PRES : เพรส นานาชาติพิศวง ตอน ความลับในห้องวิทย์

8.8

เขียนโดย อาบตะวัน

วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.31 น.

  10 ตอน
  52 วิจารณ์
  13.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558 22.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) สาวน้อยร้อยปัญหา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน 

 

“กลับมาแล้วค่ะแม่ สวัสดีค่ะ”

อัยจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ที่ประตูบ้าน หล่อนตะโกนเข้าไปให้แม่ได้ยินก่อน เพื่อแม่จะได้ไม่ตกใจเมื่อหล่อนโผล่พรวดเข้าไปข้างใน บ้านของหล่อนใหญ่โตเกินไปที่จะอยู่กันเพียงสามคนแม่ลูก ด้วยเงินบำนาญของพ่อเลี้ยงที่หอบขนเอามาใช้ในบั้นปลายชีวิต สามารถบันดาลสิ่งหรูหราได้มากมาย ก่อนที่เขาจะจากไปด้วยโรครุมเร้าในวัยชรา เงินก้อนใหญ่ที่มีอยู่ก็ดูจะไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับแผนการวางชีวิตของคนในครอบครัวที่อยู่ในระดับสูงเกินไป บ้านใหญ่เหมือนวัง เนื้อที่กว่าสิบไร่ โรงเรียนหรู ซึ่งอัยจะถอนตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว หล่อนเรียนที่นี่มาตั้งแต่เล็ก ๆ จนอีกแค่ปีเดียวหล่อนก็จะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย จะย้ายไปโรงเรียนไทยก็คงจะเรียนไม่รู้เรื่อง ต่อให้เป็นนานาชาติที่อื่นก็ตามเถอะ ระบบการเรียนที่นี่ ก็ไม่เหมือนกับที่อื่นเลย มันส่งนักเรียนให้ไปอยู่ในมหาวิทยาลัยที่เอื้อระบบเดียวกันเท่านั้น

“เรียนให้จบที่เพรสทั้งคู่นะลูก เงินพ่อมีพอ ไม่ต้องกลัว ต่อมหาวิทยาลัยดี ๆที่ลูกอยากจะเข้า จบมาแล้วอยากจะทำงานก็อะไรก็ตามใจลูก จะทำธุรกิจก็ได้ เงินพ่อมีเหลือเฟือ”

พ่อเลี้ยงสั่งเสียก่อนจะจากไปอย่างสงบ หลังน้ำตาแห้ง สามแม่ลูกจึงมาเปิดดูบัญชีทั้งหมดที่พ่อเหลือไว้ให้ ทั้งสามเบิกตาโตมองตัวเลขบัญชีในธนาคารด้วยความคาดไม่ถึง แม่กับอัยลนลานหาเครื่องคิดเลขมาจิ้มกันมือเป็นระวิง คำนวนตัวเลขที่มี กับค่าเทอมของทั้งคู่ตลอดจนจบการศึกษา ก่อนจะพบว่า มันพอแค่นั้นจริง ๆ พอแค่ทั้งอัยและโนอาร์จบแค่ปริญญาตรี

พ่อไม่ได้คิดเผื่อค่ากินค่าอยู่เลย….

“อย่าขายบ้านนะพิม”

ยังจะสั่งเสียแม่แบบนั้นอยู่อีก….

บ้านหลังเบิ้มเริ่มนี้…จึงจำต้องเลิกจ้างแม่บ้าน คนสวน และขายหมา ม้า วัวออกไปหมด เหลือแต่พี่เลี้ยงสาวแก่ไว้หนึ่งคน ช่วยเป็นธุระเรื่องต่าง ๆ ให้โนอาร์ และช่วยแม่ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนเรื่องงานบ้านอื่น ๆ เป็นเรื่องของอัยกับโนอาร์ต้องช่วยกัน สวนก็สองเดือนจึง ค่อยหาคนมาช่วยตัดหญ้าเสียทีหนึ่ง

พ่ออาจจะแก่เกินไป จึงคำนวนเงินทั้งหลายผิดพลาดไปหมด พลาดมหันต์เลยทีเดียว…

อัยจึงต้องลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ทั้งเรียน ทั้งงานบ้าน ทั้งหาเงิน ทุกอย่างอยู่ในความรับผิดชอบของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีแค่คนเดียว

“เราแบ่งบ้านให้คนอื่นเช่าดีไหมลูก”

แม่พูดขึ้นระหว่างทำกับข้าว อัยยังง่วนอยู่กับอ่างล้างจาน ได้ยินเข้าก็เลิกคิ้ว

“ให้ใครก็ไม่รู้มาอยู่บ้านเดียวกับเราเนี่ยนะคะแม่ ไม่กลัวเหรอ”

แม่หล่อนเดินไปเช็ดมือ ปล่อยแกงในหม้อเดือดปุด ๆ ให้ลูกจ้างดูแทน แล้วเดินออกไปนั่งที่ห้องรับแขกคุยต่อกับลูกสาวคนโต

“เราก็หาคนที่ไว้ใจได้สิลูก เราจะไปเอาคนไม่รู้จักมาอยู่กับเราทำไม อีกอย่างห้องหับบ้านเรามีเยอะแยะ ห้องใหญ่ ๆ ที่เป็นห้องชุดชั้นล่างเราก็มี ปล่อยเช่าได้เดือนละเป็นหมื่นเลยนะ”

ห้องชุดอย่างที่แม่ว่า มีราวสี่ถึงห้าห้องทีเดียว หากหล่อน ‘กล้า’ ที่จะปล่อยเช่า คงจะมีรายได้ต่อเดือนเพิ่มมากขึ้นอีกโข แต่มันก็แลกกันกับความเป็นส่วนตัวที่หายไป และอาจจะหมายรวมถึงความเสี่ยงที่มากับคนเช่าเหล่านั้นด้วย

“กลัวค่ะแม่ บ้านเรามีแต่ผู้หญิง โนอาร์ก็ยังเด็ก อัยว่าเราประคองกันไปแบบนี้ก่อนดีกว่า แม่ก็อดทนเอาหน่อยนะคะ พออัยเรียนจบ เราก็คงจะสบายมากขึ้น”

อัยสบตาแม่อย่างขอความเห็นใจ แม่ชินกับความสุขสบายมาหลายปี ทุกวันนี้เหมือนนางจะจมไม่ค่อยลงกับสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองของบ้าน มื้อเช้าของแม่ก็ยังอยากจะให้มันเป็นอาหารฝรั่งที่ครบเซ็ททั้งขนมปังปิ้ง แฮม ไข่ดาว กาแฟและน้ำส้มคั้น อยากกินสเต๊กเนื้อตอนมื้อเที่ยงและสนุกสนานกับมื้อเย็นแบบอาหารไทยครบรส ซึ่งทั้งหมดนี้ อัยมองว่ามันสิ้นเปลืองมากสำหรับบ้านที่มีแต่รายจ่าย ไม่มีรายรับประจำอย่างที่เคยมี

“เราก็ประหยัดกันอีกหน่อย กินให้น้อยลง ถูกลง อัยคิดว่าอัยยังพอหาเงินไหวค่ะ”

แม่ของอัยทำท่าเซ ๆ คล้ายคนจะเป็นลม

“นี่อัยจะให้แม่กินข้าวต้มตอนเช้า ข้าวไข่เจียวตอนเที่ยง แล้วน้ำพริกมื้อเย็นอย่างนั้นเหรอ …โธ่..ลูก แม่ …แม่..กินไม่ลงหรอก”

นางก้มหน้าซ่อนน้ำตา เจ็บปวดชอกช้ำที่ไม่สามารถไปเล่นไพ่กับแก๊งเมียฝรั่งขาประจำ..ไม่พอ นี่ยังต้องฝืนกล้ำกลืนกินอาหารคนยากเข้าไปอีกงั้นหรือ ชีวิตนางเข้าภาวะวิกฤติเหลือจะรับเกินไปแล้ว อัยมองแม่อย่างเห็นใจ เอื้อมไปจับมือแม่มาบีบเบา ๆ

“แม่คะ เพื่อน ๆ ที่โมเดลลิ่งบางคนเขาก็กินกันแบบนั้นแหละค่ะ เขาสวยหุ่นดีกันจะตาย แม่อย่าไปคิดแบบนั้นสิคะ ตายายมาได้ยินเข้าคงเสียใจ”

มองแม่เอียงหน้าซุกเข้าหมอนอิงแล้วก็ส่ายหน้า ตั้งแต่พ่อเลี้ยงจากไป แม่หล่อนอยู่ในอารมณ์ดราม่าแบบนี้แทบทุกวัน เศร้าเสียใจที่ตัวเอง ไม่ได้ร่ำรวยหรูหราอย่างที่เคยเป็นคุณนายบ้าน ‘เบลล์’ อย่างแต่ก่อน รับไม่ได้ที่ตัวเองไม่ได้ออกไปช้อปปิ้งหรือทัวร์ยุโรป คอยปาดน้ำตาทุกครั้งที่ต้องมีการขายทรัพย์สินบางอย่างในบ้านไปเพราะว่าไม่มีความสามารถพอจะจ่ายค่าดูแลรักษามันได้อีกต่อไป อัยไม่อยากต่อว่าแม่ให้ช้ำใจมากไปกว่านี้ ดีแค่ไหนแล้ว ที่นางไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ลูกทั้งสองคนลาออกจากโรงเรียนเพรสแล้วไปเข้าเรียนโรงเรียนอื่นเสีย

“ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา ก็หาสามีฝรั่งนะลูก ผัวไทยไม่ต้องไปเอามัน…จน”

‘วรรคทอง’ ของแม่ ทำให้อัยเข้าใจตั้งแต่นาทีนั้นเป็นต้นมาเลยว่า ที่แม่ให้ความสำคัญกับการศึกษา… เป็นเพราะอะไร

พ่อผู้ให้กำเนิดของอัยเป็นหนุ่มโรงงาน ตลอดเวลาที่แม่อยู่กับพ่อ ก็ทนกัดก้อนเกลือกินมาตลอด ถ้าจู่ ๆ พ่อไม่หนีหายไปในวันนั้น แม่ก็คงไม่ได้แต่งงานใหม่กับพ่อฝรั่งคนนี้ ในวัยสามขวบของอัย กับชีวิตที่หรูหราตลอดมา จนแม่เคยชินกับมัน อัยคิดหนาว ๆ ร้อน ๆ อยู่ในใจไม่น้อย เวลาเห็นแม่แต่งหน้าแต่งตัวออกจากบ้าน แม่ยังดูสาวและสวย โอกาสจะคว้าสามีฝรั่งคนใหม่ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่อัยไม่อยากได้ใครมาแทนที่พ่อเลี้ยงของหล่อนอีก หล่อนยากจน… ก็อยากจะอยู่กันประสาแม่ลูก ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายกับครอบครัว แม้แต่กับเรื่องที่จะเปิดบ้านให้คนอื่นเช่าหารายได้เพิ่มก็ตาม

 

เช้าวันต่อมา อัยก็ต้องประหลาดใจมากขึ้น หลังจากที่ได้รับอีเมลเรียกประชุมด่วนจากศาสตราจารย์สตีเฟ่น ในห้องประชุมมีคณาจารย์ชุดเดิม แต่มีเด็กนักเรียนอยู่ในห้องประชุมอีกสองสามคน เป็นเด็กผู้หญิงเกรดหกสองคนนั่งกอดกันร้องไห้ซิก ๆ อยู่ที่เก้าอี้โซฟามุมห้อง อีกคนเป็นนักเรียนเกรดสิบเอ็ดชั้นเดียวกันกับหล่อน นายเควิน เมอร์ตัน นักเรียนใหม่ ลูกครึ่งไทย เบลเยี่ยม เป็นนักเรียนทุนกีฬาประเภทเทนนิสที่ตัวสูงใหญ่ที่สุดในโรงเรียน เขานั่งอยู่ที่ปลายโต๊ะ เท้าคางเบือนหน้าออกจากวงสนทนา คิ้วเข้มขมวดอย่างไม่สบอารมณ์

อัยกวาดตามองรอบห้องประชุมอย่างสงสัย...พวกเขามาที่นี่ทำไมกัน...??!!??

“เอาล่ะ มาครบแล้วก็เริ่มประชุมกันได้”

ศาสตราจารย์สตีเฟ่นพูดขึ้น ภายในห้องประชุมเงียบกริบเมื่ออาจารย์ใหญ่พูดว่า เมื่อคืนนี้เกิดเหตุการณ์น่าตกใจขึ้นภายในโรงเรียน เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นหึ่ง ๆ อาจารย์นาเรลป้องปากกระซิบกับอาจารย์มอลลี่ เช่นเดียวกับศาสตราจารย์เครกและศาสตราจารย์ฮันนาที่หันหน้าเข้าหากันพูดคุยเบา ๆ ทุกคนเงียบเสียงลงอีกครั้ง เมื่อศาสตราจารย์สตีเฟ่นขอให้ลูซี่กับแอล เด็กผู้หญิงเกรด 6 ทั้งสองคน เป็นคนเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาให้ทุกคนฟังเอง

“พวกเราเป็นเด็กหอค่ะ ตอนหนึ่งทุ่มต้องมาทำการบ้านด้วยกันที่ห้องสมุด”

แอลเล่าปนเสียงสะอื้น

“แต่หนูนึกขึ้นได้ว่ามีการบ้านวิชาภาษาอังกฤษ แล้วมันก็อยู่ในตู้ล็อกเกอร์”

ล็อกเกอร์ของนักเรียนเกรดหกอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องวิทยาศาสตร์ อัยคิดคนเดียวในใจ เด็กสองคนนี้เพิ่งย้ายขึ้นมาจากฝั่งโรงเรียนประถม คงไม่ทันรู้เรื่องที่เขาเล่าลือกันในฝั่งโรงเรียนมัธยม

“แล้วหนูก็เห็น...”

เด็กน้อยตัวสั่นเริ่มสะอื้นจนตัวโยน อาจารย์นาเรลขยับเข้ากอดไหล่แอล ปลอบโยนสาวน้อยเบา ๆ จนหล่อนดูมั่นใจขึ้นอีกครั้งจึงเล่าต่อ

“มันมีแสงไฟสว่างขึ้นในห้องค่ะ หนูกับลูซี่สงสัยก็เลยชะเง้อหน้าดูทางช่องกระจกที่ประตู เห็นชัดเจนเลยค่ะ ว่าแสงที่มันสว่างนั่นมันเป็นรูปร่างคน คนตัวใหญ่ ๆ เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ลูซี่ตกใจก็ร้องออกมา พอ ... พอมันเห็นพวกหนูมันก็รีบเดินมาที่ประตู พวกหนูกลัวมาก เลยรีบวิ่งลงบันไดกลับไปที่ห้องสมุด ไปขอให้อาจารย์ช่วย”

                  อัยปิดปากอย่างตกใจ เด็กผู้หญิงทั้งสองคนเริ่มต้นกอดกันร้องไห้อีกครั้ง น่าขนลุก อัยนึกถึงสำนวนไทยที่ว่า “กลัวจนหัวโกร๋น” ซึ่งแม่เคยเล่าว่ามันมีคนเคยกลัวจนหัวโกร๋นแล้วจริง ๆ หล่อนมองเด็กทั้งคนนี้แล้วก็พลอยนึกไปว่า โชคดีเหลือเกิน ที่ทั้งสองคนนี้ไม่ได้กลัวจนจับไข้ผมร่วงอย่างที่แม่เล่า

“ใจเย็น ๆ ก่อน”

ศาสตราจารย์สตีเฟ่นพูดขึ้นเสียงดัง

“ยังไงก็แล้วแต่ ช่วงเวลาทำการบ้านของเด็กหอเป็นช่วงหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่ม และในช่วงเวลาเดียวกัน ก็มีรปภ.ไปพบกับเควินที่บริเวณชั้นสามของตึกมัธยมด้วย ซึ่งสิ่งที่ทั้งสองคนเจอในห้องวิทยาศาสตร์อาจจะเป็นเขา”

สายตาทุกคู่หันไปจ้องมองเควินเป็นตาเดียว หนุ่มลูกครึ่งส่ายหน้าหงุดหงิด

“เฮ้! ศาสตราจารย์ครับ ผมแค่ขึ้นไปเอาของที่ตู้ล็อกเกอร์ของผมเหมือนกัน เรื่องอะไรมากล่าวหาผมแบบนี้”

“เควิน ตู้ล็อกเกอร์ของเกรดสิบเอ็ดไม่ได้อยู่ที่หน้าห้องวิทยาศาสตร์สักหน่อย แล้วนายไปวุ่นวายแถวนั้นทำไม”

ศาสตราจารย์เครกเอ่ยขึ้นอีกคน อัยรู้หน้าที่ตัวเองเป็นอย่างดี ในระหว่างการสอบสวน นิ้วของหล่อนก็เริ่มทำงาน พรมรัวเร็วอยู่บนแป้นพิมพ์แท็ปเล็ตส่วนตัว บันทึกข้อความทุกอย่างไว้

“ผมไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับห้องวิทยาศาสตร์เลย.... ผมไปเอาของ เสร็จแล้วผมก็กลับ ขากลับผมเจอลุงยาม ผมก็ทักทายคุยกัน ไม่ได้ไปแกล้งหลอกผีใครสักหน่อย อีกอย่างนะครับ ศาสตราจารย์ ใครก็รู้ว่าประตูห้องวิทย์น่ะ มันปิดตาย แล้วผมจะเข้าไปข้างในได้ยังไงล่ะคร้าบ....”

น้ำเสียงยียวนตามสีหน้า แต่อัยสังเกตเห็นเหงื่อซึมที่ไรผม เควินเป็นนักเรียนใหม่ เขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้เรื่องข่าวลือในโรงเรียน แต่เกือบสองปีมานี้ ก็ยังไม่เคยได้ยินใครพูดว่าเห็นหรือเจออะไรที่ด้านห้องวิทย์มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก...

“เราจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอีกครั้งเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของคุณ… เควิน”

อาจารย์ใหญ่หันมาทางประธานนักเรียน

“ระหว่างนี้… อัย… ผมอยากให้คุณช่วยเคลียร์ห้องวิทยาศาสตร์นั่นด้วย จะได้หมดปัญหาเสียที”

อัยเลิกคิ้วสูง มองอาจารย์ใหญ่ราวกับไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน

“คะ…ศาสตราจารย์ว่าอะไรนะคะ…”

“เคลียร์ห้องวิทยาศาสตร์ อัย…คุณได้ยินชัดเจนน่า”

ศาสตราจารย์สตีเฟ่นมองหน้าหล่อน ยิ้มเย็น อัยหน้าเผือด

เคลียร์ห้องวิทย์อย่างนั้นเหรอ…ไม่จริงใช่ไหม ห้องนั้นไม่มีใครอยากแม้กระทั่งเดินผ่าน อัยนึกว่าศาสตราจารย์สตีเฟ่นจะแก้ปัญหาโดยการสั่งย้ายตู้ล็อกเกอร์หน้าวิทยาศาสตร์ออกไปเสียอีก นั่นมันง่ายกว่ากันเยอะเลย

“เคลียร์…ยังไงคะศาสตราจารย์”

“ผมจะให้กุญแจคุณไป ห้องนั้นถูกล็อกตายมาเกือบสองปีแล้ว กุญแจเก็บที่ตู้เซฟห้องดร. ฮาเบิร์ท ผมจะให้คุณเอาไปเปิด แล้วจัดการเคลียร์ทุกอย่างที่เป็นของศาสตราจารย์โรนัลออก แยกไว้เป็นของส่วนกลางเสีย ผมจะย้ายห้องวิทย์ใหม่ ส่วนห้องนั้น คุณเอาไว้ใช้จัดงานปาร์ตี้ตามที่ผมเคยสั่งแล้วก็แล้วกัน อ้อ... เควิน ระหว่างรอการตรวจสอบภาพจากกล้อง คุณช่วยอัยทำงานนี้ด้วยนะ ผมไม่อยากให้คนอื่นมาวุ่นวาย เก็บเป็นความลับระหว่างพวกคุณกับอาจารย์ในห้องประชุมนี้ก็แล้วกัน”

ศาสตราจารย์สตีเฟ่นสั่งปิดประชุม ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปจากห้อง เหลือเพียงแต่อัยกับนายลูกครึ่งหน้าตากวนโอ๊ยอยู่ในห้อง หล่อนแทบจะร้องกรี๊ด นี่หล่อนต้องเคลียร์ห้องวิทย์! กับหมอนี่! แล้วอีกอย่าง.... ใครหน้าไหนมันอยากจะมาปาร์ตี้ในห้องที่เคยมีคนตายอย่างนี้เล่า!!

เกิดเป็น ‘อัย’ นี่มันซวยขนานแท้จริง ๆ เลย!!!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา