แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!
5.5
เขียนโดย LemonNest
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.
42 chapter
66 วิจารณ์
54.40K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
ต้นข้าว
ผมเดินหงุดหงิดอารมณ์เสียแต่เช้า เมื่อคืนนอนไม่หลับโมโหไอ้เชี้ยนั่น! มันบอกให้มาเอาเองแต่พอผมกลับถึงบ้านพี่ต้นน้ำบอกคนชื่อโจ้โทรเข้าบ้านว่าเดี๋ยวเอามาให้ แม่งตั้งใจกวนตีนไง
บรืนนนนนน
เสียงรถสปอร์ตคันหรูดังมาจากข้างหลัง ผมแหงะไปดูไม่คิดว่าจะเป็นตัวเองที่โดนไล่บี้อยู่ตอนนี้ กว่าจะรู้ตัวร่างผมก็กระเด็นไปกองกับพื้นพร้อมกับเสียงเบรกกะทันหัน
โอ๊ย แขนกู
"เป็นอะไรไหมครับ" ผมเงยหน้ามองผู้ชายรุ่นน้องที่เดินเข้ามาช่วย อย่าหวังว่าไอ้คนชนมันจะลงมา! แม่งขับหนีไปตอนไหนผมยังไม่รู้เรื่องเลย
“แขน เจ็บแขน” ผมบอกอาการ คนที่มาสายเหมือนผมเมื่อเห็นผู้ชายรุ่นน้องกำลังพยุงผมขึ้นจึงเข้ามาช่วยอีกแรง
@ห้องพยาบาล
ซี้ดดดดดด
“พี่ใจเย็นดิ แสบคร้าบบบ” ผมสูดปากร้อง รุ่นพี่ปีสี่ที่เฝ้าห้องพยาบาลวางสำลีลงบนแท่นเหล็ก
“พี่เบาสุดแล้วน้อง มือผู้ชายเบาสุดได้แค่นี้แหละครับ” แซมเดินไปเก็บขวดยาก่อนเปิดอีกตู้หาอุปกรณ์ทำแผล
“พี่อยู่คนเดียวเหรอครับ”
“เปล่า ปกติจะมีผู้หญิงอีกสองคนแต่วันนี้ติดสอบเลยอยู่คนเดียว” แซมเดินกลับมาดูแผลที่เข่าต้นข้าวต่อ
“เดินยังไงให้ได้แผล” เขาชวนผมคุยเพื่อให้ลืมความเจ็บใช่ไหม ขอบอกมันไม่ได้ผล กูแสบมาก ToT
“อย่าพูดถึงมันเลยพี่ หึ”
“อืม วันหลังก็ระวังๆด้วยแล้วกัน เอ้า เสร็จแล้ว”
แซม นักศึกษาแพทย์ปีสาม ผมสีควันบุหรี่กับหน้าแบดๆมันไม่เข้ากับคณะที่เลือกเรียน แต่หมอมันจำเป็นต้องติ๋มๆใส่แว่นเรียนเก่งด้วยเหรอวะ ความสามารถไม่ได้วัดกันแค่ภายนอก
ผมเดินกระเผลกออกมาจากห้องพยาบาลมีของแถมเป็นเฝือกที่แขนขวา อย่าได้นึกเจ็บใจแทนผม แล้วอย่าฝันว่าผมจะจำทะเบียนรถมันได้แค้นจนต้องกลับไปเอาคืน ตอนจบแฮปปี้เอ็นดิ้งสรุปแม่งได้กันเอง โอ้โห กูคิดไปไกลเลยแม่ง
ใครมันจะไปจำได้วะ ล้มปุ๊บให้ลุกขึ้นมาดูป้ายทะเบียน กูจะจำมึงไว้นะงี้อ่อ จะบ้ากระมัง
Rrrrr
“ว่าไงมึง” ผมกดรับสายไอ้เต้ยด้วยมือข้างซ้ายเดินกระเผลกไปหาที่นั่ง แสบทั้งแขนทั้งขา
(อยู่ไหนนนนนน พ่อมึงเป็นอธิการรึไงขยันโดด) เสียงแม่งตะโดนออกมาจนต้องเอาห่างจากหู
“วันนี้กูหยุด ลาป่วย พอดีโดนรถชน” ผมบอกไปตามความจริง ผลที่ได้...
(กูไม่เชื่อ! มึงจะโดดทั้งทีไม่ชวนกูวะข้าว แม่งน้อยใจๆ)
“เต้ย กูนั่งอยู่หน้าห้องพยาบาล ไม่เชื่อใช่ไหมสัส รอแปป” ผมกดวางสายหามุมเหมาะกดถ่ายรูปส่งไปให้มันดู
Rrrrr
(ไอ้ข้าวโดนรถชนพี่ดิน พี่ตี๋!! มึงๆนั่งรออยู่ตรงนั้นกูจะไปหา) ผมได้ยินเสียงมันตะโกนบอกพี่ๆ แสดงว่าวันนี้ไม่มีเรียน
“มึงไม่เรียน?”
(เออ วันนี้ไม่เรียนอาจารย์ไปประชุม กูกะจะแกล้งมึงสักหน่อยไอ้ห่า)
“ดี มารับกูด้วย แค่นี้นะ” ผมวางสายเต้ย มีแรงสะกิดจากด้านหลังผมหันไปมองเจอพี่แซมชูถุงยาขึ้นตรงหน้า
“ยาแก้ปวดจะไม่เอาเหรอครับ” แซมหน้าดุท่าทางตำหนิ ผมยกมือไหว้ยิ้มแหย
“ลืมคร้าบบบ”
“พี่นึกว่าเราไปแล้วนะ นั่งรอใครมารับ” ไม่ถามเปล่าเดินมานั่งข้างๆอีก ผมรูดซิปกระเป๋าโยนยาใส่เข้าไป
“เพื่อนครับ พี่อะ มานั่งทำอะไรตรงนี้” ผมถามกลับ
“พี่อ่อ มานั่ง....อ่อย...” แซมยิ้มมุมปากจ้องหน้าผมดวงตาเป็นประกาย ผมหน้าเหรอหราหันหน้ามองตรง
“อ่อยสาวน่ะ สมัยนี้สาวๆชอบหมอหล่อ พี่ตรงสเปคบ้างไหม”
“ถามผมเหรอ?” ผมชี้ตัวเอง
“อืม”
“พี่หล่อนะ พูดเพราะ นิสัยน่าจะดี ผมให้ผ่าน” ผู้หญิงชอบอยู่แล้ว ผมคิดว่าร้อยทั้งร้อยก็ชอบ
“งั้นเหรอ...แล้วมีสิทธิ์คบไหม” แซมถามต่อเรื่อยๆ
“โห ใครจะกล้าปฏิเสธ พี่จีบเลย ใครหักอกพี่นะก็ควายแล้ว” ผมพูดจริงนะ พี่เขาโคตรหล่อเลย
“ถ้างั้น...”
“...”
“พี่จีบน้องก็ติดอะดิ”แซมยิ้มเจ้าเล่ห์ลุกขึ้นปัดมือที่เปื้อนฝุ่นออก ผมได้แต่นั่งอึ้งกำลังประมวลคำพูดนั้นในสมอง
“แล้วพี่จะจีบเรานะ เจอกันครั้งหน้าเรียกพี่แซมก็ได้ครับ”
“แซม! น้องเขาปวดท้องมาดูหน่อยเร็ว” เสียงพี่ผู้หญิงหนึ่งคนดังมาแต่ไกลพร้อมร่างผู้ป่วย พี่แซมขยิบตาให้ผมวิ่งไปอุ้มร่างผู้ป่วยเข้าไปในห้องพยาบาล
“เฮ้ยพี่ มันไม่ใช่แบบนั้น...ผมหมายถึงผู้หญิง โธ่ ปากมึงนะไอ้ข้าว” ผมตะโกนไล่หลังแต่ไม่ทัน
………………………………………………………………….
“ไหนเอาเฝือกมาเขียนหน่อยดิ้” ผมนั่งหน้างอมองเพื่อนสามตัวที่หยิบเมจิกมาทำท่าจะเขียนจริง ไม่ห่วงสุขภาพกูหน่อยเหรอเพื่อน
“เขาให้เขียนตอนถอดไม่ใช่เหรอกิม” มิกถามหน้าซื่อ
“กูแค่แกล้งมันเล่น ไอ้ห่านี่โง่ทุกเรื่อง”
“แล้วมึงจำหน้ามันได้ป่ะ” เต้ยถาม ผมใช้เท้าถีบมันที่เอามือมาลูบขาเล่นอยู่ได้
“ไม่ว่ะ สงสัยช่วงนี้ดวงตก ซวยซ้ำซวยซ้อน” ผมยกน้ำขึ้นดื่ม
“หืม นอกจากโดนรถชนกูก็ไม่เห็นมึงจะเจออะไร” เต้ยถามสงสัย ผมสำลักน้ำวางแก้วลงทุบอกตัวเอง
“เออ สรุปว่าซวยนั่นแหละ”
กิมกับมิกมันตกลงกันว่าวันนี้จะไปส่งผมที่บ้าน มิกมันรวยมีรถใช้หลายคัน กิมมันพอมีพอกินมีรถแต่เสือกขับไม่เป็น ผมแม่งจนสุดแล้วมั้ง แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เพราะเราคบกันด้วยใจล้วนๆ
“นั่นพี่ต้นน้ำนี่หว่า” ผมมองตามมือไอ้กิม พี่ต้นน้ำจริงด้วยแล้วกำลังโทรหาใคร ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“เอ้า ไม่ได้โทรหากูนี่หว่า”
“เรียกดิ พี่ต้นน้ำครับ!!” เต้ยตะโกนเสียงดัง ต้นน้ำหันมาก่อนจะยกมือให้เงียบก่อน
“มึงก็นะ เขาคุยโทรศัพท์อยู่ไอ้ห่า แล้วตกลงเอาไงข้าว จะกลับรถมิกป่ะเนี่ย” กิมถามเมื่อเห็นพี่ต้นน้ำ
“ไม่รู้ดิ เดี๋ยวกูเข้าไปถามก่อน” ผมเดินข้ามถนนไปหาพี่ต้นน้ำ ได้ยินเสียงคุยกับปลายสายอยู่จึงยืนรอแทน
(ผมว่าคุณไม่จำเป็นต้องมาสอนผมหรอก ป๋าให้เงินเท่าไหร่ผมจะให้สองเท่า ขอแค่คุณไม่บอกป๋าเรื่องนี้)
“ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่ใช่คนผิดคำพูด แค่วันนี้วันเดียวผมติดสอบตอนเย็น” ต้นน้ำพูดเสียงเครียด
ผมได้ยินเสียงจากปลายสาบและรู้ว่าเป็นใครด้วย พี่ต้นน้ำไม่น่าไปสอนคนอย่างมันให้เสียเวลาเลย
(พูดยากจังวะ โจ้! เอาคืนไปแล้วบอกเขาว่ากูไม่เรียน) มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!
“เห้อ คุณโจ้ครับ ช่วยผมหน่อยเถอะ วันนี้ผมติดสอบจริงๆช่วยคุยให้ผมหน่อย” เหมือนคนชื่อโจ้จะพูดอะไรสักอย่างผมไม่ได้ยิน พี่ต้นน้ำกดวางสายหน้าเครียดเหมือนตัดสินใจไม่ได้
“ถ้ามันมีปัญหามากนักก็ปล่อยๆไปเหอะพี่”ผมไม่ทนนะเจอแบบนี้ ไอ้นิสัยคุณชายขี้เหวี่ยงโคตรเกลียดเลย
“ไม่ได้หรอก พี่รับปากนายท่านไว้แล้ว คุณเพทายเขาเป็นแบบนี้แหละ”
“นิสัยแย่! แล้วพี่จะทำยังไง”
“ต้นข้าว พอได้วิชาคณิตศาสตร์ไหม?” ต้นน้ำถามทั้งที่รู้คำตอบในใจอยู่แล้ว
“ครับ พี่ถามทำไม?”
“ช่วยพี่หน่อย วันเดียวนะ ไปสอนคุณเพทายให้หน่อย” ผมส่ายหน้าตอบอย่างเร็ว โอ๊ย ไอ้คุณชายนั่นอะนะ
“ไม่อะ! ให้ตายข้าวก็ไม่ไปนะพี่ ข้าวไม่ชอบ”
“นะ ใกล้เวลาสอบแล้วด้วย พี่จะโทรบอกคุณโจ้ว่าข้าวจะไปสอนแทน” ผมลังเลมองหน้าพี่ต้นน้ำที่คิ้วขมวด
“วันเดียวนะ” ต้นน้ำยิ้มออกจับมือน้องชาย
“อืม วันเดียวเองนะ นะต้นข้าว”
“ได้ แต่แขนข้าวใส่เฝือกคงจะสอนไม่ถนัด”
“ไม่เป็นไร งั้นข้าวรออยู่ตรงนี้ พี่จะโทรเรียกคุณโจ้มารับ”ผมอือออไปเดินกลับไปหาเพื่อนสามคนที่รออยู่
“ตกลงว่าไง” เต้ยถาม
“พวกมึงกลับไปก่อนเลยกูมีธุระต้องไปทำต่อ”
“อะไรวะ ตกลงกลับกับพี่ต้นน้ำ?” กิมถามลุกขึ้นสะพายเป้ มิกมองหน้าผม
“ก็...ประมาณนั้น” ผมเลี่ยงที่จะอธิบายต่อ กิมกับมิกโบกมือลาเดินไปที่รถ เต้ยขึ้นคร่อมมอ'ไซค์ใส่หมวก
“ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วย”
“เออๆ มึงกลับดีๆแล้วกัน” ผมโบกมือให้เต้ยก่อนเดินข้ามไปอีกฝั่ง มีรถสปอร์ตคันสวยจอดรออยู่พร้อมคนใส่ชุดสูทอีกสองคน ผมคุยกับพี่ต้นน้ำก่อนจะก้าวขึ้นรถ
…………………………………………………………………….
สองข้างทางเป็นต้นไม้ยาวทั้งแถบไม่มีบ้านสักหลังเหมือนเป็นเส้นทางเฉพาะที่ถูกสร้างขึ้น ไม่นานผมก็มาถึงที่หมาย พี่ที่ขึ้นรถมาด้วยจะมาเปิดประตูให้แต่ผมเปิดออกไปก่อน เหมือนคุณชายไงก็ไม่รู้
“คุณโจ้ให้พาไปห้องคุณชาย” พี่คนขับรถบอกพี่ที่จะเปิดประตูให้ผม
“อืม เข้าใจแล้ว” ผมเดินตามพี่เขามาตาก็มองรอบบ้านที่โคตรใหญ่! กำลังคิดว่าบ้านนี้ต้องเคยเอามาถ่ายละครไม่ก็หนังแน่นอน ข้าวของเครื่องใช้แวววับคงแพงน่าดู
ก๊อกๆๆๆ
“คุณชายครับ น้องชายคุณต้นน้ำมาถึงแล้วครับ” ผมแบะปาก เว่อร์ซะไม่มี
“อืม ให้เข้ามา” เปิดประตูถูกเปิดออก ผมเดินเข้าไปด้านในเห็นห้องรับแขกกว้างเท่าห้องนอนผมเลย
แล้วไอ้คุณชายมันอยูไหนวะ!
“ทางนี้ครับ” ผมเดินไปอีกห้องที่พี่เขาชี้ จะสร้างอะไรเยอะแยะกลัวเขาไม่รู้ว่ารวยไง
โจ้วอสั่งลูกน้องให้ออกไปให้หมดเหลือเพียงคนเฝ้าหน้าประตูคนเดียว เพทายนั่งกะดิกขามองไปที่ประตูทางเข้า
“เจ้านายอย่าแกล้งน้องชายคุณต้นน้ำนะครับ”
“ส่งน้องชายมาโคตรดูถูกกันเลยว่าไหม” เพทายถามความเห็นคนสนิท
“ผมว่าคุณต้นข้าวน่าจะเก่งเหมือนพี่ชาย ไม่งั้นคุณต้นน้ำไม่กล้าส่งมานะครับ”
“กูจะคอยดู” เพทายพูดเย้ย โจ้เดินออกไปดูว่าทำไมต้นข้าวไม่มาสักที เจอร่างบางเดินไปเดินมาหาห้องไม่เจอ จะว่าไปหน้ามันคุ้นมากเหลือเกิน
“คุณต้นข้าว!” ผมหันไปตามเสียงเรียก อ้าว มีห้องตรงนี้ด้วยเหรอทำไมมองไม่เห็น
“ครับ พี่คือ...” โจ้ชะงักมองหน้าต้นข้าวอ้าปากค้าง
ชัดเจน! ทำไมโลกมันกลมขนาดนี้
“พี่ชื่อโจ้ เข้ามาสินายรออยู่” ผมใจเต้นตึกตักคิดไม่ออกว่าไอ้คุณชายขี้เหวี่ยงจะหน้าตายังไง ก้าวเข้าห้องได้เหมือนมีบางอย่างเเล่นจู่โจมที่อกข้างซ้าย
เพทายยกมือทาบหน้าอกตัวเองที่จู่ๆก็เต้นเร็วขึ้น ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงมองหัวทุยที่ก้มหน้าลง โจ้มองทั้งคู่ลุ้นไม่แพ้กัน จะจำกันได้ไหมนะ
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงจังหวะการหายใจของทั้งสามคนดังพร้อมกัน เพทายเงยหน้าขึ้นมองไล่ตั้งแต่ขาเรียวขาว กางเกงขาสั้นที่พอดีตัว เสื้อนักศึกษาที่ยับยู่ยี่จนถึงใบหน้าที่...
ภาพคืนนั้นไหลเข้ามาในความคิดของทั้งคู่ เพทายเดินเมามาเข้าห้องน้ำก่อนจะตาลายคว้าคอใครสักคนมากอดเอาไว้ ร่างบางที่นั่งพิงประตูห้องน้ำเมาได้ที่ก็เดินตามร่างสูงมานึกว่าเพื่อน
'นายครับ กลับได้แล้ว' เสียงโจ้ดังขึ้น
'อือ ป๋าใจร้ายจะยึดรถกูว่ะโจ้ มึงว่างั้นไหมวะ'เสียงยานคางเอ่ยขึ้นผลักร่างบางกองลงกับพื้น ต้นข้าวนอนแผ่หราตาปรือ
'นายครับ กลับเถอะครับ'
'สาวที่ไหนมานอนให้ท่ากูวะโจ้ สวยชิบหาย ผิวแม่งนุ่ม อืม ตัวหอม'โจ้ดึงร่างเจ้านายขึ้นเมื่อเห็นท่าไม่ดี
'นาย นั่นมันผู้ชาย นายจะทำอะไรครับ'
'สวยๆใช้ได้ มึงรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูมา’เพทายกระชากต้นข้าวขึ้นพาไปซอกแคบที่ลับตาผู้คน โจ้จะตามไปแต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง ออกมาอีกทีต้นข้าวก็ตาแดงเดินกระเผลกออกมาเลือดเต็มขา
โจ้ตกใจสั่งลูกน้องให้เฝ้าเจ้านายเอาไว้ ต้นข้าวถูกอุ้มไปร่างตัวที่ห้องน้ำก่อนโจ้จะพาเดินออกมาหวังจะพาไปโรงพยาบาลแต่มีคนเดินผ่านมาซะก่อน
“มึง!!! / มึง!!!!” สองเสียงประสานกัน โจ้หลับตาลงเดาไม่ผิดว่าต้องจำได้ จะเมาไม่เมาแต่พอได้มีอะไรกันมันก็ต้องนึกๆได้บ้างแหละวะ ยิ่งครั้งแรกเจ็บขนาดนั้นต่อให้เมาก็ตื่น
“ไอ้เชี้ย!! ของสักทีก่อน กูเจอจนได้” ผมไม่รีรอทั้งโมโหทั้งอับอาย ใครมันจะไปลืมลงวะ ใช่! ตอนแรกนึกไม่ออกแต่พอมาเจอตัวเป็นๆมันก็นึกออกเฉย
ผลั้วะ!
“มึงกล้าต่อยกูเหรอวะ” เพทายปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อของร่างบาง โจ้กอดต้นข้าวดึงให้ออกห่างจากเจ้านาย เรียกคนอื่นมาช่วยก็ไม่ได้ ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ต้องเรื่องใหญ่แน่
“ปล่อยกูสิวะ!!! มึงไม่ตายดีแน่ไอ้วิปริต!!!” เพทายเลือดขึ้นหน้า ผลักโจ้ออกบีบท้ายทอยร่างบางกำกลุ่มผมไว้เต็มมือ
“มึงว่าใครวิปริต กูเลือกได้ก็ไม่มีวันเอากับมึงหรอกเสีย_วยชิบหาย”
“แล้วมึงมาเอากูทำไม!!! เชี้ย! โอ๊ย!! ปล่อยกูนะเว้ย” ผมแสบที่ท้ายทอยมึนหัวไปหมด ถ้าไม่ใช่ห้องเก็บเสียงมีหวังได้แห่กันมาทั้งบ้าน โจ้จะเข้ามาช่วยแต่เจอห้าม
“มึงออกไปก่อนโจ้ เรื่องนี้กูจัดการเอง” เพทายสั่งเสียงเหี้ยม ขีดสุดแล้วที่จะทน
“นายครับ! คุณต้นข้าวเขาไม่ผิดนะนาย” โจ้ขอร้อง
“มึงออกไป!”
“แต่ว่าผมขอ...” โจ้พยายามอ้อนวอนมองร่างบางที่มีสีหน้าเจ็บปวด
“มึงออกไปไงวะ!!!” เพทายตะคอกเสียงสั่น โจ้รีบออกจากห้องเหลือเพียงสองคนที่ต่างคนต่างไม่ยอมกัน
“ทีนี้ก็เหลือแต่เราแล้วนะ”
ร่างบางยกเท้าถีบไปที่ท้องเพทายเต็มแรง ร่างกำยำเซไปนิดอุ้มต้นข้าวพาดบ่าโยนไปกลางเตียง ไม่ได้คิดพิศวาสแต่ถ้าพูดด้วยปากมันยากนัก ลองใช้ร่างกายคุยกันเผื่อจะเข้าใจง่ายขึ้น
“มึงคิดจะทำอะไร” ผมถอยร่างกายไปข้างหลังพลิกตัวจะวิ่งลงจากเตียงแต่ช้ากว่ามือแกร่งที่คว้าขาเรียวเอาไว้ได้ทัน เพทายดึงร่างบางที่นอนก้มหน้าลากเข้าหาตัว
“ไหนๆกูก็วิปริตอย่างที่มึงว่าแล้ว งั้นเราลองมาทวนความจำกันหน่อยไหมล่ะ” เสียงเย็นเชียบกระซิบข้างหู
ผมตัวแข็งทื่อเบิกตากว้างเล็บจิกผ้าปูแน่น ความเจ็บปวดครั้งนั้นแล่นเข้ามาให้รู้สึกอีกครั้ง ไม่เอา มันต้องไม่เกิดขึ้นอีก กูไม่เอา!
“จะหนีไปไหน!” เพทายดึงคอเสื้อต้นข้าวที่คลานหนีสุดชีวิต แรงดึงกับแรงยื้อเสียดสีเนื้อผ้าให้ฉีกออก
แคว่ก!!
เสื้อนักศึกษาขาดออกเผยแผ่นหลังบางที่ขาวนวลไม่มีแม้ริ้วรอยหรือตำหนิใดให้เกะกะสายตา เพทายลอบกลืนน้ำลายลงคอโยนเศษผ้าทิ้งให้พ้นทาง เพียงแค่เห็นเนื้อขาวความต้องการของบุรุษเพศก็พุ่งสูงขึ้น
กูกำลังเกิดอารมณ์เพราะผู้ชาย เป็นไปไม่ได้
“จะว่าไป...ท่านี้มันก็ท่าเดียวกับคืนนั้นมึงว่าไหม” ผมตัวสั่นระริกถูกกดหน้าจมเตียง มีเพียงจมูกโด่งที่พลิกข้างไว้หายใจ มือบางรวบรัดไขว่หลังไร้การต่อต้านได้อีก ยิ่งขยับยิ่งเจ็บ มันทรมานเจียนจะขาดใจตาย
“ยะ...อย่า...” มือแกร่งอ้อมมากอบกุมแท่งร้อนของร่างบางกำไว้โดยรอบ ขนาดกำลังพอดีง่ายต่อการชักรูดด้วยมือเพียงข้างเดียว เพทายยิ้มหยันไม่ยอมถอดกางเกงขาสั้นตัวเล็กออก ยิ่งเห็นหน้าทรมานของต้นข้าวยิ่งแกล้งหยุดไปชั่วขณะ
“อืม ก้มมึงนิ่มดีนะ” ต้นข้าวผวาเฮือกขนลุกซู่ไปทั้งตัว ฟันซี่คมกัดก้อนเนื้อข้างหนึ่งเจ็บแปล๊บไปถึงสมองก่อนอีกข้างจะโดนกระทำไม่ต่างกัน ลิ้นร้อนเลียขนอ่อนที่ขึ้นปกคลุมแผ่นหลังขาวเป็นทางยาวไปจนถึงซอกคอหอมกรุ่น ขมเม้มเบาๆนึกหมันเขี้ยวฝากฝังรอยฟันเอาไว้เลือดซิบ ไม่ต้องบอกว่าคนถูกกระทำร้องดังแค่ไหน เพราะต่อให้ตะโกนก็ไม่มีใครได้ยิน
“ซี้ดดดด มึงแม่งน่าขย้ำให้จมเตียง อ้าาา อื้ม...” ใบหน้าหล่อหลับตาพริ้มนั่งทับก้นขาวผ่านเพียงผ้ากั้นส่วนแข็งขืนบดบี้ไปกับร่องก้นถูไปถูมามือสะกิดตุ่มไตสีน้ำตาลทั้งสองข้าง ยิ่งช้ายิ่งทรมาน เพทายกระดกก้นถอดกางเกงขายาวของตัวเองออก รูดชั้นในตามไปติดๆ ก้มลงดึงกางเกงขาสั้นออกจากขาเรียวแต่ติดที่ร่างบางหนีบมันเอาไว้แน่น
“มึงจะถอดดีๆหรือให้กูกระชาก” เสียงเข้มขู่ ผมชั่งใจยอมแต่โดยดี ผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกันนัก
“ถ้าไม่ตั้งใจมีอะไรกับกู มึงก็ปล่อยกูไปเหอะ” น้ำเสียงทุ้มเว้าวอนไม่มีทางเลือก
“ตอนแรกก็ไม่....แต่ตอนนี้ตั้งใจสุดๆเลยว่ะ” เพทายไม่รอให้คิดนานถอดเสื้อกล้ามตัวเองออกจนเปลือยเปล่าทั้งคู่ กวาดสายตามองไปทั้งตัวต้นข้าวอยากจะกัดให้ผิวขาวมีรอยเขี้ยวเขาฝังไปทุกจุด
เพี้ยะ!
“โอ๊ย! มึงโรคจิตไงวะ” ผมร้องออกมาแสบที่ก้นขาว เพทายกัดปากจับแท่งร้อนที่หัวปริ่มน้ำใสจ่อไปที่ช่องทางรักด้านหลังที่ปิดสนิท มันก็มีแค่รูเดียวจะให้เข้าทางไหนได้อีกวะ
“มึงเคยมาก่อนไหม” เพทายถามขึ้น
“ไอ้เชี้ย! ยังมีหน้ามาถาม กูไม่ใช่เกย์ไอ้สัส” ผมเดือดมือทั้งสองข้างจิกที่นอนเกร็งตัวไว้กั้นหายใจ
นี่กูกำลังโดนแทงก้นอยู่เหรอวะ มันจะต่างกันตอนเมาไหมวะ
ไอ้หนุ่มขี้สงสัยคิดไปเรื่อยก่อนจะร้องจ๊ากน้ำตาไหลไม่หยุด ใครใช้ให้มึงแทงพรวดเข้ามาไม่ลืมหูลืมตาห้ะ ถึงกูจะเคยแต่มันก็นานจนสนิทจะแดกได้อยู่แล้ว เสือดสีแดงสดไหลย้อนออกมาเปื้อนผ้าปูสีขาว
“ซี้ดดด แน่นชิบหาย กูปวดไปหมดแล้วไอ้ห่า” เพทายกดแช่เอาไว้ใบหน้าเหยเก ต้นข้าวปากสั่นตัวสั่นไร้เรี่ยวแรงทิ้งตัวลงกับที่นอนทั้งหมด
สวบ สวบ
“มึงจะขยับหาพ่อง!!” ผมด่าสูดปากเกร็งเท้าจิกผ้าปูดึงเอาไว้คลายความเจ็บ
“โอ๊ย...กูจะไม่ไหวแล้ว...ไม่ไหว...อื้อ...อ้า...ไม่ไหวแล้วเว้ย!!” ความอดกั้นที่มีอยู่พังทลายลง สะโพกสอบหยัดเข้าไปในร่างกายขาวสุดแท่งร้อน ขยับเร่วจังหวะมือสองข้างยกอ้าออกตรึงมือบางไว้กับเตียง ก้นขาวลอยแอ่นขึ้นกระดกเด้งรับไม่รู้สึกตัว ใบหน้าคมชื้นไปด้วยเหงื่อแดงระเรือตาปรือมองไม่เห็นอะไรนอกจากความรู้สึกต้องการ
ตับ ตับ ตับ
เสียงหยาบโลนดังสม่ำเสมอชื้นแฉะไปด้วยน้ำกามเป็นตัวหล่อลื่นให้กิจกรรมร้อนผ่านไปด้วยดี ต้นข้าวเชิ่ดหน้าขึ้นครางระงมเอี้ยวหน้าไปรับจูบที่ส่งมาจากด้านหลัง นาทีนี้ใครจะดีไม่ดีค่อยมาว่ากันต่อ ขอมันส์ให้ลืมแค้นสักหลายยก นิ้วเรียวบีบตุ่มไตขยี้อยากให้แหลกคามือ
“โอ้ววว ซี้ดดดด อ้า อ้าาา...” เพทายครางซอยถี่ยิบ เตียงส่งเสียงดังเอี้ยดอ้าดกลัวว่ามันจะพังลงมาไม่เป็นท่า แต่ระดับเพทายข้าวของเกรดเอไม่มีเตียงหักแน่นอน
“อ้าาา...แรง...เข้ามาแรงๆกว่านี้” ผมเผลอปากขอออกไป
ตับๆๆๆๆ
แท่งร้อนรัวเข้าไปไม่ยั้งทั้งลึกทั้งเน้นเสียวจนจะขาดใจตาย กำลังจะได้แตะสวรรค์ก็ถูกดึงลงนรกให้ใจตกวูบก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเสียวซ่านที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ขาเรียวอ้าออกกว้างให้เข้าไปได้ลึกขึ้นกว่าเดิม
นาทีนี้จะแรดให้ผัวเอาจนหนำใจ ก่อนจะกระทืบมันตายอย่างช้าๆ
“อ้ะๆๆๆ มะ...มึง...ไม่มีทาง...หนีกูรอดแน่” ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมเสียซิงให้ไร้ผัว ไม่ใช่คนดีขนาดเสียน้ำตาแล้วจากไปพร้อมเงินฟาดหัว เสียตัวทั้งทีจะยอมเสียผัวให้ใครไม่ได้
แต่เหมือนลืมไปอย่าง....
เฝือกกูหายไปตอนไหน!!! แขนกูหักแน่มึงเอ๊ย
TBC.
ต้นข้าว
ผมเดินหงุดหงิดอารมณ์เสียแต่เช้า เมื่อคืนนอนไม่หลับโมโหไอ้เชี้ยนั่น! มันบอกให้มาเอาเองแต่พอผมกลับถึงบ้านพี่ต้นน้ำบอกคนชื่อโจ้โทรเข้าบ้านว่าเดี๋ยวเอามาให้ แม่งตั้งใจกวนตีนไง
บรืนนนนนน
เสียงรถสปอร์ตคันหรูดังมาจากข้างหลัง ผมแหงะไปดูไม่คิดว่าจะเป็นตัวเองที่โดนไล่บี้อยู่ตอนนี้ กว่าจะรู้ตัวร่างผมก็กระเด็นไปกองกับพื้นพร้อมกับเสียงเบรกกะทันหัน
โอ๊ย แขนกู
"เป็นอะไรไหมครับ" ผมเงยหน้ามองผู้ชายรุ่นน้องที่เดินเข้ามาช่วย อย่าหวังว่าไอ้คนชนมันจะลงมา! แม่งขับหนีไปตอนไหนผมยังไม่รู้เรื่องเลย
“แขน เจ็บแขน” ผมบอกอาการ คนที่มาสายเหมือนผมเมื่อเห็นผู้ชายรุ่นน้องกำลังพยุงผมขึ้นจึงเข้ามาช่วยอีกแรง
@ห้องพยาบาล
ซี้ดดดดดด
“พี่ใจเย็นดิ แสบคร้าบบบ” ผมสูดปากร้อง รุ่นพี่ปีสี่ที่เฝ้าห้องพยาบาลวางสำลีลงบนแท่นเหล็ก
“พี่เบาสุดแล้วน้อง มือผู้ชายเบาสุดได้แค่นี้แหละครับ” แซมเดินไปเก็บขวดยาก่อนเปิดอีกตู้หาอุปกรณ์ทำแผล
“พี่อยู่คนเดียวเหรอครับ”
“เปล่า ปกติจะมีผู้หญิงอีกสองคนแต่วันนี้ติดสอบเลยอยู่คนเดียว” แซมเดินกลับมาดูแผลที่เข่าต้นข้าวต่อ
“เดินยังไงให้ได้แผล” เขาชวนผมคุยเพื่อให้ลืมความเจ็บใช่ไหม ขอบอกมันไม่ได้ผล กูแสบมาก ToT
“อย่าพูดถึงมันเลยพี่ หึ”
“อืม วันหลังก็ระวังๆด้วยแล้วกัน เอ้า เสร็จแล้ว”
แซม นักศึกษาแพทย์ปีสาม ผมสีควันบุหรี่กับหน้าแบดๆมันไม่เข้ากับคณะที่เลือกเรียน แต่หมอมันจำเป็นต้องติ๋มๆใส่แว่นเรียนเก่งด้วยเหรอวะ ความสามารถไม่ได้วัดกันแค่ภายนอก
ผมเดินกระเผลกออกมาจากห้องพยาบาลมีของแถมเป็นเฝือกที่แขนขวา อย่าได้นึกเจ็บใจแทนผม แล้วอย่าฝันว่าผมจะจำทะเบียนรถมันได้แค้นจนต้องกลับไปเอาคืน ตอนจบแฮปปี้เอ็นดิ้งสรุปแม่งได้กันเอง โอ้โห กูคิดไปไกลเลยแม่ง
ใครมันจะไปจำได้วะ ล้มปุ๊บให้ลุกขึ้นมาดูป้ายทะเบียน กูจะจำมึงไว้นะงี้อ่อ จะบ้ากระมัง
Rrrrr
“ว่าไงมึง” ผมกดรับสายไอ้เต้ยด้วยมือข้างซ้ายเดินกระเผลกไปหาที่นั่ง แสบทั้งแขนทั้งขา
(อยู่ไหนนนนนน พ่อมึงเป็นอธิการรึไงขยันโดด) เสียงแม่งตะโดนออกมาจนต้องเอาห่างจากหู
“วันนี้กูหยุด ลาป่วย พอดีโดนรถชน” ผมบอกไปตามความจริง ผลที่ได้...
(กูไม่เชื่อ! มึงจะโดดทั้งทีไม่ชวนกูวะข้าว แม่งน้อยใจๆ)
“เต้ย กูนั่งอยู่หน้าห้องพยาบาล ไม่เชื่อใช่ไหมสัส รอแปป” ผมกดวางสายหามุมเหมาะกดถ่ายรูปส่งไปให้มันดู
Rrrrr
(ไอ้ข้าวโดนรถชนพี่ดิน พี่ตี๋!! มึงๆนั่งรออยู่ตรงนั้นกูจะไปหา) ผมได้ยินเสียงมันตะโกนบอกพี่ๆ แสดงว่าวันนี้ไม่มีเรียน
“มึงไม่เรียน?”
(เออ วันนี้ไม่เรียนอาจารย์ไปประชุม กูกะจะแกล้งมึงสักหน่อยไอ้ห่า)
“ดี มารับกูด้วย แค่นี้นะ” ผมวางสายเต้ย มีแรงสะกิดจากด้านหลังผมหันไปมองเจอพี่แซมชูถุงยาขึ้นตรงหน้า
“ยาแก้ปวดจะไม่เอาเหรอครับ” แซมหน้าดุท่าทางตำหนิ ผมยกมือไหว้ยิ้มแหย
“ลืมคร้าบบบ”
“พี่นึกว่าเราไปแล้วนะ นั่งรอใครมารับ” ไม่ถามเปล่าเดินมานั่งข้างๆอีก ผมรูดซิปกระเป๋าโยนยาใส่เข้าไป
“เพื่อนครับ พี่อะ มานั่งทำอะไรตรงนี้” ผมถามกลับ
“พี่อ่อ มานั่ง....อ่อย...” แซมยิ้มมุมปากจ้องหน้าผมดวงตาเป็นประกาย ผมหน้าเหรอหราหันหน้ามองตรง
“อ่อยสาวน่ะ สมัยนี้สาวๆชอบหมอหล่อ พี่ตรงสเปคบ้างไหม”
“ถามผมเหรอ?” ผมชี้ตัวเอง
“อืม”
“พี่หล่อนะ พูดเพราะ นิสัยน่าจะดี ผมให้ผ่าน” ผู้หญิงชอบอยู่แล้ว ผมคิดว่าร้อยทั้งร้อยก็ชอบ
“งั้นเหรอ...แล้วมีสิทธิ์คบไหม” แซมถามต่อเรื่อยๆ
“โห ใครจะกล้าปฏิเสธ พี่จีบเลย ใครหักอกพี่นะก็ควายแล้ว” ผมพูดจริงนะ พี่เขาโคตรหล่อเลย
“ถ้างั้น...”
“...”
“พี่จีบน้องก็ติดอะดิ”แซมยิ้มเจ้าเล่ห์ลุกขึ้นปัดมือที่เปื้อนฝุ่นออก ผมได้แต่นั่งอึ้งกำลังประมวลคำพูดนั้นในสมอง
“แล้วพี่จะจีบเรานะ เจอกันครั้งหน้าเรียกพี่แซมก็ได้ครับ”
“แซม! น้องเขาปวดท้องมาดูหน่อยเร็ว” เสียงพี่ผู้หญิงหนึ่งคนดังมาแต่ไกลพร้อมร่างผู้ป่วย พี่แซมขยิบตาให้ผมวิ่งไปอุ้มร่างผู้ป่วยเข้าไปในห้องพยาบาล
“เฮ้ยพี่ มันไม่ใช่แบบนั้น...ผมหมายถึงผู้หญิง โธ่ ปากมึงนะไอ้ข้าว” ผมตะโกนไล่หลังแต่ไม่ทัน
………………………………………………………………….
“ไหนเอาเฝือกมาเขียนหน่อยดิ้” ผมนั่งหน้างอมองเพื่อนสามตัวที่หยิบเมจิกมาทำท่าจะเขียนจริง ไม่ห่วงสุขภาพกูหน่อยเหรอเพื่อน
“เขาให้เขียนตอนถอดไม่ใช่เหรอกิม” มิกถามหน้าซื่อ
“กูแค่แกล้งมันเล่น ไอ้ห่านี่โง่ทุกเรื่อง”
“แล้วมึงจำหน้ามันได้ป่ะ” เต้ยถาม ผมใช้เท้าถีบมันที่เอามือมาลูบขาเล่นอยู่ได้
“ไม่ว่ะ สงสัยช่วงนี้ดวงตก ซวยซ้ำซวยซ้อน” ผมยกน้ำขึ้นดื่ม
“หืม นอกจากโดนรถชนกูก็ไม่เห็นมึงจะเจออะไร” เต้ยถามสงสัย ผมสำลักน้ำวางแก้วลงทุบอกตัวเอง
“เออ สรุปว่าซวยนั่นแหละ”
กิมกับมิกมันตกลงกันว่าวันนี้จะไปส่งผมที่บ้าน มิกมันรวยมีรถใช้หลายคัน กิมมันพอมีพอกินมีรถแต่เสือกขับไม่เป็น ผมแม่งจนสุดแล้วมั้ง แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เพราะเราคบกันด้วยใจล้วนๆ
“นั่นพี่ต้นน้ำนี่หว่า” ผมมองตามมือไอ้กิม พี่ต้นน้ำจริงด้วยแล้วกำลังโทรหาใคร ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“เอ้า ไม่ได้โทรหากูนี่หว่า”
“เรียกดิ พี่ต้นน้ำครับ!!” เต้ยตะโกนเสียงดัง ต้นน้ำหันมาก่อนจะยกมือให้เงียบก่อน
“มึงก็นะ เขาคุยโทรศัพท์อยู่ไอ้ห่า แล้วตกลงเอาไงข้าว จะกลับรถมิกป่ะเนี่ย” กิมถามเมื่อเห็นพี่ต้นน้ำ
“ไม่รู้ดิ เดี๋ยวกูเข้าไปถามก่อน” ผมเดินข้ามถนนไปหาพี่ต้นน้ำ ได้ยินเสียงคุยกับปลายสายอยู่จึงยืนรอแทน
(ผมว่าคุณไม่จำเป็นต้องมาสอนผมหรอก ป๋าให้เงินเท่าไหร่ผมจะให้สองเท่า ขอแค่คุณไม่บอกป๋าเรื่องนี้)
“ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่ใช่คนผิดคำพูด แค่วันนี้วันเดียวผมติดสอบตอนเย็น” ต้นน้ำพูดเสียงเครียด
ผมได้ยินเสียงจากปลายสาบและรู้ว่าเป็นใครด้วย พี่ต้นน้ำไม่น่าไปสอนคนอย่างมันให้เสียเวลาเลย
(พูดยากจังวะ โจ้! เอาคืนไปแล้วบอกเขาว่ากูไม่เรียน) มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!
“เห้อ คุณโจ้ครับ ช่วยผมหน่อยเถอะ วันนี้ผมติดสอบจริงๆช่วยคุยให้ผมหน่อย” เหมือนคนชื่อโจ้จะพูดอะไรสักอย่างผมไม่ได้ยิน พี่ต้นน้ำกดวางสายหน้าเครียดเหมือนตัดสินใจไม่ได้
“ถ้ามันมีปัญหามากนักก็ปล่อยๆไปเหอะพี่”ผมไม่ทนนะเจอแบบนี้ ไอ้นิสัยคุณชายขี้เหวี่ยงโคตรเกลียดเลย
“ไม่ได้หรอก พี่รับปากนายท่านไว้แล้ว คุณเพทายเขาเป็นแบบนี้แหละ”
“นิสัยแย่! แล้วพี่จะทำยังไง”
“ต้นข้าว พอได้วิชาคณิตศาสตร์ไหม?” ต้นน้ำถามทั้งที่รู้คำตอบในใจอยู่แล้ว
“ครับ พี่ถามทำไม?”
“ช่วยพี่หน่อย วันเดียวนะ ไปสอนคุณเพทายให้หน่อย” ผมส่ายหน้าตอบอย่างเร็ว โอ๊ย ไอ้คุณชายนั่นอะนะ
“ไม่อะ! ให้ตายข้าวก็ไม่ไปนะพี่ ข้าวไม่ชอบ”
“นะ ใกล้เวลาสอบแล้วด้วย พี่จะโทรบอกคุณโจ้ว่าข้าวจะไปสอนแทน” ผมลังเลมองหน้าพี่ต้นน้ำที่คิ้วขมวด
“วันเดียวนะ” ต้นน้ำยิ้มออกจับมือน้องชาย
“อืม วันเดียวเองนะ นะต้นข้าว”
“ได้ แต่แขนข้าวใส่เฝือกคงจะสอนไม่ถนัด”
“ไม่เป็นไร งั้นข้าวรออยู่ตรงนี้ พี่จะโทรเรียกคุณโจ้มารับ”ผมอือออไปเดินกลับไปหาเพื่อนสามคนที่รออยู่
“ตกลงว่าไง” เต้ยถาม
“พวกมึงกลับไปก่อนเลยกูมีธุระต้องไปทำต่อ”
“อะไรวะ ตกลงกลับกับพี่ต้นน้ำ?” กิมถามลุกขึ้นสะพายเป้ มิกมองหน้าผม
“ก็...ประมาณนั้น” ผมเลี่ยงที่จะอธิบายต่อ กิมกับมิกโบกมือลาเดินไปที่รถ เต้ยขึ้นคร่อมมอ'ไซค์ใส่หมวก
“ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วย”
“เออๆ มึงกลับดีๆแล้วกัน” ผมโบกมือให้เต้ยก่อนเดินข้ามไปอีกฝั่ง มีรถสปอร์ตคันสวยจอดรออยู่พร้อมคนใส่ชุดสูทอีกสองคน ผมคุยกับพี่ต้นน้ำก่อนจะก้าวขึ้นรถ
…………………………………………………………………….
สองข้างทางเป็นต้นไม้ยาวทั้งแถบไม่มีบ้านสักหลังเหมือนเป็นเส้นทางเฉพาะที่ถูกสร้างขึ้น ไม่นานผมก็มาถึงที่หมาย พี่ที่ขึ้นรถมาด้วยจะมาเปิดประตูให้แต่ผมเปิดออกไปก่อน เหมือนคุณชายไงก็ไม่รู้
“คุณโจ้ให้พาไปห้องคุณชาย” พี่คนขับรถบอกพี่ที่จะเปิดประตูให้ผม
“อืม เข้าใจแล้ว” ผมเดินตามพี่เขามาตาก็มองรอบบ้านที่โคตรใหญ่! กำลังคิดว่าบ้านนี้ต้องเคยเอามาถ่ายละครไม่ก็หนังแน่นอน ข้าวของเครื่องใช้แวววับคงแพงน่าดู
ก๊อกๆๆๆ
“คุณชายครับ น้องชายคุณต้นน้ำมาถึงแล้วครับ” ผมแบะปาก เว่อร์ซะไม่มี
“อืม ให้เข้ามา” เปิดประตูถูกเปิดออก ผมเดินเข้าไปด้านในเห็นห้องรับแขกกว้างเท่าห้องนอนผมเลย
แล้วไอ้คุณชายมันอยูไหนวะ!
“ทางนี้ครับ” ผมเดินไปอีกห้องที่พี่เขาชี้ จะสร้างอะไรเยอะแยะกลัวเขาไม่รู้ว่ารวยไง
โจ้วอสั่งลูกน้องให้ออกไปให้หมดเหลือเพียงคนเฝ้าหน้าประตูคนเดียว เพทายนั่งกะดิกขามองไปที่ประตูทางเข้า
“เจ้านายอย่าแกล้งน้องชายคุณต้นน้ำนะครับ”
“ส่งน้องชายมาโคตรดูถูกกันเลยว่าไหม” เพทายถามความเห็นคนสนิท
“ผมว่าคุณต้นข้าวน่าจะเก่งเหมือนพี่ชาย ไม่งั้นคุณต้นน้ำไม่กล้าส่งมานะครับ”
“กูจะคอยดู” เพทายพูดเย้ย โจ้เดินออกไปดูว่าทำไมต้นข้าวไม่มาสักที เจอร่างบางเดินไปเดินมาหาห้องไม่เจอ จะว่าไปหน้ามันคุ้นมากเหลือเกิน
“คุณต้นข้าว!” ผมหันไปตามเสียงเรียก อ้าว มีห้องตรงนี้ด้วยเหรอทำไมมองไม่เห็น
“ครับ พี่คือ...” โจ้ชะงักมองหน้าต้นข้าวอ้าปากค้าง
ชัดเจน! ทำไมโลกมันกลมขนาดนี้
“พี่ชื่อโจ้ เข้ามาสินายรออยู่” ผมใจเต้นตึกตักคิดไม่ออกว่าไอ้คุณชายขี้เหวี่ยงจะหน้าตายังไง ก้าวเข้าห้องได้เหมือนมีบางอย่างเเล่นจู่โจมที่อกข้างซ้าย
เพทายยกมือทาบหน้าอกตัวเองที่จู่ๆก็เต้นเร็วขึ้น ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงมองหัวทุยที่ก้มหน้าลง โจ้มองทั้งคู่ลุ้นไม่แพ้กัน จะจำกันได้ไหมนะ
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงจังหวะการหายใจของทั้งสามคนดังพร้อมกัน เพทายเงยหน้าขึ้นมองไล่ตั้งแต่ขาเรียวขาว กางเกงขาสั้นที่พอดีตัว เสื้อนักศึกษาที่ยับยู่ยี่จนถึงใบหน้าที่...
ภาพคืนนั้นไหลเข้ามาในความคิดของทั้งคู่ เพทายเดินเมามาเข้าห้องน้ำก่อนจะตาลายคว้าคอใครสักคนมากอดเอาไว้ ร่างบางที่นั่งพิงประตูห้องน้ำเมาได้ที่ก็เดินตามร่างสูงมานึกว่าเพื่อน
'นายครับ กลับได้แล้ว' เสียงโจ้ดังขึ้น
'อือ ป๋าใจร้ายจะยึดรถกูว่ะโจ้ มึงว่างั้นไหมวะ'เสียงยานคางเอ่ยขึ้นผลักร่างบางกองลงกับพื้น ต้นข้าวนอนแผ่หราตาปรือ
'นายครับ กลับเถอะครับ'
'สาวที่ไหนมานอนให้ท่ากูวะโจ้ สวยชิบหาย ผิวแม่งนุ่ม อืม ตัวหอม'โจ้ดึงร่างเจ้านายขึ้นเมื่อเห็นท่าไม่ดี
'นาย นั่นมันผู้ชาย นายจะทำอะไรครับ'
'สวยๆใช้ได้ มึงรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูมา’เพทายกระชากต้นข้าวขึ้นพาไปซอกแคบที่ลับตาผู้คน โจ้จะตามไปแต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง ออกมาอีกทีต้นข้าวก็ตาแดงเดินกระเผลกออกมาเลือดเต็มขา
โจ้ตกใจสั่งลูกน้องให้เฝ้าเจ้านายเอาไว้ ต้นข้าวถูกอุ้มไปร่างตัวที่ห้องน้ำก่อนโจ้จะพาเดินออกมาหวังจะพาไปโรงพยาบาลแต่มีคนเดินผ่านมาซะก่อน
“มึง!!! / มึง!!!!” สองเสียงประสานกัน โจ้หลับตาลงเดาไม่ผิดว่าต้องจำได้ จะเมาไม่เมาแต่พอได้มีอะไรกันมันก็ต้องนึกๆได้บ้างแหละวะ ยิ่งครั้งแรกเจ็บขนาดนั้นต่อให้เมาก็ตื่น
“ไอ้เชี้ย!! ของสักทีก่อน กูเจอจนได้” ผมไม่รีรอทั้งโมโหทั้งอับอาย ใครมันจะไปลืมลงวะ ใช่! ตอนแรกนึกไม่ออกแต่พอมาเจอตัวเป็นๆมันก็นึกออกเฉย
ผลั้วะ!
“มึงกล้าต่อยกูเหรอวะ” เพทายปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อของร่างบาง โจ้กอดต้นข้าวดึงให้ออกห่างจากเจ้านาย เรียกคนอื่นมาช่วยก็ไม่ได้ ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ต้องเรื่องใหญ่แน่
“ปล่อยกูสิวะ!!! มึงไม่ตายดีแน่ไอ้วิปริต!!!” เพทายเลือดขึ้นหน้า ผลักโจ้ออกบีบท้ายทอยร่างบางกำกลุ่มผมไว้เต็มมือ
“มึงว่าใครวิปริต กูเลือกได้ก็ไม่มีวันเอากับมึงหรอกเสีย_วยชิบหาย”
“แล้วมึงมาเอากูทำไม!!! เชี้ย! โอ๊ย!! ปล่อยกูนะเว้ย” ผมแสบที่ท้ายทอยมึนหัวไปหมด ถ้าไม่ใช่ห้องเก็บเสียงมีหวังได้แห่กันมาทั้งบ้าน โจ้จะเข้ามาช่วยแต่เจอห้าม
“มึงออกไปก่อนโจ้ เรื่องนี้กูจัดการเอง” เพทายสั่งเสียงเหี้ยม ขีดสุดแล้วที่จะทน
“นายครับ! คุณต้นข้าวเขาไม่ผิดนะนาย” โจ้ขอร้อง
“มึงออกไป!”
“แต่ว่าผมขอ...” โจ้พยายามอ้อนวอนมองร่างบางที่มีสีหน้าเจ็บปวด
“มึงออกไปไงวะ!!!” เพทายตะคอกเสียงสั่น โจ้รีบออกจากห้องเหลือเพียงสองคนที่ต่างคนต่างไม่ยอมกัน
“ทีนี้ก็เหลือแต่เราแล้วนะ”
ร่างบางยกเท้าถีบไปที่ท้องเพทายเต็มแรง ร่างกำยำเซไปนิดอุ้มต้นข้าวพาดบ่าโยนไปกลางเตียง ไม่ได้คิดพิศวาสแต่ถ้าพูดด้วยปากมันยากนัก ลองใช้ร่างกายคุยกันเผื่อจะเข้าใจง่ายขึ้น
“มึงคิดจะทำอะไร” ผมถอยร่างกายไปข้างหลังพลิกตัวจะวิ่งลงจากเตียงแต่ช้ากว่ามือแกร่งที่คว้าขาเรียวเอาไว้ได้ทัน เพทายดึงร่างบางที่นอนก้มหน้าลากเข้าหาตัว
“ไหนๆกูก็วิปริตอย่างที่มึงว่าแล้ว งั้นเราลองมาทวนความจำกันหน่อยไหมล่ะ” เสียงเย็นเชียบกระซิบข้างหู
ผมตัวแข็งทื่อเบิกตากว้างเล็บจิกผ้าปูแน่น ความเจ็บปวดครั้งนั้นแล่นเข้ามาให้รู้สึกอีกครั้ง ไม่เอา มันต้องไม่เกิดขึ้นอีก กูไม่เอา!
“จะหนีไปไหน!” เพทายดึงคอเสื้อต้นข้าวที่คลานหนีสุดชีวิต แรงดึงกับแรงยื้อเสียดสีเนื้อผ้าให้ฉีกออก
แคว่ก!!
เสื้อนักศึกษาขาดออกเผยแผ่นหลังบางที่ขาวนวลไม่มีแม้ริ้วรอยหรือตำหนิใดให้เกะกะสายตา เพทายลอบกลืนน้ำลายลงคอโยนเศษผ้าทิ้งให้พ้นทาง เพียงแค่เห็นเนื้อขาวความต้องการของบุรุษเพศก็พุ่งสูงขึ้น
กูกำลังเกิดอารมณ์เพราะผู้ชาย เป็นไปไม่ได้
“จะว่าไป...ท่านี้มันก็ท่าเดียวกับคืนนั้นมึงว่าไหม” ผมตัวสั่นระริกถูกกดหน้าจมเตียง มีเพียงจมูกโด่งที่พลิกข้างไว้หายใจ มือบางรวบรัดไขว่หลังไร้การต่อต้านได้อีก ยิ่งขยับยิ่งเจ็บ มันทรมานเจียนจะขาดใจตาย
“ยะ...อย่า...” มือแกร่งอ้อมมากอบกุมแท่งร้อนของร่างบางกำไว้โดยรอบ ขนาดกำลังพอดีง่ายต่อการชักรูดด้วยมือเพียงข้างเดียว เพทายยิ้มหยันไม่ยอมถอดกางเกงขาสั้นตัวเล็กออก ยิ่งเห็นหน้าทรมานของต้นข้าวยิ่งแกล้งหยุดไปชั่วขณะ
“อืม ก้มมึงนิ่มดีนะ” ต้นข้าวผวาเฮือกขนลุกซู่ไปทั้งตัว ฟันซี่คมกัดก้อนเนื้อข้างหนึ่งเจ็บแปล๊บไปถึงสมองก่อนอีกข้างจะโดนกระทำไม่ต่างกัน ลิ้นร้อนเลียขนอ่อนที่ขึ้นปกคลุมแผ่นหลังขาวเป็นทางยาวไปจนถึงซอกคอหอมกรุ่น ขมเม้มเบาๆนึกหมันเขี้ยวฝากฝังรอยฟันเอาไว้เลือดซิบ ไม่ต้องบอกว่าคนถูกกระทำร้องดังแค่ไหน เพราะต่อให้ตะโกนก็ไม่มีใครได้ยิน
“ซี้ดดดด มึงแม่งน่าขย้ำให้จมเตียง อ้าาา อื้ม...” ใบหน้าหล่อหลับตาพริ้มนั่งทับก้นขาวผ่านเพียงผ้ากั้นส่วนแข็งขืนบดบี้ไปกับร่องก้นถูไปถูมามือสะกิดตุ่มไตสีน้ำตาลทั้งสองข้าง ยิ่งช้ายิ่งทรมาน เพทายกระดกก้นถอดกางเกงขายาวของตัวเองออก รูดชั้นในตามไปติดๆ ก้มลงดึงกางเกงขาสั้นออกจากขาเรียวแต่ติดที่ร่างบางหนีบมันเอาไว้แน่น
“มึงจะถอดดีๆหรือให้กูกระชาก” เสียงเข้มขู่ ผมชั่งใจยอมแต่โดยดี ผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกันนัก
“ถ้าไม่ตั้งใจมีอะไรกับกู มึงก็ปล่อยกูไปเหอะ” น้ำเสียงทุ้มเว้าวอนไม่มีทางเลือก
“ตอนแรกก็ไม่....แต่ตอนนี้ตั้งใจสุดๆเลยว่ะ” เพทายไม่รอให้คิดนานถอดเสื้อกล้ามตัวเองออกจนเปลือยเปล่าทั้งคู่ กวาดสายตามองไปทั้งตัวต้นข้าวอยากจะกัดให้ผิวขาวมีรอยเขี้ยวเขาฝังไปทุกจุด
เพี้ยะ!
“โอ๊ย! มึงโรคจิตไงวะ” ผมร้องออกมาแสบที่ก้นขาว เพทายกัดปากจับแท่งร้อนที่หัวปริ่มน้ำใสจ่อไปที่ช่องทางรักด้านหลังที่ปิดสนิท มันก็มีแค่รูเดียวจะให้เข้าทางไหนได้อีกวะ
“มึงเคยมาก่อนไหม” เพทายถามขึ้น
“ไอ้เชี้ย! ยังมีหน้ามาถาม กูไม่ใช่เกย์ไอ้สัส” ผมเดือดมือทั้งสองข้างจิกที่นอนเกร็งตัวไว้กั้นหายใจ
นี่กูกำลังโดนแทงก้นอยู่เหรอวะ มันจะต่างกันตอนเมาไหมวะ
ไอ้หนุ่มขี้สงสัยคิดไปเรื่อยก่อนจะร้องจ๊ากน้ำตาไหลไม่หยุด ใครใช้ให้มึงแทงพรวดเข้ามาไม่ลืมหูลืมตาห้ะ ถึงกูจะเคยแต่มันก็นานจนสนิทจะแดกได้อยู่แล้ว เสือดสีแดงสดไหลย้อนออกมาเปื้อนผ้าปูสีขาว
“ซี้ดดด แน่นชิบหาย กูปวดไปหมดแล้วไอ้ห่า” เพทายกดแช่เอาไว้ใบหน้าเหยเก ต้นข้าวปากสั่นตัวสั่นไร้เรี่ยวแรงทิ้งตัวลงกับที่นอนทั้งหมด
สวบ สวบ
“มึงจะขยับหาพ่อง!!” ผมด่าสูดปากเกร็งเท้าจิกผ้าปูดึงเอาไว้คลายความเจ็บ
“โอ๊ย...กูจะไม่ไหวแล้ว...ไม่ไหว...อื้อ...อ้า...ไม่ไหวแล้วเว้ย!!” ความอดกั้นที่มีอยู่พังทลายลง สะโพกสอบหยัดเข้าไปในร่างกายขาวสุดแท่งร้อน ขยับเร่วจังหวะมือสองข้างยกอ้าออกตรึงมือบางไว้กับเตียง ก้นขาวลอยแอ่นขึ้นกระดกเด้งรับไม่รู้สึกตัว ใบหน้าคมชื้นไปด้วยเหงื่อแดงระเรือตาปรือมองไม่เห็นอะไรนอกจากความรู้สึกต้องการ
ตับ ตับ ตับ
เสียงหยาบโลนดังสม่ำเสมอชื้นแฉะไปด้วยน้ำกามเป็นตัวหล่อลื่นให้กิจกรรมร้อนผ่านไปด้วยดี ต้นข้าวเชิ่ดหน้าขึ้นครางระงมเอี้ยวหน้าไปรับจูบที่ส่งมาจากด้านหลัง นาทีนี้ใครจะดีไม่ดีค่อยมาว่ากันต่อ ขอมันส์ให้ลืมแค้นสักหลายยก นิ้วเรียวบีบตุ่มไตขยี้อยากให้แหลกคามือ
“โอ้ววว ซี้ดดดด อ้า อ้าาา...” เพทายครางซอยถี่ยิบ เตียงส่งเสียงดังเอี้ยดอ้าดกลัวว่ามันจะพังลงมาไม่เป็นท่า แต่ระดับเพทายข้าวของเกรดเอไม่มีเตียงหักแน่นอน
“อ้าาา...แรง...เข้ามาแรงๆกว่านี้” ผมเผลอปากขอออกไป
ตับๆๆๆๆ
แท่งร้อนรัวเข้าไปไม่ยั้งทั้งลึกทั้งเน้นเสียวจนจะขาดใจตาย กำลังจะได้แตะสวรรค์ก็ถูกดึงลงนรกให้ใจตกวูบก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเสียวซ่านที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ขาเรียวอ้าออกกว้างให้เข้าไปได้ลึกขึ้นกว่าเดิม
นาทีนี้จะแรดให้ผัวเอาจนหนำใจ ก่อนจะกระทืบมันตายอย่างช้าๆ
“อ้ะๆๆๆ มะ...มึง...ไม่มีทาง...หนีกูรอดแน่” ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมเสียซิงให้ไร้ผัว ไม่ใช่คนดีขนาดเสียน้ำตาแล้วจากไปพร้อมเงินฟาดหัว เสียตัวทั้งทีจะยอมเสียผัวให้ใครไม่ได้
แต่เหมือนลืมไปอย่าง....
เฝือกกูหายไปตอนไหน!!! แขนกูหักแน่มึงเอ๊ย
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ