KAMAITACHI ♥ คาไมทาจิ ความรักของภูติลม
เขียนโดย เมอิ
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.45 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) [KAMAITACHI 6 : ข้าวปั้น]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
...
...นิ้วเรียวยาวที่สัมผัสโดนใบหน้าหวานนั้นอย่างแผ่วเบา ทำให้คนที่หลับอยู่เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาของเธอค่อยๆลืมขึ้น เผยให้เห็นเจ้าของนิ้วเรียวยาวนั้น แต่ในขณะที่ยูนะกำลังขยี้ตา คุโรอิที่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ร่างสูงรีบลุกขึ้นยืนและหันหลังให้กับยูนะในทันที
“ข้าจะออกไปหาอาหารเช้าให้!...รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ!!”
คุโรอิพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวพลางยืนขึ้น ยูนะที่สังเกตเห็นผ้าพันแผลที่แขนซ้ายของคุโรอิก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป บาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้เพื่อปกป้องเธอนั้นทำให้ใบหน้าหวานในตอนนี้ของยูนะกลับกลายเป็นใบหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกผิดและรู้สึกเป็นห่วงคุโรอิเธอจึงตะโกนออกไป
“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เธอต้องมาเจ็บแบบนี้!...เธอนอนพักก่อนเถอะค่ะ...อีกอย่างชั้นยังไม่หิวด้วย…”
คุโรอิที่ยืนหันหลังให้กับยูนะ ร่างสูงหยุดนิ่งไปเมื่อได้ยินเสียงยูนะตะโกนด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดแบบนั้น แต่เขาเพียงแค่หยุดนิ่งไปชั่วครู่เท่านั้น เขายกมือขึ้นจับแขนของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งและเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย
การที่คุโรอิไม่ยอมพูดกับเธอทำให้ยูนะหยุดอ้ำอึ้งอยู่ในลำคอไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ เพราะยังไงแล้วคุโรอิก็คงไม่หันมาตอบเธออย่างแน่นอน ...ยูนะที่ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องแบบนั้นโดย คุโรอิที่ไม่ยอมแม้แต่จะหันมาพูดกับเธอด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้ยูนะคิดว่าเธอคงจะเป็นตัวถ่วงของเขามากจริงๆ และตอนนี้เขาคงโกรธเธอมากแน่ๆ ยูนะได้แต่นั่งพึมพำอยู่ในห้องคนเดียว
กุกกัก!
!!!
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นตรงบริเวณหน้าห้องซึ่งเป็นทางเดิน ยูนะสะดุ้งโหยงกับเสียงในทันที ที่ได้ยินเสียงประหลาดนั้นก่อนที่จะเขยิบตัวเองเข้าไปหลบอยู่ที่มุมห้องพลางนึกกลัวอยู่ในใจ ‘พวก ยะ โยวไคเหรอ!?’ ด้วยความหวาดกลัว ทำให้ยูนะไม่กล้าแม้แต่จะตะโกนถามหรือปริปากพูดแม้แต่น้อย เสียงกุกกักดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนกระทั่งเสียงเปิดประตูของห้องดังขึ้น !!
ครืนน!!
เสียงบานประตูห้องเลื่อนเปิดออกอย่างรวดเร็วก่อนที่ใบหน้าหวานที่เข้ากับผมสีน้ำตาลอ่อนของใครบางคนจะปรากฏตัวขึ้น ทำให้ยูนะโล่งใจและหายกลัวเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นใบหน้านั้น
“ซาอิโร่!”
ชายหนุ่มร่างบางเล็กที่ดูสดใสอยู่ตลอดเวลา เขายิ้มขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้าหวานของยูนะที่ในตอนนี้หลบอยู่ตรงมุมห้องด้วยความกลัว ชายหนุ่มร่างบางเล็กปรี่ตัวเข้าหายูนะอย่างรวดเร็วราวกับเด็กๆเห็นของเล่นชิ้นใหม่ พร้อมกับคำพูดที่ดูเป็นห่วงยูนะ
“ท่านหญิงปลอดภัยดีใช่มั้ย...พี่ยอมให้ข้าตามมาดูว่าท่านหญิงกับพี่กลางปลอดภัยดีรึเปล่าน่ะ”
ยูนะที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นของซาอิโร่ก็รู้สึกโล่งใจและยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าตอบรับ ซาอิโร่ที่ในตอนนี้ก็ดูยิ้มแย้มเช่นกัน แต่เห็นจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ซาอิโร่นั่งลงข้างๆยูนะก่อนจะยื่นอะไรบางอย่างให้กับยูนะ
“อะนี่....ข้าคิดว่าท่านหญิงคงจะหิวน่าดู”
…
“ข้าวปั้นเหรอ!?...ซาอิโร่มีข้าวปั้นด้วยเหรอ?”
ยูนะยื่นมือเล็กไปรับข้าวปั้นที่ซาอิโร่ยื่นมาให้พร้อมกับคำถามและใบหน้าที่สงสัย
“ข้าชอบไปเที่ยวในเมืองบ่อยๆพอจะรู้ว่ามนุษย์ชอบทานอะไรมาบ้างล่ะนะ...ว่าแต่...สิ่งนี้เรียกว่าข้าวปั้นเหรอ?...ข้าอยู่มา 90 ปีก็เพิ่งมารู้จากท่านหญิงนี่แหละ เพราะปกติข้าก็ไม่เคยกินอะไรซะด้วยสิ”
คำพูดของซาอิโร่ทำให้ยูนะแปลกใจกว่าเดิมจนต้องเผลออุทานและตะโกนถามออกไป
“เอ๊ะ!?...ซาอิโร่อายุ 90 อย่างงั้นเหรอคะ...ล้อกันเล่นใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ”
“หืม?...ข้าเปล่าล้อเล่นซักหน่อย”
ซาอิโร่เอียงคอเพราะความสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้าและท่าทางที่ไม่ได้ล้อเล่นเลยซักนิดเดียว แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มราวกับเด็กไร้เดียงสาหลังจบประโยค
“แต่ว่าคุโรอิเพิ่ง 20 เองนะคะ แล้วซาอิโร่จะ 90 ได้ไงกัน”
“เห?...พี่กลางยังไม่ได้เล่าอะไรให้ท่านหญิงฟังเลยเหรอ?...แต่ก็คงจะไม่เล่าอยู่แล้วล่ะ...ถ้าเล่าสิแปลก”
…
“แม้กระทั่งจะพูดซักคำ...คุโรอิยังดูเหมือนไม่อยากจะพูดเลยค่ะ”
ยูนะพูดขึ้นอย่างแผ่วเบาพร้อมก้มหน้าราวกับว่ารู้สึกผิดหลายอย่างๆ เพราะเรื่องที่ผ่านๆมาอาจจะเป็นสาเหตุให้คุโรอิไม่ยอมคุยกับเธอหรือเธออาจจะน่ารำคาญสำหรับเขามาก ยูนะคิดแบบนั้นพลางก้มหน้ามองข้าวปั้นที่อยู่ในมืออย่างเหม่อลอย
...นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองข้างของซาอิโร่ที่จ้องมองยูนะด้วยสายตาที่เป็นห่วง พลางคิดในใจด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย ‘ขอโทษด้วยนะท่านหญิง ที่ข้าพูดอะไรกับท่านมากไม่ได้จริงๆ...ข้ายังไม่อยากโชคร้ายตอนนี้ซะด้วยสิ’
“...เอาเป็นว่าท่านหญิงทาน...เอ่อ...ข้าวปั้น...นั่นก่อนเถอะขอรับ...ข้าก็อยากลองทานดูเหมือนกัน”
เสียงทุ้มที่ดูสดใสของซาอิโร่พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบในตอนนั้นลง ยูนะเงยหน้ามองใบหน้าหวานของซาอิโร่ที่ตอนนี้ก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่เหมือนเคย ทั้งๆที่ซาอิโร่อายุตั้งเก้าสิบปีแล้ว แต่ใบหน้านั้นที่ยังดูเหมือนเด็กหนุ่มอายุยังน้อยและรอยยิ้มที่ดูร่าเริงเหมือนเด็กๆ ทำให้ ยูนะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาประหนึ่งว่าซาอิโร่เป็นน้องชายที่น่ารักของเธอคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
…
“อะนี่ค่ะ...ลองชิมดูสิ”
แขนบางเล็กยื่นไปพร้อมกับข้าวปั้นที่อยู่ในมือ ทำให้เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ายิ้มกว้างในทันที เขายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ข้าวปั้นในมือเล็ก ก่อนจะใช้ปากงับข้าวปั้นคำโตที่อยู่ในมือของยูนะด้วยความเอร็ดอร่อย ทั้งคู่นั่งกินข้าวปั้นด้วยกันอยู่ครู่หนึ่งโดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นวีเซิลสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องพร้อมกับปลาที่หามาได้ในมือ
...ใบหน้าของวีเซิลสีดำที่กำลังขมวดคิ้วพร้อมกับตาสีเหลืองเข้มเป็นประกายและตาอีกข้างที่ถูกผ้าปิดไว้กำลังจ้องมองไปที่ซาอิโร่ด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เจ้ามาที่นี่ทำไม!!?”
เสียงตะคอกนั้นทำให้ซาอิโร่และยูนะที่นั่งอยู่ในห้องหันหน้าไปตามเสียงทุ้มนั้นทันที ซาอิโร่ที่เห็นหน้าพี่ชายของตัวเองก็ต้องตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยิ้มให้พี่ชายและตอบไป
“ข้ามาไม่ได้รึไง?...ข้าก็เป็นห่วงท่านหญิงนะ!...แล้วนั่น...พี่บาดเจ็บเหรอ?”
ซาอิโร่ตอบพี่ชายด้วยคำพูดที่ดูยั่วโมโหอยู่เล็กน้อย แต่ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เผลอไปสังเกตเห็นผ้าสีขาวพันอยู่ที่แขนซ้ายของคุโรอิ จึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงพี่ชายที่ถึงแม้จะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆก็ตาม
…
“ช่างเถอะ!!”
คุโรอิที่อยู่ในร่างวีเซิลตอบน้องชายของเขาออกไปแบบห้วนๆหรือหงุดหงิดก็ไม่ทราบ เขายืนขมวดคิ้วพร้อมกับปลาที่หามาได้ในมือ โดยที่สีหน้าดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางที่ดูหงุดหงิดอย่าง(ที่น้องชายของเขา)เห็นได้ชัด ซาอิโร่ได้ยินคำตอบแบบนั้นของพี่ชายจึงไม่ถามหรือยั่วโมโหต่อ และหันมาพูดกับยูนะที่นั่งอยู่ข้างๆแทน หลังจากที่คุโรอิเดินออกจากห้องไป
“พี่กลางคงน้อยใจที่อุตส่าหาอาหารมาหะ...”
!!! ตุบ !!!
“โอ๊ย!!”
ซาอิโร่ที่พูด(นินทา)ยังไม่ทันจบประโยค จู่ๆปลาตัวใหญ่ที่คุโรอิหามาได้ก็ลอยมากระแทกเข้า ที่หัวของซาอิโร่อย่างจัง ทำให้คนที่โดนปลาลอยมากระแทกหัวต้องร้องออกมาเสียงดังเพราะความเจ็บถึงแม้จะไม่เจ็บมากเท่าไหร่ก็เถอะ ซาอิโร่ใช้มือกุมศีรษะที่โดนปลากระแทกของตัวเองพลางบ่นพึมพำอยู่ในลำคอเพราะไม่สามารถทำอะไรพี่ชายตัวเองได้“พี่กลางนะพี่กลาง”
...ส่วนยูนะที่นั่งอยู่ข้างๆก็พลอยตกใจไปด้วย แต่ก็อดหลุดขำออกมากับท่าทางของซาอิโร่ไม่ได้
*****
...ซาอิโร่ที่กลับไปหาชิโรมิพี่ชายคนโตแล้ว ทำให้ยูนะที่นั่งอยู่ในห้องนึกขึ้นได้ว่าต้องทำแผลให้กับคุโรอิ แต่คุโรอิที่หายไปตั้งแต่ตอนกลางวันเธอจึงต้องต้องเดินตามหาคุโรอิ
...
แสงตะเกียงเล็ดลอดออกมาจากห้องโถงของบ้าน เท้าเล็กค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้แสงตะเกียงนั้น เธอหยุดอยู่ตรงประตูเลื่อนที่แง้มอยู่ สายตานั้นสังเกตเห็นคุโรอิที่อยู่ในร่างวีเซิลสีดำกำลังก้มหน้าอ่านตำราบางอย่างอยู่ และเพราะคุโรอิที่นั่งอ่านตำรานั้นอย่างตั้งใจเธอจึงไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้มากนัก เพราะกลัวว่าอาจจะทำให้เขาโกรธอีกครั้ง ร่างเล็กยืนเกาะประตูแอบมอง วีเซิลสีดำที่กำลังตั้งใจอ่านตำราอย่างเงียบๆ ก่อนที่เสียงทุ้มจะพูดขึ้น
“เจ้าจะแอบอยู่ตรงนั้นไปถึงเมื่อไหร่กัน!?”
เสียงทุ้มตะโกนถามคนที่ยืนแอบมองเขาอยู่ตรงประตูได้ซักพัก ขณะที่เขากำลังก้มอ่านตำราอยู่ ทำให้ร่างเล็กสะดุ้งโหยงกับเสียงนั้นก่อนจะเลื่อนบานประตูและเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางประตูอย่างช้าๆ
“คือ...ชั้นจะมาทำแผลให้ใหม่น่ะค่ะ…”
“ไม่จำเป็นหรอก!!”
ยูนะหยุดชะงักไปกับคำตอบที่ดูเย็นชาและไม่มีเยื่อใยแบบนั้นของคุโรอิ แต่ถ้าเธอเดินหนีออกไปดื้อๆ เธอก็คงไม่มีวันจะได้คุยหรือรู้จักตัวตนของคุโรอิเสียที ทั้งๆที่ร่างเล็กของยะเริ่มเกร็งและรู้สึกกลัว แต่เธอก็พยายามที่จะสะกดกลั้นมันไว้ เธอค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปใกล้คุโรอิและนั่งลงข้างๆ พลางพูดขึ้น
“ถ้าปล่อยไว้แบบนั้น...แผลอาจจะอักเสบได้นะคะ”
คุโรอิเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ เขาจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากตัวเขามากนัก นัยน์ตา สีเหลืองเข้มจ้องมองดวงตากลมโตนั้น เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพยายามที่จะสะกดกั้นความกลัวของยูนะ ก่อนที่ร่างของวีเซลิสีดำจะเปลี่ยนร่างเป็นชายหนุ่มผมดำขลับที่ดูมีเสน่ห์ แขนเรียวยาวข้างที่ถูกผ้าพันแผลไว้ค่อยๆยื่นออกไปโดยที่ใบหน้านั้นไม่ได้หันไปมองร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
ยูนะที่กำลังกล้าๆกลัวๆจ้องมองแขนเรียวนั้นก่อนจะยื่นมือไปแกะผ้าพันแผลออกอย่างเบามือ แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะแผลนั้นเหลือเพียงแผลเล็กๆที่แทบจะกลายเป็นแผลเป็นเท่านั้น เธอจ้องมองแผลนั้นอยู่ครู่หนึ่งก็มีเสียงทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้น
“ข้าถึงบอกไง!...ว่าไม่จำเป็น!”
อึก!
สีหน้าของยูนะเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดที่ปนรำคาญนั้นของคุโรอิ เธอรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดแบบนั้นของคุโรอิขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้จะได้ยินอยู่บ่อยๆก็ตาม ใบหน้าที่ดูออกว่าเสียใจนั้นทำให้ยูนะลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินออกจากห้อง พลางคิดในใจ ‘นี่เราเป็นตัวถ่วงของเค้า...แถมยังช่วยอะไรไม่ได้อีก!’ เธอหันหลังเพื่อที่จะเดินออกจากห้องโถงนั้นไป แต่ทันใดนั้น!!
หมับ!!
ข้อมือบางเล็กถูกคว้าโดยมือเรียวใหญ่ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่อย่างรวดเร็ว แรงจากมือใหญ่ที่บีบข้อมือของเธอทำให้เธอตกใจจนต้องหันไปมองในทันที นัยน์ตาสีเหลืองเข้มเป็นประกายของ คุโรอิมองยูนะด้วยใบหน้านิ่งอยู่ชั่วครู่ ใบหน้าหวานเริ่มร้อนขึ้นเมื่อถูกสายตาที่ดูมีเสน่ห์นั้นจ้องมอง คุโรอิพลิกฝ่ามือเล็กนั้นก่อนที่มือเรียวใหญ่อีกข้างหนึ่งจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆและนำมาวางลงบนฝ่ามือเล็กของยูนะ
…
“หืม?...ข้าวปั้น?”
ยูนะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นสิ่งที่วางอยู่ในมือก่อนจะถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะจู่ๆคุโรอิก็วางข้าวปั้นลงบนมือของเธอโดยไม่มีสาเหต คุโรอินั่งหันหลังให้กับยูนะทันทีหลังจากที่วางข้าวปั้นลงบนมือพลางพูดขึ้น
“อือ!...เห็นเจ้ากินเมื่อตอนเช้า...คิดว่าเจ้าคงจะชอบสิ่งนี้มากกว่าปลา…อีกอย่าง!...ข้าจะเป็นคนหาอาหารให้เอง! อย่ากินของคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนั้นอีก!!...จะตายได้ง่ายๆ!!”
คุโรอิที่ตวาดใส่ยูนะเล็กน้อยในตอนท้ายประโยค แต่กระนั้นกลับแปลกที่ยูนะไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนอย่างทุกครั้งที่โดนคุโรอิตวาดใส่ เธอยืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าคนที่นั่งหันหลังอยู่จะไม่เห็นก็ตาม
“ขอบคุณนะคะสำหรับข้าวปั้น…แล้วก็...ขอบคุณที่เป็นห่วงด้วยค่ะ”
ยูนะที่พูดจบก็รีบเดินออกจากห้องไปพร้อมกับข้าวปั้นในมือด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวอย่าง น่าประหลาดใจ เพียงเพราะการทำแปลกๆของคุโรอิเท่านั้น...
***
คำพูดนั้นของคุโรอิเมื่อครู่ทำให้เธอหายกังวลเรื่องก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ และยิ่งเธอนึกถึงตอนที่คุโรอิเดินออกจากห้องไปในตอนเช้าเพื่อออกไปหาข้าวปั้นให้เธอแล้ว ภาพนั้นยิ่งทำหัวใจของเธอเต้นดังไม่เป็นจังหวะ รวมถึงเรื่องราวก่อนหน้านั้นก็เช่นกัน
...
“เค้าก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้นนี่นา...”
เสียงของยูนะพึมพำขึ้นในขณะที่นอนนึกถึงคำพูดและการกระทำต่างๆของคุโรอิขณะที่อยู่ในห้องของเธอ โดยที่เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมถึงเอาแต่คิดถึงเรื่องต่างๆนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่เคยรู้จักความรู้สึกอะไรแปลกๆแบบนี้มาก่อน จึงทำให้เธอเก็บมาคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้
...
ทางด้านคุโรอิที่นอนอยู่ในห้องของตัวเองเช่นกัน ร่างสูงนอนหงายอยู่บนพื้นห้องโดยที่นัยน์ตาสีเหลืองเข้มของเขาจ้องมองเพดานไม่กระพริบ แขนข้างหนึ่งของเขาวางก่ายหน้าผากของตัวเองเหมือนคนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะพึมพำออกมา
“ยังจะมาขอบคุณข้าอีก!...ทั้งๆที่ข้าเคยทำร้ายเจ้า!”
*****
ในป่าลึกแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยความมืดมนของสภาพแวดล้อมภายในป่าและเสียงอวดครวญของเหล่าภูตผีปีศาจ ความมืดมิดบดบังแสงสว่างภายในป่าจนหมดสิ้น ที่นี่ เป็นที่อยู่และที่สิงสถิตของปีศาจตนหนึ่งกับเหล่าลูกน้องอีกมากมาย เขาได้ชื่อว่าเป็นราชาปีศาจที่ปกคลุมพื้นที่แห่งนี้
“มากุระ งาเอชิ ตะ ตายแล้วขอรับ...ถะ ถูกฆ่าโดยฝีมือของคุโรอิขอรับนายท่าน”
เสียงที่ดูเกรงกลัวใครบางคนจนตัวสั่นของภูตผีปีศาจทาสรับใช้ที่ก้มลงคำนับปีศาจตนนั้นอย่างพร้อมเพรียงดังขึ้น และเมื่อพูดจบประโยคเสียงทุ้มต่ำที่ดูน่ากลัวและน่าเกรงขามดังก้องกังวานขึ้นด้วยความโมโหอย่างคุ้มคลั่งในทันที
“ตามหาเด็กสาวในตระกูลฮายะชิกับมันให้เจอ!!!...และรีบกำจัดมันซะ!!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ