แค้นรักแค้นเสน่หา

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.19 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) แค้นรักแค้นเสน่หา ตอนที่ 4 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ครู่ต่อมาฮาร์คิฟก็ลุกขึ้นเดินออกไปยังโต๊ะอาหารตามคำเชื้อเชิญของเธอ อาหารมื้อแรกกับผู้หญิงสวยจัดดูจะคล่องคอสำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็นรสชาติอันดีเลิศของอาหาร การเอาใจใส่ของเธอต่อซีโลก็ทำให้เขาเผลอยิ้มได้อย่างไม่รู้ตัว เธอช่างเป็นผู้หญิงสวยที่มีความอบอุ่นพร้อมที่จะเป็นแม่ ในขณะเดียวกันดวงตากลมโตที่บังเอิญปะทะเข้ากับเขาโดยไม่ตั้งใจบ่อยครั้งก็มีเสน่ห์ แฝงไว้ด้วยความขวยเขิน ทำให้เขารู้ในทันทีว่า... จะล้วงความลับอันคับข้องใจด้วยวิธีใด

“อิ่มแล้วเป่าเค้กได้เลยไหมฮะ?” ซีโลถามขึ้นหลังจากดื่มน้ำสะอาดแล้วเรียบร้อย

อภินราพยักหน้าเร็วๆ แล้วหันไปบอกให้แม่บ้านนำเค้กออกมา หากซีโลห้ามไว้เสียก่อน

“อย่าเพิ่งนะฮะ ซีโลมีของขวัญจะให้เอลก้า รอแป๊บนะฮะ” พูดจบก็วิ่งออกไปจากห้องอาหาร ในขณะที่ผู้เป็นอายิ้มตาจนหยีเพราะไม่นึกว่าหลานชายจะมีของขวัญมอบให้ แน่นอนว่าปฏิกิริยาของทั้งคู่อยู่ในสายตาของฮาร์คิฟ

“ดูเหมือนซีโลจะเชื่อฟังคุณคนเดียว” ฮาร์คิฟเปิดบทสนทนา

“อืม... ก็ไม่เชิงค่ะ แกอาจจะดูเป็นเด็กเก็บตัวสักหน่อย เพราะเจอเรื่องร้ายๆตั้งแต่ยังเล็ก แต่ถ้าอดทนพูดกับแกอย่างใจเย็น ให้แกรู้ว่าเรารักและไม่มีวันทอดทิ้ง ซีโลก็จะเปิดใจยอมพูดคุย เล่นสนุกด้วยค่ะ” อภินราอธิบายเพราะรู้ดีว่า เขาก็คงอยากจะกอด อยากสัมผัสซีโลบ้างแต่ติดที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ทั้งคู่ยังคงคุยกันไปเรื่อยรอเจ้าของวันเกิดกลับเข้ามาอีกครั้ง

 

“พี่ขวัญ... พี่ขวัญอยู่ไหน พี่ขวัญ...” ซีโลเรียกพี่เลี้ยงพร้อมชะเง้อหาแต่ก็พบเพียงแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“คุณซีโลจะหาพี่ขวัญเหรอคะ เดี๋ยวพี่ไปเรียกให้นะคะ พี่ขวัญทานข้าวอยู่เรือนหลังสวนค่ะ” แม่บ้านรายงาน หากเจ้านายตัวน้อยเอ่ยห้ามเสียก่อน

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวซีโลจะไปหาพี่ขวัญเอง ซีโลรีบ...”

พูดจบก็วิ่งออกทางประตูใหญ่ผ่านสระว่ายน้ำ เพื่อไปยังเรือนหลังสวน ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสร้างไว้ให้เป็นที่พักของคนงานในบ้าน ด้านหน้าจะมีชุดม้าหินอ่อนตั้งไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งใช้เป็นที่รับประทานอาหาร เมื่อไปถึงก็พบว่าขวัญกำลังรับประทานอาหารเย็น หนุ่มน้อยจึงยื่นมือไปขอของสำคัญที่ฝากพี่เลี้ยงเอาไว้และบ่นเล็กน้อยเมื่อต้องวิ่งจนเหงื่อไหลไคล้ย้อยออกตามหาพี่เลี้ยง

เมื่อได้การ์ดที่ตั้งใจทำขึ้นเอง ทั้งยังซ่อนเอาไว้ไม่ให้ผู้เป็นอาได้เห็น หนุ่มน้อยก็วิ่งกลับเข้าบ้านทางเดิม ด้วยความรีบร้อนจึงสะดุดล้มลง การ์ดในมือปลิวตกลงไปในสระว่ายน้ำ

“โอ... ไม่นะ การ์ดของฉัน!” อุทานออกมาอย่างหงุดหงิดใจ ทั้งเจ็บขาแถมการ์ดของขวัญที่ตั้งใจทำมาทั้งวันยังเปียกน้ำเสียอีก ซีโลจึงขยับตัวเข้าไปริมสระว่ายน้ำ พลางเอื้อมมือไปยังการ์ดสีฟ้าที่ลอยอยู่ไม่ไกล หากแม่บ้านที่กำลังกวาดเศษฝุ่นละอองอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่สังเกตเห็นร่างของเจ้านายตัวน้อยกำลังเอื้อมมือคว้าอะไรสักอย่างอยู่ริมสระว่ายน้ำ

“คุณซีโล อย่านะคะ เดี๋ยวจะตกน้ำค่ะ...” ไม่ทันขาดคำร่างของเจ้านายตัวน้อยก็หล่นลงไปในสระว่ายน้ำ เธอจึงร้องเรียกให้คนช่วยเหลือเสียงดังลั่นคฤหาสน์ “ช่วยด้วย... ช่วยคุณซีโลด้วยค่ะ... คุณซีโลตกน้ำ ช่วยด้วย...”

ไม่นานนักฮาร์คิฟและอภินราก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องอาหาร เพราะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลั่น ฮาร์คิฟวิ่งอย่างรวดเร็วและกระโดดลงสระว่ายน้ำทันที เขาสามารถช่วยเหลือหลานชายขึ้นมาจากน้ำได้อย่างทันท่วงที โดยที่ซีโลยังรู้สึกตัวและสำลักน้ำจนน้ำหูน้ำตาเล็ด โดยมีคนในบ้านวิ่งเข้ามาดูอยู่หลายคน

“ซีโล... ซีโลไม่เป็นไรนะ” อภินราถามด้วยความตกใจ หากหลานชายยังคงไอคอกแคกไม่หยุด มือเล็กยังชี้ไปที่การ์ดในสระว่ายน้ำ ฮาร์คิฟจึงวางร่างของหลานชายไว้กับอภินราแล้วเอื้อมมือไปหยิบการ์ดดังกล่าว

“ผมว่าพาแกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า ปล่อยไว้เดี๋ยวจะไม่สบาย” พูดจบก็ช้อนอุ้มร่างของหลานชายเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

“พาขึ้นไปชั้นบนเลยค่ะ ห้องแกอยู่ข้างบน” อภินราบอกพลางวิ่งน้ำหน้าเพราะหากเดิน เธอคงไม่มีทางก้าวทันเขาแน่ๆ หญิงสาวเปิดประตูห้องนอนของหลานชายออกกว้างแล้วสั่งให้พี่เลี้ยงถอดเสื้อผ้าของซีโลออกและจัดการอาบน้ำล้างตัวให้เรียบร้อย ส่วนตัวเองนั้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาสองผืน

ฮาร์คิฟรับเอาผ้าเช็ดตัวสีขาวจากเธอแล้วเช็ดผมของตัวเองลวกๆ “ไปดูซีโลเถอะ ผมไม่เป็นไร”

“เดี๋ยวคุณเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำนะคะ ใส่ชุดคลุมรออบชุดให้แห้งก่อน สักยี่สิบนาทีคงได้”

หากฮาร์คิฟนึกตำหนิในใจว่า... ก็เพราะเธอประคบประหงมจนเกินไปแบบนี้ ซีโลถึงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อายุเจ็ดขวบแล้วยังว่ายน้ำไม่เป็น หากต้องเก็บความไม่พอใจเอาไว้เสียก่อน รอเวลาที่จะได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูซีโลอย่างเต็มที่ เขาสาบานว่าจะเลี้ยงให้ซีโลเป็นลูกผู้ชายที่เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีภาวะความเป็นผู้นำไม่ต่างจากเขาแน่

ไม่กี่นาทีต่อมาพี่เลี้ยงก็อุ้มซีโลออกจากห้องน้ำ โดยมีฮาร์คิฟเดินสวนเข้าไปและเอื้อมมือมาขยี้ผมหลานชายเล่นด้วยความเอ็นดู

“ตกใจมากไหมจ๊ะ” อภินราถามพลางสวมเสื้อให้หลานชาย เมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าเร็วๆ ก็อดสงสารไม่ได้ทั้งอยากดุและอยากปลอบ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เล่นซนจนเกิดเรื่องแบบนี้ “รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นแล้วทำไมถึงได้ซนแบบนี้”

“ซีโลไม่ได้จะเล่นน้ำนะฮะ แต่การ์ดมันปลิวลงไปในสระว่ายน้ำ ซีโลแค่จะเก็บมันเท่านั้นเอง”

“อย่าดุคุณซีโลเลยค่ะ เรื่องนี้เป็นความผิดของขวัญเอง” พี่เลี้ยงทำหน้าแหยๆยอมรับความผิด

“การ์ดอะไร?” ถามพลางมองตามมือน้อยๆที่ชี้ไปยังการ์ดซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ขวัญจึงเดินไปหยิบมาให้เจ้านายสาว

“การ์ดที่คุณซีโลแอบทำไว้ให้คุณเอลก้าค่ะ ทำเองคนเดียว ขวัญจะช่วยก็ไม่ยอม บอกว่าจะทำให้คุณเอลก้า” พี่เลี้ยงอธิบายและยื่นกางเกงนอนให้ซีโลสวม เมื่อเห็นว่าเจ้านายสาวกำลังเปิดการ์ดอันเปียกปอนอย่างระมัดระวัง

“เปียกหมดเลย อุตส่าห์นั่งทำทั้งวัน” เจ้าของการ์ดบอกด้วยใบหน้าห่อเหี่ยวเมื่อเห็นภาพวาดของตนและผู้เป็นอาเลือนราง สีสันที่ระบายให้สวยงามก็เลอะเทอะไปหมด แต่คุณค่าของมันก็ไม่ได้ลดน้อยลง ‘ซีโลรักเอลก้าที่สุดในโลก’ ยังอ่านได้อย่างชัดเจนและมันทำให้เธอน้ำตารื้นด้วยความตื้นตันใจ สวมกอดหลานชายอย่างแนบแน่น

“อาขอโทษ อาไม่รู้จริงๆว่าซีโลตั้งใจทำการ์ดให้” บอกพลางก้มลงไปหอมหน้าผากหลานชายอย่างแสนรัก “อาก็รักซีโลที่สุดในโลกเลยรู้ไหม”

ซีโลยิ้มจนตาหยีเมื่อได้ยินเช่นนั้น แขนเล็กกอดเอวของอาแน่น ซุกใบหน้าเข้าหาอกอุ่นนุ่มอย่างที่ชอบทำ เพียงชั่วครู่ก็ผละออกจากอ้อมกอด เงยหน้าบอกหน้าตาตื่น “ยังไม่ได้ตัดเค้กเลยนะเอลก้า น้า...”

อภินราหัวเราะชอบใจเมื่อหลานชายพูดไม่ทันขบประโยคก็อ้าปาหาวเสียแล้ว “พรุ่งนี้ค่อยตัดเค้กก็ได้นี่ วันนี้ซีโลง่วงแล้วใช่ไหม เข้านอนเถอะนะเด็กดี”

ซีโลมองคุณอาคนสวยตาปรอย ออดอ้อนด้วยคำพูดจนได้สมใจอยาก “ซีโลขอตัดเค้กวันนี้ สัญญาว่าจะกินชิ้นเดียวฮะ จะดื่มนมให้หมดแก้ว แล้วจะรีบขึ้นมานอนทันที”

“เชื่อได้ไหมเนี่ย” อภินราถามอย่างไม่เชื่อใจ แต่ความจริงเธออนุญาตตั้งแต่เห็นแววตาออดอ้อนแล้ว “ขวัญเป็นพยานด้วยนะ”

เมื่อได้รับอนุญาตซีโลก็กระโดดลงจากเตียง ฉวยเอามือของพี่เลี้ยงให้ลุกขึ้น เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฮาร์คิฟเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมด้วยเสื้อและกางเกงที่เปียกโชก ขวัญจึงเข้าไปรับเอาตะกร้าใบเล็กที่อยู่ในมือของชายหนุ่มไว้

“บอกแม่บ้านให้อบแห้งแล้วรีดมาให้เรียบร้อยนะ คุณเขารออยู่”

จบคำพูดของอภินรา ซีโลก็เป็นฝ่ายจูงมือพี่เลี้ยงให้รีบออกไปจากห้องเพราะใจคิดถึงแต่เค้กวันเกิด ปล่อยให้คุณอาคนสวยอยู่กับคุณลุงตามลำพัง หากเธอรู้สึกประหม่าจนแทบกำหนดลมหายใจเข้า-ออกของตัวเองไม่ได้ เมื่อเขาอยู่ในเสื้อคลุมตัวเดียว สาบเสื้อที่แยกออกจากกันเผยให้เห็นแผงอกแกร่ง มันเป็นคลื่นลอนจนเธอนึกอยากสัมผัส ขนหน้าอกโผล่ให้เห็นเพียงรำไรยิ่งทำให้อยากรู้ว่าหากใช้นิ้วมือเกี่ยวหมุนเล่นจะให้ความรู้สึกเพลิดเพลินสักเพียงไร

หากจิตใต้สำนึกยังสั่งให้เธอเว้นระยะห่างกับผู้ชายคนนี้ให้มาก “เอ่อ... คุณรอในนี้ก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะลงไปดูซีโลสักหน่อย”

ท่าทางอึกอักทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังประหม่าอาย เมื่อลองกางขาออกกว้าง นั่งในท่าทางสบายจนชายเสื้อคลุมแยกออกจากกัน ใบหน้างดงามยิ่งเป็นสีชมพูจัดอย่างน่ามอง เธอรีบเบือนหน้าจากเขาในทันที หากฮาร์คิฟทำไม่รู้ไม่ชี้ชวนคุยเรื่องหลานชาย “ปล่อยแกบ้างเถอะเอลก้า... ผมว่าคุณควรจะให้แกได้เล่นตามประสาเด็กผู้ชาย อาจจะมีหกล้มเจ็บตัวบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ผมคิดว่าน่าจะพาแกไปเรียนว่ายน้ำ”

“ก็อยากทำอย่างคุณว่าค่ะ แต่ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าซีโลไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเด็กทั่วไป อาจจะต้องใช้เวลามากเพื่อสอนเรื่องพวกนี้ให้แกเข้าใจ” ยอมรับว่าไม่พอใจอยู่บ้างที่เขาพูดเหมือนว่าเธอเลี้ยงดูซีโลให้กลายเป็นเด็กอ่อนแอ ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกเช่นนี้ ดูเหมือนว่าฮาร์คิฟจะสะกิดเรื่องกังวลใจของเธอได้ถูกจุดเพราะทั้งพ่อและตฤณก็เหมือนจะโยนความผิดนี้ให้เธอเพียงผู้เดียว ความเครียดที่สะสมมาตลอดหลายวันจึงเกือบถึงจุดแตกสลาย

“นั่นแหละที่ต้องเริ่มให้เร็วที่สุด ถ้ายังมัวแต่รอเวลาไปเรื่อยๆ ซีโลก็ต้องมีคนรองมือรองเท้าแบบนี้อยู่ร่ำไป คุณต้องใจแข็งกว่านี้หน่อย เอลก้า”

เพียงเท่านั้นความเครียดของอภินราก็ปะทุขึ้นมา เธอเสียงแข็งระเบิดความในใจออกมายืดยาวจนชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ

“คุณเพิ่งเจอซีโลครั้งแรกจะมารู้อะไร ทำไมฉันจะไม่อยากให้แกเข้มแข็ง ช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นเด็กร่าเริงสดใสตามวัย พวกคุณเคยรู้ไหมว่าตอนที่ซีโลเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมพูดจากับใคร ฉันต้องใช้ความพยายามแค่ไหนกว่าจะทลายกำแพงเข้าไปหา ฉันไม่ได้ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวหรือวันเดียวเพื่อทำให้ซีโลออกมาจากโลกอันเศร้าสร้อย ซีโลต้องการสัมผัสอบอุ่น ต้องการความรักความเอาใจใส่ที่มากกว่าเด็กทั่วไปเป็นสองเท่า แล้ววันนี้ที่เขาร่าเริงขึ้น ดูสดใสขึ้นพวกคุณก็เอาแต่ว่าฉัน ประณามฉันว่าฉันเลี้ยงเขาให้เป็นลูกแหง่ มันอะไรกัน?... เคยย้อนถามตัวเองไหมว่าทำอะไรเพื่อซีโลบ้าง?”

อภินราหอบหายใจพลางหลับตาลงอย่างระงับสติอารมณ์ ใจหนึ่งรู้ว่าไม่เป็นการควรที่จะพูดจากกับเขาเช่นนั้น แต่เขาก็ควรให้เกียรติความรู้สึกของเธอด้วยเช่นกัน

“คุณเครียดเกินไปแล้วเอลก้า ผมแค่...” บอกด้วยน้ำเสียงทุ้มทั้งขอลุแก่โทษอยู่ในที หากยังไม่จบประโยคดีเธอก็พูดโพล่งขึ้นมาเสียก่อน

“ยอมรับว่าเครียดค่ะ แต่คุณควรจะให้เกียรติความรู้สึกของคนที่เลี้ยงซีโลมาบ้าง ฉันไม่เคยร้องขอความเห็นใจ ขอให้ใครมาช่วยหรือขอให้ยกย่องในการที่ฉันเลี้ยงดูซีโล ขออย่าเดียวอย่ามาบั่นทอนกำลังใจกันแบบนี้” บอกแล้วก็ต้องถอนหายใจหนักๆออกมาอีกครั้ง เธอหลับตาลงจนไม่รู้ว่าเขาก้าวเข้ามาประชิดอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษค่ะ ฉัน...”

ฮาร์คิฟฉวยโอกาสที่เธอกำลังอ่อนแอดึงร่างอรชรเข้ามาไว้ในอ้อมกอด กดศีรษะไว้กับแผงอกพลางจูบซับอย่างปลอบประโลม ไม่นำพาต่อการขัดขืนเล็กน้อยซึ่งในเวลาชั่วกะพริบตาพ่ายแก้ต่อสัมผัสอบอุ่นที่เขามอบให้ “ผมขอโทษที่รัก... ไม่คิดว่าคุณจะกังวลใจถึงขนาดนี้ ไม่เป็นไรนะ”

อภินราอุ่นซ่านใจทั้งใจเมื่อได้รับการปลอบโยนด้วยคำขอโทษและสัมผัสผ่อนหนักผ่อนเบา ความน้อยใจ ขุ่นมัวในหลายวันที่ผ่านมาเลือนหายเพียงแค่คำขอโทษจากผู้ชายที่กกกอดนี้ “ฉันไม่น่าเสียมารยาทกับคุณแบบนั้นเลย”

“งั้นหายกันนะครับ ผมปากเสียตั้งแต่เจอหน้าคุณไม่กี่ชั่วโมง ก็เป็นเรื่องสมควรที่คุณต้องสั่งสอนเสียบ้าง” ฮาร์คิฟกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้น หากทำไปเพราะความต้องการจากส่วนลึก รูป กลิ่นที่สัมผัสได้จากเธอช่างทำให้เขาวางใจ สุขใจยิ่งนัก

“อะ...เอ่อ ปล่อยเถอะค่ะ”

“อยู่นิ่งๆสักพักนะเอลก้า ผมรู้สึกดีเหลือเกิน”

คุณพระช่วย! ไม่ใช่เขาคนเดียวเช่นนั้น เธอเองก็รู้สึกยอดเยี่ยมแค่เพียงได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เพิ่งพบหน้ากันได้ไม่กี่ชั่วโมง ความจริงในข้อนี้ทำให้อภินราเกร็งไปทั้งร่าง ตั้งใจจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนหนาแน่น แหงนหน้าขึ้นบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง “ปล่อยเถอะค่ะ มันไม่เหมาะที่เราอยู่ในสภาพแบบนี้”

“ผมแค่อยากปลอบคุณเท่านั้น ไม่ได้คิดล่วงเกินเลย”

หากคำพูดและการกระทำของเขาสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ใบหน้าคร้ามคมก้มต่ำลงมาหาจนเธอสามารถมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเขียวอมฟ้า ซึ่งให้ความรู้สึกล้ำลึกน่าหลงใหลจนเผยอปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับฮาร์คิฟที่จดจ้องริมฝีปากอิ่มสีชมพูจัดของเธอไม่วางตา กลิ่นหอมจากเนื้อตัวนุ่มนิ่มดึงดูดประสาทการรับกลิ่นให้ร่างกายตื่นตัว อยากรู้เหลือเกินว่าริมฝีปากที่อยู่ใกล้นี้จะให้รสชาติวิเศษเลิศเลอสักเพียงใด

แต่ก่อนที่ริมฝีปากคู่หนึ่งจะบรรจบกัน เสียงแหลมของหนุ่มน้อยซีโลก็เป็นเหมือนระฆังที่ทำให้ทั้งอภินรารู้สึกตัวและผละออกจากอ้อมกอดหนาแน่น

“กลับมาแล้วคร้าบ...” ซีโลมองคุณอาคนสวยและคุณลุงสลับกันไปมา เพราะไม่ค่อยได้เห็นผู้เป็นอาใบหน้าแดงก่ำเช่นนี้ “เอลก้าเป็นไรรึเปล่าฮะ ทำไมต้องหน้าแดงด้วย”

“ปะ...เปล่า” ตอบแล้วต้องถูฝ่ามือกับกระโปรงของตัวเอง ทั้งตกใจที่หลานชายทักท้วงอย่างตรงไปตรงมา อีกใจนึกขอบคุณที่ซีโลเข้ามาถูกจังหวะ ไม่เช่นนั้นเธอคงต้องอับอายที่ปล่อยให้เขารุกประชิดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ “แปรงฟันมารึยังจ๊ะ?”

“เรียบร้อยมาจากข้างล่างแล้วฮะ อ้อ... พี่ขวัญบอกว่าอีกสักสิบนาทีจะเอาชุดของคุณลุงมาให้ครับ” พูดพลางปีนขึ้นเตียง ยกมือปิดปากเริ่มหาวถี่ๆเพราะใกล้เวลานอนเต็มที

“อืม... เรียกลุงนี่เราดูห่างเหินกันพิกลนะ เรียกฮาร์คิฟดีกว่าไหม” ฮาร์คิฟเดินไปชิดปลายเตียงยื่นมือไปขยี้ผมของหลานชาย มองด้วยความเอ็นดู

“ไม่ดีมั้งฮะ เดี๋ยวเอลก้าถูกคุณปู่ดุอีก”

ฮาร์คิฟเลิกคิ้วเพราะไม่เข้าใจว่าอานันท์จะตำหนิลูกสาวด้วยเรื่องขี้ผงเท่านี้ “ทำไมล่ะ?”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณพ่ออยากให้ซีโลเรียกผู้ใหญ่ตามแบบไทยๆ ไม่อยากให้เขาเรียกด้วยชื่อเหมือนฝรั่ง ท่านกลัวว่าซีโลจะปีนเกลียวผู้ใหญ่น่ะค่ะ” อภินรารีบอธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นว่าเขายังเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “ฉันหมายถึง ไม่ให้ความเคารพ ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ค่ะ”

ฮาร์คิฟพยักหน้ารับ หากนั่งลงปลายเตียงและโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆหลานชาย “เอางี้ดีไหม ลุงจะใช้คำแทนตัวว่าลุง แล้วซีโลก็เรียก ลุงหรือฮาร์คิฟก็ได้ ตามสะดวกเหมือนที่คุยกับเอลก้าไง ลุงอยากเป็นเพื่อนเรานะ”

ซีโลตาโตเพราะไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีผู้ใหญ่อยากเป็นเพื่อนกับตน แต่ยังละล้าละลังมองหน้าผู้เป็นอาอย่างขอความคิดเห็น จนฮาร์คิฟหัวเราะร่วนกับท่าทางของหลานชาย

“ไม่ต้องให้คำตอบวันนี้ก็ได้ แค่ยอมเล่นของที่ลุงซื้อมาให้ พูดคุยกับลุงนิดๆหน่อยๆก็ดีใจแล้ว โอเค้?...” จบคำพูดฮาร์คิฟก็กำมือแล้วบอกให้หลานชายทำตาม จากนั้นก็จับเอากำปั้นเล็กมาชนกับกำปั้นของตัวเอง “ฟีส บัมพ์1

อภินราอมยิ้มกับการสร้างความสนิทสนมของชายหนุ่ม เขาเข้าใจที่จะเข้าหาซีโลด้วยวิธีการง่ายๆ แบบผู้ชายซึ่งบางครั้งเธอก็ไม่รู้และคิดไม่ถึง เสียงหัวเราะชอบใจของหนุ่มต่างวัยยิ่งทำให้อภินราพลอยมีความสุขกับหลานชายไปด้วย อย่างน้อยซีโลก็มีญาติเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากปู่และอา

“เอาล่ะ สงสัยจะง่วงแล้วจริงๆ ลุงไม่กวนแล้วนะ ซีโลเข้านอนเถอะ” ฮาร์คิฟบอกเมื่อเห็นว่าหลานชายอ้าปากหาวอยู่บ่อยครั้ง เขาลุกขึ้นจากปลายเตียงแล้วมองดูหลานชายตลบผ้าห่มออก ใช้อีกมือตบลงบนที่นอนนุ่มแล้วมองไปยังผู้เป็นอา

“เอลก้า... มาสิฮะ”

“เอ่อ... รออีกแป๊บหนึ่งได้ไหมซีโล เดี๋ยวเราลงไปส่งคุณลุงกลับบ้านก่อน” อภินราพยายามเลี่ยงเพราะรู้ดีว่ากว่าหลานชายจะหลับต้องซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของเธอ บางวันต้องเกาหลัง บางวันต้องหลับไปพร้อมกับ...

“ไม่เป็นไรครับ คุณกล่อมซีโลตามสบาย ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ทำเสียงดังรบกวนเด็ดขาด” พูดพร้อมเดินไปปิดโคมไฟใหญ่กลางห้องให้เหลือเพียงแสงไฟสลัวจากโคมหัวเตียง แล้วก็เดินไปนั่งยังโซฟาตัวเดี่ยวที่ดูเล็กไปถนัดตา เมื่อมีร่างสูงของเขานั่งหลับตาพิงศีรษะกับพนักเตี้ยๆด้านหลัง

อภินราไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงอย่างไร ครั้นจะอธิบายให้เขาเข้าใจว่าบ่อยครั้งที่ซีโลต้องใช้มือซุกอยู่กลางหว่างอกเธอถึงจะหลับสนิท มันดูเป็นเรื่องน่าอายสำหรับเธอยิ่งนัก สุดท้ายเธอก็จำใจเดินไปล้มตัวลงนอนข้างๆเจ้าตัวแสบ ที่ทำให้เธออับอายโดยไม่รู้ตัว แรกๆก็ดูเหมือนจะหลับไปโดยที่เธอเกาหลังให้อย่างเบามือ แต่ผ่านไปได้สักพัก ซีโลก็พลิกตัวหันหน้าเข้าหาผู้เป็นอา

หญิงสาวเหลือบสายตาไปยังคนที่นั่งอยู่ในห้องแล้วต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขาหลับตา นั่งนิ่งไม่ไหวติง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฝ่ามือเล็กๆสอดเข้ามาใต้เสื้อชั้นในกลางหว่างอก อภินรายิ้มพลางใช้ฝ่ามือลูบศีรษะ เรื่อยจนมาถึงแผ่นหลัง กล่อมให้เข้าสู่ห้วงนิทรา

อากัปกิริยาอันอ่อนโยน อบอุ่นนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของฮาร์คิฟทั้งสิ้น จนอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ว่า สิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้รู้มา ช่างขัดแย้งกันจนเขาเกิดความสับสน

เพราะเหตุใดผู้หญิงเห็นแก่ได้ หลอกผู้ชายให้หัวปั่นถึงได้ดูอ่อนโยน แววตาเต็มไปด้วยความรักห่วงใยเช่นนั้น?!

หากความเคลือบแคลงใจทั้งหมดกลับเลือนหายไปจนสิ้นเมื่อสังเกตเห็นภาพที่สะท้อนอยู่บนโคมไฟซึ่งติดอยู่บนฝ้าเพดาน โคมไฟที่มีลักษณะเคลือบโลหะสีเงิน สะท้อนให้เห็นภาพของเธอและหลานชายได้อย่างชัดเจน

โอ...พระเจ้า! เขาคงห่างจากการฟัดผู้หญิงสักคนมานานเกินไปใช่ไหม เมื่อเห็นภาพฝ่ามือน้อยๆที่ซุกอยู่กลางร่องอกอันอวบอิ่มถึงทำให้เขาร้อนฉ่าจนแทบจุดระเบิด ท่าที่เธอนอนตะแคงยิ่งทำให้เห็นเนินเนื้อดันขึ้นมาอย่างชัดเจน ความคิดชั่วร้ายก่อร่างสร้างตัวอย่างรวดเร็ว เขาอิจฉาแม้กระทั่งมือของเด็กที่วางไว้ตรงนั้น!

ก๊อก... ก๊อก...

“เชิญค่ะ...” อภินราพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดังนักเพราะกลัวว่าหลานชายที่ยังหลับไม่สนิทจะรู้สึกตัว หากเสียงหวานที่เอ่ยอนุญาตยังทำให้เขานึกและจินตนาการไปว่าเธอเชื้อเชิญให้เขาเคล้นคลึงร่างกายในส่วนที่นูนขึ้น ช่างนุ่มหยุ่น น่าสัมผัส

“คุณคะ... คุณฮาร์คิฟคะ” พี่เลี้ยงของซีโลเรียกเขาหลายครั้ง ทั้งยังยื่นเสื้อผ้าให้แต่ชายหนุ่มก็นิ่งงัน ไม่ไหวติงจนต้องเรียกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง “คุณฮาร์คิฟคะ ชุดเรียบร้อยแล้วค่ะ”

“อ้อ... ขอบใจ” ฮาร์คิฟสะบัดศีรษะแรงๆ ราวกับขับไล่ความง่วงงุน หากแท้จริงแล้วเขากำลังขับไล่จินตนาการเรือนร่างอรชรซึ่งทอดตัวนอนอยู่บนเตียงนั้นต่างหาก

อภินรารีบกระชับผ้าห่มขึ้นปิดบริเวณหน้าอกของตนเมื่อเห็นว่าเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง “ใช้ห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวฉันจะลงไปส่งข้างล่าง”

“อย่าเลย ซีโลยังหลับไม่สนิท ถ้าคุณขยับตัวเดี๋ยวเขาจะตื่นขึ้นมากวนอีก” พูดจบฮาร์คิฟก็โน้มตัวลงหอมแก้มหลานชายที่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาอภินรา มือข้างหนึ่งค้ำกับที่นอน อีกข้างแตะที่แผ่นหลังบอบบางของเธอ เขาทำเพราะใจสั่งไม่ได้ทำเพราะต้องการหว่านเสน่ห์ หรือถูกต้องเนื้อตัวให้เธอวาบหวิวหัวใจเล่น

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็ว โรแมนติกจนพี่เลี้ยงสาวต้องกัดเล็บของตัวเอง และเสียมารยาทยืนมองภาพวาบหวามหัวใจนั้นเงียบๆ

อภินรานิ่งงันปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดหลวมๆทว่าทรงพลังของเขานิ่งนาน ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอบคุณที่เขาช่วยเหลือในวันนี้ “เอ่อ... ขอบคุณที่ช่วยซีโลนะคะ”

ฮาร์คิฟยิ้มที่มุมปาก มองเธอด้วยสายตาปรารถนาอย่างเปิดเผย “ฝันดีคนสวย พรุ่งนี้เจอกัน”

เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นทำให้อภินราหลุดออกจากมนตร์เสน่หา เธอกะพริบตาถี่ๆไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเดินออกไปจากห้องเมื่อไหร่ หากสายตาของพี่เลี้ยงสาวที่มองมาก็ทำให้ต้องกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง กดเสียงต่ำสั่งกลบเกลื่อนความเขินอาย “รีบตามไปส่งคุณฮาร์คิฟสิ มายืนทำอะไรตรงนี้”

เวลาผ่านไปหลายนาทีแล้วแต่อภินรายังคงนอนมองหน้าหลานชายที่หลับสนิทแล้วเช่นเดิม หัวใจยังแช่มชื่น ทั้งยังไม่เข้าใจว่า เพียงแค่คำพูดหรือสัมผัสเล็กน้อยจากเขา ทำไมถึงทำให้เธอยิ้มกับตัวเองและมีความสุขได้ถึงเพียงนี้ แตกต่างกับฮาร์คิฟที่ออกจากคฤหาสน์วรโชติด้วยสีหน้าเครียดจัด

รามานขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่กล้าเอ่ยถามเจ้านายแต่อย่างใด แค่เพียงเห็นว่าท่านหลับตาแล้วทิ้งศีรษะไปด้านหลังอย่างคนเมื่อยล้า ก็พอจะเดาได้ว่าท่านคงต้องพบเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่ได้ทำงานข้างกาย ก็ไม่เห็นมีสักครั้งที่ท่านจะทำท่าทางเหนื่อยใจถึงเพียงนี้ ขนาดว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำ อดนอนหลายคืนติดๆกัน ทานก็ยังดูสดชื่นเพราะผลตอบแทนจากการทำงานอย่างหนักหน่วงนั้นคือความเงินตรา ความสำเร็จ และชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์

“ผู้หญิงสวยจัด โยกเก่ง หนึ่งคน หามาให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง” ฮาร์คิฟสั่งด้วยน้ำเสียงเครียด ชัดถ้อยชัดคำทันทีที่รถจอดสนิทหน้าโรงแรมหรู

“ท่านว่าอะไรนะครับ?” รามานถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู

ฮาร์คิฟหัวเราะพรืด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนสนิทได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ “ถ้าให้ฉันทวนซ้ำ แกชวดเงินเดือนๆนี้แน่”

เสียงปิดประตูรถดังขึ้นพร้อมกับการบึ่งรถออกจากโรงแรมอีกครั้งเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย หากรามานยังไม่เข้าใจว่าสีหน้าเคร่งเครียด ท่าทางเหนื่อยล้าเช่นนั้น ท่านจะจัดการพาผู้หญิงสักคนโยกจนถึงรุ่งสางได้อย่างไร หากไม่อยากคิดมากเพราะคำพูดสุดท้ายของเจ้านาย ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทเป็นอย่างดี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา