แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  54.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

36) ตอนที่ 35

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 35

  

    

 

 

ต้นข้าว

 

“พี่โจ้ว่าไงนะครับ ไอ้หล่อ…มันจะคุยกับผม?” ผมโคตรจะดีใจที่ได้คุยกับมัน แต่ก็ยังน้อยใจที่มันหายไปซะดื้อ ๆ มึงทิ้งกู กูจะงอน!

 

“กูเอง ต้นข้าว” ผมกรอกเสียงลงไป พี่โจ้กับน้องตัสเดินลี่ยงออกไปจากห้องนอน ผมกลิ้งตัวคว่ำหน้าเมื่อเห็นไม่มีใครอยู่ในห้อง

 

(……..คิดถึง คิดถึงชิบหาย)

 

แค่เสียง…ก็ทำให้กูรู้สึก…

 

คิดถึงจนใจจะขาด

 

อย่าทำน้ำเสียงแบบนี้ ใจกูจะขาดตามไปด้วย

 

“มึง…มีอะไรอยากจะพูดกับกูไหม…อยากจะบอก…ในสิ่งที่กูยังไม่รู้” ผมเว้นหายใจบังคับเสียงตัวเองให้เปล่งออกมา มันเหมือนมีก้อนแข็งจุกอยู่ที่คอ น้ำมูกเริ่มไหล และตาผมเริ่มที่จะร้อนผ่าว

 

(กูรักมึง…อยากกอด…อยากหอม…อยากนั่งมองหน้ามึงเวลาโกรธ…อยากสัมผัสทุก ๆ อย่างที่กูจะทำได้…กูขอโทษ…ขอโทษนะครับที่หงุดหงิดใส่ ขอโทษที่ทำให้มึงร้องไห้…มึงร้อง…อีกแล้วสินะ)

 

ฮึก มึงรู้อีกแล้วนะ รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวกู มีแต่กู…ที่ไม่เคยรู้อะไรเลย

 

“ไม่ได้ร้อง ฮึก สักหน่อย กูหัวเราะอยู่ไอ้สัส” ผมปาดน้ำตายิ้มให้ตัวเอง ตบแก้มเบา ๆ เรียกสติให้กลับมา ยิ่งผมเศร้ามันก็จะเศร้ายิ่งกว่า เพราะมันรักผมมาก มากจนไม่รู้ว่าผมจะใช้คำว่าอะไรดี

 

(ข้าว…เราหนีไปด้วยกันไหมวะ หนีไปให้ไกลจากทุกคน หนีไปที่ไหนก็ได้ กู…อึดอัด ทำไมวะ…ทำไมการที่กูจะรักใครสักคนแม่งถึงได้ยากนัก ทำไมต้องมีเรื่องเข้ามาตลอด ทำไมกูถึงไม่มีความสุขกับเขาสักที ทำไม…กูต้องแยกห่างจากมึงด้วยวะ กูคงทนได้ไม่นาน จริง ๆ นะข้าว กูห่างกับมึงแค่ไม่กี่นาทีก็จะตายห่าแล้ว แต่นี่กูต้องห่างกับมึง…เป็นปี)

 

เสียงไอ้หล่อมันขาดหายไปเปลี่ยนเป็นเสียงลมหายใจที่แปลกออกไป มันกำลังกลั้นสะอื้น เหมือนกับผมตอนนี้ที่ยกมือปิดปากตั้งแต่มันเริ่มพูดขึ้น

 

เพราะเรา…ไม่เคยห่างกัน

 

เพราะเรา…อยู่ด้วยกันเกือบทุกเวลา

 

เพราะเรา…เริ่มจากความผูกพัน

 

เพราะเรา…ผ่านเรื่องร้ายมาด้วยกัน

 

เพราะเรา…เริ่มขาดกันไม่ได้

 

และเพราะเรา…รักกันไปแล้ว

 

มีคนเคยบอกว่าความรักแบบผมมันเป็นความรักที่ไม่ยั่งยืน ถ้าไม่มีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวเราก็จะอยู่ด้วยกันไม่รอด และถ้าไม่มีเงินเราก็จะทะเลาะกันจนแยกตีจากกันไปในที่สุด ทั้งเรื่องการเข้าสังคม และเรื่องคนรอบข้างที่จะมองพวกผมแปลก ๆ แต่ในวันนี้ผมได้พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า….

 

ต่อให้คนที่ผมรักมันจะเป็นยังไง จะพิการหรือยากจน ผมก็จะสู้ไปด้วยกัน สิ่งของภายนอกเราสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่ความเข้าใจและความรักที่ยั่งยืนเราสร้างขึ้นมาไม่ได้

 

อาจจะคิดว่าผมโกหกและเพ้อไปเองคนเดียว แค่ไม่ถึงปีมันจะมาพิสูจน์อะไรได้ ครับ…ผมก็พูดไม่ได้เต็มปากหรอกว่าทางข้างหน้าผมจะเป็นยังไงต่อไป แต่ในวันนี้ ตอนนี้ ผมเพียงแค่คิดว่าจะรักษารักของเราให้ยาวนานที่สุด จะได้ไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมา และไอ้หล่อก็ทำให้ผมรู้สึกว่า…

 

ผมไม่เสียใจเลยที่ได้รักมัน

 

“เพทาย…ไม่ว่าเหตุผลของมึงที่ต้องไปคืออะไร แต่กูจะเชื่อใจมึง ขอแค่มึงบอกให้กูรอ กูก็จะรอ…”

 

(….รอ…ต้นข้าวรอเพทายนะครับ สองปีที่เพอยู่ที่นี่ เพจะตั้งใจเรียน เพบอกไมได้ว่าจะมีคนมายุ่งกับเพไหม แต่เพจะไม่ยุ่งกับใครสักคน เพมีแค่ต้นข้าว มีแค่เมียคนนี้คนเดียว ขอแค่ต้นข้าวเชื่อใจและไว้ใจผู้ชายคนนี้ เชื่อ…ว่าเพรักต้นข้าวมาก เพจะกลับไป…กลับไปหาต้นข้าวแน่นอน)

 

ผมพยักหน้าบ้าอยู่คนเดียว จนปลายสายเงียบหายไปและแทรกมาด้วยเสียงของดาต้าที่ผมจำได้ดี เวลาของเราจะหมดลงแล้วเหรอ ผมเพิ่งได้คุยกับมันเองนะ อย่าเพิ่งได้ไหม ผมขอเวลาอีกไม่กี่นาทีเพื่อบอกรักมันก่อน อย่าเพิ่งวางนะไอ้หล่อ

 

“กูรักมึง รอนะ รอมึงกลับมา” ผมรีบพูดก่อนไอ้หล่อมันจะบอกว่ารักผมกลับ สายถูกตัดไป เวลาของเราหมดลงแล้วสำหรับวันนี้ ผมวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงนอนหงายมองเพดานที่ช่วยกันซื้อสติ๊กเกอร์มาแปะกับไอ้หล่อ มีรูปเราที่ลอยอยู่เป็นสายระโยงระยาง

 

รัก…ที่สุด…

 

……………………………………………………………

 

ผมยังคงใช้ชีวิตปกติเช่นทุกวัน ที่เพิ่มเติมคือตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมเพื่อเลื่อนชั้นขึ้นปี 3 ผมจะอายุ 20 แล้วครับ ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ ปีที่แล้วผมไปฉลองกันที่ผับกับพวกไอ้เต้ยและพี่ ๆ ที่รู้จัก พี่ต้นน้ำซื้อหนังสือการ์ตูนยกเซ็ตมาให้ผมเป็นของขวัญ ไอ้เต้ยให้ตุ๊กตาและปิดท้ายด้วยไอ้คู่ดูโอ้กิมมิกที่มันซื้อถุงยางกับเจลหล่อลื่นมาให้ผมชุดใหญ่ ผมในตอนนั้นก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่มีอะไรกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วน เป็นเพราะผมน่ารักและเจ้าชู้มาก มากพอ ๆ กับไอ้ฟางในตอนนี้ ที่ได้ข่าวว่าเจอพี่ตี๋กักบริเวณไม่ให้ไปไหนสามวัน

 

ไอ้เต้ยมันก็กลับบ้านไปกับพี่แซม พาสามีไปเปิดตัวกับทางผู้ใหญ่ มันเล่าให้ฟังว่ามีแต่คนชอบพี่แซม เพราะพี่แซมหล่อและเป็นคนที่สุภาพมาก มารยาทก็ดีไม่ทำอะไรเกินงาม เรื่องความรักของมันเลยราบรื่น แต่มันก็บ่นๆ อยู่ว่าจะให้สามีมันไปเรียนต่อที่เมืองนอก มันไม่อยากปิดกั้นความฝันของใคร เต้ยมันเป็นคนที่ดีและเข้าใจง่ายคนหนึ่ง แต่ทางฝั่งของพี่แซมเองนั่นแหละที่ไม่ยอมไป เหตุผลง่าย ๆ ก็เพราะกลัวมีคนมาจีบไอ้เต้ย ผมคิดไปก็ขำไป อย่างไอ้เต้ยมีแต่ผู้หญิงเข้าหา ผู้ชายท่าจะยาก

 

“นั่งยิ้มอะไรคนเดียวข้าว” เสียงพี่ต้นที่ดังมากทางหน้าบ้าน พี่พีชกำลังจะกลับมามองเห็นอีกครั้งแล้วครับ เห็นว่าได้หมอดีจนเฮียเพลงไปตามเฝ้าทุกครั้งที่ต้องไปตรวจตาหรือทำอย่างอื่น ก็ไม่รู้เฮียแกคิดอะไรอยู่ แต่ผมรู้สึกสงสารคนที่เฮียชอบขึ้นมาเลย

 

“ครับ ก็คิดไปเรื่อย แล้ววันนี้พี่ต้นไม่ไปทำงานเหรอครับ”

 

“วันนี้พี่อยากอยู่กับน้องชายพี่มากกว่า กลัวจะฆ่าตัวตายไปซะก่อนจะเห็นหน้าสามี”

 

“ผมไม่ได้บ้าขนาดนั้นนะ ไอ้หล่อมันกำลังเรียนอยู่ ผมเข้าใจ”

 

“แน่ใจ? แล้วเมื่อคืนใครนะนอนร้องไห้ทั้งคืนเลย” ผมหลบสายตาที่จ้องมองมาอย่างล้อเลียน ก็คนมันคิดถึงแต่ไม่ได้คุย มีทางเดียวที่ผมจะทำให้ตัวเองหลับได้ก็คือเพ้อหนักและร้องไห้จนหลับไป

 

“เสียงใครดังหน้าบ้านน่ะน้ำ” เฮียพีชตะโกนขึ้นมา พี่ต้นเดินออกไปดูเป็นพี่น่านน้ำกับพี่น่านฟ้าคนสวยที่มาเยี่ยมเฮียพีชเกือบทุกวัน และ…

 

ต้องได้เถียงกับพี่ชายผมเกือบทุกครั้งที่เจอหน้า

 

“ไม่รู้จะมาทำไมบ่อย ๆ” ต้นน้ำโอบคอคนรักแสดงความเป็นเจ้าของ น่านน้ำยิ้มกวน ๆ คุกเข่าลงตรงหน้าพีชที่นั่งไม่รู้เรื่องอยู่ ก่อนมือน่านน้ำจะกุมมือพีชไว้เบา ๆ

 

“เป็นยังไงบ้างพีช น่านซื้อขนมของโปรดพีชมาเยอะแยะเลยนะ”

 

“ตู้เย็นเต็มจนไม่มีที่จะวางแล้วยังจะขยันซื้อมาอีก เยอะแยะขาดนี้พีชคงกินหมด หึ”

 

“น้ำ! พีชไม่เห็นน่านจะเถียงน้ำสักคำ มีแต่น้ำนั่นแหละ หาเรื่องเขาตลอด” ต้นน้ำบีบไหล่คนรักไม่แรงย่อตัวลงเอาหน้าไปซบกับแขนนิ่ม

 

“พีชจะไปเห็นได้ไง น้ำก็แค่พูดแต่เพื่อนพีชทำหน้าเยาะเย้ยน้ำ” น่านน้ำงงชี้มาที่ตัวเอง “และยังด่าน้ำลับหลังพีชสารพัดอีก น้ำก็เก็บเอาไว้ไม่อยากจะฟ้องพีชเลยนะครับ” ต้นน้ำยักคิ้วส่งให้คนที่เพิ่งโดนใส่ร้ายป้ายสีสด ๆ ร้อน ๆ

 

“ฟ้าเพิ่งรู้นะว่าน้ำพัฒนาไปมาก ฮ่า ๆ อย่างนี้พี่ชายต้องสู้เขานะคะ อย่าไปยอมน้ำเด็ดขาด” น่านฟ้าหยิบถุงขนมเข้าไปใส่จานให้พีชในครัว

 

“พีชน่านไม่ได้…”

 

“ครับ พีชรู้ รู้ว่าใครมันซานตาน ใครมันเจ้าชาย”

 

“พีชว่าใครซาตาน” ต้นน้ำร้อนตัวเอ่ยถามคนรัก

 

“ก็คนไหนโกหกจะเป็นซาตาน ถ้าน้ำไม่ได้โกหกก็อย่าร้อนตัวสิครับ เอ๊ะ! หรือว่าเมื่อกี้น้ำโกหกกันล่ะ?”

 

“ก็…” ต้นน้ำเหลือบมองหน้าน่านน้ำ “ลืมไปว่าคุยค้างกับต้นข้าวเอาไว้ อยู่กันสองต่อสองอย่าทำอะไรพีชนะ” ไม่วายข่มขู่เสียงเขียว

 

“ครับ แต่ถ้าพีชลวนลามผมก็ว่าไปอย่าง”

 

“เถียงกันไปมาเหมือนคนบ้า พีชอยากกินทองหยอดจะแย่แล้ว เมื่อกี้ได้กลิ่น ใช่รึเปล่าน่าน?”

 

“อืม เดี๋ยวน่านพาเข้าไปนะ”

 

“ไม่ต้องหรอกครับ เมียผม ผมดูแลเอง มาพีช น้ำจะพาเข้าไปนั่งกินสบาย ๆ นะ” ต้นน้ำประคองคนรักเข้าบ้าน น่านน้ำเดินตามส่ายหน้าน้อย ๆ

 

…………………………………………………………………………… 

 

เพทาย

 

สภาพร่างกายของผมในตอนนี้ไม่ต่างกับตอนที่อยู่ที่ไทยมากนะ อาจจะมีน้ำมีนวลมากขึ้นเล็กน้อยเพราะผมไม่ค่อยจะได้ออกกำลังกายอย่างที่เคยทำประจำ เรื่องการเรียนก็ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากที่เกิดปัญหากับการใช้ชีวิตอยู่บ้าง ไหนจะเรื่องเวลานอนที่ไม่คุ้นชิน การเดินทางและสภาพอากาศที่หนาวมาก ผมกอดตัวเองพ่นควันขาวออกมาปากซีดสั่น ขนาดใส่เสื้อหนาขนาดนี้ยังจะรู้สึกว่าร่างกายยังต้องการความอบอุ่นมากกว่านี้ แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม แม้อากาศจะหนาวเพียงใด แต่หัวใจผมกลับอบอุ่นไม่หนาวอย่างที่ควร

 

กี่เดือนแล้วนะ ที่ผมห่างไกลจากบ้านและคนรักมา ถ้านับกันจริง ๆ วันนี้ก็เข้าเดือนที่สามได้ เวลาผ่านไปไวเสมอ แต่ผมอยากจะเร่งให้มันไวกว่านี้ อยากเจอต้นข้าวสักครั้ง รู้ว่ายิ่งคิดจะยิ่งเจ็บแต่มันก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ทุกที

 

“ยิ้มได้แล้วสิน้องชาย” เสียงเฮียเพลงขัดจังหวะความคิดที่โลดแล่นของผมที่ข้ามไปต่างแดน ผมมองบรรยากาศนอกร้านกาแฟที่หิมะยังคงตกมาอยู่ตลอดทั้งวัน

 

“ครับ ถ้าไม่ได้เฮียเพคงแย่”

 

“ถ้าอยากขอบคุณก็ยกต้นข้าวให้เฮียสิ”

 

“ข้ามศพเพไปก่อนเถอะ เมื่อไหร่เฮียจะเลิกเจ้าชู้นะ ให้ตาย” ผมจับหูกาแฟขึ้นจิบ ไล่ควันร้อนให้หันไปอีกทาง

 

“เพราะเฮียยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหากล่ะ คนเรามีสิทธิ์ที่จะเลือก เฮียก็ขอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองบ้างไม่ได้เหรอ มันอาจจะใช้เวลานาน แต่เฮียก็จะตามหาต่อไปเรื่อย ๆ” แววตาที่ไม่ได้ล้อเล่นเหม่อมองออกไปด้านนอก

 

“แล้วคนนั้นยังไม่ใช่อีกหรือไง เรื่องมากเดี๋ยวคนอื่นก็คว้าไปนะครับ”

 

“อะไรที่เป็นของเราต่อให้เหวี่ยงไปไกลแค่ไหนก็ต้องกลับมา และฟังไวนะเพ ดอกไม้มันอาจจะสวยงามแต่ในเกสรมันอาจจะมีพิษร้าย อย่างมองคนแค่ภายนอก”

 

“คิดดี ๆ กับเขาก็เป็นแฮะ นึกว่ามีแต่เรื่องบนเตียง” ผมพูดหยอกล้อ เฮียเพลงเอากำปั้นมาทุบลงบนหัวผม

 

“เรื่องร้าย ๆ เฮียมีเยอะแล้ว ขอเรื่องดีบ้างไม่ได้ไง”

 

“ครับ ๆ ดีใจด้วยที่เฮียโตแล้ว”

 

“ถ้าเป็นคนอื่นโดนกระทืบไปแล้วนะเจ้าเพ เอาเถอะ เห็นว่าเมียหนีไปมีชู้ เฮียเข้าใจ” เพลงทำหน้าเห็นใจตบบ่าน้องชาย

 

“ไม่ใช่ชู้นะครับ! คนนั้นแค่รุ่นพี่ เฮียอย่ามาพูดให้เพคิดมาก” ผมมองค้อน

 

“ใช่เหรอออ เอาขนมมาให้ ชวนไปเที่ยว ไหนจะ…มาหาถึงบ้านเลยนะ แถมเฮียน้ำก็ดูจะปลื้มด้วย” เพลงพูดไปเรื่อยสายตาเหล่มองน้องชายที่นั่งเงียบ

 

“ไม่มีทาง ก็แค่ว่าที่หมอประจำตัวเฮียพีชเท่านั้นแหละ จะเจอต้นข้าวบ่อย ๆ มันก็ไม่แปลก และต้นข้าวก็บอกเพแล้วด้วยว่าไอ้หมอซัมเมอร์มันแค่พี่อีกคน พี่ครับเฮีย!” ผมตอกย้ำความสัมพันธ์ให้เฮียเพลงได้รับรู้ว่ามันไม่ทางเป็นไปได้ในทางชู้สาว

 

ผมจริงจังนะเว้ย เรื่องเมียเรื่องใหญ่ เพราะเมียใหญ่ที่สุดในบ้าน

 

“รักกันดีจังนะ น่าอิจฉา”

 

“หาสักคนสิครับ แก่แล้วนะ ระวังจะได้ขึ้นคาน ฮ่า ๆ” ความจริงผมก็แอบสงสัยอยู่ว่าเฮียซ่อนใครเอาไว้รึเปล่า เฮียพีชเคยเล่าให้ฟังว่าเฮียเพลงแอบติดเด็กแถว ๆนี้  แล้วมันใครล่ะวะ

 

“ปากแกนี่นะ เดี๋ยวให้ไอ้ลมปล้ำอีกรอบ” ผมหน้าเศร้าลง เฮียเพลงมองก่อนจะพูดต่อ “ขอโทษว่ะ ลืมตัวไป”

 

“ไม่เป็นไร มันผ่านมาก็ดีแล้ว เห้อ~ ไม่อยากจะคิดเลยว่าเด็กผู้ชายคนเดียวจะร้ายขนาดนี้ ถ้าวันนั้นเฮียไม่มาหาเพที่ห้อง เพคงจะ…” คงจะตื่นมาและรู้สึกผิดไปจนตาย

 

ผมลืมเล่าเรื่องมันเมื่อเดือนที่แล้วไปสินะ มันชื่อไอ้ลม เป็นหลานอีกคนของปู่ผมเอง เรื่องมันเกิดเมื่อตอนผมกลับมาจากมหา’ลัยในช่วงเย็น ตอนนั้นผมคิดมากเรื่องไอ้หมอซัมเมอร์มาก ทั้งกลัวและหวาดระแวงไปหมด ต้นข้าวมันหนักแน่นผมเข้าใจ แต่ผมไม่ไว้ใจไอ้หมอนั่นต่างหาก แล้วยังไง? ผมก็เผลอดื่มกับเพื่อนใหม่ไปนิดหน่อย สติก็พอมีแต่จะไปสู้คนเล่นทีเผลอได้ยังไง ไอ้ลมมันเอาคนมาตีท้ายทอยผมจนสลบก่อนจะลากเข้าไปในห้อง จัดฉากว่าผมกับมันมีอะไรกัน แต่เฮียเพลงฉลาดกว่าเอากล้องวงจรปิดมาติดเอาไว้ตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ แล้วครับ ผมก็ไม่ทันคิดไง เห็นว่าเป็นบ้านปู่คงไม่มีทางที่มันจะทำอะไรผมได้ และโชคดีอีกอย่างคือวันนั้นเฮียเพลงมาหาผมโดยไม่บอกใครล่วงหน้าเลย มันเห็นเคาะห้องไม่มีใครเปิดเลยเปิดเว็บเข้าส่องดูกล้องที่ติดเอาไว้ แค่นั้นแหละครับ….

 

เฮียเพลงให้ดาต้าลากไอ้ลมออกไปไหนไม่รู้ หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เคยเห็นหน้ามันอีกเลย เรียกว่าเฮียเพลงเอาใจผมไปเต็ม ๆ เลย ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย เพราะถ้าเฮียไม่เอากล้องมาติดให้ ไม่มาหาที่ห้อง ผมคงต้องทะเลาะกับปู่ มีปัญหากับต้นข้าวและความรักของผมคงจะ…จบลงก็ได้

 

ผมจึงไม่คิดจะประมาทอีก และเล่าความจริงทุกอย่างให้ต้นข้าวฟัง มันด่ากลับมายับจนผมต้องยกหูหนี มันไม่ได้ด่าเรื่องที่โง่ให้เขาปล้ำ แต่มันด่าเรื่องไปดื่มกับเพื่อนเนี่ยแหละครับ มันห่วงว่าผมจะขับรถกลับไปชนใคร มันร้องไห้ทีผมไม่กล้าไปอีกเลย

 

“เพสงสัย เฮียทำอะไรกับไอ้ลม มันถึงหายหัวไปเลย”

 

“หึ ใครเลวมาเฮียก็แค่ใช้วิธีเลว ๆ กลับ อย่ารู้เลย เพจะรับไม่ได้มากกว่า” เพลงโบกมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน

 

“ยิ่งพูดให้อยากรู้เลย”

 

“สบายใจได้ อย่างเฮียลงมือแล้วไม่มีกลับมาแว้งกัดแน่นอน หน้าที่ของเพตอนนี้คือเรียนให้จบก็พอ” ผมพยักหน้าหนักแน่น

 

“ครับ เพกำลังวางแผนชีวิตตัวเองอยู่  ที่ผ่านมาเพเล่นมามาก ทำให้ป๋าและเฮียเสียใจมามาก ขอโทษนะครับ”

 

เมื่อเราเติบโตขึ้นและได้เผชิญปัญหาอะไรมากมาย การเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่มันก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่น ๆ อีกต่อไป ผมอยากก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับครอบครัวและคนที่ผมรักได้อย่างมีความสุขที่สุด ผมวาดฝันเรื่องอนาคตเอาไว้สูง เพราะเรายิ่งหวังสูงก็ยิ่งถีบตัวเองให้สูงตามไปด้วย เมื่อมีล้มก็ต้องมีลุก ปัญหาแต่ละอย่างมันไม่ได้ผ่านไปง่ายเหมือนหยิบขนมเข้าปาก แต่มันต้องใช้ทั้งสมอง สติ และทัศนคติของคนอื่น ๆ ที่เราควรยอมรับให้ได้

 

ผมเป็นคนหนึ่งที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เมื่อผมอยากได้ผมก็ต้องได้ แต่เรื่องราวที่ผ่านมาสอนให้ผมเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และไม่อายที่ขอความช่วยเหลือเมื่อยามเราลำบาก เราอาจจะเติบโตได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่มันจะไม่เหนื่อยไปเหรอกับการที่ต้องต่อสู้อะไรคนเดียว ผมมีครอบครัว มีเพื่อน มีคนรัก ทุกคนพร้อมจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ ผมโชคดีกว่าคนอื่นมากนัก

 

กูโตแล้วนะต้นข้าว กูพร้อมจะดูแลมึงแล้ว

 

…………………………………………………………………………………..

 

เมื่อกลับมาถึงบ้านปู่ผมก็เห็นรถจอดเรียงรายกันมากกว่าเดิม คันหนึ่งที่จำได้ดีเป็นรถของป๋าที่ใช้เวลาอยู่อิตาลี แล้วอีกหลายคันที่เหลือมันรถใครกัน

 

“มาแล้วเหรอเจ้าเพ” เสียงป๋าทักผม ผมถอดรองเท้าเปลี่ยนเป็นรองเท้าใส่เดินในบ้านยกมือไหว้ญาติผ็ใหญ่ที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง

 

“สวัสดีครับ” ผมนั่งลงข้างป๋า ป๋ายิ้มยกแขนโอบบ่าผม

 

“มีเมียไม่บอก อย่างนี้มันน่าจับมัดแล้วยิงทิ้ง” ถ้าจำไม่ผิด คนนี้เป็นเพื่อนสนิทของปู่ที่เจ้าเล่ห์มาก ๆ

 

“ครับ?” ผมโคตรจะงง มันเรื่องอะไรกันวะ

 

“ได้ข่าวว่าหล่อมาก ชักอยากจะเห็นหน้า” เสียงเพื่อนป๋าพูดขึ้น คนมันเยอะมากครับ เรียกว่าเต็มห้องโถงข้างล่างเลย ผมมองหน้าป๋า

 

“เขารู้กันหมดแล้วเพ ปู่เราเป็นคนบอกเอง ตอนแรกก็ค้านกันอยู่ แต่ว่า…เพราะปู่เราอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ เรื่องมันเลยง่ายๆ แบบนี้แหละ” ผมมองปู่

 

“ปู่เนี่ยนะ?” ถึงท่านจะให้ผมติดต่อกับคนที่ไทยได้ (ซึ่งผมโทรหาเมียเกือบทุกนาทีจนมันบ่น) แต่เรื่องออกตัวแทนผมยังไงก็ไม่น่าเชื่อ หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องไอ้ลมที่ทำให้ท่านคิดได้วะ

 

“ไม่ต้องดีใจไปหรอก ถ้าฉันยังไม่เจอคนรักของแก ฉันก็ไม่ให้แกคบกันอยู่ดี ยังไงช่วยจัดการนัดวันให้ฉันด้วยแล้วกัน” พูดจบก็หันไปคุยเรื่องอื่นกับเพื่อนต่อ

 

“พรุ่งนี้ป๋าจะพาต้นข้าวกับต้นน้ำ พีช และเลยไปรับเจ้าเพลงมาบ้าน เพก็แต่งตัวหล่อ ๆ ด้วยแล้วกัน พรุ่งนี้คนจะเยอะกว่านี้อีก วันนี้ป๋าแค่พาเพื่อนแวะมาหาปู่แก แต่ไม่คิดว่าปู่แกจะนัดเพื่อนไว้ด้วย เลยเยอะอย่างที่เห็นนี่แหละ” ป๋ายังคงยิ้มทั้งที่ผมโคตรจะเครียด

 

พรุ่งนี้เยอะกว่านี้!! แล้วเมียผมมันเป็นคนขี้อายชิบหาย (ถึงจะแรดกับผมก็ตาม) จะไหวเหรอวะ

 

“เพว่า…”

 

“แกพยายามมามากพอแล้ว ให้เมียแกพยายามเพื่อแกบ้างคงไม่เสียหายอะไร ป๋าไม่ได้ว่าอะไร แต่แค่อยากให้กล้าหาญให้มากกว่านี้ ด่านสุดท้ายแล้วนะ ผ่านมันไปให้ได้” ป๋าตบไล่ผมลุกขึ้นกอดคอเพื่อนหายไปหลังบ้าน  ผมเดินเหม่อขึ้นห้องจับราวบันไดพยุงตัวเองที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นไป

 

จะไหวเหรอวะ เมียผมจะไปรอดไหม ให้ตาย! เรื่องนี้ต้องรายงานเมียด่วน !!!

 

 

 

 

 TBC.

 

 

 

 ม่อนไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้เลยจ๊ะ แต่เพราะม่อนเอาความคิดของตัวละครใส่ลงไป

ไม่รู้นักเขียนคนอื่นจะเป็นเหมือนกันไหม แต่เวลาม่อนแต่ง ม่อนจะลืมตัวเองจนหมด

ม่อนแต่งไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้เรื่องจะไปทางไหน มันเหมือนเป็นเซ้นส์ก็ว่าได้ 5555 

 

แล้วที่ไม่มีพล็อตก็เพราะม่อนไม่อยากกะเกณฑ์ชีวิตตัวละคร มีแต่หัวเรื่องและบทสรุปที่วาดเอาไว้ในหัว ที่แต่งมาแล้วอินก็ต้องขอบคุณมากกก ก. ล้านตัว ไม่คิดว่าจะมีคนชอบ ^^

 

ปล. เรื่องจัดการไอ้เด็กลมจะไปอยุ่ในเรื่องเฮียเพลงนะจ๊ะ เฮียร้ายและเหี้ยมมาก 

 

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอด ทุกเม้นที่คอยบอกข้อผิดพลาดและกำลังใจจ้า

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา