Bring me to you. เทพรัก ช่วยทักหัวใจผมที YAOI
-
2) บทที่ 2 เทพแห่งความรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ บทที่ 2 เทพแห่งความรัก
โรแธมหลบไปนั่งซึมอยู่หน้าสระหลังโรงเรียน
จะพูดว่าไงดีนะ ไม่สิ เขาไม่มีสิทธิ์พูดด้วยซ้ำ แต่ในช่วงเวลาที่นั่งทานข้าวด้วยกันมันเป็นอะไรที่มีความสุขมากๆ จนหัวใจแทบจะระเบิดออกมา ตอนที่ฝึกทำอาหารจนต้องแปะพลาสเตอร์ไปหลายตัวนั่นก็เหมือนกัน ขอแค่ได้ยินคำว่าอร่อยเท่านั้น โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะสว่างสดใสขึ้นมาเลย
‘แล้วตอนนี้ จะโดนเกลียดหรือยังนะ’
ถึงไปพูดอะไรตอนนี้ก็คงถูกมองว่าเป็นตัวสร้างความลำบากใจให้อยู่ดี เขาควรจะแก้ปัญหานี้ยังไงนะ ต่อให้ไปถามเทพแห่งความรักก็คงตอบไม่ได้ ต้องขอบคุณเจ้านั่นด้วยซ้ำที่ทำให้เขารู้ว่าการกระทำของตัวเองมันน่ารำคาญขนาดไหน
เขาเหวี่ยงก้อนหินริมสระ ฟังเสียงมันดังต๋อม มองระลอกคลืนที่แผ่เป็นวง ก้อนหินก้อนนั้นจมลงสู่ก้นสระเบื้องล่าง สุดท้ายแล้ว เขาจะกลายเป็นแค่พวกขี้ตื๊อสมัยมัธยมในความทรงจำของนางาโตะหรือเปล่านะ
เสียงฝีเท้าเหยียบเศษใบไม้แห้งทำให้เขารีบหันกลับไป วูบหนึ่ง ณ ขณะนั้น เขาอดหวังไม่ได้ว่าคนที่มาอาจจะเป็นนางาโตะ แต่ร่างที่ปรากฏกลับเป็นผู้หญิงใบหน้าอ่อนโยนคนหนึ่ง เธอดูน่าเกรงขาม ทั้งที่ใบหน้ายังอ่อนเยาว์นัก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ว่าเธอมีความอบอุ่นเสมือนมารดา เป็นออร่าเฉพาะตัวสำหรับหญิงสาวที่มีฐานะพิเศษนั้นเท่านั้น
เธอทำให้เขานึกถึงเลดี้โรเธียเนีย ท่านก็มีใบหน้าอ่อนโยนและผมสีทองยาวสลวยเหมือนกัน
“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ” เธอเอ่ยขึ้นมาก่อน หลังจากหย่อนตัวเองลงข้างเขา “ในสนามวิ่งของโรงเรียน เขาเริ่มแข่งกันอีกรอบแล้วนะ”
ใบหน้าของโรแธมสลดลง “ผมไปไม่ได้หรอกครับ ถึงไป ก็รังแต่จะสร้างความลำบากใจให้คนอื่นเขาเปล่าๆ”
หญิงสาวผมทองมองเขาอย่างอ่อนโยน “แล้วเธอทำจริงหรือเปล่าจ๊ะ”
โรแธมพยักหน้า หลักฐานที่ดินไม่หลุดยังคาอยู่ในถังขยะก่อนจะมาถึงที่นี่อยู่เลย
“งั้นก็ดีที่รู้แล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ อย่างน้อยเราจะได้แก้ไขในสิ่งที่เราผิดพลาดได้ คนบางคนน่าสงสารมากนะจ๊ะ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำสร้างความอึดอัดให้กับคนที่เขารัก ต่อให้สวดอ้อนวอนต่อเทพแห่งความรักสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีใครช่วยได้หรอกจ้ะ”
โรแธมกล่าวเสียงสลด “แล้วผมควรจะทำยังไงดี”
เธอใช้ฝ่ามือไล้ไปตามเส้นผมสีทองนุ่มสลวย “เธอชอบเขาหรือเปล่าจ๊ะ”
โรแธมชะงัก ใบหน้าค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมาราวกับจิตรไล้โทนสีในภาพวาด ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ มือของเขาทาบลงบนหัวใจที่เต้นตึกตัก ความอบอุ่นนั้นสื่อถึงการราวกับต้องการกล่าวร้องบอกคนที่อยู่ภายในนั้น “ชอบครับ ชอบที่สุดเลย”
หญิงสาวคลี่ยิ้มช้าๆ เด็กคนนี้จะรู้ไหมหนอ ว่าแววตา ว่าน้ำเสียง ว่าอารมณ์ที่ปรากฏอยู่ ณ ขณะนี้ช่างเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนอันลึกซึ้ง ความรักคือมนตราอันวิเศษที่สามารถเปลี่ยนผู้คนได้อย่างน่าทึ่ง สามารถสร้างปาฏิหาริย์นับครั้งไม่ถ้วน
“ถ้ายอมแพ้ตอนนี้ เธอก็เป็นได้แค่สิ่งที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ แต่ถ้าลองลุกขึ้นสู้ดูสักตั้งล่ะก็ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าทำอย่างที่สุดแล้ว ตัวเธอในอนาคตจะต้องมองกลับมาด้วยความภาคภูมิใจแน่นอนจ้ะ”
โรแธมสั่นกลัว “แต่ผมทำอะไรก็น่ารำคาญ...”
เรียวนิ้วของเธอทาบริมฝีปากเขาเบาๆ “ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นตัวน่ารำคาญไปเสียทุกอย่างหรอกนะจ๊ะ ถ้าวิธีแรกไม่ดี ลองวิธีอื่นดูสิจ๊ะ ถ้าที่ผ่านมาวิ่งเข้าใส่อย่างเดียว ลองชะลอฝีเท้าสักพัก เผื่อเธอจะเห็นว่าเขาไม่ได้วิ่งหนีเธอไปไกลขนาดนั้นนะ” เธอขยิบตาให้กำลังใจ
เธอมองแผ่นหลังที่เปี่ยมด้วยความหวังของโรแธมที่วิ่งจากไป
...ก่อนจะเผยสีหน้าโมโห
“เจ้าลูกคนนี้นี่! นอกจากกล้ามเนื้อ เมื่อไหร่จะมีสมองกับหัวใจสักทีนะ!”
นางาโตะมองคนที่หอบแฮกๆ อยู่เบื้องหน้า ดูเหมือนเขาจะผิดคาดเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายวิ่งกลับมาหาไวขนาดนี้ ก็จริงที่อีกฝ่ายใจไม่เล็ก แต่การฟื้นฟูนี้จะไวเกินไปไหม เขาคิดว่าจะได้เห็นมนุษย์ซึมส่งสายตาเศร้ามาให้จากขอบสนามตลอดอาทิตย์เสียอีก
โรแธมยื่นมือออกมา “ขอฉันเป็นเพื่อนด้วยนะ!”
นางาโตะอึ้งเป็นคำรบสอง
‘เจ้าหมอนี่ทำอะไรผิดคาดเป็นด้วยแฮะ’
“เอาสิ” เขาหัวเราะออกมา “ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเจอใครพูดแบบนี้เลยแฮะ คนปกติที่ไหนเขามาขอเรื่องแบบนี้กันล่ะ”
“ก็คนปกติทั่วไปยังไงเล่า” โรแธมค้อน “งั้นเวลานายจะผูกมิตร นายพูดว่าอะไรล่ะ”
เขาทำหน้านึก “ก็คง ‘ขอเล่นด้วย’ ล่ะมั้ง”
โรแธมมองเข้าไปในสนามแล้วทำหน้าเบ้ เขากอดอกแสร้งทำตัวสั่น ปากก็พูดโดยไวว่าเขาไม่มีวันไปเผชิญนรกการวิ่งกลางแดดตอนเที่ยงเปรี้ยงๆ ให้เสี่ยงเป็นฮีทสโตรกเด็ดขาด เขาน่ะวิ่งเพื่อรักษาหุ่นให้บอบบางน่ารักอยู่เสมอก็จริง แต่เขาจะวิ่งในฟิตเนสที่มีหลังคาเท่านั้น
‘ผิวน่ะสำคัญน่ะ!’
“แล้วกลิ่นเหงื่อก็เหม็นด้วย ฉันเกลียดเวลาเหงื่อออกตอนไม่ได้อยู่ในฟิตเนส”
นางาโตะยิ้มแหยๆ ขณะเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทำให้คนพูดรู้สึกตัวขึ้นไม่ได้ รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“แต่นางาโตะไม่เหม็นนะ ฉันชอบกลิ่นเหงื่อของนางาโตะสุดๆ ไปเลย แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกใจเต้นตึกตักไปหมดแล้ว!”
นางาโตะหน้าแดง “อะ – เอ่อ... เหรอ ขอบใจนะ”
“เจ้านั่นพูดอะไรสยองชะมัดเลยแฮะ ขนาดข้าอยู่กับพวกนักรบมานาน ยังเหม็นกลิ่นสาบผู้ชายเจ้าพวกนั้นอยู่เลย ...โอ๊ย!”
เจ้าตัวหยิบของที่ลอยจากฟากฟ้านภาลงมาตกใส่กลางศีรษะได้อย่างแม่นยำขึ้นมาดู ‘อะไรหว่า หน้าตาคล้ายหินในสวนสระส่องโลกของท่านแม่...’
แต่หินใครก็ช่าง เขากระดกชามะนาวกระป๋องจากตู้ขายอัตโนมัติดึงอึกๆ อันเป็นของกำนัลชิ้นแรกที่ได้มาจากชีป แม้จะได้สัมผัส ‘ส่วนนั้น’ ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โตกว่าตนมาก แต่เจ้าตัวก็ยังประกาศกร้าวข้างสนามว่า ‘ช่างมันเซ่!’ ได้อย่างกล้าหาญ เล่นเอาคนทั้งสนามทั้งสยองทั้งนับถือไปพร้อมๆ กัน
“เจ้าแกะ! คราวนี้ข้าขอน้ำอัดลม!”
นางาโตะจำสัมผัสครั้งสุดท้ายที่ได้ขึ้นรถยนต์แทบไม่ได้
บ้านเขาเปิดร้านสะดวกซื้อในเขตการค้า รอบด้านจึงเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและร้านค้ามากมาย ชีวิตประจำวันจึงไม่จำเป็นต้องใช้รถในการเดินทาง อีกประการหนึ่งคือครอบครัวเขาฐานะไม่ดีพอจะใช้รถยนต์สัญจรในทุกๆ โอกาสการออกไปข้างนอก
จริงอยู่ที่เขาสนใจเบาะนิ่มๆ แต่สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือการมองออกไป ความรู้สึกของคนเดินกับคนนั่งรถมันช่างต่างกันจริงๆ แม้แต่อากาศยังถูกปรับให้เย็นพอเหมาะ เหมือนอยู่ในโดมอาคารส่องสัตว์โลดใต้ทะเลในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเลย
อีกด้านหนึ่งของเบาะ
‘จะ – จะ – จับมือดีไหมนะ แต่เราเพิ่งบอกว่เราเป็นเพื่อนกันนี่นา ปะ – ปกติเพื่อนกันเขาจับมือกันหรือเปล่านะ’
ใบหน้าแดงร้อนจนเกือบสุกของโรแธมกำลังสื่ออารมณ์อย่างสับสนวุ่นวาย ขณะที่มองคนที่กำลังดูทิวทัศน์ภายนอก แววตาสีนิลคู่นั้นสงบนิ่ง เต็มไปด้วยความสบายใจและผ่อนคลาย เสมือนผู้ที่มองดูโลกนี้ด้วยหัวใจเป็นกลาง
‘สง่างามอย่างกับ...เทวดา’
เขาพิงศีรษะกับรถด้านหนึ่ง มองดูภาพนั้นต่อไปเรื่อยๆ
ทั้งที่ไม่ได้พูดอะไร แต่โรแธมไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของตัวเองจึงรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเต็มเติมอย่างช้าๆ และอ่อนโยน
TBC.
เคห์ล่าคีย์เองค่ะ
เทพแห่งความรักมือใหม่ ดันกลายพันธุ์มาจากเทพสงคราม
งานนี้ร้อนถึงเทพีแห่งรักต้องลงมาจัดการด้วยตนเองเสียอย่างนั้น!
อ่าฮะ ที่น่าสนใจนอกจากนี้คือความปักใจของชีปเนี่ยแหละ
(อนึ่ง ชีปเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Sheep ที่แปลว่าแกะค่ะ อาเซนนอลจึงเรียกชีปว่าเจ้าแกะนั่นเอง)
ขอบคุณที่เข้ามารับชมนะคะ
โรแธมหลบไปนั่งซึมอยู่หน้าสระหลังโรงเรียน
จะพูดว่าไงดีนะ ไม่สิ เขาไม่มีสิทธิ์พูดด้วยซ้ำ แต่ในช่วงเวลาที่นั่งทานข้าวด้วยกันมันเป็นอะไรที่มีความสุขมากๆ จนหัวใจแทบจะระเบิดออกมา ตอนที่ฝึกทำอาหารจนต้องแปะพลาสเตอร์ไปหลายตัวนั่นก็เหมือนกัน ขอแค่ได้ยินคำว่าอร่อยเท่านั้น โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะสว่างสดใสขึ้นมาเลย
‘แล้วตอนนี้ จะโดนเกลียดหรือยังนะ’
ถึงไปพูดอะไรตอนนี้ก็คงถูกมองว่าเป็นตัวสร้างความลำบากใจให้อยู่ดี เขาควรจะแก้ปัญหานี้ยังไงนะ ต่อให้ไปถามเทพแห่งความรักก็คงตอบไม่ได้ ต้องขอบคุณเจ้านั่นด้วยซ้ำที่ทำให้เขารู้ว่าการกระทำของตัวเองมันน่ารำคาญขนาดไหน
เขาเหวี่ยงก้อนหินริมสระ ฟังเสียงมันดังต๋อม มองระลอกคลืนที่แผ่เป็นวง ก้อนหินก้อนนั้นจมลงสู่ก้นสระเบื้องล่าง สุดท้ายแล้ว เขาจะกลายเป็นแค่พวกขี้ตื๊อสมัยมัธยมในความทรงจำของนางาโตะหรือเปล่านะ
เสียงฝีเท้าเหยียบเศษใบไม้แห้งทำให้เขารีบหันกลับไป วูบหนึ่ง ณ ขณะนั้น เขาอดหวังไม่ได้ว่าคนที่มาอาจจะเป็นนางาโตะ แต่ร่างที่ปรากฏกลับเป็นผู้หญิงใบหน้าอ่อนโยนคนหนึ่ง เธอดูน่าเกรงขาม ทั้งที่ใบหน้ายังอ่อนเยาว์นัก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ว่าเธอมีความอบอุ่นเสมือนมารดา เป็นออร่าเฉพาะตัวสำหรับหญิงสาวที่มีฐานะพิเศษนั้นเท่านั้น
เธอทำให้เขานึกถึงเลดี้โรเธียเนีย ท่านก็มีใบหน้าอ่อนโยนและผมสีทองยาวสลวยเหมือนกัน
“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ” เธอเอ่ยขึ้นมาก่อน หลังจากหย่อนตัวเองลงข้างเขา “ในสนามวิ่งของโรงเรียน เขาเริ่มแข่งกันอีกรอบแล้วนะ”
ใบหน้าของโรแธมสลดลง “ผมไปไม่ได้หรอกครับ ถึงไป ก็รังแต่จะสร้างความลำบากใจให้คนอื่นเขาเปล่าๆ”
หญิงสาวผมทองมองเขาอย่างอ่อนโยน “แล้วเธอทำจริงหรือเปล่าจ๊ะ”
โรแธมพยักหน้า หลักฐานที่ดินไม่หลุดยังคาอยู่ในถังขยะก่อนจะมาถึงที่นี่อยู่เลย
“งั้นก็ดีที่รู้แล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ อย่างน้อยเราจะได้แก้ไขในสิ่งที่เราผิดพลาดได้ คนบางคนน่าสงสารมากนะจ๊ะ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำสร้างความอึดอัดให้กับคนที่เขารัก ต่อให้สวดอ้อนวอนต่อเทพแห่งความรักสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีใครช่วยได้หรอกจ้ะ”
โรแธมกล่าวเสียงสลด “แล้วผมควรจะทำยังไงดี”
เธอใช้ฝ่ามือไล้ไปตามเส้นผมสีทองนุ่มสลวย “เธอชอบเขาหรือเปล่าจ๊ะ”
โรแธมชะงัก ใบหน้าค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมาราวกับจิตรไล้โทนสีในภาพวาด ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ มือของเขาทาบลงบนหัวใจที่เต้นตึกตัก ความอบอุ่นนั้นสื่อถึงการราวกับต้องการกล่าวร้องบอกคนที่อยู่ภายในนั้น “ชอบครับ ชอบที่สุดเลย”
หญิงสาวคลี่ยิ้มช้าๆ เด็กคนนี้จะรู้ไหมหนอ ว่าแววตา ว่าน้ำเสียง ว่าอารมณ์ที่ปรากฏอยู่ ณ ขณะนี้ช่างเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนอันลึกซึ้ง ความรักคือมนตราอันวิเศษที่สามารถเปลี่ยนผู้คนได้อย่างน่าทึ่ง สามารถสร้างปาฏิหาริย์นับครั้งไม่ถ้วน
“ถ้ายอมแพ้ตอนนี้ เธอก็เป็นได้แค่สิ่งที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ แต่ถ้าลองลุกขึ้นสู้ดูสักตั้งล่ะก็ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าทำอย่างที่สุดแล้ว ตัวเธอในอนาคตจะต้องมองกลับมาด้วยความภาคภูมิใจแน่นอนจ้ะ”
โรแธมสั่นกลัว “แต่ผมทำอะไรก็น่ารำคาญ...”
เรียวนิ้วของเธอทาบริมฝีปากเขาเบาๆ “ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นตัวน่ารำคาญไปเสียทุกอย่างหรอกนะจ๊ะ ถ้าวิธีแรกไม่ดี ลองวิธีอื่นดูสิจ๊ะ ถ้าที่ผ่านมาวิ่งเข้าใส่อย่างเดียว ลองชะลอฝีเท้าสักพัก เผื่อเธอจะเห็นว่าเขาไม่ได้วิ่งหนีเธอไปไกลขนาดนั้นนะ” เธอขยิบตาให้กำลังใจ
เธอมองแผ่นหลังที่เปี่ยมด้วยความหวังของโรแธมที่วิ่งจากไป
...ก่อนจะเผยสีหน้าโมโห
“เจ้าลูกคนนี้นี่! นอกจากกล้ามเนื้อ เมื่อไหร่จะมีสมองกับหัวใจสักทีนะ!”
นางาโตะมองคนที่หอบแฮกๆ อยู่เบื้องหน้า ดูเหมือนเขาจะผิดคาดเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายวิ่งกลับมาหาไวขนาดนี้ ก็จริงที่อีกฝ่ายใจไม่เล็ก แต่การฟื้นฟูนี้จะไวเกินไปไหม เขาคิดว่าจะได้เห็นมนุษย์ซึมส่งสายตาเศร้ามาให้จากขอบสนามตลอดอาทิตย์เสียอีก
โรแธมยื่นมือออกมา “ขอฉันเป็นเพื่อนด้วยนะ!”
นางาโตะอึ้งเป็นคำรบสอง
‘เจ้าหมอนี่ทำอะไรผิดคาดเป็นด้วยแฮะ’
“เอาสิ” เขาหัวเราะออกมา “ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเจอใครพูดแบบนี้เลยแฮะ คนปกติที่ไหนเขามาขอเรื่องแบบนี้กันล่ะ”
“ก็คนปกติทั่วไปยังไงเล่า” โรแธมค้อน “งั้นเวลานายจะผูกมิตร นายพูดว่าอะไรล่ะ”
เขาทำหน้านึก “ก็คง ‘ขอเล่นด้วย’ ล่ะมั้ง”
โรแธมมองเข้าไปในสนามแล้วทำหน้าเบ้ เขากอดอกแสร้งทำตัวสั่น ปากก็พูดโดยไวว่าเขาไม่มีวันไปเผชิญนรกการวิ่งกลางแดดตอนเที่ยงเปรี้ยงๆ ให้เสี่ยงเป็นฮีทสโตรกเด็ดขาด เขาน่ะวิ่งเพื่อรักษาหุ่นให้บอบบางน่ารักอยู่เสมอก็จริง แต่เขาจะวิ่งในฟิตเนสที่มีหลังคาเท่านั้น
‘ผิวน่ะสำคัญน่ะ!’
“แล้วกลิ่นเหงื่อก็เหม็นด้วย ฉันเกลียดเวลาเหงื่อออกตอนไม่ได้อยู่ในฟิตเนส”
นางาโตะยิ้มแหยๆ ขณะเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทำให้คนพูดรู้สึกตัวขึ้นไม่ได้ รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“แต่นางาโตะไม่เหม็นนะ ฉันชอบกลิ่นเหงื่อของนางาโตะสุดๆ ไปเลย แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกใจเต้นตึกตักไปหมดแล้ว!”
นางาโตะหน้าแดง “อะ – เอ่อ... เหรอ ขอบใจนะ”
“เจ้านั่นพูดอะไรสยองชะมัดเลยแฮะ ขนาดข้าอยู่กับพวกนักรบมานาน ยังเหม็นกลิ่นสาบผู้ชายเจ้าพวกนั้นอยู่เลย ...โอ๊ย!”
เจ้าตัวหยิบของที่ลอยจากฟากฟ้านภาลงมาตกใส่กลางศีรษะได้อย่างแม่นยำขึ้นมาดู ‘อะไรหว่า หน้าตาคล้ายหินในสวนสระส่องโลกของท่านแม่...’
แต่หินใครก็ช่าง เขากระดกชามะนาวกระป๋องจากตู้ขายอัตโนมัติดึงอึกๆ อันเป็นของกำนัลชิ้นแรกที่ได้มาจากชีป แม้จะได้สัมผัส ‘ส่วนนั้น’ ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โตกว่าตนมาก แต่เจ้าตัวก็ยังประกาศกร้าวข้างสนามว่า ‘ช่างมันเซ่!’ ได้อย่างกล้าหาญ เล่นเอาคนทั้งสนามทั้งสยองทั้งนับถือไปพร้อมๆ กัน
“เจ้าแกะ! คราวนี้ข้าขอน้ำอัดลม!”
นางาโตะจำสัมผัสครั้งสุดท้ายที่ได้ขึ้นรถยนต์แทบไม่ได้
บ้านเขาเปิดร้านสะดวกซื้อในเขตการค้า รอบด้านจึงเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและร้านค้ามากมาย ชีวิตประจำวันจึงไม่จำเป็นต้องใช้รถในการเดินทาง อีกประการหนึ่งคือครอบครัวเขาฐานะไม่ดีพอจะใช้รถยนต์สัญจรในทุกๆ โอกาสการออกไปข้างนอก
จริงอยู่ที่เขาสนใจเบาะนิ่มๆ แต่สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือการมองออกไป ความรู้สึกของคนเดินกับคนนั่งรถมันช่างต่างกันจริงๆ แม้แต่อากาศยังถูกปรับให้เย็นพอเหมาะ เหมือนอยู่ในโดมอาคารส่องสัตว์โลดใต้ทะเลในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเลย
อีกด้านหนึ่งของเบาะ
‘จะ – จะ – จับมือดีไหมนะ แต่เราเพิ่งบอกว่เราเป็นเพื่อนกันนี่นา ปะ – ปกติเพื่อนกันเขาจับมือกันหรือเปล่านะ’
ใบหน้าแดงร้อนจนเกือบสุกของโรแธมกำลังสื่ออารมณ์อย่างสับสนวุ่นวาย ขณะที่มองคนที่กำลังดูทิวทัศน์ภายนอก แววตาสีนิลคู่นั้นสงบนิ่ง เต็มไปด้วยความสบายใจและผ่อนคลาย เสมือนผู้ที่มองดูโลกนี้ด้วยหัวใจเป็นกลาง
‘สง่างามอย่างกับ...เทวดา’
เขาพิงศีรษะกับรถด้านหนึ่ง มองดูภาพนั้นต่อไปเรื่อยๆ
ทั้งที่ไม่ได้พูดอะไร แต่โรแธมไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของตัวเองจึงรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเต็มเติมอย่างช้าๆ และอ่อนโยน
TBC.
เคห์ล่าคีย์เองค่ะ
เทพแห่งความรักมือใหม่ ดันกลายพันธุ์มาจากเทพสงคราม
งานนี้ร้อนถึงเทพีแห่งรักต้องลงมาจัดการด้วยตนเองเสียอย่างนั้น!
อ่าฮะ ที่น่าสนใจนอกจากนี้คือความปักใจของชีปเนี่ยแหละ
(อนึ่ง ชีปเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Sheep ที่แปลว่าแกะค่ะ อาเซนนอลจึงเรียกชีปว่าเจ้าแกะนั่นเอง)
ขอบคุณที่เข้ามารับชมนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ