KAMAITACHI ♥ คาไมทาจิ ความรักของภูติลม
เขียนโดย เมอิ
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.45 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) [KAMAITACHI 8 : อดีตเริ่มย้อนคืน]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เมื่อทั้งคู่มาถึงยังบ้านซึ่งเป็นที่หลบภัยในตอนนี้ของยูนะและผู้ปกป้องเธอ ‘คุโรอิ’ จากเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าทำให้ในห้องโถงของบ้านที่ขณะนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ แต่กลับเงียบเชียบเพราะทั้งคุโรอิและยูนะได้แต่นั่งก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดแม้แต่คำเดียว โดยเฉพาะยูนะที่ได้แต่นั่งก้มหน้า เพราะไม่คิดว่าอยู่ๆก็ถูกคุโรอิกอดแบบนั้นทำให้เธอเกร็งจนตอนนี้ไม่กล้าที่จะพูดอะไร ส่วนคุโรอิที่ได้แต่นั่งเงียบมาอยู่ซักพัก คิ้วของเขาขมวดชนกันเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง จนกระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น...
“เราต้องไปจากที่นี่แล้วล่ะ!!”
!!
“เอ๋!? ทำไมจู่ๆ…”
ยูนะมีท่าทีที่สงสัยในทันทีกับคำพูดของคุโรอิ เพราะจู่ๆก็ต้องไปจากที่นี่โดยที่เธอก็ยังไม่ทันตั้งตัวอีกเช่นเคย จึงเผลออุทานออกไปเล็กน้อย
“ขืนอยู่ต่อไป มันก็จะส่งลูกน้องมาเรื่อยๆ ข้าไม่อยากเสี่ยง!!”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดูหงุดหงิดเล็กน้อยหลังจากที่นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ซักพักก่อนที่ภายในห้องโถงจะเงียบเชียบไปอีกครั้ง
...
คุโรอิที่นั่งเงียบไปอย่างนั้น ทำให้ยูนะที่นั่งอยู่ข้างๆพลางคิดหาทางช่วย ‘ถ้ากลับไปบ้านคุณย่า พี่มิโดริกับคุณย่าก็จะเดือดร้อนไปด้วย เราจะหนีไปหลบที่ไหนดีนะ?...ที่ๆปลอดภัย...ที่ไหนกันนะ?”
!!!
“ชั้นนึกออกแล้วล่ะค่ะ!!...บ้านคุณพ่อคุณแม่ของชั้นอยู่ไกลจากที่นี่ ชั้นคิดว่าน่าจะปลอดภัย อีกอย่าง ที่นั่นมีคนเยอะถ้าชั้นถอดสร้อยนี้ออก พวกปีศาจน่าจะตามตัวชั้นได้ยากนะคะ”
คำพูดของยูนะทำให้คุโรอิที่นั่งข้างๆหันหน้ามามองเธอครู่หนึ่ง เขาก้มหน้าลงเหมือนกับว่าคิดอะไรบางอย่างอีกครั้ง คำพูดของยูนะครั้งนี้ทำให้คุโรอิไม่ได้ตวาดเธอกลับเหมือนครั้งก่อนๆแต่เขากลับก้มหน้าเงียบและทำหน้าเหมือนครุ่นคิดกับคำพูดของเธอ...
...ใบหน้าหวานของยูนะดูมีความหวังขึ้นมาทันทีกับปฏิกิริยาแบบนั้นของคุโรอิ เพราะถ้าเธอได้กลับไปที่บ้านของพ่อแม่ ก็เท่ากับว่าเธอจะได้กลับไปหา ‘ไอกะ’ เพื่อนคนเดียวของเธอด้วยเช่นกัน
…
“งั้นก็ได้!...ถ้ามันปลอดภัยอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ”
คุโรอิที่ทำให้ยูนะต้องร้องไห้เพราะเขา จึงปฏิเสธไม่ลงและยอมลองทำตามที่เธอพูดดูซักครั้ง...คำตอบที่ตอบมาแบบนั้นของคุโรอิทำให้ใบหน้าของยูนะปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะลุกและวิ่งออกจากห้องโถงตรงไปยังห้องนอนของเธอเพื่อไปเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ได้แต่มองตามหลังยูนะพลางถอนใจออกมาเฮือกใหญ่…
****
หลังจากที่ยูนะบอกที่อยู่กับคุโรอิ ลมหมุนพาทั้งสองมาถึงยังบ้านหลังหนึ่งที่ยูนะคุ้นตา เป็นบ้านสองชั้นที่ไม่ใหญ่โตมากนัก ดวงตากลมโตมองไปรอบบ้านก่อนจะเดินตรงไปหยุดที่กระถางดอกไม้ซึ่งวางอยู่ตรงทางเข้าก่อนจะถึงประตูบ้าน มือเล็กเอื้อมเข้าไปในกระถางก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ยังอยู่จริงๆด้วย!”
ยูนะหยิบกุญแจที่อยู่ในกระถางดอกไม้ขึ้นมาดู กุญแจที่อยู่ในมือเป็นกุญแจบ้านสำรองที่คุณพ่อของยูนะใส่ไว้ในกระถางดอกไม้เผื่อฉุกเฉิน ซึ่งตอนขนของออกจากบ้านทุกคนดูรีบร้อนจนกระทั่งลืมไปว่าเคยซ่อนกุญแจสำรองไว้ และในที่สุดเธอก็ได้ใช้มันซักที!
...ยูนะยืนมองหน้าบ้านอยู่ครู่หนึ่ง น้ำตาของเธอเริ่มคลอเบ้าเพราะบ้านหลังนี้ทำให้เธอคิดถึงพ่อกับแม่ มือถือที่พกมาก็ลืมไว้ที่บ้านคุณย่า ถึงแม้ตอนนี้คุณย่าคงบอกพ่อกับแม่แล้วว่าเธอปลอดภัยดี แต่ถึงกระนั้นพ่อกับแม่ของเธอจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะถ้ารู้ พ่อกับแม่ของเธอต้องเป็นห่วงจนทำงานไม่ได้แน่ๆ
...
คุโรอิที่ตอนนี้อยู่ในร่างคาไมทาจิ(วีเซิล)สีดำที่ได้แต่ยืนกอดอกอยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้าที่ดูเบื่อหน่ายปนหงุดหงิดกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยนี้เท่าไหร่ จู่ๆเขาก็หายตัวไปโดยไม่ได้บอกอะไรกับ ยูนะแม้แต่คำเดียว ยูนะที่หันมามองอีกครั้งก็ไม่พบคุโรอิที่ยืนอยู่หน้าบ้านแล้ว ดวงตากลมโตมองไปรอบๆบ้านเพื่อมองหาเขา แต่ด้วยนิสัยของคุโรอิเธอจึงไม่ได้เอะใจอะไรมากเพียงแค่สงสัยเล็กน้อยและเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับเป้ที่สพายมา...
...
คุโรอิที่อยู่ในร่างคาไมทาจิ(วีเซิล)สีดำ เขาออกสำรวจรอบเมืองที่ไม่คุ้นตานี้เท่าไหร่จนกระทั่งตกเย็น ขณะที่กำลังเดินทางกลับ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแสงไฟสีส้มจางๆที่อยู่ท้ายซอยก่อนจะถึงบ้านของยูนะ คุโรอิขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
เท้าเล็กของวีเซิลเดินเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งดูคล้ายกับร้านขายอะไรบางอย่างซะมากกว่า เขาเงยหน้าขึ้นเพื่ออ่านป้ายหน้าร้าน ตัวอักษรเขียนว่า ‘ร้านหนังสือโยวไค’ พลันเหลือบไปเห็นอักษรบางอย่างที่เขียนติดอยู่ตรงโคมไฟซึ่งเป็นที่มาของแสงสีส้มจางๆ พลางพูดในใจ ‘นั่นมัน!...อักษรป้องกันโยวไค!!’
...นัยต์ตาสีเหลืองเข้มจ้องมองหน้าร้านแห่งนั้นด้วยใบหน้าที่ดูโมโห ในขณะเดียวกันก็มีเสียงทุ้มแหบแห้งของชายคนหนึ่งดังก้องขึ้นในหัวของคุโรอิ
“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่จนได้สินะ!...เข้ามาสิ ข้าคลายยันต์ให้แล้ว!”
คุโรอิที่ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเพื่อต้อนรับหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เสียงที่อนุญาตให้เขาเข้าไปข้างในได้ ทำให้ร่างของคุโรอิค่อยๆก้าวไปในร้านอย่างช้าๆด้วยความสงสัย เขาหยุดนิ่งอยู่กลางร้าน นัยต์ตาสีเหลืองเข้มจ้องมองไปยังตู้หนังสือเก่าๆทางซ้ายมือพร้อมกับพูดขึ้น
“องเมียวจิอย่างท่าน...ทำไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้กัน!!?”
เมื่อคำพูดของคุโรอิจบลง เสียงหัวเราะของชายดังกล่าวก็ดังขึ้นพร้อมกับเอ่ยบางอย่างขึ้น
“เจ้านี่รับรู้ไวอย่างที่เจ้าทากายะพูดไว้เลย!”
เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างของชายแก่สวมชุดยูกาตะสีเทาเข้ม เขาเดินวนรอบตัวของคุโรอิที่อยู่ในร่างของวีเซิลสีดำ ซึ่งตาอีกข้างหนึ่งถูกปิดไว้พร้อมกับจ้องมองด้วยใบหน้าที่ดูพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
“อืมม...เป็นร่างที่ดูสมบูรณ์เลยทีเดียวถึงอีกร่างจะดูน่ากลัวไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็คุ้มกับการที่เจ้า ทากายะยอมแหกกฎล่ะนะ”
“ท่าน!! รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ!!?”
ชายที่เหมือนจะรู้อะไรเกี่ยวกับคุโรอิ ทำให้คุโรอิถามด้วยใบหน้าที่สงสัยแต่ภายในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดและออกจะไปทางโกรธเสียด้วยซ้ำเมื่อได้ยินชื่อนั้น ก่อนที่ชายแก่จะพูดขึ้นต่อ
“ข้าเป็นเพื่อนของเจ้าทากายะมานานพอควร ถึงเจ้าทากายะจะเป็นองเมียวจิที่เก่งที่สุด แต่พอมีปัญหา เจ้านั่นก็ชอบพึ่งข้าตลอดแหละนะ”
!!!
“แล้วตอนนี้องเมียวจิท่านนั้นไปอยู่ที่ไหนกัน!!?”
คุโรอิพูดขึ้นด้วยความโมโห ภาพในอดีตค่อยๆหวนกลับคืนมา เขายืนกำหมัดแน่นเพราะความโกรธโดยที่ยืนเงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่จู่ๆชายแก่ผู้นั้นก็พูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของคุโรอิ
…
“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ และแน่นอนว่ามันทำใจยาก แต่การที่เจ้าปิดกั้นทุกอย่างมันไม่ได้ช่วยอะไร เพราะงั้นจงลืมอดีตและใช้มันเพื่อปกป้องคนอื่นๆซะ นี่เป็นคำพูดสุดท้ายของเจ้าทากายะมันน่ะ…เอ้านี่ ฝากให้เด็กคนนั้นด้วย”
ชายแก่พูดจบพลางยื่นกระดาษสีขาวที่พับครึ่งให้กับคุโรอิก่อนจะหายตัวไปในความมืดโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น คำพูดนั้นของชายแก่ทำให้คุโรอิยืนนิ่งไปพักหนึ่ง ภาพในอดีตสลับกับคำพูดขององเมียวจิท่านผู้นั้นทำให้คุโรอิรู้สึกอึดอัดภายในใจ ภาพของหญิงสาวกับชายหนุ่มนอนจมกองเลือดและเป็นภาพที่ยูนะเคยฝันถึง ภาพนั้นยังคงติดอยู่ภายในใจเขาจนกระทั่งตอนนี้...พลางตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ใครมันจะไปลืมได้กัน!!!”
****
เช้าตรู่
ยูนะตื่นตอนเช้ามืด เป็นการตื่นเช้าในรอบหลายเดือน เธอดูรีบร้อนเปิดตู้เสื้อผ้า สายตาของมองหาชุดนักเรียน... จนกระทั่งแต่งตัวเสร็จ ในขณะที่กำลังนั่งมัดผมอยู่หน้ากระจกก็มีเสียงทุ้มพูดขึ้น
“เจ้าจะออกไปไหน!!?”
ยูนะสะดุ้งกับเสียงพูดแกมหงุดหงิดแต่เช้าและเสียงนั้นก็ทำให้ยูนะรู้ทันทีว่าเป็นเสียงของคุโรอิ เธอหันไปมองก่อนจะตอบคนที่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ชั้นจะไปเรียนค่ะ”
ยูนะยิ้มตอบคุโรอิราวกับว่ากำลังตื่นเต้นที่จะได้กลับไปเจอเพื่อนๆ เพราะคุณพ่อต้องย้ายที่ทำงานกะทันหันแต่ก็ยังคิดที่จะย้ายกลับมายังบ้านเดิมจึงบอกกับทางโรงเรียนว่าขอลาหนึ่งเทอม และทำให้ยูนะต้องหยุดเรียนไป และวันนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้กลับไปเรียน และก่อนจะเดินออกจากประตูบ้าน เธอหันกลับมามองคุโรอิที่เหมือนจะเดินตามเธอมาและพูดขึ้น
“เอ่อ...ชั้นไปคนเดียวได้ค่ะ เรียนเสร็จจะรีบกลับนะคะ”
ยูนะที่ไม่อยากเป็นภาระหรือสร้างความลำบากให้กับคุโรอิจึงพูดแบบนั้นออกไป คุโรอิยืนจ้องด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดตอบอะไรไป เขากระตุกยิ้มมุมปากพลางพูดขึ้นมาเบาๆ
“หึ!!....เก่งนักก็เอาตัวรอดเองละกัน!!”
…
ตกเย็นหลังเลิกเรียน ยูนะและไอกะที่อยู่คุยกันจนค่ำเพราะความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน ทั้งสองกล่าวลากันหน้าโรงเรียนก่อนจะแยกย้ายกันเพื่อกลับบ้าน
ตุบ ตุบ ตุบ …
เท้าเล็กเดินหยุดลงตรงทางเดินซึ่งเป็นทางกลับบ้านประจำของเธอ เธอจ้องมองไปยังร่างของหญิงชราตรงหน้า ซึ่งขณะนี้กำลังนั่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่กับพื้น และด้วยความขี้สงสารเธอจึงเดินเข้าไปใกล้หญิงชราคนนั้นและถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณยายเป็นอะไรรึเปล่าคะ?....ให้หนูช่วยพยุงมั้ย?”
หญิงชราที่นั่งก้มหน้าเงียบจู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา ...เสียงหัวเราะชวนขนลุกทำให้ยูนะถึงกับตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อหญิงชราเงยหน้าขึ้น ยูนะที่กำลังตกใจ กลับกลายเป็นหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็น ใบหน้าของหญิงชราคนนั้นดูบิดเบี้ยว ลิ้นของเธอลากยาวลงมาเกือบถึงหัวเข่า
กรี๊ดด!!!
ยูนะกรีดร้องด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งหนีหญิงชราที่น่ากลัวคนนั้นซึ่งดูแล้วไม่น่าจะใช่มนุษย์เป็นแน่
ตุบ!!
ยูนะที่วิ่งออกมาจากตรงนั้นได้ระยะหนึ่ง ขาของเธอเผลอไปสะดุดกับก้อนหินจนล้มลง ทำให้หญิงชราที่วิ่งตามเธอมาอย่างรวดเร็วเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น และด้วยความที่ยูนะไม่ได้สวมสร้อยเพราะกลัวว่าโยวไคที่ตามล้างแค้นจะหาเธอเจอ จึงทำให้เธอไม่สามารถป้องกันตัวเองจากโยวไคอื่นๆได้เช่นกัน เด็กสาวที่ล้มลงได้แต่หลับตาเพราะความหวาดกลัว
ฉับบ!!
ร่างของหญิงชราที่ดูน่ากลัวสลายเป็นละอองและหายไปในพริบตาหลังจากที่โดนเคียวอันคมกริบของคุโรอิฟันเพียงครั้งเดียว
“แค่โยวไคทั่วไปเจ้ายังจะไม่รอดเลย…เจ้ามันไม่เอาไหนเลยจริงๆ!!!”
ชายหนุ่มร่างสูงผมดำขลับตะคอกใส่เด็กสาวที่นั่งอยู่กับพื้นซึ่งกำลังความหวาดกลัวด้วยความโมโหเขายืนจ้องเธออย่างหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่แขนเรียวยาวทั้งสองข้างจะยกร่างเล็กนั้นขึ้นและพาไปยังบ้านเหมือนทุกครั้ง
เมื่อมาถึงบ้าน ...ด้วยความที่ยูนะรู้สึกผิดอีกครั้งเธอจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ประตูที่เปิดอยู่และพูดขึ้นในขณะที่คุโรอิกำลังนั่งอยู่ในห้องที่เธอเตรียมให้
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากอีกครั้งนะคะ จะระวังตัวให้มากกว่านี้ค่ะ”
คุโรอิที่อยู่ในร่างมนุษย์มองมาที่ยูนะด้วยใบหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์มากนักก่อนจะลุกขึ้นและเดินตรงมายังเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ายูนะก่อนจะย่อตัวลง แขนที่แข็งแรงเอื้อมมาแตะที่ข้อเท้าของยูนะก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะลูบอย่างแผ่วเบาทำให้คนที่ยืนอยู่ถึงกับตกใจ !!
“ยานี้จะช่วยให้หายปวด!!”
คุโรอิเงยหน้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เด็กสาวที่กำลังจะอ้าปากพูดก็ไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อเพราะโดนคุโรอิไล่ออกจากห้องไปเสียก่อน พลางก้มมองข้อเท้าของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด ในขณะเดียวกันหัวใจกลับเต้นแรงอีกครั้งเมื่อนึกถึงความอ่อนโยนนั้นของคุโรอิ...
***
เช้าตรู่ของวันถัดมาเธอยังคงเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับคำพูดที่เดิม ซึ่งก็เหมือนเดิมเช่นกันที่คุโรอิที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
...
หลังเลิกเรียน
ยูนะที่เดินแยกทางกับไอกะตรงประตูทางออกเหมือนกับทุกวัน วันนี้เธอพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพราะกลัวว่าจะเจอเหตุการณ์เหมือนกับเมื่อวาน ร่างเล็กที่รีบเดินจนมาถึงหน้าโรงเรียนก็ต้องแปลกใจกับภาพของนักเรียนหญิงที่พากันยืนมองชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่
“กรี๊ดด คอสเพลย์เหรอ หล่อจัง!!”
ยูนะที่สงสัยจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ !! ตาของเธอเบิกโตทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้นที่คุ้นตาในชุดฮากามะสีกรมพร้อมกับใบหน้าที่ดูออกว่าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เท้าเล็กรีบวิ่งไปหาเขาในทันที พลางดึงชายแขนเสื้อของเขาให้ออกจากตรงนั้นโดยเร็วจนกระทั่งมาหยุดอยู่ในซอยก่อนจะถึงบ้าน
“ทำไมถึงตามมาที่โรงเรียนล่ะคะ!?...แถมยังอยู่ในร่างมนุษย์อีกต่างหาก!!”
“อยู่ในร่างมนุษย์เพื่อเตรียมสู้ได้ทุกเมื่อไงเล่า!!”
“แล้วทำไมไม่ใส่ชุดธรรมดาล่ะคะ!! แบบนี้คนก็มองกันแย่สิคะ!”
“แปลกตรงไหนกัน!!”
“แปลกสิคะ!”
!!
“กลับกันเถอะน่า!!”
คุโรอิที่ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับยูนะจึงพูดตัดบทไปและเดินนำหน้ายูนะไปด้วยท่าทางที่ดูหงุดหงิดปนรำคาญเล็กน้อย พลางก้มมองกระดาษบางอย่างที่อยู่ในมือ
‘ไว้ก่อนละกัน’
องเมียวโด หรือในประเทศไทยนิยมเรียกว่า องเมียว คือ รูปแบบวิชาเวทมนตร์โบราณแขนงหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีรากฐานมาจากโหราศาสตร์และลัทธิเต๋าในประเทศจีน
องเมียวจิ (Onmyoji) นักพรตผู้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามวิถีแห่งองเมียว อยู่ในชุดแขนเสื้อยาว สวมหมวกทรงสูง นักพรตองเมียวที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดได้แก่ อาเบโนะ เซย์เมย์
อาเบโนะ เซย์เมย์ (Abeno Seimei) นักพรตองเมียวที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยเฮอัน มีชีวิตในช่วงปี 921 - 1005 ตำนานเล่าว่ามารดาของท่านคือสุนัขจิ้งจอก (ชาวญี่ปุ่นถือว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่มีเวทมนตร์) แรกเริ่มท่านศึกษาโหราศาสตร์จากอาจารย์คาโมโนะ ทาดะยุกิ (Kamono Tadayuki) ต่อมาจึงขึ้นรับตำแหน่งผู้นำของ องเมียวซึ่งขึ้นตรงต่อราชสำนัก ท่านสร้างชื่อเสียงจากการใช้วิชาองเมียวในการทำนายภัยพิบัติทางธรรมชาติ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ