แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  54.40K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 4

 

 

 

เพทาย

 

ผมขอแนะนำตัวแบบรวบรัดเลยนะครับ ผมชื่อ พัฒนากร สวรรยา เรียกง่ายๆว่า เพทาย มีพี่ชายสองคนคือพี่พีช กับ พี่เพลง แน่นอนว่าคนสุดท้องป๋าย่อมตามใจ มีเพียงโจ้ที่ชอบขัดผมอยู่เรื่อย

 

รวมทั้งเรื่องต้นข้าวด้วย!

 

พูดแล้วมันเจ็บใจ ผมนั่งอยู่นี่แต่มันไปนั่งอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตา!อยู่กันสองคนเมื่อไหร่พ่อจะจับฟาดให้เข็ด

 

“คนนั้นใครวะเกินหน้าเกินตากูไปแล้ว”  ใช่ไอ้ฟาง มึงพูดถูก

 

“วันนี้เจอแต่คนหล่อๆว่ะ พี่แซมปีสามเป็นเดือนมหาลัยเพื่อนหญิงกูปลื้มอยู่ หมอแซ่บจ๊ะปีนี้” แม่นางแตงบางทีมึงก็พูดมากเกินไป ผมกำช้อนแน่นมองภาพที่ต้นข้าวกับเชี้ยแซมจู๋จี๋กัน

 

“แม่ง มึงดูดิมาวันเดียวต้นข้าวยิ้มแล้วอะ กูมาเกือบทุกวันยังไม่แม้แต่จะมองเลย” กูผัวมัน มันยังไม่มองเลย

 

“คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดไงมึง พี่แซมคนตามเป็นหมื่นเรื่องนิสัยสอบผ่านเลย บ้านรวยมากและหล่อมาก ติดอย่างเดียว...” แตงค้างเอาไว้

 

“อะไรวะ?”  ผมถามมัน หึ อย่างน้อยมันก็มีจุดอ่อนให้เล่นบ้าง

 

....เสียดายเขาไม่ใช่ผัวกูอ่า” อิแตงงง!! ผมแทบจะเอาเค้กปาหน้ามัน สงสัยอยากติดตีนกู

 

มันเพอร์เฟคเกินไปจนน่ากลัว

 

“ถ้าแม่นางจะทำร้ายใจเพื่อนขนาดนี้ กูมีอะไรสู้มันไม่ได้วะ” ฟางมองตาละห้อยหาจุดบกพร่องตัวเอง

 

“ไม่อยากจะพูดว่ะ”

 

“พูดมาเถอะแม่นาง กูชอบจริงว่ะคนนี้ ถ้าได้นะจะเลิกเจ้าชู้เลย” ฟางตั้งปนิธานเอาไว้มั่น อะไรที่ได้มายากย่อมมีค่ามากกว่าคนอื่นเสมอ

 

“เอาตรงๆเลยนะ มึงหล่อน้อยกว่าพี่แซม ถึงรวยมากกว่าแต่_วยพี่แซมเด็ดกว่า ชะนีตามพี่แซมเป็นหมื่นของมึงหลักพัน พี่แซมฉลาดกว่ามึงเยอะ! นิสัยพี่แซมเรียกได้ว่าดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่มึง! ต่อหน้าก็เชี้ย! ลับหลังก็เชี้ย! มึงมันชอบสร้างภาพไว้หลอกฟัน แต่ภาพพจน์พี่แซมเอาไว้ชวนฝัน อย่าให้พูดเลยว่ะ กูกลัวมึงเจ็บเปล่าๆ” แตงยิ้มสวยตบท้ายตักเค้กเข้าปากต่อ ฟางอ้าปากค้างก่อนจะแบะปากหน้าเศร้า

 

“ฮึก แค่นี้กูก็ร้องไห้ไปเป็นกิโลแล้วแม่นาง ขอบคุณทุกความจริง ขอบคุณความเป็นเพื่อนของเรา”

 

“ไม่เป็นไร กูสวยกูเข้าใจ” แตงยิ้มยีฟันสะบัดหน้าเสยเล็กน้อย

 

“ฟาง มึงสลับที่กับกูหน่อย” ผมลุกขึ้นเตะขาไอ้ฟางให้เขยิบเข้าไปนั่งด้านในแทน มันมองผมงงๆแต่ก็ยอม แก้วในมือโยกย้ายไปมาก่อนจะร่วงลงสู่พื้น

 

เพล้ง!

 

“ขอโทษนะครับพอดีมือผมปัดโดน เอ่อ...คุณพนักงานช่วยหน่อยนะครับ ขอโทษจริงๆ” ไม่ต้องเสียเวลาให้มากความ ผมตีหน้าเศร้าไหว้วานต้นข้าวให้มาเก็บเศษแก้วที่แตกข้างตัว

 

“รอสักครู่นะครับ” ผมรู้ว่ามันไม่พอใจ นี่แหละที่ต้องการ หึ

 

ต้นข้าวเดินเข้าไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักผงหลังร้านถือไว้ในมือ รวบรวมความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดหันหลังกลับเข้าไปในร้าน ถ้าไม่โดนเจาะจงตัวจะไม่เดือดร้อนเลย ตอนนี้เขารู้แล้วว่า คนอย่างเพทาย มารยาไม่แพ้ชายใดในโลก

 

“ต้นข้าวระวังเศษแก้วบาดมือนะครับ” ฟางจะก้มลงไปช่วยแต่ต้นข้าวห้ามไว้แถมไล่ขึ้นไปนั่งเฉยๆอีก จึงได้แต่ส่งความห่วงใยไปให้แทน

 

“มาครับผมช่วย” ผมก้มลงไปเพียงนิด เมื่อเห็นว่าหน้าพ้นระดับสายตาของทุกคนจึงพูดออกมาเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน

 

“กูให้เวลามึงล่ำลากันห้านาที แล้วตามกูออกไปที่ลานจอดรถ” ต้นข้าวก้มเก็บเศษแก้วเอ่ยตอบ

 

“กูต้องทำงาน ช่วยแยกแยะด้วย”

 

ฉึก!

 

“โอ๊ย ขอโทษนะครับเลือดผมไหลไม่หยุดเลยช่วยทำแผลให้ผมได้ไหมครับ” ผมบีบแผลเล็กให้เลือดไหลออกมาจนดูสมจริง ต้นข้าวหน้าบึ้งถลึงตาใส่ผมก่อนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาดู

 

“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ผมเห็นมันกำลังจะอ้าปากแต่มีเหรอจะให้พูดก่อน

 

“มีอุปกรณ์ทำแผลไหมครับ พอดีผมช่วยเขาเก็บเศษแก้วแล้วบาดมือ ทำไงดีผมเป็นพวกเลือดไหลออกง่ายด้วย

 

“งั้นต้นข้าวพาเขาไปทำแผลในห้องพี่เตก่อนไป”

 

“พี่พิมคือข้าว...”

 

“ไม่ต้องห่วงทางนี้นะ สา! มาทำตรงนี้ต่อที” พนักงานชื่อสาเดินมาก่อนจะถือไม้กวาดไว้แทน ผมยิ้มร้ายในใจกล่าวขอบคุณผู้หญิงที่เข้ามาช่วย...

 

ช่วยให้ผมได้อยู่กับต้นข้าวสองต่อสองได้สำเร็จ

 

“มึงจงใจทำให้แก้วบาดมือตัวเอง แผนตื้นๆ” เข้าห้องมาได้มันฉะผมทันทีที่ประตูปิดลง หึ ด่าได้ด่าไป

 

“แล้วไง? กูพอใจ” ผมยิ้มยียวนกวนตีนกลับไป ต้นข้าววนหากล่องพยาบาลก่อนจะมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามผม

 

“โง่! มึงพอใจแต่กูสะใจ ทำไมมันกรีดให้ลึกกว่านี้เผื่อเลือดชั่วๆจะออกมาบ้าง

 

“หึ ใครมันจะไปดีเท่าชู้มึงล่ะ” ผมแสยะยิ้มมุมปากถากถางกลับ ต้นข้าวจะสวนกลับแต่พอเห็นหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มร้ายในใจ

 

ผมกำลังหงุดหงิดเป็นบ้า ยิ่งมันไม่ปฏิเสธผมยิ่งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ สำลีชุบแอลกฮอลแตะลงบนนิ้วที่มีบาดแผลกว้างไม่มาก ซี้ดดด จะบอกว่าโคตรแสบแต่ใครมันจะร้องออกมาให้มันด่าเล่น เก็บอาการยอมให้มันแกล้งจิ้มแผลจนเสร็จ

 

“อืม เสร็จแล้ว” ต้นข้าวรีบเก็บอุปกรณ์ลงกล่อง เขาไม่ไว้ใจเพทายตั้งแต่สายตากรุ่มกริ่มนั่นแล้ว มันดูไม่น่า

ไว้ใจ

 

“ยัง...ยังไม่เสร็จเลย

 

“แหกตาดูก่อนพูด กูมีงานมีการต้องทำเพทาย ขอร้องอย่ากวนตีน” ต้นข้าวไม่เข้าใจในคำก่ำกึ่ง ซึ่งมันเป็นผลดีของผม

 

เพทายลุกขึ้นยืนคร่อมโต๊ะเท้าแขนนาบไปกับพื้นกระจก ต้นข้าวชะงักเงยหน้าขึ้นมองก่อนเบิกตากว้างเริ่มตามเกมทันคนเจ้าเล่ห์ เสร็จที่ว่าคงไม่ใช่...

 

มองหน้ากูให้ชัดๆแล้วบอกว่าใคร...เป็นเจ้าของมึง” เสียงเรียบเย็นเอ่ยแกมบังคับ

 

.......” ต้นข้าวส่ายหน้าน้อยๆวางมือยึดเก้าอี้ที่นั่งค่อยๆถอยตัวออกมาช้าๆ

 

“กูถาม...ว่า...ใคร! เป็นเจ้าของมึง” เพทายทวนถามขึ้นอีกครั้ง ต้นข้าวไม่รอช้าวิ่งไปที่ประตูปลายนิ้วสัมผัสได้เพียงความเย็นของลูกบิด มือใหญ่รวบเอวเล็กแนบหน้าท้องแข็งยกอุ้มมาที่โซฟาตัวเล็ก

 

ตุบ!

 

ร่างทั้งคู่ร่วงลงไป เบาะยุบยวบตามแรงโน้มถ่วงและน้ำหนักของคนสองคน เพทายแทรกขาเข้าไปตรงหว่างขาเรียวตัวขึ้นคร่อมกักไว้ไม่ให้ไปไหน มือเล็กถูกพันธนาการด้วยฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมกดแนบไว้บนหัว ริมฝีปากเหยียดมองดูร้ายเมื่อคู่กับนัยน์ตาเจ้าเล่ห์

 

“อย่าได้คิดทำอะไรต่ำๆที่นี่” ต้นข้าวขู่หน้าจริงจัง ตอนนี้ผมก็จริงจังไม่แพ้มันหรอก

 

“แล้วอะไรที่เรียกว่าต่ำ" ผมสอดมือเข้าไปใต้เสื้อลูบไล้หน้าท้องแบนเล่น "แบบนี้..." เลื่อนมือลงล่างจับกลางกายที่เด่นนูนปลายนิ้วสะกิดเบาๆ "หรือแบบนี้ หืม...”

 

ต้นข้าวกัดริมฝีปากแน่นรู้สึกดีเวลาที่ถูกกระทำด้วยมือของเพทาย แต่ความโกรธมันมีมากกว่าจะมาสนใจอารมณ์ลึกในใจ ร้านพี่เตชินไม่ใช่ซ่อง เขาจะมาทำตัวเหลวแหลกที่นี่ไม่ได้

 

“กูขอ...ขอจริงๆนะเพทาย พี่เตชินเหมือนพี่ชายคนนึงของกู อย่าทำได้ไหม?” เสียงทุ้มเว้าวอนสบตาสื่อเจตนาที่ต้องการ

 

......”

 

“มึงจะเลวยังไงแต่กูเชื่อ เชื่อว่ามึงจะยอมรับฟังกูบ้าง นะ อย่าทำ” สีหน้าเพทายลังเลก่อนตอบตกลง

 

“ก็ได้ แต่...เลิกงานแล้วโทรหากู กูจะมารับเอง และถ้ามึงให้มันไปส่ง กูถือว่ากูเตือนไปแล้ว”

 

“วันนี้กูจะกลับกับเพื่อนกู” ต้นข้าวชิงพูดขึ้น เป็นการดีที่เต้ยขอนอนหลับรอเพราะถ้าเกิดรู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นมีเฮกันกันทั้งร้านแน่

 

“ไม่สน กูเตือนมึงแล้วต้นข้าว ถ้าขัดรู้นะกูทำอะไรได้บ้าง” คำปิดท้าย้ำเตือนว่าเขาเอาจริง

 

ผมปล่อยตัวต้นข้าวให้เป็นอิสระเพียงชั่วครู่ ลงทุนเลือดตกยางออกจะให้ปล่อยไปเฉยๆมันไม่คุ้มว่ะ มือรั้งหนุ่มหน้าคมมานั่งบนตัก ร่างบางขัดขืนดิ้นอย่างนิสัยที่คิดจะต่อต้านเขาอยู่เสมอ แต่เจอมือนุ่มลูบผมสลวยความอบอุ่นที่คุ้นเคยดับอารมณ์เลวร้ายศิโรราบแต่โดยดี

 

“ถ้ามึงเชื่อฟังกู ทุกอย่างมันก็จะออกมาดี แต่เมื่อไหร่ที่มึงดื้อ กูก็บอกไม่ได้ว่าระดับความอดทนกูมีให้แค่ไหน

 

“เพ้อเชี้ยอะไร ทำไมมึงชอบเป็นแบบนี้วะเพทาย แม่ง” ต้นข้าวเริ่มพูดขึ้นบ้างเมื่อเห็นอีกคนสงบลง

 

“เป็นยังไง?”

 

“เหอะ บางครั้งมึงก็ทำให้กูคิดว่ามึงเป็นคนดี แต่บางครั้งมึงก็โคตรเลวจนกูคิดไม่ถึง ตัวมึงจริงๆมันเทวดาหรือปีศาจกันแน่เพทาย” ผมยิ้มพอใจเมื่อต้นข้าวเริ่มหวั่นไหวกับตัวตนของผมที่ไม่ค่อยมีใครสัมผัสได้ ไม่มีใครเคยมาถามว่าเป็นคนยังไง เพราะสิ่งที่คนทั่วไปเจอคือผมมันเลวไม่มีที่ติ ผู้ชายรักสนุก เป็นไอ้คนโง่ที่เรียนไม่เก่ง

 

พวกเขาจะรู้ตัวตนของผมได้ยังไง ในเมื่อเขาตัดสินจากสิ่งที่เห็นไปแล้ว

 

ผมไม่ได้ตอบและคิดว่าจะไม่ตอบคำถามต้นข้าวด้วย อยากให้มันรู้เองและตัดสินใจเองว่าจะอยู่ในกลุ่มไหนถ้ามันเข้าถึงตัวผมได้ทั้งหมดถือว่าไม่มีข้อแม้อะไรที่ผมจะไม่ชอบมัน เพราะกว่าจะถึงจุดนั้นความผูกพันของผมกับมันคงมากขึ้นตามกาลเวลา

 

จุ๊บ

 

“เราเข้ามานานพี่คนสวยมึงคงได้สงสัยเอา ไว้ไปต่อที่บ้านเนอะ” ผมแตะริมฝีปากที่ข้างขมับมัน ต้นข้าวน่ารักและน่าถีบในเวลาเดียวกัน มันชอบเขินรุนแรงและโมโหใส่ตลอด ไม่เชื่อดูเอา

 

ตุบๆ

 

“อี๋ น้ำลายมึงเต็มหัวกูเลย ขนลุกว่ะเชี้ย” มือมันปัดป่ายไปตามตัวทำหน้ารับไม่ได้แต่สิ่งที่ผมมองคือแก้มใสทั้งสองข้างที่แดงตัดกับผิวขาวๆ

 

“ทำมาเป็นรังเกียจ แล้วมือหรือค้อนทุบเอาๆ ตัวก็หนักลุกดิวะ” ผมพูดแค่นั้นแหละน่างอเลย มันลุกขึ้นพรวด

 

“เออ! แล้วมึงดึงกูลงมานั่งทำห่าอะไรล่ะ” ต้นข้าวเถียงปากยื่นยกมือกอดอก

 

“แล้วทำไมมึงไม่ขัดขืนล่ะ” ผมโต้กลับขำออกมาเสียงดัง ฮ่าๆๆ หน้ามันโคตรช็อคเลย ไง พูดต่อสิครับ

 

“ไอ้เชี้ย!!”

 

“ครับ ^^” ผมยิ้มกลับไป

 

“มึงนะมึง! เหอะ กูเสียเวลางานก็เพราะมึง แล้วนั่งทำห่าอะไรเปลืองแอร์พี่ชายกู ไปๆ” ต้นข้าวตีมึนเดินไปเปิดประตูออกไปคนแรก ผมได้ยินเสียงพี่สาวคนสวยถามอาการจึงรีบสาวเท้าเข้าไปสร้างภาพต่อ ดูท่าพี่คนนี้จะสำคัญกับต้นข้าวมาก ถ้าอย่างนั้นผมต้องตีสนิทไว้บ้างแล้วครับ

 

……………………………………………………

 

ต้นข้าวเลิกงานสามทุ่มกว่าผมจึงกลับมาพักผ่อนที่คอนโดเพราะใกล้ร้าน CF Coffee มากกว่าที่บ้าน เอ๊ะวันนี้ผมต้องเรียนพิเศษกับพี่ชายมันนี่หว่า เรียนสี่โมงเย็นเลิกก็สองทุ่มแล้ว เท่ากับผมไม่ได้งีบเลยนะ

 

“เจ้านายรับเครื่องดื่มเย็นๆหน่อยไหมครับ” โจ้เดินเข้ามาถามผมในห้องนั่งเล่น วันนี้มันคงเบื่อน่าดูอยู่ห้องทั้งวัน

 

“ก็ดี เอามาเผื่อของมึงด้วยแล้วกัน”

 

“ครับ”

 

ผมเคยเล่ารึยังว่าโจ้เป็นพี่ผมสองสามปีได้ ฐานะทางบ้านมันดีนะแต่พ่อแม่มันส่งมาดัดสันดานที่นี่ตั้งแต่เด็ก ป๋าผมเห็นใจดีๆแต่ก็โหดใช่เล่น ก่อนแม่จะหนีไปแต่งงานกับคนอื่นหอบเอาเงินเอาข้าวของไปเกือบหมด ป๋ามีแค่บริษัทเล็กๆไว้ตั้งตัว หึ ป๋าผมเก่งมากที่ทำให้บริษัทรุ่งเรืองมากขนาดนี้ได้ พี่พีช พี่เพลงมันก็คอยมาช่วยบ้างเป็นครั้งเป็นคราว แต่ผมเห็นโง่ๆการบริหารผมเก่งนะจะบอกให้ ช่วยสร้างกำไรให้ป๋าทุกปีๆเวลาป๋าจะทำโครงการอะไรก็จะมาปรึกษาผมเนี่ยแหละ

 

นอกเรื่องไปเยอะ สรุปว่าโจ้มันจบแค่ ม.6 มันก็มาทำงานให้ป๋าแล้วครับ ที่ผมไม่เคารพมันเพราะอดีตมันเคยทำเหี้ยไว้กับผมเยอะ แต่ตอนนี้ผมไว้ใจมันได้ทุกเรื่อง

 

“เจ้านายครับ วันนี้ช่วยตั้งใจเรียนหน่อยนะครับถือว่าผมขอล่ะ” โจ้วางน้ำลงเอ่ยขึ้น

 

“ทำไมวะ?”

 

“นายท่านเริ่มบ่นแล้วนะครับ ผมขี้เกียจเข้าไปฟังแทนเจ้านายอีก” ไม่หรอก โจ้ไม่อยากให้ไปอยู่กับต้นน้ำมากกว่า ก็เจ้านายเขาปกติที่ไหนคงไม่พ้นหาเรื่องแกล้งต้นข้าวน่ะสิ ไม่ได้ๆต้นข้าวเด็กน่ารักต้องปกป้องไว้

 

“ป๋าก็บ่นประจำ แต่วันนี้จะตั้งใจเรียนแล้วกัน” ผมก็สงสารมันนะห่วงผมทุกเรื่อง แต่ที่ทำก็อนาคตตัวเองด้วย

 

“จริงนะเจ้านาย! วันนี้อยากกินอะไรผมจะหามาให้ตามสั่งเลย” โจ้ยิ้มปากกว้าง มันทำตัวแปลกเกินไปว่ะ

 

“ถามจริง มีอะไรปิดกูป่ะเนี่ย ป๋าให้มึงทำอะไรโจ้”

 

“เจ้านายคิดมาก พักผ่อนนะครับ สี่โมงเย็นผมจะเข้ามาอีกที” ชัดเจน ป๋าวางแผนอะไรอีกว่ะ จะยึดคอนโดยึดรถผมไม่ยอมเด็ดขาด

 

ดีนะไม่มีเมีย ถ้าป๋ามายึดเมียผมไม่ยอมแน่!

 

Rrrrrrr

 

‘ไอ้บังเอิญ’

 

หึ ผมยิ้มขำทุกครั้งที่เห็นชื่อที่ตัวเองตั้ง ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าใครโทรมาถ้าไม่ใช่ไอ้คนที่บังเอิญได้กันที่ผับ ปิ๊งป่อง! คิดออกแล้วใช่ไหม จุ๊ๆไว้เลยนะ เรื่องนี้ผมไม่ต้องการให้มันรู้

 

“อืม ว่าไง” มันต้องมีเรื่อง ไม่มีไม่โทรหาหรอก

 

(เบอร์มึง! เชี้ยยย กูว่าแล้ว)

 

“เออ ทำไม โทรมานี่คิดถึงหรือค้างวะ” ผมแกล้งแหย่มันไปงั้นแหละสนุกดี เห็นหน้ามันแดงๆแล้วอยากกัดเข้าปาก

 

(ควายยย แล้วไอ้สุดหล่อนี่ยังไง มึงมั่นมากนะมายุ่งกับโทรศัพท์กู) ปลายสายโวยวาย เสียงรอบข้างมันเงียบๆเหลือบมองนาฬิกามันคงได้เวลาพัก

 

“ห้ามเปลี่ยนนะมึง ถ้ากูรู้กูตั้งใหม่เอาให้ยิ่งกว่านี้อีก แล้วไอ้นั่นกลับไปยัง” ผมถามมันเพราะก่อนออกมายังเห็นนั่งหน้าด้านมองต้นขาวตาละห้อย

 

(พี่แซมอะนะ ยังว่ะ มึงอย่าไปหาเรื่องพี่เขานะเว้ยกูไม่อยากมีปัญหา)

 

“ทำไมกูต้องไปหาเรื่องมันด้วย”

 

(......แล้วมึงถามทำไม หึ กูก็ไม่ได้สำคัญตัวเองแต่พี่แซมชวนกูกินข้าวว่ะ)

 

ว่าไงนะ!!

 

“มึงก็ลองไปดู กูไม่ได้ห้ามแต่เลิกงานกูต้องเห็นหัวมึง” ผมขู่เสียงเข้ม เย็นไว้เพทาย ฮึ่มมม

 

(ได้อยู่แล้ว งั้นเดี๋ยวกูแวะไปกับเขาก่อนแล้วค่อยกลับเข้าร้านก็ได้เนอะ พี่พิมใจดีวันนี้ลูกค้าไม่เยอะด้วย) มันตอบกลับมาเสียงสดใส ผมกำโทรศัพท์แน่น

 

“ต้นข้าว!! คิดจะลองดีกับกูใช่ไหม!!” ผมตะคอกใส่ปลายสาย แทนที่จะสำนึกมันกลับ หัวเราะ! แม่งกวนไง

 

(ฮ่าๆๆ พี่แซมครับ พี่ชายอนุญาตแล้วเราไปกันเถอะ) ติ้ด

 

“พี่ชายพ่อง! ฮัลโหลๆๆ แม่งเอ๊ย ต้นข้าว” เพทายกัดฟันกรอดมือปัดตุ๊กตาบนเตียงหัวทิ่มลงพื้น รู้ว่ามันไม่กล้าทำจริงแต่ก็อดระแวงไม่ได้ หมอก็หมอเหอะเป็นชู้เมียกูมึงได้เยือนนรกแน่ เมียเหรอวะ ผมเป็นบ้าอะไรวะวันนี้

 

ร่างกายที่อ่อนเพลียล้มตัวลงนอนเอาหมอนปิดหูไม่อยากรับรู้ไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน แต่ภาพต้นข้าวกับแซมตามหลอกหลอนฉายซ้ำไปมา ตอนนี้ได้เพียงแต่คิดว่าสามทุ่มมันนานไป ไม่แน่ หนุ่มหน้าหล่อคนนี้คงได้โผล่ไปสอดส่องก่อนเวลาเลิกงานจริง

 

ไม่ได้โมโห แต่กำลังอยู่ในโหมดอาฆาตแรง! โว้ยยย ต้นข้าวมึงนะมึง

 

………………………………………………………

 

ก๊อกๆๆ

 

ผมงัวเงียเดินไปเปิดไฟเมื่อแหวกม่านออกดูอากาศข้างนอก ท้องฟ้าครึ้มเมฆจับตัวกันทำตั้งเค้าทำท่าจะตกประตูถูกเปิดออกโจ้เดินสวนเข้ามา

 

 “เจ้านายยย พรุ่งนี้วันเกิดเมียผมครับ ให้ไอ้เจ้ามันมาดูนายแทนวันนึงนะ” ผมนั่งไขว่ห้างมองมัน

 

“เมียมึงคนไหนวะ ทำไมกูไม่รู้”

 

“โถ่นาย คนนี้ตัวจริงนะ ถ้านายอยากเจอวันหลังผมพามาก็ได้ แต่นายต้องให้ผมหยุดนะ” มันต่อรอง

 

“เออๆ กูให้เวลานอนกกกันทั้งวันเลย” ผมหยิบกระเป๋าตังบนโต๊ะเปิดออกส่งเงินให้สามพัน

 

“อะไรครับนาย”

 

“กูฝากซื้อของขวัญให้เมียมึงด้วย ไว้ว่างๆพามาหากูด้วย อยากเห็นหน้าคนเอามึงอยู่จริงๆ” ผมแอบแซว โจ้มันก็ไม่ได้ดี อย่างที่ว่ามันเคยเลวมาก่อน มันคิดจะฆ่าผมเพราะพ่อแม่มันถูกจับตัวไป ตัวบงการก็พวกอริทางธุรกิจนั่นแหละครับ 

 

“แล้วเมื่อไหร่จะมีคนเอานายอยู่ล่ะครับ” มันเล่นลิ้นแซมผมกลับ เชี้ย! แม่งถามตรงจุด

 

“ไม่มีเว้ย! ระดับกูไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ” โจ้พยักหน้าอือออก่อนะจะยิ้มเจ้าเล่ห์ถามถึงอีกคน

 

“แล้วต้นข้าวล่ะครับ”

 

“มึงถามทำไม! อย่าไปยุ่งกับมันเชียวไอ้นี่มันดุ ปากก็ดี กูว่ามึงอย่าไปสนใจมันเลย มีเมียแล้วก็รักเมียให้มากๆ” เพทายพูดยาวเหยียด แทนที่ลูกน้องจะฟังก้มหน้าอมยิ้มเหล่มองเจ้านาย

 

หวงเหรอครับ?

 

“ก็อะ...อะไร! กูหวังดีต่างหาก ไหนๆสี่โมงกว่าแล้วคุณต้นน้ำมึงยังไม่มาเลย จะสอนไหมกูมีธุระต่อ

 

“ปากแข็งระวังหมาคาบไปกินนะครับ ฮ่าๆๆ นายอย่าทำโผ้มม” โจ้หัวเราะหลบเท้าเจ้านายที่ยกขึ้นสูง

 

“เรื่องของมันสิวะ พูดถึงมันอีกกูเตะมึงแน่” ผมชี้หน้าขู่ แรงสั่นของโทรศัพท์ดังครืดๆ ผมหยิบขึ้นมากดดู

 

ตื้อดึง~

 

‘คุณได้รับไฟล์รูปภาพ’

 

 

 

 

 

 

 TBC.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา