แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!
เขียนโดย LemonNest
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ตอนที่ 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3
ต้นข้าว
Rrrrrrrrr
“อะ อืม มึงรับโทรศัพท์ดิ้” ผมเอามือปัดป่ายไปข้างตัวคลำเจอหน้าหล่อที่เปลือกตายังปิดสนิท กว่าจะนอนก็ปาไปตีสามยังต้องตื่นเช้ามาเพราะเสียงน่ารำคาญอีก
จิ๊ กูรับให้ก็ได้ ผมเงยหน้ามองโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงเอานิ้วเขี่ยๆก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหล” ต้นข้าวหลับตากรอกเสียงงัวเงียลงไป
( ไอ้เชี้ยทายยย!! แปดโมงกว่าแล้วทำไมมึงยังไม่มารับกู ) เสียงผู้หญิง ใคร?
“เขานอนอยู่ครับ” ผมเหลือบมองหน้าหล่อที่พลิกหนีไปอีกด้านหลบเสียงกวนใจ ผู้หญิงโทรมาแต่เช้าเลยนะมึง ผมแอบเตะขามันเคืองๆ
(เอ๋? แล้วนั่นใครคะ) อืม เสียงนุ่มลงเยอะค่อยน่าฟังหน่อย
“เมียครับ เมียหมาดๆเพิ่งซั่มกันมะ...” ผมยังไม่ทันจะพูดจบ เพทายคว้าโทรศัพท์ไปคุยต่อล็อคคอปิดปากผมไว้แน่น
หมับ
“ฮัลโหล...เออ! มึงโทรให้ฟางมันไปรับก่อนกูตื่นสาย...เมียอะไร...น้องกูมันแกล้ง...อืม....แล้วแต่ไอ้สัส.....เจอกัน...” เพทายกดวางสายหันมาทำตาดุใส่คนไร้มารยาท
“ใครใช้ให้มึงรับโทรศัพท์กู!”
“ก็กูรำคาญ! แม่ง คนจะหลับจะนอนร้องอยู่ได้” ผมจับมือใหญ่ออกโต้กลับ
“มันก็ไม่น่ารับป่ะวะ ไปอาบน้ำแล้วค่อยคุยกัน” ต้นข้าวหน้างอเจอดุแต่เช้าเลยกู ร่างขาวสะบัดผ้าห่มออกเดินเปลือยไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ
“แม่ง...” เสียงทุ้มสบถมองแผ่นหลังขาวที่เป็นจ้ำๆจนลับสายตา กลางกายดุนดันขึ้นเรียกร้องความสนใจคุณชายตัวดีจะทำอะไรได้นอกจากจะล้วงมือเข้าไปในกางเกง
มึงทำกูขึ้นอีกแล้วนะต้นข้าว สรุปกูเป็นเกย์ป่ะวะ?
“กูไม่ยอม!” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นมันเดินออกมาจากห้องน้ำ ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็ไม่ยอม
“เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ แล้วพูดสักคำรึยังว่ากูจะทิ้งมึง” เพทายเดินเช็ดผมออกมาเหลือบมองเวลา ต้นข้าวนั่งกอดอกแต่งชุดใหม่ที่โจ้ซื้อมาให้
“กูรู้เหอะ สันดานมึงแม่งเดาง่าย อย่าเชี้ยดิวะ”
“แล้วมึงจะบอกพี่มึงว่ายังไง ข้าวคบกับผู้ชายนะ แล้วเพื่อนกูอีก ที่สำคัญเราเป็นผู้ชายทั้งคู่มึงคิดว่าสังคมจะเปิดกว้างขนาดไหนเชียว เห็นกูเลวแต่กูก็คิดเยอะกว่ามึงนะ” เพทายหันหลังแต่งตัวพูดไปด้วย
ผมลืมคิดจุดนี้ไปได้ยังไง ถึงตัวผมจะไม่อะไรกับเรื่องแบบนี้แล้วพี่ต้นน้ำล่ะ? ทัศนคติเขากว้างแค่ไหนตั้งแต่เด็กผมก็เชื่อฟังพี่ต้นน้ำมาตลอด จะให้ทำอะไรผมก็ทำ ถึงเราจะสนิทกันมากเปิดใจคุยทุกเรื่องแต่เรื่องความคิดผมไม่สามารถหยั่งรู้ได้จากภายนอก เพื่อนผมอีก เห้อ พลาดแล้วต้นข้าว
บางที...สิ่งที่ผมคิดมันก็ไม่ได้ถูกต้องไปซะหมด
“ไง เงียบไปเลยดิ” จะให้ผมพูดอะไรได้เล่นดักทางไว้ซะหมด เพทายเดินมาหยุดตรงหน้าผม แล้วสิ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจคือเขากำลังจับหน้าผมซุกหน้าท้องกำยำพร้อมกับมือที่ลูบหัวผมเล่น
“ที่จริง...กูก็ไม่ได้อยากจะใจร้ายกับมึงนะต้นข้าว ในเมื่อมันผิดพลาดไปแล้วเราคงแก้ไขอะไรไม่ได้ ตอนนี้ในหัวกูมีแค่สองทางให้เลือก...” ผมผละออกเงยหน้าฟังมันพูด
“คือหนึ่งปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลา กับอีกทางคือต่างคนต่างไปซะตอนนี้”
“มึงพูดง่ายนี่ต่างคนต่างไป!”แล้วต่างอะไรกับทิ้งวะ ผมเดือดดาลไม่อยากจะฟังอะไรต่อปัดมือมันออกเม้มปากแน่น
“เห้อ เพราะมึงดื้อแบบนี้ไงเมื่อวานกูเลยอารมณ์ขึ้น ถ้ามึงคุยกับกูดีๆมันคงจบตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แถมมึงคงไม่โดนกู...” เพทายไล่สายตามองต่ำ ผมหน้าขึ้นสีพูดกลบเกลื่อน
“แล้วยังไงต่อล่ะวะ รีบพูดกูอยากกลับบ้านใจจะขาดแล้ว”
“กูยังยืนยันคำเดิมว่ากูชอบผู้หญิง แล้วมึงล่ะ?” ผมชะงักไปไม่คิดว่ามันจะถามเรื่องนี้
“กู...ไม่รู้ว่ะ” เอาตรงๆว่าผมสับสนมาก จำเป็นไหมที่ผมจะต้องกลายเป็นเกย์เพียงเพราะโดนผู้ชายกระทำถามว่ารู้สึกดีไหม มันก็หน่วงๆตอบไม่ถูก
“งั้นก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลา มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะมาเป็นแฟนกันเพียงเพราะคำว่ารับผิดชอบ คิดถึงอนาคตดิมึง ถามตัวเองว่าต้องการอะไรกันแน่ เพราะถ้าเราใช้อารมณ์ตัดสินไวไปมันอาจจะทำให้เราทุกข์ไปตลอดชีวิตนะเว้ย เชี้ย! วันนี้กูพูดดีว่ะโจ้” เพทายเผลอยิ้มออกมาแถมเรียกชื่อลูกน้องคนสนิทตามความเคยชิน
ผมเลิกคิ้วมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย มันคงจริงที่ว่าให้นึกถึงอนาคตไว้ก่อน แล้วตอนนี้ผมต้องการอะไร... นั่นสิ ผมต้องการอะไรกันแน่?
……………………………………………………………….
“เชี้ยข้าว! ขนมกู” ผมมองของในมือยิ้มแปล้ให้ไอ้เต้ย กูแค่หยิบผิดจ้องจะงับหัวกูอย่างเดียว
“เออ เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่ จ๋อๆว่ะเต้ย” เต้ยแบะปากนั่งลงข้างต้นข้าว วันนี้เพื่อนข้าวมันมาแปลกชวนดูหนังเฉย ไม่ใช่หนังโรงนะครับ หนังที่บ้านมันนั่นแหละ
“มึงว่าป่ะ ห้องเราหยุดโคตรบ่อยเลย แล้วเวลานัดสอนชดจัดตารางแทบไม่ทันกูเบื๊อเบื่อ”
“บ่นเพื่อ?” ผมโยนขนมเข้าปากตามองจอ ปากก็พูดไปด้วย
“แล้วเมื่อวานมึงหายไปไหนมา” เต้ยเหล่ตามองเสี้ยวหน้าเพื่อน
“......”
“ต้นข้าว กูถามได้ยินไหมเนี้ย”
“เออ ได้ยิน เมื่อวานอะนะ กูไปทำธุระให้พี่ต้นน้ำมา โทษทีว่ะไม่ได้โทรบอกมึงเลย” ผมหันไปกอดคอเต้ย
“เออๆ กูก็เป็นห่วง” เต้ยไม่อยากถามให้มากความ ถึงอยากจะรู้ธุระที่ว่านั่นก็เถอะ
ผมนั่งดูหนังกับไอ้เต้ยตามองจอเหมือนจะตั้งใจดู แต่ในหัวผมคิดแต่เรื่องเพทาย สรุปเราตกลงกันว่าจะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง ผมกับมันจะลองคุยๆกันไปก่อน ทั้งๆที่ได้กันแล้ว(เบะปากมองบน)คุยในที่นี้คือลองศึกษากันนั่่นแหละ เราผู้ชายแท้ทั้งคู่ไงครับ ใจผมเกินครึ่งก็ไม่ได้ต้องการจะเอามันเป็นผัวตั้งแต่แรก ถ้าจะให้ปล่อยไปก็ไม่ได้อีก ถ้าเราต่างไม่โอเคกันก็เป็นเพื่อนกันในตอนจบ ซึ่งผมคิดว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องของอนาคต
แต่เราลืมคิดไปอย่างว่า...ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดโอเคขึ้นมาทั้งที่อีกฝ่ายไม่โอเคล่ะ?
………………………………………………………………………..
เพทายนั่งเท้าคางมองอาจารย์สอนมือกดเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย ฟางแอบเอาผลไม้เข้ามากินในห้องเรียน ติ้วหน้าฟุบลงแนบโต๊ะหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ มีแต่แม่นางหญิงแตงที่เอาแว่นขึ้นมาสวมใส่ตามองกระดานตั้งใจเรียนอยู่คนเดียว
“ทายๆยืมยางลบหน่อย” เพทายหยิบยางลบในกระเป๋าส่งให้ผ่านหัวติ้วไป
“ขยันเรียนจังวะแตง” ฟางงับมะม่วงถาม
“กูต้องรักษาเกรด เทอมนี้อย่าชวนกูเที่ยวบ่อยนะ...เดี๋ยวกูไป” แตงตอบยิ้มๆไม่ได้ซีเรียสอะไร
“เด็กทุนลำบากว่ะ แต่มึงก็ไม่เสียค่าเทอมถือว่าคุ้ม” ฟางพยักหน้าคิดเองเสร็จสรรพ เพทายหันมาเห็นมะม่วงในมือฟาง
“กูจะหลับ ฟางชิ้นดิ”
“หลายชิ้นก็ได้ เงินมึง ฮ่าๆๆ” ฟางส่งให้ทั้งถุง แตงหันมาขำ
“ฮ้าวววว เลิกเรียนแล้วเหรอวะ” ติ้วปรือตาขึ้นมามองนักศึกษาคนอื่นที่พากันลุก เพทายยักคิ้วส่งให้
“ดี! งั้นวันนี้ไปร้านเบเกอรี่กัน กูเลี้ยงเอง” ฟางดีดนิ้วเมื่อนึกออก หลายวันแล้วที่ไม่ได้ไปหาต้นข้าว วันนี้ถือโอกาสพาเพื่อนไปดูหน้าว่าที่เมียดีกว่า
“ฮันแน่ จะไปหาต้นข้าวอะดิ” ติ้วยิ้มรู้ทัน
“ใครวะ?” แตงเท้าคางถาม เพทายชะงักไปกับชื่อที่เหมือนกัน
“ว่าที่เมียไอ้ฟาง น่ารักดีดูคมๆผิวขาวๆ แต่เสียดายไม่ใช่ผู้หญิง”
“ห้ะ!” แตงเบิกตากว้างมองหน้าฟางที่หัวเราะแหะๆ แต่อีกคนนี่สิช็อคไปแล้วว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า
“ตามนั้นแหละมึง เอ่อ...มึงไม่เป็นไรใช่ป่ะวะ” ฟางกังวลว่าเพทายจะรับไม่ได้ เพราะอย่างที่รู้ว่าเพื่อนคนนี้ชอบฟันแต่ผู้หญิง แต่สำหรับผู้ชายที่เคยมาเสนอให้ส่ายหน้าหนีทุกที
ไม่แปลกที่เพื่อนจะเข้าใจว่า เพทายไม่ชอบเกย์หรืออะไรจำพวกนี้
“อะไรของมึง แล้วแต่ความชอบดิวะ มึงจะเป็นอะไรก็เพื่อนกู” จบประโยคนั้นฟางล็อคคอเพื่อนมากอดแน่น
“เท่ชิบหาย ไปๆกูสบายใจแล้ว”
…………………………………………………………………..
@CF Coffee
“มาอีกแล้วเหรอเพื่อนต้นข้าว” แคชเชียร์สาวสวยแซวเต้ยที่ช่วงนี้มาเกือบทุกวัน ต้นข้าวหยิบแค่ผ้ากันเปื้อนมาสวมทับชุดลำลอง
“พี่พิมครับ เรียกเต้ยดีกว่าเรียกเพื่อนต้นข้าวมันย๊าวยาว”
“จ๊ะ น้องเต้ย แล้วเมื่อวานพากันไปไหนมา ข้าวไม่เห็นโทรมาลาพี่เลย”
“เฮ้ย ผมลืมอ่ะพี่พิม ขอโทษนะครับ” หนุ่มหน้าคมยกมือไหว้
“ไม่เป็นไรจ้า พี่เตเขาเป็นห่วง พวกพี่ๆเขาก็พากันถามถึง” พิมไม่ได้พูดเกินจริง พนักงานหลายคนมาถามเธอเมื่อไม่เห็นร่างคุ้นตา
Rrrrrr
หืม เบอร์แปลก
“ฮัลโหลครับ” ผมกดรับสายเดินห่างออกมาจากเสียงรบกวน เต้ยหันมามองแวบนึงยืนรอนมปั่นจากพี่พิม
(เสียงยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ แขนหายรึยังครับ) ใครวะ?
“ใครเหรอครับ”
(ว่าจะน้อยใจแต่ดูไม่มีประโยชน์ พี่แซมเอง น้องต้นข้าวไม่มาตัดเฝือกเหรอ)
ตัดยังไงพี่ แม่งหายไปตั้งแต่วันแรกแล้ว แถมแขนก็ปกติดีไม่เข้าใจจะใส่ให้ทำไม
“เฝือกหายพี่ มันไม่แน่นเลยอ่า” หลุดโคตรง่ายเหมือนไม่ตั้งใจทำ พี่แซมเรียนหมอจริงเหรอวะ
(ฮ่าๆๆ พี่จงใจใส่ให้แบบนั้นแหละ ข้าวจะได้ย้อนมาทำใหม่ จริงๆแขนเราไม่ได้เป็นอะไรหรอก)
“อ่าวพี่! ผมโดนพี่ชายบ่นเลยนะ”
(ขอโทษครับ พี่จะมาไถ่โทษวันนี้ไง รอสิบนาทีรับรองมีเรื่องให้ตกใจแน่) เสียงพี่แซมไม่น่าไว้ใจเลย
ผมยกมือทาบอกข้างซ้ายที่เหมือนเตือนว่าต้องมีเรื่องน่าตื่นเต้นอีกแน่ ไม่มั้ง ผมอาจจะคิดมากไปเองและบางทีผมก็คิดน้อยไป หันกลับมาเจอเพทายตัวเป็นๆยืนสั่งเค้กอยู่ มาได้ไงวะ!
“พี่ครับ วันนี้ต้นข้าวไม่มาทำงานเหรอครับ?” ฟางถามสอดส่องสายตามองไปทั่วร้าน พิมมองมาทางโซนด้านในก็ไม่เห็นอยู่
"มานะ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย"
“งั้นเหรอครับ รู้ว่ามาก็ดีใจแล้วพี่ งั้นผมขอเหมือนเดิมแถมคนเสริฟคนเดิมด้วยนะครับ”
“ถ้าข้าวมาพี่จะบอกให้ แต่มันน่าแปลกนะหายไปไหนเนี้ย”
เพทายเหลือบมองฟางที่ดูจะสนิทกับร้านนี้เป็นพิเศษ อยากรู้นักว่าต้นข้าวที่ว่าจะเป็นคนไหน! เหอะ ถ้าเป็นคนเดียวกันคงมีเฮกันบ้างแหละ ในฐานะที่ คุยๆ กันอยู่ก็ไม่มีสิทธิ์ไป คุยๆ กับคนอื่นเหมือนกัน
“อ้าว หายไปไหนมาน่ะเรา นี่ของโต๊ะสี่นะ วันนี้พาเพื่อนมาด้วยแหละ” ผมเห็นแล้วครับ โอ๊ย จะทำยังไงดีถึงจะคุยกันเข้าใจแต่เรื่องฟางมันโคตรเรียกบังเอิญ แล้วผมจะสั่นทำไม อย่าสั่นสิเอ๊ะ
“เฮ้ย ต้นข้าวว่าที่เมียกูมาแล้วๆ” ฟางตื่นเต้นเหมือนเป็นการแนะนำให้เพื่อนทุกคนรับรู้ไปในตัว หนุ่มหน้าคมสาวเท้าให้ช้าที่สุดมองแผ่นหลังที่จำได้ดีใจเต้นตึกตัก
“ชะ ชานมได้แล้วครับ” ผมอยากจะบ้าตายก้มหน้าก้มตาหยิบของในถาดส่งให้เร็วที่สุด แล้วทำไมผมต้องกลัววะ
“คนนี้เหรอต้นข้าว หล่อชิบหาย!” ฟางยกมือปิดปากเพื่อนสาว
/พูดเบาๆแม่นางแตง /
/หล่อว่ะ กูไม่เห็นเขาจะน่ารักอย่างที่มึงว่าเลยฟาง /
อึก ผมไม่ได้ตั้งใจจะเงยหน้าแต่ได้ยินชื่อตัวเองก็เผลอจนได้ แล้วเป็นไง เต็มๆ! เพทายดุนลิ้นจ้องหน้าผมเขม็ง มองทำไมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” แผนตื้นๆที่ใครก็ดูออกว่าเพทายสื่อถึงอะไร มันจะให้ผมตามไปไง! ตื่นเต้นพอไหมวะตอนนี้!
หมับ
ปึก!
ผมก้าวเข้าห้องน้ำเพียงก้าวเดียวมือปริศนาเข้ามากระชากแขนลากไปห้องสุดท้าย เพทายจับผมนั่งบนฝาชักโครกที่เพิ่งดันลงประกบปากสอดปลายลิ้นอุ่นเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กดูดกระชากลมหายใจ มือใหญ่ดึงทั้งผ้ากันเปื้อนและชายเสื้อผมขึ้นอีกข้างลูบวนอยู่ที่หน้าท้องแบนราบ ผมหายใจหอบถี่ร้อนไปทั้งตัว
“แฮ่กๆๆ มึงรู้จักไอ้ฟาง” อารมณ์หงุดหงิดเล็กๆถูกส่งมาผ่านน้ำเสียงเรียบ ต้นข้าวหอบก่อนส่งสายตาเคืองกลับไป
“ก็ไม่เชิงจะรู้จัก มึงเล่นเชี้ยอะไรเนี้ยกูเหนื่อยไอ้สัส” ผมคิดว่าเมื่อคืนที่สุดแล้วนะ วันนี้ยิ่งกว่า! เทพสัส
“แต่ฟางมันรู้จักมึง แถมจะเอามึงเป็นเมีย!! กูไม่ยอม...” วาวตามันลุกโชนบีบข้อมือผมแน่น
“มึงกำลังให้ความสำคัญกับกูนะเพทาย” ผมตอบตามที่คิด ซึ่งมันอาจจะชอบผมบ้างแต่คิดผิด
“แต่มึงเป็นของกูนะต้นข้าว กูแค่ไม่อยากให้เพื่อนกูมารู้ที่หลังว่า...”
“ว่ากูโดนมึงเอาแล้ว!!! มึงจะพูดคำนี้ใช่ไหม” ผมกำหมัดแน่นน้ำตาคลอนัยน์ตาว่างเปล่า
"......."
“คำพูดมึงสวยหรูมากนะ เมื่อเช้ามึงทำกูประทับใจมาก แต่ตอนนี้!กูขอให้มึงหุบปากแล้วฟังกูให้ชัดๆ” ผมผลักมันออกห่าง เดินไปแง้มประตูดูเมื่อไม่เห็นใครรีบเปิดออกกว้าง
“อะไรที่มึงห้าม...กูจะทำ! พอกันทีกฎเกณฑ์บ้าบอนั่น แล้วเรื่องวันนั้นกูจะถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขะ...”
เพี้ยะ!
“ได้! งั้นกูจะไปบอกพี่มึงว่าเราเป็นอะไรกัน” หน้าผมชาไปกับแรงตบและคำพูดทิ่มแทงใจ มันเอาจุดอ่อนผม
มาต่อรอง ผมจะเอาฟางมาเป็นข้ออ้างว่าจะบอกฟางเช่นกัน แต่คิดๆดูแล้วถ้าเพทายพูดเรื่องเราออกมาฟางก็ต้อง
หลีกทางให้ตามประสาเพื่อนที่ดี ชิบ! ผมต่อรองอะไรไม่ได้สักอย่าง
“......อย่าบอกพี่กู ทุกอย่างจะเหมือนเดิมถ้ามึงตกลง” ผมไม่มีทางเลือกเจ็บใจถึงที่สุด
“หึ อย่าปากดีกับคนอย่างกูต้นข้าว ไม่ใช่ว่ามึงสำคัญ แต่มึงเสือกทำตัวแรดให้กูหมันไส้เอง” ผมน้ำตาร่วงเผาะมองแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไป อยู่กับแบบไร้สถานะ ตลกว่ะ
มึงเป็นคนยังไงกันแน่เพทาย
ผมเช็ดน้ำตาปรับอารมณ์ตัวเองให้คงที่ เมื่อสภาพพร้อมใช้งานร่างบางอ้อมไปหลังร้านเข้าอีกทางไม่อยากผ่านโต๊ะนั้นอีก พี่พิมไม่ได้สงสัยอะไรแต่กำลังหยิบยื่นนรกให้ผมอีกครั้ง ฟางกำลังทำร้ายผมทางอ้อม
“ต้นข้าวไม่สบายรึเปล่า” ฟางถามขึ้นเมื่อเห็นสภาพผม
“เปล่าครับ ขอตัวนะครับ”รีบพูดรีบออกมาจากตรงนั้น ทำดีแล้วต้นข้าว ผมแสร้งยิ้มออกมาเดินไปหาพี่พิม
“อันนี้ของโต๊ะห้านะ คิกๆ” พิมส่งถาดให้มองโต๊ะห้าทีมองผมที เหมือนครั้งแรกที่รู้ว่าฟางชอบผม
“ร้านเตสงสัยจะมีลูกค้าประจำเพิ่มแล้วสิ เอ้า เอาไปส่งได้แล้ว”
“ครับ” สาวสวยทำเอาหนุ่มหน้าคมเครียดอีกแล้ว ว่าฟางหล่อแล้วนะ คนนี้สิน่าใช่กว่า แค่เดินเข้ามาลูกค้าสาวๆมองกันไม่วางตา เสียดาย...พี่มีแฟนแล้ว ฮืออ
“ได้แล้วคะ...พี่แซม!” ใจผวาตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เรื่องน่าตื่นเต้นที่ว่าคือการมาโดยไม่บอกไม่กล่าวนี่เอง แล้วทำไมโต๊ะต้องติดกัน วันนี้ต้นข้าวขอลาป่วยทันไหม
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ