แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!
เขียนโดย LemonNest
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
35) ตอนที่ 34
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 34
ต้นข้าว
ผมคิดไม่ตกเรื่องของเราทั้งคู่ แม้วันนี้จะผ่านมาสามวันแล้ว และวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย…
“วันนี้ไปนอนห้องกูไหมข้าว?” ผมเงยหน้ามองไอ้เต้ยที่นั่งอยู่ตรงข้าม สอบเสร็จแล้วยังไง ในเมื่อไอ้หล่อมันหายไปแล้ว มันหนีจากผมไปแล้ว
“อืม”
“ยิ้มหน่อยดิวะ เฮียแกก็บอกอยู่ว่าเพทายมันไปเรียนต่อ หรือมึงเชื่อไอ้เด็กนั่น”
“กูไม่เชื่อใครทั้งนั้นแหละ จนกว่าจะได้ยินจากปากมันเอง” นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้ ดูก็รู้ว่าจุดประสงค์ของลมคือทำให้ผมกับไอ้หล่อผิดใจกัน แต่ถ้าเรื่องที่มันบอกเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เฮียเพลงก็โกหกผมเพื่อให้ผมสบายใจ ทางที่ดีที่สุดคือต้องรอไอ้หล่อติดต่อมา เพราะผมอยากได้ยินจากปากมันเองมากกว่าปากคนอื่น
“แล้วถ้ามันไม่ติดต่อกลับมาเลย มึงจะรอไปจนถึงเมื่อไหร่กัน กูไม่ได้อยากจะให้มึงคิดมาก แต่ถ้าสมมติ…มันเป็นอย่างที่กูคิดขึ้นมาล่ะ”
“กูให้เวลามันแค่เดือนเดียว กูจะรอมันแค่เดือนเดียว” ถึงผมจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ถ้ารักระหว่างเรามันจบแค่นี้ ผมคง…
ไม่อยากจะรักใครอีก
“รอนานไหมครับ?” พี่แซมขยี้หัวไอ้เต้ยยื่นถุงขนมให้มัน ไอ้เต้ยมันหยิบขนมออกมาแกะก่อนจะแบ่งให้ผมกินด้วย
“ถ้าบอกว่าไม่นานกูคงโกหก อ้ะ กินอะไรเข้าไปบ้างกูเป็นห่วง”
“กูกินไม่ลง”
“ต้นข้าว…ถ้ามึงไม่รักตัวเองแล้วมึงจะไปรักคนอื่นได้ยังไง กูลงทุนป้อนเลยนะเว้ย อย่าลีลา” ผมอ้าปากรับขนมเคี้ยวเอื่อย ๆ
“ถ้าน้องเขาติดต่อมาไม่ได้ ทำไมเราไม่ติดต่อไปเองล่ะครับ หรือทางนู้นเขาห้ามเอาไว้” แซมเสนอความคิด
“อืม เราติดต่อไปเองก็ถือว่าไม่ผิดคำพูดนะข้าว มึงลองโทรไปดิ”
“กูลองแล้ว” ผมโทรเข้าเบอร์ของไอ้หล่อแต่ไร้สัญญาณตอบรับ เหมือนมันจะโดนยึดเครื่อง เมื่อไปถามเฮียเพลงถึงบ้านก็ได้คำตอบว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งติดต่อไปเลยดีที่สุด รอให้ปู่ของไอ้หล่อเชื่อใจและไว้ใจมากกว่านี้ถึงติดต่อไปได้ ใจของผมมันเหมือนตายทั้งเป็น นึกเสียดายช่วงเวลาที่เราทะเลาะกันขึ้นมา สาเหตุที่มันหงุดหงิดคงเป็นเรื่องของปู่ด้วยและเรื่องของผมด้วย ถ้าผมไม่งี่เง่าและเชื่อฟังมันเหมือนที่ผ่านมาเราก็จะไม่ทะเลาะกัน และผมกับมันคงมีเวลาเหลือที่จะสร้างความทรงจำร่วมกัน
แต่ถึงคิดได้ ผมก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้
ไอ้เต้ยพาผมมาที่ห้องมัน พี่แซมจะตามมาที่หลังเพราะต้องไปช่วยเพื่อนดูแลผู้ป่วยที่ห้องพยาบาล ผมอยากจะร้องไห้เมื่อไอ้เต้ยมันโทรบอกผมว่ามันกับพี่แซมมีอะไรกันแล้ว ที่ร้องไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะผมดีใจที่ไอ้เต้ยมันเปิดรับคนอื่นได้สักที ผมรู้ตัวมาตลอดว่าไอ้เต้ยมันคิดเกินเพื่อนกับผมมาตั้งแต่แรก และอีกอย่างที่ผมร้องไห้คือมันบอกผมเป็นคนแรกโดยไม่ปิดบัง ต่างจากผมที่เก็บเอาไว้จนล่วงเลยไปหลายเดือน
ตลอดเวลาที่ผมมีความสุข ไอ้เต้ยกำลังเศร้า…
และตอนนี้ผมเศร้า…มันก็เศร้าด้วย
ผมมันคนเห็นแก่ตัวมาก ผมทิ้งเพื่อนเอาไว้เบื้องหลังโดยไม่สนใจว่ามันจะรู้สึกยังไง ผมใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับไอ้หล่อ ไม่อยากจะคิดเลยว่าช่วงเวลานั้นมันกำลังทำอะไร เพราะปกติเราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่พอผมมีไอ้หล่อ ไอ้เต้ยก็ต้องกลับคนเดียว ผมมันโคตรเลวเลยว่ะ แล้วดูตอนนี้สิ ทั้งที่มันต้องไปเที่ยวกับพี่แซมแฟนมัน แต่มันกลับเอาเวลานั้นมาปลอบผม นี่แหละนะ ที่เขาเรียกว่าเพื่อนกันไม่ทิ้งกัน
ทั้งขอบคุณและขอโทษมึงเลยว่ะเต้ย
…………………………………………………………………
แซม
“ขอบใจมากนะวันนี้ ขอโทษด้วยที่ให้มาแทน”
“อืม ไม่เป็นไร วันนี้ว่างพอดี” ผมขอตัวกลับก่อนเมื่อมีคนไข้ไม่มากนัก วันนี้ไม่ใช่เวรผมที่ต้องเข้ามาดูคนไข้ แต่เพื่อนผู้หญิงเธอดันติดธุระนั่นคือสอบชิงทุนเรียนต่อเมืองนอก ผมก็กำลังลังเลอยู่ว่าจะลงดีไหม เพราะอาชีพแพทย์คือการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด มีการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงคิดจะไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมมีเต้ยและมีแม่ที่สุขภาพน่าเป็นห่วง
“กลับมาแล้วครับ” ผมส่งเสียงบอกแม่เมื่อถอดรองเท้าและก้าวเข้ามาในบ้าน เลือดสีแดงสดเปรอะอยู่บนพื้น ถึงแม้จะไม่มากแต่ผมก็ใจเสียวิ่งไปดูตามห้องต่าง ๆ
“แม่!” ผมเห็นแผ่นหลังของแม่ที่นั่งทำอะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะ ผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่รอบนิ้วอวบ แม่หันมามองและยิ้ม
“พอดีแม่จะย้ายกระถางต้นไม้มาไว้หน้าบ้านน่ะลูก แต่พื้นมันลื่นแม่ก็เลยทำกระถางแตก เสียดายจังนะ”
“แม่ครับ…อย่าทำผมเป็นห่วงสิครับ รู้ไหมว่าผมตกใจแค่ไหนที่เห็นเลือดอยู่ที่พื้น” ผมกอดแม่ทางด้านหลังก่อนจะมาช่วยแม่พันแผลที่นิ้ว
“จ๊ะ ๆ ๆ แม่เห็นแซมยุ่ง ๆ เลยไม่อยากกวน แล้วสอบเป็นไงบ้างลูก”
“ยากมากครับ อืม…ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะไปต่อนอกดีไหม ถ้าผมไปแม่ก็ต้องไปด้วยนะครับ”
“แม่ไม่มีปัญหาจ๊ะ อันไหนที่ลูกคิดว่าดีก็ทำไปเถอะ แล้ว…เด็กคนนั้นล่ะลูก เต้ยน่ะ บอกเขาหรือยัง?”
“ยังครับ แค่คิดว่าจะลองสอบไปนอกดู ถ้าติด…ก็ว่าจะบอก”
“เดี๋ยวตีตายเลยลูกคนนี้ อย่างนี้เต้ยจะไม่คิดมากแย่รึไง ไปสอบแล้วเพิ่งมาบอก ไปตกลงกันก่อนเลย คุยกันให้ดี เรื่องแบบนี้ต้องช่วย ๆ กันคิด”
“ดุจริงครับ ครับ ๆ ผมจะไปลองถามเต้ยดู เพราะว่าอีกนานเลยกว่าผมจะเรียนจบที่ไทย เต้ยก็คงจะเรียนจบมีงานทำพอดี ผมเรียนตั้ง 6 ปีนะครับ” ผมเอียงแก้มลงแนบกับมืออวบของแม่
“เลือกเรียนเองแล้วอย่ามาบ่น รักก็ส่วนรัก เรียนก็ส่วนเรียน แม่ไม่ได้บังคับให้แซมเรียนหมอนะครับ ถ้าเรียนอย่างคนอื่นเขาแค่สี่ปีก็จบแล้ว แต่แซมอยากเรียนเพราะช่วยเหลือคนนะลูก ถ้ารักในด้านนี้ลูกก็ต้องยอมรับมันให้ได้”
“ครับ แซมไม่ได้เรียนเพราะพ่อสักหน่อย แซมอยากเรียนเพื่อดูแลแม่ต่างหาก ถ้าพ่อยังอยู่คงต้องบ่นเหมือนแม่แน่เลย” ผมพูดแล้วก็คิดถึงพ่อขึ้นมา พ่อผมเป็นแพทย์ที่เก่งมาก แต่ด้วยโรคต่าง ๆ ที่เข้ามาท่านจึงเสียชีวิตไป ก่อนจะเป็นแพทย์ท่านก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่ทั้งกินเหล้าและเสพยา แต่เพราะมีแม่ท่านจึงลด ๆ ลงได้ แต่ก็สายเกินไป เห้อ~
ผมกดโทรออกหาเต้ยให้ลงมารับที่ล็อบบี้ข้างล่าง เต้ยงัวเงียลงมาเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้ว ผมส่งแม่เข้านอนเสร็จก็ล็อคบ้านขับรถออกมาหาเต้ยที่คอนโด
“ดึก! กูง่วงมากเข้าใจไหมเนี่ย” ผมเดินตามเต้ยไปที่ลิฟต์ กดชั้นที่เต้ยอยู่ก่อนเราจะเข้าห้องกัน
“ต้นข้าวนอนแล้วเหรอ?” ผมซื้อเค้กมาฝากต้นข้าวด้วย ไม่รู้ว่าจะนอนไวขนาดนี้
“ยัง มันนอนเล่นอยู่ในห้องอะ มึงจะเข้าไปหาก็ไป กูไม่ว่า” ผมวางของมือโอบคอเต้ยรั้งให้เข้ามาใกล้ จมูกโด่งของเราแตะกัน
“ไม่คิดว่าพี่จะกลับไปชอบต้นข้าวรึไง”
“ไม่อะ เพราะต่อให้ไม่ใช่ต้นข้าว ถ้ามึงคิดจะนอกใจมึงก็ทำไปแล้ว”
“เต้ย…ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ…ขอกอดหน่อยนะคืนนี้” ผมอยู่ใกล้เต้ยทีไรอยากจะกอดทุกที ไม่ใช่การโอบกอดแต่เป็นอย่างอื่นที่มันมากกว่านั้น
“เพื่อนกูมันเศร้า แล้วจะให้กูเอาอารมณ์ไหนมากอดกับมึง”
“พูดไม่เพราะเลยครับ ทำไมเต้ยไม่แทนตัวเองว่าเต้ยสักที”ผมว่ามันน่ารักดีนะที่เต้ยจะแทนตัวเองด้วยชื่อกับผม และผมจะแทนตัวเองว่าพี่แซม
“กูก็เป็นของกูแบบนี้ ถ้าอยากให้พูดเพราะ ๆ ก็ไปหาคนอื่น”
“จุ๊บ~ เต้ยอารมณ์เสียแล้วพี่ไม่พูดดีกว่า พี่เข้าไปหาต้นข้าวนะ จะเปิดประตูเอาไว้” ผมหยิบถุงเค้กขึ้น เต้ยพยักหน้า
“อืม ปิดก็ได้ กูไม่คิดอะไร”
“เป็นคนใจกว้างจังนะ หวงพี่หน่อยก็ไม่ได้”
“อยากให้กูหวงไหมล่ะ” เต้ยกอดคอสายตามองผมดุ ๆ ผมส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่า พี่ว่าพี่ไปหาต้นข้าวแล้ว” อย่าเสี่ยงดีกว่าไอ้แซม เต้ยตอนโกรธผมก็ไม่เคยเห็นแต่คิดว่าคงไม่เบา ทางที่ดีอย่าคิดทำให้เต้ยโมโหดีที่สุด
…………………………………………………………………..
เต้ย
ผมมองเอกสารที่ไอ้แซมมันถือเข้ามาแล้วลองเปิดอ่านดู ไม่อยากจะเสียมารยามแต่กระดาษที่มันวางเอาไว้ประทับตราของมหาลัย ผมไล่สายตาอ่านทีละบรรทัดก่อนจะเก็บและวางที่เดิม
มันจะไปเรียนต่อ ผมควรจะทำยังไงดี ระหว่างรั้งมันเอาไว้กับปล่อยให้มันไปทำตามความฝันของตัวเอง
มือที่กำลังเก็บของเข้าที่ชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่ใช่ของผมแต่เป็นของไอ้แซมที่วางทับซองเอกสารเอาไว้
“แซม โทรศัพท์!” ผมตะโกนเรียกมือหยิบดูหน้าจอ โชว์รูปผู้หญิงคนหนึ่ง ร้องเรียกมันอีกครั้งมันก็ตะโกนกลับมา
“รับไปเลย พี่คุยธุระกับต้นข้าวอยู่!” มือผมเลื่อนรับสาย “ครับ” ปลายสายเงียบไปพักก่อนจะโต้ตอบกลับมา
(พี่แซม…ไปไหนคะ)
“มันไม่ว่าง มีอะไรรึเปล่าครับ?”
(งั้น…ให้พี่แซมโทรกลับด้วยนะคะ พายจะรอ)
“ได้ครับ แล้วผมจะบอกมันให้” ผมยืนลูบหน้าตัวเองไม่ให้คิดมาก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้หญิงอีกคน
(ฮัลโหล ๆ แซม)
“มันไม่ว่างครับ มีอะไรรึเปล่าครับ?”
(ไม่ว่างเหรอ อืม…งั้นให้แซมโทรกลับด้วยนะ)
“ครับ” ผมยืนมองหน้าจอสี่เหลี่ยมรอดูว่าจะมีใครโทรมาอีกไหม และมันก็มีจริง ๆ!!
(แซมจ๋า พลอยขอบคุณมากนะเรื่องพลาสเตอร์เมื่อวาน วันนี้แซมว่างไหมพลอยจะชวนไป…)
“ขอโทษนะครับ! ไว้จะบอกมันให้ว่าพลอยโทรมา” ผมกดตัดสายมือบีบนวดขมับตัวเองทิ้งตัวลงบนโซฟา
ไม่กี่นาทีมีผู้หญิงโทรมาสามคน แล้วตลอดทั้งวันมันจะมีคนโทรหามันกี่คนกันวะ
แซมเปิดประตูออกมาเห็นเต้ยนั่งบีบหัวตัวเองก็คิดว่าเต้ยกำลังไม่สบาย เดินมานั่งข้างกอดคอคนรักเอียงหัวซบลงกับไหลาอีกคน เต้ยผลักแซมออกปาโทรศัพท์ส่งให้
“เมียมึงโทรมา น้องพาย น้องพลอย และใครอีกคนก็ไม่รู้แม่ง กูปวดหัว!”
“เฮ้ย! เมียพี่ก็เต้ยคนเดียวนะครับ พายเหรอ? อ๋อ…นั่นมันน้องคนที่พี่พันแผลให้วันนี้ต่างหาก สงสัยโทรมาขอบคุณ ส่วนพลอยน้องที่คณะ แล้วใครอีกนะ” แซมเลื่อนดูเบอร์ “คนนี้เพื่อนพี่ครับ พี่ไปให้คำปรึกษามันเรื่องแฟน”
“เออ! ไอ้หมอแสนดี มึงก็ช่วยเหลือเขาไปทั่ว แล้ววันนี้มีใครโทรหามึงอีกนอกจากสามคนนี้” ผมบีบท้ายทอยมันแน่น แม่งโมโหอะ แต่ไม่รู้โมโหอะไรไง!!
“ก็มีแม่ มีคนอื่นอีกเยอะเลยครับ บางเบอร์พี่ก็ไม่รู้ว่าใคร ผู้ชายก็มีนะครับ” แซมก็ตอบไปอย่างซื่อ ๆ
“ถ้าคนไหนมึงไม่รู้จักก็ไม่ต้องคุย เข้าใจไหม?” ผมกำลังกอดอกสั่งมันอย่างไม่รู้ตัว
“แต่เขาอาจจะมีเรื่องให้ช่วย”
“มึงตอแหลเป็นไหม มึงคิดจะช่วยเขาให้หมดทุกคนเลยไง บางอย่างเขาก็ต้องหัดช่วยตัวเองบ้าง จะมารอพึ่งมึงอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ เข้าใจไหม?!!” ผมจิกเล็บลงไปบนเนื้อขาวจนเป็นรอย แซมมันร้องว่าเจ็บยกมือลูบท้ายทอยตัวเอง
“ครับ ๆ ขี้หึงนะเรา” แซมยิ้มโยกหัวเต้ยไปมา ผมสะบัดมือมันออก
“กูไม่ได้หึง!! กูแค่โมโห อืม แค่โมโหเท่านั้นแหละ” แล้วผมโมโหเรื่องอะไรวะ ผมอาจจะรำคาญเสียงโทรศัพท์ของมัน หรืออาจจะรำคายที่ต้องมารับโทรศัพท์ให้ อืม ๆ
“ครับ ไม่หึงก็ไม่หึง แค่โมโหเนอะ” แซมพยักหน้าเข้าใจแต่ใบหน้ากำลังล้อเต้ยอยู่
“แล้วมึงทำหน้าแบบนั้นทำไม?”
“แบบไหนล่ะครับ หืม” ผมเอนตัวไปข้างหลังเมื่อหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้
“มึงไม่เชื่อกู?”
“เชื่อครับ พี่เชื่อว่าเต้ยไม่หึงเลย ไม่หึงสักนิด เมียพี่ใจกว้างมาก ไม่ให้คุยกับใครสักคนที่ไม่รู้จัก ไม่ให้ไปยุ่งกับใครด้วย” ถึงปากมันจะว่าแบบนั้นแต่เหมือนจะประชดผมยังไงก็ไม่รู้
“เต้ย วันนี้กูไปนอนห้องไอ้หล่อนะ คิดถึงมันว่ะ ได้กอดผ้าห่มมันก็ยังดี” ผมนั่งตัวตรงลุกขึ้นไปหาต้นข้าว
“มึงไม่นอนนี่อะ เดี๋ยวก็คิดมากอีก”
“กูโตแล้วเว้ย ไม่งอแงครับผม ต่อให้ไอ้ลมมาหาเรื่องอีกกูก็จะต่อยหน้าแม่งแล้ว โมโหชิบหายมายุ่งกับชีวิตกูจัง” มันบ่นยกกำปั้นทำท่าเอาจริง
“ดีแล้ว อย่าไปคิดมาก ถ้าเพทายมันติดต่อมาไม่ได้มึงก็รออีกสักนิด แล้วค่อยติดต่อไปหามัน มีอะไรโทรหากูได้ทุกเมื่อ” ผมลูบหัวต้นข้าวยิ้มอ่อนโยน
“ถ้าเวลามึงเอากับพี่แซม กูก็โทรมาได้ใช่ไหม” ผมหน้าร้อน เปลี่ยนจากลูบหัวเป็นตบหัวมันแทน
“ไอ้ทะลึ่ง กลับยังไงเดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เฮียเพลงมารับ กูจะคุยกับเฮียแกต่อด้วย เออ..เมื่อกี้พี่แซมมาถามกูเรื่องมึงด้วย” ต้นข้าวเหล่มองหน้าแซมดึงเต้ยเขามาพูดใกล้ ๆ “กูว่าพี่แซมกำลังระแวงว่ามึงจะมีชู้ว่ะ เห็นถามกูใหญ่เลยว่ามึงเคยคบใครบ้าง ตอนนี้มีคนมาจีบไหม ไหนจะอาหารที่มึงชอบอีก กูว่า…มึงไปคุยกับพี่เขาหน่อยก็ดี”
คงไม่ได้มีแต่ผมที่คิดมากคนเดียว
“อืม กูเข้าใจแล้ว กลับดี ๆ ถึงห้องแล้วโทรบอกกูด้วย” ผมออกไปส่งมันข้างล่าง ต้นข้าวมันเดินไปขึ้นรถของเฮียเพลงที่ยังคงหรูหราไม่เปลี่ยน ไม่วายเฮียเพลงเขยิบตาเจ้าชู้ให้ผมอีก
“สงสารเมียในอนาคตเฮียจริง ๆ” ผมพึมพำหมุนตัวกลับไปที่ห้อง เปิดประตูเข้ามาก็ต้องสะดุ้งกับการกระทำของแซมที่มันรวบตัวผมยกขึ้นลากไปจูบกระชากลมหายใจ
“แฮ่ก ๆ มึงทำอะไรของมึงวะ!” รอให้ทันตั้งตัวก่อนสิวะ ผมเสยผมไปข้างหลังเดินหงุดหงิดเข้าห้องนอน เห็นซากเค้กที่วางอยู่บนที่นอนก็หัวเสียขึ้นมาอีก
ไอ้ต้นข้าว! เอาเค้กขึ้นมากินบนเตียงกูอีกแล้ว
“แซม เอาผ้าปูผืนใหม่ให้กูหน่อย ไอ้ข้าวทำผ้ากูเลอะอีกแล้ว” ผมกดปลดล็อคประตูชะโงกหน้าออกไปเรียกไอ้แซม
“ครับ ๆ ไว้วันหลังนะ วันนี้พี่มานอนห้องแฟน ครับ พายอย่าคิดมาก เพื่อพี่มันไม่เจ้าชู้หรอก ครับ คุยกันดี ๆ นะ” ผมยืนกลั้นใจที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา
“เมื่อกี้เต้ยว่าไงนะ?”
“…เมื่อกี้มึงคุยกับใคร?” ผมก็ได้ยินแต่ชื่อพาย ๆ ถ้าจำไม่ผิดเป็นน้องคนแรกที่โทรเข้ามาแล้วผมรับสาย
“น้องพายครับ แต่เราไม่ได้มีอะไรกันนะ พายนั่นแฟนเพื่อนครับ แค่ทะเละกันแล้วโทรมาปรึกษาพี่แค่นั้นเอง”
“มึงย้ายคณะตั้งแต่เมื่อไหร่ มึงมีหน้าที่รับปรึกษาตั้งแต่เมื่อไหร่!! ไม่เคยเจอรึไงวะ ปรึกษากันไปมาแม่งก็เกิดชอบกันเอง วันหลังมึงก็เรียกเพื่อนมึงมานั่งคุยกับแฟนเขาเองเลย คุยต่อหน้าจะได้จบ ๆ แล้วมึงก็นะ…มานี่เลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเอาอะไรมากินบนเตียง กูไม่ชอบที่มันเลอะ” ผมดึงหูมันเข้ามาในห้อง
“แต่พี่ไม่ได้ทำนะ”
“แล้วมึงไม่ห้ามไอ้ข้าวล่ะ ความผิดมึงเลย ฉะนั้นไปเอาผ้าผืนใหม่มาเปลี่ยน กูไม่นอนนะที่นอนเลอะ ๆ” ผมหยิบตุ๊กตาโดราเอม่อนของตัวเองออก กระชากผ้าปูโยนส่งให้ไอ้แซม
“แต่เดี๋ยวมันก็เลอะใหม่อยู่ดี พี่ว่าเปลี่ยนทีเดียวพรุ่งนี้ดีกว่า” ผมกำลังทำหน้างง แซมยิ้มมุมปากปัดตุ๊กตาที่เต้ยถือทิ้ง
ตุบ
“ลูกกูไอ้แซม มึงทำลูกกูเปื้อนฝุ่น” ผมโวยวายจะก้มลงเก็บ ไอ้แซมมายืนซ้อนหลังถอดเสื้อผมออกมือรนถอดกางเกงผมรูดลงกองกับข้อเท้า กว่าจะตั้งสติได้ร่างผมก็ลอยไปนอนอยู่บนเตียงที่มีผ้าปูผืนเก่าวางอยู่
“เต้ย…พี่ขอกอดนะ นะครับ” เสียงเว้าวอนกับสัมผัสจากมือร้อนที่ปัดป่ายไปทั่วร่างทำเอาสติผมหลุดลอยพยักหน้าให้ ความอบอุ่นที่ฉีดเข้ามาในร่างกายของผมมันรู้สึกดีจนยากจะหยุดได้ เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมคว่ำหน้าไปรับมากดรับ แซมมันยังไม่หยุดเคลื่อนไหวแต่ผ่อนแรงให้ผมคุยสะดวกขึ้น
“อะ…อืม…วะ…ว่าไง” ผมสูดปากหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ให้เสียงสั่น
(กูถึงห้องแล้วนะ มึงเสียงแปลก ๆ ไม่สบายเหรอวะ)
มึงนะมึง เสือกโทรมาได้เวลาทุกที ไม่คิดว่ามันจะโทรมาตอนผมกำลังโดน…พอดี
“นิดหน่อย มึงถึงห้องแล้วกูก็หาย…ซี๊ด~ ห่วง แค่นี้นะ กูต้องไปกินยาแล้ว” ผมกดตัดสายปากด่าไอ้แซม “มึงจะเข้ามาลึกทำไมตอนนี้วะ!”
“เห็นว่าไม่สบายพี่ก็จะฉีดยาให้ แต่ต้องหลายเข็มนะ ไม่งั้นไม่หาย” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ตอบผมกลับมา พร้อมยังหยัดตัวเขามาตรงจุดที่ผมเบ้หน้ากลั้นหายใจเพราะความเสียว
สองเข็มกูก็หายขาดแล้วไอ้สัส! ถ้าพรุ่งนี้เป็นไข้กูจะบอกไอ้ข้าวยังไงดี กินยาให้ได้ป่วยอีกรอบ ไอ้เพื่อนเวร ไอ้เด็กขี้สงสัยมันต้องถามผมแน่ โอ๊ย!! กูอยากระเบิดตัวเองตาย
…………………………………………………………………….
เพทาย
ตอนนี้เป็นเวลาเช้าครับ แต่ที่ไทยคงมืดอยู่ ผมส่งซิกให้ดาต้าเดินตามเข้ามาในห้องนอน ผมเหมือนคนที่ไม่มีอะไรเลย โทรศัพท์ก็โดนยึด รถก็ใช้ไม่ได้ ต้องมีคนไปรับไปส่งตลอด ไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้เลยนอกจากตอนนอนและเข้าห้องน้ำ และด้วยเหตุนี้ป๋าจึงสั่งคนให้ออกแบบห้องที่ผมนอนแบบพิเศษ คือไม่สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ได้ เพราะรอบบ้านของปู่มีเครื่องดักเต็มไปหมด ผมจึงต้องใช้โทรศัพท์ดาต้าติดต่อไปที่ไทย
“โทรหาโจ้ให้หน่อย” ผมยังคงไม่โทรหาต้นข้าวตอนนี้ เพราะไอ้มันคงสั่งคนดูต้นข้าวอยู่ แต่ผมสั่งไอ้โจ้ให้ตามต้นข้าวตลอดเวลาและคอยรายงานว่ามันทำอะไร ที่ไหน กับใครบ้าง
“ครับ รับแล้วครับ” ผมเอาโทรศัพท์มาแนบหู ดาต้าเดินออกไปเฝ้าหน้าห้อง
(วันนี้คุณต้นข้าวสอบเสร็จก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลยครับ นอกจากแวะไปที่คอนโดของเพื่อนที่ชื่อเต้ย และกลับออกมากับคุณเพลงตรงไปที่คอนโดเจ้านาย หลังจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยครับ คุณเพลงออกมาหลังจากส่งคุณต้นข้าวเสร็จก็ไม่มีใครมาหาคุณต้นข้าวอีกเลย) โจ้มันรู้หน้าที่ดี ผมพอใจที่ต้นข้าวมันเป็นเด็กดี ถ้าไอ้โจ้มันไม่พูดต่อ
(เอ่อ…เจ้านายครับ แต่ว่าช่วงพักเที่ยงมีผู้ชายคนหนึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นพี่เข้ามาคุยกับคุณต้นข้าวด้วยครับ)
“ใคร?!” ผมตะคอกใส่ปลายสาย บอกให้ไอ้โจ้ส่งรูปมาให้ดู คนนี้ผมไม่เคยเห็นหน้า แต่คิดว่ามันคงมาตามจีบเมียผมแน่นอน เห็นผมไม่อยู่ก็ได้โอกาสเข้าใกล้เลยแม่ง! แล้วเมียที่น่ารักมันก็ไม่เคยรู้อะไรกับเขาเลยนอกจากคิดว่าเขามาดี
“ต่อสายหาเมียกูเดี๋ยวนี้!!”
(แล้วนายไม่คิดว่าคนอื่นจะดักฟังเอาเหรอครับ ผมว่าอย่าเสี่ยงเลยดีกว่า)
“งั้นวันนี้มึงเอาไอ้ตัสไปนอนกับต้นข้าวด้วย ทำเหมือนมึงมาหามันที่ห้อง แล้เอาโทรศัพท์มึงให้มันคุยกับกู” ผมสั่ง เพราะเครื่องไอ้โจ้มันออกแบบมาพิเศษ มันจะให้ผมลงโปรแกรมนี้ด้วยแต่ตอนนั้นผมไม่คิดว่ามันจำเป็นต้องใช้ไง สุดท้ายแม่งก็ได้ใช้จริง
(ครับ งั้นรอสักสิบนาทีผมจะติดต่อไปใหม่ แล้ว…เจ้านายสบายดีไหมครับ?”)
“อยู่ไกลบ้านมันจะไปสบายอะไรวะ ถึงแล้วโทรมานะ กูจะรอ”
(ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะเจ้านาย) โจ้มันรีบวางสายคงไปปลุกเมียให้ไปห้องของผม ใจมันร้อนไปหมด อยากจะเห็นหน้า อยากจะได้ยินเสียง จะใช้ไอ้โจ้ตลอดก็ไม่ได้เดี๋ยวไอ้ลมมันสงสัยเอา เพราะกว่ามันจะมาที่อิตาลีก็เป็นอาทิตย์ เพราะต้องเตรียมรับมือกับมันอีกแล้วหรอวะเนี่ย
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ