แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!
5.5
เขียนโดย LemonNest
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.
42 chapter
66 วิจารณ์
54.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) ตอนที่ 18
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 18
เต้ย
ผมไม่อาจละสายตาจากมันได้ ต้นข้าวคือเพื่อนคนเดียวที่ผมแอบรักข้างเดียวมาโดยตลอด รักเพื่อนมันไม่ผิด แต่ผิดตรงที่หัวใจอีกครึ่งของมันไม่ใช่ผม
"เต้ย มึงชวนพวกกูมาให้ดูมึงนั่งเศร้าเนี่ยนะ" เสียงทุ้มห้าวของกิมทำให้ผมหลุดจากความคิด
"อืม ทำไมคนที่มันรักไม่ใช่กูวะ"
"ถ้าคนเรามันกำหนดให้รักให้ชอบกันได้แล้วมันจะเรียกว่ารักได้ไงวะ ป่านนี้คนทั้งโลกแม่งคงสมหวังกันหมด ส่วนไอ้พวกถูกบังคับให้รักคงได้ตรอมใจตายกันเกลื่อน"
"อืม ถูกอย่างที่กิมว่า แล้วไอ้พี่คนนั้นมันยังมาตื้อเต้ยอยู่ไหม" เสียงหล่อของมิกเอ่ยขึ้น ผมยู่ปากหันไปสนใจอาหารตรงหน้า
"ไม่ตอบด้วยนะ ไงวะ ตื้อไม่เลิกแบบนี้ใจอ่อนบ้างยัง" กิมเอ่ยแซวเอานิ้วมาเกลี่ยแก้มผมเล่น
"กูไม่ชอบก็คือไม่ชอบ"
"น่าสงสารพี่เขาออก เต้ยลองเปิดใจดูก็ไม่น่าจะเสียหายนะ"
"พ่อพระเหลือเกินนะมิก เต้ยมันนิสัยยังไงไม่รู้เหรอวะ คนรักยากแบบมันชาตินี้จะหาเมียได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย"
"ว่าแต่เขา แล้วกิมล่ะ ทำไมยังไม่คิดจะคบใคร คงไม่แอบชอบมิกเข้าให้หรอกนะ"
"ไอ้มิก! มึงจำไว้เลยนะ ให้ตายกูก็ไม่เอามึง คุณชายอย่างมึงไปคบสาวๆพวกลูกคุณหนูท่าจะเหมาะ"
"โอ๊ย กูยิ่งเครียดๆมึงจะมาทะเลาะกันทำไม" ผมต้องรีบห้ามก่อนมันจะลามปามไปเรื่องอื่นๆ กิมมันตบหลังมิกเสียงดัง ไอ้คุณชายก็ได้แต่มองหน้าไม่กล้าทำคืน เห้อ โชคดีแล้วที่มึงไม่ได้กันเอง
ไม่งั้นกูคงสงสารมิกมาก
ทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย แสงแดดอ่อนๆลาลับขอบฟ้าแทนที่ด้วยอากาศเย็นๆและท้องฟ้าที่มืดลง เต้ยเดินเตร็ดเตร่หาซื้อของใช้เข้าห้อง กิมมิกมันกลับไปตั้งแต่สามโมงเย็น เหลือกแต่ผมไม่มีที่ไปและยังคงสิงอยู่ในห้างไม่รู้จะไปไหน
"ต้นข้าววว กูบอกกี่รอบแล้วว่าไม่เอาตัวนี้" น้ำเสียงแสนคุ้นหูหยุดขาผมเอาไว้ให้หมุนตัวกลับไปยืนจุดเดิมที่ผ่านมา เกาะเสาต้นใหญ่ยื่นหน้าออกไปเพียงนิดอยู่ห่างๆ
"กูชอบของกูมึงจะห้ามทำไม" มือบางยื้อกางเกงสีโปรดไม่ให้เพทายเอาไปเก็บ แค่นั้นแหละปากคว่ำใบหน้าบึ้งโยนกางเกงเจ้าปัญหาใส่ตัวต้นข้าว ขายาวเดินฉับๆไปนั่งรอที่เก้าอี้สำหรับลูกค้า
ต้นข้าวยู่ปากมองของในมือสลับกับไอ้หล่อที่นั่งกอดอกแสดงสีหน้าไม่พอใจ พนักงานสาวสองคนพากันอมยิ้มเหลือบมองทั้งคู่
ต้นข้าวเดินไปแขวนกางเกงที่ราวชั่งใจเสียดายอยู่ชั่วครู่ สองขาขาวก้าวยาวมายังเก้าอี้นั่งยื่นมือไปหยิกแก้มคนรัก เพทายหันหน้าหนีใบหน้าเรียบเฉย ถ้ามองจากมุมต้นข้าวมันก็ควรเป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามายืนอีกด้านจะเห็นแววตาเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มกระตุกอยู่ที่มุมปาก
"ไม่เอาก็ได้ อย่างอนดิวะ" เสียงอู้อี้เอ่ยขึ้นมือตะปบหน้าหล่อให้กันมา เพทายขืนไว้ไม่ยอมหันตาม
"แน่ใจ?"
"อืม เร็ว อย่าลีลาหล่อ กูต้องรีบกลับก่อนพี่ต้นน้ำมา"
"ฮ่าๆๆ กูล้อเล่น มึงจะเอาก็เอากูไม่ห้ามแล้ว" เพทายดึงตัวต้นข้าวเข้ามาใกล้ เงยหน้ามองยีหัวเล็กฟูฟ่อง
"แต่มึงต้องใส่อยู่ในบ้านนะ ถ้าใส่ออกมาข้างนอกกูไม่ยอมจริงด้วย" เสียงเข้มสั่ง
"ไม่เอาแล้ว" เพทายรวบเสื้อกับกางเกงที่เลือกไว้ไปคิดเงิน ต้นข้าวสะกิดไอ้หล่อยิกตาเบิกกว้างเห็นพี่ต้นน้ำตัวเป็นๆเลี้ยวเข้ามาในร้านนี้กับเพื่อนสาวคนสนิท
"ซวยแล้วไง ประตูทางออกมีทางเดียวด้วย" เพทายหัวหมุนเก็บเงินใส่กระเป๋า ต้นน้ำหันมาเจอจังๆไร้ทางหนีรอด ต้นข้าวขาแข็งคิดคำแก้ตัวไม่ทัน
"ไง ต้นข้าว" เสียงเข้มเอ่ยเรียบ ต้นข้าวอึกอักมองหน้าไอ้หล่อที่จับมือตัวเองไว้แน่น
"พวกเรามะ..."
"แฮ่กๆๆ รอนานไหมต้นข้าว โทษทีนะเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย" ผมวิ่งหอบเข้ามาหยุดอยู่ในวงสนทนา ยกมือไหว้พี่ต้นน้ำและพี่สาวอีกคน ทำทีมองเพทายและต้นข้าวสลับกัน
"หืม คนนี้ใครอะ" ผมโอบคอต้นข้าวดึงตัวเข้ามาชิด มือทั้งคู่หลุดออกจากกัน เพทายกำหมัดแน่นมองเต้ยแน่นอยู่ในอก
"น้องเต้ยมากับต้นข้าวเหรอครับ" ต้นน้ำถามจ้องจับผิด
"ครับ เรามาเดินเล่นกันก่อนจะแวะเข้าร้านนี้เนี่ยแหละ พี่ต้นน้ำมีอะไรรึเปล่าครับ"
"ก็เปล่า อืม สงสัยจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อย" ต้นน้ำพยักหน้า หันไปพูดกับน้องชาย
"ตามสบายนะ พี่ต้องไปทำงานต่อคงกลับดึกเหมือนเดิม"
"ครับ"
ต้นน้ำเดินไปยังแผนกเสื้อผ้าผู้หญิง สามคนที่เหลือพากันโล่งอกเงยหน้ามองตากัน เพทายยื่นถุงเสื้อผ้าส่วนของต้นข้าวให้เจ้าตัว ผมยื่นมือไปรับแทนและไม่ยอมปล่อยแขนจากคอต้นข้าว
"วันนี้มึงคงต้องกลับไปก่อนแล้วแหละ ส่วนต้นข้าวกูพาไปส่งบ้านเอง"
"ต้นข้าว" เพทายเรียกชื่อเสียงอ่อย คนกลางก้มหน้ามองพื้นตัดสินใจ
"เรากลับด้วยกันไม่ได้เหรอ เดี๋ยวกูออกไปรอข้างนอก ส่วนมึงก็ตามมาที่หลัง" เพทายเสนอทางออก
"อย่าเสี่ยงเลย พี่ต้นน้ำไม่ได้โง่นะมึง เพื่อนพี่เขาเยอะแยะ ข้างบ้านมึงก็เพื่อนเขาไม่ใช่รึไง แค่ถามว่าใครมาส่งมึง จบเลยนะข้าว" ผมพูดขึ้นอีก เพทายมองนัยน์ตาขุ่น
"เห้อ มึงกลับไปก่อนนะ ถึงบ้านแล้วโทรมา อีกแค่ยี่สิบแปดวันเราต้องอดทนนะหล่อ"
"เหี้ย กูไม่ชอบบรรยากาศนี้เลย" เมื่อไม่มีทางเลือกเพทายจึงต้องเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย ต้นข้าวลูบหน้าตัวเองยืนนิ่ง
ผมยกมือลงทิ้งข้างลำตัวยื่นของส่งให้ต้นข้าว มันรับมาถือไว้เดินหน้าเศร้านำผมออกไปก่อน แผ่นหลังบางที่ผมเคยซบเล่นค่อยๆห่างออกไปทีละก้าว
ตั้งแต่เขาเข้ามา กูก็ได้แต่มองมึงอยู่ข้างหลัง
มีเพื่อนติดแฟนมันอาจจะอ้างว้าง...
แต่แอบรักเพื่อนทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ มันเจ็บยิ่งกว่า
"ไม่อร่อยเหรอวะ" ผมถามมันเมื่อเห็นต้นข้าววางช้อนลง เราเข้ามานั่งเล่นในร้านเค้กเจ้าประจำหลังจากแยกจากเพทาย ร้านนี้ต้นข้าวชมว่าอร่อยและแวะเวียนมาบ่อยๆหลังเลิกเรียน แต่เวลานี้กลับนั่งเหนื่อยตามองจอโทรศัพท์
"เปล่า แต่กูเบื่อๆล้าๆไงก็ไม่รู้"
"อยู่กับกูรึเปล่าวะถึงเบื่อ ถ้าเปลี่ยนตรงที่กูนั่งเป็นมันมึงคงมีความสุขมากกว่านี้" ต้นข้าวตกใจกับความคิดเพื่อนรีบส่ายหน้ารัว
"เฮ้ยไม่ใช่ดิ คือกู...มีหลายเรื่องให้คิดว่ะ มึงอย่าคิดมาก"
"ต้นข้าว" ผมยื่นมือไปกุมมือมันไว้ "ขอเวลาตรงนั้นเเบ่งให้กูบ้างได้ไหม รู้ไหม...กูเหงา"
"ไอ้เต้ย" ต้นข้าวเอ่ยเสียงแผ่วในอกร้อนผ่าวเมื่อละเลยเพื่อนสนิทคนนี้ไป ในหัวคิดแต่เรื่องเพทายจนลืมไปว่ามีอีกคนที่สำคัญไม่ต่างกัน
"กูขอโทษ.."
"มึงไม่ผิดที่จะมีใคร แต่มึงก็ควรแบ่งเวลาสำหรับเพื่อนบ้าง ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าไอ้สัส กูกำลังด่า"
"แล้วมึงจะให้กูดีใจรึไงวะ" ต้นข้าวชัดมือออกเป็นฝ่ายกุมมือเต้ยแทน
"กูเคยบอกมึงไปแล้วว่าหน้าขี้เหร่ๆแบบมึงไม่เหมาะกับน้ำตา แค่เห็นมึงเศร้ากูก็เศร้าตาม"
"งั้นกูยิ้ม ยิ้มมม" ต้นข้าวฉีกยิ้มกว้าง ผมหัวเราะเบาๆ
เรานั่งกินเค้กกันต่อด้วยบรรยากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิม ผมอาจพูดไม่เต็มปากว่าขอเป็นคนที่ทำมันยิ้มได้ก็พอไม่ต้องการอะไรมาก เพราะใจคิดแย่งของผมมันยังหลงเหลืออยู่ไม่จากไปไหน เมื่อไหร่ที่มันทำต้นข้าวเสียใจ ผมไม่พลาดที่จะแย่งมาและไม่ปล่อยต้นข้าวให้ใครอีก
ไม่ห่างกันมากนักก็มีอีกคนที่เจ็บปวดกับความรักเช่นเต้ย แซมที่มานั่งเหงาคนเดียวอยู่ในร้านตั้งแต่แรกปรายตามองสองเพื่อนที่คุยกันยิ้มแย้มจนน่าอิจฉา เต้ยปฎิเสธเขาเพื่อมากับต้นข้าว คิดแล้วใจมันก็ปวดขึ้นมาอีกไม่น่าไปหลงรักเต้ยเลย ไม่น่าเลยจริงๆ
"พี่คะ ผู้หญิงคนนั้นให้เอากระดาษนี่มาให้พี่" พนักงานสาวที่ไหว้วานวางกระดาษใบเล็กลงบนโต๊ะแซม
"เอากลับไปเถอะครับ ผมไม่ต้องการ"
"ได้ค่ะ" พนักงานจากไป แซมลุกขึ้นไปจ่ายเงินของตัวเองและส่วนของเต้ยกับต้นข้าวด้วย เต้ยที่นั่งตรงข้ามกับต้นข้าวมองเลยมาเห็นหลังไวๆของแซมเดินออกทางประตูหลัง
"มีอะไรวะ"
"เปล่าๆ มึงว่าจะกลับบ้านเลยใช่ไหม งั้นครั้งนี้กูเลี้ยงเองมึงรออยู่นี่นะ" เต้ยเดินไปที่แคชเชียร์ก่อนจะจะหน้าตึงเมื่อรู้ว่าคนที่เห็นเป็นแซมจริงอย่างที่คาด
"ขอบคุณครับ" เต้ยเดินกลับมาที่โต๊ะ ต้นข้าวลุกขึ้นยืนก่อนจะพากันออกไป
…………………………………………………………………..
ต้นน้ำหยิบเสื้อสตรีมาทาบบนตัวของเพื่อนสาวนามว่า น่านฟ้า ถ้าพีชคือเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาแต่เด็กเธอคนนี้ก็เป็นอีกคนที่ต้นน้ำสนิทด้วย จะเพื่อนก็ไม่เชิงเพราะเธออายุน้อยกว่าต้นน้ำสี่ปี แต่นิสัยใจคอและรสนิยมที่เหมือนกัน ต้นน้ำจึงไม่ถือที่เธอจะขอเป็นเพื่อนมากกว่าจะเรียกเพื่อนสนิทว่าพี่
"น้ำว่าตัวนี้เหมาะกับฟ้าดีนะ" เสียงทุ้มเอ่ย
"แต่ฟ้าชอบตัวนี้ ใส่แล้วดูเปรี้ยวน่าขย้ำ คิกๆ" รอยยิ้มชวนใจสั่นแย้มขึ้น ชายแท้ที่แอบมองเธอเม้มปากคิดเสียดาย เข้าใจว่าต้นน้ำเป็นแฟนของเธอ
"ดูพูดเข้า ยั่วเขามากๆเดี๋ยวเกิดโดนฉุดจะสมน้ำหน้าให้ โอ๊ย ฟ้าตีน้ำทำไมครับ"
"ปากเสีย" น่านฟ้ายกนิ้วคาดโทษ
"เป็นผู้หญิงก็หัดแต่งตัวเรียบร้อยบ้าง จะโชว์เยอะไปให้อันตรายตัวเองทำไม"
"มีดีให้โชว์นี่คะ ผู้หญิงอย่าหยุดสวย ฮ่าๆๆ" ต้นน้ำดีดหน้าผากมน คนอื่นที่ผ่านไปมาพากันมองแล้วชี้มายังทั้งคู่ ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวยช่างเหมาะสมกันนัก
"คุณลูกค้าน่าอิจฉาจังเลยนะคะ มีแฟนหล่อแถมสุภาพอีก" พนักงานสาวร่วมสนทนาด้วย
"แฟน?" หันมามองต้องน้ำปิดปากหัวเราะ
"อย่างฟ้าไม่เอาตานี่ทำพันธุ์หรอกค่ะ พี่สาวก็หน้าตาใช้ได้ถ้าแต่งตัวสักหน่อยดูแลผิวอีกนิดเริ่ดเลยค่ะ"
พนักงานสาวยิ้มเขินไม่เคยเจอลูกค้าคนไหนพูดแนะนำอย่างนี้ ก็จริงอย่าที่น่านฟ้าพูด เธอเอาแต่ทำงานจะเอาเวลาไหนไปดูแลตัวเอง สงสัยต้องซื้อพวกครีมบำรุงติดกลับบ้านบ้างแล้ว ไม่สวยอย่างเธอคนนี้แต่ก็ขอให้ตัวเองดูดีไม่อายใคร
เป็นผู้หญิงก็ต้องหัดแต่งบ้าง แต่งนิดแต่งหน่อยให้ดูงาม แต่งมากเดี๋ยวจะเป็นกล่องเครื่องสำอางเคลื่อนที่เอา
"กลับบ้านเหอะฟ้า น้ำจะไม่ไหวแล้วนะ" ต้นน้ำหน้าหงิกงอนั่งนวดขาบริเวณจุดพัก
"ไม่ได้ ฟ้ามีของต้องซื้ออีกเยอะเลยนะ ไหนน้ำว่าวันนี้เอาให้เต็มที่เลยไง"
"ใครจะคิดว่าฟ้าทำจริงล่ะครับ ขอเหอะ อีกแค่ร้านเดียวนะ" น่านฟ้ายืนคิดไหวไหล่ยอมแพ้
"ก็ได้ งั้นไปร้านขายตุ๊กตานะ ฟ้าอยากได้กระต่ายน้อยมากอดสักตัว"
"ครับ ร้านสุดท้ายนะ เห้อ วันหลังจะไม่มาด้วยแล้ว" ต้นน้ำบ่นอุบอิบ น่านฟ้ายิ้มชอบใจที่เห็นหนาบึ้งของเพื่อน ควงแขนแกร่งลากไปร้านที่ว่า
เพลงกอดเอวกิ่วของสาวสวยนางแบบชื่อดังในขณะนี้เดินเข้าร้านเดียวกับที่ต้นน้ำเพิ่งเข้า น่านฟ้าเหลือบไปเห็นคุณพยัคฆ์เข้ามองตาเป็นประกายอ้าปากกรีดร้องในใจ
"น้ำๆๆ นั่นใช่คุณพยัคฆ์รึเปล่า" มือบางตีต้นแขนแข็งแรงตามองเพลงไม่กะพริบ ต้นน้ำหันไปมองตาม
"อืม ทำไมอะ"
"ไม่ตื่นเต้นเลยรึไง นั่นนายแบบชื่อดังเลยนะ ไม่ได้แล้ว อ่ะ ฝากหน่อย" ตุ๊กตาขนปุยถูกยื่นให้ต้นน้ำที่ยื่นมือรับสีหน้างง
"คุณพยัคฆ์ใช่ไหมคะ" น่านฟ้าตื่นเต้นยืนกัดริมฝีปากเอียงหน้ามอง เพลงพยักหน้ารับยิ้มโปรยเสน่ห์ นางแบบที่ควงมาด้วยฟึดฟัดกอดอกเชิ่ด
"ครับ"
"หล่อกว่าในหนังสืออีก งั้นขอถ่ายรูปคู่จะได้ไหมคะ"
"ได้ครับ ซอนย่าปล่อยก่อน" เสียงเข้มเอ่ยกับคู่ควง เธอยอมแกะมือออกจิกตาใส่น่านฟ้าจะกินเลือดกินเนื้อ ม่านฟ้าไม่สนใจยืนประชิดนายแบบในดวงใจถือโทรศัพท์ถ่ายมือสั่น
"ไหนขอดูหน่อย" เพลงยื่นหน้าชิดกับน่านฟ้ามองจอที่ปรากฏรูปถ่ายที่ได้ภาพเบลอจากแรงสั่น
"ไม่เห็นชัดเลย ผมถือให้เองดีกว่า"
"คะ ได้ค่ะ" น่านฟ้าอยากจะกรี๊ดให้ห้างแตก โอ๊ย หล่อลากน่าปล้ำจับซั่มให้รู้แล้วรู้รอด ต้นน้ำมองอยู่ไกลๆไม่อยากให้เพลงรู้ว่าเขามากับเธอ
"อืม แค่นี้พอไหมครับ" เพลงเลื่อนรูปถ่ายสามสี่ภาพให้น่านฟ้าดู
"พอค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"ครับ แล้วคนสวยมาเดินคนเดียวไม่เหงาเหรอครับ" เพลงเอ่ยคำพูดหวาน น่านฟ้าขอตัวสักครู่เดินมาดึงต้นน้ำให้ตามมาด้วย ต้นน้ำส่ายหน้าขืนตัวเอาไว้
"ไม่เอานะฟ้า"
"เถอะน่า แค่แป๊บเดียว"
"ไม่เอาเด็ดขาด ฟ้าปล่อยน้ำเลยนะ ฟ้า โธ่ เอาจนได้นะ" ต้นน้ำหน้ามุ่ยเมื่อเพลงเห็นเขาเข้าแล้ว พ่นลมหายใจออกยาว
"นี่ไงคะสุดหล่อที่ฟ้าบอก ไงคะ พอจะไปเป็นนายแบบได้ไหม"
"ฟ้า" ต้นน้ำปรามเสียงเข้ม
"อืม ได้สบายๆเลยครับ แล้วคนนี้แฟนคุณเหรอครับ" เพลงแกล้งถาม น่านฟ้ามองสายตาที่ทอดมาของคุณพยัคฆ์จึงพูดโกหกป้องกันตัวเอง
"ใช่ค่ะ ต้นน้ำเป็นแฟนฟ้าเอง" น้ำเสียงเอ่ยชัดเจนหนักแน่น เพลงเลิกคิ้วมองต้นน้ำหน้าเจ้าเล่ห์
เฮียพีชจะรู้ไหมนะ
"อื้ม เหมาะสมกันดีนะครับ" คู่ควงของเพลงแตะแขนแกร่งให้สนใจ " อะไรซอนย่า"
"ได้เวลาแล้วนะคะ" เพลงขอตัวเมื่อถึงเวลาหนังฉาย กระตุกยิ้มมุมปากใส่ต้นน้ำก่อนเดินจากไป น่านฟ้าจับโทรศัพท์ทาบอกยิ้มแป้น
"ทำไมฟ้าบอกเขาไปแบบนั้นล่ะ"
"ก็น้ำบอกว่า ถ้าไม่อยากให้ใครจีบฟ้าก็อ้างน้ำไปก่อนไง คุณพยัคฆ์น่ะเจ้าชู้ ฟ้าต้องกันไว้ก่อนสิ"
"เห้อ อืม แล้วเลือกได้ยังนานเกินนะแค่ตุ๊กตา" ต้นน้ำเปลี่ยนเรื่องใจสั่นๆอยากเข้างานก่อนเวลา
"ได้แล้วค่ะ ไปๆขี้บ่นนะตาแก่นี่"
"ว่าใครห้ะ" ต้นน้ำเดินตามหลังแกล้งล็อคคอน่านฟ้าจากด้านหลัง น่านฟ้าหัวเราะคิก
"ฮ่าๆๆ ฟ้าขนลุกปล่อยเร็ว" มือตีเพี้ยะยื่นตุ๊กตาให้คนขายคิดเงิน ต้นน้ำหัวเราะเลื่อนมือมาโอบเอวเพื่อนคอยเป็นไม้กั้นหมาอย่างที่เธอต้องการ
แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะทำหน้าที่ผิดเวลาไปสักหน่อย พีชกวาดตามองทั่วร้านหน้าไม่สบอารมณ์เดินดุ่มๆมาข้างหลังของทั้งคู่ เหมือนวันนี้จะรู้ว่าต้นน้ำอยู่ห้าง เพราะพีชเองก็นั่งกินข้าวกับเพื่อนชายอยู่ชั้นล่างสุด
"โอ๊ะ น้ำนี่เองนึกว่าใคร" พีชทำทีคว้าหมีข้างๆมาถือรอคิดเงิน ต้นน้ำผงะปล่อยมือจากเอวบางหมุนตัวมองคนข้างหลัง แววตาดุจ้องเขานิ่งผิดกับริมฝีปากที่ฉีกยิ้มให้
"จะรีบไปไหนครับพีช น่านตามเกือบไม่ทัน" น่านน้ำวิ่งหอบตามมาติดๆ น่านฟ้าร้องอ้าวเอ่ยทักทายพี่ชายคนเดียว
"พี่น้ำไหนว่ามาเที่ยวกับแฟนไง หรือว่า..." มองพีชสายตากรุ้มกริ่ม ต้นน้ำเดาคำตอบล่วงหน้าใบหน้าเรียบเฉยไม่สีหน้าสีหน้าใดๆออกมา
TBC.
เต้ย
ผมไม่อาจละสายตาจากมันได้ ต้นข้าวคือเพื่อนคนเดียวที่ผมแอบรักข้างเดียวมาโดยตลอด รักเพื่อนมันไม่ผิด แต่ผิดตรงที่หัวใจอีกครึ่งของมันไม่ใช่ผม
"เต้ย มึงชวนพวกกูมาให้ดูมึงนั่งเศร้าเนี่ยนะ" เสียงทุ้มห้าวของกิมทำให้ผมหลุดจากความคิด
"อืม ทำไมคนที่มันรักไม่ใช่กูวะ"
"ถ้าคนเรามันกำหนดให้รักให้ชอบกันได้แล้วมันจะเรียกว่ารักได้ไงวะ ป่านนี้คนทั้งโลกแม่งคงสมหวังกันหมด ส่วนไอ้พวกถูกบังคับให้รักคงได้ตรอมใจตายกันเกลื่อน"
"อืม ถูกอย่างที่กิมว่า แล้วไอ้พี่คนนั้นมันยังมาตื้อเต้ยอยู่ไหม" เสียงหล่อของมิกเอ่ยขึ้น ผมยู่ปากหันไปสนใจอาหารตรงหน้า
"ไม่ตอบด้วยนะ ไงวะ ตื้อไม่เลิกแบบนี้ใจอ่อนบ้างยัง" กิมเอ่ยแซวเอานิ้วมาเกลี่ยแก้มผมเล่น
"กูไม่ชอบก็คือไม่ชอบ"
"น่าสงสารพี่เขาออก เต้ยลองเปิดใจดูก็ไม่น่าจะเสียหายนะ"
"พ่อพระเหลือเกินนะมิก เต้ยมันนิสัยยังไงไม่รู้เหรอวะ คนรักยากแบบมันชาตินี้จะหาเมียได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย"
"ว่าแต่เขา แล้วกิมล่ะ ทำไมยังไม่คิดจะคบใคร คงไม่แอบชอบมิกเข้าให้หรอกนะ"
"ไอ้มิก! มึงจำไว้เลยนะ ให้ตายกูก็ไม่เอามึง คุณชายอย่างมึงไปคบสาวๆพวกลูกคุณหนูท่าจะเหมาะ"
"โอ๊ย กูยิ่งเครียดๆมึงจะมาทะเลาะกันทำไม" ผมต้องรีบห้ามก่อนมันจะลามปามไปเรื่องอื่นๆ กิมมันตบหลังมิกเสียงดัง ไอ้คุณชายก็ได้แต่มองหน้าไม่กล้าทำคืน เห้อ โชคดีแล้วที่มึงไม่ได้กันเอง
ไม่งั้นกูคงสงสารมิกมาก
ทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย แสงแดดอ่อนๆลาลับขอบฟ้าแทนที่ด้วยอากาศเย็นๆและท้องฟ้าที่มืดลง เต้ยเดินเตร็ดเตร่หาซื้อของใช้เข้าห้อง กิมมิกมันกลับไปตั้งแต่สามโมงเย็น เหลือกแต่ผมไม่มีที่ไปและยังคงสิงอยู่ในห้างไม่รู้จะไปไหน
"ต้นข้าววว กูบอกกี่รอบแล้วว่าไม่เอาตัวนี้" น้ำเสียงแสนคุ้นหูหยุดขาผมเอาไว้ให้หมุนตัวกลับไปยืนจุดเดิมที่ผ่านมา เกาะเสาต้นใหญ่ยื่นหน้าออกไปเพียงนิดอยู่ห่างๆ
"กูชอบของกูมึงจะห้ามทำไม" มือบางยื้อกางเกงสีโปรดไม่ให้เพทายเอาไปเก็บ แค่นั้นแหละปากคว่ำใบหน้าบึ้งโยนกางเกงเจ้าปัญหาใส่ตัวต้นข้าว ขายาวเดินฉับๆไปนั่งรอที่เก้าอี้สำหรับลูกค้า
ต้นข้าวยู่ปากมองของในมือสลับกับไอ้หล่อที่นั่งกอดอกแสดงสีหน้าไม่พอใจ พนักงานสาวสองคนพากันอมยิ้มเหลือบมองทั้งคู่
ต้นข้าวเดินไปแขวนกางเกงที่ราวชั่งใจเสียดายอยู่ชั่วครู่ สองขาขาวก้าวยาวมายังเก้าอี้นั่งยื่นมือไปหยิกแก้มคนรัก เพทายหันหน้าหนีใบหน้าเรียบเฉย ถ้ามองจากมุมต้นข้าวมันก็ควรเป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามายืนอีกด้านจะเห็นแววตาเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มกระตุกอยู่ที่มุมปาก
"ไม่เอาก็ได้ อย่างอนดิวะ" เสียงอู้อี้เอ่ยขึ้นมือตะปบหน้าหล่อให้กันมา เพทายขืนไว้ไม่ยอมหันตาม
"แน่ใจ?"
"อืม เร็ว อย่าลีลาหล่อ กูต้องรีบกลับก่อนพี่ต้นน้ำมา"
"ฮ่าๆๆ กูล้อเล่น มึงจะเอาก็เอากูไม่ห้ามแล้ว" เพทายดึงตัวต้นข้าวเข้ามาใกล้ เงยหน้ามองยีหัวเล็กฟูฟ่อง
"แต่มึงต้องใส่อยู่ในบ้านนะ ถ้าใส่ออกมาข้างนอกกูไม่ยอมจริงด้วย" เสียงเข้มสั่ง
"ไม่เอาแล้ว" เพทายรวบเสื้อกับกางเกงที่เลือกไว้ไปคิดเงิน ต้นข้าวสะกิดไอ้หล่อยิกตาเบิกกว้างเห็นพี่ต้นน้ำตัวเป็นๆเลี้ยวเข้ามาในร้านนี้กับเพื่อนสาวคนสนิท
"ซวยแล้วไง ประตูทางออกมีทางเดียวด้วย" เพทายหัวหมุนเก็บเงินใส่กระเป๋า ต้นน้ำหันมาเจอจังๆไร้ทางหนีรอด ต้นข้าวขาแข็งคิดคำแก้ตัวไม่ทัน
"ไง ต้นข้าว" เสียงเข้มเอ่ยเรียบ ต้นข้าวอึกอักมองหน้าไอ้หล่อที่จับมือตัวเองไว้แน่น
"พวกเรามะ..."
"แฮ่กๆๆ รอนานไหมต้นข้าว โทษทีนะเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย" ผมวิ่งหอบเข้ามาหยุดอยู่ในวงสนทนา ยกมือไหว้พี่ต้นน้ำและพี่สาวอีกคน ทำทีมองเพทายและต้นข้าวสลับกัน
"หืม คนนี้ใครอะ" ผมโอบคอต้นข้าวดึงตัวเข้ามาชิด มือทั้งคู่หลุดออกจากกัน เพทายกำหมัดแน่นมองเต้ยแน่นอยู่ในอก
"น้องเต้ยมากับต้นข้าวเหรอครับ" ต้นน้ำถามจ้องจับผิด
"ครับ เรามาเดินเล่นกันก่อนจะแวะเข้าร้านนี้เนี่ยแหละ พี่ต้นน้ำมีอะไรรึเปล่าครับ"
"ก็เปล่า อืม สงสัยจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อย" ต้นน้ำพยักหน้า หันไปพูดกับน้องชาย
"ตามสบายนะ พี่ต้องไปทำงานต่อคงกลับดึกเหมือนเดิม"
"ครับ"
ต้นน้ำเดินไปยังแผนกเสื้อผ้าผู้หญิง สามคนที่เหลือพากันโล่งอกเงยหน้ามองตากัน เพทายยื่นถุงเสื้อผ้าส่วนของต้นข้าวให้เจ้าตัว ผมยื่นมือไปรับแทนและไม่ยอมปล่อยแขนจากคอต้นข้าว
"วันนี้มึงคงต้องกลับไปก่อนแล้วแหละ ส่วนต้นข้าวกูพาไปส่งบ้านเอง"
"ต้นข้าว" เพทายเรียกชื่อเสียงอ่อย คนกลางก้มหน้ามองพื้นตัดสินใจ
"เรากลับด้วยกันไม่ได้เหรอ เดี๋ยวกูออกไปรอข้างนอก ส่วนมึงก็ตามมาที่หลัง" เพทายเสนอทางออก
"อย่าเสี่ยงเลย พี่ต้นน้ำไม่ได้โง่นะมึง เพื่อนพี่เขาเยอะแยะ ข้างบ้านมึงก็เพื่อนเขาไม่ใช่รึไง แค่ถามว่าใครมาส่งมึง จบเลยนะข้าว" ผมพูดขึ้นอีก เพทายมองนัยน์ตาขุ่น
"เห้อ มึงกลับไปก่อนนะ ถึงบ้านแล้วโทรมา อีกแค่ยี่สิบแปดวันเราต้องอดทนนะหล่อ"
"เหี้ย กูไม่ชอบบรรยากาศนี้เลย" เมื่อไม่มีทางเลือกเพทายจึงต้องเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย ต้นข้าวลูบหน้าตัวเองยืนนิ่ง
ผมยกมือลงทิ้งข้างลำตัวยื่นของส่งให้ต้นข้าว มันรับมาถือไว้เดินหน้าเศร้านำผมออกไปก่อน แผ่นหลังบางที่ผมเคยซบเล่นค่อยๆห่างออกไปทีละก้าว
ตั้งแต่เขาเข้ามา กูก็ได้แต่มองมึงอยู่ข้างหลัง
มีเพื่อนติดแฟนมันอาจจะอ้างว้าง...
แต่แอบรักเพื่อนทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ มันเจ็บยิ่งกว่า
"ไม่อร่อยเหรอวะ" ผมถามมันเมื่อเห็นต้นข้าววางช้อนลง เราเข้ามานั่งเล่นในร้านเค้กเจ้าประจำหลังจากแยกจากเพทาย ร้านนี้ต้นข้าวชมว่าอร่อยและแวะเวียนมาบ่อยๆหลังเลิกเรียน แต่เวลานี้กลับนั่งเหนื่อยตามองจอโทรศัพท์
"เปล่า แต่กูเบื่อๆล้าๆไงก็ไม่รู้"
"อยู่กับกูรึเปล่าวะถึงเบื่อ ถ้าเปลี่ยนตรงที่กูนั่งเป็นมันมึงคงมีความสุขมากกว่านี้" ต้นข้าวตกใจกับความคิดเพื่อนรีบส่ายหน้ารัว
"เฮ้ยไม่ใช่ดิ คือกู...มีหลายเรื่องให้คิดว่ะ มึงอย่าคิดมาก"
"ต้นข้าว" ผมยื่นมือไปกุมมือมันไว้ "ขอเวลาตรงนั้นเเบ่งให้กูบ้างได้ไหม รู้ไหม...กูเหงา"
"ไอ้เต้ย" ต้นข้าวเอ่ยเสียงแผ่วในอกร้อนผ่าวเมื่อละเลยเพื่อนสนิทคนนี้ไป ในหัวคิดแต่เรื่องเพทายจนลืมไปว่ามีอีกคนที่สำคัญไม่ต่างกัน
"กูขอโทษ.."
"มึงไม่ผิดที่จะมีใคร แต่มึงก็ควรแบ่งเวลาสำหรับเพื่อนบ้าง ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าไอ้สัส กูกำลังด่า"
"แล้วมึงจะให้กูดีใจรึไงวะ" ต้นข้าวชัดมือออกเป็นฝ่ายกุมมือเต้ยแทน
"กูเคยบอกมึงไปแล้วว่าหน้าขี้เหร่ๆแบบมึงไม่เหมาะกับน้ำตา แค่เห็นมึงเศร้ากูก็เศร้าตาม"
"งั้นกูยิ้ม ยิ้มมม" ต้นข้าวฉีกยิ้มกว้าง ผมหัวเราะเบาๆ
เรานั่งกินเค้กกันต่อด้วยบรรยากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิม ผมอาจพูดไม่เต็มปากว่าขอเป็นคนที่ทำมันยิ้มได้ก็พอไม่ต้องการอะไรมาก เพราะใจคิดแย่งของผมมันยังหลงเหลืออยู่ไม่จากไปไหน เมื่อไหร่ที่มันทำต้นข้าวเสียใจ ผมไม่พลาดที่จะแย่งมาและไม่ปล่อยต้นข้าวให้ใครอีก
ไม่ห่างกันมากนักก็มีอีกคนที่เจ็บปวดกับความรักเช่นเต้ย แซมที่มานั่งเหงาคนเดียวอยู่ในร้านตั้งแต่แรกปรายตามองสองเพื่อนที่คุยกันยิ้มแย้มจนน่าอิจฉา เต้ยปฎิเสธเขาเพื่อมากับต้นข้าว คิดแล้วใจมันก็ปวดขึ้นมาอีกไม่น่าไปหลงรักเต้ยเลย ไม่น่าเลยจริงๆ
"พี่คะ ผู้หญิงคนนั้นให้เอากระดาษนี่มาให้พี่" พนักงานสาวที่ไหว้วานวางกระดาษใบเล็กลงบนโต๊ะแซม
"เอากลับไปเถอะครับ ผมไม่ต้องการ"
"ได้ค่ะ" พนักงานจากไป แซมลุกขึ้นไปจ่ายเงินของตัวเองและส่วนของเต้ยกับต้นข้าวด้วย เต้ยที่นั่งตรงข้ามกับต้นข้าวมองเลยมาเห็นหลังไวๆของแซมเดินออกทางประตูหลัง
"มีอะไรวะ"
"เปล่าๆ มึงว่าจะกลับบ้านเลยใช่ไหม งั้นครั้งนี้กูเลี้ยงเองมึงรออยู่นี่นะ" เต้ยเดินไปที่แคชเชียร์ก่อนจะจะหน้าตึงเมื่อรู้ว่าคนที่เห็นเป็นแซมจริงอย่างที่คาด
"ขอบคุณครับ" เต้ยเดินกลับมาที่โต๊ะ ต้นข้าวลุกขึ้นยืนก่อนจะพากันออกไป
…………………………………………………………………..
ต้นน้ำหยิบเสื้อสตรีมาทาบบนตัวของเพื่อนสาวนามว่า น่านฟ้า ถ้าพีชคือเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาแต่เด็กเธอคนนี้ก็เป็นอีกคนที่ต้นน้ำสนิทด้วย จะเพื่อนก็ไม่เชิงเพราะเธออายุน้อยกว่าต้นน้ำสี่ปี แต่นิสัยใจคอและรสนิยมที่เหมือนกัน ต้นน้ำจึงไม่ถือที่เธอจะขอเป็นเพื่อนมากกว่าจะเรียกเพื่อนสนิทว่าพี่
"น้ำว่าตัวนี้เหมาะกับฟ้าดีนะ" เสียงทุ้มเอ่ย
"แต่ฟ้าชอบตัวนี้ ใส่แล้วดูเปรี้ยวน่าขย้ำ คิกๆ" รอยยิ้มชวนใจสั่นแย้มขึ้น ชายแท้ที่แอบมองเธอเม้มปากคิดเสียดาย เข้าใจว่าต้นน้ำเป็นแฟนของเธอ
"ดูพูดเข้า ยั่วเขามากๆเดี๋ยวเกิดโดนฉุดจะสมน้ำหน้าให้ โอ๊ย ฟ้าตีน้ำทำไมครับ"
"ปากเสีย" น่านฟ้ายกนิ้วคาดโทษ
"เป็นผู้หญิงก็หัดแต่งตัวเรียบร้อยบ้าง จะโชว์เยอะไปให้อันตรายตัวเองทำไม"
"มีดีให้โชว์นี่คะ ผู้หญิงอย่าหยุดสวย ฮ่าๆๆ" ต้นน้ำดีดหน้าผากมน คนอื่นที่ผ่านไปมาพากันมองแล้วชี้มายังทั้งคู่ ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวยช่างเหมาะสมกันนัก
"คุณลูกค้าน่าอิจฉาจังเลยนะคะ มีแฟนหล่อแถมสุภาพอีก" พนักงานสาวร่วมสนทนาด้วย
"แฟน?" หันมามองต้องน้ำปิดปากหัวเราะ
"อย่างฟ้าไม่เอาตานี่ทำพันธุ์หรอกค่ะ พี่สาวก็หน้าตาใช้ได้ถ้าแต่งตัวสักหน่อยดูแลผิวอีกนิดเริ่ดเลยค่ะ"
พนักงานสาวยิ้มเขินไม่เคยเจอลูกค้าคนไหนพูดแนะนำอย่างนี้ ก็จริงอย่าที่น่านฟ้าพูด เธอเอาแต่ทำงานจะเอาเวลาไหนไปดูแลตัวเอง สงสัยต้องซื้อพวกครีมบำรุงติดกลับบ้านบ้างแล้ว ไม่สวยอย่างเธอคนนี้แต่ก็ขอให้ตัวเองดูดีไม่อายใคร
เป็นผู้หญิงก็ต้องหัดแต่งบ้าง แต่งนิดแต่งหน่อยให้ดูงาม แต่งมากเดี๋ยวจะเป็นกล่องเครื่องสำอางเคลื่อนที่เอา
"กลับบ้านเหอะฟ้า น้ำจะไม่ไหวแล้วนะ" ต้นน้ำหน้าหงิกงอนั่งนวดขาบริเวณจุดพัก
"ไม่ได้ ฟ้ามีของต้องซื้ออีกเยอะเลยนะ ไหนน้ำว่าวันนี้เอาให้เต็มที่เลยไง"
"ใครจะคิดว่าฟ้าทำจริงล่ะครับ ขอเหอะ อีกแค่ร้านเดียวนะ" น่านฟ้ายืนคิดไหวไหล่ยอมแพ้
"ก็ได้ งั้นไปร้านขายตุ๊กตานะ ฟ้าอยากได้กระต่ายน้อยมากอดสักตัว"
"ครับ ร้านสุดท้ายนะ เห้อ วันหลังจะไม่มาด้วยแล้ว" ต้นน้ำบ่นอุบอิบ น่านฟ้ายิ้มชอบใจที่เห็นหนาบึ้งของเพื่อน ควงแขนแกร่งลากไปร้านที่ว่า
เพลงกอดเอวกิ่วของสาวสวยนางแบบชื่อดังในขณะนี้เดินเข้าร้านเดียวกับที่ต้นน้ำเพิ่งเข้า น่านฟ้าเหลือบไปเห็นคุณพยัคฆ์เข้ามองตาเป็นประกายอ้าปากกรีดร้องในใจ
"น้ำๆๆ นั่นใช่คุณพยัคฆ์รึเปล่า" มือบางตีต้นแขนแข็งแรงตามองเพลงไม่กะพริบ ต้นน้ำหันไปมองตาม
"อืม ทำไมอะ"
"ไม่ตื่นเต้นเลยรึไง นั่นนายแบบชื่อดังเลยนะ ไม่ได้แล้ว อ่ะ ฝากหน่อย" ตุ๊กตาขนปุยถูกยื่นให้ต้นน้ำที่ยื่นมือรับสีหน้างง
"คุณพยัคฆ์ใช่ไหมคะ" น่านฟ้าตื่นเต้นยืนกัดริมฝีปากเอียงหน้ามอง เพลงพยักหน้ารับยิ้มโปรยเสน่ห์ นางแบบที่ควงมาด้วยฟึดฟัดกอดอกเชิ่ด
"ครับ"
"หล่อกว่าในหนังสืออีก งั้นขอถ่ายรูปคู่จะได้ไหมคะ"
"ได้ครับ ซอนย่าปล่อยก่อน" เสียงเข้มเอ่ยกับคู่ควง เธอยอมแกะมือออกจิกตาใส่น่านฟ้าจะกินเลือดกินเนื้อ ม่านฟ้าไม่สนใจยืนประชิดนายแบบในดวงใจถือโทรศัพท์ถ่ายมือสั่น
"ไหนขอดูหน่อย" เพลงยื่นหน้าชิดกับน่านฟ้ามองจอที่ปรากฏรูปถ่ายที่ได้ภาพเบลอจากแรงสั่น
"ไม่เห็นชัดเลย ผมถือให้เองดีกว่า"
"คะ ได้ค่ะ" น่านฟ้าอยากจะกรี๊ดให้ห้างแตก โอ๊ย หล่อลากน่าปล้ำจับซั่มให้รู้แล้วรู้รอด ต้นน้ำมองอยู่ไกลๆไม่อยากให้เพลงรู้ว่าเขามากับเธอ
"อืม แค่นี้พอไหมครับ" เพลงเลื่อนรูปถ่ายสามสี่ภาพให้น่านฟ้าดู
"พอค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"ครับ แล้วคนสวยมาเดินคนเดียวไม่เหงาเหรอครับ" เพลงเอ่ยคำพูดหวาน น่านฟ้าขอตัวสักครู่เดินมาดึงต้นน้ำให้ตามมาด้วย ต้นน้ำส่ายหน้าขืนตัวเอาไว้
"ไม่เอานะฟ้า"
"เถอะน่า แค่แป๊บเดียว"
"ไม่เอาเด็ดขาด ฟ้าปล่อยน้ำเลยนะ ฟ้า โธ่ เอาจนได้นะ" ต้นน้ำหน้ามุ่ยเมื่อเพลงเห็นเขาเข้าแล้ว พ่นลมหายใจออกยาว
"นี่ไงคะสุดหล่อที่ฟ้าบอก ไงคะ พอจะไปเป็นนายแบบได้ไหม"
"ฟ้า" ต้นน้ำปรามเสียงเข้ม
"อืม ได้สบายๆเลยครับ แล้วคนนี้แฟนคุณเหรอครับ" เพลงแกล้งถาม น่านฟ้ามองสายตาที่ทอดมาของคุณพยัคฆ์จึงพูดโกหกป้องกันตัวเอง
"ใช่ค่ะ ต้นน้ำเป็นแฟนฟ้าเอง" น้ำเสียงเอ่ยชัดเจนหนักแน่น เพลงเลิกคิ้วมองต้นน้ำหน้าเจ้าเล่ห์
เฮียพีชจะรู้ไหมนะ
"อื้ม เหมาะสมกันดีนะครับ" คู่ควงของเพลงแตะแขนแกร่งให้สนใจ " อะไรซอนย่า"
"ได้เวลาแล้วนะคะ" เพลงขอตัวเมื่อถึงเวลาหนังฉาย กระตุกยิ้มมุมปากใส่ต้นน้ำก่อนเดินจากไป น่านฟ้าจับโทรศัพท์ทาบอกยิ้มแป้น
"ทำไมฟ้าบอกเขาไปแบบนั้นล่ะ"
"ก็น้ำบอกว่า ถ้าไม่อยากให้ใครจีบฟ้าก็อ้างน้ำไปก่อนไง คุณพยัคฆ์น่ะเจ้าชู้ ฟ้าต้องกันไว้ก่อนสิ"
"เห้อ อืม แล้วเลือกได้ยังนานเกินนะแค่ตุ๊กตา" ต้นน้ำเปลี่ยนเรื่องใจสั่นๆอยากเข้างานก่อนเวลา
"ได้แล้วค่ะ ไปๆขี้บ่นนะตาแก่นี่"
"ว่าใครห้ะ" ต้นน้ำเดินตามหลังแกล้งล็อคคอน่านฟ้าจากด้านหลัง น่านฟ้าหัวเราะคิก
"ฮ่าๆๆ ฟ้าขนลุกปล่อยเร็ว" มือตีเพี้ยะยื่นตุ๊กตาให้คนขายคิดเงิน ต้นน้ำหัวเราะเลื่อนมือมาโอบเอวเพื่อนคอยเป็นไม้กั้นหมาอย่างที่เธอต้องการ
แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะทำหน้าที่ผิดเวลาไปสักหน่อย พีชกวาดตามองทั่วร้านหน้าไม่สบอารมณ์เดินดุ่มๆมาข้างหลังของทั้งคู่ เหมือนวันนี้จะรู้ว่าต้นน้ำอยู่ห้าง เพราะพีชเองก็นั่งกินข้าวกับเพื่อนชายอยู่ชั้นล่างสุด
"โอ๊ะ น้ำนี่เองนึกว่าใคร" พีชทำทีคว้าหมีข้างๆมาถือรอคิดเงิน ต้นน้ำผงะปล่อยมือจากเอวบางหมุนตัวมองคนข้างหลัง แววตาดุจ้องเขานิ่งผิดกับริมฝีปากที่ฉีกยิ้มให้
"จะรีบไปไหนครับพีช น่านตามเกือบไม่ทัน" น่านน้ำวิ่งหอบตามมาติดๆ น่านฟ้าร้องอ้าวเอ่ยทักทายพี่ชายคนเดียว
"พี่น้ำไหนว่ามาเที่ยวกับแฟนไง หรือว่า..." มองพีชสายตากรุ้มกริ่ม ต้นน้ำเดาคำตอบล่วงหน้าใบหน้าเรียบเฉยไม่สีหน้าสีหน้าใดๆออกมา
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ