แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  55.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ตอนที่ 9

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 9

 

 

 

เพทาย

 

รู้จักการเดทไหม!

 

น้องถามอ่ะเฮีย!!

 

“เฮียว่าอันนี้อร่อยดีนะ ชิมๆ” เฮียเพลงยื่นไอศกรีมรสเลม่อนที่ใส่กรวยให้ต้นข้าวชิม เมียผมแม่งก็ตะกละแดก เอาลิ้นเลียพยักหน้าเห็นด้วย มึงไม่เอะใจสักนิดเลยเหรอว่ามันจูบทางอ้อมนะเว้ยยย

 

“มึงมาเดินใกล้ๆกูมา เป็นเชี้ยอะไรเดินเบียดเฮียอยู่ได้” ผมดึงมือมันมาสอดแขนโอบเอว

 

“ไม่เบียดเลย เพอ่ะคิดมากเนอะข้าว” เฮียเพลงมันย้ายฝั่งมายืนขนาบข้างต้นข้าว กลายเป็นว่าตอนนี้เมียอยู่กลางมีผมกับเฮียยืนเป็นบอดี้การ์ดอยู่

 

“เฮ้ย ไปดูต้นไม้กัน” ต้นข้าวเขย่ามือผมยิกชี้ไปที่ร้านขายต้นไม้ ผมกำลังจะอ้าปากแม่งมีคนมาแทรกอีกแล้ว คนเดียวนั่นแหละ!

 

“คอนโดเฮียก็ปลูกต้นไม้ไว้ที่ระเบียง ว่างๆเฮียพาไปดูไหม” เฮียเพลงยิ้มกว้างถามหน้าซื่อ

 

“ว้าววว ข้าวชอบต้นไม้ ให้ข้าวไปจัดให้ไหมครับเฮียเพลง”

 

“ไม่ต้อง! จะดูใช่ไหมต้นไม้ กูพาไปเอง ซื้ออะไรก็ซื้อกูเลี้ยง ไปๆ” ไม่ไหวแล้วครับ มึงโง่จริงหรือแกล้งโง่ กำจัดไปได้คน เหลือตัวการใหญ่อีกคนกำจัดไม่หลุดสักที

 

ผมไม่เคยคิดว่าตลาดนัดธรรมดาจะมีของขายเยอะขนาดนี้ บรรยากาศมันต่างกับเดินห้างอยู่มาก ยิ่งแดดอ่อนๆยามเย็นยิ่งน่าเดิน เมื่อเช้าผมหนีเฮียเพลงไปกินข้าวในห้างมา ต่อด้วยดูหนังที่เมียชอบ รู้ไหมมันดูอะไร...

 

แม่งดูหนังผี โรแมนติกเชี้ยๆ

 

ตกบ่ายก็พากันเข้าร้านหนังสือนั่งเล่นอ่านไปเรื่อยเปื่อย ผมได้หนังสือเรียนเพิ่มมาสองเล่มเอาไว้ให้เมียติวให้ ผมลองคุยกับพี่ชายมันแล้ว ออกแนวบังคับดื้อใส่นั่นแหละว่าจะให้ต้นข้าวสอนแทน งานนี้ไม่มีแห้ว เพราะใช้อำนาจด้านมืด ฮ่าๆๆ เลวสุดๆ

 

ตอนเย็นคิดว่าจะกลับไปนอนพักเอาแรงพออากาศเริ่มเย็นจะพากันออกมานอนเล่นที่สวนหย่อม นั่งให้อาหารปลากันชิวๆ ตกดึกค่อยมานั่งติวกันปิดท้ายด้วยนอนกอดกันบนเตียง

 

เพล้ง

 

ทุกอย่างพังไม่เป็นท่า แผนการขอมันเป็นแฟนก็ต้องพับไปวันอื่น

 

“ต้นนี้อะไรครับ” ผมถามพลางชี้ให้คนขายดู ต้นข้าวมันเดินหายเข้าไปด้านในกับเฮียเพลง ผมจะเดินตามไปแต่มาสะดุดกับดอกนี้ซะก่อน

 

“เยอบีร่าครับ ซื้อไปให้แฟนสิ ดอกนี้คนมาซื้อกันเยอะนะ”

 

“หืม แปลว่าอะไรครับ” ผมลูบกลีบดอกนิ่มฟังคนขายอธิบายไปด้วย มันโคตรจะน้ำเน่าเลยแต่ผมก็ซื้อก่อนจะแอบไว้ในถุงของใช้ เดินเข้าไปหาต้นข้าวเห็นมันนั่งยองๆดูกล้วยไม้

 

“มึงว่ากูซื้อไปเพิ่มดีป่ะ”

 

“ซื้อไปดิ มันยังมีที่ว่างอีกเยอะปลูกได้อยู่” ผมแสดงความคิดเห็นนั่งข้างมัน เฮียเพลงเดินกลับมาพร้อมถุงต้นไม้ในมือ

 

“ข้าว เฮียซื้อคาลล่าลิลลี่ให้ไปไว้บ้าน อืม เอาไป” ต้นข้าวรับมา ผมมองหน้าเฮียเพลง

 

“เลือกได้ยังล่ะ เฮียจะพาไปดูร้านของฝาก”

 

“ครับๆ เออพี่ครับ งั้นผมเอากล้วยไม้ตรงนี้สี่ต้นนะครับ” พี่คนขายเดินมาจัดการใส่ถุงให้ ผมจ่ายเงินแย่งของมันมาถือให้

 

“กูถือเองก็ได้แม่ง ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย” มันบ่นอุบ ผมขยี้หัวทุยกอดคอมันเดินนำหน้าเฮียเพลง

 

เราเข้ามาในร้านขายพวกของฝากน่ารักจุ๋มจิ๋ม มีโมบายเปลือกหอยห้อยระโยงระยาง ต้นข้าวลากผมเข้าไปดูไม้แกะสลักที่เป็นรูปต่างๆ มันถือรูปผู้ชายคู่ชูขึ้นยิ้มน่ารักให้ผมดู เมียชอบอะไรผมต้องจำเอาไว้ให้มากที่สุด

 

“เฮียเพิ่งเห็นเพทนร้อนได้โดยไม่บ่นก็วันนี้แหละ” เฮียเพลงมันยืนพูดกับผมเบาๆ

 

“ก็ไม่ได้ร้อนอะไร”

 

“เหรอ ปกติเฮียเห็นเพเดินแต่ห้างตากแอร์เย็นๆ พี่พีชชวนมาเที่ยวตลาดนัดแบบนี้เพยังดื้อหนีไปนอนคอนโดเลย แล้ววันนี้นึกยังไงมา” เฮียเพลงจ้องตาผมสื่อว่าเพราะอะไรผมถึงยอมทำ

 

เพราะต้นข้าวอยากมา

 

“ไม่ใช่ว่าชอบเขาไปแล้วไง” ผมมองเลยไปที่ต้นข้าว มันน่ารักมากเลยนะครับ รอยยิ้มของมันใครมองก็ต้องหลงชอบ ขนาดผมเป็นผู้ชายยัง...ชอบเลย กูชอบมึงแน่ๆเลยว่ะต้นข้าว

 

“อืม เพคงชอบมันเข้าแล้วว่ะเฮีย” เสียงเปรยผ่านไปกับสายลม ใครมันจะด้านไปบอกชอบ ขืนมันตอบกลับว่าไม่ งานหน้าแตกก็มาสิ ผมหยิ่งและหล่อมากมันต้องบอกก่อนถึงจะถูก

 

'ปากแข็งระวังหมาคาบไปกินนะครับ'

 

คำพูดไอ้โจ้ลอยมาเข้าหัว พูดแล้วก็โทรหามันหน่อยดีกว่าช่วงนี้หายๆโดนป๋าใช้งานอะไรอีกรึเปล่า ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่ามันลูกน้องใครกันแน่

 

(ฮัลโหลครับ) เสียงผู้ชายโคตรหวานเลย สงสัยจะเมียมัน

 

“อืม ฉันขอคุยกับโจ้หน่อย” ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินก่อนหยุด หืม มีเสียงหมอด้วย

 

(ขอโทษนะครับ พี่โจ้กำลังตรวจร่างกายอยู่)

 

“มันเป็นอะไร?!” มีอะไรไม่ชอบบอกกูนะไอ้โจ้ ผมถามเสียงเข้ม ต้นข้าวเดินเข้ามาหาเพทายที่ยืนคุยโทรศัพท์คิ้วขมวด

 

(พี่โจ้ขับรถชนต้นไม้ครับ แต่โชคดีไม่เป็นอะไรมากแค่หัวแตกและก็ช้ำตามร่างกาย)

 

“อยู่โรงพยาบาลไหนกัน...อืมๆ...ห้องล่ะ...บอกมันเตรียมตัวตายได้เลย...”

 

“ใครเป็นอะไร?” ต้นข้าวมันถามผม เฮียเพลงเดินเข้ามาสมทบ เมื่อกี้เห็นนะเฮียเข้าไปเนียนแอบแต๊ะอั๋งเมียน้อง

 

“โจ้อยู่โรงพยาบาล SU มันขับรถชนต้นไม้”

 

“แล้วเป็นอะไรมากไหม เราไปเยี่ยมพี่โจ้กันนะมึง ดีไหมเฮีย” ต้นข้าวหันไปถามความคิดเห็นของเพลง

 

“อืม แวะซื้ออะไรก่อนเข้าไปก็ดี”

 

“งั้นมึงมากับกู เฮียครับเพฝากต้นไม้ไว้หลังรถด้วยนะ หึๆ ไปข้าว” ผมชิงจูงมือต้นข้าวออกมาก่อนนิสัยอีกอย่างของเฮียคือการไม่ชอบให้อะไรมาเปื้อนรถ แน่นอนว่าเฮียต้องกังวลว่าปุ๋ยที่ซื้อมาด้วยมันจะมีเศษๆหล่นทับเบาะรึเปล่า เจอหน้าอ้อนของต้นข้าวไปเฮียจะปฏิเสธลงเหรอ

 

………………………………………………………………..

 

“มาติดต่ออะไรคะ” ผมไปที่แผนกติดต่อก่อนจะบอกชื่อคนไข้ เราสามคนไปยังเบอร์ห้องที่ว่า เปิดประตูเข้าไปเจอไอ้ลูกน้องตัวดีนอนคุยกับเมียมันที่นั่งกุมมือข้างๆ

 

“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มหน้าหวานยกมือไหว้พวกผม มึงพรากผู้เยาว์นะโจ้ ผมเดาเลยว่าไม่ถึงสิบแปด

 

“อืม เมียมันเหรอ?”

 

เพี้ยะ

 

“โอ๊ย ตีทำไมวะ” ผมลูบแขนป้อยๆ ต้นข้าวถลึงตาใส่ หัวเราะอะไรเฮียเมียดุเข้าใจน้องหน่อย

 

“ไปถามอย่างนั้นได้ยังไง พอๆ เอาของไปวางไว้เลย เอะอะชี้นิ้วใส่สั่ง ผมจะหือเหรอ เหอะ ไม่กล้าครับ เดินไปวางพวกผลไม้และอาหารไว้ข้างเตียงคนไข้

 

/ออกเมื่อไหร่มึงตายแน่ไอ้โจ้/ ผมข่มขู่มันพูดลอดฟัน

 

“มึงเป็นยังไงบ้าง แล้วป๋ารู้ยัง” เฮียเพลงเดินประชิดเตียงมองร่างกายสำรวจความเสียหาย ต้นข้าวมายืนข้างผม

 

“ยังครับ เพิ่งชนเมื่อวานไม่ได้โทรบอกใครเลยครับ”

 

“ข้าวซื้อแคนตาลูปมาฝากด้วยครับ” ต้นข้าวจัดแจงชูถุงให้ดู "เห็นพี่ชอบกิน แล้วคนนี้ใครเหรอครับ"มองไปทางเด็กหนุ่มอีกคน

 

“ตัสเป็นใครครับบอกคุณต้นข้าวหน่อยเร็ว” โจ้ยิ้มขำหยอกคนรักที่หน้าแดงเขิน

 

“พี่โจ้อ่า คือตัสเป็นแฟนพี่โจ้ครับ”

 

“เมียต่างหาก คนนี้คุณเพลงห้ามแกล้งนะครับตัสยังอ่อนต่อโลก” เพลงหน้าเหวอ ต้นข้าวมองหน้าผมทันที งงล่ะสิมึง

 

“เมียมึงน่ารักดีนะ สวัสดีครับ ไหนลองเรียกเฮียเพลงซิ” ตัสยืนหลบหลังต้นข้าว แหม เข้าใจหาที่หลบ

 

“คุณเพลงครับ” โจ้เอ่ยเสียงอ่อน

 

“กูก็ล้อเล่นเว้ย แค่ต้นข้าวคนเดียวเฮียก็ไม่รู้จะมองใครแล้วครับ” เฮี้ยยย ผมกัดฟันกรอดมองเฮียเขม็ง

 

“อ๊ะ ได้เวลาทานยาแล้วครับพี่โจ้” ผมกับต้นข้าวเขยิบตัวออกให้ผัวเมียเขาป้อนยากัน เมื่อได้เวลาพักผ่อนผมก็พากันออกมา โจ้มันต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวัน เมียผมก็แสนดีรับปากจะมาอยู่เป็นเพื่อนตัสเพราะตอนโจ้มันนอนตัสมันก็อยู่คนเดียว ดูบรรดาเมียรักกันดีผมก็โอเค

 

“ข้าว ต้นข้าว!” เสียงตะโกนเรียกชื่อดังมาทางด้านหลัง ต้นข้าวหันไปมองก่อนหน้าหล่อๆของแซมจะยิ้มแป้นถือวิสาสะจับมือบาง

 

“พี่แซม มาทำอะไรที่นี่ครับ” ผมยกมือพาดไหล่บางกระตุกมือต้นข้าวมากุมทั้งสองข้าง มันเงยหน้ามาโหดใส่แต่ผมไม่สนจะทำไม เมียกูมีแต่มือก็ห้ามแตะ

 

“แม่พี่ไม่สบายครับ นอนมาสองวันแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย” แซมยิ้มอ่อนสายตาดูเศร้าลง

 

“งั้นต้นข้าวขอไปเยี่ยมได้ไหม” ผมหยิกหน้าท้องแบนราบ ต้นข้าวดึงมือผมออกคุยกับมันต่อ

 

“งั้นเฮียกลับก่อนนะ มีเด็กต้องไปจัดการต่อ” เฮียเพลงโบกมือหนีไปขยิบตาเจ้าเล่ห์ใส่ ไม่คิดจะช่วยน้องเลยนะเฮีย ผมยืนกอดอกหน้าบึ้งมองมันคุยกัน

 

ต้นข้าวมันอยากไปเยี่ยมแม่ไอ้พี่แซม ผมก็ต้องลากสังขารไปทั้งหน้ายู่ๆ มันทั้งหยิกทั้งตีบอกทำหน้าให้ดีๆหน่อย ผมไม่ชอบว่ะแม่ง เห้อ

 

“แม่ครับ ผมพาลูกสะใภ้มาฝาก” แซมเปิดประตูเข้าไปเอ่ยล้อเล่นกับผู้เป็นแม่ นางยิ้มวางหนังสือนิตยาสารในมือลงมองผู้มาใหม่

 

ต้นข้าวเดินเข้าไปใกล้ยกมือไหว้กระตุกเสื้อผมให้ไหว้ด้วย เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ผมจึงยอมยกมือไหว้ถึงแม้จะเป็นแม่ไอ้พี่แซม! มึงกล้ามากนะหาว่าเมียกูเป็นลูกสะใภ้

 

“สวัสดีครับคุณแม่พี่แซม”

 

“เรียกแม่ก็พอจ๊ะ แซมพาใครมานี่ลูก”

 

“ลูกสะใภ้ครับแม่ แต่ไอ้หล่อข้างๆเพื่อนลูกสะใภ้แม่อีกที” ผมแยกเขี้ยวใส่ กูผัวไม่ใช่เพื่อนเว้ย

 

“ฮ่าๆๆ น้องเสียหายหมด มาๆมานั่งใกล้ๆแม่หน่อย อืม ผิวนุ่มดีนะผู้ชายจริงรึเรา” มืออวบแตะแขนต้นข้าวลูบเบาๆ มันนั่งเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ ผมจึงต้องระเห็จตัวเองมานั่งบนโซฟากับไอ้พี่แซมที่ยิ้มกวนตีนอยู่

 

“จริงครับ แต่พี่ชายข้าวชอบให้ทาครีมบ่อยๆ” ต้นข้าวเผลอเรียกชื่อตัวเองตามความเคยชิน

 

“ชื่อข้าวเหรอเรา อีกคนล่ะพ่อหนุ่ม” ผมละสายตากับคนข้างๆมาหาอีกคน

 

“ครับ ชื่อเพทายครับ”

 

“แซมชอบน้องข้าวเหรอเรา แล้วคนนั้นแม่ขอนะ” ผมยิ้มชั่วร้าย แซมหน้าแดงๆมองหน้าต้นข้าว

 

“แม่อ่า แซมก็ชอบที่ต้นข้าวน่ารักดี คนนี้ลูกสะใภ้คนนั้นช่างมันเถอะชอบดื้อใส่แซมนัก”

 

/มึงมีเมียแล้วเหรอวะ/ ผมกระซิบถามมัน

 

/ทำไม? ยังไงต้นข้าวพี่ก็จีบอยู่นะครับ/ มันจ้องผมกลับไม่มีกลัว

 

/แต่ต้นข้าวเมียกู อย่าเสือกดิวะ เมียใครเมียมัน/

 

/ก็ชอบ ต้นข้าวยังโสดพี่ก็ยังมีสิทธิ์/

 

/ก็บอกอยู่เมียกูๆ มึงโง่ไงวะ/

 

/งั้นพี่จะแกล้งโง่ว่าไม่เข้าใจที่น้องพูดแล้วกัน/

 

“แม่ครับ น้องต้นข้าวที่ทำงานอยู่ CF ไง ร้านที่แม่ชอบไปทานเค้กบ่อยๆ แซมอ้อนแม่เดินไปยืนข้างต้นข้าว

 

“จริงเหรอลูก ถ้าแม่หายดีแล้วแม่จะไปหาที่ร้านบ่อยๆนะ แม่ก็ว่าคุ้นหน้าข้าวแปลกๆ”

 

“ยินดีครับ แม่หายไวๆนะครับ” ต้นข้าวก้มหัวลงเมื่อมืออวบมาลูบผมเล่น เพทายมองทำปากขมุบขมิบต้นข้าวหันมาเห็นพอดียกนิ้วทำตาขู่ฝ่อ

 

ต้องบอกไอ้โจให้ย้ายโรงพยาบาล ยังไงก็ต้องย้าย!

 

…………………………………………………………….

 

ผมขับรถกลับมาบ้านต้นข้าว หยิบของท้ายรถลงมาวางที่พื้น ต้นข้าวมาช่วยหิ้วถุงนับสิบที่ไม่หนักมากมาย ต้นกล้วยไม้อยู่กับเฮียเพลงผมต้องไปเอาที่ไหนวะ พี่ชายผมปกติที่ไหน ชอบแวะไปนู่นไปนี่หาหลักแหล่งที่แน่นอนไม่ได้ซะด้วย

 

“กล้วยไม้กูล่ะหล่อ” ผมว่าแล้วมันต้องถาม

 

“ลืมไว้รถเฮียอ่ะดิ งั้นเราเข้าไปเก็บของก่อนค่อยโทรบอกเฮีย” เราเดินเข้ามาข้างในเปิดแอร์นอนพิงโซฟาพักก่อน  ด้านนอกเริ่มมืดผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ให้อาหารปลา

 

“ข้าวไปไหน” ผมเรียกร่างบางที่เดินไปทางครัว สงสัยจะเดินไปสวนผ่านประตูห้องครัว

 

“ให้อาหารลูก รดน้ำต้นไม้ด้วย” มันหยุดเดินหันมาตอบ ผมลุกขึ้นเดินไปหามันก่อนจะชะงักเท้า

 

“มึงไปก่อนเลย กูเอาของเก็บเข้าที่ก่อน”

 

“ไม่ต้องก็ได้ มึงก็นั่งเล่นไปดิ”

 

“ก็กูจะช่วย ไปๆ” ผมโบกมือให้มันเดินไป ข้าวของที่ซื้อมาผมเอาเก็บเข้าที่ พวกของฝากก็กองวางบนเตียง เชื่อเหอะเดี๋ยวต้นข้าวมันก็ขึ้นมาถามหา

 

ต้นเยอบีร่าต้นเล็กผมเอาออกมาวางนอกระเบียงมองเลยลงไปเห็นต้นข้าวที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ เห็นเสื้อที่มันใส่แล้วขัดลูกตา บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใส่เสื้อบาง กางเกงดีที่วันนี้ผมเลือกให้ไม่งั้นก็สั้นอีก

 

“ข้าววว!! ทางนี้ๆ ผมตะโกนเรียกมันจากชั้นสามโบกมือหยอยๆ มันมองหาเสียงเงยหน้ามามอง

 

ปัญญาอ่อน

 

ดูแม่งด่า ผมก็อยากเล่นกับมันบ้างอะไรบ้าง ชิ ลงไปแกล้งมันดีกว่า ผมปิดบานเลื่อนเดินลงมาชั้นล่างเห็นถุงต้นทานตะวันวางอยู่ที่โต๊ะห้องรับแขก เอ๋ ผมเห็นต้นข้าวมันหยิบไปหมดแล้วนี่หว่า

 

“มึง อ้ะ ลืมไว้” ผมยืนถุงต้นทานตะวันส่งให้ มันไม่รับยิ้มมุมปากหันไปรดน้ำต้นไม้ต่อ

 

“ของฝาก...” ต้นข้าวก้มลงปิดก๊อกเช็ดมือเปียกกับชายเสื้อ “ของมึง กูให้ ความหมายดีไปหาเอาเอง”

 

ผมมองร่างบางที่เดินยิ้มเข้าไปให้อาหารปลาข้างใน ควายหมายดี? หนุ่มหน้าหล่อวางของในมือลงนั่งยองๆกับพื้นจับโทรศัพท์เลื่อนหน้าจอเข้าเว็บ

 

“ความหมายต้นทานตะวัน....ไหนวะ มีแต่การเพาะปลูก...หืม...เป็นดอกไม้ที่สื่อความหมายถึงความเชื่อมั่นรักเดียวใจเดียว ความรักที่มั่นคงเสมอ และถ้าหากใครก็ตามได้รับดอกทานตะวัน ผู้ให้ต้องการที่จะพิชิตใจคุณหรือจะบอกว่ารักของเขาเป็นรักที่มั่นคง ซื่อตรง และภักดีเสมอ” ผมอ่านจบก็นึกถึงต้นเยอบีร่าที่ตั้งใจซื้อให้มัน

 

เราใจตรงกัน แค่นี้ก็เพียงพอที่ผมจะขอมันเป็นแฟนสักที

 

“ต้นข้าวว!! ที่รักอยู่ไหน ผมโห่ร้องมองไม่เห็นมันที่บ่อปลา มันไปไหนวะ มาให้กูกอดหน่อย

 

“อะไร กูอยู่ในครัวเปิดประตูเข้ามา” เสียงทุ้มตะโกนออกมา ผมเปิดประตูเข้าไปเห็นมันปอกส้มนั่งเรียงใส่จานรวมกับฝรั่งและแคนตาลูป

 

หมับ

 

“เหี้ย! เดี๋ยวกูเอามีดแทงแม่ง ดูด้วยกูปอกอะไรอยู่ ผมมัวแต่ดีใจ ก้มมองมันที่เปลี่ยนมาจับมีดปอกเปลือกมะม่วง

 

“แฮ่ โทษที”

 

“ไง รู้แล้วดิ ซึ้งป่ะ” ต้นข้าวแก้มแดงระเรื่อแต่ใบหน้ายังคงเรียบนิ่งข่มความอาย ผมจับมือมันวางมีดลงรวบตัวมันหันหน้ามานั่งคร่อมตักโน้มหน้าไปแตะกดริมฝีปากแนบติดกันเบาๆ

 

“กูซื้อเยอบีร่ามาฝาก เจ้าของร้านบอกมันเป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคง ซื่อตรงและภักดี” ผมพึมพำจับหน้ามันมาลูบแก้มนิ่มแผ่วเบา

 

“กู...คงชอบมึงว่ะต้นข้าว เป็นแฟนกันดีไหมวะ” เชี้ยยยย กูเขินจิกหมอนแรง ต้นข้าวมันหน้าแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงแม่งก้มหน้างุดซุกอกผมพยักหน้าหงึกๆ

 

ทำแบบนี้คือแม่งตกลง! ผมใจเต้นรัวแทบจะระเบิดออกมา ช้อนหน้ามันขึ้นจูบขอบคุณกับคำตอบที่น่าพอใจมาก ผมกับมันเป็นแฟนกัน เป็นแฟน!!

 

“กูฝันไป...กูต้องฝันไปแน่ๆ” ผมเพ้อหนักเอามือตบหน้ามันแรงๆ แม่งมองค้อนทุบหลังผมโคตรเจ็บหนีไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม

 

“ไอ้สัส ตบหน้ากูหาพ่อง! ชอบกูจริงไหมไอ้หล่อ

 

“กูไม่ได้ฝันเว้ยยย เหี้ยยย เมียกูยอมเป็นแฟนแล้ว เราเป็นแฟนกัน ต้นข้าว เพทาย” ผมคงบ้าจริง ชี้ไปที่มันก่อนชี้เข้าหาตัวเองสลับกันไปมา

 

Rrrrr

 

“อะไรเฮีย...เออ...เอาไว้งั้นก่อน...พรุ่งนี้เอามาให้ก็ได้...เออเฮีย ต้นข้าวเป็นแฟนผมแล้วนะเว้ย...เฮีย!...จะฟ้องเฮียพีชคอยดูดิ...เออ ไม่ให้คุยแค่นี้นะ” ผมต้องโทรบอกเฮียพีชให้เฮียเพลงเลิกยุ่งกับแฟนน้อง

 

“เฮียเพลงว่าไง เฮ้ย! มึงทำอะไรไอ้หล่อ ต้นข้าวโวยวายตัวลอยขึ้นจากเก้าอี้ ผมอุ้มมันออกมาจากห้องครัวผ่านห้องรับแขกก่อนจะพากันเข้าห้อง

 

ร่างกำยำวางร่างบางด้วยความทะนุถนอมลงบนเตียงนุ่ม กวาดของต่างๆถือไปไว้ที่โต๊ะข้างเตียง เสื้อตัวใหญ่ถูกถอดออกโยนไปกับพื้นตามมาด้วยกางเกงขายาวที่เกะกะขวางทาง ต้นข้าวเบิกตากว้างรีบวิ่งไปที่ประตูแต่ช้ากว้ามือยาวที่กดล็อคและลากร่างบางกลับมาที่เดิม สองขาคร่อมกักตัวเอาไว้กันหนี

 

“มึงเป็นแฟนกูนะต้นข้าว รักแค่กู มองแค่กู ทุกสิ่งทุกอย่างมึงเป็นของกู...แล้วกูจะยอมเป็นของมึง”

 

“ไอ้บ้า! มึงท่องคาถาสะกดกูเหรอไอ้หล่อ ถ้ามึงมีแค่กู...เอ่อ...ถ้าเพมีแค่ข้าว ข้าวก็จะแค่เพ อื้อ...”ผมคงทนฟังมันพูดคำน่ารักๆออกมาไม่ไหมอีกแล้ว ช่วงชิงความหอมหวานจากปากนุ่มนิ่มอย่างคนเอาแต่ใจ มือหนาสอดเข้าไปในชายเสื้อลูบไล้ร่างกายขาวเนียนที่ไม่มีใครได้แตะต้องมันนอกจากเขา แค่เขาคนเดียว!!

 

 

 

 

 

 TBC.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา