แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  54.40K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 6

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 6
 
 
 
เพลง
 
“ทำไมเฮียรีบกลับวะ” นี่คือคำทักทายแรกของน้องชายเมื่อเจอหน้าพี่ ไปเมืองนอกเดือนเดียวดูท่าจะน้อยไป ไม่คิดถึงกูบ้างเลยเหรอวะ? ผมคิดถึงพี่นะ คำๆนี้มันน่าจะเกิดขึ้นดิวะ พี่ชายได้แต่คิดและมโนไปไกล
 
 “มีงานที่ไทยเฮียเลยรับไว้ ป๋า เพลงซื้อยาบำรุงของที่นู่นมาฝากด้วย ต้าๆหยิบของในรถฉันลงมาให้หมดเลยนะ” ผมวานลูกน้องคนสนิทให้ไปหยิบมาให้ ป๋ายิ้มหน้าบานท่านชอบพวกยาบำรุงอะไรเทือกนี้ แต่คนลูกเล็กสุดของบ้านไม่คิดเช่นนั้น เพทายคิดว่ามันเป็นสิ่งที่คนแก่ชอบกิน
 
 “ขาดแต่ตาพีชนะ ป๋าโทรไปหาตอนนั้นพีชบอกอยู่มาเล ตกลงมันไปทำงานที่ไหนกันแน่?” สองพี่น้องมองหน้ากัน ผมชิงตอบก่อน
 
 “เฮียพีชเป็นช่างภาพก็ไปเรื่อยแหละป๋า ถ้าคิดถึงเพลงโทรให้เอาไหม”
 
 “ไม่ต้องๆป๋าแค่กลัวมันจะไปมีเรื่องกับพวกต่างชาติเอา พวกแกก็รู้ว่าพีชมันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” นายท่านของบ้านโบกมือปัดปฎิเสธไป คิดในใจว่าเบื่อก็คงกลับมาเอง
 
สามคนพ่อลูกนั่งคุยถกเถียงกันตามประสาคนต่างความคิด ยิ่งกับน้องคนสุดท้องยิ่งคิดแปลกกว่าใคร การเรียนอาจจะไปไม่รอดแต่เรื่องความคิดสร้างสรรค์ไม่แพ้พวกพี่เลย
 
 “เดี๋ยวไอ้เพ เมื่อคืนพาใครมาค้างวะ?” ผมแตะบ่าน้องเรียกเอาไว้ เพทายจ้องหน้าพี่ครุ่นคิดว่าจะเล่าดีไม่ดี เฮียเพลงชอบแกล้ง แต่ถ้าไม่บอกก็หาวิธีรู้ให้ได้อยู่ดีแหละ
 
 “เฮียรู้ได้ไง”
 
 “เฮียเห็นตั้งแต่อุ้มขึ้นห้องแล้วว่ะ น่ารักดีเฮียชอบ ผู้ชายหน้าตาคมๆมองแล้วตื่นเต้นดี" ผมสาธยายเมียน้องชายออกมาไม่อายปาก ถ้าเห็นอุ้มมาจนหายเข้าห้องก็ต้องรู้ดิว่าของน้อง
 
 “เฮียอย่ามายุ่งกับต้นข้าว คนนี้เป็นน้องคุณต้นน้ำติวเตอร์เพเอง เรื่องนี้เหยียบนะเฮียเพขอ”
 
 “แสดงว่าป๋าไม่รู้ พี่ชายเขาก็ไม่รู้?” ผมเดาและมันก็ถูกต้องทุกอย่าง
 
 “ใช่ เพกับต้นข้าวศึกษากันอยู่ เฮียอย่ามาแย่งนะเว้ย” เพทายพูดเตือน พี่ชายคนรองเดาะลิ้นทำหน้ากวน
 
 “เฮียขอพาไปศึกษานอกห้องเรียนได้ป่ะวะ วิชาเพศศึกษาเฮียแน่นกว่าเพอีก รับรองคืนเดียวจบหลักสูตรเลย”
 
 “เฮีย! ของเพอย่ายุ่งดิ ต้นข้าวเพสอนเองเฮียไปหาคนอื่นเหอะ” คนน้องไม่ยอมหน้าบูดบึ้ง
 
 “เฮียชอบคนนี้ว่ะ ค่าสอนเฮียไม่แพงด้วย อืม ไว้วันหลังเฮียจะคุยเรื่องนี้กับต้นข้าวเอง” ผมหมุนตัวเดินกลับห้องไม่วายมีเสียงบ่นดังตามหลัง
 
 “เฮียเพลง! อย่ายุ่งนะเว้ยคนนี้เพหวง ได้ยินไหมเฮีย”
 
ผมล้มตัวลงนอนหยิบหนังสือนิยายต่างภาษาขึ้นมาอ่าน นิ้วยาวชี้ลงตรงบรรทัดที่สี่ของหน้าหนึ่ง ปากขยับอ่านออกมาพึมพำเบาๆ 
 
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล
 
 “ต้นข้าว คนนี้เหรอที่เพมันเลือก หึ ไหนขอชิมหน่อยนะว่าอร่อยจริงไหม” รูปถ่ายใบหนึ่งวางลงบนเตียงตามมาด้วยประวัติอันยาวเหยียดที่ลูกน้องคนสนิทหามาได้ เพลงหยิบขึ้นมาอ่านไล่ทีละบรรทัดพลางอมยิ้มไปด้วย
 
……………………………………………………….
 
ต้นข้าว
 
ฮัดเช้ยยย
 
ผมจามเสียงดังดึงทิชชู่มาซับน้ำใสที่ไหลย้อยลงมา เต้ยมันยื่นมือมาอังหน้าผากถอดเสื้อแขนยาวมาคลุมตัวผมเอาไว้ ปวดหัว จะอ้วก ตัวก็รุ่มๆดีที่เมื่อคืนเช็ดตัวกินยาไปบ้างแล้ว
 
 “เอาสมุดมากูจดให้” มันดึงเลคเชอร์ผมไปวางข้างสมุดอีกเล่มตั้งหน้าตั้งตาเรียน อีกเดือนเดียวจะสอบแล้วครับ หนังสือหนังหายังไม่ได้แตะเลย จะมาขยันอีกทีก็ก่อนวันสอบหนึ่งวัน
 
 “ฮัดชิ้วๆ โอย เต้ย วันนี้ไปส่งกูกลับบ้านหน่อยดิ เดี๋ยวโทรไปลางานเอา” ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนตาปรือมองหน้ามัน เต้ยมันมองผมแปลกๆกลับมาก่อนจะหันไปมองกระดาน
 
 “อืม จะให้อยู่เป็นเพื่อนด้วยไหมวะ”
 
วันนี้พี่ต้นน้ำบอกให้รีบกลับแปลว่าคงอยู่บ้านช่วงเย็น ผมปฏิเสธเต้ยไปหอบสังขารเดินตามหลังมันมาขึ้นรถทรงตัวไม่อยู่เอนไปซบหลังมันหลบเเดดร้อนไปในตัว มีคนมองเราซุบซิบอะไรผมไม่ได้สนใจ
 
บ้านสามชั้นตั้งตระหง่านเป็นหลังที่สามนับจากซอยที่เลี้ยวเข้ามา บริเวณหน้าบ้านเป็นเก้าอี้ไม้เล็กๆกับพื้นสนามหญ้าขนาดกว้าง หลังบ้านเป็นสวนหย่อมขนาดย่อยข้างกันเป็นบ่อเลี้ยงปลาที่เจ้าของหน้าคมหวงนักหวงหนา ไม่ได้รวยล้นฟ้าแค่มีกินในทุกวันก็ถือว่าดีเกินพอแล้วสำหรับสองพี่น้อง
 
 “กลับมาแล้วครับ” เสียงแหบร้องบอกพี่ชาย ภายในบ้านเงียบสงบถ้าไม่เห็นรถยนต์จอดอยู่คงคิดว่ายังไม่มาครั้นจะเดินไปเคาะห้องก็เพลียเกินกว่าจะแวะที่อื่นนอกจากห้องนอนสีฟ้ากับเตียงนุ่มๆ
 
ตุบ
 
ร่างบอบบางวางกระเป๋าไว้ข้างเตียงถอดถุงเท้าโยนใส่ตะกร้าก่อนทิ้งตัวคว้าหมอนข้างมาก่าย ยังไม่ทันจะเข้าฝันเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังเรียกให้ตื่นมาเปิด
 
 “อืม ครับพี่” ใบหน้าคมหลับตาเดินมาเปิดหรี่เพียงนิดมองเห็นพี่ชายลางๆ
 
 “ไม่สบายสิเรา อืม นอนพักไปก่อนเย็นๆพี่จะมาปลุก” หนุ่มน้อยพยักหน้าตาหนักอึ้งเดินคลำทางไปนอนต่อต้นน้ำผละจากน้องชายเดินลงมาชั้นล่างคุยธุระสำคัญกับโจ้ ลูกน้องคนสนิทของเพทายที่นายท่านส่งให้มาเจรจาเรื่องเจ้านายตัวดี
 
 “ตกลงว่าคุณท่านจะให้คุณเพทายมาอยู่บ้านผมหนึ่งเดือน?”
 
 “ผมก็ไม่แน่ใจเรื่องระยะเวลา ถ้าเจ้านายเรียนดีขึ้นนายท่านก็คงให้กลับไปอยู่บ้านตามเดิม ยังไงคุณต้นน้ำช่วยสอนเรื่องทั่วๆไปด้วยก็ดี เจ้านายผมไม่ค่อยจะฟังใครแต่ก็ไม่ได้ก้าวร้าวเกินควร ผมฝากด้วยนะครับ”
 
 “เห้อ งานหนักผมเลยนะคุณโจ้ เอาเถอะ ยังไงก็ถือว่าน้องอีกคนแล้วกัน แต่ผมขออย่างนะ คุณช่วยเกลี่ยกล่อมให้ตั้งใจเรียนหน่อยเถอะ ผมเหนื่อยใจมากคุณโจ้” เมื่อวานก็โดดหายไปไม่บอกไม่กล่าว มาวันนี้ต้องมาอยู่ด้วยกันไม่ตายกันไปข้างเลยรึไง
 
………………………………………………..
 
เพลง
 
@บ้านสวรรยา
 
ข่าวการมาของ 'พยัคฆ์ สวรรยา' ถูกตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งของเช้าวันรุ่งขึ้น ตกบ่ายรายการโทรทัศน์หลายช่องก็ติดตามการเคลื่อนไหวของเสือร้ายอยู่ห่างๆ เพราะในวงการใครต่างก็รู้ว่าหนุ่มหล่อร้ายคนนี้ต้องการความเป็นส่วนตัวแค่ไหน ใครกล้าเกินเขตเข้าไปคงได้โดนขย้ำตายไม่มีหน้าในสังคมอีก
 
 “งานวันนี้....” ดาต้าเอื้อนเอ่ยก้มหน้าหวังจะรายงาน ผมดีดนิ้วให้หยุดเอนกายหลับตาพิงเก้าอี้บริเวณสระว่ายน้ำหลังบ้าน
 
 “ในหัวนายมีแต่งานรึไงดาต้า” ร่ายกายหนุ่มกำยำขยับเขยื้อนลุกขึ้นยืนกระตุกเชือกด้านหน้าออก เผยผิวเนื้อสีแทนกับกางเกงว่ายน้ำ
 
 “มีอีกเรื่องครับ เรื่องคุณต้นข้าวที่นายให้ไปสืบ วันนี้คุณเพทายจะย้ายไปอยู่บ้านคุณต้นน้ำพี่ชายคุณต้นข้าวคุณเพลงไม่สนเหรอครับ” เสียงเจ้าเล่ห์เชื้อเชิญให้คิดทำบางอย่าง ผมหมุนตัวคว้าเสื้อคลุมมาใส่ตามเดิม
 
 “งั้นเหรอ? สนสิ ช่วยจัดชุดสบายๆให้ฉันสักชุดนะ เราจะไปบ้านต้นน้ำกัน” ไม่ต้องสั่งก็รู้ว่าต้องทำ ลูกน้องคนสนิทก้มหัวเดินหายออกไป
 
 “พี่พีชเหรอครับ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพลงจัดการเอง” คนเจ้าเล่ห์ต่อสายหาพี่ชายรายงานความคืบหน้าที่ได้รับ ริมฝีปากซีดเหยียดยิ้มมองพื้นน้ำเบื้องหน้าสะท้อนเงาความร้ายกาจที่แผ่ออกมา
 
………………………………………………………….
 
ต้นข้าว
 
ผมนอนหลับไปนานลืมตาตื่นแหวกม่านดูความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ นาฬิกาข้างฝาผนังบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรง แก้วยากับชามข้าวต้มยังคงวางอยู่กับที่หลังจากอือออบอกทานเองไหว ถ้าพี่ต้นน้ำรู้เข้าได้บ่นยกใหญ่
 
 “ฮ่าๆๆ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เสียงพูดคุยไม่คุ้นหูลอดเข้ามาให้ได้ยินเมื่อขาสองข้างก้าวมาหยุดตรงขั้นบันไดของชั้นสอง ใครมาบ้าน?
 
 “เฮีย! ทำไมต้องเล่าด้วยวะ” เพทายหน้าบอกบุญไม่รับเท้าคางมองพี่ชายกับต้นน้ำสลับกันไปมา มันน่าสนุกตรงไหนมาแฉเรื่องน่าอายสมัยเด็กของเขา หงุดหงิดๆแต่ทำอะไรไม่ได้
 
 “ยังมีอีกนะครับ อ๊ะ คนนั้น...ต้นข้าวใช่ไหม” ทุกสายตามองไปทางบันได้ที่ร่างบางยืนเกาะราวมองผู้มาใหม่ต้นน้ำเดินไปพยุงน้องชายที่ไม่ค่อยแข็งแรงมานั่งข้างกันที่โซฟา
 
What?! มันเกิดอะไรขึ้นวะ
 
 “สวัสดีครับ” ผมควรไหว้ตามมารยาทที่ดี ผู้ชายตรงหน้ามันคุ้นตาบอกไม่ถูก เหมือน...
 
 “เฮ้ย!! คุณพยัคฆ์ โอ้ คุณใช่ไหมครับ” ผมแทบอยากจะกรี๊ดออกมาถ้าทำแล้วมันไม่ทุเรศจนเกินไป นายแบบตัวเป็นๆมาอยู่บ้านผมเว้ย อ๊ากก เรื่องนี้ต้องป่าวประกาศ
 
 “แปปนะพี่ต้น ข้าวโทรหาเต้ยก่อน” ผมไม่ได้ดูสีหน้าเพทายว่ามันเป็นเช่นไร สองมือกดโทรออกใจยังเต้นไม่หาย เต้ยมันรับแทบจะวิที่สาม
 
 (ว่าไง)
 
 “เชี้ยยย คุณพยัคฆ์อยู่บ้านกู ไอ้เต้ยมึงได้ยินไหมวะ ไอดอลที่มึงชอบอยู่บ้านกู” ผมตะโกนใส่ปลายสายเหมือนคนคลั่งดารา ไม่ใช่แค่เต้ยที่ปลื้ม ตัวผมเองก็มีนิตยาสารฉบับปกเสือร้ายอย่างพยัคฆ์เต็มห้อง ไม่รวมเสื้อผ้าที่สั่งซื้อผ่านเน็ต ก็นะ ผมคิดว่าเขาทำอะไรก็โคตรเท่เลย ทำไมร่างกายผมไม่เกิดมามีกล้ามแบบนั้นบ้างวะ
 
 (จริง?!! มึงจับตัวเขาไว้นะกูจะเบิ่งรถไปตอนนี้เลยสัส แม่! เต้ยออกไปข้างนอกนะ)
 
ปลายสายตัดไปได้ยินเสียงสตาร์ทรถดังลอดมาก่อนดับ ผมยกมือทาบหน้าอกตัวเองกัดปากทำอะไรไม่ถูกอะไร ยัง ทำไม เว้ยยย ผมฝันอยู่ใช่ไหมวะ
 
 “มาแล้วต้นข้าว ไงเรา ยิ้มไม่หุบเลยนะ” เสียงทุ้มของพี่ชายเอ่ยแซว ผมชอบผมปลื้มแม่งหยุดความตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ ครั้นจะฝันแม่งก็ไม่อยากตื่น
 
 “ต้นข้าวปลื้มพี่เหรอครับ” แค่เสียงก็พาฝันไปไกล ทำไมเสียงมีเสน่ห์อย่างนี้ ผมอยากได้เสียงนี้บ้าง เมื่อกี้เขาแทนตัวเองว่าพี่ด้วย! เย็ดเข้! ไม่มีอะไรฟินไปมากกว่านี้แล้ว
 
 “พะ พี่เหรอครับ” เสียงทุ้มหวานสั่น นั่งกุมมือแน่นไม่กล้าจะเงยหน้ามองใคร ต้นน้ำกอดคอน้องชายกระซิบว่าอย่าหลบหน้าคู่สนทนามันเสียมารยาท แต่แม่ง! คนมันตื่นเต้น
 
บรืนนน
 
ผมเงยหน้ามองผ่านไปยังหน้าต่างเห็นรถไอ้เต้ยจอดอยู่หน้ารั้วบ้าน กุลีกุจรไปเปิดรั้วให้มันจูงมือแทบจะลากพามันเข้ามานั่งข้าง
 
 “คนนี้?” เพลงเลิกคิ้วมองเต้ยที่จ้องเขาตาไม่กระพริบ เพทายเหมือนอากาศที่ไม่มีใครสนใจ ขนาดเดินออกมานั่งข้างนอกยังไม่มีใครทัก เหอะ สมเพชตัวเองชิบหาย
 
หนุ่มหน้าหล่อเตะหญ้าอ่อนที่ใต้เท้าเล่นแก้เซ็ง ทำไมเฮียต้องมาส่งด้วยตัวเองรู้เหตุผลก็คราวนี้ อยากเจอต้นข้าวหรืออยากจีบกันแน่ ไอ้นี่ก็ไม่รู้จะดีใจอะไรออกนอกหน้า นายแบบแล้วไงวะ สันดานเฮียมันเป็นยังไงทำไมไม่มองให้ออก ขนาดแค่พูดคุยสายตาเสือจ้องอยากจะตะครุบเหยื่อตรงหน้าเสือกมองไม่ออก ทีสันดานแย่อย่างกูทำไมมองเห็น
 
มึงมันลำเอียง
 
กลับเข้าไปในบ้านบรรยากาศเป็นไปอย่างครื้นเครง ต้นน้ำทำอาหารต้อนรับแขกอยู่ในครัวมีลูกมือเป็นถึงนายแบบชื่อดัง สองหนุ่มน้อยแอบมองทั้งคู่อยู่ริมประตูมองแผ่นหลังกว้างที่ขยับโยกย้ายหยิบของ ไม่ได้พิศวาสแต่ปลื้มตามประสาเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
 
 “มึงๆกูอยากได้เสื้อคุณพยัคฆ์ว่ะ ตัวนั้นใช่ที่ลงปกล่าสุดป่ะวะ” เต้ยเก็บอาการไม่ไหวดึงแขนเพื่อนมานั่งที่เดิม
 
 “ใช่ดิ กูนั่งเปิดดูอยู่ แต่แพงว่ะซื้อทีคิดหนักเลย” ต้นข้าวยู่ปากนึกเสียดายเงินเป็นพัน กว่าจะหามาได้แทบตาย แต่มันก็อยากได้อ่ะ
 
 “แล้วเขามาได้ไงวะ?” คำถามเต้ยสะดุดความคิดบางอย่าง หนุ่มหน้าคมกวาดตามองไปรอบห้องหาอีกคนที่ไปนั่งทำพระเอกอยู่ข้างนอก
 
มันไปไหนวะ...
 
 “มึงนั่งอยู่นี่ก่อนนะ กูออกไปให้อาหารปลาแปป ลืมว่ะ” ต้นข้าวหาข้ออ้าง สองขาก้าวออกจากบ้านไปดูแถวที่ๆพอจะนั่งเล่นได้
 
ป๊อก!
 
 “โอ๊ย! ใครวะ” พระเอกที่ว่าลูบหัวป้อยๆรู้สึกเจ็บๆ ก้มลงเห็นหินก้อนเล็กตกอยู่ข้างตัว หันไปเห็นหน้าตัวคนทำเบ้ปากใส่หน้างอหันกลับมาทางเดิม
 
 “มานั่งทำลายธรรมชาติบ้านกูว่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยทะเล้นมองต้นหญ้าที่ไอ้หล่อมันดึงเล่นจนเป็นวงกว้าง ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุรอวเท้าหรูขยี้ต้นหญ้าอ่อนบี้แบนติดเท้าเตะเศษดินอารมณ์ขุ่นมัว
 
 “ออกมาทำไม”
 
 “บ้านกู จะเดินไปตรงไหนก็ได้ มึงนั่นแหละออกมาทำไม” เจอย้อนถามเข้าให้ เพทายไม่ตอบเลี่ยงเดินหนีไปทางบ่อปลาด้านหลังที่เปิดไฟสลัว
 
หมับ
 
มือบางเพียงแตะลงบนเนื้อแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม การตอบสนองของร่างใหญ่ปัดออกหน้าบึ้งตึง โน้มหน้าเข้าหาอีกคนนัยน์ตาแข็งกร้าว
 
 “มึงกลับไปสนใจคนของมึงสิ ไม่ต้องมายุ่งกับหมาอย่างกู” น้ำเสียงอ้อมแอ้มผิดแปลกไปจากที่คิด ต้นข้าวคิดว่าจะโดนตะคอกกลับมาเสียอีก
 
วันนี้มันแปลกไปจากทุกวัน หรือเราไม่สนใจมันจริง
 
“หมาอะไร?” คนดื้อยังคงสาวเท้าเดินตามเข้าไปในสวนหย่อมมืดไม่เกรงว่าจะมีมดแดงหรอตะขาบซ่อนอยู่ไม่ว่าจะตัวอะไรมันก็ไม่ถูกกับต้นข้าวทั้งนั้น โรคเกลียดตัวหยึกหยึยมันเข้ากระแสเลือด
 
“หมาหัวเน่าไง! ปลื้มมากเลยครับ ผมปลื๊มปลื้มพี่” แค่เสียงแขวะยังไม่พอ ไอ้ท่าทางประกอบนี่สิทำเอาหลุดขำออกมา
 
“ฮ่าๆๆ น้อยใจเหรอวะ” คำพูดที่ต้องการเปรยธรรมดามันฉุดให้คิดทั้งสองฝ่าย ใบหน้าคมขมวดคิ้วมองอีกคนพร้อมสำรวจ
 
หรือมันจะน้อยใจ ไม่หรอกน่า...อย่างเพทายน้อยใจเป็นด้วย
 
“กูเปล่า!” ปฎิเสธทันควันมันยิ่งน่าสงสัย แววตาซุกซนจับผิดไปทั่ววงหน้าก่อนจะถามใหม่
 
 “งั้นอิจฉา?”
 
 “......”
 
 “มึงอิจฉาคุณพยัคฆ์ที่เขาหล่อกว่าเหรอวะ” ต้นข้าวโกหกออกไปหวังจะเห็นการโต้ตอบกลับมานอกเหนือจากใบหน้าตึง ไอ้หล่อหมดความมั่นใจไปในทันทีใจห่อเหี่ยวนึกไม่ชอบคำชมที่มาจากปากร่างบาง
 
 “ต้นข้าว! คุณเพทาย!! อยู่ไหนกันครับ” เสียงต้นน้ำแว่วเรียก ไม่มีเวลาจะมานั่งคิดเล็กคิดน้อยอีก เพทายเดินผ่านร่างบางกำลังจะพ้นขอบรั้วสวนหย่อมถ้าไม่ติดมีมือบางรั้งไว้
 
ผมเหมือนไปนั่งอยู่กลางใจมันถึงสัมผัสได้ว่ามันกำลังรู้สึกอย่างไร ที่ถามออกไปก็เพื่อถ่วงเวลาให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันนานๆ เมื่อมันกำลังทุกข์ผมก็ทุกข์ด้วย ปากมันปฎิเสธได้ แต่แววตาเศร้ามันปิดผมไม่มิด
 
 “จับไว้ทะ...อื้อ....อื้ม...” เสียงไอ้หล่อขาดหายไปนัยน์ตาเบิกกว้างสติหลุดออกจากร่าง เคยแต่รุกเขาเจอรุกกลับมันใจเต้นแรงแทบจะทะลุ สองมือใหญ่ดันมือต้นข้าวที่ประคองหน้าหล่อไว้ออก รั้งหัวทุยที่กล้าจูบเขาให้มาแนบชิดมากยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกวาดไปทั่วโพรงปากดูดดึงลิ้นเล็กดึงติดปากกยอกเหย้าแกล้ง
 
ฟันซี่คมกัดคางมนไล้เลียไปถึงลำคอขาวสูดดมความหอมและไอร้อนที่พุุ่งออกมาจากตัว ต้นข้าวไม่สบายและยืนตากลมเป็นเวลานาน แต่ใบหน้าหล่อมันหยุดจะซุกเข้าไปฝากรอยไว้ไม่ได้ มือหนาปลดกระดุมอีกคนออกสองเม็ดดูดเม้มสนุกปากเกิดเป็นรอยช้ำแดงเถือก มือบางลูบหลังกว้างเกิดอารมณ์ร่วมไปด้วย
 
 “อ้ะ...อิ้...เจ็บ! เพทายพอก่อน” ตบหลังแกร่งเต็มฝ่ามือเตือนสติ หน้าหล่อผละจากซอกคอมาที่ปากนุ่มหยุ่นสอดลิ้นละเลงเข้าไปรัว กระแทกริมฝีปากแดงให้ช้ำบวมเจ่อตบท้ายด้วยจูบหนักๆย้ำสองทีติด
 
"ตกลงใครหล่อกว่า" ไอ้หล่อมันยอมที่ไหนเอ่ยถามเรียกกำลังใจ
 
"อะ อะ ไอ้เชี้ยยย มึงจะถามเพื่อ?"
 
"ก็ใครหล่อกว่าเล่า บอกดิว่ากู" ต้นข้าวหน้าแดงหลบสายตาพราว มึงมันเหี้ยไอ้หล่อ มาหลอกให้กูเขินใช่ไหม
 
"อืม"
 
 "อืมอะไรวะ ต้นข้าวคร้าบบบ บอกมาซิใครหล่อกว่า" โอ๊ย อยากจะดิ้นตายเสียตรงนี้ มันอ้อนครับมันอ้อน หน้าหล่อๆยื่นเข้ามาใกล้จรดปากนุ่มไปอีกที ผมจะอ้าปากตอบเสือกสอดลิ้นเข้ามาอีก กว่าจะได้พักเล่นเอาเกือบหมดแรง
 
แล้วมือมึงเข้าไปทำอะไรกางเกงกู!
 
 "กูน่ารักใช่ไหมวะ กูทำอาหารเป็นนะ หล่อหน้าตาดีแถมคารมดีอีก ลีลาเด็ดด้วยใช่ไหมวะ หึๆ"
 
"เชี้ย! ไปไกลตีนไป" ผมยกยิ้มเตะขามันไปแรงๆ มันยกเท้าหลบทันสองมือกุมแก้มก้นผมขย้ำเบาๆ
 
"แก้มแดงๆอายหรืออยาก หมันเขี้ยวว่ะเหี้ย สักทีก่อนนะ" อะไรวะ ผมมัวแต่เอ๋อไม่ทันคนเจ้าเล่ห์ กะจูบแข่งระดับโลกเลยไหม ผมก็เคลิ้มเอาๆ กูเป็นเอามากนะวันนี้
 
“แฮ่กๆ ไปต่อห้องมึงกัน” คำชวนพาลคิดทะลึ่งทำเอาอีกคนหน้าแดงก่ำ มือบางรัวทุบแขนแกร่งผลักออกให้เดินนำไปก่อน พี่ต้นน้ำมาเรียกตั้งนานพาลจะสงสัยกันว่าหายไปไหน
 
 “มึงหยุดหื่นเลยนะ เดินไปแล้วบอกว่ากูเข้าห้องน้ำอยู่”
 
“หึ ทำให้อยากแล้วจากไป ไม่ต่อจริงดิ” หน้าเจ้าเล่ห์เอี้ยวมาถามตัวเดินไปได้สองก้าว
 
“เออ! แล้วไม่ต้องเสือกคิดเยอะ ยอมจะตายห่ายังน้อยใจอีก” แม้เสียงปลายจะแผ่วแต่เพทายได้ยินชัดเต็มสองหู ใบหน้าเปื้อนยิ้มทำท่าจะเดินกลับมาหาแต่เจอนิ้วเรียวชี้ขู่
 
วันนี้แม่งโคตรน่ารัก น่ารักเหี้ยๆเลยเมียกู
 
หนุ่มหล่อร้ายยิ้มมุมปากกอดอกมองน้องชายที่กลับมาใบหน้าชื้นขึ้นกว่าตอนแรก เดินออกมาดักรอประตูทางเข้า เพทายเงยหน้าขึ้นมองเจอหน้าพี่ชายนึกถึงคำชมของต้นข้าว เฮียก็หล่อพอๆกับผมแหละวะ เบ้ปากใส่ไปทีทำท่าจะเดินเข้าบ้านแต่ต้องหยุดมองมือที่ยื่นมาขวางทาง
 
 “นึกว่าแอบไปกระโดดน้ำตายแล้ว” คำพูดดูถูกที่ไม่จริงจังเอ่ยขึ้น เพทายยืนเท้าสะเอวส่งหน้ากวนกลับ
 
 “อย่านึกว่าเฮียทำแบบนี้จะทำให้เพกลัวนะ ต่อให้มันปลื้มเฮียจริงที่ใจมันอยู่ที่เพ” ไม่รู้ว่าพกความมั่นอกมั่นใจนี้มาจากไหน หรือเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เขาคิดว่าต้นข้าวรักเขาเข้าแล้ว ยังหรอก คนใจหินอย่างต้นข้าวจะชอบพอใครมันต้องใช้เวลา
 
 “ฮ่าๆๆ เพมันเด็กอย่างที่พี่พีชว่าไม่ผิด แต่...ที่พูดออกมาน่ะมั่นใจแล้วเหรอ หืม” เสียงยั่วอารมณ์จากไปกับคำถามทิ้งท้ายที่ทำหน้าหล่อคิดหนัก เอาเถอะ ยังไงวันนี้ต้นข้าวก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาสำคัญกว่าไอดอลที่ปลื้ม วันนี้เพทายคนดีจะเพิ่มเลเวลให้เป็นระดับสองแล้วกัน
 
…………………………………………………………
 
 “ข้าวๆ เอาชามต้มยำไปเติมหน่อยไป” วันนี้ดูท่าทุกคนจะเจริญอาหารกันกว่าปกติ พี่ต้นน้ำเรียกชื่อผมสองครั้งได้ เดินเข้าออกครัวเป็นว่าเล่น ถ้าให้ดีอยากจะยกหม้อออกมาตั้งกลางโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด
 
ร่างบางยืนตักแกงใส่ชามด้วยความระมัดระวัง กลิ่นหอมของต้มยำลอยแตะจมูกความร้อนจากชามกระเบื้องมันแผ่ซ่านจึงต้องหยุดพักไว้ให้พอยกออกไปได้ เสี้ยววินาทีที่ร่างบางทำท่าจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำออกมาดื่ม หันไปปะทะกับอกแกร่งที่ไม่คุ้นเคย ความสูงที่ต่างกันมากจำต้องเงยหน้ามองลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มันชิดเกินไป ชิดมากจนน่ากลัว
 
 “ให้พี่ช่วยอะไรไหมครับ” เสียงทุ้มไพเราะหว่านใส่ขยิบตาเจ้าชู้สาวเท้าใกล้ชิดดันตัวต้นข้าวติดเคาน์เตอร์โน้มหน้าเข้าไปใกล้ให้ปลายจมูกโด่งแนบชิดกัน
 
“ไม่เป็นไรครับ” ต้นข้าวยกมืดดันคั้นกลางรักษาระยะห่างเพียงน้อยนิด เบี่ยงหน้าหลบขืนตัวมือดันไม่ให้ใกล้ไปมากกว่านี้
 
 “ชอบพี่ไม่ใช่เหรอ หืม” เพลงไม่หยุดแค่นั้นถือวิสาสะจับมือบางข้างหนึ่งขึ้นให้สัมผัสใบหน้าหล่อ ต้นข้าวตกใจชักมือออกก่อนผลักออกไปสุดแรง
 
 “ขอโทษนะครับ ยังไงช่วยยกออกมาให้ด้วย”
 
  ผมรีบหนีออกจากห้องครัวสาวเท้าไปนั่งที่ ขืนอยู่นานคงได้หัวใจวายตายเพราะอยากฆ่าคนแน่นอน นี่หรือหนุ่มร้ายที่สังคมขนานนามให้ ร้ายอย่างที่ว่าจริงๆ นอกจากความสมบูรณ์แบบที่แสดงออกมายังซ่อนเล็บคมไว้เสียมิดชิด
 
เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงก็ถึงเวลากลับ ทุกคนออกมายืนส่งกันหน้าบ้านบอกลากันตามประสาคนเพิ่งรู้จักเต้ยขอลายเซ็นไว้และยังได้เสื้อที่เจ้าตัวถอดให้เป็นของแถมกลับบ้าน ร่างกำยำจึงใส่เสื้ออีกตัวที่สำรองไว้แทน ต้นข้าวยกมือไหว้แทนการจับมือแบบที่พี่ต้นน้ำทำ เพทายเดินเข้าบ้านนั่งตกลงเรื่องห้องนอนในคืนนี้
 
 “คุณเพทายจะไปอยู่ห้องต้นข้าวได้ยังไงครับ ห้องที่ผมเลือกให้ใหญ่กว่านะ” ต้นน้ำหว่านล้อมเลือกสิ่งที่คิดว่าเจ้าตัวต้องยอมออกมา แต่ทำยังไงสมาชิกใหม่ของบ้านก็ไม่ยอม
 
 “เห้อ พี่ต้นให้เพมาอยู่กับข้าวก็ได้ครับ ข้าวจะได้สอนวิชาทั่วไปให้ด้วย” หนุ่มหน้าคมตัดสินใจแทน อยากช่วยพี่ชายไม่ให้เหนื่อยกับนักเรียนหัวดื้อไปมากกว่านี้
 
“เห็นไหมคุณต้นน้ำ น้องชายคุณไม่เห็นว่าอะไรเลย”
 
 “จะดีเหรอข้าว อืม งั้นคุณโจ้ช่วยขนของไปไว้ห้องต้นข้าวด้วยนะครับ” ต้นน้ำเอ่ยออกไปสภาวะจำยอม แต่ที่สะกิดใจคือน้องชายเขาเรียกเพียงชื่อเล่นของเพทาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ต้นน้ำเคยเรียกน้องเพทายยังไม่ให้เรียกอะไรกันสองคนนี้ หรือว่าญาติดีเป็นเพื่อนกันเสียแล้ว
 
 โจ้ขนของเข้าออกห้องใหญ่กับห้องต้นข้าวจนเสร็จ ตัวเองก็ขออยู่ห้องชั้นล่างแต่ต้นข้าวไม่ยอมให้มาอยู่ข้างกัน เพทายพยักหน้าอนุญาตโจ้จึงยอมๆไปกลัวว่าคืนนี้จะไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ถกเถียง
 
 “ฮ้าาา เตียงมึงนิ่มจัง ตุ๊กตาหมีมึงซื้อเองเหรอ” ต้นข้าวถอดเสื้อออกนอกออกเหลือแต่เสื้อกล้ามบางที่ชอบใส่ตอนนอน แอร์ก็เปิดแต่อากาศมันร้อนต้องทำใจ
 
 “เปล่า เต้ยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด”
 
 “เต้ย ไอ้คนที่มาวันนี้อะนะ” เพทายเดาไปได้ยืนชื่อแวบๆ ต้นข้าวพยักหน้าหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะได้ยินเสียงเติมน้ำลงอ่างลอดออกมา
 
“มึงเข้าไปอาบก่อนเลย เอากระเป๋ามากูจะได้จัดของเข้าตู้” เพทายยิ้มยกกระเป๋าที่วางข้างเตียงส่งให้ มือบางรูดซิปออกหยิบเสื้อผ้าออกมาวางกองบนเตียง
 
ไอ้หล่อคิดแผนร้ายอาศัยจังหวะตอนร่างบางกำลังพับผ้าแอบย่องไปด้านหลังกระโจนกระโดดทับล้มลงไปทั้งคู่ หน้าหน้าคมยันตัวเองขึ้นแต่สู้แรงร่างใหญ่ที่ทับคร่อมหลังไม่ไหว
 
 “ลุกไอ้สัส ตัวหนักอย่างกับควาย” มือหน้ารวบเอวคนใต้ร่างกอดแน่นไม่ยอมปล่อย โฉบเอียงหน้าลงมาสูดดมแก้มหอมฟอดใหญ่
 
 “อ้ะๆๆ ดิ้นเจ็บหนักนะ ท่าล่อแหลมด้วยนะมึง” เสียงเข้มขู่
 
 “มึงก็ปล่อยกูสิวะ ปวดหัวอยู่อย่าเพิ่งเล่นดิเพ” ต้นข้าวพูดเสียงอ่อยใบหน้าแดงขึ้นเหงื่อออกตามตัว เพทายยอมปล่อยพลิกร่างบางมาประชันหน้าวางมืออังหน้าผากร้อนผ่าว
 
“จริงด้วย งั้นมึงนอนเฉยๆกูเอาเข้าตู้เอง ไปๆอย่าดื้อ อาบน้ำเสร็จเดี๋ยวบอก” ไอ้หล่อจัดแจงอุ้มไปนอนดึงผ้าห่มมาปิดมิดคอ กวาดผ้ากองไว้ฝั่งที่นอนตัวเอง
 
ผมมองการกระทำของมันแล้วอุ่นใจ อีกอย่างที่รู้วันนี้นอกจากความคิดมากของมันแล้วอีกเรื่องที่รู้คือมันจะเชื่อฟังเมื่อผมเอาจริง เห็นแววกลัวเมียมาแต่ไกลมันก็น่าพอใจ แต่ทุกอย่างมันไม่ได้จริงเสมอไป ระหว่างเรายังต้องศึกษากันอีกเยอะ ผมไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเพียงด้านเดียว อีกด้านที่ผมไม่รู้มันอาจจะเลวร้ายหรือดีใครจะไปเดาถูก
 
จบกิจกรรมทุกอย่างทั้งคู่ก็เข้านอน ดีที่เวลานอนต่างชอบปิดไฟทั้งคู่ไม่งั้นคงได้ยาวอีก สองมือหนาโอบกอดต้นข้าวเอาไว้หลวมๆกดหน้าคมให้ซุกกับอก ต้นข้าวหลับไปด้วยความเพลียน้ำก็ไม่ได้อาบ กองผ้าถูกย้ายเข้าตู้ตามที่รับปากไว้ ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว เพทายตื่นขึ้นมาเบาแอร์ก่อนจะหาผ้าอีกผืนมาห่มทับเสริมให้ร่างที่ขดตัวปากสั่น ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งแอบชะโงกหน้าไปจูบหน้าผากนวลอมยิ้มอยู่คนเดียว
 
 
 

TBC.

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา