Higher Classes <ขโมยหัวใจนายรุ่นพี่>
9.6
เขียนโดย นามเอ๋อๆนิยายอึนๆ
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.07 น.
49 chapter
24 วิจารณ์
48.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559 00.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) การเจอกันครั้งแรกแบบไม่สวยนัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครื่องบินทะยานลงจอดตอนนี้เวลาบ่าย2โมงกว่าถือว่าก็เร็วยอยู่เหมือนกันนะเพราะตลอดการนั่งเครื่องบินมาสองสาวเอาแต่จ้อไม่หยุดและภาวนาให้ถึงไวๆ
ณ สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทษเกาหลีใต้ ใช่พวกเรามาถึงเเล้วว~~~~~
"อ่าห์....นั่งเครื่องบินมาไม่ได้ยืดเส้นยืดสายเลย"เมเบลพูดเสียงอู้อี้เล็กน้อยพลางทำท่าบิดขี้เกียจเพราะพึ่งหลับได้ไม่นานเครื่องก็ลงจอด ทันทีก็หยิบสมารท์โฟนเครื่องหรูกดเบอร์โทรออกทันที
"ฮาโหลม๊า....เบลถึงเเล้วนะ"นั่นแหละต้องรีบโทรรายงานคุณนายใหญ่ก่อนว่าถึงเรียบร้อยแล้ว
"ค้าาาม๊าเบลรู้แล้วเบลไม่ไปป่วนใครหรอก"เสียงพูดคุยระหว่างคนที่นี้กับปลายสายดูมีความสุขแม่ของเมเบลกำชับตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าอย่าไปก่อเรื่องที่ไหนหรือทำให้ผอ.ต้องผิดหวังท่ตัดสินใจผิดที่เลือกตัวไปเพราะแม่ของเมเบลรู้ดีว่าลูกของตัวเองนิสัยเป็นไง....และที่ไม่มาส่งก็เพราะยัยแสบนี่ล่ะบอกไม่ต้องมาหรอกกลัวร้องไห้
เมื่อพูดกันต่างๆนาๆก็ถึงเวลาต้องจบประโยคสนทนา
"ค่ะเบลก็รักม๊า.ดูแลตัวเองดีๆนะฝากบอกป๊าด้วยน้า"เบลพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะวางสายไป
บ้านเมเบลและอลิซจัดว่ามีฐานะร่ำรวยอยู่เหมือนกัน.....
"ไงม๊าแกว่าไงบ้างล่ะ"เพื่อนสาวอีกคนเอ่ยถามอย่างรู้งานยืนฟังอยู่ตั้งนานก็ถึงคุยตนเองบ้าง
"แกก็รู้นี่....อย่าป่วน....งื้อม๊าคิดว่าเราจะป่วนอย่างเดียวเลยไง้"เมเบลพูดพลางทำหน้างอ
"ตาแกล่ะรายงานเจ้เลย"เมเบลว่าพลางทำท่าพะยักพะเยิก
"เออรู้แล้วๆ"ว่าแค่นั้นก่อนจะกดโทรออก
.....
"ฮัลโหลมี๊...อลิซถึงแล้วน้า"เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
"มี๊อ้าาา ลิซไม่ไปก่อเรื่องหรอกลิซมาเรียนนะค่ะ"อีกคนนึงถูกคาปลายสายพูดดักคอ จนต้องมุ้ยหน้าและต้องหน้าหงิกกว่าเดิมเมื่อมีเสียงของคนไม่ได้รับเชิญดังขึ้น
"มี๊หวัดดีครับ...นี่คอปเตอร์เองครับ มี๊ไม่ต้องห่วงเตอร์จะดูแลอลิซเอง"จากที่คอปเตอร์ยืนฟังอยู่จึงต้องหาบทสนทนาให้ตัวเองบ้าง
"ไอเตอร์!ชั้นดูแลตัวเองได้เว้ย"อลิซเอามือถือออกห่างก้อนจะหันมาพูดเสียงรอดไรฟันพร้อมแยกเขี้ยวใส่
"มี๊แค่นี้นะค่ะ....รักมี๊เหมือนกันป๊าด้วยค่ะ"อลิซต้องรีบตัดบทสนทนาก่อนจะบานปลายเมื่อคนปลายสายเอาแต่พูดถึงไอเตอร์อย่างล้อๆ
"ไอเตอร์นี่แกพักที่ไหนอ่ะ ผอ.จัดที่พักให้ป้ะ"เมเบลเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"อ๋อที่พัก.....ห้ะ!....ที่พักเฮ้ย!...งั้นเดี๋ยวเราต้องไปก่อนละลืมไปเลยว่า ผอ.บอกว่าพอลงเครื่องให้รีบนั่งรถไปที่หอของโรงเรียนที่แยกออกมาจากตัวของ ร.ร ทันที....โห่ลืมเลยไปละๆ ไว้เจอกันวันเปิดเรียน บายยยย"คอปเตอร์พึ่งนึกได้วา ผอ.กำชับว่าไรเมื่อนึกได้จึงรีบโบกแท้กซี่ด้วยท่าทีร้อนรนทันทีก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไปก็ยังบ้ายบายอลิซไม่หยุด
เมื่อหมดตัวป่วนไปหนึ่งสองสาวจึงวางแผนต่อที่คิดไว้ตอนอยู่เมืองไทย
"อลิซ~~~~จะไปไหนดี"เสียงหวานเอ่นขึ้นพลางเดินลากกระเป๋าไปยังจุดสำหรับขึ้นรถ
"อืมมมไปไหนดีน้า.....เห้ยแต่ข้าวของพะลุงพะลังงี้หรอ"อลิซเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"เออหรือว่าเราจักลับไปที่พักก่อน ไอลิซจดหมายทางไปบ้าน...คุณนายอะไรนะ..."สีหน้าครุ่นคิดของเมเบลเกิดขึ้นเมื่อนึกถึงชื่อบ้านของผูให้ที่อยู่อาศัยไม่ได้
"คุณนายปารค์."อลิซเอ่ยดวยน้ำเสียงมั่นใจ
"เออใช่ๆ......สามีเค้าเป็นผู้มีอิทธิพลของเกาหลีด้วยใช่มั้ยที่ผอ.เล่าอ่ะว่าคุณนายปารค์ตามจริงเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผอ.และเป็นคนไทยด้วยนะ"
"อืมใช่แล้วล่ะ สามีเค้ามีธุรกิจเยอะไหนจะอสังหาริมทรัพท์แล้วคาสิโนเป็นแบบที่ถูกกดหมายอีกหลายปนะเทสแถามที่ดินที่สวยๆก็ถูกสามีของคุณนายปารค์ซื้อหมดแล้วไหนคุณนายจะเปิดร้านเครื่องเพชรอีกในประเทศนี้มีตั้งหลายสาขาไม่ รวยมากให้รู้ไป คงไม่แปลกที่จะมีอิทธิพลในเกาหลี"อลิซเล่าให้เมเบลฟังยาวเหยียด
"โชคดีของคุณนายเค้าเนาะเป็นคนไทยแถมได้สามีดีมีเงินงี้ก็พลอยดีไปแล้วเนาะ......เออแต่ชั้นลืมถามไปเลยอ่ะว่าเค้ามีลูกมั้ย"ว่าเเล้วก็ลืมถามจากผอ.ไปเลยว่าเพื่อนผอ.มีลูกบ้างรึเปล่า
"นั่นดิลืมเลย......งั้นเรากลับไปตั้งหลักก่อนมั้ยแล้วค่อยไปเที่ยวเพราะเรายังมีเวลาพักกันอีกตั้ง3วันเลยนี่นา"อลิซด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อนึกว่าจะได้พัดก่อน3วัน
"นี่ๆไอลิซเรามาถ่ายรูปเก็บไว้ดูกันก่อนดีกว่าที่ละทึก..เอ้ย..ละลึก5555"เมเบลพูเองเล่นเองอลิซรู้ดีว่าถ้าเล่นเเล้วเค้าไม่ขำก็จะตบมุขเอง....
"เอ้าแกเอาน้องฟรุ้งฟริ้งมาหรอ"อลิซเอ่ยถามเพื่อนด้วยความสงสัยนึกว่าไม่ได้เอามาเห็นพึ่งซื้อได้ไม่กี่วันเองนี่นา
"โห่จะลืมได้ไง...น้องฟรุ้งฟริ้ง ฮิ"พูดพลางอมยิ้มกับของรักชิ้นใหม่ลิมิเต็ดเลยนะเนี่ย
"เอ้อแล้วกล้องโพลาลอยแกเอามั้ย"
"แต่แด้นน~~~นี่ไงอลิซไม่ลืมจ้า"พูดพลางหยิบกล้องโพลาลอยลายคิตตี้สุดน่ารักเป็นสีขาวทองรุ่นล่าสุดออกมาจากกระเป๋าเป้
"เยสส~ดีมาก"พูดพลางยกมือไฮไฟว์กัวความรู้งานของเพื่อนรัก
แปะ~~~~
"มา1-2-3 ยิ้มเลย แชะ"
"เอ้า ยิ้มสวยเลยๆ คิคิ''
และอีกแชะต่อๆมาก่อนจะ...
ตุ้บ~~~
เสียงของร่างกายของผู้มาใหม่ ใครก็ไม่รู้
มาชนสองเพื่อนสาวที่กำลังยืนถ่ายรูปกันอยู่
ผู้มาใหม่ก็มากันสองคน เป็นผู้ชายทั้งคู่ส่วนสูงไล่เลี่ยกัน ทั้งสองใส่แว่นสีดำขลับให้ใบหน้านั้นดูดีมากอยู่ไม่น้อยในตาสองสาว ถึงแม้จะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็เถอะ สองสาวต่างมองไปคนละคน ......
"ย่าห์~~"เมเบลสบถออกไปเป็นภาษาเกาหลี พร้อมตวัดสายตาค้อนไปที่สองหนุ่ม
"นี่ไม่เห็นหรือไงคนเค้ายืนเอ่อ...ถ่ายรูป...กันอยู่อ่ะ ห้ะ ขอโทษสักคำน่ะมีมั้ย"เมเบลกล่าว
ว่าเป็นภาษาเกาหลี
ไม่แปลกหรอกที่สองสาวพูดได้เพราะภาษาเกาหลีนี่สองสาวได้ไปศึกษาเล่าเรียนมาตั้งแต่ยังไม่จบม.3ซะอีก
สองหนุ่มที่เดินชนและทำท่าจะเดินผ่านไปเลย หันมามองเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็จะหันมาเต็มตัวพร้อมชายหนุ่มที่รูปร่างสูงน้อยกว่าจะค่อยถอดแว่นสองสาวดูแล้วเป็นของมียี่ห้อและการแต่งตัวก็บ่งบอกถึงฐานะชาติตได้ดี....ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่มีส่วนสูงที่มากว่าไม่มากจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้โลหะยาวสำหรับนั่งพักพร้อมกระเป๋าลากของตนอีก1ใบพร้อมนำสมารท์โฟนเครื่องหรูออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวยาสสีดำพร้อมเชื่อมต่อหูแล้วใส่เข้าที่ใบหูพร้อมทอดสายตาผ่านแว่นเลแบรนด์สีดำมองไปยังกลุ่มคนอีก3คนที่กำลังโต้เถียงกันดูแล้วก็ดูเด็กๆกันหมด1ในนั้นคนนึงคือน้องชายของเค้าเอง น้องชายเค้าก็ยังคงมีนิสัยเด็กๆและกวนประสาทมากอยู่ไม่น้อยเป็นเด็กผู้ชายที่ศึกษาอยู่ในระดับเกรท11(ม.5)ซึ่งต่างจากตนเพียงหนึ่งปีเพราะตนอยู่เกรท12(ม.6)น้องชายพยายามจะทำตัวเองให้ดูเนียบเคร่งขรึมเพราะไอเจ้านเองชายคิดว่าถ้าเราทำสีหน้าตึงๆดุๆจะทำให้คนอื่นดูยำเกรงแต่มันไม่เลยสักนิดไม่เลยเพราะเจ้าตัวชอบหลุดฟรอมบ่อยๆและที่สำคัญไอ้เจ้านี้เค้าอยากเท่ห์ในหมู่สาวๆ....
ไอดอลของไอ้น้องชายก็คือผมนี้แหละที่เจ้าตัวพยายามจะเย็นชาก็คิดว่าผมทำแล้วดูดีแต่เปล่าเลยผมเป็นงี้ก็เพราะเรื่องในอดีต
"ผมจำเป็นต้องขอโทษคุณหรอ ผมว่าคุณต่างหากที่ยืนถ่ายรูปไม่ดูตาม้าตาเรือ นี่! ตรงนี่มันใช่ที่ๆสำหรับถายรูป คุณเห็นว่ามีใครเค้ายืนถ่ายรูปแบบคุณสองคนบ้างมั้ย"ชายหนุ่มนิรนามเถียงกลับเป็นภาษาเกาหลีทันที
"ถึงมันจะไม่ใช่ที่ถ่ายรูปหรืออะไรก็ตามคุณก็ควรจะมีมารยาทสิไม่ใช่ มาพูดแบบนี้หรือว่าคนประเทศนี้เค้าไม่มีมารยาทกัน...เอ้ะหรือแต่ว่าคนอื่นเค้ามีกันแต่พวกคุณสองคนไม่มี ห้ะว่าไงล่ะ!!"คราวนี้เป็นอลิซบ้างที่เอ่ยขึ้นเสียงกลับพร้อมตวัดหางตาพร้อมพูดเสียงลอดไรฟันด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
"นี่คุณ! "คราวนี้ชายหนุ่มส่งเสียงกรอกตามไลฟันพร้อมความโมโหที่เพิ่มขึ้นแต่ก็พยายามสะกัดอารมณ์ตัวเอง
"อ้อออ ผมรู้แล้วอย่าบอกนะว่าคุณพึ่งจะเคยมาที่นี่ครั้งแรก ถึงทำบ้าบอแบบนี้คนบ้าไรมาถ่ายรูปในสนามบินอย่างงี้ ฮ่ะๆ ตลกสิ้นดี"พลิกวิกฤตเป็นโอากาส หนุ่มนินนามว่าพลางยักยักไหล่หัวเราะเยาะเย้ย
"นี่นาย!!!!!!"คราวนี้สองสาวปะทะเสียงพร้อมกันด้วยความโกรธเลือดขึ้นหน้า
"หยุดกันได้แล้ว..โฮวอน..นายทำผิดก็ขอโทษเค้าไปได้จบๆเสียเวลาไร้สาระมากแล้ว คุณแม่โทรตามแล้วบอกให้รีบกลับบ้าน" ทีนี้พี่ชายทนไม่ไหวจึงลุกจากเก้าอี้พร้อมลากกระเป๋าเดินมาหยุดอยู่ข้างน้องชายพร้อมพูดคุยกันและมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาว แล้วไหนคุณแม่จะโทรมาตามอีกว่าให้รีบกลับ บอกเดี๋ยวจะมีแขกมาอีก
"พี่ครับ...แต่ยัยนี้.."โฮวอนพูดพลางตวัดสายตาไปทางอลิซ ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีสองสาวแทรกขึ้นมาแบบเย้ยหยัน
"คิคิ ใช่ขอโทษมาสิ.. แต่เอ้ะ นี่คุณคนนี้หาว่านี้เป็นเรื่องไร้สาระหรือไงห้ะ"เมเบลพูดพลางทำหน้าขบขันและเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนมาใหม่พูดทำนองว่าตนเป็นตัวไร้สาระ ระรานงั้นหรอ
"มันก็เกือบๆใช่นะ แล้วถ้าน้องผมไม่ขอโทษคุณจะเอาไรล่ะเงินหรือไงแค่ชนแค่นี้ ห้าหมื่นวอนพอมั้ยล่ะ"ฮันบยอลพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมขยับกรอบแว่นให้หล่นมานิดเผยให้เห็นตาคมดุ ฮันบยอลปากร้ายแต่เย็นชามากจนดูเหมือนจะหยิ่ง เป็นคนพูดไรไม่ค่อยจะถนอมน้ำใจคนฟังเท่าไหร่หรอก เพราะเหมือนว่าตนจะหัวใจด้านชาไม่ค่อยลับรุ้ถึงความรู้สึกของคนอื่นทำอะไรไม่ใส่ใจใครเลยนอกจากตัวเองนอกจากพอแม่และไอเจ้าน้องชายนี่ เรื่องมันนานแล้วก็จริงแต่มันยังคงเป็ตะกอนที่นอนแช่อยู่ในก้นบึ้งรอเวลาปะทุได้ทุกเมื่อ.......เค้าโดนคนรักที่ได้ชื่อเป็นรักครั้งแรกในวัยรุ่นทิ้งไป..อย่างไม่ใยดีนับแต่วันนั้นจากคนที่เคยอารมณ์ดีนิ้มง่ายกลับกลายมาเป็นคนเย็นชายิ้มยากจะปากร้ายก็ต่อเมื่อเจอคนเถียงมาเถียงกลับได้โหดเหมือนกันและไม่สุงสิงกับใคร...
"นาย!!!!!!! หาว่าชั้นเห็นแกเงินรึไง ชั้นไม่ต้องการหรอกเงินของนายนะเก็บไว้ไปถมหลุมศพนายตอนตายเถอะ ไอหน้าปลากหมึก แหวะ!!!" เมเบลต่อว่าไปเสียยกใหญ่ด้วยความโมโหสุดขีดที่มาหาว่าตนเห็นแกเงินแค่สายตาที่มองมาก็รู้และว่ามองมาที่ตัวเอง
"งั้นก็ตามใจถ้าต้องการมากนะ ไอคำขอโทษชั้น !ขอโทษ! แทนน้องชั้นด้วย โอเครนะ แค่นี้ใช่มั้ยที่ต้องการ"ถึงแม้ว่าฮันบยอลจะโมโหแค่ไหนก็ต้องรีบจบประโยคสนทนาอันไร้สาระนี่ให้มันหมดๆไปซะ ที
"ไปได้แล้วโฮวอน!"พูดเสียงดุออกคำสั่งกลับน้องชายก่อนจะเอื้อมมือพลาดบ่าน้องชายที่ตอนนี้กำลังส่งสายตาอาฆาตรให้ผู้หญิงอีกคนอย่างไม่ลดละ
"ครับ...ไปละยัยบ้า หึหึ"หันไปพูดกลับพี่ชายก่อนจะหันมาทำหน้าล้อเลียนใส่อลิซ
"หืมม!! ฝากไว้ก่อนเถอะไอหน้าหมีขั้วโลกเอ้ย"เมื่อเดินเลยไปได้นิดหน่อยอลิซก็ตะโกนว่าไล้หลังพร้อมเมเบล
"ถ้าชั้นเจอนายอีกครั้ง อย่าหวังว่าจะได้เดินออกไปหล่อๆแบบนี้เลย หน้านายจะต้องมีรอยปลาหมึกฟาดอยู่บนหน้าแน่!"เมเบลกรนด่าตามหลังไปติดๆ
ถึงแม้สองหนุ่มจะได้ยินแต่ก็ไม่สนที่จะกลับหันไปแล้วล่ะ .....
ถึงแม้สองสาวจะรู้สึกชอบในใบหน้าหล่อร้ายของหนุ่มทั้งสองมากเพียงแค่ครั้งแรกแต่ความโกรธมันมีมากกว่าจึงเก็บเรื่องหวานๆไว้ไปเพ้อที้หลัง
ณ สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทษเกาหลีใต้ ใช่พวกเรามาถึงเเล้วว~~~~~
"อ่าห์....นั่งเครื่องบินมาไม่ได้ยืดเส้นยืดสายเลย"เมเบลพูดเสียงอู้อี้เล็กน้อยพลางทำท่าบิดขี้เกียจเพราะพึ่งหลับได้ไม่นานเครื่องก็ลงจอด ทันทีก็หยิบสมารท์โฟนเครื่องหรูกดเบอร์โทรออกทันที
"ฮาโหลม๊า....เบลถึงเเล้วนะ"นั่นแหละต้องรีบโทรรายงานคุณนายใหญ่ก่อนว่าถึงเรียบร้อยแล้ว
"ค้าาาม๊าเบลรู้แล้วเบลไม่ไปป่วนใครหรอก"เสียงพูดคุยระหว่างคนที่นี้กับปลายสายดูมีความสุขแม่ของเมเบลกำชับตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าอย่าไปก่อเรื่องที่ไหนหรือทำให้ผอ.ต้องผิดหวังท่ตัดสินใจผิดที่เลือกตัวไปเพราะแม่ของเมเบลรู้ดีว่าลูกของตัวเองนิสัยเป็นไง....และที่ไม่มาส่งก็เพราะยัยแสบนี่ล่ะบอกไม่ต้องมาหรอกกลัวร้องไห้
เมื่อพูดกันต่างๆนาๆก็ถึงเวลาต้องจบประโยคสนทนา
"ค่ะเบลก็รักม๊า.ดูแลตัวเองดีๆนะฝากบอกป๊าด้วยน้า"เบลพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะวางสายไป
บ้านเมเบลและอลิซจัดว่ามีฐานะร่ำรวยอยู่เหมือนกัน.....
"ไงม๊าแกว่าไงบ้างล่ะ"เพื่อนสาวอีกคนเอ่ยถามอย่างรู้งานยืนฟังอยู่ตั้งนานก็ถึงคุยตนเองบ้าง
"แกก็รู้นี่....อย่าป่วน....งื้อม๊าคิดว่าเราจะป่วนอย่างเดียวเลยไง้"เมเบลพูดพลางทำหน้างอ
"ตาแกล่ะรายงานเจ้เลย"เมเบลว่าพลางทำท่าพะยักพะเยิก
"เออรู้แล้วๆ"ว่าแค่นั้นก่อนจะกดโทรออก
.....
"ฮัลโหลมี๊...อลิซถึงแล้วน้า"เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
"มี๊อ้าาา ลิซไม่ไปก่อเรื่องหรอกลิซมาเรียนนะค่ะ"อีกคนนึงถูกคาปลายสายพูดดักคอ จนต้องมุ้ยหน้าและต้องหน้าหงิกกว่าเดิมเมื่อมีเสียงของคนไม่ได้รับเชิญดังขึ้น
"มี๊หวัดดีครับ...นี่คอปเตอร์เองครับ มี๊ไม่ต้องห่วงเตอร์จะดูแลอลิซเอง"จากที่คอปเตอร์ยืนฟังอยู่จึงต้องหาบทสนทนาให้ตัวเองบ้าง
"ไอเตอร์!ชั้นดูแลตัวเองได้เว้ย"อลิซเอามือถือออกห่างก้อนจะหันมาพูดเสียงรอดไรฟันพร้อมแยกเขี้ยวใส่
"มี๊แค่นี้นะค่ะ....รักมี๊เหมือนกันป๊าด้วยค่ะ"อลิซต้องรีบตัดบทสนทนาก่อนจะบานปลายเมื่อคนปลายสายเอาแต่พูดถึงไอเตอร์อย่างล้อๆ
"ไอเตอร์นี่แกพักที่ไหนอ่ะ ผอ.จัดที่พักให้ป้ะ"เมเบลเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"อ๋อที่พัก.....ห้ะ!....ที่พักเฮ้ย!...งั้นเดี๋ยวเราต้องไปก่อนละลืมไปเลยว่า ผอ.บอกว่าพอลงเครื่องให้รีบนั่งรถไปที่หอของโรงเรียนที่แยกออกมาจากตัวของ ร.ร ทันที....โห่ลืมเลยไปละๆ ไว้เจอกันวันเปิดเรียน บายยยย"คอปเตอร์พึ่งนึกได้วา ผอ.กำชับว่าไรเมื่อนึกได้จึงรีบโบกแท้กซี่ด้วยท่าทีร้อนรนทันทีก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไปก็ยังบ้ายบายอลิซไม่หยุด
เมื่อหมดตัวป่วนไปหนึ่งสองสาวจึงวางแผนต่อที่คิดไว้ตอนอยู่เมืองไทย
"อลิซ~~~~จะไปไหนดี"เสียงหวานเอ่นขึ้นพลางเดินลากกระเป๋าไปยังจุดสำหรับขึ้นรถ
"อืมมมไปไหนดีน้า.....เห้ยแต่ข้าวของพะลุงพะลังงี้หรอ"อลิซเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"เออหรือว่าเราจักลับไปที่พักก่อน ไอลิซจดหมายทางไปบ้าน...คุณนายอะไรนะ..."สีหน้าครุ่นคิดของเมเบลเกิดขึ้นเมื่อนึกถึงชื่อบ้านของผูให้ที่อยู่อาศัยไม่ได้
"คุณนายปารค์."อลิซเอ่ยดวยน้ำเสียงมั่นใจ
"เออใช่ๆ......สามีเค้าเป็นผู้มีอิทธิพลของเกาหลีด้วยใช่มั้ยที่ผอ.เล่าอ่ะว่าคุณนายปารค์ตามจริงเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผอ.และเป็นคนไทยด้วยนะ"
"อืมใช่แล้วล่ะ สามีเค้ามีธุรกิจเยอะไหนจะอสังหาริมทรัพท์แล้วคาสิโนเป็นแบบที่ถูกกดหมายอีกหลายปนะเทสแถามที่ดินที่สวยๆก็ถูกสามีของคุณนายปารค์ซื้อหมดแล้วไหนคุณนายจะเปิดร้านเครื่องเพชรอีกในประเทศนี้มีตั้งหลายสาขาไม่ รวยมากให้รู้ไป คงไม่แปลกที่จะมีอิทธิพลในเกาหลี"อลิซเล่าให้เมเบลฟังยาวเหยียด
"โชคดีของคุณนายเค้าเนาะเป็นคนไทยแถมได้สามีดีมีเงินงี้ก็พลอยดีไปแล้วเนาะ......เออแต่ชั้นลืมถามไปเลยอ่ะว่าเค้ามีลูกมั้ย"ว่าเเล้วก็ลืมถามจากผอ.ไปเลยว่าเพื่อนผอ.มีลูกบ้างรึเปล่า
"นั่นดิลืมเลย......งั้นเรากลับไปตั้งหลักก่อนมั้ยแล้วค่อยไปเที่ยวเพราะเรายังมีเวลาพักกันอีกตั้ง3วันเลยนี่นา"อลิซด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อนึกว่าจะได้พัดก่อน3วัน
"นี่ๆไอลิซเรามาถ่ายรูปเก็บไว้ดูกันก่อนดีกว่าที่ละทึก..เอ้ย..ละลึก5555"เมเบลพูเองเล่นเองอลิซรู้ดีว่าถ้าเล่นเเล้วเค้าไม่ขำก็จะตบมุขเอง....
"เอ้าแกเอาน้องฟรุ้งฟริ้งมาหรอ"อลิซเอ่ยถามเพื่อนด้วยความสงสัยนึกว่าไม่ได้เอามาเห็นพึ่งซื้อได้ไม่กี่วันเองนี่นา
"โห่จะลืมได้ไง...น้องฟรุ้งฟริ้ง ฮิ"พูดพลางอมยิ้มกับของรักชิ้นใหม่ลิมิเต็ดเลยนะเนี่ย
"เอ้อแล้วกล้องโพลาลอยแกเอามั้ย"
"แต่แด้นน~~~นี่ไงอลิซไม่ลืมจ้า"พูดพลางหยิบกล้องโพลาลอยลายคิตตี้สุดน่ารักเป็นสีขาวทองรุ่นล่าสุดออกมาจากกระเป๋าเป้
"เยสส~ดีมาก"พูดพลางยกมือไฮไฟว์กัวความรู้งานของเพื่อนรัก
แปะ~~~~
"มา1-2-3 ยิ้มเลย แชะ"
"เอ้า ยิ้มสวยเลยๆ คิคิ''
และอีกแชะต่อๆมาก่อนจะ...
ตุ้บ~~~
เสียงของร่างกายของผู้มาใหม่ ใครก็ไม่รู้
มาชนสองเพื่อนสาวที่กำลังยืนถ่ายรูปกันอยู่
ผู้มาใหม่ก็มากันสองคน เป็นผู้ชายทั้งคู่ส่วนสูงไล่เลี่ยกัน ทั้งสองใส่แว่นสีดำขลับให้ใบหน้านั้นดูดีมากอยู่ไม่น้อยในตาสองสาว ถึงแม้จะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็เถอะ สองสาวต่างมองไปคนละคน ......
"ย่าห์~~"เมเบลสบถออกไปเป็นภาษาเกาหลี พร้อมตวัดสายตาค้อนไปที่สองหนุ่ม
"นี่ไม่เห็นหรือไงคนเค้ายืนเอ่อ...ถ่ายรูป...กันอยู่อ่ะ ห้ะ ขอโทษสักคำน่ะมีมั้ย"เมเบลกล่าว
ว่าเป็นภาษาเกาหลี
ไม่แปลกหรอกที่สองสาวพูดได้เพราะภาษาเกาหลีนี่สองสาวได้ไปศึกษาเล่าเรียนมาตั้งแต่ยังไม่จบม.3ซะอีก
สองหนุ่มที่เดินชนและทำท่าจะเดินผ่านไปเลย หันมามองเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็จะหันมาเต็มตัวพร้อมชายหนุ่มที่รูปร่างสูงน้อยกว่าจะค่อยถอดแว่นสองสาวดูแล้วเป็นของมียี่ห้อและการแต่งตัวก็บ่งบอกถึงฐานะชาติตได้ดี....ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่มีส่วนสูงที่มากว่าไม่มากจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้โลหะยาวสำหรับนั่งพักพร้อมกระเป๋าลากของตนอีก1ใบพร้อมนำสมารท์โฟนเครื่องหรูออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวยาสสีดำพร้อมเชื่อมต่อหูแล้วใส่เข้าที่ใบหูพร้อมทอดสายตาผ่านแว่นเลแบรนด์สีดำมองไปยังกลุ่มคนอีก3คนที่กำลังโต้เถียงกันดูแล้วก็ดูเด็กๆกันหมด1ในนั้นคนนึงคือน้องชายของเค้าเอง น้องชายเค้าก็ยังคงมีนิสัยเด็กๆและกวนประสาทมากอยู่ไม่น้อยเป็นเด็กผู้ชายที่ศึกษาอยู่ในระดับเกรท11(ม.5)ซึ่งต่างจากตนเพียงหนึ่งปีเพราะตนอยู่เกรท12(ม.6)น้องชายพยายามจะทำตัวเองให้ดูเนียบเคร่งขรึมเพราะไอเจ้านเองชายคิดว่าถ้าเราทำสีหน้าตึงๆดุๆจะทำให้คนอื่นดูยำเกรงแต่มันไม่เลยสักนิดไม่เลยเพราะเจ้าตัวชอบหลุดฟรอมบ่อยๆและที่สำคัญไอ้เจ้านี้เค้าอยากเท่ห์ในหมู่สาวๆ....
ไอดอลของไอ้น้องชายก็คือผมนี้แหละที่เจ้าตัวพยายามจะเย็นชาก็คิดว่าผมทำแล้วดูดีแต่เปล่าเลยผมเป็นงี้ก็เพราะเรื่องในอดีต
"ผมจำเป็นต้องขอโทษคุณหรอ ผมว่าคุณต่างหากที่ยืนถ่ายรูปไม่ดูตาม้าตาเรือ นี่! ตรงนี่มันใช่ที่ๆสำหรับถายรูป คุณเห็นว่ามีใครเค้ายืนถ่ายรูปแบบคุณสองคนบ้างมั้ย"ชายหนุ่มนิรนามเถียงกลับเป็นภาษาเกาหลีทันที
"ถึงมันจะไม่ใช่ที่ถ่ายรูปหรืออะไรก็ตามคุณก็ควรจะมีมารยาทสิไม่ใช่ มาพูดแบบนี้หรือว่าคนประเทศนี้เค้าไม่มีมารยาทกัน...เอ้ะหรือแต่ว่าคนอื่นเค้ามีกันแต่พวกคุณสองคนไม่มี ห้ะว่าไงล่ะ!!"คราวนี้เป็นอลิซบ้างที่เอ่ยขึ้นเสียงกลับพร้อมตวัดหางตาพร้อมพูดเสียงลอดไรฟันด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
"นี่คุณ! "คราวนี้ชายหนุ่มส่งเสียงกรอกตามไลฟันพร้อมความโมโหที่เพิ่มขึ้นแต่ก็พยายามสะกัดอารมณ์ตัวเอง
"อ้อออ ผมรู้แล้วอย่าบอกนะว่าคุณพึ่งจะเคยมาที่นี่ครั้งแรก ถึงทำบ้าบอแบบนี้คนบ้าไรมาถ่ายรูปในสนามบินอย่างงี้ ฮ่ะๆ ตลกสิ้นดี"พลิกวิกฤตเป็นโอากาส หนุ่มนินนามว่าพลางยักยักไหล่หัวเราะเยาะเย้ย
"นี่นาย!!!!!!"คราวนี้สองสาวปะทะเสียงพร้อมกันด้วยความโกรธเลือดขึ้นหน้า
"หยุดกันได้แล้ว..โฮวอน..นายทำผิดก็ขอโทษเค้าไปได้จบๆเสียเวลาไร้สาระมากแล้ว คุณแม่โทรตามแล้วบอกให้รีบกลับบ้าน" ทีนี้พี่ชายทนไม่ไหวจึงลุกจากเก้าอี้พร้อมลากกระเป๋าเดินมาหยุดอยู่ข้างน้องชายพร้อมพูดคุยกันและมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาว แล้วไหนคุณแม่จะโทรมาตามอีกว่าให้รีบกลับ บอกเดี๋ยวจะมีแขกมาอีก
"พี่ครับ...แต่ยัยนี้.."โฮวอนพูดพลางตวัดสายตาไปทางอลิซ ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีสองสาวแทรกขึ้นมาแบบเย้ยหยัน
"คิคิ ใช่ขอโทษมาสิ.. แต่เอ้ะ นี่คุณคนนี้หาว่านี้เป็นเรื่องไร้สาระหรือไงห้ะ"เมเบลพูดพลางทำหน้าขบขันและเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนมาใหม่พูดทำนองว่าตนเป็นตัวไร้สาระ ระรานงั้นหรอ
"มันก็เกือบๆใช่นะ แล้วถ้าน้องผมไม่ขอโทษคุณจะเอาไรล่ะเงินหรือไงแค่ชนแค่นี้ ห้าหมื่นวอนพอมั้ยล่ะ"ฮันบยอลพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมขยับกรอบแว่นให้หล่นมานิดเผยให้เห็นตาคมดุ ฮันบยอลปากร้ายแต่เย็นชามากจนดูเหมือนจะหยิ่ง เป็นคนพูดไรไม่ค่อยจะถนอมน้ำใจคนฟังเท่าไหร่หรอก เพราะเหมือนว่าตนจะหัวใจด้านชาไม่ค่อยลับรุ้ถึงความรู้สึกของคนอื่นทำอะไรไม่ใส่ใจใครเลยนอกจากตัวเองนอกจากพอแม่และไอเจ้าน้องชายนี่ เรื่องมันนานแล้วก็จริงแต่มันยังคงเป็ตะกอนที่นอนแช่อยู่ในก้นบึ้งรอเวลาปะทุได้ทุกเมื่อ.......เค้าโดนคนรักที่ได้ชื่อเป็นรักครั้งแรกในวัยรุ่นทิ้งไป..อย่างไม่ใยดีนับแต่วันนั้นจากคนที่เคยอารมณ์ดีนิ้มง่ายกลับกลายมาเป็นคนเย็นชายิ้มยากจะปากร้ายก็ต่อเมื่อเจอคนเถียงมาเถียงกลับได้โหดเหมือนกันและไม่สุงสิงกับใคร...
"นาย!!!!!!! หาว่าชั้นเห็นแกเงินรึไง ชั้นไม่ต้องการหรอกเงินของนายนะเก็บไว้ไปถมหลุมศพนายตอนตายเถอะ ไอหน้าปลากหมึก แหวะ!!!" เมเบลต่อว่าไปเสียยกใหญ่ด้วยความโมโหสุดขีดที่มาหาว่าตนเห็นแกเงินแค่สายตาที่มองมาก็รู้และว่ามองมาที่ตัวเอง
"งั้นก็ตามใจถ้าต้องการมากนะ ไอคำขอโทษชั้น !ขอโทษ! แทนน้องชั้นด้วย โอเครนะ แค่นี้ใช่มั้ยที่ต้องการ"ถึงแม้ว่าฮันบยอลจะโมโหแค่ไหนก็ต้องรีบจบประโยคสนทนาอันไร้สาระนี่ให้มันหมดๆไปซะ ที
"ไปได้แล้วโฮวอน!"พูดเสียงดุออกคำสั่งกลับน้องชายก่อนจะเอื้อมมือพลาดบ่าน้องชายที่ตอนนี้กำลังส่งสายตาอาฆาตรให้ผู้หญิงอีกคนอย่างไม่ลดละ
"ครับ...ไปละยัยบ้า หึหึ"หันไปพูดกลับพี่ชายก่อนจะหันมาทำหน้าล้อเลียนใส่อลิซ
"หืมม!! ฝากไว้ก่อนเถอะไอหน้าหมีขั้วโลกเอ้ย"เมื่อเดินเลยไปได้นิดหน่อยอลิซก็ตะโกนว่าไล้หลังพร้อมเมเบล
"ถ้าชั้นเจอนายอีกครั้ง อย่าหวังว่าจะได้เดินออกไปหล่อๆแบบนี้เลย หน้านายจะต้องมีรอยปลาหมึกฟาดอยู่บนหน้าแน่!"เมเบลกรนด่าตามหลังไปติดๆ
ถึงแม้สองหนุ่มจะได้ยินแต่ก็ไม่สนที่จะกลับหันไปแล้วล่ะ .....
ถึงแม้สองสาวจะรู้สึกชอบในใบหน้าหล่อร้ายของหนุ่มทั้งสองมากเพียงแค่ครั้งแรกแต่ความโกรธมันมีมากกว่าจึงเก็บเรื่องหวานๆไว้ไปเพ้อที้หลัง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ