แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!
5.5
เขียนโดย LemonNest
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.
42 chapter
66 วิจารณ์
54.38K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ตอนที่ 16
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 16
ต้นข้าว
ผมกำลังกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...
เสียงนกร้องในยามเช้าเหมือนเป็นนาฬิกาปลุกของคนที่ขี้เกียจตื่น ยิ่งฟังยิ่งยากจะนอนต่อ ต้านเสียงเล็กที่ร้องจิ๊บๆจนน่ารำคาญไว้ไม่ไหว พี่ต้นน้ำออกไปแล้ว ออกไปพร้อมความหวังทั้งหมดที่มี
เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว ทำไม...ทำไมพี่ต้นน้ำรอไม่ได้
"เราต้องคุยกันนะต้นข้าว!" เสียงไอ้หล่อตะโกนเข้ามาข้ามรั้วบ้านที่ปิดกั้นเราเอาไว้ เหมือนฝันไป เมื่อวานเรายังรักกันดี แล้วทำไมตื่นขึ้นมาต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายด้วย
'ใช่ พี่ไม่มีเหตุผล แต่หนึ่งเดือนที่เหลือต้นข้าวอย่าไปเจอเขาได้ไหม'
"ผมทำไม่ได้..." เสียงแผ่วเอ่ยกับสายลมบอกตัวเองว่ายังไงซะก็ทำไม่ได้ มันจะดีกว่าไม่ใช่หรือที่เราจะสร้างกำลังใจและร่วมเดินไปด้วยกัน ถ้าผมไม่อยู่ แล้วไอ้หล่อจะพึ่งใคร
"ต้นข้าว! ออกมาหากูได้ไหม พี่มึงทำไมทำแบบนี้วะ!!"
ผมไม่อยากได้ยินเสียงมันให้น้ำตาคลอไปมากกว่านี้ กูยังอยู่เคียงข้างมึงไม่ไปไหน และนี่คือด่านยากที่มึงต้องผ่านไปให้ได้ ด่านของพี่ชายที่หวงน้องชายยิ่งกว่าอะไร
เมื่อเช้าพี่ต้นน้ำมาบ้านสวรรยาแต่เช้าตรู่ เข้าไปคุยกับป๋านานสองนาน เฮียเพลงยังไม่ตื่นและไม่มีใครตื่นมารับรู้สักคนนอกจากผม ในเมื่อเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวพี่ต้นน้ำอยากทำอย่างสุดท้ายที่ตั้งใจ คือการพาตัวผมกลับไปที่บ้านและให้เพทายพยายามด้วยตัวเอง
'พี่รู้ว่าคุณเพทายกำลังพยายามอยู่ ถ้าเขารักน้องพี่จริงเขาต้องทำได้'
อดทนไว้นะหล่อ ถ้ามึงมีความอดทนและลดความใจร้อนลงได้กูจะกลับไปหามึงเอง
เพทายทรุดตัวหมดแรงนั่งพิงรั้วบ้านสูงชันมือกุมใบหน้า ถ้าเราตื่นเช้ากว่านี้คงจะรั้งต้นข้าวไว้ได้ทัน ป๋าใจร้ายนัก ทำไมต้องตั้งเงื่อนไขอะไรมากมายมาขวางเราด้วย ที่ผมพยายามเรียนแค่นี้มันยังไม่พออีกรึไงวะ
"เฮียว่าแล้วว่าเพต้องอยู่ที่นี่" เสียงทุ้มของพี่ชายมาพร้อมกับเงาที่ทาบทับมาบังแสงอาทิตย์ เพทายเงยหน้าขึ้นโผกอดขาพี่ชายน้ำตาคลอ
"เฮีย ทำไมป๋าทำกับเพแบบนี้ ทำไมกันเฮีย"
"เห้อ ลุกขึ้นแล้วไปกับเฮีย วันนี้มีเรียนใช่ไหม" เพทายพยักหน้าลุกขึ้นยืน เพลงมองเข้าไปนัยน์ตาของน้องชาย อารมณ์แบบนี้คงไม่ทีกะจิตกะใจจะเรียนหรอก
"โดดสักวันแล้วกัน วันนี้เฮียจะพาเพไปดูอะไรสักอย่าง"
………………………………………………………….
เพทาย
ผมนั่งมองสองข้างทางที่ห่างไกลจากความเจริญเข้าไปทุกที เพลงเหลือบมองน้องชายที่เหม่อลอยจากการกระทำของต้นน้ำอย่างที่คาดไม่ถึงและไม่ทันได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้น วันนี้เราอาจจะยังหายใจ แต่ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้เราอาจจะตื่นมาพบกับลมหายใจที่หายไปแล้ว
"ตั้งแต่เล็กจนโตป๋าเคยทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลไหม" ผมละสายตามามองพี่ชาย
"ทำไมครับ"
"เปล่า เฮียอยากให้รู้ว่าป๋าไม่เคยใจร้ายกับเราหรอก ป๋ารักเพมากนะ พวกเฮียก็รักเพมาก แต่เพราะรักและตามใจมากเพถึงมีนิสัยแบบนี้"
"มันยังไงล่ะเฮีย" คิ้วเข้มชนเข้าหากัน เพลงเลี้ยวรถเข้าข้างทางจอดรับลมเย็นๆเพื่อสนทนากับน้อง
"มีอะไรที่เพอยากได้แล้วไม่ได้ไหม"
"......แม่" คำสั้นๆสื่อความหมายทุกอย่าง เพลงดึงตัวน้องชายเข้ามากอด
"นอกจากเรื่องนั้นสิ"
"ต้นข้าว เพกลัวต้นข้าวหายไป เพกลัวว่าทุกอย่างจะมาพรากเราให้ไกลกัน เพกลัว..." ผมกอดรัดแน่นขึ้น เพลงตบหลังน้องชายเบาๆ
"ไม่มีความรักไหนที่ได้มาง่ายๆโดยไร้อุปสรรค เพราะอะไรคุณต้นน้ำถึงยังไม่ยอมรับเพ เพราะอะไรที่ทำให้ต้นข้าวเสียน้ำตาเพราะเพ ไม่ใช่เพราะการควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขอเพหรอกหรือ" เสียงปลอบประโลมกล่อมอีกคนให้คิดตาม
เรื่องราวที่ผ่านมาย้อนกลับเข้ามาในความคิดของผม เราเริ่มเจอกันจากความบังเอิญและเผลอมีอะไรกันด้วยความไม่ตั้งใจ ตอนไหนที่ความรู้สึกชอบเริ่มเข้ามา ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เผลอตัวเผลอใจไปมีอะไรกับคนอื่นเพื่อประชดรัก คำพูดร้ายกาจกับการกระทำแสนป่าเถื่อนเขาทำไปได้ยังไงกัน
"ถ้าสักวันเพเกิดโมโหต้นข้าวมาก โกรธจนยั้งคิดทุกอย่าง ทำเหมือนที่เคยทำในทุกครั้ง และเผลอ...ฆ่าต้นข้าวจนตายขึ้นมา คนที่เสียใจที่สุดคือใครกัน"
"เพไง เพต้องเสียใจที่สุดอยู่แล้ว" เพลงส่ายหน้าผละน้องชายออก
"ไม่ใช่..." มืออบอุ่นของพี่ชายมาจับมือน้องให้กุมมาที่อกข้างซ้าย "คนที่อยู่กับต้นข้าวและรักต้นข้าวยิ่งกว่าตัวเอง คือพี่ชายยังไงล่ะ คุณต้นน้ำจะต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ทำน้องเขาเสียใจ เสียน้ำตา หรือแม้กระทั่งสักวันต้องเสียชีวิตไปด้วย"
อารมณ์เพียงชั่ววูบไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าวูบไหวกระทำสิ่งที่ผิด ผลที่ตามมาอาจนำมาซึ่งความเสียใจของใครหลายคน
"รู้แล้วยังจะโกรธคุณต้นน้ำอยู่อีกไหม" เพลงถามขึ้นพลางสตาร์ทรถเดินทางต่อ เขาจะพาน้องชายไปสถานที่ในความทรงจำของเราสามคนพี่น้อง
……………………………………………………………
ต้นข้าว
ต้นข้าวนั่งเหม่อจับปากกาจดทุกอย่างที่ได้ยินลงไปในสมุด ไม่มีเวลามานั่งจับใจความและเขียนโน๊ตสั้นๆอย่างที่เคยทำ เพราะเวลาทั้งหมดมันหายไปกับไอ้หล่อที่หายไปตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้มันมีเรียน แต่มันไม่มา
ผมกำลังกลัว กลัวว่ามันจะท้อและล้มเลิกความตั้งใจทั้งหมด
"กินข้าว" มือเต้ยสะกิดผม นัยน์ตามันทอความห่วงใยมาให้เมื่อผมเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ฟัง
เสียงผู้คนจอแจเมื่อเรามาถึงโรงอาหารของมหา'ลัย เต้ยให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะและตัวมันไปยืนต่อแถวซื้ออาหาร ผมมองเห็นพวกเพื่อนของไอ้หล่อมุ่งตรงมาทางนี้ ทำยังไงดี ผมมองหน้าพวกเขาไม่ติดเลย
"ทำไมวันนี้อิเพไม่มาเรียน มึงโทรหามันยัง" ผมนั่งหันหลังให้เพื่อนไอ้หล่อ เสียงแตงดังขึ้นสนทนากับเพื่อนในกลุ่ม
“ย้ายที่ไหม” เต้ยถามด้วยความเป็นห่วง ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะที่ไกลออกไป
ผมนั่งเหม่อมองกลุ่มคนที่พากันยิ้มและหัวเราะ บ้างก็ร้องไห้ออกมาไม่แคร์สายตาคนทั้งโรงอาหาร ถ้าสักวันผมต้องไปอยู่จุดนั้น ผมก็คงร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายเหมือนกัน
“มึงมีความสุขไหมข้าวที่คบกับมัน” เต้ยถอดสายหูฟังออกย้ายตัวเองมานั่งข้างต้นข้าวก่อนถามขึ้น
“กูไม่เคยฝืนใจตัวเอง แต่กูกำลังกลัว…”
“น่าอิจฉามันจัง อิจฉาที่มึงรักมันขนาดนี้” เสียงมันเบาหวิว ผมสบตามันพูดต่อ
“กูก็รักมึงไม่ต่างจากมันหรอกนะเต้ย กูเลือกใครไม่ได้ เพราะกูขาดใครไปก็มีค่าเท่ากัน”
“ต้นข้าว กู…”
“กรี๊ดดดด อิออมมึงทำอะไรกูเนี่ย” เสียงหวีดร้องของแตงดังลั่น นักศึกษาพากันมอง ผมถอนหายใจนึกถึงไอ้หล่อขึ้นมาดื้อๆ
“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ” ผมถามไอ้เต้ยที่พูดค้างเอาไว้
“ปล่า ช่างมันเถอะ กูไปซื้อขนมให้กินนะ อย่าไปซนที่ไหนล่ะ” ผมยิ้มชกไหล่มันเบาๆ สายตามองแผ่นหลังมันที่ห่างไกลออกไป ถ้าสักวันผมขาดมันไปคงเหงาน่าดู ขอบคุณนะเต้ย ที่อยู่ข้างกูมาตลอด
……………………………………………………
พีช
@สนามบินที่ไทย
ร่างสูงโปรงเดินก้าวเท้าฉับๆส่ายสายตามองหาครอบครัวที่คุยกันว่าจะมารับ พีชพับเเว่นสีชาเหน็บไว้กับคอเสื้อรูปตัววีที่ย้วยเห็นแผงอกล่ำๆ แล้วมันจะน่าแปลกอะไรที่สาวน้อยสาวใหญ่จะพากันมอง
"เฮียพีช!!" เพทายร้องเรียกพี่ชายคนโตโบกมือยื่นสุดแขนให้มองเห็น ข้างกันเป็นเพลงน้องคนกลางและปิดท้ายด้วยรอยยิ้มดีใจของป๋าและลูกน้องอีกหลายคนที่ก้มหัวทักทาย
กลับมาแล้ว เรากลับมาแล้วนะน้ำ
"อื้อ คิดถึงเฮียพีชที่สุดเลยครับ" คุณชายเล็กออดอ้อนโอบกอดพี่ชายท่ามกลางสายตาของทุกคน
"เฮียก็คิดถึงตัวแสบ ไหนเพลงว่ามีหมาใกล้ตายเพราะขาดเมีย ทำไมเฮียเห็นแต่ไอ้เด็กขี้อ้อนนี่วะ"
"โหเฮีย กว่าเพลงจะทำให้ยิ้มได้นี่เล่นค่อนวันเลยนะ เฮียมาเหนื่อยๆกลับบ้านเรากัน"
"คิดถึงครับป๋า อย่าใจร้ายกับน้องนักสิครับ" ผมกอดป๋าผละออกเอ่ยยิ้มๆ ป๋าตวัดสายตามองไอ้ตัวดีที่ทำให้ลูกชายคนโตบินกลับมาก่อนกำหนด เพทายเบี่ยงหน้าหนี
ครอบครัวสวรรยาพากันเดินไปที่รถเพื่อเดินทางกลับ ภาพอันอบอุ่นที่นานทีปีหนจะได้เห็นอดทำให้โจ้และลูกน้องหลายคนยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ดาต้าที่พกกล้องติดตัวยกขึ้นขอถ่ายไว้เป็นที่ระลึก นายๆทั้งหลายก็เห็นด้วย จึงพากันหามุมถ่ายภาพครอบครัวโดยมีลูกน้องคนสนิทของเพลงเป็นตากล้องจำเป็น
TBC.
ต้นข้าว
ผมกำลังกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...
เสียงนกร้องในยามเช้าเหมือนเป็นนาฬิกาปลุกของคนที่ขี้เกียจตื่น ยิ่งฟังยิ่งยากจะนอนต่อ ต้านเสียงเล็กที่ร้องจิ๊บๆจนน่ารำคาญไว้ไม่ไหว พี่ต้นน้ำออกไปแล้ว ออกไปพร้อมความหวังทั้งหมดที่มี
เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว ทำไม...ทำไมพี่ต้นน้ำรอไม่ได้
"เราต้องคุยกันนะต้นข้าว!" เสียงไอ้หล่อตะโกนเข้ามาข้ามรั้วบ้านที่ปิดกั้นเราเอาไว้ เหมือนฝันไป เมื่อวานเรายังรักกันดี แล้วทำไมตื่นขึ้นมาต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายด้วย
'ใช่ พี่ไม่มีเหตุผล แต่หนึ่งเดือนที่เหลือต้นข้าวอย่าไปเจอเขาได้ไหม'
"ผมทำไม่ได้..." เสียงแผ่วเอ่ยกับสายลมบอกตัวเองว่ายังไงซะก็ทำไม่ได้ มันจะดีกว่าไม่ใช่หรือที่เราจะสร้างกำลังใจและร่วมเดินไปด้วยกัน ถ้าผมไม่อยู่ แล้วไอ้หล่อจะพึ่งใคร
"ต้นข้าว! ออกมาหากูได้ไหม พี่มึงทำไมทำแบบนี้วะ!!"
ผมไม่อยากได้ยินเสียงมันให้น้ำตาคลอไปมากกว่านี้ กูยังอยู่เคียงข้างมึงไม่ไปไหน และนี่คือด่านยากที่มึงต้องผ่านไปให้ได้ ด่านของพี่ชายที่หวงน้องชายยิ่งกว่าอะไร
เมื่อเช้าพี่ต้นน้ำมาบ้านสวรรยาแต่เช้าตรู่ เข้าไปคุยกับป๋านานสองนาน เฮียเพลงยังไม่ตื่นและไม่มีใครตื่นมารับรู้สักคนนอกจากผม ในเมื่อเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวพี่ต้นน้ำอยากทำอย่างสุดท้ายที่ตั้งใจ คือการพาตัวผมกลับไปที่บ้านและให้เพทายพยายามด้วยตัวเอง
'พี่รู้ว่าคุณเพทายกำลังพยายามอยู่ ถ้าเขารักน้องพี่จริงเขาต้องทำได้'
อดทนไว้นะหล่อ ถ้ามึงมีความอดทนและลดความใจร้อนลงได้กูจะกลับไปหามึงเอง
เพทายทรุดตัวหมดแรงนั่งพิงรั้วบ้านสูงชันมือกุมใบหน้า ถ้าเราตื่นเช้ากว่านี้คงจะรั้งต้นข้าวไว้ได้ทัน ป๋าใจร้ายนัก ทำไมต้องตั้งเงื่อนไขอะไรมากมายมาขวางเราด้วย ที่ผมพยายามเรียนแค่นี้มันยังไม่พออีกรึไงวะ
"เฮียว่าแล้วว่าเพต้องอยู่ที่นี่" เสียงทุ้มของพี่ชายมาพร้อมกับเงาที่ทาบทับมาบังแสงอาทิตย์ เพทายเงยหน้าขึ้นโผกอดขาพี่ชายน้ำตาคลอ
"เฮีย ทำไมป๋าทำกับเพแบบนี้ ทำไมกันเฮีย"
"เห้อ ลุกขึ้นแล้วไปกับเฮีย วันนี้มีเรียนใช่ไหม" เพทายพยักหน้าลุกขึ้นยืน เพลงมองเข้าไปนัยน์ตาของน้องชาย อารมณ์แบบนี้คงไม่ทีกะจิตกะใจจะเรียนหรอก
"โดดสักวันแล้วกัน วันนี้เฮียจะพาเพไปดูอะไรสักอย่าง"
………………………………………………………….
เพทาย
ผมนั่งมองสองข้างทางที่ห่างไกลจากความเจริญเข้าไปทุกที เพลงเหลือบมองน้องชายที่เหม่อลอยจากการกระทำของต้นน้ำอย่างที่คาดไม่ถึงและไม่ทันได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้น วันนี้เราอาจจะยังหายใจ แต่ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้เราอาจจะตื่นมาพบกับลมหายใจที่หายไปแล้ว
"ตั้งแต่เล็กจนโตป๋าเคยทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลไหม" ผมละสายตามามองพี่ชาย
"ทำไมครับ"
"เปล่า เฮียอยากให้รู้ว่าป๋าไม่เคยใจร้ายกับเราหรอก ป๋ารักเพมากนะ พวกเฮียก็รักเพมาก แต่เพราะรักและตามใจมากเพถึงมีนิสัยแบบนี้"
"มันยังไงล่ะเฮีย" คิ้วเข้มชนเข้าหากัน เพลงเลี้ยวรถเข้าข้างทางจอดรับลมเย็นๆเพื่อสนทนากับน้อง
"มีอะไรที่เพอยากได้แล้วไม่ได้ไหม"
"......แม่" คำสั้นๆสื่อความหมายทุกอย่าง เพลงดึงตัวน้องชายเข้ามากอด
"นอกจากเรื่องนั้นสิ"
"ต้นข้าว เพกลัวต้นข้าวหายไป เพกลัวว่าทุกอย่างจะมาพรากเราให้ไกลกัน เพกลัว..." ผมกอดรัดแน่นขึ้น เพลงตบหลังน้องชายเบาๆ
"ไม่มีความรักไหนที่ได้มาง่ายๆโดยไร้อุปสรรค เพราะอะไรคุณต้นน้ำถึงยังไม่ยอมรับเพ เพราะอะไรที่ทำให้ต้นข้าวเสียน้ำตาเพราะเพ ไม่ใช่เพราะการควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขอเพหรอกหรือ" เสียงปลอบประโลมกล่อมอีกคนให้คิดตาม
เรื่องราวที่ผ่านมาย้อนกลับเข้ามาในความคิดของผม เราเริ่มเจอกันจากความบังเอิญและเผลอมีอะไรกันด้วยความไม่ตั้งใจ ตอนไหนที่ความรู้สึกชอบเริ่มเข้ามา ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เผลอตัวเผลอใจไปมีอะไรกับคนอื่นเพื่อประชดรัก คำพูดร้ายกาจกับการกระทำแสนป่าเถื่อนเขาทำไปได้ยังไงกัน
"ถ้าสักวันเพเกิดโมโหต้นข้าวมาก โกรธจนยั้งคิดทุกอย่าง ทำเหมือนที่เคยทำในทุกครั้ง และเผลอ...ฆ่าต้นข้าวจนตายขึ้นมา คนที่เสียใจที่สุดคือใครกัน"
"เพไง เพต้องเสียใจที่สุดอยู่แล้ว" เพลงส่ายหน้าผละน้องชายออก
"ไม่ใช่..." มืออบอุ่นของพี่ชายมาจับมือน้องให้กุมมาที่อกข้างซ้าย "คนที่อยู่กับต้นข้าวและรักต้นข้าวยิ่งกว่าตัวเอง คือพี่ชายยังไงล่ะ คุณต้นน้ำจะต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ทำน้องเขาเสียใจ เสียน้ำตา หรือแม้กระทั่งสักวันต้องเสียชีวิตไปด้วย"
อารมณ์เพียงชั่ววูบไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าวูบไหวกระทำสิ่งที่ผิด ผลที่ตามมาอาจนำมาซึ่งความเสียใจของใครหลายคน
"รู้แล้วยังจะโกรธคุณต้นน้ำอยู่อีกไหม" เพลงถามขึ้นพลางสตาร์ทรถเดินทางต่อ เขาจะพาน้องชายไปสถานที่ในความทรงจำของเราสามคนพี่น้อง
……………………………………………………………
ต้นข้าว
ต้นข้าวนั่งเหม่อจับปากกาจดทุกอย่างที่ได้ยินลงไปในสมุด ไม่มีเวลามานั่งจับใจความและเขียนโน๊ตสั้นๆอย่างที่เคยทำ เพราะเวลาทั้งหมดมันหายไปกับไอ้หล่อที่หายไปตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้มันมีเรียน แต่มันไม่มา
ผมกำลังกลัว กลัวว่ามันจะท้อและล้มเลิกความตั้งใจทั้งหมด
"กินข้าว" มือเต้ยสะกิดผม นัยน์ตามันทอความห่วงใยมาให้เมื่อผมเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ฟัง
เสียงผู้คนจอแจเมื่อเรามาถึงโรงอาหารของมหา'ลัย เต้ยให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะและตัวมันไปยืนต่อแถวซื้ออาหาร ผมมองเห็นพวกเพื่อนของไอ้หล่อมุ่งตรงมาทางนี้ ทำยังไงดี ผมมองหน้าพวกเขาไม่ติดเลย
"ทำไมวันนี้อิเพไม่มาเรียน มึงโทรหามันยัง" ผมนั่งหันหลังให้เพื่อนไอ้หล่อ เสียงแตงดังขึ้นสนทนากับเพื่อนในกลุ่ม
“ย้ายที่ไหม” เต้ยถามด้วยความเป็นห่วง ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะที่ไกลออกไป
ผมนั่งเหม่อมองกลุ่มคนที่พากันยิ้มและหัวเราะ บ้างก็ร้องไห้ออกมาไม่แคร์สายตาคนทั้งโรงอาหาร ถ้าสักวันผมต้องไปอยู่จุดนั้น ผมก็คงร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายเหมือนกัน
“มึงมีความสุขไหมข้าวที่คบกับมัน” เต้ยถอดสายหูฟังออกย้ายตัวเองมานั่งข้างต้นข้าวก่อนถามขึ้น
“กูไม่เคยฝืนใจตัวเอง แต่กูกำลังกลัว…”
“น่าอิจฉามันจัง อิจฉาที่มึงรักมันขนาดนี้” เสียงมันเบาหวิว ผมสบตามันพูดต่อ
“กูก็รักมึงไม่ต่างจากมันหรอกนะเต้ย กูเลือกใครไม่ได้ เพราะกูขาดใครไปก็มีค่าเท่ากัน”
“ต้นข้าว กู…”
“กรี๊ดดดด อิออมมึงทำอะไรกูเนี่ย” เสียงหวีดร้องของแตงดังลั่น นักศึกษาพากันมอง ผมถอนหายใจนึกถึงไอ้หล่อขึ้นมาดื้อๆ
“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ” ผมถามไอ้เต้ยที่พูดค้างเอาไว้
“ปล่า ช่างมันเถอะ กูไปซื้อขนมให้กินนะ อย่าไปซนที่ไหนล่ะ” ผมยิ้มชกไหล่มันเบาๆ สายตามองแผ่นหลังมันที่ห่างไกลออกไป ถ้าสักวันผมขาดมันไปคงเหงาน่าดู ขอบคุณนะเต้ย ที่อยู่ข้างกูมาตลอด
……………………………………………………
พีช
@สนามบินที่ไทย
ร่างสูงโปรงเดินก้าวเท้าฉับๆส่ายสายตามองหาครอบครัวที่คุยกันว่าจะมารับ พีชพับเเว่นสีชาเหน็บไว้กับคอเสื้อรูปตัววีที่ย้วยเห็นแผงอกล่ำๆ แล้วมันจะน่าแปลกอะไรที่สาวน้อยสาวใหญ่จะพากันมอง
"เฮียพีช!!" เพทายร้องเรียกพี่ชายคนโตโบกมือยื่นสุดแขนให้มองเห็น ข้างกันเป็นเพลงน้องคนกลางและปิดท้ายด้วยรอยยิ้มดีใจของป๋าและลูกน้องอีกหลายคนที่ก้มหัวทักทาย
กลับมาแล้ว เรากลับมาแล้วนะน้ำ
"อื้อ คิดถึงเฮียพีชที่สุดเลยครับ" คุณชายเล็กออดอ้อนโอบกอดพี่ชายท่ามกลางสายตาของทุกคน
"เฮียก็คิดถึงตัวแสบ ไหนเพลงว่ามีหมาใกล้ตายเพราะขาดเมีย ทำไมเฮียเห็นแต่ไอ้เด็กขี้อ้อนนี่วะ"
"โหเฮีย กว่าเพลงจะทำให้ยิ้มได้นี่เล่นค่อนวันเลยนะ เฮียมาเหนื่อยๆกลับบ้านเรากัน"
"คิดถึงครับป๋า อย่าใจร้ายกับน้องนักสิครับ" ผมกอดป๋าผละออกเอ่ยยิ้มๆ ป๋าตวัดสายตามองไอ้ตัวดีที่ทำให้ลูกชายคนโตบินกลับมาก่อนกำหนด เพทายเบี่ยงหน้าหนี
ครอบครัวสวรรยาพากันเดินไปที่รถเพื่อเดินทางกลับ ภาพอันอบอุ่นที่นานทีปีหนจะได้เห็นอดทำให้โจ้และลูกน้องหลายคนยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ดาต้าที่พกกล้องติดตัวยกขึ้นขอถ่ายไว้เป็นที่ระลึก นายๆทั้งหลายก็เห็นด้วย จึงพากันหามุมถ่ายภาพครอบครัวโดยมีลูกน้องคนสนิทของเพลงเป็นตากล้องจำเป็น
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ