เมียบำเรอครึ่งคืน
-
6) เมียบำเรอครึ่งคืน ตอนที่ 6 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสำนักงานใหญ่ของกลุ่มวิชิตยนต์
ภายในห้องทำงานของรองประธานกรรมการ ผู้เป็นเจ้าของห้องและเจ้าของตำแหน่งยังคงต่อสายถึงรวิอย่างไม่ละความพยายาม เขาต้องการรู้ให้ได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ พยายามติดต่อรวิตั้งแต่เมื่อคืนก็ปิดเครื่อง ติดต่อไม่ได้ จะโทรหาพี่ชายก็กลัวว่าจะไปรบกวนการกกเมีย
“โว้ย... ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!” เวทิศตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด
โทรศัพท์เครื่องบางถูกเหวี่ยงลงบนพื้นในขณะที่เลขานุการสาวกำลังยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟ เธอได้แต่อ้าปากค้างมองอุปกรณ์สื่อสารราคามากกว่าเงินเดือนของตนกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าใครมันเหิมเกริมทำให้เจ้านายของเธออารมณ์เสียได้ถึงเพียงนี้
ปกติเวทิศจะเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยสนใจกับคนรอบตัวสักเท่าไหร่ ไม่ยินดียินร้ายกับคำติชมหรือนินทา จึงดูเป็นคนไม่ค่อยโมโหโกรธาใครง่ายๆ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า หากรองกรรมการของกลุ่มวิชิตยนต์ โกรธใครขึ้นมาแล้ว มันผู้นั้นคงถึงคราวซวยเพราะหากไม่พังกันไปข้างหนึ่ง ดีกรีความโกรธของเขาคงไม่ลดลงง่ายๆ
“อะ...เอ่อ กาแฟค่ะ” พูดพลางวางแก้วกาแฟร้อนจัดไว้บนโต๊ะแล้วก้มตัวลงเก็บชิ้นส่วนที่กระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเจ้านาย
“หาเครื่องใหม่ให้ด้วย” เวทิศบอกพลางสะบัดมือเร็วๆ เป็นเชิงว่าให้เอาชิ้นส่วนพวกนี้ไปไกลๆตา และเลขานุการสาวก็รู้ใจเป็นอย่างดี “ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“ค่ะ” เลขานุการสาวรับคำแล้วรีบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็วก่อนที่ระเบิดเวลาตรงหน้าจะทำงาน
เวทิศปล่อยให้เวลาผ่านไปราวชั่วโมงและไม่สามารถคิดหาทางที่จะติดต่อรวิได้ จนแล้วจนรอดก็เหลือเพียงหนทางสุดท้ายที่จะไขข้อข้องใจได้ นั่นก็คือติดต่อพี่ชายที่อยู่ในอเมริกา เวทิศยกข้อมือของตัวเองขึ้นมองนาฬิกา พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หวังไว้ในใจว่าพี่ชายของตนคงไม่พาเมียเข้านอนตั้งแต่ยังไม่ห้าทุ่มหรอกนะ!
แล้วต้องถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อกวาดสายตามองหาอุปกรณ์สื่อสารของตนแล้วนึกขึ้นได้ว่าเป็นคนทดสอบความทนทานของมันด้วยตัวเอง พลางลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
“นี่! ฉันสั่งให้หาโทรศัพท์เครื่องใหม่ตั้งนานแล้วนะ ทำไมถึงได้ชักช้าแบบนี้” เวทิศดุเลขานุการที่อยู่หน้าห้องทำงานของตนแล้วเดินผลุนผลันออกไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ชี้แจงสักนิด
แต่เพียงแค่ไม่กี่อึดใจต่อมาผู้ช่วยของเธอก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับชูถุงพลาสติกที่ภายในบรรจุโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมเอาไว้
“ได้แล้วครับ รีบเอาเข้าไปให้ท่านรองเถอะ!” ผู้ช่วยหนุ่มบอกพร้อมกับหอบหายใจหนักๆ
“ไม่ทันแล้ว ดุฉันแล้วท่านก็เดินออกไปไหนก็ไม่รู้” ความจริงแล้วเธอไม่ได้นึกโกรธเคืองเจ้านายเลย รู้ดีว่าการเป็นผู้นำและปกครองคนจำนวนมากต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ ซึ่งพระคุณของเจ้านายที่เมตตาก็ทำให้เธอซาบซึ้งในน้ำใจยิ่งนัก ตั้งแต่ทำงานมาเป็นเวลาสิบปีจึงไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนงานเลย
“แล้วนี่ใครไปทำให้ท่านอารมณ์เสียได้ขนาดนี้ สงสัยมันไม่เคยตายใช่ไหม?” ผู้ช่วยหนุ่มเปรยออกมา หากไม่มีใครในบริเวณนั้นให้คำตอบ ได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป
“สวัสดีค่ะท่าน... อะ...เอ่อ” เลขานุการหน้าห้องประธานกรรมการ กล่าวทักทายท่านรองประธาน หากต้องทำหน้าแหยๆเพราะท่านรองประธานหน้าบอกบุญไม่รับ ทั้งยังไม่สนใจแม้จะปลายตามองตนด้วยซ้ำ แต่ก็เดินดุ่มๆเข้าไปในห้องเจ้านายของตนทั้งที่ท่านไปฮันนีมูนต่างประเทศกับภรรยา จึงรีบเดินตามหลังไปเผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างและเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่หันรีหันขวางราวกับจะค้นหาอะไรสักอย่าง
“ท่านมองหาอะไรหรือคะ?”
“ทำไม ฉันจะเดินไปไหนมาไหน เดี๋ยวนี้ต้องขออนุญาตเธอด้วยเหรอ?” เวทิศถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง เซ็งสุดๆ
“อุ้ย!” เลขานุการอุทานออกมาอย่างตกใจ พอจะรู้ว่าท่านรองประธานอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ จึงกล่าวขอโทษด้วยท่าทางนอบน้อม “ขอประทานโทษค่ะท่าน ดิฉันไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น ดิฉันแค่อยากเข้ามาไถ่ถามเพื่อ...”
คำอธิบายยืดยาวที่ออกจากปากของเธอแต่เวทิศกลับไม่ได้ใส่ใจเพราะตอนนี้เขากำลังยืนนิ่งราวกับท่อนไม้ ตกตะลึงกับภาพในกรอบรูปเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของพี่ชาย
“หยุดพูด!” เวทิศสั่งพลางยกมือขึ้นห้าม
เลขานุการยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองทันที และต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นท่าทางตะลึงงันและคำถามของท่านรองประธาน
“นะ...นี่ใคร?!” เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายมีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างเวทิศพูดตะกุกตะกัก ไม่เต็มเสียง และย้ำถามออกมาอย่างต้องการคำตอบแบบปัจจุบันทันด่วน “ฉันถามว่าใคร”
“ก็...คุณเทมส์กับภรรยาค่ะ”
เธอพอจะทราบเรื่องที่ท่านรองประธานไม่ได้มาร่วมในงานเลี้ยงฉลองสมรสของพี่ชายด้วยเกิดเหตุขัดข้องบางประการ แต่ก็ประหลาดใจนักว่าทำไมท่านถึงได้ตั้งคำถามเช่นนี้ ทั้งที่เป็นภาพของพี่ชายใส่สูทสีขาวและผู้หญิงที่อยู่ในรูปด้วยกันก็ใส่ชุดเจ้าสาวอย่างนั้น
“เป็นไปไม่ได้ คนอะไรจะหน้าตาเหมือนกันได้ขนาดนี้” เวทิศพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
“คะ ท่านว่าอะไรนะคะ?” เลขานุการถามอีกครั้ง
“หาเบอร์แมนชั่นในฟลอริดามาเร็วๆ”
จบคำสั่งเลขานุการก็รีบเดินอ้อมร่างสูงใหญ่ไปยังโต๊ะทำงาน ดึงลิ้นชักออกมาแล้วเปิดสมุดเบอร์โทรศัพท์เพราะคิดว่าน่าจะรวดเร็ว ทันใจท่านมากกว่าที่จะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง ไม่นานนักก็ได้เบอร์บ้านพักในฟลอริดาที่ต้องการ
“นี่ค่ะ ดิฉันต่อสายให้ไหมคะ”
“ไม่ๆ ออกไปได้แล้ว” เวทิศวางกรอบรูปในมือลงแต่สายตายังจ้องเขม็งเช่นเดิม ซึ่งท่าทางดังกล่าวนั้นอยู่ในสายตาของเลขานุการตลอดเวลาประกอบกับคำถามที่เปรยออกมาเมื่อครู่ จึงทำให้เธอประติดประต่อเรื่องได้ไม่ยากนัก
“เอ่อ... ภรรยาของท่านประธานมีคู่แฝดค่ะ เธอทำงานอยู่ฝ่ายการตลาดนี่เองค่ะ” พูดจบก็ยิ้มแหยๆออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาคมกริบของรองประธาน จึงรีบชี้แจงทันที “คือ... ดิฉันเห็นท่านเปรยว่าคนอะไรจะหน้าตาเหมือนกัน เลยเดาเอาน่ะค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ก็ขอประทานโทษอีกครั้งค่ะ”
“แล้วทำไม่มีใครบอกฉันว่าเธอทำงานที่นี่” เวทิศถามออกไปอย่างงงงัน คู่แฝดอย่างนั้นเหรอ
“เอ่อ... ได้ยินว่าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้มากค่ะ เพราะเธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน คงไม่อยากให้เป็นที่ครหาค่ะ”
ได้ยินคำชี้แจงเช่นนั้น เวทิศยิ่งหัวหมุนมากขึ้น ถ้า ‘ของขวัญ’ ที่หล่นลงบนเตียงของเขาคือคู่แฝดภรรยาของพี่ชาย ก็เป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายจะส่งเธอมาบรรณาการ หากเขาไม่อยากคิดเอาเองอีกแล้ว จึงรีบต่อสายไปยังอีกซีกโลกหนึ่งพลางเงยหน้าสั่งเลขานุการด้วยน้ำเสียงเครียด “ไปเชิญของขวัญ เอ่อ... คู่แฝดของพี่สะใภ้ฉันมาพบที”
เวทิศถอนหายใจมองเลขานุการที่รีบออกไปจัดการตามคำสั่ง พลางคิดในใจว่า ให้ฟ้าผ่าตายตรงนี้เถอะ! เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเธอด้วยซ้ำ ได้แต่เรียกว่า ‘ของขวัญ’ จนติดปาก
“ทำบ้าอะไรอยู่วะ ทำไมถึงรับสายช้าอย่างนี้” เวทิศกรอกน้ำเสียงหงุดหงิดลงไปทันที เมื่อได้ยินเสียงพี่ชายที่ปลายสาย
“ทาครีมบำรุงให้เมียอยู่สิวะไอ้น้องเวร แกโทรมาตอนเกือบจะเที่ยงคืนอยู่รอมร่อ ฉันรับสายนี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว หัดมีมารยาทให้มันมากกว่านี้หน่อย รู้จักไหมเวลาส่วนตัวน่ะ” ทัตเทพ ต่อว่าน้องชายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน
เขากำลังบรรจงลูบไล้ครีมบำรุงบริเวณหน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยเพื่อถนอมผิวเนื้อนวลเนียนไม่ให้กลายเป็นผิวเปลือกส้ม เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าลูกน้อยที่อาศัยอยู่ด้านในต้องเติบโตขึ้น
คนถูกตำหนิไม่ได้สนใจเสียงต่อว่านั่น หากตั้งคำถามที่ทำให้คนเป็นพี่ต้องแปลกใจ “นายเป็นคนส่งของขวัญให้ฉันเหรอ?”
“ของขวัญอะไรวะ?!” ทัตเทพไม่เพียงไม่รู้เรื่อง ยังเกิดอาการงง เพราะคำว่า ‘ของขวัญ’ เป็นคำเรียกขานของสาวๆที่จะมาให้ความสนุกในกลุ่มเท่านั้นเองและตั้งแต่เจอเมียเด็ก เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นแม้แต่น้อย
“ก็ผู้หญิงที่รวิส่งมาให้เมื่อคืนไง”
“แกพูดเรื่องอะไรวะ รวิไหน ฉันงงไปหมดแล้ว?” ทัตเทพงงงันไปใหญ่
“ก็รวิที่เคยหาสาวๆให้พวกเราไง ที่มันเคยทำงานอยู่กับร็อก มันบอกว่านายเป็นคนสั่งให้ส่ง ‘ของขวัญ’ มาให้ฉัน” เวทิศอธิบายถึงรวิให้พี่ชายได้ฟัง
“อ่อ... จำได้แล้ว เฮ้ย! ฉิบหายแล้วไหม” ทัตเทพสบถออกมาพลางหันไปยิ้มอย่างขอโทษให้เมียเด็กที่หันมามองด้วยสายตาตำหนิ แล้วรีบเดินออกมาคุยบริเวณระเบียงหน้าห้องนอน “ไอ้หมอนั่นมันคู่ปรับของร็อกนะโว้ย แล้วฉันก็ไม่เคยสั่งให้มันทำอย่างนั้นเลย ไอ้หมอนี่มันหายหน้าไปตั้งแต่มีเรื่องกับร็อกแล้ว”
เวทิศตบหน้าผากตัวเองเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น แน่ใจว่ามันต้องเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน “เฮ้ย! มันเป็นคนยืนยันนะว่านายสั่งให้หาของขวัญมาให้ฉัน”
“ซวยแล้วไหมล่ะ หรือมันจะแค้นมากเลยหาโรคมาแพร่เชื้อรึเปล่าวะ?” ทัตเทพถามแต่ก็มั่นใจว่าน้องชายตนไม่เคยลืมที่จะป้องกันอย่างแน่นอน
“แพร่เชื้อห่าอะไรล่ะ ฉันเป็นคนเปิดซิงหล่อนคนแรกเลย” หากเวทิศต้องชะงักคำพูดเมื่อเลขานุการเข้ามารายงานอีกครั้ง
“ท่านคะ... วันนี้คุณกันตาภาไม่ได้มาทำงานค่ะ เห็นเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆบอกว่าเมื่อเช้าเธอโทรมาขอลาหยุดสองวันค่ะ” รายงานจบก็ออกไปจากห้องทันทีเพราะเห็นว่าท่านกำลังติดสาย
หากแต่การรายงานนั้นคนที่อยู่อีกซีกโลกก็ได้ยินอย่างชัดเจน พลางนึกสังหรณ์ใจขึ้นมาในทันที “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับส้มโอวะ แกรู้จักคู่แฝดของเมียฉันได้ยังไง”
เวทิศถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของพี่ชายอย่างแรง “ก็ของขวัญที่หล่นลงบนเตียงฉันเมื่อคืน หน้าตางี้เหมือนเมียนายอย่างกับแกะ”
“เฮ้ย! ไอ้เลว ไอ้น้องเวร แกพูดบ้าอะไรอย่างนี้วะ ทำไมแกไม่ดูตาม้าตาเรือ แล้วตกลงนี่ใช่ส้มโอจริงๆรึเปล่า!” ทัตเทพทั้งด่าว่าทั้งถามออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจระคนโมโห
“ใครจะไปรู้วะ ฉันเคยเห็นหน้าตาเมียนายที่ไหน นี่ก็ว่าจะเข้ามาเอาเบอร์โทรศัพท์ถึงได้เห็นรูปบนโต๊ะทำงาน แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับฉันเนี่ย?” เวทิศยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองอย่างคนกำลังเจอเรื่องหนักสมอง
“ต้องเป็นแผนชั่วของไอ้รวิแน่ มันแค้นที่ร็อกแย่งแฟนมันไป” ทัตเทพพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้บ้าง
“แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น นายกับร็อกไปทำอะไรไว้ ไอ้รวิมันถึงได้มาคิดบัญชีกับฉันแบบนี้?” เวทิศถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะปกติเขาไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตในประเทศไทยสักเท่าไหร่ อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องส่วนตัวถึงแม้จะสนิทชิดเชื้อกับอัครรัฐแต่ก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้ความเคลื่อนไหวทุกเรื่อง
เวทิศเลิกคิ้ว บางครั้งก็ส่ายหน้าเมื่อได้ยินพี่ชายเล่าความเป็นมาให้ฟังอย่างละเอียด พลางคิดในใจว่า ความรักนี่มันก็ทำให้เราตาบอด ทำได้ทุกอย่างจริงๆ
“สรุปว่าร็อกกับนายได้เมียที่รักเป็นตัวเป็นตน ส่วนไอ้ระยำรวิมันเลยเอาความแค้นมาคิดบัญชีกับฉันที่ไม่รู้เรื่อง เจริญล่ะ” เวทิศถอนหายใจออกมา เบื่อหน่ายที่สุดเมื่อมองเห็นเค้าลางความยุ่งยากที่เกิดขึ้นกับตัวเองในเบื้องหน้า “สรุปว่าเธอชื่อกันตาภา ส้มโอใช่ม่ะ”
“เฮ้ย! ไอ้...ไอ้เลว แกนี่มันยังไงนะ ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเธออย่างนั้นเหรอ” ทัตเทพไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาต่อว่าน้องชาย
“ก็คนโดนวางยาจะไปสนใจถามไถ่ชื่อแซ่ได้ยังไงวะ” เวทิศตอบ
“แกนี่มันเลว เธอถูกวางยาแทนที่จะพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วใครใช้ให้แกไปฉวยโอกาสกับเธออย่างนั้น อยู่ใกล้หน่อยไม่ได้แกเจ็บตัวแน่!” ทัตเทพครางฮึ่มๆในใจ รู้สึกสงสารคู่แฝดของภรรยาจับใจ
“น้อยๆหน่อย ฉันก็เพิ่งรู้หรอกน่าว่าเธอเป็นคู่แฝดเมียนาย แล้วคนที่ถูกวางยาปลุกเซ็กส์น่ะ กระผมเองครับ ไม่ใช่เธอ”
“ฉิบหาย ทำไมแกถึงพลาดท่าไอ้รวิมันง่ายๆอย่างนี้วะ?”
“ใครจะไปรู้วะ ก็ล่าสุดที่เราคุยกัน นายเปรยว่าทำงานดีมีรางวัล แล้วไอ้รวินั่นมันก็สวมรอยเข้ามาพอดี เตรียมการทุกอย่างไว้ลงตัว ฉันก็คิดว่านายจัดมาให้ แล้วนี่เธอจะเป็นยังไงบ้างวะ เห็นว่าลางานไปตั้งสองวัน” ท้ายประโยคเปรยขึ้นมาอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ
“แกรีบไปดูส้มโอเดี๋ยวนี้เลย เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ คนเขามีญาติพี่น้องนะโว้ย แกไปทำอย่างนั้นกับเขาได้ยังไง คนไม่เคยแถมแกยังควบคุมตัวเองไม่ได้อีก” พูดพลางถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่อคิดถึงปฏิกิริยาของเมียเด็กที่ได้รับรู้เรื่องนี้ เขาจะมีชีวิตรอดได้พบหน้าลูกในท้องรึเปล่าก็ไม่รู้ ฮอร์โมนคนท้องยิ่งแปรปรวน บางวันเธอก็บอกว่าเหม็นหน้าเขา แล้วนี่ถ้าเกิดรู้เรื่องล่ะก็... ทัตเทพคิดแล้วเสียวสันหลังวาบๆ
เวทิศเองก็นิ่งงันไปชั่วขณะ นึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจในขณะเดียวกันก็รู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกินที่ไม่สามารถบังคับจิตใจตนได้ ทว่ากลับปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้สึกแย่ๆนั้นมาพร้อมความภูมิใจที่ได้แกะกล่องของขวัญเป็นคนแรก
“แล้วส้มโอพักอยู่ที่ไหน?” เวทิศถาม
“อยู่คอนโดแถว... นั่นแหละ รีบไปคุยกันให้รู้เรื่องซะ จะเอายังไง แล้วนี่ติดต่อไอ้รวิได้รึเปล่า”
เวทิศครางกระหึ่มในใจ ลางสังหรณ์บอกว่าอีกไม่นานมันต้องนำความยุ่งยากมาให้ตนเป็นแน่แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นเรื่องใด “หึ... ถ้าเจอมันอีกครั้ง รับรองว่ามันไม่ได้ตายดีแน่ ไอ้ระยำมันบังอาจมาวางยาปลุกเซ็กส์ฉัน”
“อืม... งั้นรีบไปดูส้มโอก่อนเถอะ” ทัตเทพสรุปเพราะเหลือบสายตามองไปยังเตียงนอนแล้วเห็นว่า เมียเด็กของตนกำลังชันตัวลุกขึ้น
“หวังว่าเธอจะไม่ใช่คนเดียวกันกับผู้หญิงเมื่อคืนนี้” เวทิศพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น แต่คงยากว่ะ! ถ้านายยืนยันว่าเธอหน้าตาเหมือนเมียฉัน ในโลกนี้ก็มีแค่ส้มโอเท่านั้นแหละ”
คนที่ปลายสายตัดสัญญาณไปแล้วแต่เป็นนานกว่าที่เวทิศจะวางลงโทรศัพท์ลง เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เวทิศเป่าลมออกมาจากปาก เขาถอนหายใจในเวลาเกือบชั่วโมงนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่ก็คร้านจะนับ สรุปได้ว่าเรื่องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นของขวัญหรืที่เขาถูกวางยาก็เป็นการจัดฉากของรวิทั้งหมด หากแต่ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคือไปหาเธอ ไปดูหน้าเธอให้เห็นเต็มสองตาและเขาก็ต้องการคำยืนยันจากปากของเธอว่า เธอคือคู่แฝดของพี่สะใภ้ของจริงน่ะหรือ?
ภายในห้องทำงานของรองประธานกรรมการ ผู้เป็นเจ้าของห้องและเจ้าของตำแหน่งยังคงต่อสายถึงรวิอย่างไม่ละความพยายาม เขาต้องการรู้ให้ได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ พยายามติดต่อรวิตั้งแต่เมื่อคืนก็ปิดเครื่อง ติดต่อไม่ได้ จะโทรหาพี่ชายก็กลัวว่าจะไปรบกวนการกกเมีย
“โว้ย... ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!” เวทิศตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด
โทรศัพท์เครื่องบางถูกเหวี่ยงลงบนพื้นในขณะที่เลขานุการสาวกำลังยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟ เธอได้แต่อ้าปากค้างมองอุปกรณ์สื่อสารราคามากกว่าเงินเดือนของตนกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าใครมันเหิมเกริมทำให้เจ้านายของเธออารมณ์เสียได้ถึงเพียงนี้
ปกติเวทิศจะเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยสนใจกับคนรอบตัวสักเท่าไหร่ ไม่ยินดียินร้ายกับคำติชมหรือนินทา จึงดูเป็นคนไม่ค่อยโมโหโกรธาใครง่ายๆ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า หากรองกรรมการของกลุ่มวิชิตยนต์ โกรธใครขึ้นมาแล้ว มันผู้นั้นคงถึงคราวซวยเพราะหากไม่พังกันไปข้างหนึ่ง ดีกรีความโกรธของเขาคงไม่ลดลงง่ายๆ
“อะ...เอ่อ กาแฟค่ะ” พูดพลางวางแก้วกาแฟร้อนจัดไว้บนโต๊ะแล้วก้มตัวลงเก็บชิ้นส่วนที่กระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเจ้านาย
“หาเครื่องใหม่ให้ด้วย” เวทิศบอกพลางสะบัดมือเร็วๆ เป็นเชิงว่าให้เอาชิ้นส่วนพวกนี้ไปไกลๆตา และเลขานุการสาวก็รู้ใจเป็นอย่างดี “ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“ค่ะ” เลขานุการสาวรับคำแล้วรีบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็วก่อนที่ระเบิดเวลาตรงหน้าจะทำงาน
เวทิศปล่อยให้เวลาผ่านไปราวชั่วโมงและไม่สามารถคิดหาทางที่จะติดต่อรวิได้ จนแล้วจนรอดก็เหลือเพียงหนทางสุดท้ายที่จะไขข้อข้องใจได้ นั่นก็คือติดต่อพี่ชายที่อยู่ในอเมริกา เวทิศยกข้อมือของตัวเองขึ้นมองนาฬิกา พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หวังไว้ในใจว่าพี่ชายของตนคงไม่พาเมียเข้านอนตั้งแต่ยังไม่ห้าทุ่มหรอกนะ!
แล้วต้องถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อกวาดสายตามองหาอุปกรณ์สื่อสารของตนแล้วนึกขึ้นได้ว่าเป็นคนทดสอบความทนทานของมันด้วยตัวเอง พลางลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
“นี่! ฉันสั่งให้หาโทรศัพท์เครื่องใหม่ตั้งนานแล้วนะ ทำไมถึงได้ชักช้าแบบนี้” เวทิศดุเลขานุการที่อยู่หน้าห้องทำงานของตนแล้วเดินผลุนผลันออกไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ชี้แจงสักนิด
แต่เพียงแค่ไม่กี่อึดใจต่อมาผู้ช่วยของเธอก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับชูถุงพลาสติกที่ภายในบรรจุโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมเอาไว้
“ได้แล้วครับ รีบเอาเข้าไปให้ท่านรองเถอะ!” ผู้ช่วยหนุ่มบอกพร้อมกับหอบหายใจหนักๆ
“ไม่ทันแล้ว ดุฉันแล้วท่านก็เดินออกไปไหนก็ไม่รู้” ความจริงแล้วเธอไม่ได้นึกโกรธเคืองเจ้านายเลย รู้ดีว่าการเป็นผู้นำและปกครองคนจำนวนมากต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ ซึ่งพระคุณของเจ้านายที่เมตตาก็ทำให้เธอซาบซึ้งในน้ำใจยิ่งนัก ตั้งแต่ทำงานมาเป็นเวลาสิบปีจึงไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนงานเลย
“แล้วนี่ใครไปทำให้ท่านอารมณ์เสียได้ขนาดนี้ สงสัยมันไม่เคยตายใช่ไหม?” ผู้ช่วยหนุ่มเปรยออกมา หากไม่มีใครในบริเวณนั้นให้คำตอบ ได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป
“สวัสดีค่ะท่าน... อะ...เอ่อ” เลขานุการหน้าห้องประธานกรรมการ กล่าวทักทายท่านรองประธาน หากต้องทำหน้าแหยๆเพราะท่านรองประธานหน้าบอกบุญไม่รับ ทั้งยังไม่สนใจแม้จะปลายตามองตนด้วยซ้ำ แต่ก็เดินดุ่มๆเข้าไปในห้องเจ้านายของตนทั้งที่ท่านไปฮันนีมูนต่างประเทศกับภรรยา จึงรีบเดินตามหลังไปเผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างและเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่หันรีหันขวางราวกับจะค้นหาอะไรสักอย่าง
“ท่านมองหาอะไรหรือคะ?”
“ทำไม ฉันจะเดินไปไหนมาไหน เดี๋ยวนี้ต้องขออนุญาตเธอด้วยเหรอ?” เวทิศถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง เซ็งสุดๆ
“อุ้ย!” เลขานุการอุทานออกมาอย่างตกใจ พอจะรู้ว่าท่านรองประธานอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ จึงกล่าวขอโทษด้วยท่าทางนอบน้อม “ขอประทานโทษค่ะท่าน ดิฉันไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น ดิฉันแค่อยากเข้ามาไถ่ถามเพื่อ...”
คำอธิบายยืดยาวที่ออกจากปากของเธอแต่เวทิศกลับไม่ได้ใส่ใจเพราะตอนนี้เขากำลังยืนนิ่งราวกับท่อนไม้ ตกตะลึงกับภาพในกรอบรูปเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของพี่ชาย
“หยุดพูด!” เวทิศสั่งพลางยกมือขึ้นห้าม
เลขานุการยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองทันที และต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นท่าทางตะลึงงันและคำถามของท่านรองประธาน
“นะ...นี่ใคร?!” เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายมีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างเวทิศพูดตะกุกตะกัก ไม่เต็มเสียง และย้ำถามออกมาอย่างต้องการคำตอบแบบปัจจุบันทันด่วน “ฉันถามว่าใคร”
“ก็...คุณเทมส์กับภรรยาค่ะ”
เธอพอจะทราบเรื่องที่ท่านรองประธานไม่ได้มาร่วมในงานเลี้ยงฉลองสมรสของพี่ชายด้วยเกิดเหตุขัดข้องบางประการ แต่ก็ประหลาดใจนักว่าทำไมท่านถึงได้ตั้งคำถามเช่นนี้ ทั้งที่เป็นภาพของพี่ชายใส่สูทสีขาวและผู้หญิงที่อยู่ในรูปด้วยกันก็ใส่ชุดเจ้าสาวอย่างนั้น
“เป็นไปไม่ได้ คนอะไรจะหน้าตาเหมือนกันได้ขนาดนี้” เวทิศพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
“คะ ท่านว่าอะไรนะคะ?” เลขานุการถามอีกครั้ง
“หาเบอร์แมนชั่นในฟลอริดามาเร็วๆ”
จบคำสั่งเลขานุการก็รีบเดินอ้อมร่างสูงใหญ่ไปยังโต๊ะทำงาน ดึงลิ้นชักออกมาแล้วเปิดสมุดเบอร์โทรศัพท์เพราะคิดว่าน่าจะรวดเร็ว ทันใจท่านมากกว่าที่จะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง ไม่นานนักก็ได้เบอร์บ้านพักในฟลอริดาที่ต้องการ
“นี่ค่ะ ดิฉันต่อสายให้ไหมคะ”
“ไม่ๆ ออกไปได้แล้ว” เวทิศวางกรอบรูปในมือลงแต่สายตายังจ้องเขม็งเช่นเดิม ซึ่งท่าทางดังกล่าวนั้นอยู่ในสายตาของเลขานุการตลอดเวลาประกอบกับคำถามที่เปรยออกมาเมื่อครู่ จึงทำให้เธอประติดประต่อเรื่องได้ไม่ยากนัก
“เอ่อ... ภรรยาของท่านประธานมีคู่แฝดค่ะ เธอทำงานอยู่ฝ่ายการตลาดนี่เองค่ะ” พูดจบก็ยิ้มแหยๆออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาคมกริบของรองประธาน จึงรีบชี้แจงทันที “คือ... ดิฉันเห็นท่านเปรยว่าคนอะไรจะหน้าตาเหมือนกัน เลยเดาเอาน่ะค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ก็ขอประทานโทษอีกครั้งค่ะ”
“แล้วทำไม่มีใครบอกฉันว่าเธอทำงานที่นี่” เวทิศถามออกไปอย่างงงงัน คู่แฝดอย่างนั้นเหรอ
“เอ่อ... ได้ยินว่าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้มากค่ะ เพราะเธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน คงไม่อยากให้เป็นที่ครหาค่ะ”
ได้ยินคำชี้แจงเช่นนั้น เวทิศยิ่งหัวหมุนมากขึ้น ถ้า ‘ของขวัญ’ ที่หล่นลงบนเตียงของเขาคือคู่แฝดภรรยาของพี่ชาย ก็เป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายจะส่งเธอมาบรรณาการ หากเขาไม่อยากคิดเอาเองอีกแล้ว จึงรีบต่อสายไปยังอีกซีกโลกหนึ่งพลางเงยหน้าสั่งเลขานุการด้วยน้ำเสียงเครียด “ไปเชิญของขวัญ เอ่อ... คู่แฝดของพี่สะใภ้ฉันมาพบที”
เวทิศถอนหายใจมองเลขานุการที่รีบออกไปจัดการตามคำสั่ง พลางคิดในใจว่า ให้ฟ้าผ่าตายตรงนี้เถอะ! เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเธอด้วยซ้ำ ได้แต่เรียกว่า ‘ของขวัญ’ จนติดปาก
“ทำบ้าอะไรอยู่วะ ทำไมถึงรับสายช้าอย่างนี้” เวทิศกรอกน้ำเสียงหงุดหงิดลงไปทันที เมื่อได้ยินเสียงพี่ชายที่ปลายสาย
“ทาครีมบำรุงให้เมียอยู่สิวะไอ้น้องเวร แกโทรมาตอนเกือบจะเที่ยงคืนอยู่รอมร่อ ฉันรับสายนี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว หัดมีมารยาทให้มันมากกว่านี้หน่อย รู้จักไหมเวลาส่วนตัวน่ะ” ทัตเทพ ต่อว่าน้องชายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน
เขากำลังบรรจงลูบไล้ครีมบำรุงบริเวณหน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยเพื่อถนอมผิวเนื้อนวลเนียนไม่ให้กลายเป็นผิวเปลือกส้ม เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าลูกน้อยที่อาศัยอยู่ด้านในต้องเติบโตขึ้น
คนถูกตำหนิไม่ได้สนใจเสียงต่อว่านั่น หากตั้งคำถามที่ทำให้คนเป็นพี่ต้องแปลกใจ “นายเป็นคนส่งของขวัญให้ฉันเหรอ?”
“ของขวัญอะไรวะ?!” ทัตเทพไม่เพียงไม่รู้เรื่อง ยังเกิดอาการงง เพราะคำว่า ‘ของขวัญ’ เป็นคำเรียกขานของสาวๆที่จะมาให้ความสนุกในกลุ่มเท่านั้นเองและตั้งแต่เจอเมียเด็ก เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นแม้แต่น้อย
“ก็ผู้หญิงที่รวิส่งมาให้เมื่อคืนไง”
“แกพูดเรื่องอะไรวะ รวิไหน ฉันงงไปหมดแล้ว?” ทัตเทพงงงันไปใหญ่
“ก็รวิที่เคยหาสาวๆให้พวกเราไง ที่มันเคยทำงานอยู่กับร็อก มันบอกว่านายเป็นคนสั่งให้ส่ง ‘ของขวัญ’ มาให้ฉัน” เวทิศอธิบายถึงรวิให้พี่ชายได้ฟัง
“อ่อ... จำได้แล้ว เฮ้ย! ฉิบหายแล้วไหม” ทัตเทพสบถออกมาพลางหันไปยิ้มอย่างขอโทษให้เมียเด็กที่หันมามองด้วยสายตาตำหนิ แล้วรีบเดินออกมาคุยบริเวณระเบียงหน้าห้องนอน “ไอ้หมอนั่นมันคู่ปรับของร็อกนะโว้ย แล้วฉันก็ไม่เคยสั่งให้มันทำอย่างนั้นเลย ไอ้หมอนี่มันหายหน้าไปตั้งแต่มีเรื่องกับร็อกแล้ว”
เวทิศตบหน้าผากตัวเองเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น แน่ใจว่ามันต้องเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน “เฮ้ย! มันเป็นคนยืนยันนะว่านายสั่งให้หาของขวัญมาให้ฉัน”
“ซวยแล้วไหมล่ะ หรือมันจะแค้นมากเลยหาโรคมาแพร่เชื้อรึเปล่าวะ?” ทัตเทพถามแต่ก็มั่นใจว่าน้องชายตนไม่เคยลืมที่จะป้องกันอย่างแน่นอน
“แพร่เชื้อห่าอะไรล่ะ ฉันเป็นคนเปิดซิงหล่อนคนแรกเลย” หากเวทิศต้องชะงักคำพูดเมื่อเลขานุการเข้ามารายงานอีกครั้ง
“ท่านคะ... วันนี้คุณกันตาภาไม่ได้มาทำงานค่ะ เห็นเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆบอกว่าเมื่อเช้าเธอโทรมาขอลาหยุดสองวันค่ะ” รายงานจบก็ออกไปจากห้องทันทีเพราะเห็นว่าท่านกำลังติดสาย
หากแต่การรายงานนั้นคนที่อยู่อีกซีกโลกก็ได้ยินอย่างชัดเจน พลางนึกสังหรณ์ใจขึ้นมาในทันที “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับส้มโอวะ แกรู้จักคู่แฝดของเมียฉันได้ยังไง”
เวทิศถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของพี่ชายอย่างแรง “ก็ของขวัญที่หล่นลงบนเตียงฉันเมื่อคืน หน้าตางี้เหมือนเมียนายอย่างกับแกะ”
“เฮ้ย! ไอ้เลว ไอ้น้องเวร แกพูดบ้าอะไรอย่างนี้วะ ทำไมแกไม่ดูตาม้าตาเรือ แล้วตกลงนี่ใช่ส้มโอจริงๆรึเปล่า!” ทัตเทพทั้งด่าว่าทั้งถามออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจระคนโมโห
“ใครจะไปรู้วะ ฉันเคยเห็นหน้าตาเมียนายที่ไหน นี่ก็ว่าจะเข้ามาเอาเบอร์โทรศัพท์ถึงได้เห็นรูปบนโต๊ะทำงาน แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับฉันเนี่ย?” เวทิศยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองอย่างคนกำลังเจอเรื่องหนักสมอง
“ต้องเป็นแผนชั่วของไอ้รวิแน่ มันแค้นที่ร็อกแย่งแฟนมันไป” ทัตเทพพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้บ้าง
“แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น นายกับร็อกไปทำอะไรไว้ ไอ้รวิมันถึงได้มาคิดบัญชีกับฉันแบบนี้?” เวทิศถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะปกติเขาไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตในประเทศไทยสักเท่าไหร่ อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องส่วนตัวถึงแม้จะสนิทชิดเชื้อกับอัครรัฐแต่ก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้ความเคลื่อนไหวทุกเรื่อง
เวทิศเลิกคิ้ว บางครั้งก็ส่ายหน้าเมื่อได้ยินพี่ชายเล่าความเป็นมาให้ฟังอย่างละเอียด พลางคิดในใจว่า ความรักนี่มันก็ทำให้เราตาบอด ทำได้ทุกอย่างจริงๆ
“สรุปว่าร็อกกับนายได้เมียที่รักเป็นตัวเป็นตน ส่วนไอ้ระยำรวิมันเลยเอาความแค้นมาคิดบัญชีกับฉันที่ไม่รู้เรื่อง เจริญล่ะ” เวทิศถอนหายใจออกมา เบื่อหน่ายที่สุดเมื่อมองเห็นเค้าลางความยุ่งยากที่เกิดขึ้นกับตัวเองในเบื้องหน้า “สรุปว่าเธอชื่อกันตาภา ส้มโอใช่ม่ะ”
“เฮ้ย! ไอ้...ไอ้เลว แกนี่มันยังไงนะ ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเธออย่างนั้นเหรอ” ทัตเทพไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาต่อว่าน้องชาย
“ก็คนโดนวางยาจะไปสนใจถามไถ่ชื่อแซ่ได้ยังไงวะ” เวทิศตอบ
“แกนี่มันเลว เธอถูกวางยาแทนที่จะพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วใครใช้ให้แกไปฉวยโอกาสกับเธออย่างนั้น อยู่ใกล้หน่อยไม่ได้แกเจ็บตัวแน่!” ทัตเทพครางฮึ่มๆในใจ รู้สึกสงสารคู่แฝดของภรรยาจับใจ
“น้อยๆหน่อย ฉันก็เพิ่งรู้หรอกน่าว่าเธอเป็นคู่แฝดเมียนาย แล้วคนที่ถูกวางยาปลุกเซ็กส์น่ะ กระผมเองครับ ไม่ใช่เธอ”
“ฉิบหาย ทำไมแกถึงพลาดท่าไอ้รวิมันง่ายๆอย่างนี้วะ?”
“ใครจะไปรู้วะ ก็ล่าสุดที่เราคุยกัน นายเปรยว่าทำงานดีมีรางวัล แล้วไอ้รวินั่นมันก็สวมรอยเข้ามาพอดี เตรียมการทุกอย่างไว้ลงตัว ฉันก็คิดว่านายจัดมาให้ แล้วนี่เธอจะเป็นยังไงบ้างวะ เห็นว่าลางานไปตั้งสองวัน” ท้ายประโยคเปรยขึ้นมาอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ
“แกรีบไปดูส้มโอเดี๋ยวนี้เลย เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ คนเขามีญาติพี่น้องนะโว้ย แกไปทำอย่างนั้นกับเขาได้ยังไง คนไม่เคยแถมแกยังควบคุมตัวเองไม่ได้อีก” พูดพลางถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่อคิดถึงปฏิกิริยาของเมียเด็กที่ได้รับรู้เรื่องนี้ เขาจะมีชีวิตรอดได้พบหน้าลูกในท้องรึเปล่าก็ไม่รู้ ฮอร์โมนคนท้องยิ่งแปรปรวน บางวันเธอก็บอกว่าเหม็นหน้าเขา แล้วนี่ถ้าเกิดรู้เรื่องล่ะก็... ทัตเทพคิดแล้วเสียวสันหลังวาบๆ
เวทิศเองก็นิ่งงันไปชั่วขณะ นึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจในขณะเดียวกันก็รู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกินที่ไม่สามารถบังคับจิตใจตนได้ ทว่ากลับปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้สึกแย่ๆนั้นมาพร้อมความภูมิใจที่ได้แกะกล่องของขวัญเป็นคนแรก
“แล้วส้มโอพักอยู่ที่ไหน?” เวทิศถาม
“อยู่คอนโดแถว... นั่นแหละ รีบไปคุยกันให้รู้เรื่องซะ จะเอายังไง แล้วนี่ติดต่อไอ้รวิได้รึเปล่า”
เวทิศครางกระหึ่มในใจ ลางสังหรณ์บอกว่าอีกไม่นานมันต้องนำความยุ่งยากมาให้ตนเป็นแน่แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นเรื่องใด “หึ... ถ้าเจอมันอีกครั้ง รับรองว่ามันไม่ได้ตายดีแน่ ไอ้ระยำมันบังอาจมาวางยาปลุกเซ็กส์ฉัน”
“อืม... งั้นรีบไปดูส้มโอก่อนเถอะ” ทัตเทพสรุปเพราะเหลือบสายตามองไปยังเตียงนอนแล้วเห็นว่า เมียเด็กของตนกำลังชันตัวลุกขึ้น
“หวังว่าเธอจะไม่ใช่คนเดียวกันกับผู้หญิงเมื่อคืนนี้” เวทิศพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น แต่คงยากว่ะ! ถ้านายยืนยันว่าเธอหน้าตาเหมือนเมียฉัน ในโลกนี้ก็มีแค่ส้มโอเท่านั้นแหละ”
คนที่ปลายสายตัดสัญญาณไปแล้วแต่เป็นนานกว่าที่เวทิศจะวางลงโทรศัพท์ลง เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เวทิศเป่าลมออกมาจากปาก เขาถอนหายใจในเวลาเกือบชั่วโมงนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่ก็คร้านจะนับ สรุปได้ว่าเรื่องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นของขวัญหรืที่เขาถูกวางยาก็เป็นการจัดฉากของรวิทั้งหมด หากแต่ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคือไปหาเธอ ไปดูหน้าเธอให้เห็นเต็มสองตาและเขาก็ต้องการคำยืนยันจากปากของเธอว่า เธอคือคู่แฝดของพี่สะใภ้ของจริงน่ะหรือ?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ