เคลเบรอสเป็นชิคิกามิมันผิดด้วยเหรอ?

7.0

เขียนโดย HaRUnA

วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.20 น.

  8 chapter
  0 วิจารณ์
  10.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 00.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) โรงเรียนเวทย์ เนบิวด้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
        "ใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยนะเนี้ย!?"
  ณ โรงยิมที่ถูกจัดเป็นสถานที่ประถมนิเทศของนักเรียนใหม่ของโรงเรียน 'เนบิวด้า'แห่งนี้นั้น ฮารุมิเด็กหนุ่มผู้ที่มีผมสีดำสนิทกับแววตาสีน้ำเงินเข้มดั่งมหาสมุทรที่เพิ่งเดินเข้ามาข้างในเป็นครั้งแรกนั้นก็ต้องตกตรึงกับความใหญ่โตของโรงยิมของโรงเรียนแห่งนี้ ขนาดของมันใหญ่กว่าโรงยิมแบบมาตรฐานถึงสองเท่า ภายในมีนักเรียนปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่เหมือนกับตัวเองประมาณสามสิบถึงห้าสิบคน
  ฮารุมิจึงค่อยๆเดินหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่ ก่อนที่จะตัดสินใจนั่งลงบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนมากนัก เนื่องจากยังพอเหลือเวลาก่อนที่จะเริ่มประถมนิเทศเขาจึงหยิบใบแนะนำโรงเรียนขึ้นมาอ่านเล่นเป็นการฆ่าเวลา
 
  โรงเรียนเนบิวด้า เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของโลก แม้จะก่อตั้งมาได้เพียง 10ปีเท่านั้นเอง แต่มันไม่ใช่โรงเรียนแบบทั่วๆไปหรอกนะ แต่มันคือโรงเรียนสอน'เวทมนตร์' ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาเรียนได้นั้นจะต้องมีพลังเวทย์อยู่ในตัว ซึ่งพลังเวทย์นั้นเราเรียกมันว่า 'มานา(Mana)' กล่าวคือกระแสพลังวิญญาณที่แปลเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ ซึ่งมันก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น เบลส(อาวุธเวทย์) เมจิก(คาถาเวทย์หรือมนตร์ดำ) และสุดท้าย ชิคิกามิ(เวทย์อสูรรับใช้) เหล่านักเรียนที่เข้ามาศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้จะถูกอบรมและสั่งสอน รวมถึงให้ความรู้เพื่อให้สามารถควบคุมและพัฒนาฝีมือในการใช้เวทย์ของตนเองและนำไปใช้ในอนาคตได้
 
  ____ถึงจะเขียนไว้แบบนั้นก็เถอะ แต่คนอย่างเราจะไหวจริงๆเหรอ?
  ฮารุมิที่นั่งอ่านใบแนะนำจนเสร็จก็คิดอะไรอยู่ในหัวอยู่ซักพัก เพราะเหตุผลที่ต้องมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้มันออกจะ........
        "เน่! เน่!"
        "หือ!?"
  ระหว่างที่กำลังนั่งคิดอยู่คนเดียว จู่ๆก็มีหญิงสาวเดินเข้ามาทัก เธอมีเส้นผมสีเหลืองทองที่ปล่อยยาวเป็นธรรมชาติลงมาถึงกลางหลัง กับดวงตาสีฟ้าที่กำลังจ่องมาที่ตัวฮารุมิ
        "มีอะไรงั้นเหรอ!?"
        "ที่นั่งตรงนี้ข้างๆนายยังว่างอยู่ ชั้นขอนั่งด้วยได้ไหม?"
  คงจะเดินหาที่นั่งสินะ เพราะตอนนี้พอรู้ตัวอีกทีที่นั่งตรงอื่นๆก็มีคนไปนั่งจนใกล้จะเต็มหมดแล้ว
        "ตามสบายเลย ยังไงก็ไม่มีใครมานั่งอยู่แล้ว"
        "งั้นเหรอขอบใจมากนะ"
  เธอค่อยๆนั่งลงอยู่ช้าและหันมาพูดกับฮารุมิต่อ
        "ชั้นชื่อ ยูกิ อาสึนะ นายล่ะ?"
        "ชั้นชื่อ อินุกามิ ฮารุมิ ยินดีที่ได้รู้จักคุณยูกิ"
        "เช่นกัน อินุกามิคุง เอ่อแต่ช่วยอย่าเรียกยูกิได้ไหม ชั้นอยากให้เรียกอาสึนะเฉยๆน่ะ และไม่ต้องเติมคุณด้วยนะ! เพราะดูเหมือนเราจะอายุเท่ากันด้วย"
        "งั้นเหรอ"
        "อะ! งั้นชั้นขอเรียกนายว่าฮินามิคุงจะได้ไหม?"
        "ตามสบายเลย ชั้นไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว"
        "ขอบใจนะ ฮินามิคุง!"
  ไม่นานต่อจากนั้นแสงไฟภายในโรงยิมก็ค่อยๆมืดลง เหลือเพียงแสงตรงบริเวณเวทีเท่านั้น จึงทำให้คนอื่นๆภายในโรงยิมอยู่สภาวะเงียบกริบ และทันใดนั้นก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที เธอมีเส้นผมสีเหลืองทองที่ปล่อยยาวลงมาจนเกือบถึงต้นขากับดวงตาสีเขียวมรกตที่ดูงดงาม เท่าที่เห็นหน้าจะอายุไม่เกินสิบขวบแต่ที่นี่มันโรงเรียนม.ปลายจึงเป็นเรื่องแปลกที่มีเด็กมาอยู่ที่นี่ แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับเดินไปตรงกลางเวทีและยืนบนแท่นปราสัย
        "สวัสดีจ้า! เหล่านักเรียนใหม่ทุกๆท่าน ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนเนบิวด้าของชั้นนะ...."
  ด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ทำให้คนอื่นๆทั้งโรงยิมถึงกับอยู่ในสภาวะงงกันทั้งหมดและเริ่มมีคำถามผุดขึ้นมาในสมองเหมือนอย่างที่ฮารุมิเป็นอยู่ในตอนนี้
  ____อย่าบอกนะว่า!?
        "ชั้นคือผู้อำนวยการโรงเรียนเนบิวด้า อานามิ มาชิโระเองจ้า!"
  ........
        "เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋!!!!!!!!"
 
 
  ____เอาจริงดิ เรื่องจริงเหรอเนี้ย!?
  ____ก็เคยมีข่าวลืออยู่หลอกนะ ว่าผู้อำนวยการโรงเรียนนี้เป็นคนที่มีอายุน้อยมาก ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่เขาลือกัน
  ____แถมไม่ใช่ว่าแค่อายุน้อยเท่านั้นนะ.... นี่มันเด็กชัดๆ เด็กผู้หญิงน่ารักที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ชัดๆ ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า จะเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน!
        "ตกใจหมดเลยเนอะฮารุมิคุง?"
        "อะ.....อา...."
  ก็ไม่แปลกที่จะตกใจกัน เพราะปกติผู้อำนวยการโรงเรียนมักจะเป็นคนวัยกลางคนหรือไม่ก็เป็นคนที่มีอายุมากแล้วก็ว่าได้ แต่พอมาเจอแบบนี้เข้าไม่ว่าใครก็ตกใจกันทั้งนั้นแหละ
        "เอาล่ะๆ เข้าเรื่องเลยดีกว่า นักเรียนใหม่ทุกๆคนคงได้อ่านเนื้อหาในใบแนะนำที่ทางเราได้แจกกันมาบ้างแล้วสินะ งั้นก็ขอข้ามเนื้อหานั้นไปเลยละกัน อ๋อ!ส่วนใครที่ยังไม่อ่านก็ไปอ่านซะนะเดี๋ยวจะไม่เข้าใจ"
  ____ง่ายไปไหมครับอาจารย์?
        "เอาล่ะก็อย่างที่รู้กันแล้วว่า'มานา'หรือพลังเวทย์นั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เบลส เมจิก และชิคิกามิ ซึ่งก็จะสามารถแยกไปได้อีกสองสายคือ สายโจมตี และสายซัพพอร์ต คนที่เป็นสายโจมตีนั้นจะคอยต่อสู่อยู่แนวหน้าเป็นหลัก เพราะมีพลังโจมตีที่รุนแรง และมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ส่วนคนที่เป็นสายซัพพอร์ตนั้นจะเป็นคนที่คอยสนับสนุนให้กับสายโจมตี คอยหนุนหลังให้ เพราะมีพลังเวทย์ที่มักจะเป็นพวกเสริมพลังหรือรักษาซะมากกว่า แต่ในบางครั้งก็สามารถเปลี่ยนสายเป็นโจมตีและสายโจมตีก็สามารถเปลี่ยนเป็นสายซัพได้เช่นกัน แล้วแต่ความเหมาะสม"
  ____ง่ายๆคือทั้งสองสายมีค่าเท่าเทียมกัน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเน้นไปทางไหนสินะ?
  ฮารุมินั่งคิดอยู่ในใจเงียบๆ ส่วนคนอื่นๆภายในโรงยิมก็เงียบมากๆเช่นกัน มีแต่เสียงของผู้อำนวยการตัวน้อยเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กำลังพูดอยู่บนเวที สายตาทุกคู่จดจ่องไปที่เวทีกันหมดอย่างตั้งใจ รวมถึงอาสึนะด้วยอีกคน คงไม่ใช่ว่าหลงเสียงอันแสนบริสุทธิ์นั่นหรอกนะ?
        "เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก่อนที่เราจะจากกันนี้ ขอให้ทุกคนที่เป็นนักเรียนใหม่ไปเรียงแถวตามหมายเลขที่หน้าทางเข้าโรงยิมด้วยนะคะ!"
        "????????"
  นักเรียนใหม่คนอื่นๆรวมทั้งตัวฮารุมิและอาสึนะด้วยนั้นถึงกับงงกับสิ่งที่ผู้อำนวยการพูด แต่เธอก็พูดต่อออกมาว่า
        "เพราะเดี๋ยวต่อจากนี้ เหล่าคณะอาจารย์จะพาพวกเธอนักเรียนใหม่ทุกๆคน ไปวัดระดับค่าปริมาณของ'มานา'ว่าจะได้อยู่ห้องเรียนไหนกันนะคะ!"
        "เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋!!!!!!!!"
 
  ____เอาแบบนี้เลยเรอะ!?
        "ห้องเรียนจะมีตั้งแต่ ห้องเอ จนถึง ห้องเอฟเลยนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนโชคดีในการวัดระดับค่ามานานะค้า~!"
  จากนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนก็เดินลงจากเวทีไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ปล่อยให้คนอื่นๆภายในโรงยิมนิ่งเงียบไปตามๆกัน ก่อนที่จะมีเหล่าอาจารย์ค่อยๆพานักเรียนใหม่ออกไปตั้งแถวข้างนอกโรงยิม
        "ตื่นเต้นจังเลยเนอะฮารุมิคุง ชักอยากรู้เร็วๆแล้วสิว่าจะได้อยู่ห้องไหน!"
        "งั้นเหรอ........"
        "เป็นอะไรรึปล่าวฮารุมิคุง สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ?"
        "อะ.... ท....ทำอะไรของเธอเนี้ย!?"
  จู่ๆอาสึนะก็เอาหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะลมหายใจสัมผัสกัน เล่นเอาฮารุมิแทบคุมสติไม่อยู่กันเลยทีเดียว
        "ป.... ปล่าวหรอก ไม่ได้เป็นอะไร"
        "แต่เมื่อกี้ฮารุมิคุงท่าทางไม่ดีเลยนะ ไม่สบายตรงไหนรึปล่าว?"
  อาสึนะเอาหน้าเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม จนทำให้ใจของฮารุมิเต้นแรงมากยิ่งขึ้น
        "ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ สงสัยอาจจะแค่เหม่อไปหน่อยก็แค่นั้นเอง!!"
        "จริงนะ!?"
        "จริงสิ ชั้นไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ขอสาบานเลย!"
  อาสึนะจ่องตาฮารุมิอยู่ซักพักก่อนที่ถอนหายใจและถอยห่างออกไป
        "อื้อ.... ถ้าฮารุมิคุงพูดแบบนั้นล่ะก็.... ชั้นจะยอมเชื่อก็ได้ แต่ถ้าเป็นอะไรจริงๆก็รีบบอกด้วยนะ ตกลงไหม?"
        "อ.... อา ตกลง"
        "งั้นก็ไปกันเถอะ ดูเหมือนหมายเลขของพวกเราจะใกล้ๆกันด้วยนะ!"
  อาสึนะหยิบบัตรนักเรียนขึ้นมาและโชว์ให้ฮารุมิดู และดูเหมือนว่าจะใช่อย่างที่เธอว่าเลขที่ของทั้งสองคนใกล้กันพอดี
        "จริงด้วยสิ!"
        "งั้นไปกันเถอะ ฮารุมิคุง!"
  หลังจากนั้นฮารุมิกับอาสึนะและนักเรียนใหม่คนอื่นๆก็ค่อยๆเดินไปตามทางภายในโรงเรียนโดยมีอาจารย์คอยกำกับดูแลตลอดทาง พื้นที่ภายในโรงเรียนนั้นใหญ่มากจึงทำให้ใช้เวลาในการเดินพอสมควร จนในที่สุดก็มาถึงที่ๆวัดระดับค่าปริมาณของ'มานา' หรือก็คือโรงยิมอีกที่นั่นเอง แต่ภายในเต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับวัดค่า'มานา'เต็มไปหมด อาจารย์ให้นักเรียนจัดแถวแบ่งออกเป็นสิบแถวตอนและค่อยๆวัดค่าปริมาณ'มานา'ทีละคนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
 
                                                ********
 
        "เฮ้อ____ เป็นอย่างที่คิดไว้เลยแฮะ...."
  หลังจากการไปตรวจวัดระดับค่าของมานาแล้วนั้น ผลออกมาว่าฮารุมินั้นมีมานาอยู่น้อยมาก จนเกือบต่ำกว่าเกณฑ์ซะด้วยซ้ำ จึงถูกจัดให้มาอยู่ที่ห้องเอฟทั้งๆแบบนี้เลย ถึงจะรู้ตัวอยู่แล้วก็เถอะนะว่าจะได้อยู่ห้องไหน ห้องเอฟก็หมายถึงมีค่าปริมาณของมานาอยู่ในระดับต่ำหรือก็คือระดับเอฟนั่นเอง ส่วนอาสึนะอยู่ที่ระดับบีจึงทำให้ได้ไปอยู่ที่ห้องบี
        "หน้าเสียดายจัง ที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับฮารุมิคุง"
  ตรงบริเวณทางเดินฮารุมิกับอาสึนะเดินคุยกันไปพลางระหว่างที่เดินไปยังห้องเรียน
        "ก็มันช่วยไม่ได้ล่ะนะ ก็ชั้นมีมานาน้อยเกินไปจึงทำให้ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันกับเธอน่ะ แต่อาสึนะหน้าจะดีใจนะที่ได้อยู่ตั้งห้องบีแหนะ"
        "ถึงจะดีใจอยู่ก็เถอะ........"
        "ชั้นไม่เป็นอะไรหรอก เธอไม่ต้องคิดมากก็ได้ อ่ะ! ถึงห้องของเธอแล้วหนิ!"
  พอเดินมาเรื่อยๆในที่สุดก็เดินมาถึงที่หน้าห้องเรียนบี ทั้งสองจึงหยุดเดิน
        "งั้นก็แยกกันตรงนี้เลยละกันนะอาสึนะ"
        "อ อื้อ...."
        "งั้นชั้นไปล่ะ!"
  ฮารุมิเดินต่อไปตามทางระเบียงทางเดิน และรู้สึกเหมือนอาสึนะจะมองตามหลังมาก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินออกห่างจากห้องบีไปจนไม่เห็นอาสึนะแล้วในตอนนี้ พอเลี้ยวขวาและเดินต่ออีกซักพักฮารุมิก็มาหยุดอยู่ที่ประตูห้องเรียนเอฟ ซึ่งจะเป็นห้องเรียนของเขาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
  ฮารุมิเดินเข้าไปภายในห้อง ที่มีเหล่านักเรียนระดับเอฟเหมือนกันอยู่หกถึงสิบคน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปและมองหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่และเลือกที่นั่งที่อยู่ติดตรงริมหน้าต่างแถวที่สามนับจากหลังสุด....
        "เฮ่!"
        "!!!?"
  พอฮารุมินั่งลงบนเก้าอี้แล้วนั้นก็มีนักเรียนชายเดินเข้ามาทัก เขานั้นมีสีผมสีน้ำตาลกับดวงตาสีเทา ส่วนสูงก็หน้าจะประมาณเท่ากับตัวฮารุมิ
        "นายก็โดนมาห้องนี้ด้วยเหมือนกันเหรอ?"
        "ก็อย่างที่เห็น ชั้นก็ต้องอยู่ห้องนี้ตามที่เขาบอกมานั่นแหละ มีอะไรแปลกรึไง?"
        "ปล่าวๆ ชั้นแค่ทักทายเพื่อนร่วมห้องน่ะ เพราะยังไงก็ต้องเรียนด้วยกันตั้งสามปีเชียวนะ เลยคิดว่าหน้าสนิทสนมกันไว้ก่อนไง"
        "วิธีตีสนิทแบบนี้ออกจะแปลกไปหน่อยมั้ง?"
        "งั้นเหรอ!? จริงๆชั้นก็คิดแบบนั้นแหละ ฮา ฮา ฮา"
        "นายนี่มันแปลกคนจริงๆ"
        "อาฮะ ชั้นชื่ออิซากิ ริสึ ยินดีที่ได้รู้จัก"
        "เช่นกัน! ชั้นชื่ออินุกามิ ฮารุมิ ยินดีที่ได้รู้จัก"
  เป็นการทำความรู้จักที่แปลกดีแฮะสำหรับคนๆนี้อะนะ........
        "สงสัยจะมีเหยื่อเพิ่มมาอีกคนแล้วสิ"
  ทันใดนั้น ก็มีเสียงนักเรียนหญิงคนหนึ่งทักขึ้นมาและเดินเข้ามาใกล้พวกฮารุมิกับริสึ
        "เงียบไปเลย อากาเนะ!"
  นักเรียนหญิงที่เดินเข้ามาหานั้น มีเส้นผมสีน้ำตาลเหมือนสีของไม้โอ๊กที่รวบเอาไว้เป็นทรงหางม้าที่ยาวจนมาถึงกลางหลัง กับแววตาสีเขียวอ่อนที่ดูแล้วเป็นธรรมชาติ แต่นิสัยออกจะ........
        "นายนั่นแหละที่ต้องเงียบ! คุณนัมเบอร์ซิ๊ก!"
        "อึก!"
  ริสึถึงกลับนิ่งไปเลยเมื่อโดนอีกฝ่ายพูดกลับมาแบบนั้น ว่าแต่.... ไอ'นัมเบอร์ซิ๊ก'มันคืออะไรกันล่ะนั่นน่ะ?
        "โทษทีนะ ที่ไอหมอนี่มันพูดอะไรแปลกๆน่ะ เจ้านี่มันเป็นคนจำพวกที่หาเพื่อนยาก เลยมีวิธีแปลกๆในการหาเพื่อนอะนะ คงไม่ได้ไปรบกวนนายสินะ"
        "ไม่หรอก แค่คิดว่าวิธีการหาเพื่อนแบบนี้มันออกจะแปลกไปหน่อยอะนะ"
        "เห็นไหมชั้นบอกแล้วไง ว่าการหาเพื่อนด้วยวิธีแบบนี้มันแปลกน่ะ!"
  เมื่อฮารุมิพูดจบ เธอก็หันไปเทศเจ้าริสึอีกรอบแต่เจ้าตัวริสึก็ไม่ได้สวนกลับมาอย่างที่ควรจะเป็น เช่น "ก็มันเคยชิน จนใช้บ่อยไปแล้วหนิ!" เป็นต้น แต่ริสึกลับเอานิ้วชี้มาเกาที่แก้มของตนเองเหมือนกับรู้สึกอายกับสิ่งทำลงไป และพึ่งจะมารู้ตัว!
        "อะ! ชั้นยังไม่ได้แนะนำตัวเลยหนิ ชั้นชื่อ โทโด อากาเนะ เรียก'อากาเนะ'เฉยๆก็ได้นะ แล้วนายล่ะ?"
        "ชั้นชื่อ อินุกามิ ฮารุมิ"
        "ยินดีที่ได้รู้จักนะฮารุมิคุง สามปีต่อจากนี้ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยล่ะ!"
        "เช่นกัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ อากาเนะ"
        "อย่าลืมชั้นคนนี้อีกคนสิ!"
  ฮารุมิกับอากาเนะจับมือกันเป็นการทักทายและแนะนำตัว ส่วนริสึก็ร่วมวงด้วยอีกคน ทั้งสามคุยกันอยู่ซักพักก่อนที่ประตูหน้าห้องจะถูกเปิดออกและมีอาจารย์หญิงที่หน้าจะเป็นครูประจำชั้นเดินเข้ามาภายในห้อง ริสึกับอากาเนะและคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปนั่งประจำที่ของตัวเอง
 
 
 
                                                ********
 
  หลังจากเช็คชื่อเสร็จแล้วครูประจำชั้นก็บอกให้ออกไปเข้าแถวที่หน้าห้องเรียนซึ่งดูเหมือนห้องอื่นๆก็ออกมาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ถูกพากันไปที่สนามฝึกซ้อมซึ่งอยู่ห่างจากตึกเรียนหลักพอสมควร ที่นั่นมีพวกรุ่นพี่ปีสองซึ่งกำลังสาธิตการฝึกซ้อมกันอยู่ในขณะนี้ อาจารย์พามาที่นี่เพื่อมาให้ดูการฝึกซ้อมของรุ่นพี่ปีสองว่าเป็นยังไง สนามฝึกซ้อมนั้นออกแบบมาคล้ายๆกับสนามบาสเกตบอลแต่อาจจะใหญ่กว่าถึงสองถึงสามเท่า และบริเวณตามขอบสนามนั้นมีที่นั่งอยู่เป็นจำนวนมาก พวกฮารุมิและนักเรียนคนอื่นๆก็พากันนั่งชมการสาธิตของรุ่นพี่จนเกือบเต็มไปครึ่งหนึ่งของสนามฝึกซ้อม
  รุ่นพี่ปีสองคู่หนึ่งที่กำลังสาธิตการฝึกซ้อมอยู่ในตอนนี้คนนึงใช้เบลสที่มีรูปร่างเป็นดาบสองคม ส่วนอีกคนใช่เบลสเหมือนกันแต่เป็นทวนที่มีความยาวกว่าลำตัวของผู้ใช้เล็กน้อย รุ่นพี่คนแรกพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายและเหวี่ยงเบลสไปทางขวาของลำตัวพยายามที่จะฟันเข้าใส่ข้างลำตัวของฝ่ายตรงข้าม แต่การโจมตีนั้นก็ถูกสกัดเอาไว้ด้วยทวนของอีกฝ่าย รุ่นพี่อีกคนงัดทวนขึ้นทำให้ดาบของอีกฝ่ายหลุดออกไป จากนั้นก็สวนกลับด้วยการยกทวนขึ้นเหนือหัวและฟาดลงมา แต่ก็ถูกรับเอาไว้ด้วยดาบจากทางด้านล่างแต่แรงกระแทกนั้นทำให้ฝ่ายรับต้องคุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง ดาบและทวนของทั้งสองฝ่ายเสียดสีกันอยู่ซักพักก่อนที่จะผละออกจากกันเพื่อเว้นระยะห่าง จากนั้นไม่นานก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นบ่งบอกว่าหมดเวลาสาธิตของคู่นี้แล้ว
        "สุดยอดไปเลยแฮะ พวกรุ่นพี่ปีสองเนี้ย!"
        "อย่างนายน่ะไม่มีทางเป็นอย่างนี้ได้หรอกย่ะ!"
        "พูดอะไรแบบนั้นล่ะอากาเกะ เธอก็ไม่ได้ต่างจากชั้นซักหน่อย!"
        "เหรอ.... แต่อย่างน้อยชั้นก็เก่งกว่านายแล้วกัน!"
        "หึ! ชั้นสิเก่งกว่าเธอตั้งเยอะ!"
        "งั้นมาทดสอบกันหน่อยไหมล่ะ?"
        "ก็เอาสิ!"
        "งั้นเอาเป็นวิชาฝึกซ้อมการต่อสู้ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ!"
        "ได้เลย ชั้นจะเอาชนะเธอให้ดู คอยดูเถอะ!"
        "แล้วชั้นจะรอก็แล้วกัน!"
        "........"
  เหมือนทั้งสองจะลืมการมีตัวตนของฮารุมิไปเลย ว่าเขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคนนึง........
        "โห________!"
  จู่ๆนักเรียนคนอื่นๆก็ส่งเสียงตะโกนเสียงดัง ทุกสายตาจับจ่องไปยังสนามประลองของรุ่นพี่ปีสอง พวกฮารุมิจึงหันไปมองที่สนามอีกครั้งและได้พบกับสาเหตุที่ทำให้ทุกสายตาต้องจับจ่องและตะโกนส่งเสียงดังแบบนั้น
  รุ่นพี่ปีสองที่กำลังสาธิตอยู่ในตอนนี้เป็นการซ้อมแบบสามต่อสาม โดยฝ่ายแรกมีชายสามคน ส่วนอีกฝั่งเป็นหญิงสามคนเช่นกัน
        "นั่นใช่รุ่นพี่ฮินะ รุ่นพี่นานะ และรุ่นพี่เรกิ นี่นา~!"
        "ตัวจริงเสียงจริงด้วยล่ะ~!"
  ที่คนอื่นๆพูดกันอยู่นั้นคงจะหมายถึงรุ่นพี่ฝั่งหญิงทั้งสามคน ทั้งสามคนมีสีผมเป็นสีดำสนิทและมีแววตาสีแดงเข้ม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคงจะเป็นที่ทรงผม คนแรกนั้นปล่อยผมยาวลงมาจนถึงกลางหลัง คนที่สองผูกผมเป็นทรงทวินเทลและคนที่สามตัดผมสั้น คนแรกคือรุ่นพี่ฮินะซึ่งใช้เบลสรูปร่างดาบคาตานะเป็นอาวุธ ส่วนคนที่สองคือรุ่นพี่นานะเธอใช้เบลสรูปร่างเป็นหมัดเหล็กขนาดเท้ามือของเธอเองเป็นอาวุธเช่นกัน และคนสุดท้ายรุ่นพี่เรกิเธอคนนี้ใช้เบลสที่มีรูปร่างเป็นปืนปากกระบอกยาวหรือที่เรียกง่ายๆก็คือปืนไรเฟิลนั่นเอง ส่วนรุ่นพี่ฝั่งชายที่อยู่ตรงข้ามใช้ดาบสองคม ขวานสองมือ และมือปล่าว จากที่ดูแล้วรุ่นพี่ฝั่งชายที่ใช้มือปล่าวคงจะใช้เวทย์เมจิกอย่างแน่นอน
  เมื่อสัญญาณเริ่มสาธิตดังขึ้นอีกครั้ง รุ่นพี่คนหนึ่งที่ใช้เบลสดาบสองคมจากฝั่งชายก็พุ่งเข้าหารุ่นพี่ฮินะพร้อมกับตวัดดาบใส่อย่างรวดเร็ว แต่คมดาบนั้นก็ถูกสกัดเอาไว้ด้วยดาบคาตานะของรุ่นพี่ฮินะโดยใช้มือขวาเพียงข้างเดียว ยังกับว่าแรงเหวี่ยงดาบของอีกฝ่ายที่เข้ามาปะทะนั้นแทบไม่มีน้ำหนักเลยซักนิดเดียว ดาบทั้งสองเล่มเสียดสีกันอยู่ซักพักก่อนที่รุ่นพี่ฮินะจะปัดดับของอีกฝ่ายให้ถอยห่างออกไป
  อีกด้านหนึ่งรุ่นพี่นานะที่มีเบลสเป็นหมัดเหล็กนั้นก็เข้าโจมตีใส่รุ่นพี่ของอีกฝ่ายที่ใช้เบลสรูปขวานสองมืออย่างไม่หยุดยั้ง เพียงแค่เธอกระโดดให้อยู่เหนือกว่าพื้นและใช้หมัดเหล็กต่อยลงมาจากกลางอากาศสู่พื้นผิวก็ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นพังทลายลง เธอลุกเข้าอย่างหนักและรุนแรงจนรุ่นพี่ของอีกฝั่งทำได้แค่เพียงตั้งรับเท่านั้น
  ส่วนรุ่นพี่เรกิซึ่งใช้เบลสเป็นปืนไรเฟิลนั้นก็กำลังสู้อยู่กับรุ่นพี่ที่ใช้เวทย์เมจิก รุ่นพี่ฝั่งชายกางแขนข้างขวาออกไปข้างหน้าและทันใดนั้นก็มีวงแหวนเวทย์รูปทรงเรขาคณิตปรากฏออกมา ประจุพลังเวทย์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ถูกยิงออกไปเป็นลำแสงสี่เส้นและทุกเส้นนั้นตรงเข้าหารุ่นพี่เรกิอย่างรวดเร็ว
  [ตู้มมมมมมมมมมมมมมมม!]
  ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นจนทำให้เกิดควันเต็มไปหมด ดูแล้วเป็นการโจมตีที่รุนแรงพอสมควรแต่ทันใดนั้นก็มีลำแสงเวทย์หนึ่งเส้นพุ่งขึ้นมาจากกลุ่มควันนั่น! เมื่อมันพุ่งขึ้นสูงในระดับหนึ่งมันก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นวงแหวนเวทย์รูปทรงเรขาคณิตลอยอยู่กลางอากาศก่อนที่จะมีลำแสงเวทย์นับสิบเส้นพุ่งกระจายออกมาจากวงแหวนซึ่งเป็นจุดศูนย์กลาง ทุกเส้นนั้นพุ่งตรงเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เขาจึงกางโล่เวทย์มนตร์รูปทรงเรขาคณิตเพื่อเตรียมรับการโจมตี ลำแสงเวทย์ทุกเส้นนั้นถูกรับการโจมตีไว้ได้ด้วยโล่เวทย์มนตร์ แต่ทว่าทันใดนั้นเองก็มีลำแสงเวทย์เส้นใหญ่เส้นหนึ่งพุ่งตรงออกมาจากกลุ่มควันนั่นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว และทำลายโล่เวทย์มนตร์จนแตกเป็นชิ้นๆ เมื่อควันเริ่มหายไปคนที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงกลางนั้นก็คือรุ่นพี่มากิแถมยังไรรอยขีดข่วนอีกตากหาก และดูเหมือนว่าอีกสองคู่ที่เหลือก็จบแล้วเช่นกัน อาจารย์จึงเป่านกหวีดหมดเวลา
        "กรี๊ดดดดดดดดด!"
  นักเรียนหญิงคนอื่นๆต่างพากันกรี๊ดลั่นไปทั่วยกเว้นกลุ่มของพวกฮารุมิที่ไม่ได้ทำเช่นนั้น
        "เก่งจริงๆเลยแฮะรุ่นพี่สาวทั้งสามคนน่ะ"
  ริสึพูดขึ้นมาด้วยความประทับใจ อากาเนะจึงพูดขึ้นมาว่า
        "ก็ไม่แปลกหนิ ทั้งสามคนเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนทั้งโรงเรียนเลยนะ และยังเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรงค์พิเศษด้วยล่ะ!"
        "แรงค์พิเศษงั้นเหรอ?"
        "หรือก็คือแรงค์เอสยังไงล่ะ เป็นระดับที่สูงที่สุดของโรงเรียนแห่งนี้เลยนะ!"
        "และพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนจัดอยู่อันดับที่เท่าไหล่เหรอ?"
        "รู้สึกว่าจะอันดับที่สี่ถึงหกน่ะนะ"
        "ส.... สี่ถึงหกเลยเหรอ!!!"
  รึสึตะโกนออกมาด้วยความตกใจ อากาเนะจึงพูดต่ออีกเล็กน้อยให้ริสึฟัง ส่วนฮารุมินั้นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เป็นผู้ฟังเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว และเมื่อฮารุมิหันไปมองพวกรุ่นพี่ที่อยู่ด้านล่าง
        "หือ?!"
  จู่ๆรุ่นพี่ฮินะก็เหลือบมาเห็นและยิ้มที่มุมปากตอบกลับมา ส่วนรุ่นพี่นานะก็โบกมือมาทางนี้เช่นกัน จึงทำให้นักเรียนหญิงคนอื่นๆที่อยู่ในทิศนั้นพากันกรี๊ดอย่างพร้อมเพียงกัน
        "กรี๊ดดดดดดดดด! รุ่นพี่ฮินะเท่จังเลย!"
        "รุ่นพี่นานะเขาโบกมือมาทางนี้ด้วยล่ะ!"
        "ถึงรุ่นพี่เรกิจะดูเงียบๆแต่ก็น่ารักเหมือนกันน้า!"
  นักเรียนคนอื่นๆต่างพากันดีใจเต็มไปหมด จนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งขอบสนามฝึกซ้อม และจากนั้นไม่นานเหล่าอาจารย์ก็พาเหล่านักเรียนปีหนึ่งทุกคนกลับห้องเรียนและโฮมรูมกันต่อจนถึงเวลาเลิกเรียน
 
 
                                                ********
 
 
  ตอนนี้ก็เวลาประมาณสี่โมงครึ่งกว่าๆแล้ว จึงทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ค่อยๆทยอยกลับบ้านกัน ฮารุมิจึงไม่รอช้าที่จะรีบกลับบ้านถึงแม้อากาเนะและริสึจะชวนไปคาราโอเกะก็ตามที
        "โทษทีนะ อากาเนะ ริสึ"
        "ไม่เป็นอะไรหรอกฮารุมิคุง เอาไว้คราวหน้าก็ได้"
        "ใช่ๆ มีเวลาอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่ต้องคิดมากหรอก"
  ระหว่างๆที่กำลังจะเดินออกจากโรงเรียนอยู่นั้น ฮารุมิก็ขอโทษอากาเนะและริสึที่ไม่สามารถไปคาราโอเกะด้วยกันได้ในวันนี้ เพราะจำเป็นที่จะต้องกลับบ้านด้วยเหตุผมส่วนตัว
        "ขอโทษจริงๆนะ!"
        "ก็บอกว่าไม่เป็นอะไรไง ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า"
  ถึงทั้งสองจะพูดอย่างนั้น แต่ฮารุมิก็ยังหนักใจอยู่ดี
        "งั้นพวกเราไปก่อนนะ ฮารุมิคุง!"
        "อ....อา"
  อากาเนะโบกมือลาและเดินข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่งพร้อมกับริสึ ซึ่งทางกลับบ้านของฮารุมินั้นอยู่อีกทางหนึ่งจะต้องแยกออกมาคนเดียว แต่ถ้าฮารุมิไปร้านคาราโอเกะกับทั้งสองคนคงได้เดินไปด้วยกันแน่นอน
  ฮารุมิใช้เวลาเดินจากโรงเรียนจนถึงบ้านก็ใช้เวลาอยู่หลายนาทีระยะทางก็ไกลพอสมควร ระหว่างทางก็แวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อวัตถุดิบทำอาหารเย็น ฮารุมิเดินต่ออีกซักพักก็มาถึงบ้านเสียที
บ้านของฮารุมินั้นเป็นแบบทั่วๆไปมีสองชั้นขนาดใหญ่พอให้ครอบครัวหนึ่งอยู่ได้อย่างพอดี
        "กลับมาแล้ว..."
  เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในบ้านก็พบกับความเงียบสงัด เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่นั่นเอง ฮารุมิจึงเดินเข้ามาภายในบ้านและถอดรองเท้าพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปยังห้องนั่งเล่นพร้อมกับเปิดไฟเพื่อความสว่าง และเดินเข้าไปที่ห้องครัวซึ่งติดอยู่กับห้องนั่งเล่นจากนั้นเขาก็เตรียมวัตถุดิบทำอาหารที่พึ่งซื้อมาวางไว้ในโต๊ะ
        "วันนี้ทำข้าวแกงกระหรี่ก็แล้วกัน"
  ใช่แล้ววัตถุดิบที่ซื้อมานั้นมีไว้สำหรับทำแกงกระหรี่สำหรับเย็นวันนี้โดยเฉพาะ เมื่อเตรียมของเสร็จแล้วฮารุมิก็เริ่มทำอาหารตามสูตรที่เคยทำมาหลายต่อหลายครั้งจนชำนาญ และเมื่อเวลาผ่านไปซักพักใหญ่ๆหม้อที่ต้มแกงกระหรี่ก็เริ่มส่งกลิ่นหอมจากเครื่องเทศออกมาเต็มห้องครัว
        "เอาล่ะคงได้ที่แล้วมั้ง"
  ฮารุมิที่นั่งรอจนแกงกระหรี่ได้ที่แล้วนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปปิดไฟที่เตาแก๊สเพื่อให้ความร้อนลดลง........ และในระหว่างนั้นเองก็มีคนแอบย่องเข้ามาข้างหลังฮารุมิอย่างช้าๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว และเมื่อเข้ามาใกล้พอแล้วนั้น!....
        "อะ!?"
  ก็เอามือทั้งสองข้างปิดตาฮารุมิเอาไว้ทำให้มองไม่เห็น จากนั้นก็พูดด้วยเสียงชวนหน้าสงสัยออกมาว่า....
        "เดาซิ! ว่าใครเอ่ย?........"
  ปกติแล้วพ่อและแม่ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้จึงตัดทิ้งไปได้เลย หรือว่าโจร.... ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี โจรบ้านไหนเค้ามาปิดตาเจ้าของบ้านและบอกว่า"เดาซิ! ว่าใครเอ่ย?........."หรอกน่า และเสียงยังดูสาวอยู่อีกตากหาก เสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนคนนี้นั้นดูออกง่ายมากสำหรับฮารุมิแถมยังทำอยู่เป็นประจำอีกดังนั้นต้องใช่แน่นอน และเมื่อฮารุมิทำจิตให้สงบได้แล้วนั้น เขาก็ถอนหายใจและพูดออกไปว่า
        "เฮ้อ! ไม่คิดจะเปลี่ยนวิธีบ้างเลยรึไง แบบนี้มันก็ง่ายไปน่ะสิ..... นานะ!"
"ถูกต้องแล้วจ้า!"
  เมื่อตอบถูกนานะจึงเอามือที่ปิดหน้าของฮารุมิออก และถอยออกไปสองถึงสามก้าว จึงทำให้เมื่อฮารุมิหันกลับมาก็เห็นใบหน้าของเธอและทรงผมทรงทวินเทลของเธอที่เข้ากับชุดนักเรียนที่ใส่อยู่ในตอนนี้
        "ให้ตายสิ! แล้วทำไมทั้งสองคนไม่หัดห้ามนานะกันบ้างล่ะ หรือบอกให้เปลี่ยนวิธีก็ยังดี"
  ด้านหลังของนานะนั้นยังมีคนอื่นอีกสองคนยืนอยู่และยังใส่เสื้อโรงเรียนเหมือนกับนานะ คนแรกนั้นปล่อยผมยาวลงมาจนถึงกลางหลัง ส่วนอีกคนไว้ผมสั้น และเมื่อได้ยินเสียงฮารุมิถาม ทั้งสองจึงตอบกลับมาว่า
        "ก็พยายามห้ามแล้วนะคะ แต่เธอไม่ยอมฟังเอง"
        "ห้ามไม่อยู่จริงๆค่ะ"
        "เฮ้อ.... ให้ตายสิทั้งสองคนก็เอากับเขาด้วยเหรอเนี้ย!"
  ฮารุมิถึงกลับถอนหายใจกับสิ่งที่สองคนนี้พูดออกมาจริงๆ
        "ฮินะกับมากิใจร้ายอะ โทษชั้นอยู่ฝ่ายเดียวเลย ทั้งๆที่ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยแท้ๆ!"
        "สรุปเป็นแผนหรอกเรอะ!"
        "ดูสินานะ เพราะเธอพูดแบบนั้น แผนแตกหมดกันพอดี!"
        "นานะไม่ได้เรื่องจริงๆ"
        "แล้วไหนเค้าผิดอีกแล้วง่าาาา แง____! หนูโดนแกล้งอีกแล้วอะมาสเตอร์!"
  ฮารุมิถึงกับกุมขมับทันทีและเหนื่อยใจกับความไร้สาระของทั้งสามคนจริงๆ ก่อนที่จะพูดต่อ
        "แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับบ้านมาช้าล่ะ ปกติจะกลับเร็วกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?"
  เมื่อเปลี่ยนเรื่องคุยฮินะก็ตอบคำถามนั้นแทนคนอื่นๆ
        "พอดีต้องช่วยงานอาจารย์น่ะค่ะ เลยกลับช้ากว่าปกติ"
        "งั้นหรอกเหรอ?"
        "ค่ะ ตามนั้นแหละค่ะ"
        "โอเค ถ้าฮินะพูดแบบนั้นล่ะก็....."
  ฮารุมิเหลือบไปเห็นหม้อแกงกระหรี่ที่ยังวางอยู่บนเตาร้อนๆและนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เขาจึงกลับไปถามสามสาวต่อ
        "ว่าแต่มีใครหิวแล้วมั้งล่ะ ตอนนี้อาหารเย็นก็เสร็จแล้วด้วยสิ"
        "อ่าว!? ทำไมมาสเตอร์ถึงทำล่ะ วันนี้เป็นเวรของฮินะไม่ใช่เหรอ?"
        "เอาเถอะน่า ถ้าเธอกลับบ้านช้าแบบนี้กว่าจะทำเสร็จก็มืดกันพอดี เอาไว้คราวหน้าละกันนะ"
        "ถ้ามาสเตอร์พูดแบบนั้นล่ะก็ หนูก็ไม่ขัดหรอกค่ะ"
        "หึๆ หึๆ กลิ่นนี้มันหรือว่า.... แกงกระหรี่งั้นเหรอมาสเตอร์!?"
  ดูเหมือนจะมีคนรู้แล้วแหะ นานะได้กลิ่นหอมจากเครื่องปรุงที่อยู่ในหม้อจึงทำให้รู้ว่ามันคืออะไร
        "ถูกต้องแล้ว! วันนี้เป็นข้าวแกงกระหรี่ที่พวกเธอชอบกันยังไงล่ะ"
        "เย้! ได้กินแกงกระหรี่ฝีมือมาสเตอร์ด้วยล่ะ ชอบสุดๆเลย!"
  นานะดีใจสุดขีดกับเมนูที่ชอบและรีบกระโดดกอดฮารุมิอย่างว่องไวจนทำให้เขาเกือบเสียหลักแต่ก็ยังดีที่ประคองตัวเอาไว้ได้ทัน
 
  หลังจากนั้นฮารุมิ ฮินะ นานะ และเรกิก็ช่วยกันจัดโต๊ะกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มกินอาหารเย็น และเมื่อข้าวคำแรกเข้าไปในปากของนานะ........
        "อื้อ! ข้าวแกงกระหรี่ฝีมือมาสเตอร์อร่อยที่สุดเลย!"
  ........เธอก็อารมณ์ดีสุดขีดและเคลิบเคลิ้มไปกับอาหารจานโปรดที่วางอยู่ตรงหน้า และในระหว่างที่กำลังกินกันอยู่นานะก็พูดขึ้นมาว่า
        "อ๋อ! ใช่ๆมาสเตอร์การสาธิตของพวกหนูเป็นยังไงบ้างล่ะ ชอบไหม!?"
        "ที่พวกอาจารย์พามาดูน่ะเหรอ?"
        "อื้อ! อื้อ!"
        "ก็ถือว่าไม่เลวนะเก่งขึ้นเยอะเลยแต่ว่านะนานะ เธอไม่ควรที่จะดับเครื่องชนและเข้าปะทะแบบนั้นนะมันอันตรายรู้ไหม ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรมันจะส่งผลร้ายแรงกับตัวเธอเองเลยนะ จำเอาไว้ด้วย!"
        "ค่าาาาา ขอโทษค่า"
        "ส่วนฮินะทำได้ดีมาก พยายามต่อไปนะ"
        "ขอบคุณที่ชมค่ะมาสเตอร์ หนูจะพยายามค่ะ"
        "สุดท้ายเรกิ ควรระวังเรื่องการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้ให้ดีล่ะ เพราะเธอชอบยืนเป็นเป้านิ่งให้อีกฝ่ายเป็นประจำ ควรแก้ไขเรื่องนี้ด้วยนะเข้าใจไหม?"
        "ค่ะมาสเตอร์"
        "และที่สำคัญที่สุด อย่าให้'ความลับ'ของพวกเธอหลุดออกมาเป็นอันขาดนะ เข้าใจไหม?"
        "รับทราบ/ค่ะ/ค่ะมาสเตอร์"
 
  ความลับนั้นคือไม่มีใครรู้ว่า รุ่นพี่ฮินะ รุ่นพี่นานะ และรุ่นพี่เรกิที่อยู่ปีสอง จะอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับฮารุมิที่อยู่ปีหนึ่ง และพวกเธอยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งโรงเรียนและอยู่ในระดับเอสอีกด้วย ถ้ามีใครรู้ว่าดาวของโรงเรียนเนบิวด้าทั้งสามคนอาศัยอยู่กับเด็กปีหนึ่งระดับเอฟอย่างฮารุมิกันเพียงสี่คนล่ะก็ได้เป็นเรื่องแน่ๆ จึงจำเป็นที่จะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แม้แต่อาจารย์ยังไม่มีใครทราบเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
  หลังจากที่กินข้าวเย็นและช่วยกันเก็บโต๊ะล้างจานแล้วนั้น ฮารุมิและสามสาวรวมสี่คน ก็นั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นและผลัดกันไปอาบน้ำจนเวลาล่วงเลยไปถึงกลางดึก ทั้งสี่คนจึงแยกย้ายกลับห้องของตัวเองซึ่งอยู่ชั้นสอง
        "เฮ้อ! จบไปอีกหนึ่งวันสินะ?"
  เมื่อฮารุมิล้มตัวลงนอนบนเตียง เขาก็พูดพึมพำอยู่ในห้องเพียงลำพังซึ่งเขามักจะทำเป็นประจำทุกคืน ฮารุมิมองดูไปที่มือของเขาและเพ่งสมาธิโดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเล็กน้อย
ทันใดนั้นบนหลังมือของฮารุมิก็มีลอยสักรูปวงแหวนเวทย์รูปทรงเรขาคณิตปรากฏขึ้นมา พร้อมกับที่แขนของเขาก็มีลอยสักรูปกำไลปรากฏขึ้นมาอีกสามอัน
        "ลอยสักแห่งพันธสัญญา"
  ลอยสักแห่งพันธสัญญา คือ สัญลักษณ์ของผู้ที่ได้ทำพันธสัญญากับใครหรืออะไรก็ตามและได้เป็นภูติรับใช้หรืออสูรรับใช้ หรือที่เรียกง่ายๆว่า'ชิคิกามิ'นั่นเอง ทว่าฮารุมิกลับมองมันด้วยสายตาที่เหม่อลอยแต่แอบแฝงไปด้วยจิตใจที่แน่วแน่ และมักคิดอยู่เสมอเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวใจว่า จะไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปในวันนั้นเด็ดขาด เพราะมันเป็นสิ่งที่ผลักดันเขาให้มีในวันนี้ได้
และเมื่อปล่อยจิตใจให้ว่างลง ลอยสักแห่งพันธสัญญาก็ค่อยๆหายไป
 
  [ก๊อก! ก๊อก!]
  จู่ๆก็มีเสียงคนมาเคาะที่หน้าประตูห้องของฮารุมิ โดยไม่ทันได้ฟังคำตอบจากเจ้าของห้องประตูก็ถูกเปิดออก
        "นี่พวกเธอมาทำอะไรเนี้ย!?"
  ที่หน้าประตูนั้น ฮินะ นานะและเรกิที่ใส่เพียงเสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียวต่างก็ยืนกอดหมอนเดินเข้ามาภายในห้องของฮารุมิอย่างพร้อมเพียงกันพร้อมกับปิดประตู และนานะก็พูดขึ้นว่า
        "คืนนี้พวกหนูขอนอนกับมาสเตอร์ได้ไหมคะ?"
        "ขอทราบเหตุผลหน่อยซิ?"
        "คือฮินะบ่นว่าอยากนอนกับมาสเตอร์...."
  นานะยังไม่ทันพูดจบประโยค ฮินะก็เข้ามาพูดขัดด้วยใบหน้าสีแดงก่ำอย่างเขินอาย
        "เดี๋ยวสินานะ ไหนบอกจะไม่พูดเรื่องนี้ให้มาสเตอร์ฟังไง!?"
        "ก็เธอเองไม่ใช่เหรอที่บ่นว่าอยากนอนกับมาสเตอร์ใจจะขาดน่ะ ใช่มะเรกิ"
        "อืม...."
        "เรกิก็ด้วยเหรอ! โถ่........."
        "และยังไม่พอนะในคาบเรียนยังพึมพำถึงมาสเตอร์ด้วยนะ!"
        "กรี๊ดดดดดดดด! หยุดเลยนะนานะห้ามพูดไปมากกว่านี้เลยนะ!"
  ฮินะรีบเข้าไปหานานะและเอามือปิดปากเอาไว้ไม่ให้พูดเรื่องอื่นหลุดออกมาอีกด้วยใบหน้าที่แดงจนไปถึงใบหูจากความเขินอาย
        "ให้ตายสิพวกเธอเนี่ยน้า"
  ฮารุมิถึงกับถอนหายใจกับทั้งสามคนนี้จริงๆ แต่เมื่อเขาสังเกตที่บนศีรษะของทั้งสามคนแล้วนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
        "อยู่ในร่างนั้นระวังจะเผลอใช้พลังเวทย์โดยไม่รู้ตัวนะทั้งสามคน"
  เมื่อได้ยินเสียงของฮารุมิ นานะและฮินะถึงได้รู้สึกตัว
        "จริงด้วยแฮะ ขอโทษนะมาสเตอร์"
        "หนูก็ขอโทษค่ะมาสเตอร์"
  สิ่งที่โพล่ออกมาจากศีรษะของทั้งสามคนนั้นคือหูของสุนัขนั่นเอง และไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ตรงบริเวณบั่นท้ายของพวกเธอทั้งสามคนก็มีหางโพล่ออกมาเช่นกัน
        "เวลาที่พวกเธอเผลอปล่อยตัวมันจะโพล่ออกมานะ ตอนอยู่ที่บ้านอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ที่โรงเรียนพยายามอย่าให้มันเกิดขึ้นนะเข้าใจไหม เพราะถ้าเกิดมีใครรู้ขึ้นมาว่า พวกเธอคือ 'เคลเบรอส' ล่ะก็เป็นเรื่องแน่ๆ"
        "ค่า/ค่า/ค่า"
  ถูกต้องแล้ว ความลับอีกข้อของฮารุมิคือ ความจริงแล้วฮินะ นานะและเรกิ จริงๆแล้วพวกเธอคือเคลเบรอสหรือที่เรียกกันง่ายๆว่าสุนัขสามหัวนั่นเอง โดยมีฮารุมิเป็นมาสเตอร์ของพวกเธอ
  ทั้งสี่คนทำพันธสัญญากันและอยู่ด้วยกันมานานมากแล้ว และด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทำให้เขาปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้ใครรู้ และแน่นอนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสี่คนนั้นเรียกได้ว่าขาดกันไม่ได้เลยจริงๆ
        "สรุปแล้ว มาสเตอร์จะให้พวกหนูนอนด้วยจะได้ไหมคะ?"
  ด้วยสายตาออดอ้อนเหมือนลูกสุนัขที่ส่งมาถึงฮารุมินั้น เป็นสิ่งที่เขาปฏิเสธไม่ลงจริงๆโดยเฉพาะกับสามคนนี้
        "อาๆ เข้าใจแล้ว! แต่แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นนะ"
  พอฮารุมิพูดจบ ทั้งสามคนก็ขึ้นมานอนบนเตียงของฮารุมิ โดยที่นานะและเรกินอนอยู่ฝั่งซ้ายส่วนฮินะนอนอยู่ฝั่งขวาโดยมีฮารุมินอนอยู่ตรงกลาง เป็นสิ่งที่เขาชินมานานแล้วเวลาที่พวกเธอขอนอนด้วยจึงไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนักแถมเตียงก็มีขนาดใหญ่พอ เมื่อฮารุมิเตรียมที่จะนอนเขาก็ปิดไฟจนภายในห้องมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรและพยายามนอนหลับเหมือนทุกๆครั้ง แต่ทว่าคงเป็นไปได้ยากเพราะสามสาวจากทั้งสองฝั่งจู่ๆก็พร้อมใจกับลุมเข้ามากอดฮารุมิจนทำให้เขานอนลำบากมากกว่าเดิม
        "เฮ้อ! ให้ชั้นได้พักบ้างเถอะ........"
 
 
 
  「To be continued」

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา