KAMAITACHI ♥ คาไมทาจิ ความรักของภูติลม

10.0

เขียนโดย เมอิ

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.45 น.

  8 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) [KAMAITACHI 8 : อดีตเริ่มย้อนคืน]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

     เมื่อทั้งคู่มาถึงยังบ้านซึ่งเป็นที่หลบภัยในตอนนี้ของยูนะและผู้ปกป้องเธอ ‘คุโรอิ’   จากเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าทำให้ในห้องโถงของบ้านที่ขณะนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่   แต่กลับเงียบเชียบเพราะทั้งคุโรอิและยูนะได้แต่นั่งก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดแม้แต่คำเดียว   โดยเฉพาะยูนะที่ได้แต่นั่งก้มหน้า   เพราะไม่คิดว่าอยู่ๆก็ถูกคุโรอิกอดแบบนั้นทำให้เธอเกร็งจนตอนนี้ไม่กล้าที่จะพูดอะไร   ส่วนคุโรอิที่ได้แต่นั่งเงียบมาอยู่ซักพัก   คิ้วของเขาขมวดชนกันเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง   จนกระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น...

 

“เราต้องไปจากที่นี่แล้วล่ะ!!”

!!

“เอ๋!?   ทำไมจู่ๆ…”

ยูนะมีท่าทีที่สงสัยในทันทีกับคำพูดของคุโรอิ   เพราะจู่ๆก็ต้องไปจากที่นี่โดยที่เธอก็ยังไม่ทันตั้งตัวอีกเช่นเคย   จึงเผลออุทานออกไปเล็กน้อย

 

“ขืนอยู่ต่อไป  มันก็จะส่งลูกน้องมาเรื่อยๆ   ข้าไม่อยากเสี่ยง!!”

เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดูหงุดหงิดเล็กน้อยหลังจากที่นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ซักพักก่อนที่ภายในห้องโถงจะเงียบเชียบไปอีกครั้ง

...

คุโรอิที่นั่งเงียบไปอย่างนั้น   ทำให้ยูนะที่นั่งอยู่ข้างๆพลางคิดหาทางช่วย ‘ถ้ากลับไปบ้านคุณย่า  พี่มิโดริกับคุณย่าก็จะเดือดร้อนไปด้วย   เราจะหนีไปหลบที่ไหนดีนะ?...ที่ๆปลอดภัย...ที่ไหนกันนะ?”

 

!!!

 

“ชั้นนึกออกแล้วล่ะค่ะ!!...บ้านคุณพ่อคุณแม่ของชั้นอยู่ไกลจากที่นี่   ชั้นคิดว่าน่าจะปลอดภัย   อีกอย่าง   ที่นั่นมีคนเยอะถ้าชั้นถอดสร้อยนี้ออก   พวกปีศาจน่าจะตามตัวชั้นได้ยากนะคะ”

 

คำพูดของยูนะทำให้คุโรอิที่นั่งข้างๆหันหน้ามามองเธอครู่หนึ่ง   เขาก้มหน้าลงเหมือนกับว่าคิดอะไรบางอย่างอีกครั้ง   คำพูดของยูนะครั้งนี้ทำให้คุโรอิไม่ได้ตวาดเธอกลับเหมือนครั้งก่อนๆแต่เขากลับก้มหน้าเงียบและทำหน้าเหมือนครุ่นคิดกับคำพูดของเธอ...

...ใบหน้าหวานของยูนะดูมีความหวังขึ้นมาทันทีกับปฏิกิริยาแบบนั้นของคุโรอิ   เพราะถ้าเธอได้กลับไปที่บ้านของพ่อแม่   ก็เท่ากับว่าเธอจะได้กลับไปหา ‘ไอกะ’  เพื่อนคนเดียวของเธอด้วยเช่นกัน

“งั้นก็ได้!...ถ้ามันปลอดภัยอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ”

คุโรอิที่ทำให้ยูนะต้องร้องไห้เพราะเขา   จึงปฏิเสธไม่ลงและยอมลองทำตามที่เธอพูดดูซักครั้ง...คำตอบที่ตอบมาแบบนั้นของคุโรอิทำให้ใบหน้าของยูนะปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะลุกและวิ่งออกจากห้องโถงตรงไปยังห้องนอนของเธอเพื่อไปเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว   ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ได้แต่มองตามหลังยูนะพลางถอนใจออกมาเฮือกใหญ่…

 

****

 

หลังจากที่ยูนะบอกที่อยู่กับคุโรอิ   ลมหมุนพาทั้งสองมาถึงยังบ้านหลังหนึ่งที่ยูนะคุ้นตา   เป็นบ้านสองชั้นที่ไม่ใหญ่โตมากนัก   ดวงตากลมโตมองไปรอบบ้านก่อนจะเดินตรงไปหยุดที่กระถางดอกไม้ซึ่งวางอยู่ตรงทางเข้าก่อนจะถึงประตูบ้าน   มือเล็กเอื้อมเข้าไปในกระถางก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ยังอยู่จริงๆด้วย!”

ยูนะหยิบกุญแจที่อยู่ในกระถางดอกไม้ขึ้นมาดู   กุญแจที่อยู่ในมือเป็นกุญแจบ้านสำรองที่คุณพ่อของยูนะใส่ไว้ในกระถางดอกไม้เผื่อฉุกเฉิน   ซึ่งตอนขนของออกจากบ้านทุกคนดูรีบร้อนจนกระทั่งลืมไปว่าเคยซ่อนกุญแจสำรองไว้   และในที่สุดเธอก็ได้ใช้มันซักที!

 

...ยูนะยืนมองหน้าบ้านอยู่ครู่หนึ่ง   น้ำตาของเธอเริ่มคลอเบ้าเพราะบ้านหลังนี้ทำให้เธอคิดถึงพ่อกับแม่   มือถือที่พกมาก็ลืมไว้ที่บ้านคุณย่า   ถึงแม้ตอนนี้คุณย่าคงบอกพ่อกับแม่แล้วว่าเธอปลอดภัยดี   แต่ถึงกระนั้นพ่อกับแม่ของเธอจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้   เพราะถ้ารู้   พ่อกับแม่ของเธอต้องเป็นห่วงจนทำงานไม่ได้แน่ๆ

...

คุโรอิที่ตอนนี้อยู่ในร่างคาไมทาจิ(วีเซิล)สีดำที่ได้แต่ยืนกอดอกอยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้าที่ดูเบื่อหน่ายปนหงุดหงิดกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยนี้เท่าไหร่   จู่ๆเขาก็หายตัวไปโดยไม่ได้บอกอะไรกับ     ยูนะแม้แต่คำเดียว   ยูนะที่หันมามองอีกครั้งก็ไม่พบคุโรอิที่ยืนอยู่หน้าบ้านแล้ว  ดวงตากลมโตมองไปรอบๆบ้านเพื่อมองหาเขา   แต่ด้วยนิสัยของคุโรอิเธอจึงไม่ได้เอะใจอะไรมากเพียงแค่สงสัยเล็กน้อยและเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับเป้ที่สพายมา...

 

...

 

คุโรอิที่อยู่ในร่างคาไมทาจิ(วีเซิล)สีดำ   เขาออกสำรวจรอบเมืองที่ไม่คุ้นตานี้เท่าไหร่จนกระทั่งตกเย็น   ขณะที่กำลังเดินทางกลับ   สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแสงไฟสีส้มจางๆที่อยู่ท้ายซอยก่อนจะถึงบ้านของยูนะ   คุโรอิขมวดคิ้วด้วยความสงสัย  

เท้าเล็กของวีเซิลเดินเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงบ้านหลังหนึ่ง   ซึ่งดูคล้ายกับร้านขายอะไรบางอย่างซะมากกว่า   เขาเงยหน้าขึ้นเพื่ออ่านป้ายหน้าร้าน   ตัวอักษรเขียนว่า  ‘ร้านหนังสือโยวไค’   พลันเหลือบไปเห็นอักษรบางอย่างที่เขียนติดอยู่ตรงโคมไฟซึ่งเป็นที่มาของแสงสีส้มจางๆ พลางพูดในใจ  ‘นั่นมัน!...อักษรป้องกันโยวไค!!’

...นัยต์ตาสีเหลืองเข้มจ้องมองหน้าร้านแห่งนั้นด้วยใบหน้าที่ดูโมโห   ในขณะเดียวกันก็มีเสียงทุ้มแหบแห้งของชายคนหนึ่งดังก้องขึ้นในหัวของคุโรอิ

 

“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่จนได้สินะ!...เข้ามาสิ   ข้าคลายยันต์ให้แล้ว!”

 

คุโรอิที่ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเพื่อต้อนรับหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ   เสียงที่อนุญาตให้เขาเข้าไปข้างในได้   ทำให้ร่างของคุโรอิค่อยๆก้าวไปในร้านอย่างช้าๆด้วยความสงสัย   เขาหยุดนิ่งอยู่กลางร้าน   นัยต์ตาสีเหลืองเข้มจ้องมองไปยังตู้หนังสือเก่าๆทางซ้ายมือพร้อมกับพูดขึ้น

 

“องเมียวจิอย่างท่าน...ทำไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้กัน!!?”

เมื่อคำพูดของคุโรอิจบลง   เสียงหัวเราะของชายดังกล่าวก็ดังขึ้นพร้อมกับเอ่ยบางอย่างขึ้น

 

“เจ้านี่รับรู้ไวอย่างที่เจ้าทากายะพูดไว้เลย!”

เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างของชายแก่สวมชุดยูกาตะสีเทาเข้ม   เขาเดินวนรอบตัวของคุโรอิที่อยู่ในร่างของวีเซิลสีดำ   ซึ่งตาอีกข้างหนึ่งถูกปิดไว้พร้อมกับจ้องมองด้วยใบหน้าที่ดูพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง

 

“อืมม...เป็นร่างที่ดูสมบูรณ์เลยทีเดียวถึงอีกร่างจะดูน่ากลัวไปหน่อยก็เถอะ   แต่ก็คุ้มกับการที่เจ้า       ทากายะยอมแหกกฎล่ะนะ”

 

“ท่าน!!  รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ!!?”

ชายที่เหมือนจะรู้อะไรเกี่ยวกับคุโรอิ   ทำให้คุโรอิถามด้วยใบหน้าที่สงสัยแต่ภายในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดและออกจะไปทางโกรธเสียด้วยซ้ำเมื่อได้ยินชื่อนั้น   ก่อนที่ชายแก่จะพูดขึ้นต่อ

 

“ข้าเป็นเพื่อนของเจ้าทากายะมานานพอควร   ถึงเจ้าทากายะจะเป็นองเมียวจิที่เก่งที่สุด   แต่พอมีปัญหา   เจ้านั่นก็ชอบพึ่งข้าตลอดแหละนะ”

!!!

“แล้วตอนนี้องเมียวจิท่านนั้นไปอยู่ที่ไหนกัน!!?”

คุโรอิพูดขึ้นด้วยความโมโห  ภาพในอดีตค่อยๆหวนกลับคืนมา   เขายืนกำหมัดแน่นเพราะความโกรธโดยที่ยืนเงียบไม่พูดอะไรต่อ   แต่จู่ๆชายแก่ผู้นั้นก็พูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของคุโรอิ

 …

“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ   และแน่นอนว่ามันทำใจยาก   แต่การที่เจ้าปิดกั้นทุกอย่างมันไม่ได้ช่วยอะไร   เพราะงั้นจงลืมอดีตและใช้มันเพื่อปกป้องคนอื่นๆซะ    นี่เป็นคำพูดสุดท้ายของเจ้าทากายะมันน่ะ…เอ้านี่   ฝากให้เด็กคนนั้นด้วย”

ชายแก่พูดจบพลางยื่นกระดาษสีขาวที่พับครึ่งให้กับคุโรอิก่อนจะหายตัวไปในความมืดโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น   คำพูดนั้นของชายแก่ทำให้คุโรอิยืนนิ่งไปพักหนึ่ง   ภาพในอดีตสลับกับคำพูดขององเมียวจิท่านผู้นั้นทำให้คุโรอิรู้สึกอึดอัดภายในใจ   ภาพของหญิงสาวกับชายหนุ่มนอนจมกองเลือดและเป็นภาพที่ยูนะเคยฝันถึง   ภาพนั้นยังคงติดอยู่ภายในใจเขาจนกระทั่งตอนนี้...พลางตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“ใครมันจะไปลืมได้กัน!!!”

 

 

 

****

 

เช้าตรู่

 

ยูนะตื่นตอนเช้ามืด   เป็นการตื่นเช้าในรอบหลายเดือน   เธอดูรีบร้อนเปิดตู้เสื้อผ้า  สายตาของมองหาชุดนักเรียน...   จนกระทั่งแต่งตัวเสร็จ   ในขณะที่กำลังนั่งมัดผมอยู่หน้ากระจกก็มีเสียงทุ้มพูดขึ้น

 

“เจ้าจะออกไปไหน!!?”

ยูนะสะดุ้งกับเสียงพูดแกมหงุดหงิดแต่เช้าและเสียงนั้นก็ทำให้ยูนะรู้ทันทีว่าเป็นเสียงของคุโรอิ   เธอหันไปมองก่อนจะตอบคนที่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

“ชั้นจะไปเรียนค่ะ”

ยูนะยิ้มตอบคุโรอิราวกับว่ากำลังตื่นเต้นที่จะได้กลับไปเจอเพื่อนๆ   เพราะคุณพ่อต้องย้ายที่ทำงานกะทันหันแต่ก็ยังคิดที่จะย้ายกลับมายังบ้านเดิมจึงบอกกับทางโรงเรียนว่าขอลาหนึ่งเทอม   และทำให้ยูนะต้องหยุดเรียนไป   และวันนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้กลับไปเรียน   และก่อนจะเดินออกจากประตูบ้าน   เธอหันกลับมามองคุโรอิที่เหมือนจะเดินตามเธอมาและพูดขึ้น

 

“เอ่อ...ชั้นไปคนเดียวได้ค่ะ   เรียนเสร็จจะรีบกลับนะคะ”

ยูนะที่ไม่อยากเป็นภาระหรือสร้างความลำบากให้กับคุโรอิจึงพูดแบบนั้นออกไป   คุโรอิยืนจ้องด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดตอบอะไรไป   เขากระตุกยิ้มมุมปากพลางพูดขึ้นมาเบาๆ

 

“หึ!!....เก่งนักก็เอาตัวรอดเองละกัน!!”

 

 

 

 

ตกเย็นหลังเลิกเรียน   ยูนะและไอกะที่อยู่คุยกันจนค่ำเพราะความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน   ทั้งสองกล่าวลากันหน้าโรงเรียนก่อนจะแยกย้ายกันเพื่อกลับบ้าน

 

ตุบ  ตุบ  ตุบ …

 

เท้าเล็กเดินหยุดลงตรงทางเดินซึ่งเป็นทางกลับบ้านประจำของเธอ   เธอจ้องมองไปยังร่างของหญิงชราตรงหน้า   ซึ่งขณะนี้กำลังนั่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่กับพื้น   และด้วยความขี้สงสารเธอจึงเดินเข้าไปใกล้หญิงชราคนนั้นและถามด้วยความเป็นห่วง

“คุณยายเป็นอะไรรึเปล่าคะ?....ให้หนูช่วยพยุงมั้ย?”

หญิงชราที่นั่งก้มหน้าเงียบจู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา   ...เสียงหัวเราะชวนขนลุกทำให้ยูนะถึงกับตกใจเล็กน้อย  แต่เมื่อหญิงชราเงยหน้าขึ้น   ยูนะที่กำลังตกใจ   กลับกลายเป็นหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็น   ใบหน้าของหญิงชราคนนั้นดูบิดเบี้ยว   ลิ้นของเธอลากยาวลงมาเกือบถึงหัวเข่า

 

กรี๊ดด!!!

ยูนะกรีดร้องด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งหนีหญิงชราที่น่ากลัวคนนั้นซึ่งดูแล้วไม่น่าจะใช่มนุษย์เป็นแน่

 

 

ตุบ!!

ยูนะที่วิ่งออกมาจากตรงนั้นได้ระยะหนึ่ง   ขาของเธอเผลอไปสะดุดกับก้อนหินจนล้มลง   ทำให้หญิงชราที่วิ่งตามเธอมาอย่างรวดเร็วเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น   และด้วยความที่ยูนะไม่ได้สวมสร้อยเพราะกลัวว่าโยวไคที่ตามล้างแค้นจะหาเธอเจอ   จึงทำให้เธอไม่สามารถป้องกันตัวเองจากโยวไคอื่นๆได้เช่นกัน    เด็กสาวที่ล้มลงได้แต่หลับตาเพราะความหวาดกลัว

 

ฉับบ!!

ร่างของหญิงชราที่ดูน่ากลัวสลายเป็นละอองและหายไปในพริบตาหลังจากที่โดนเคียวอันคมกริบของคุโรอิฟันเพียงครั้งเดียว

 

“แค่โยวไคทั่วไปเจ้ายังจะไม่รอดเลย…เจ้ามันไม่เอาไหนเลยจริงๆ!!!”

ชายหนุ่มร่างสูงผมดำขลับตะคอกใส่เด็กสาวที่นั่งอยู่กับพื้นซึ่งกำลังความหวาดกลัวด้วยความโมโหเขายืนจ้องเธออย่างหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่แขนเรียวยาวทั้งสองข้างจะยกร่างเล็กนั้นขึ้นและพาไปยังบ้านเหมือนทุกครั้ง   

 

เมื่อมาถึงบ้าน   ...ด้วยความที่ยูนะรู้สึกผิดอีกครั้งเธอจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ประตูที่เปิดอยู่และพูดขึ้นในขณะที่คุโรอิกำลังนั่งอยู่ในห้องที่เธอเตรียมให้

 

“ขอโทษที่ทำให้ลำบากอีกครั้งนะคะ   จะระวังตัวให้มากกว่านี้ค่ะ”

 

คุโรอิที่อยู่ในร่างมนุษย์มองมาที่ยูนะด้วยใบหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์มากนักก่อนจะลุกขึ้นและเดินตรงมายังเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง   ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ายูนะก่อนจะย่อตัวลง   แขนที่แข็งแรงเอื้อมมาแตะที่ข้อเท้าของยูนะก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะลูบอย่างแผ่วเบาทำให้คนที่ยืนอยู่ถึงกับตกใจ !!

 

“ยานี้จะช่วยให้หายปวด!!”

คุโรอิเงยหน้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ   เด็กสาวที่กำลังจะอ้าปากพูดก็ไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อเพราะโดนคุโรอิไล่ออกจากห้องไปเสียก่อน   พลางก้มมองข้อเท้าของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด   ในขณะเดียวกันหัวใจกลับเต้นแรงอีกครั้งเมื่อนึกถึงความอ่อนโยนนั้นของคุโรอิ...

 

 

***

 

เช้าตรู่ของวันถัดมาเธอยังคงเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับคำพูดที่เดิม   ซึ่งก็เหมือนเดิมเช่นกันที่คุโรอิที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

 

...

 

หลังเลิกเรียน

 

ยูนะที่เดินแยกทางกับไอกะตรงประตูทางออกเหมือนกับทุกวัน   วันนี้เธอพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพราะกลัวว่าจะเจอเหตุการณ์เหมือนกับเมื่อวาน   ร่างเล็กที่รีบเดินจนมาถึงหน้าโรงเรียนก็ต้องแปลกใจกับภาพของนักเรียนหญิงที่พากันยืนมองชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่

 

“กรี๊ดด  คอสเพลย์เหรอ  หล่อจัง!!”

 

ยูนะที่สงสัยจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้   !!  ตาของเธอเบิกโตทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้นที่คุ้นตาในชุดฮากามะสีกรมพร้อมกับใบหน้าที่ดูออกว่าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด   เท้าเล็กรีบวิ่งไปหาเขาในทันที   พลางดึงชายแขนเสื้อของเขาให้ออกจากตรงนั้นโดยเร็วจนกระทั่งมาหยุดอยู่ในซอยก่อนจะถึงบ้าน

 

“ทำไมถึงตามมาที่โรงเรียนล่ะคะ!?...แถมยังอยู่ในร่างมนุษย์อีกต่างหาก!!”

“อยู่ในร่างมนุษย์เพื่อเตรียมสู้ได้ทุกเมื่อไงเล่า!!”

“แล้วทำไมไม่ใส่ชุดธรรมดาล่ะคะ!!   แบบนี้คนก็มองกันแย่สิคะ!”

“แปลกตรงไหนกัน!!”

 “แปลกสิคะ!”

!!

“กลับกันเถอะน่า!!”

คุโรอิที่ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับยูนะจึงพูดตัดบทไปและเดินนำหน้ายูนะไปด้วยท่าทางที่ดูหงุดหงิดปนรำคาญเล็กน้อย   พลางก้มมองกระดาษบางอย่างที่อยู่ในมือ

 

 

‘ไว้ก่อนละกัน’

 

 

 

 

 

 

 

 

องเมียวโด หรือในประเทศไทยนิยมเรียกว่า องเมียว คือ รูปแบบวิชาเวทมนตร์โบราณแขนงหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีรากฐานมาจากโหราศาสตร์และลัทธิเต๋าในประเทศจีน

องเมียวจิ (Onmyoji)  นักพรตผู้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามวิถีแห่งองเมียว  อยู่ในชุดแขนเสื้อยาว สวมหมวกทรงสูง  นักพรตองเมียวที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดได้แก่  อาเบโนะ เซย์เมย์

อาเบโนะ เซย์เมย์ (Abeno Seimei) นักพรตองเมียวที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยเฮอัน มีชีวิตในช่วงปี 921 - 1005 ตำนานเล่าว่ามารดาของท่านคือสุนัขจิ้งจอก (ชาวญี่ปุ่นถือว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่มีเวทมนตร์) แรกเริ่มท่านศึกษาโหราศาสตร์จากอาจารย์คาโมโนะ ทาดะยุกิ (Kamono Tadayuki) ต่อมาจึงขึ้นรับตำแหน่งผู้นำของ    องเมียวซึ่งขึ้นตรงต่อราชสำนัก   ท่านสร้างชื่อเสียงจากการใช้วิชาองเมียวในการทำนายภัยพิบัติทางธรรมชาติ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา