KAMAITACHI ♥ คาไมทาจิ ความรักของภูติลม
10.0
เขียนโดย เมอิ
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.45 น.
8 ตอน
1 วิจารณ์
12.33K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) [KAMAITACHI 5 : การต่อสู้ในความฝัน]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฟึบบ...
….
ตุบ ตุบ ตุบ !
เสียงของลมหมุนหยุดลงกลางป่าแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปจากที่เดิม เป็นเวลานานพอควรที่ยูนะอยู่ในอ้อมแขนเรียวที่ดูแข็งแรงของชายหนุ่มร่างสูง โดยที่เธอหลับตาสนิทมาตลอดทาง จนกระทั่งลมหมุนหยุดลง เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นทำให้ยูนะที่โดนอุ้มอยู่ต้องลืมตาขึ้น ยูนะลืมตามองไปรอบๆด้านด้วยความสงสัย เพราะที่แห่งนี้ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ในป่าดูเงียบเชียบและมืดทึบ มีเพียงแสงของดวงอาทิตย์เล็ดลอดผ่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย บรรยากาศช่างแตกต่างจากป่าที่เธอจากมา
เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแขนเรียวที่กำลังอุ้มร่างของเธอซึ่งขณะนั้นเธอกำลังใช้แขนคล้องคอของเขาอยู่ เมื่อยูนะเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของคุโรอิในร่างของมนุษย์ที่อยู่ใกล้ใบหน้าของเธอเพียงเล็กน้อย ทำให้ยูนะใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุแก้มของเธอร้อนผ่าวทันทีที่รู้ตัว ...ยูนะที่เผลอใจเต้นแรงพยายามบอกให้คุโรอิปล่อยให้เธอลงเดินเอง
“เอ่อ...เธอช่วยปล่อยชั้นลงเดินเองเถอะค่ะ...ตรงนี้ชั้นเดินได้แล้วล่ะ”
คุโรอิเหลือบมองยูนะที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยหางตาราวกับว่ากำลังขุ่นเคืองเธออยู่ ก่อนจะยิ้มมุมปากและพูดขึ้นแกมดูถูกยูนะ
“หึ!...มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้า...อยู่ห่างตัวข้าแม้แต่นิดเดียว...คงไม่รอดจากป่าต้องคำสาปแห่งนี้หรอก!!”
ยูนะมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกทันทีที่ได้ยินคำว่าป่าต้องคำสาป แต่ใบหน้าของคุโรอิที่ดูเฉยชา ออกจะไปทางโมโหตลอดเวลาซะด้วยซ้ำ ทำให้ยูนะไม่กล้าที่จะพูดหรือถามอะไรไปมากกว่านี้ เธอยอมให้คุโรอิอุ้มเธอต่อไปแต่โดยดี
...จนกระทั่งคุโรอิเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ดูโทรมเอามากๆ ยูนะมีสีหน้าที่แปลกใจทันทีที่เห็น เพราะในป่าที่ดูน่ากลัวแห่งนี้ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์ป่าด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบ้านคนอยู่ที่นี่ได้ ยูนะได้แต่มองจนกระทั่งคุโรอิอุ้มเธอเดินเข้าไปในตัวบ้านและวางร่างเล็กลงบนพื้นบ้านที่ทำจากไม้เก่าๆ
“อยู่ในนี้เจ้าจะปลอดภัย...และก็คงต้องอยู่ที่นี่ไปซักพัก!”
คุโรอิวางร่างของยูนะลงและพูดขึ้นก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างใกล้ๆ เขาหยุดเดินและมองออกไปข้างนอกหน้าต่างอยู่ซักพัก ยูนะที่นั่งอยู่สังเกตเห็นใบหน้าของคุโรอิตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านหลังนี้ ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวด ทรมาน อย่างบอกไม่ถูก ทำให้เธอพลอยหดหู่และนึกโทษตัวเองที่เป็นภาระของเขา
...ยูนะนั่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่ามีสร้อยประจำตระกูลอยู่ และเผื่อว่าสร้อยเส้นนี้จะช่วยลดภาระของเธอได้ เธอจึงรีบตะโกนบอกคุโรอิที่ยืนมองออกไปข้างนอกหน้าต่างทันที
“นี่เธอ!...ชั้นมีสร้อยประจำตระกูลที่ปกป้องชั้นจากพวกโยวไคได้...เพราะงั้น...เธอไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกนะคะ”
“ก็เพราะสร้อยเส้นนี้ไง!!!...ข้ากับเจ้าถึงต้องมาอยู่ที่นี่!!!”
คุโรอิที่หงุดหงิดเพราะความไม่เอาไหนและความไม่รู้อะไรเลยของยูนะทำให้เขาต้องตะคอกใส่ ยูนะที่กำลังนั่งอยู่อย่างหัวเสีย
“เอ๋!?...มะ หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
….
คุโรอิถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาดูโมโหพอสมควร แต่ก็พยายามเก็บอาการโมโหของเขาไว้เพราะจากสีหน้าของยูนะที่ดูกลัวเขาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คุโรอิยอมเก็บอาการและพูดกับเธอออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
“มันปกป้องเจ้าจากพวกโยวไคได้ก็จริง...แต่ไม่ใช่กับทุกตน!...และเพราะสร้อยเส้นนี้ไง!! มันถึงรู้ว่าเจ้าเป็นใครและมันจะตามเจ้าจนกว่าเจ้าจะตาย...คราวนี้เข้าใจรึยัง!!?
... และนั่น! ห้องของเจ้า!”
คุโรอิพูดจบพลางหันไปมองห้องที่อยู่ทางด้านขวาทำให้คนที่นั่งอยู่รู้ทันทีว่าเธอควรจะต้องนอนที่ไหน ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะเดินตรงไปยังห้องที่อยู่สุดทางเดินโดยที่ไม่หันกลับมามองยูนะแม้แต่น้อย
เมื่อเดินเข้ามาถึงในห้อง ยูนะค่อยๆล้มตัวลงนอนลงบนฟูกเก่าๆในห้องที่ดูไม่กว้างมากนัก เธอรู้สึกเกิดคำถามขึ้นมามากมายอยู่ในหัว แต่ไม่สามารถที่จะถามใครได้ แม้กระทั่ง คุโรอิที่มีหน้าที่ต้องปกป้องเธอ ส่วนเธอก็ต้องปกป้องสร้อยประจำตระกูลขององเมียวจิที่เก่งกาจที่สุดในยุคก่อน แต่คุโรอิกับเธอเองกลับเข้ากันไม่ได้เลย แถมเขายังโมโหแทบจะตลอดเวลาด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะคุยกับเขา และยิ่งเธอไม่รู้จักคุโรอิเลย ความทรมาน เจ็บปวด ที่ส่งผ่านจากนัยน์ตาสีเหลืองเข้มของคุโรอิยิ่งส่งผลแปลกๆต่อเธอโดยไม่รู้สาเหตุ ยูนะนอนคิดอยู่คนเดียวจนกระทั่งผล็อยหลับไป
...ภาพบางอย่างเกิดขึ้นในขณะที่เธอหลับสนิท ...เธอได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ร่างของเธอคนนั้นทรุดลงพร้อมกับสองแขนที่ประคองร่างของชายหนุ่มที่โชกไปด้วยเลือด และในขณะเดียวกัน ก็มีร่างของเด็กผู้ชายผมสีดำขลับยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลจากทั้งสอง นัยน์ตาสีเหลืองเข้มคู่นั้นจ้องมองร่างของชายหญิงทั้งสองที่โชกไปด้วยเลือดด้วยตาที่เบิกกว้าง ทั้งสองมือของเขากำหมัดแน่นจนสั่น สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธแค้น ตกใจ เสียใจ จนคาดเดาไม่ถูก
ยูนะตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ ร่างของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอก้มมองเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อด้วยใบหน้าที่สงสัย
“เมื่อคืนเราฝันร้ายอย่างงั้นเหรอ!?...แต่ภาพมันดูเหมือนจริงเอามากๆเลย...”
ยูนะนั่งพึมพำอยู่คนเดียวตรงฟูกที่นอนจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนเรียกเธอให้ออกไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่เช้า
“ออกมาได้แล้ว!!...เจ้าจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน!!?”
ยูนะสะดุ้งโหยงเพราะเสียงนั้น ก่อนจะรีบลุกออกไปเลื่อนบานประตูเพื่อตอบรับเจ้าของเสียงนั้น ...วีเซิลสีดำกำลังยืนเงยหน้ามองยูนะที่เปิดประตูพร้อมกับในมือที่ถือปลาย่างเสียบไม้อยู่
อุ๊บ!! ...ยูนะหลุดขำออกมาเล็กน้อยอย่างลืมตัวกับภาพวีเซิลสีดำยืนถือปลาย่างตรงหน้าของเธอ แต่วีเซิลสีดำที่ยืนอยู่กลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอหยุดขำก่อนจะถามขึ้น
“นี่คือ...?”
“ก็อาหารเช้าของเจ้าไง!!!?...แล้วข้ามีอะไรน่าขำ!?”
“ปะ เปล่าหรอกค่ะ...ดูน่ารักดีต่างหาก...ขอบคุณนะคะ”
ยูนะค่อยๆย่อตัวลงนั่งพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบศีรษะของวีเซิลสีดำที่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ แต่เมื่อนิ้วเรียวเล็กสัมผัสโดนศีรษะพร้อมกับคำพูดนั้นของเธอ นัยน์ตาสีเหลืองเข้มก็เบิกโตขึ้นทันที ถึงแม้ตาอีกข้างจะถูกผ้าปิดไว้ก็ตาม คุโรอิที่โดนยูนะสัมผัสแทนที่จะตวาดใส่เหมือนทุกครั้งกลับยืนนิ่งและไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย ดวงตาของเขาบ่งบอกถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
....
ยูนะนั่งลงตรงห้องโถงของบ้านซึ่งเป็นห้องรับแขกและมีคุโรอิที่อยู่ในร่างวีเซิลนั่งอยู่ใกล้ๆโดยที่เขาหันหน้าไปทางอื่นไม่ยอมสบตากับเธอแม้แต่น้อย ...ยูนะที่นั่งเงียบอยู่ก็นึกถึงความฝันที่ดู น่ากลัวปนเศร้าเมื่อคืนเธอจึงบอกกับคุโรอิออกไป
“เมื่อคืนชั้นฝันร้าย...แต่ว่ามันเหมือนจริงมากเลยล่ะค่ะ...ชั้นฝันถึงผู้หญิงกับผู้ชายที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดแล้วก็มีเด็กผู้ชายหน้าตาคล้ายกับเธอยืนมองทั้งคู่อยู่…เค้าดูน่าสงสารมากเลยนะคะ”
คุโรอิที่นั่งหันหน้าไปทางอื่นอยู่ เมื่อได้ยินเรื่องที่ยูนะเล่าเขาถึงกับหันขวับมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ถึงแม้จะอยู่ในร่างของวีเซิลแต่ก็ดูออกว่าสีหน้านั้นแสดงถึงความเจ็บปวดและโกรธจัด คุโรอิมองหน้าของยูนะด้วยใบหน้าแบบนั้นพลางคิดในใจ ‘ทำไมถึงฝันเช่นนั้นได้นะ’ ก่อนจะสะกดกั้นความโกรธและพูดออกไป
“มันก็แค่ฝัน!...อย่าพูดถึงมันอีก!!”
คุโรอิตวาดใส่ยูนะก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป ส่วนยูนะที่โดนตวาดใส่เพียงเพราะเล่าเรื่องความฝันเมื่อคืนของเธอให้คุโรอิฟัง เธอจึงได้แต่ทำหน้าแปลกใจกับท่าทางแบบนั้นของคุโรอิ
...
คุโรอิที่เดินออกมาจากห้องโถงเดินตรงออกไปยังป่าลึกด้วยความโมโหกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น เขาลืมหน้าที่ปกป้องยูนะไปชั่วขณะ วีเซิลสีดำเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆโดยไม่รู้จุดหมาย จนกระทั่งหยุดเดินเมื่อถึงแม่น้ำสายหนึ่งในป่า ฝีเท้าเล็กของวีเซิลสีดำก้าวเข้าไปใกล้ริมน้ำและคุกเข่าลงตรงริมแม่น้ำ มือเล็กค่อยๆยกขึ้นแกะผ้าปิดตาที่ปิดตาอีกข้างออกอย่างช้าๆ เขาชะโงกหน้ามองใบหน้าของตัวเองผ่านภาพสะท้อนในแม่น้ำด้วยสีหน้าที่ดูทรมานก่อนจะก้มมองตัวเองพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดังราวกับเกลียดชัง
“ข้าเกลียดร่างนี้!!! เกลียดความรู้สึกนี้!!! เมื่อไหร่มันจะจบเสียที!!!!”
เสียงตะโกนของคุโรอิดังก้องกังวานไปทั่วป่า ร่างเล็กของวีเซิลยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ริมแม่น้ำ แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นทันที เพราะร่างกายของคุโรอิสัมผัสถึงพลังของโยวไค(ภูตผีปีศาจ) เขาใช้ลมหมุนเพื่อกลับไปยังบ้านอย่างรวดเร็ว
…
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบกับร่างของยูนะที่นอนหลับตาอยู่กับพื้นด้วยร่างกายและสีหน้าที่ดูทรมาน คุโรอิยืนจ้องมองอยู่ชั่วครู่ เขาเสกเคียวซึ่งเป็นอาวุธติดตัวขึ้นมาทันที ทั้งสองมือถือเคียวไว้แน่นก่อนจะหายตัวเพื่อเดินทางเข้าไปในฝันของยูนะ .... เมื่อคุโรอิเข้ามาอยู่ในฝันก็พบว่ารอบกายเต็มไปด้วยความมืดมิดและความว่างเปล่า
“มาในรูปแบบของฝัน...อย่างนั้นสินะ!!?”
...
เสียงหัวเราะของใครบางคนดังก้องในความมืดมิดราวกับว่ากำลังเยาะเย้ย ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เสียงหัวเราะนั้นหยุดลงตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำอันเกรี้ยวกราด
“เจ้าคิดจะมาตามนางกลับไปอย่างงั้นเหรอ...มันคงไม่ง่ายหรอกนะ ฮ่าๆๆ”
เสียงยียวนยั่วโมโหนั้นชวนให้คนที่ได้ยินยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“หึ!...ถ้าอย่างนั้นก็แสดงตนออกมาสิ จะได้รู้ว่าข้าจะพานางกลับได้มั้ย!!”
คำพูดที่ดูมั่นใจของคุโรอิทำให้ปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคุโรอิ ...รูปร่างของปีศาจมีขนาดที่ใหญ่กว่ามนุษย์ปกติ มีเล็บแหลมคมและมีรูปลักษณ์คล้ายกับยักษ์ ปีศาจตนนั้นหัวเราะขึ้นอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เจ้ามันก็แค่คาไมทาจิ!...คิดจะสู้กับข้าอย่างงั้นเหรอ!!!?”
คุโรอิได้ยินคำพูดดูถูกของปีศาจตนนั้น ร่างของวีเซิลสีดำเปลี่ยนเป็นร่างของชายหนุ่ม มือทั้งสองข้างถือเคียวพร้อมที่จะสู้โดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่น้อย ทำให้ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าโมโหกับปฏิกิริยานั้นของคุโรอิ
“หนอย!!!”
ปีศาจตัวใหญ่ยักษ์พุ่งพรวดเข้าหาคุโรอิอย่างรวดเร็วพร้อมกับกรงเล็บแหลมคมเหมือนใบมีด
ฟึบ!!
ในจังหวะเดียวกันคุโรอิกระโดดหลบกรงเล็บนั้นอย่างคล่องแคล่ว ร่างของเขาลอยไปอยู่ด้านหลังของปีศาจตนนั้นก่อนจะใช้เคียวฟันสวนกลับ
ฉับ!
เคียวอันคมกริบฟันเข้าที่หลังของปีศาจจนเกิดแผลใหญ่ขึ้นกลางหลัง
“เจ้า!!!...”
ปีศาจร่างยักษ์ล้มลงกับพื้น เลือดจากบาดแผลไหลท่วมพื้นที่ดำสนิท และด้วยความโกรธแค้น ร่างของปีศาจตนนั้นค่อยๆขยายขึ้นจนมีร่างกายที่อัปลักษณ์น่ากลัว ร่างของมันใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆเป็นสองเท่าของร่างแรก ปีศาจตนนั้นขยายร่างของตนเสร็จจึงใช้กรงเล็บที่ใหญ่โตฟาดมาที่คุโรอิ
แกร๊ง!!
เสียงกรงเล็บแหลมคมปะทะเข้ากับเคียวอันคมกริบของคุโรอิ ทั้งสองใช้อาวุธปะทะกันอย่างดุเดือด แสงจากอาวุธที่ประทะกันทำลายความมืดมิดในที่แห่งนั้น
...ปีศาจที่เริ่มจะเหนื่อยอ่อนใช้ไม้ตายโดยการสร้างภาพในฝันของยูนะขึ้น ภาพนั้นเป็นภาพความทรงจำที่โหดร้ายของคุโรอิ เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่และทำให้เกิดช่องโหว่…!!
ฉัวะ!!
กรงเล็บของปีศาจฟันเข้าที่แขนของคุโรอิ เขาไถลร่างของตัวเองไปด้านหลังก่อนจะก้มดูบาดแผลที่แขนของตัวเอง บาดแผลนั้นทำให้เลือดหยดลงพื้นในทันที คุโรอิจับและมองแขนที่มีเลือดไหลเป็นทาง
เขาเงยหน้าขึ้นมองปีศาจที่อยู่ตรงหน้าด้วยความฉุนเฉียวก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาปีศาจอย่างรวดเร็วและกระโจนตัวขึ้นไปตรงส่วนหัวของปีศาจ ความเร็วของคุโรอิทำให้ปีศาจไม่ทันไหวตัว ปลายแหลมของเคียวคมกริบเจาะเข้าที่คอหอยก่อนที่คุโรอิจะดึงเคียวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ความคมของเคียวทำให้หัวของปีศาจขาดกระเด็นตกลงที่พื้นทันที
...โครม!!
เสียงของร่างที่ไร้หัวของปีศาจค่อยๆล้มลง ...คุโรอิเดินเข้ามาใกล้ศีรษะที่ขาดนั้นพร้อมกับเคียวที่เปื้อนเลือดในมือก่อนจะกล่าวขึ้น
“บังเอิญข้าไม่ใช่แค่คาไมทาจิอย่างที่เจ้าว่า!!”
...
คุโรอิเดินทางออกจากฝันด้วยร่างกายที่อิดโรย เขาจ้องมองร่างของยูนะที่ยังคงหลับใหลแต่ร่างนั้นไม่ได้ดูทรมานเหมือนคราวแรก คุโรอิที่เสียเลือดมากจึงล้มตัวลงนอนข้างๆยูนะและหลับไป
***
เปลือกตาของยูนะเริ่มขยับเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นจะลืมขึ้นอย่างช้าๆ เธอลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ และก็ต้องตกใจเพราะร่างของชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ แขนของเขาชุ่มไปด้วยเลือด
“เลือด!...เธอ...!! ตะ ต้องทำแผล!”
ยูนะตกใจและรีบลุกไปค้นหาเศษผ้ากับยาที่พกติดตัวมาในเป้ของเธอ และเมื่อหาของมาครบเธอจึงนั่งลงข้างๆคุโรอิที่หลับไม่รู้สึกตัวอยู่ เธอค่อยๆเอื้อมแขนไปถอดเสื้อของคุโรอิออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นหน้าอกของผู้ชายที่ดูกำยำถึงแม้จะผอมแต่ก็มีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง ร่างนั้นทำให้ใบหน้าหวานของยูนะร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่เห็น ใบหน้าของผู้ชายหลับสนิทที่ดูหล่อเอามากๆ ขนตายาว จมูกเป็นสัน ยิ่งทำให้ยูนะหัวใจเต้นแรง เธอสะกดกั้นความเขินอายก่อนจะพูดขึ้น
“ขะ ขอโทษนะคะ...ขอทำแผลให้นะคะ”
ถึงแม้จะอายมากเท่าไหร่แต่เธอก็ต้องช่วยเขาให้ได้ เพราะแผลไม่ลึกมากจึงไม่จำเป็นต้องเย็บ ยูนะค่อยๆใส่ยาและใช้ผ้าที่หามาได้พันแผลเพื่อระงับเลือดที่ถูกฟันด้วยของมีคมนั้นอย่างช้าๆก่อนจะสังเกตเห็นดวงตาอีกข้างของคุโรอิที่ไม่ได้ถูกผ้าปิดไว้ เธอจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“เอ๋...ไม่เห็นจะมีแผลเป็นตรงไหนเลย...”
เธอจ้องมองใบหน้าของคุโรอิที่หลับอยู่ ตาอีกข้างของเขาไม่ถูกผ้าปิดไว้เหมือนทุกครั้งโดยที่ยูนะไม่ได้เอะใจอะไรมาก จนกระทั่งทำแผลให้ให้คุโรอิเสร็จ ยูนะที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆคุโรอิที่หลับไปหลายชั่วโมง ก็ผล็อยหลับไปจนถึงเช้า
...
คุโรอิสะดุ้งตื่นในตอนเช้าเพราะอาการเจ็บแผล เขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะจับที่แผล แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะแผลถูกใส่ยาและพันผ้าให้อย่างเรียบร้อย ถัดไปข้างๆคุโรอิก็มีร่างเล็กของหญิงสาวฟุบหลับอยู่ เขาจึงรู้ในทันทีว่าคนที่ทำแผลให้คือคนที่นอนอยู่ข้างๆ คุโรอิจ้องมองยูนะที่หลับอยู่ ใบหน้านั้นทำให้คุโรอิเอื้อมมือไปใกล้ใบหน้าหวานนั้นของเธอ นิ้วเรียวยาวสัมผัสเส้นผมอ่อนนุ่มที่ประแก้มของยูนะอยู่ พลางพูดขึ้นสั้นๆ
“…ขอบคุณ”
ปล. 1 พระเอกของเราขี้โมโหเนอะ//เบ้ปาก...แต่ต้องดูกันต่อไป//ยิ้มมีเสศนัย
2 ไรต์เลยทำตอนนี้ให้พระเอกของเราติดตลกปนน่ารักนิดๆในร่างวีเซิลตอนถือปลาย่างเสียบไม้//หัวเราะ
3 อย่าเพิ่งรำคาญนางเอกน๊า...แต่ก็ต้องรำคาญอยู่แล้วล่ะนะ ขนาดไรต์เองที่เป็นคนแต่งยังรำคาญนางเลย//หัวเราะ
4 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ...ช่วงนี้เลิกดึกเพราะติดเรียนพิเศษ แต่จะพยายามอัพให้เร็วนะคะ//ยิ้ม
ตามอ่านได้ที่เว็บเด็กดีนี้นะคะ
http://writer.dek-d.com/kuronekomomay/writer/view.php?id=1360543
….
ตุบ ตุบ ตุบ !
เสียงของลมหมุนหยุดลงกลางป่าแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปจากที่เดิม เป็นเวลานานพอควรที่ยูนะอยู่ในอ้อมแขนเรียวที่ดูแข็งแรงของชายหนุ่มร่างสูง โดยที่เธอหลับตาสนิทมาตลอดทาง จนกระทั่งลมหมุนหยุดลง เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นทำให้ยูนะที่โดนอุ้มอยู่ต้องลืมตาขึ้น ยูนะลืมตามองไปรอบๆด้านด้วยความสงสัย เพราะที่แห่งนี้ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ในป่าดูเงียบเชียบและมืดทึบ มีเพียงแสงของดวงอาทิตย์เล็ดลอดผ่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย บรรยากาศช่างแตกต่างจากป่าที่เธอจากมา
เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแขนเรียวที่กำลังอุ้มร่างของเธอซึ่งขณะนั้นเธอกำลังใช้แขนคล้องคอของเขาอยู่ เมื่อยูนะเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของคุโรอิในร่างของมนุษย์ที่อยู่ใกล้ใบหน้าของเธอเพียงเล็กน้อย ทำให้ยูนะใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุแก้มของเธอร้อนผ่าวทันทีที่รู้ตัว ...ยูนะที่เผลอใจเต้นแรงพยายามบอกให้คุโรอิปล่อยให้เธอลงเดินเอง
“เอ่อ...เธอช่วยปล่อยชั้นลงเดินเองเถอะค่ะ...ตรงนี้ชั้นเดินได้แล้วล่ะ”
คุโรอิเหลือบมองยูนะที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยหางตาราวกับว่ากำลังขุ่นเคืองเธออยู่ ก่อนจะยิ้มมุมปากและพูดขึ้นแกมดูถูกยูนะ
“หึ!...มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้า...อยู่ห่างตัวข้าแม้แต่นิดเดียว...คงไม่รอดจากป่าต้องคำสาปแห่งนี้หรอก!!”
ยูนะมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกทันทีที่ได้ยินคำว่าป่าต้องคำสาป แต่ใบหน้าของคุโรอิที่ดูเฉยชา ออกจะไปทางโมโหตลอดเวลาซะด้วยซ้ำ ทำให้ยูนะไม่กล้าที่จะพูดหรือถามอะไรไปมากกว่านี้ เธอยอมให้คุโรอิอุ้มเธอต่อไปแต่โดยดี
...จนกระทั่งคุโรอิเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ดูโทรมเอามากๆ ยูนะมีสีหน้าที่แปลกใจทันทีที่เห็น เพราะในป่าที่ดูน่ากลัวแห่งนี้ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์ป่าด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบ้านคนอยู่ที่นี่ได้ ยูนะได้แต่มองจนกระทั่งคุโรอิอุ้มเธอเดินเข้าไปในตัวบ้านและวางร่างเล็กลงบนพื้นบ้านที่ทำจากไม้เก่าๆ
“อยู่ในนี้เจ้าจะปลอดภัย...และก็คงต้องอยู่ที่นี่ไปซักพัก!”
คุโรอิวางร่างของยูนะลงและพูดขึ้นก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างใกล้ๆ เขาหยุดเดินและมองออกไปข้างนอกหน้าต่างอยู่ซักพัก ยูนะที่นั่งอยู่สังเกตเห็นใบหน้าของคุโรอิตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านหลังนี้ ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวด ทรมาน อย่างบอกไม่ถูก ทำให้เธอพลอยหดหู่และนึกโทษตัวเองที่เป็นภาระของเขา
...ยูนะนั่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่ามีสร้อยประจำตระกูลอยู่ และเผื่อว่าสร้อยเส้นนี้จะช่วยลดภาระของเธอได้ เธอจึงรีบตะโกนบอกคุโรอิที่ยืนมองออกไปข้างนอกหน้าต่างทันที
“นี่เธอ!...ชั้นมีสร้อยประจำตระกูลที่ปกป้องชั้นจากพวกโยวไคได้...เพราะงั้น...เธอไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกนะคะ”
“ก็เพราะสร้อยเส้นนี้ไง!!!...ข้ากับเจ้าถึงต้องมาอยู่ที่นี่!!!”
คุโรอิที่หงุดหงิดเพราะความไม่เอาไหนและความไม่รู้อะไรเลยของยูนะทำให้เขาต้องตะคอกใส่ ยูนะที่กำลังนั่งอยู่อย่างหัวเสีย
“เอ๋!?...มะ หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
….
คุโรอิถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาดูโมโหพอสมควร แต่ก็พยายามเก็บอาการโมโหของเขาไว้เพราะจากสีหน้าของยูนะที่ดูกลัวเขาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คุโรอิยอมเก็บอาการและพูดกับเธอออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
“มันปกป้องเจ้าจากพวกโยวไคได้ก็จริง...แต่ไม่ใช่กับทุกตน!...และเพราะสร้อยเส้นนี้ไง!! มันถึงรู้ว่าเจ้าเป็นใครและมันจะตามเจ้าจนกว่าเจ้าจะตาย...คราวนี้เข้าใจรึยัง!!?
... และนั่น! ห้องของเจ้า!”
คุโรอิพูดจบพลางหันไปมองห้องที่อยู่ทางด้านขวาทำให้คนที่นั่งอยู่รู้ทันทีว่าเธอควรจะต้องนอนที่ไหน ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะเดินตรงไปยังห้องที่อยู่สุดทางเดินโดยที่ไม่หันกลับมามองยูนะแม้แต่น้อย
เมื่อเดินเข้ามาถึงในห้อง ยูนะค่อยๆล้มตัวลงนอนลงบนฟูกเก่าๆในห้องที่ดูไม่กว้างมากนัก เธอรู้สึกเกิดคำถามขึ้นมามากมายอยู่ในหัว แต่ไม่สามารถที่จะถามใครได้ แม้กระทั่ง คุโรอิที่มีหน้าที่ต้องปกป้องเธอ ส่วนเธอก็ต้องปกป้องสร้อยประจำตระกูลขององเมียวจิที่เก่งกาจที่สุดในยุคก่อน แต่คุโรอิกับเธอเองกลับเข้ากันไม่ได้เลย แถมเขายังโมโหแทบจะตลอดเวลาด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะคุยกับเขา และยิ่งเธอไม่รู้จักคุโรอิเลย ความทรมาน เจ็บปวด ที่ส่งผ่านจากนัยน์ตาสีเหลืองเข้มของคุโรอิยิ่งส่งผลแปลกๆต่อเธอโดยไม่รู้สาเหตุ ยูนะนอนคิดอยู่คนเดียวจนกระทั่งผล็อยหลับไป
...ภาพบางอย่างเกิดขึ้นในขณะที่เธอหลับสนิท ...เธอได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ร่างของเธอคนนั้นทรุดลงพร้อมกับสองแขนที่ประคองร่างของชายหนุ่มที่โชกไปด้วยเลือด และในขณะเดียวกัน ก็มีร่างของเด็กผู้ชายผมสีดำขลับยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลจากทั้งสอง นัยน์ตาสีเหลืองเข้มคู่นั้นจ้องมองร่างของชายหญิงทั้งสองที่โชกไปด้วยเลือดด้วยตาที่เบิกกว้าง ทั้งสองมือของเขากำหมัดแน่นจนสั่น สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธแค้น ตกใจ เสียใจ จนคาดเดาไม่ถูก
ยูนะตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ ร่างของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอก้มมองเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อด้วยใบหน้าที่สงสัย
“เมื่อคืนเราฝันร้ายอย่างงั้นเหรอ!?...แต่ภาพมันดูเหมือนจริงเอามากๆเลย...”
ยูนะนั่งพึมพำอยู่คนเดียวตรงฟูกที่นอนจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนเรียกเธอให้ออกไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่เช้า
“ออกมาได้แล้ว!!...เจ้าจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน!!?”
ยูนะสะดุ้งโหยงเพราะเสียงนั้น ก่อนจะรีบลุกออกไปเลื่อนบานประตูเพื่อตอบรับเจ้าของเสียงนั้น ...วีเซิลสีดำกำลังยืนเงยหน้ามองยูนะที่เปิดประตูพร้อมกับในมือที่ถือปลาย่างเสียบไม้อยู่
อุ๊บ!! ...ยูนะหลุดขำออกมาเล็กน้อยอย่างลืมตัวกับภาพวีเซิลสีดำยืนถือปลาย่างตรงหน้าของเธอ แต่วีเซิลสีดำที่ยืนอยู่กลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอหยุดขำก่อนจะถามขึ้น
“นี่คือ...?”
“ก็อาหารเช้าของเจ้าไง!!!?...แล้วข้ามีอะไรน่าขำ!?”
“ปะ เปล่าหรอกค่ะ...ดูน่ารักดีต่างหาก...ขอบคุณนะคะ”
ยูนะค่อยๆย่อตัวลงนั่งพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบศีรษะของวีเซิลสีดำที่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ แต่เมื่อนิ้วเรียวเล็กสัมผัสโดนศีรษะพร้อมกับคำพูดนั้นของเธอ นัยน์ตาสีเหลืองเข้มก็เบิกโตขึ้นทันที ถึงแม้ตาอีกข้างจะถูกผ้าปิดไว้ก็ตาม คุโรอิที่โดนยูนะสัมผัสแทนที่จะตวาดใส่เหมือนทุกครั้งกลับยืนนิ่งและไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย ดวงตาของเขาบ่งบอกถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
....
ยูนะนั่งลงตรงห้องโถงของบ้านซึ่งเป็นห้องรับแขกและมีคุโรอิที่อยู่ในร่างวีเซิลนั่งอยู่ใกล้ๆโดยที่เขาหันหน้าไปทางอื่นไม่ยอมสบตากับเธอแม้แต่น้อย ...ยูนะที่นั่งเงียบอยู่ก็นึกถึงความฝันที่ดู น่ากลัวปนเศร้าเมื่อคืนเธอจึงบอกกับคุโรอิออกไป
“เมื่อคืนชั้นฝันร้าย...แต่ว่ามันเหมือนจริงมากเลยล่ะค่ะ...ชั้นฝันถึงผู้หญิงกับผู้ชายที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดแล้วก็มีเด็กผู้ชายหน้าตาคล้ายกับเธอยืนมองทั้งคู่อยู่…เค้าดูน่าสงสารมากเลยนะคะ”
คุโรอิที่นั่งหันหน้าไปทางอื่นอยู่ เมื่อได้ยินเรื่องที่ยูนะเล่าเขาถึงกับหันขวับมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ถึงแม้จะอยู่ในร่างของวีเซิลแต่ก็ดูออกว่าสีหน้านั้นแสดงถึงความเจ็บปวดและโกรธจัด คุโรอิมองหน้าของยูนะด้วยใบหน้าแบบนั้นพลางคิดในใจ ‘ทำไมถึงฝันเช่นนั้นได้นะ’ ก่อนจะสะกดกั้นความโกรธและพูดออกไป
“มันก็แค่ฝัน!...อย่าพูดถึงมันอีก!!”
คุโรอิตวาดใส่ยูนะก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป ส่วนยูนะที่โดนตวาดใส่เพียงเพราะเล่าเรื่องความฝันเมื่อคืนของเธอให้คุโรอิฟัง เธอจึงได้แต่ทำหน้าแปลกใจกับท่าทางแบบนั้นของคุโรอิ
...
คุโรอิที่เดินออกมาจากห้องโถงเดินตรงออกไปยังป่าลึกด้วยความโมโหกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น เขาลืมหน้าที่ปกป้องยูนะไปชั่วขณะ วีเซิลสีดำเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆโดยไม่รู้จุดหมาย จนกระทั่งหยุดเดินเมื่อถึงแม่น้ำสายหนึ่งในป่า ฝีเท้าเล็กของวีเซิลสีดำก้าวเข้าไปใกล้ริมน้ำและคุกเข่าลงตรงริมแม่น้ำ มือเล็กค่อยๆยกขึ้นแกะผ้าปิดตาที่ปิดตาอีกข้างออกอย่างช้าๆ เขาชะโงกหน้ามองใบหน้าของตัวเองผ่านภาพสะท้อนในแม่น้ำด้วยสีหน้าที่ดูทรมานก่อนจะก้มมองตัวเองพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดังราวกับเกลียดชัง
“ข้าเกลียดร่างนี้!!! เกลียดความรู้สึกนี้!!! เมื่อไหร่มันจะจบเสียที!!!!”
เสียงตะโกนของคุโรอิดังก้องกังวานไปทั่วป่า ร่างเล็กของวีเซิลยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ริมแม่น้ำ แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นทันที เพราะร่างกายของคุโรอิสัมผัสถึงพลังของโยวไค(ภูตผีปีศาจ) เขาใช้ลมหมุนเพื่อกลับไปยังบ้านอย่างรวดเร็ว
…
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบกับร่างของยูนะที่นอนหลับตาอยู่กับพื้นด้วยร่างกายและสีหน้าที่ดูทรมาน คุโรอิยืนจ้องมองอยู่ชั่วครู่ เขาเสกเคียวซึ่งเป็นอาวุธติดตัวขึ้นมาทันที ทั้งสองมือถือเคียวไว้แน่นก่อนจะหายตัวเพื่อเดินทางเข้าไปในฝันของยูนะ .... เมื่อคุโรอิเข้ามาอยู่ในฝันก็พบว่ารอบกายเต็มไปด้วยความมืดมิดและความว่างเปล่า
“มาในรูปแบบของฝัน...อย่างนั้นสินะ!!?”
...
เสียงหัวเราะของใครบางคนดังก้องในความมืดมิดราวกับว่ากำลังเยาะเย้ย ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เสียงหัวเราะนั้นหยุดลงตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำอันเกรี้ยวกราด
“เจ้าคิดจะมาตามนางกลับไปอย่างงั้นเหรอ...มันคงไม่ง่ายหรอกนะ ฮ่าๆๆ”
เสียงยียวนยั่วโมโหนั้นชวนให้คนที่ได้ยินยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“หึ!...ถ้าอย่างนั้นก็แสดงตนออกมาสิ จะได้รู้ว่าข้าจะพานางกลับได้มั้ย!!”
คำพูดที่ดูมั่นใจของคุโรอิทำให้ปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคุโรอิ ...รูปร่างของปีศาจมีขนาดที่ใหญ่กว่ามนุษย์ปกติ มีเล็บแหลมคมและมีรูปลักษณ์คล้ายกับยักษ์ ปีศาจตนนั้นหัวเราะขึ้นอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เจ้ามันก็แค่คาไมทาจิ!...คิดจะสู้กับข้าอย่างงั้นเหรอ!!!?”
คุโรอิได้ยินคำพูดดูถูกของปีศาจตนนั้น ร่างของวีเซิลสีดำเปลี่ยนเป็นร่างของชายหนุ่ม มือทั้งสองข้างถือเคียวพร้อมที่จะสู้โดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่น้อย ทำให้ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าโมโหกับปฏิกิริยานั้นของคุโรอิ
“หนอย!!!”
ปีศาจตัวใหญ่ยักษ์พุ่งพรวดเข้าหาคุโรอิอย่างรวดเร็วพร้อมกับกรงเล็บแหลมคมเหมือนใบมีด
ฟึบ!!
ในจังหวะเดียวกันคุโรอิกระโดดหลบกรงเล็บนั้นอย่างคล่องแคล่ว ร่างของเขาลอยไปอยู่ด้านหลังของปีศาจตนนั้นก่อนจะใช้เคียวฟันสวนกลับ
ฉับ!
เคียวอันคมกริบฟันเข้าที่หลังของปีศาจจนเกิดแผลใหญ่ขึ้นกลางหลัง
“เจ้า!!!...”
ปีศาจร่างยักษ์ล้มลงกับพื้น เลือดจากบาดแผลไหลท่วมพื้นที่ดำสนิท และด้วยความโกรธแค้น ร่างของปีศาจตนนั้นค่อยๆขยายขึ้นจนมีร่างกายที่อัปลักษณ์น่ากลัว ร่างของมันใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆเป็นสองเท่าของร่างแรก ปีศาจตนนั้นขยายร่างของตนเสร็จจึงใช้กรงเล็บที่ใหญ่โตฟาดมาที่คุโรอิ
แกร๊ง!!
เสียงกรงเล็บแหลมคมปะทะเข้ากับเคียวอันคมกริบของคุโรอิ ทั้งสองใช้อาวุธปะทะกันอย่างดุเดือด แสงจากอาวุธที่ประทะกันทำลายความมืดมิดในที่แห่งนั้น
...ปีศาจที่เริ่มจะเหนื่อยอ่อนใช้ไม้ตายโดยการสร้างภาพในฝันของยูนะขึ้น ภาพนั้นเป็นภาพความทรงจำที่โหดร้ายของคุโรอิ เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่และทำให้เกิดช่องโหว่…!!
ฉัวะ!!
กรงเล็บของปีศาจฟันเข้าที่แขนของคุโรอิ เขาไถลร่างของตัวเองไปด้านหลังก่อนจะก้มดูบาดแผลที่แขนของตัวเอง บาดแผลนั้นทำให้เลือดหยดลงพื้นในทันที คุโรอิจับและมองแขนที่มีเลือดไหลเป็นทาง
เขาเงยหน้าขึ้นมองปีศาจที่อยู่ตรงหน้าด้วยความฉุนเฉียวก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาปีศาจอย่างรวดเร็วและกระโจนตัวขึ้นไปตรงส่วนหัวของปีศาจ ความเร็วของคุโรอิทำให้ปีศาจไม่ทันไหวตัว ปลายแหลมของเคียวคมกริบเจาะเข้าที่คอหอยก่อนที่คุโรอิจะดึงเคียวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ความคมของเคียวทำให้หัวของปีศาจขาดกระเด็นตกลงที่พื้นทันที
...โครม!!
เสียงของร่างที่ไร้หัวของปีศาจค่อยๆล้มลง ...คุโรอิเดินเข้ามาใกล้ศีรษะที่ขาดนั้นพร้อมกับเคียวที่เปื้อนเลือดในมือก่อนจะกล่าวขึ้น
“บังเอิญข้าไม่ใช่แค่คาไมทาจิอย่างที่เจ้าว่า!!”
...
คุโรอิเดินทางออกจากฝันด้วยร่างกายที่อิดโรย เขาจ้องมองร่างของยูนะที่ยังคงหลับใหลแต่ร่างนั้นไม่ได้ดูทรมานเหมือนคราวแรก คุโรอิที่เสียเลือดมากจึงล้มตัวลงนอนข้างๆยูนะและหลับไป
***
เปลือกตาของยูนะเริ่มขยับเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นจะลืมขึ้นอย่างช้าๆ เธอลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ และก็ต้องตกใจเพราะร่างของชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ แขนของเขาชุ่มไปด้วยเลือด
“เลือด!...เธอ...!! ตะ ต้องทำแผล!”
ยูนะตกใจและรีบลุกไปค้นหาเศษผ้ากับยาที่พกติดตัวมาในเป้ของเธอ และเมื่อหาของมาครบเธอจึงนั่งลงข้างๆคุโรอิที่หลับไม่รู้สึกตัวอยู่ เธอค่อยๆเอื้อมแขนไปถอดเสื้อของคุโรอิออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นหน้าอกของผู้ชายที่ดูกำยำถึงแม้จะผอมแต่ก็มีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง ร่างนั้นทำให้ใบหน้าหวานของยูนะร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่เห็น ใบหน้าของผู้ชายหลับสนิทที่ดูหล่อเอามากๆ ขนตายาว จมูกเป็นสัน ยิ่งทำให้ยูนะหัวใจเต้นแรง เธอสะกดกั้นความเขินอายก่อนจะพูดขึ้น
“ขะ ขอโทษนะคะ...ขอทำแผลให้นะคะ”
ถึงแม้จะอายมากเท่าไหร่แต่เธอก็ต้องช่วยเขาให้ได้ เพราะแผลไม่ลึกมากจึงไม่จำเป็นต้องเย็บ ยูนะค่อยๆใส่ยาและใช้ผ้าที่หามาได้พันแผลเพื่อระงับเลือดที่ถูกฟันด้วยของมีคมนั้นอย่างช้าๆก่อนจะสังเกตเห็นดวงตาอีกข้างของคุโรอิที่ไม่ได้ถูกผ้าปิดไว้ เธอจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“เอ๋...ไม่เห็นจะมีแผลเป็นตรงไหนเลย...”
เธอจ้องมองใบหน้าของคุโรอิที่หลับอยู่ ตาอีกข้างของเขาไม่ถูกผ้าปิดไว้เหมือนทุกครั้งโดยที่ยูนะไม่ได้เอะใจอะไรมาก จนกระทั่งทำแผลให้ให้คุโรอิเสร็จ ยูนะที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆคุโรอิที่หลับไปหลายชั่วโมง ก็ผล็อยหลับไปจนถึงเช้า
...
คุโรอิสะดุ้งตื่นในตอนเช้าเพราะอาการเจ็บแผล เขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะจับที่แผล แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะแผลถูกใส่ยาและพันผ้าให้อย่างเรียบร้อย ถัดไปข้างๆคุโรอิก็มีร่างเล็กของหญิงสาวฟุบหลับอยู่ เขาจึงรู้ในทันทีว่าคนที่ทำแผลให้คือคนที่นอนอยู่ข้างๆ คุโรอิจ้องมองยูนะที่หลับอยู่ ใบหน้านั้นทำให้คุโรอิเอื้อมมือไปใกล้ใบหน้าหวานนั้นของเธอ นิ้วเรียวยาวสัมผัสเส้นผมอ่อนนุ่มที่ประแก้มของยูนะอยู่ พลางพูดขึ้นสั้นๆ
“…ขอบคุณ”
ปล. 1 พระเอกของเราขี้โมโหเนอะ//เบ้ปาก...แต่ต้องดูกันต่อไป//ยิ้มมีเสศนัย
2 ไรต์เลยทำตอนนี้ให้พระเอกของเราติดตลกปนน่ารักนิดๆในร่างวีเซิลตอนถือปลาย่างเสียบไม้//หัวเราะ
3 อย่าเพิ่งรำคาญนางเอกน๊า...แต่ก็ต้องรำคาญอยู่แล้วล่ะนะ ขนาดไรต์เองที่เป็นคนแต่งยังรำคาญนางเลย//หัวเราะ
4 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ...ช่วงนี้เลิกดึกเพราะติดเรียนพิเศษ แต่จะพยายามอัพให้เร็วนะคะ//ยิ้ม
ตามอ่านได้ที่เว็บเด็กดีนี้นะคะ
http://writer.dek-d.com/kuronekomomay/writer/view.php?id=1360543
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ