KAMAITACHI ♥ คาไมทาจิ ความรักของภูติลม
เขียนโดย เมอิ
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.45 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) [KAMAITACHI 7 : อ้อมกอดคาไมทาจิ]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแสงแดดอ่อนๆยามเช้าเล็ดลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ในห้องที่ไม่กว้างมากนัก แสงสีเหลืองอ่อนกระทบกับผิวเนียนของใครบางคนที่กำลังหลับสบาย เป็นแสงแดดเพียงเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามาในป่าที่มืดมิดดูน่ากลัว ป่าที่ไม่มีเสียงแม้กระทั่งเสียงของสิงสาราสัตว์ใดๆ มีเพียงความเงียบเข้าปกคลุม ป่าที่ได้ชื่อว่า ‘ป่าต้องคำสาป’
...
ยามเช้าที่ดูไม่ค่อยสดใสมากนัก แสงอ่อนๆของแดดที่เริ่มกระทบกับเปลือกตา ทำให้เจ้าของเปลือกตากับขนยาวสวยค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย ยูนะที่ลืมตาตื่นขึ้นรีบลุกไปทำธุระส่วนตัวและตรงไปหลังบ้านพร้อมกับปลาในมือทันที ปลาที่คุโรอิหามาได้เมื่อวาน แล้วเธอก็หายไปพักหนึ่ง...
***
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูเลื่อนดังขึ้นในขณะที่ชายหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านตำราบางอย่างอยู่ เขาดูไม่ค่อยสนใจเสียงเคาะประตูห้องของเขาซักเท่าไหร่และยังคงก้มหน้าอ่านตำราต่อไป
“ขอเข้าไปนะคะ?”
เสียงของหญิงสาวดังขึ้นหลังจากที่เคาะประตูอยู่หลายครั้งเพราะไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน
...
“อืม!”
จากที่เคาะประตูและเรียกอยู่หลายครั้งก็มีเสียงตอบรับมาเพียงคำเดียว แต่ถึงแม้จะเป็นเสียงตอบรับเพียงสั้นๆก็ทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูมีรอยยิ้มบนใบหน้าในทันที
ครืนน!
ยูนะเลื่อนบานประตูก่อนที่จะก้มลงหยิบถ้วยใบขนาดไม่ใหญ่มากที่วางกับพื้นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง เธอเดินถือถ้วยด้วยท่าทางที่ระมัดระวังทำให้ดูรู้ว่าถ้วยนั้นมีอะไรบางอย่างอยู่ ยูนะเดินเข้ามากลางห้องพร้อมกับพูดขึ้น
“คือ...ชั้นเอาปลาที่เธอหามาเมื่อวานลองเอามาทำเป็นเมนูต้มดูน่ะ…”
คุโรอิในร่างมนุษย์ที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองยูนะอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็น
“ข้าไม่จำเป็นต้องกินอาหารพวกนี้!!”
เสียงแกมหงุดหงิดพร้อมกับคำพูดที่ดูไร้เยื่อใยและเยือกเย็นของคุโรอิ ทำให้ยูนะยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ภายในใจของเธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นของคุโรอิ
ยูนะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือ พร้อมกับก้มหน้ามองพื้นเพื่อหลบสายตาที่ดูน่ากลัวนั้นของคุโรอิ
“ชั้น...แค่อยากทำอะไรเพื่อตอบแทนบ้าง เท่านั้น...”
ท่าทางที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ของยูนะทำให้สายตาของคุโรอิที่ดูโมโหในตอนแรกเริ่มบรรเทาลง ร่างสูงยืนขึ้นตรงหน้าหญิงสาวที่กำลังก้มหน้า ดวงตาสีเหลืองเข้มจ้องมองด้วยสายตาและใบหน้าเรียบเฉยที่มองไม่ค่อยออกว่าคิดอะไร คุโรอิที่ยืนอยู่ตรงหน้ายูนะอยู่ซักพัก ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย ...
...สายตาของทั้งคู่ประสานกันโดยไม่ตั้งใจ ยูนะจ้องมองนัยน์ตาของคุโรอิที่ก็มองมายังเธอเช่นกัน นัยน์ตาสีเหลืองเข้มนั้นยังคงแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดบางอย่างอยู่เหมือนกับครั้งก่อนๆ ทั้งคู่จ้องมองกันอยู่พักหนึ่งโดยที่ไม่พูดอะไร ทำให้ในป่าที่เงียบเชียบยิ่งดูเงียบเข้าไปใหญ่
!! แต่ทันใดนั้น จู่ๆคุโรอิก็หันหน้ามองออกไปทางหน้าต่างด้านซ้ายมืออย่างรวดเร็ว อะไรบางอย่างทำให้ใบหน้าของเขาดูโมโหขึ้นมาอีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดชนกันอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็วราวกับหายตัวได้
...
ยูนะที่ถูกทิ้งไว้ในห้องโดยที่คุโรอิไม่ได้บอกอะไรแม้แต่คำเดียวและวิ่งออกจากห้องไปดื้อๆ ทำให้ยูนะรู้สึกสับสนกับอะไรหลายๆอย่างในตัวของคุโรอิ เธอจึงตัดสินใจเดินออกจากบ้านเพื่อตามคุโรอิไป
***
ทางด้านของคุโรอิที่วิ่งออกมาอย่างรวดเร็วจนมาถึงครึ่งทางของป่า เขาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าของคุโรอิดูโกรธจัดเมื่อเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“โอ๊ะโอ!...รับรู้ไวเหมือนเดิมเลยนะ...คุ โร อิ คุง”
เสียงแหลมใสของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น หญิงสาวซึ่งมีใบหน้างดงามที่ผู้ชายแทบจะทุกคนเป็นต้องหลงเสน่ห์กับใบหน้านั้น
“ต้องการอะไร!!?”
เสียงตะคอกของคุโรอิทำเอาหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นเชิงประชดประชัน
“แหม...พูดจาเยือกเย็นเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน”
คุโรอิยืนนิ่งเงียบด้วยใบหน้าที่ดูโกรธจัด ในมือทั้งสองข้างของเขาถือเคียวไว้แน่น พลางคิดในใจ ‘เจ้านั่นคงรู้สินะ...ว่าถ้าเป็นนางคงจะเข้ามาในป่านี้ได้ง่ายๆ’
หญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาใกล้คุโรอิมากขึ้น แขนเรียวยื่นเข้ามาใกล้ไหล่ของร่างสูงก่อนที่นิ้วเรียวจะกรีดกรายตามไหล่จนเกือบจะมาถึงหน้าอก แต่นิ้วเรียวยาวที่กรีดกรายของหญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อปลายแหลมของเคียวที่อยู่ในมือคุโรอิจ่อเข้าที่คอของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
“ใจร้ายกว่าเดิมเยอะเลยนะ...ทั้งๆที่เคยหลงเสน่ห์ขะ...”
“หุบปาก!!”
คำพูดเกรี้ยวกราดของคุโรอิทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากด้วยความโมโหก่อนจะดีดตัวเองออกห่างจากคมเคียวนั้นอย่างว่องไว
“เสียดายที่ข้าเคยชอบเจ้า!...แต่ตอนนี้คงต้องฆ่าเจ้าแล้วล่ะ!...ตามด้วยเด็กสาวนั่น!!”
หลังจากพูดจบประโยค ร่างของหญิงสาวที่งดงาม ท่อนล่างของเธอถูกเปลี่ยนเป็นแมงมุมแปดขาขนาดยักษ์อันน่าสะพรึงกลัว ผมที่ยาวเกือบปิดดวงตาอันแดงก่ำกับเล็บยาวแหลมคมที่ทำให้หญิงสาวที่งดงามก่อนหน้านี้กลายเป็นคนละคน
หญิงสาวครึ่งแมงมุมพุ่งเข้าจู่โจมคุโรอิที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็วด้วยขายาวของแมงมุมที่แหลมคมและคมกริบ คุโรอิพลิกตัวหลบขาแหลมคมของแมงมุมสาวนั้นอย่างชำนาญ เขาพลิกตัวหลบขาอันแหลมคมนั้นอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งได้จังหวะ
ฉับ!!
เคียวคมกริบฟันเข้าที่ขาข้างหนึ่งของแมงมุมสาวจนขาดสะบั้น เลือดสีเขียวเข้มไหลพรวดลงพื้นดินอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องของแมงมุมสาวดังขึ้นเมื่อเลือดไหลเป็นทาง ดวงตาแดงก่ำมองคุโรอิด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะพ่นใยแมงมุมสีขาวออกมามากมายด้วยความโกรธ
สวบ!!
ใยแมงมุมสีขาวพุ่งเข้าพันรอบตัวของคุโรอิโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงล้มลงไปนอนกับพื้นในขณะที่เคียวได้กระเด็นหลุดจากมือของเขาตอนที่ถูกใยแมงมุมของแมงมุมสาวกระชากออกไป คุโรอิพยายามดิ้นให้หลุดจาก ใยแมงมุมนั้นแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะใยแมงมุมของปีศาจสาวมีความเหนียวแน่นเป็นพิเศษและไม่ขาดลงง่ายๆ ...ขาที่เหลือเจ็ดขาของแมงมุมสาวค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าที่ดูพอใจปนเยาะเย้ยพลางสังเกตเห็นดวงตาอีกข้างที่ถูกปิดไว้ของคุโรอิ จึงเอ่ยขึ้น
“หืม!?...เจ้าจะปิดตาอีกข้างทำไมกัน...ข้าก็ไม่เห็นหน้าเจ้าตอนตายชัดๆน่ะสิ”
เล็บแหลมคมของแมงมุมสาวเอื้อมไปเกี่ยวผ้าปิดตาสีขาวที่ปิดตาข้างขวาของคุโรอิไว้ตลอดออกอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดนิ่งไป ตาแดงก่ำของหญิงสาวเบิกโตราวกับว่าหวาดกลัวอะไรบางอย่างเอามากๆ ขายาวอันแหลมคมของแมงมุมสาวค่อยๆก้าวถอยออกห่างจากร่างสูงที่ถูกใยแมงมุมพันไว้ด้วยใบหน้าที่ยังคงหวาดกลัว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“นะ นัยน์ตานั้น!...เจ้า!!...ทำไมถึง!?...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!”
แมงมุมสาวเริ่มพูดจาตะกุกตะกักเมื่อเห็นนัยน์ตานั้น ใบหน้าของเธอดูหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็นโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่างของแมงมุมสาวถอยออกห่างจากตัวคุโรอิไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอเดินหันหลังให้กับคุโรอิที่นอนอยู่บนพื้นและรีบออกจากป่าไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันกลับมามองแม้แต่น้อย
คุโรอิพยายามขยับตัวให้หลุดจากใยแมงมุมแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เขาพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน เขาจึงนิ่งเงียบเหมือนคิดอะไรบางอย่าง และรีบหลับตาลง ...
ตุบ ตุบ ตุบ !!
แสงสะท้อนของจี้สร้อยสีแดงเข้มเป็นประกายวูบวาบพร้อมกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนวิ่งเข้ามาใกล้ร่างสูงที่พยายามดิ้นตัวให้หลุดจากใยแมงมุม ตาของหญิงสาวเบิกโตขึ้นเมื่อเห็นภาพคุโรอินอนอยู่บนพื้นในขณะที่ร่างกายเต็มไปด้วยเส้นใยสีขาวที่เหมือนกับใยแมงมุม เธอรีบวิ่งตรงไปยังเขาทันที แต่ก็ต้องถูกเสียงทุ้มตะคอกกลับมาอย่างรวดเร็ว
“อย่าเข้ามาใกล้นะ!! ข้าจะหาทางทำลายมันเอง!”
กึก!
ยูนะหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงคะตอกของคุโรอิ เธอยืนอยู่ห่างจากคุโรอิพอสมควร แต่ก็พอจะสังเกตเห็นว่าคุโรอิที่พยายามหาทางทำลายใยแมงมุม เขาได้แต่หลับตาทั้งสองข้างไม่ยอมเปิดตามามองเธอแม้แต่น้อย ทำให้ยูนะยิ่งกังวลกลัวว่าเขาจะได้รับอันตรายเข้าไปใหญ่จึงตะโกนถามออกไป
“ทำไมถึงต้องหลับตาด้วยล่ะค่ะ เจ็บตรงไหนรึป่าว!? ให้ชั้นช่วยเถอะนะคะ”
คุโรอิที่ลุกขึ้นนั่งอยู่ที่พื้น รอบตัวของเขายังคงถูกพันด้วยใยแมงมุมของแมงมุมสาวที่เพิ่งถอยหนีไปได้ซักพัก ในมือของคุโรอิในขณะนั้นไม่มีอาวุธอยู่ เพราะถูกแมงมุมสาวเหวี่ยงกระเด็นออกไปก่อนจะถูกมัด และเขายังคงหลับตาทั้งสองข้าง
ยูนะที่เห็นคุโรอิมีใบหน้าที่กังวลปนกับโกรธจัด เธอจึงทนไม่ไหวที่จะเห็นภาพแบบนั้น เท้าเล็กวิ่งเข้าไปใกล้คุโรอิโดยที่เธอยอมขัดคำสั่งของเขาก่อนหน้านี้ เธอก้มลงไปหยิบเคียวเพื่อจะช่วยคุโรอิ แต่เสียงที่ดูโกรธของคุโรอิก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เคียวทำอะไรใยแมงมุมนี่ไม่ได้หรอก!!!...มันถูกสร้างขึ้นมาให้ทนต่อความคมของอาวุธ!”
“เอ๋!??...แล้ว...จะต้องทำยังไงถึงจะทำลายมันได้คะ!?”
ยูนะตกใจกับคำพูดของคุโรอิจึงถามออกไปในทันที
...
“…คงต้องรอจนกว่ามันจะสลายไปเอง!”
***
ทั้งคู่นั่งเงียบไปจนกระทั่งฟ้ามืด ป่าที่ดูน่ากลัวและเงียบเชียบในตอนเช้า เมื่อถูกความมืดเข้าปกคลุมยิ่งทำให้ความน่ากลัวทวีคูณเพิ่มขึ้น มีเพียงแสงของพระจันทร์ที่พอจะเล็ดลอดเข้ามาในป่าเล็กน้อย ...เสียงทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ ในขณะที่ตาของเขายังคงปิดสนิท
“...เจ้าจะตามข้ามาทำไม!?...ทำแบบนี้ข้าเดือดร้อน...เจ้ารู้บ้างมั้ย!!”
ยูนะสะดุ้งกับเสียงทุ้มที่ดูหงุดหงิดนั้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคุโรอิที่นั่งข้างๆ เธอก้มหน้าลงช้าๆพร้อมกับกอดเข่าตัวเองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูอึดอัดใจ
…
“ชั้นมันไม่เอาไหนซักนิดใช่มั้ยคะ!?...ทั้งๆที่อยู่ในตระกูลองเมียวจิ แต่กลับไม่รู้อะไรเลย ทำอะไรไม่ได้เลย”
คุโรอิยังคงก้มหน้านิ่งเงียบปล่อยให้ยูนะระบายต่อไป ในขณะเดียวกัน !! ใยแมงมุมที่พันร่างของเขาอยู่ก็ค่อยๆสลายหายไปทีละนิดจนเขาเริ่มขยับตัวได้เป็นปกติ
“ถึงเราจะเป็นแค่คนที่มีพันธะสัญญาต่อกัน แต่ชั้นกลับไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเธอ...มันอึดอัดนะคะ!! ...เหมือนกับว่ายิ่งชั้นพยายามจะวิ่งตาม เธอก็ยิ่งหนีไกลออกไปมากเท่านั้น”
น้ำตาที่เอ่อล้นออกจากดวงตากลมโตของหญิงสาวเริ่มหยดลงบนหลังมือเรียวเล็กของเธอซ้ำๆ ในป่าที่เงียบสนิททำให้เสียงสะอื้นเพียงเล็กน้อยกลายเป็นเสียงที่ได้ยินชัดเจนในตอนนั้น
...เสียงสะอื้นเพียงเล็กน้อยของยูนะทำให้ภายในอกของคุโรอิรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาทั้งเจ็บปวดที่ทำให้เธอต้องร้องไห้ และเจ็บปวดที่ไม่สามารถบอกอะไรเธอออกไปได้ เพราะถ้าเขาบอกออกไป สิ่งที่พยายามเก็บไว้และลืมมัน อาจจะทำให้เขาต้องเจ็บยิ่งกว่า พลางพูดในใจของตัวเอง ‘ขอโทษนะ’
...คุโรอินั่งเงียบจนกระทั่งใยแมงมุมสลายไปจนหมด ส่วนยูนะยังคงนั่งกอดเข่าและฟุบหน้าพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ยังคงดังอยู่เป็นระลอก จนกระทั่งยูนะผล็อยหลับไป ส่วนคุโรอิที่ไม่กล้าปลุกยูนะเขาจึงนั่งเงียบอยู่ข้างๆยูนะจนถึงเช้า
ยามเช้าที่ดูไม่สดใส...
ยูนะที่เผลอหลับไปจากที่ร้องไห้มานานพอควร เปลือกกับดวงกลมโตค่อยๆลืมขึ้นเพราะแสงแดดอ่อนๆที่กระทบเปลือกตา เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็พบกับร่างของคุโรอินั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ และเมื่อคิดว่าเขาต้องมานั่งเฝ้าเธอทั้งคืนจึงทำให้ ยูนะรีบดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
คุโรอิที่ดูเหม่อลอยอยู่ข้างๆยูนะ เมื่อได้ยินเสียงของยูนะที่กำลังตื่นนอนก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเผลอคิดถึงแต่เรื่องของยูนะจนลืมใช้ผ้าปิดตาปิดดวงตาอีกข้างของเขาไว้ !!
“ขอโทษด้วยนะคะ...ที่ทำให้เธอต้องมานั่งเฝ้าชั้นทั้ง!!” หมับ!! “... คืน”
มือเรียวยาวของคุโรอิเอื้อมไปคว้าด้านหลังศีรษะเล็กๆของยูนะอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีใบหน้าหวานก็ซบอยู่ตรงอกกว้างของชายหนุ่มโดยที่เธอไม่ทันจะพูดจบประโยคและไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อรู้ตัวว่าใบหน้าของตัวเองซบอยู่ตรงหน้าอกกว้างนั้นของคุโรอิ
แต่ในทางกลับกัน คุโรอิที่คว้าศีรษะยูนะเข้ามากอดอย่างรวดเร็วเพียงเพราะในตอนนั้นตาอีกข้างของเขาไม่ได้ถูกปิดไว้ เขาที่ไม่ทันคิดจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้กับเธอ ...ยูนะที่จู่ๆโดนกอดกะทันหันแบบนั้นทำให้ร่างเล็กนั่งนิ่งเพราะอาการตกใจ ความร้อนจากตัวคุโรอิทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งร้อนผ่าว ภายในใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ…
ตึกตัก ตึกตัก !!
...เสียงของหัวใจที่เต้นแรง ดังไปถึงอกกว้างที่กำลังกอดเธออยู่ทำให้เขารับรู้ได้อย่างชัดเจน แต่แทนที่จะปล่อยเธอ เขากลับพลันใจเต้นแรงไปด้วย ร่างเล็กทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกถึงแม้นัยน์ตาของเขายังคงดูเจ็บปวดก็ตาม แรงกอดของคุโรอิที่มากขึ้นเรื่อยๆทำให้ร่างเล็กเริ่มรู้สึกเจ็บและหายใจไม่ออก จึงต้องพูดขึ้น
“ชะ ชั้น...หายใจไม่ออกนะคะ”
คุโรอิรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงนั้นของยูนะ นัยน์ตาของคุโรอิเบิกโตขึ้นก่อนจะคว้าผ้าปิดตาที่วางอยู่ข้างๆมาปิดตาอีกข้างโดยเร็ว ร่างสูงลุกพรวดยืนขึ้น ทำให้คนถูกกอดได้แต่นั่งก้มหน้าและถามขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ทำไมถึง กะ กอ…”
“กลับได้แล้ว!!”
เสียงตะคอกด้วยความหงุดหงิดดังขึ้นในขณะที่หญิงสาวยังพูดไม่ทันที่จะจบประโยค คุโรอิกลับกลายเป็นคนขี้โมโหดังเดิม ทำให้ร่างเล็กค่อยๆยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่สับสนและกำลังจะเอ่ยถามอีกครั้งแกมสงสัย แต่แขนเรียวยาวทั้งสองข้างของคุโรอิกลับอุ้มตัวเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เงียบเถอะ!!!...เจ้าน่ะอยู่ข้างนอกนานไปแล้ว!!!”
และอีกตามเคยที่ยูนะไม่ทันจะได้พูดอะไรแต่กลับโดนตะคอกใส่อีกครั้งก่อนที่ลมหมุนจะพาร่างของทั้งสองกลับไปยังบ้าน
****
“เจ้าฆ่ามันไม่ได้อย่างงั้นเหรอ!!!?”
อึก!
หญิงสาวกลืนน้ำลายเฮือกหนึ่งหลังจากที่เสียงทุ้มต่ำอันน่าเกรงขามของใครบางคนดังขึ้นด้วยความโกรธ หญิงสาวที่มีใบหน้างดงามตอนนี้กลับซีดเผือดเพราะความกลัว ก่อนจะเอ่ยบางอย่างขึ้น
“คุโรอิ...ไม่ได้เป็นภูติลมคาไมทาจิอย่างที่เคยเป็นนะคะนายท่าน!...นัยน์ตาแบบนั้น มันเป็นนัยน์ตาของ!!” !! “มันจะเป็นอะไรก็ช่าง!!!...แต่เจ้าทำงานไม่สำเร็จ!! หมดประโยชน์!! ... บริวาร!! ฆ่านางแมงมุมนี่ซะ!!”
...
เสียงกรีดร้องของแมงมุมสาวดังก้องกังวานไปทั่วป่า บริวารของปีศาจผู้ทรงอานาจรุมกัดกินแมงมุมสาวมจนไม่เหลือแม้แต่ซากของเธอ
“ใครเอาหัวมันมาให้ข้าได้...ข้าจะปล่อยให้เป็นอิสระจากป่าแห่งนี้!!"
----------------------------------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ