดไว้ บรรยายกาศของห้องต่างเต็มไปด้วยความเงียบครึ้ม ทุกคนต่างพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ แต่พอถึงเวลาของพี่ริโกะขึ้นเวทีเท่านั้น คำพูดไม่กี่ประโยคของเธอ ทำให้ทุกคนต่างก็ร้องไห้ออกมา
“ วันนี้เป็นวันที่พวกเราจบการศึกษา จะเป็นวันที่น่าจดจำมากที่สุด แม้ว่าวันทน้จะไม่มีรุ่นน้องมาให้ดอกไม้จบการศึกษาเหมือนปีก่อนๆ แต่ว่าความทรงจำวันสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมต้น โทโฮแห่งนี้พวกเราทุกคนจะจดจำไว้ตลอดไป พวกเราจะยังจำไว้ว่าเราเคยเป็นนักเรียนคนหนึ่งในโรงเรียนมัธยมต้น โทโฮแห่งนี้ พวกเราอยากขอบคุณอาจารย์ทุกคน ขอบคุณโรงเรียนแห่งนี้ที่สร้างความทรงจำต่างๆของพวกเราตลอดมาสามปี ขอบคุณคะที่สร้างที่อยู่ให้แก้พวกเรา ”
“ ท่านริโกะ...พูดได้ดีมากเลยครับ ” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา
“ สมกับเป็นท่านประธานนักเรียนที่อัจฉริยะที่สุดในประวัติศาสตร์ของมัธยมต้น โทโฮ พูดได้ดีมากเลย ดีมากจริงๆ ” อาจารย์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าคนหนึ่งพูดออกมาพร้อมทั้งน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมา
“ ท่านพี่ริโกะค่ะ พูดได้จับใจน้องจริงๆ ” เด็กสาวคนหนึ่งพูดออกมา เดียวก่อนอย่าคิดว่าผมกับริโกะเป็นพี่น้องกันแล้วผมจะพูดแบบนี้นะครับ ผมไม่มีวันพูดแน่นอน
พอพี่ริโกะพูดจบก็ถึงเวลารับใบจบการศึกษา ทุกคนค่อยๆขึ้นไปรับที่ละคนต่อแถวอย่างมีระเบียบ ทุกคนขึ้นไปรับจนหมดก็กลับมานั่งฟังอาจารย์ใหญ่พูดก่อนจะจบพิธีการศึกษา
พอจบพิธีจบการศึกษาพวกเราทุกคนในห้องก็นัดกันไปเจอที่ห้องเรียนเดิม เพื่อถ่ายรูปเป็นครั้งสุดท้าย ทุกคนถ่ายรูปอย่างมีความสุข บางคนก็แอบร้องไห้เล็กน้อย บางคนก็เล่าสิ่งที่จะทำต่อจากนี้ บางคนก็บอกว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน แต่อีเวนต์ของห้องก็ไม่พ้นการที่ทุกคนจะมาถามประธานนักเรียนสุดสวยว่าจะทำอะไรต่อไป หรือไปเข้าเรียนที่ไหน ใช่แล้วประธานนักเรียนที่ว่าก็คือพี่ริโกะเองนั้นแหละครับ
“ ท่านริโกะครับ ต่อจากนี้จะไปเรียนที่ไหนต่อหรอครับ? ผมจะขอตามไปทุกที่เลยครับ ”
“ ท่านพี่หญิง ท่านพี่คิดจะทำอะไรต่อหรอค่ะ? ”
“ ท่านริโกะได้โปรดคบกับผมด้วยเถอะ ผมจะ... ”
ไอ้คนอื่นที่ถาม ผมพอเข้าใจนะแต่คนสุดท้ายแกถามจริงหรอนั้น? แม่งบอกรักกลางวงนักเลงชัดๆ เห็นไหมไม่ทันไรก็โดนพวกนักเลงนั้นขย้ำไปเรียบร้อยแล้ว ผมยื่นมองดูไอ้คนสุดท้ายที่เข้าไปบอกแบบนั้นโดนกระทืบจนแว่นแตก
“ พี่ริโกะ พี่จะไปต่อที่ไหนบอกผมได้ไหมครับ ” ผมตะโกนถามออกมาทำให้ทุกคนหันมามอง ทุกคนรู้ว่าผมกับพี่ริโกะเราเป็นพี่น้องกันแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดเลยแม้แต่น้อย เพราะเรื่องความเกี่ยวข้องทางสายเลือดเลยทำให้บางคนเกลียดผมเพราะกลัวว่าผมจะเอาพี่ริโกะไปเป็นของตัวเอง
“ พี่...พี่จะไปเรียนต่อที่โรงเรียนเวทมนต์ วาราเทียร์ ”
“ หา!!! ”
ทุกคนในห้องต่างร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน เพราะใครจะไปคิดว่าสาวสุดสวยอัจฉริยะคนนั้น จะยอมไปเรียนที่โรงเรียนเวทมนต์ วาราเทียร์ ก็อย่างที่รู้มนุษย์เราเทียบกับเผ่าอื่นๆแล้วความสามารถพิเศษก็ไม่มี พลังเวทก็พอมีอยู่บ้างแล้วแต่คน คนที่มีอยู่มากๆก็มี แต่ส่วนใหญ่มนุษย์แทบจะมีพลังเวทมนต์ที่น้อยมากๆ น้อยมากจนเผลอๆร่ายเวทมนต์ระดับต่ำสุดได้เพียงครั้งเดียวก็หมดพลังแล้ว
“ เอาจริงหรอครับ ท่านริโกะ แต่ว่าคนธรรมดาอย่างพวกเราถ้าไปสอบ มีหวังสอบไม่ผ่านแน่นอนเลย ”
“ ท่านพี่หญิงค่ะ เอาจริงหรอคะเรื่องจะไปที่นั้น? ”
“ ท่านริโกะได้โปรดอย่าไปที่นั้นเลยนะครับ มาอยู่กับผมคบกับผมดีกว่า เดียวผมจะมอบ.. ”
ทุกคนต่างคิดจะพยายามห้ามพี่ริโกะยกเว้นไอ้คนสุดท้าย แน่นอนว่าการที่มันพูดแบบนั้นทำให้มันโดนกระทืบไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ต่างกันคือคราวนี้ผมเองก็เข้าไปกระทืบมันด้วย พี่ริโกะยิ้มให้ทุกคนแต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไป พอใกล้ถึงเวลาที่จะต้องโดนทุบตึกแล้ว ทุกคนต่างพากันลงตึกอย่างรวดเร็ว มีสองคนที่จะลงช้าที่สุดเพราะต้องยกบอร์ดที่ทุกคนเขียนชื่อและความรู้สึกไว้ลงมา
พวกเราเดินมาถึง อาจารย์ใหญ่ผู้ใจดีก็ยืนรออยู่หน้าโรงเรียนพร้อมกับคนอื่นๆที่ลงมาก่อนหน้าแล้ว พวกเรายืนอยู่ตรงนั้นด้วยกันทั้งหมดจนกระทั่ง รถเคนที่จอดรอภายในโรงเรียนเริ่มทำงาน เหล่าคนงานมากมายเริ่มทำงานเขาเข้าไปเพื่อเตรียมทำลายตึกที่พวกเราเคยเรียน
“ นักเรียนทุกคน จากนี้ไม่มีโรงเรียนมัธยมต้นโทโฮอีกแล้ว จากนี้ไปคือชีวิตของแต่ละคน ทุกคนจงเดินไปตามเส้นทางแห่งความฝันของตัวเองซะ ”
เขาพูดจบทุกคนก็พากันลาจากกัน บางคนก็จะเดินกลับบ้านเลย บางกลุ่มก็จะไปเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย บางคนก็ยืนมองดูวาระสุดท้ายของโรงเรียนจนถึงที่สุด ส่วนผมตอนแรกว่าจะไปเลยแต่ว่ายังไงก็มีบางอย่างจะบอกกับสิ่งๆหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ผมเดินเข้าไปในเขตโรงเรียนอีกครั้ง แต่ไม่ได้เดินไปตรงจุดรื้อถอนแต่เดินไปยังต้นไม้ข้างโรงเรียนมันเป็นต้นไม้ต้นเดียวที่อยู่ตรงนี้ เป็นต้นเดียวที่ถูกเรียกว่าซากูระหลงฤดู วันนี้มันเองก็ยังบานให้ได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย
“ ลาก่อนนะ ซากุระ ไว้สักวันฉันจะไปหาเธอที่โลกนั้นแน่นอน ” ผมพูดไปพลางเอามือจับต้นซากุระนั้นไว้ ทันใดนั้นเองความทรงจำมากมายที่เคยมีให้ผู้หญิงคนๆหนึ่งก็ไหลเข้ามา เธอเป็นรักแรกของผมและก็ยังคงเป็นรักของผมจนถึงทุกวันนี้
... นี่นาย ชื่ออะไร? ฉันกำลังถามนายอยู่นะไม่ได้ยินรึไงเนี่ย?...
...ฉันชื่อ อาซากุระ ซากุระ ยินดีที่รู้จักนะ...
...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันไม่แกล้งนายหรอก...
...ดูนี่สิซีโร่ ดอกไม้ไฟล่ะ สวยจังเลยเนอะ...
...นี่ซีโร่ ไม่ลองไปคุยกับคนอื่นล่ะ ถ้าไม่ยอมไปคุยกับคนอื่นระวังจะไม่มีเพื่อนคนอื่นนะ...
...ซีโร่ ประธานนักเรียนคนนั้นพี่สาวนายหรอ ทำไมดูไม่เหมือนพี่น้องกันเลยล่ะ...
...อะไรกันยะ ทำหน้าตาแบบนั้นไม่ชอบฉันตรงไหนก็บอกมาสิ ฉันไม่ดีตรงไหนกัน นายเองก็ด้วยนั้นแหละไม่เห็นมีดีสักอย่าง ฉันละไม่ได้ชอบนายเลยสักนิด...
...ขอโทษนะ ซีโร่ที่ฉันพูดแบบนั้น จริงๆแล้ว...ฉันชอบนายนะ แต่น่าเสียดายกว่าฉันจะพูดได้ ร่างของฉันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว..ฉันรู้ดี ถ้าฉันตายไปนายก็คิดจะตายตามสินะ แต่ว่า..ช่วยมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่ตายไปแล้วอย่างฉันได้ไหม...ฉันขอร้องนะ ซีโร่...
ผมถอนมือออกจากต้นไม้นั้นก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินออกจากโรงเรียนไป ในตอนนั้นเองผมเหมือนจะได้ยินเสียงของซากุระออกมาแว่วๆ แต่ผมคงหูฟาดไปเอง
...ซีโร่ สักวันหนึ่งต้องได้เจอฉันแน่นอน ฉันขอสัญญาเลย..
“ ไปกันเถอะ ซีโร่ ”
“ ครับพี่ริโกะ ”
พวกเราสองคนเดินเข้าเมืองไปเที่ยวเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆที่ไม่รู้จะทำอะไรก็มาเที่ยวกัน ผมพาพี่ริโกะไปดูหนัง ร้องคาราโอเกะ แล้วก็เลี้ยงข้าวเที่ยง แน่นอนว่าผมรู้สึกได้ถึงตาอิจฉาไฟร้อนที่อยู่ด้านหลังผม หรือก็คือไอ้แว่นนั้นที่ผมกระทืบจนแว่นพังไปรอบหนึ่ง
พอตกเย็นผมกับพี่ริโกะก็พากันเดินกลับบ้าน โดยระหว่างทางพี่ริโกะอ้อนผมด้วยการกอดแขนจนพวกเราเดินมาถึงบ้าน น่าแปลกเย็นแล้วแท้ๆไฟที่ห้องครัวกับไฟหน้าบ้านพ่อแม่ไม่ได้เปิดเลย ทั้งที่ปกติจะต้องสว่างจนเห็นชัดเลย
“ พี่ริโกะ อยู่ตรงนี้แปปนึงนะครับ ” ผมพูดออกมาพร้อมกับเปิดประตูอย่างช้าๆ กลิ่นคาวเลือดออกมาเต็มไปหมด ผมแทบจะปิดประตูโดยทันทีแต่ก็อยากรู้ว่ากลิ่นนั้นคืออะไร ผมจึงเปิดมันออกจนหมดแล้วเดินเข้าไปดู สิ่งแรกที่เห็นคือร่างของพ่อที่ไร้หัว เลือดกระจายเต็มพื้นทางเดินและข้างผนัง ผมตอนแรกเกือบจะร้องออกมาแต่พยายามปิดปากไว้แล้วเดินเข้าไปอีก ผมเดินไปค่อยๆเปิดประตูห้องครัวก็ได้เห็น รูกลมที่ว่างเปล่าที่อยู่บนอกของร่างไร้วิญญาณหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยเป็นแม่บุญธรรมผม ผมเกือบจะกรี๊ดร้องแต่ว่าเสียงประตูดังขึ้นซะก่อนทำให้บางอย่างที่กำลังกินบางอย่างอยู่ต้องหันมามองประตูที่ค่อยๆเปิดออก
ตอนนี้ผมแค่ก้าวขาก็ก้าวไม่ออกแล้ว ยังมาได้เห็นปีศาจชัดๆตรงนี้อีก พวกมันที่ทำร้านแม่ผมมันมีลักษณะคล้ายซอมบี้แต่ดวงตาของมันมีชีวิตอยู่ทำให้ดูไม่เหมือนซอมบี้ที่รู้จักเท่าไร ทางมันเองก็เห็นผมจึงพุ่งตรงเข้ามาผมในทันที
“ ก้มหัวลงซีโร่! ”
“ เอ๋... ”
“ จงปลดปล่อยพลังที่จะขจัดเหล่าร้าย ณ ที่แห่งนี้ เฮคาทีน ”
แสงสว่างกระจายไปรอบตัวจนสว่างจ้า พร้อมกับร่างของซอมบี้สองตัวที่กระเด็นไปติดกำแพงแล้วเละเป็นโจ๊กติดกำแพง ร่างสาวผมยาวสีเหลือทอง ดวงตาสีฟ้า มีวงแหวนสีเหลืองบนหัว ปีขนาดใหญ่สีขาวแปดปีกที่กลางหลัง ใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมต้นเดียวกับผม สูงราวร้อยหกสิบสามเซน ถือคทาสีทอง ปลายคทาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว มีลูกแก้วสีแดง สีน้ำเงินอย่างละลูกหมุนวนรอบพระจันทร์เสี้ยว
“ คะ...ใครกัน นางฟ้างั้นหรอ... ”
“ นางฟ้า..ถ้าซีโร่เห็นพี่เป็นแบบนั้น พี่ก็ดีใจนะ ”
“ พี่ริโกะงั้นหรอ? ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ