07 รักอันตรายผู้ชายทั้งเจ็ด
เขียนโดย Vicious
วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.00 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558 23.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) 09 ฟองสบู่ปัดเป่าความทุกข์ใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
09 ฟองสบู่ปัดเป่าความทุกข์ใจ
เช้าวันนี้ผมค่อนข้างสดชื่นขึ้นมาหน่อยเพราะเมื่อคืนได้นอนไปเต็มอิ่ม และโชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ก็เลยไม่ต้องรีบร้อนกระตือรือร้นอะไรให้วุ่นวายนัก
ผมก็เลยนอนเล่นมือถือฆ่าเวลาอยู่บนเตียง
"โอลิ เดี๋ยวนี้นายมีงานอดิเรกตัดเสื้อแล้วรึไง" ซีโอชูเสื้อนักเรียนที่ขาดวิ่นพร้อมกับขมวดคิ้วมองมันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งมันลงไปในถังขยะเหมือนเดิม
"ก็คงจะอย่างนั้นแหละครับ มันส์มือดีออก"
ซีโอได้แต่ขมวดคิ้วใส่ ส่วนผมก็ไม่อยากจะไปพูดถึงเรื่องบ้าๆที่เคยเกิดขึ้นอีกและตอนนี้ก็ไม่อยากจะตอบคำถามอะไรทั้งนั้นผมก็เลยเลือกที่จะลุกออกจากห้องไป
พอลงมาที่ชั้นล่างซึ่งเป็นห้องนั่งเล่นก็เห็นว่า แซน-เซน กำลังเถียงอะไรกันสักอย่างอยู่ รวมถึง คริส เรน อาร์-อาร์ ก็นั่งฟังอยู่ด้วย
"ไอ้เซน แกหลอกฉันว่า อ. เขาเรียกพบ"
"แล้วจะโทษใคร ก็โทษตัวนายเองดิ อยากจะมาเชื่อฉันเองทำไม"
"ไอ้บ้านี่ เดี๋ยวนี้แกชักจะเอาใหญ่"
"โอลิ เมื่อวานนายสั่งฉันซื้อขนมปังแล้วนายหายหัวไปไหนห๊ะ!"อาร์-อาร์ที่เห็นผมเดินลงมาก็รีบปรี่เข้ามาบ่นผมชุดใหญ่
"โทษทีนะอาร์-อาร์ เมื่อวานผมปวดหัวนิดหน่อยก็เลยกลับมาที่ตึก"
"หุ่นแบบนั้น ก็สมควรแล้วล่ะที่จะขี้โรค" เซนพูดแขวะขึ้นมาแต่ไม่ได้หันมามองที่ผม ผมทำเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูดแล้วหันไปถามอาร์-อาร์ต่อ
"แล้วขนมปังล่ะครับ"
"ฉันก็กินไปแล้วน่ะสิ"
"โอลิ" คริสกวักมือเรียก ผมเลยเดินไปหาคริสกับเรนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
"ตรวจการบ้านข้อนี้ให้หน่อยสิ ว่าถูกรึเปล่า"คริสยื่นสมุดการบ้านคณิตให้ ผมเลยรับมาดู
"อ้าว โอลิฉันยังบ่นนายไม่จบเลยนะ"
ผมไม่สนใจเสียงบ่นของอาร์-อาร์ ยืนเช็คการบ้านให้คริสต่อไปก่อนจะส่งคืนให้
"ก็ถูกแล้วนี่ครับ "
.................................
ผมหลีกหนีความวุ่นวายในตึกเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าแทน เฮ้ออ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะรู้สึกสนุกที่เห็นบรรยากาศคึกคักแบบนั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้วล่ะ ทั้งถ้อยคำถากถางของเซน เสียงบ่นของอาร์-อาร์ ไหนจะไอ้ความรู้สึกแปลกประหลาดบ้าๆในใจนี่อีก มันทำให้ผมรู้สึกเบื่อหน่ายแล้วก็ไม่เข้าใจมันด้วย ทั้งยังสับสนกับการกระทำของพวกเขาแต่ละคน เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย จนผมชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า สิ่งไหนกันแน่ที่เป็นตัวตนของพวกเค้า
สายลมเย็นเอื่อยๆที่พัดเข้ามาปะทะร่างทำให้รู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ผมสอดส่องสายตามองไปรอบๆ ก็พบว่า เอซกำลังนั่งหลบแดดอยู่ในที่ร่ม ผมเลยเลยสาวเท้าเข้าไปหาเขาแล้วนั่งลงข้างๆ
สายลมพัดพากลิ่นอ่อนๆของแชมพูที่ผมคุ้นเคยเข้ามาปะทะกับใบหน้า
"นายแอบใช้แชมพูของผมอีกแล้วนะเอซ ชอบหรอ"
เอซเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆไม่ได้ตอบอะไร
"งั้นเย็นนี้ไปซื้อด้วยกันมั๊ย ผมก็ไม่ได้จะหวงหรอกนะ แต่เอซจะได้มีเป็นของตัวเองไปเลยไง ดีมั๊ย"
"อืม"เขาตอบมาแค่นั้นแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบเอาขวดเล็กๆที่มีน้ำใสๆสีสวยอยู่ในนั้น ก่อนจะเป่ามันให้เป็นฟองพวยพุ่งออกไป
"ทำไมนายถึงชอบเล่นมันนักนะ" ผมก็ถามไปอย่างนั้น ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรจริงจังแต่ไม่คิดว่าเอซจะพูดขึ้นมาเพราะปกติเขาไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรมากมายแต่นี่เขากลับอธิบายซะเป็นประโยค
"นายเห็นฟองสบู่ที่พวยพุ่งออกไปมั๊ย เวลาที่ฉันเป่ามันออกไป ฉันก็จะคิดว่าฉันกำลังเป่าบางสิ่งบางอย่างให้มันออกไปด้วย เวลาที่ฉันเป่ามัน ฉันก็จะจดจ่ออยู่กับมัน เพราะงั้นฉันก็จะใจเย็น"
"แล้วนี่นายเคยโมโหใครบ้างมั๊ยเนี่ย"
"ฮะ บ้าป่าว ฉันก็คนนะ ทำไมจะไม่เคย"
ผมสนทนากับเอซไปเรื่อยเปื่อยเพลินซะจนเกือบจะลืมเวลา
"ป่ะ เอซ ไปซื้อแชมพูของนายกัน แล้วก็ไปหาอะไรอร่อยๆกินด้วยเป็นไง ผมชักจะหิวขึ้นมาซะแล้วสิ วันนี้ลองกินข้างนอกดูบ้าง คงไม่เป็นไรใช่ป่ะ"
"อื้ม ตบท้ายด้วยไอติมนะ"
....................................
"นั่นนายสองคนกำลังจะไปไหนกัน ถ้าจะลงไปกินข้าวซีโอยังไม่ได้ทำอะไรไว้นะ" เป็นเสียงเซนทักขึ้นมา เขาเดินลงมาจากชั้น 3 พอดีกับที่เห็นผมกับเอซกำลังจะลงไปข้างล่างที่ชั้น 1 ผมไม่เห็นคนอื่นๆอยู่ในห้องนั่งเล่นเลย ตรงสระน้ำก็ไม่มี งั้นก็คงจะขึ้นห้องกันไปหมด
"เปล่า ผมจะพาเอซไปซื้อของนิดหน่อย แล้วก็เย็นนี้ผมจะทานข้าวข้างนอกกับเอซนะ ไม่ต้องทำเผื่อ"
"อ่อ งั้นก็รีบกลับมาละกัน อย่ากลับมาซะดึกล่ะ"เขาพูดเหมือนหวังดีแต่ผมรู้เลยว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่เพราะสายตาที่เขามองมาที่ผมมันบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดอย่างที่พูด
"ไปกันเถอะเอซ เดี๋ยวเวลามันจะไม่พอ"
ผมพูดแค่นั้นแล้วลากเอซออกมา ส่วนเซนก็เดินปึงปังกลับขึ้นห้องไป อะไรของเขาอีก นี่กะจะหวงไปทุกคนเลยใช่มั๊ย ผมจะอยู่กับใครไม่ได้เลยงั้นสิ
.......................
หลังจากพาเอซไปทำธุระเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว ทั้งกินข้าว ไอติม และซื้อแชมพู ขากลับผมกับเอซก็ปั่นจักรยานกันมาเรื่อยๆไม่รีบร้อนนัก จนกระทั่งเอซหยุดจอดจักรยานตรงสวนสารธารณะแห่งหนึ่งผมเลยต้องหยุดตามเขาไปด้วย
"มีอะไรหรอเอซ?"
"ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกัน" เขาเดินนำไปยังม้านั่งตัวหนึ่งก่อนจะนั่งลงผมก็เลยเดินตามไปนั่งลงข้างๆเขาด้วย
เราสองคนมองตรงไปยังที่เดียวกันตรงเส้นขอบฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังจะลับตาไป แวบหนึ่งผมแอบหันกลับมามองเสี้ยวหน้าของเอซ สายลมบางเบาพัดเส้นผมสีน้ำตาลเข้มอมดำของเขาให้พริ้วไหวไปตามแรงนั้นเล็กน้อย ดวงหน้างามกับสายตาที่จับจ้องไปยังเส้นขอบฟ้าของเขาให้ความรู้สึกราวกับเด็กน้อย แต่ริมฝีบางชมพูเรื่อที่แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนนั้นกลับให้ความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังปลอบเด็ก
เขาน่ารักจัง
ผมแอบคาดหวังลึกๆในใจว่าเอซจะเป็นอย่างที่ผมเห็น หวังว่าเขาจะไม่ร้ายกาจแบบใครเหมือนที่ผมเคยเจอะเจอมา
ตึก ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะอยู่ในอกทำให้ผมรีบก้มหน้าหลุบสายตาลงต่ำก้มลงมองเท้าตัวเองทันที ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว หัวใจมันเต้นรัวเร็วผิดจังหวะอีกแล้ว หรือผมกำลังจะเป็นโรคหัวใจระยะแรกกันนะ
คิดมากไปนะโอลิ : ผู้แต่ง
"เอซ พระอาทิตย์มันลับขอบฟ้าไปแล้ว เรากลับกันเถอะ" ผมรีบตั้งสติแล้วเงยหน้าหันไปบอกเขา
"เดี๋ยวดิ อยู่ต่ออีกหน่อยนะ ฉันอยากดูดาว"
ได้คืบจะเอาศอกจริงๆเลยตาคนนี้ ถ้ากลับดึกอีก ผมคงไม่วายโดนเซนถากถางอีกแน่ เฮ้อ แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็กำลังสบายใจดี เหมือนกับว่าการได้พูดคุยกับเอซมันสามารถปัดเป่าเรื่องแย่ๆออกไปจากใจได้ แล้วผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ความมืดโรยตัวครอบครุมทั่วทุกพื้นที่ ผมก็ยังคงนั่งคุยกับเอซไปเรื่อยเปื่อย สายตาเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้างที่มีดวงดาวกระพริบแสงระยิบระยิบอยู่ประปรายบนฟ้านั่น
"สวยใช่มั๊ยล่ะ"เอซพูดขึ้นมาแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ผืนฟ้าเบื้องหน้า
"อื้อ กลับได้แล้วนะเอซ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาดูกันใหม่ก็ได้ ตามจริง ที่ตึกก็ดูได้นี่"
"ฮ่าๆ ก็ได้ๆ นายนี่งอแงจริงๆเลยนะ"
"ผมงอแงตรงไหนละเนี่ย เฮ้อ"
"ฉันอยากดูกับนาย แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นมาวุ่นวาย" เอซพูดเรียบๆด้วยสีหน้าเฉยๆขณะที่ลุกขึ้นยืน
"อ่าๆ เข้าใจแล้วๆ แต่ตามจริงดูกันหลายๆคนก็สนุกดีออก" ผมเดินนำเขาออกไปไม่ได้เอะใจอะไรกับคำพูดของเอซ แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นผมก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
พลั่ก
"ขอ..โทษ ครับ"ผมรีบขอโทษเขายกใหญ่ เมื่อเลื่อนสายตาขึ้นไปมองก็พบว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาก็ถือว่าค่อนข้างดีทีเดียว
"ขอโทษหรอ ถุย เดินยังไงของแก เตี้ยแล้วยังเสือกเดินไม่ดูทางอีก บังอาจมากนะมาทำฉันเจ็บตัวเนี่ย"
อ่า หน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่ชะมัด
"ก็คนเขาขอโทษแล้ว อีกอย่างก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย ก็จบๆเรื่องไปเหอะ" เอซเดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างชายอีกคนกับผม โดยยืนหันหน้าไปเผชิญกับผู้ชายร่างสูงนั่นและกันผมไว้ให้ยืนอยู่ด้านหลัง
"แล้วแกมาเสือกอะไรด้วยวะ"ชายคนนั้นกระชากคอเสื้อเอซให้เข้าไปใกล้
"พอเถอะครับ งั้นจะให้ทำยังไงคุณถึงจะพอใจ" เป็นผมที่ถามออกไปพร้อมกับก้าวออกมาจากข้างหลังเอซ
"ก็อัดหน้าแกไงวะไอ้สวะ!" ชายคนนั้นตะคอกกลับมา
พลั่วะ
จบคำ เอซก็กระแทกหมัดใส่หน้าผู้ชายปากเสียคนนั้นเต็มแรงจนได้ยินเสียงเนื้อที่กระทบกัน ผู้ชายคนนั้นเซล้มลงไปนอนกับพื้นแต่เอซก็ยังคงตามไปขึ้นคร่อมแล้วรัวหมัดใส่อีกไม่ยั้ง ผมไม่สามารถเห็นสีหน้าของเอซตอนนี้ได้เลย เขาต่อยผู้ชายคนนั้นจนเลือดกลบหน้า
"เอซ พอแล้ว!!! หยุดเถอะครับ!! เดี๋ยวเขาก็ตายหรอก! " ผมตะโกนบอกให้เขาหยุดแต่เหมือนเขาจะสติหลุดไปแล้ว
ผู้ชายคนนั้นนอนพะงาบๆอยู่บนพื้นแต่เอซก็ยังคงรัวหมัดกระหน่ำใส่ไม่หยุดจนผมต้องวิ่งเข้าไปลากเขาให้อออกมา
"เอซครับ..เอซครับ พอแล้ว พอแล้วนะ ฟังผม เขาทำอะไรผมไม่ได้แล้ว ใจเย็นๆ"ผมพยายามเรียกสติเขา แต่ผมเองก็ตกใจมากอยู่เหมือนกันที่เห็นเอซเป็นแบบนี้ไปได้
"เอซ!!!!!!"ผมพยายามเรียกเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมตะโกนเรียกชื่อเขาออกมาดังๆ
เอซค้างหมัดไว้กลางอากาศก่อนจะลุกขึ้นมา แววตาดุดันฉายชัดอยู่บนใบหน้าจนผมแอบที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้ แต่แล้วเขาก็ดึงผมเข้าไปกอดซบหน้าลงกับไหล่ ผมได้ยินเสียงหัวใจของเขาชัดเจนมันเต้นเร็วมาก แม้ว่าทีแรกจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อโดนเขากอด แต่สุดท้ายผมก็เอื้อมมือไปกอดปลอบเขา
"ฉันขอโทษ ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันเกลียดมันที่มันมาเลวทรามกับนาย"เอซกระซิบพึมพำบอกผมโดยที่ยังซบหน้ากับไหล่ผมอยู่
"ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ผมเข้าใจเอซนะ"
ผมเข้าใจครับว่าเอซเป็นคนรักพวกพ้อง ผมรู้สึกซึ้งใจจริงๆ ขอบคุณครับเอซ
เดี๋ยวมาต่อจ้าาา ฝากเรื่องใหม่เค้าด้วยเน้อstop it! อย่าใจร้ายกับผมนักเลย พล็อตไม่มีไรมาก บ้าบอและไร้สาระตามเคย 55+ แต่ยังไม่รีบร้อนอัพเท่าไหร่แต่คำพูดหยาบคายกว่าเรื่องนี้หน่อยนะ ส่วนเรื่องนี้ก็ใกล้จะถึงฉาก NC เต็มทีแล้วยังหาที่ลงไม่ได้เลย งือออ กะว่าจะลงที่เว็บขีดเขียน กำลังจะลงเนื้อเรื่องพอกดบันทึกปั๊บ เข้าเว็บไม่ได้อีกเลย เศร้าได้อีก แต่ไม่เป็นไรจะไปลงไว้ที่ธัญวลัยละกันเนอะ สุดท้ายก็ขอบคุณทุกเม้นต์เลยจ้า ยังรักได้อีก :)หูยยยย โอลิลูก เขาสื่อมาขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกรึ ให้หนุ่มๆจับปล้ำดีไหมเนี่ย จะได้รู้สักทีว่าหนุ่มๆเขาคิดยังไงกับหนู ตายๆ รอตอนต่อไปจ้า คึคึ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ